การวิจัยเชิงปฏิบัติการ - คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

Download Report

Transcript การวิจัยเชิงปฏิบัติการ - คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

การปฏิรป
ู การเรียนรู ้
การวิจ ัยเพือ
่ การเรียนรู ้
รองศาสตราจารย์ ดร. บุบผา อนันต์ สุชาติกลุ
คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
การประชุ มสั มมนาเรื่อง
“การปฏิรูปการเรียนรู้ การวิจัยเพือ่ การเรียนรู้ ”
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
13 ธันวาคม 2550
มองเยาวชนไทย... ผลผลิตทางการ
ึ ษาในปัจจุบ ัน
ศก
อนาคต?
ั
ผลสมฤทธิ
์
ทางการเรียน
ตกตา
่
มว่ ั สุม ดมกาว
เทีย
่ วกลางคืน
ทาแต้ม-ขายต ัว
เด็กไทย
อ่านไม่ออก
คิดไม่เป็น
ติดเกม
ั
ติดโทรศพท์
ติดเพือ
่ น
กระบวนการเป็นเด็กเร่รอ
่ นพ ันธุใ์ หม่
รร.บอกน ักเรียนว่า หาก
เรียนไม่ด ี จะไม่ให้เรียนต่อ
ั้
ชนม.4
ครูให้นร.แก้
“ร” โดยค ัด
ข้อสอบ
่
มาสง
เด็กชายแฟรงค์
ไม่เข้าเรียนทุกวิชา
นอกจากวิชาพละ
กฎกระทรวงห้าม
ไม่ให้เด็กสอบตก
ครูจะทาอย่างไร
ดี
พนันบอล
่ ารแข่งข ัน
หนทางสูก
ก ับโลกนอกห้องเรียน
 ไม่รว
่ มกระบวนการผลิต
’เด็กเร่รอ
่ นพ ันธุใ์ หม่’
 ไม่ทงิ้ ผูเ้ รียนอ่อนไว้หล ังห้อง
ปฏิรป
ู ตนเอง
่ ค
สูบ
ุ คลเรียนรู ้
ปฏิรป
ู วิธค
ี ด
ิ
“การพ ัฒนา” คน
ทบทวน
‘วาทกรรมการ
พ ัฒนา’
ปฏิรป
ู การ
ปฏิบ ัติงาน
วาทกรรม
‘การพ ัฒนา’
ปฏิรป
ู การสอน
เดิม
ใหม่ (เน้นความยง่ ั ยืน)
การให้
พ ัฒนาการเรียนรู ้ (รูว้ ธิ กี ารเรียนรู)้
(สงเคราะห์)
Learning to learn
- ให้ปลา
- ให้เงินขอทาน
- ให้ความรู ้
ปัญญา
- ให้เรียนรูว้ ธ
ิ ต
ี กปลา
ี
- ฝึ กอาชพ
- ให้เรียนรูว้ ธ
ิ ก
ี ารเรียนรู ้
ี
กระบวนท ัศน์ในวิชาชพ
กระบวนท ัศน์เดิม
ึ ษาไทย
การจ ัดศก
ี่ วชาญการให้ความรู ้
ครู=เชย
ั
ึ ซบ-ร
น ักเรียน=ซม
ับความรู ้
การร ักษาพยาบาล
แพทย์-พยาบาล=
ี่ วชาญการดูแลร ักษา
ผูเ้ ชย
ั
ผูป
้ ่ วย=ผูไ้ ร้ศกยภาพในการร
ักษา
กระบวนท ัศน์ใหม่
ครู=อานวย/จ ัดประสบการณ์
การเรียนรู ้
ั
น ักเรียน=มีศกยภาพในการเรี
ยนรู ้
ด้วยตนเอง
แพทย์-พยาบาล=
ี่ วชาญการสง
่ เสริม+ดูแลร ักษา
ผูเ้ ชย
ั
ผูป
้ ่ วย=มีศกยภาพในการดู
แลร ักษา
ตนเอง
ี
กระบวนท ัศน์ในวิชาชพ
กระบวนท ัศน์เดิม
การบริหารจ ัดการ
การบริหาร = แนวดิง่
(คิด-ทาผูเ้ ดียว)
ิ ใจ+สง่ ั การ
ผูบ
้ ริหาร = ต ัดสน
บุคลากร
่ เสริมวิชาการ
ฝ่ายสง
=
ปฏิบ ัติตามคาสง่ ั
ไม่คอ
่ ยเรียนรูง้ านทีป
่ ฏิบ ัติ
การพ ัฒนางานตา
่
กระบวนท ัศน์ใหม่
การบริหาร = แนวราบ
่ เสริมการมีสว
่ นร่วม)
(สง
้ /คุณอานวย
ผูบ
้ ริหาร = คุณเอือ
ั
ระบบทีพ
่ ัฒนาศกยภาพผู
ป
้ ฏิบ ัติงาน
่ งค์กรแห่งการเรียนรู ้
+พ ัฒนาสูอ
บุคลากร
่ เสริมวิชาการ
ฝ่ายสง
=
ร่วมเรียนรู+
้ พ ัฒนางาน
ทีป
่ ฏิบ ัติ
การวิจ ัย
่ ยในการ
จะเข้ามาชว
พ ัฒนาการจ ัดการเรียนการสอน
และการปฏิบ ัติงานได้อย่างไร ?
 ...โปรดพิจารณาองค์ประกอบของ
การพ ัฒนาคุณภาพผูเ้ รียนก่อน ...
แล้วจะทราบว่าท่านจะต้องวิจ ัย
อะไรบ้างและวิจ ัยแบบใด
วิธส
ี อน
ผูส
้ อน/ก ัลยาณมิตร
ื่
สอ
คุณภาพผูเ้ รียน
โรงเรียน
บรรยากาศ
การเรียนรู ้
ความแตกต่ างของAction R. จากการวิจัยกระแสหลัก
เชงิ ปฏิบ ัติการ เชงิ ปริมาณ
กระบวน
ท ัศน์
วิธก
ี าร
Critical
Theory
Cycle
Positivism
ปฏิฐานนิยม
เชงิ คุณภาพ
Phenomenology
ปรากฏการณ์นย
ิ ม
Linear
Flexible
ผูว้ จ
ิ ัย
ผูป
้ ฏิบ ัติงาน
ไม่เป็น
ผูป
้ ฏิบ ัติงาน
ไม่เป็น
ผูป
้ ฏิบ ัติงาน
สงิ่ ทีว่ จ
ิ ัย
การปฏิบ ัติงาน
ของตนเอง
นอกต ัว
นอกต ัว
ผล
เรียนรู/
้
ปร ับปรุงงาน
ด้วยตนเอง
เข้าใจ/เรียนรู ้
งานนอกต ัว
เข้าใจ/เรียนรู ้
งานนอกต ัว
การวิจ ัยเชงิ ปฏิบ ัติการ
เพือ
่ พ ัฒนาการเรียนการสอน
คาทีม
่ ค
ี วามหมายตรงก ัน
การวิจ ัยเพือ
่ ปร ับปรุงการ
ปฏิบ ัติงาน
 การวิจ ัยเพือ
่ สร้างว ัฒนธรรมการ
เรียนรู ้
ั้
 การวิจ ัยเชงิ ปฏิบ ัติการในชน
เรียน
เป้าหมาย
- ปฏิรป
ู วิธจ
ี ัดการเรียนการสอน บนฐาน
การวิจ ัย
้ ฐานของ Action R.
หล ักการพืน
(แนวคิด Critical theory)
1. ปัญหาจะถูกแก้ได้อย่างแท้จริงและ
ยง่ ั ยืน หากเจ้าของปัญหาเป็นผูล
้ งมือ
ึ ษา และแก้ไขด้วยตนเอง
ศก
2. การวิจ ัยการปฏิบ ัติงานของตนเอง
ั
เป็นกระบวนการพ ัฒนาศกยภาพการ
เรียนรูข
้ องผูป
้ ฏิบ ัติงาน
3.
ผูป
้ ฏิบ ัติงานทีเ่ รียนรูง้ านทีต
่ นเองปฏิบ ัติจะ
สามารถตรวจสอบปร ับปรุงแก้ไขการ
ปฏิบ ัติงานของตนเองได้อย่างต่อเนือ
่ ง (โดย
ี่ วชาญเป็น
ไม่ตอ
้ งมีใครมาบอก) จนเชย
ี ”
“น ักปฏิบ ัติมอ
ื อาชพ
4.
การปฏิบ ัติงานทีไ่ ด้ร ับการทบทวนตรวจสอบ
และปร ับปรุงอย่างต่อเนือ
่ ง (Praxis) นามา
ซงึ่ ผลงานทีม
่ ค
ี ณ
ุ ภาพ
5. ผลงานทีม
่ ค
ี ณ
ุ ภาพเป็นเลิศมาจากการเรียนรู ้
และแก้ไขปัญหาร่วมก ันในการปฏิบ ัติงาน
ของคนในองค์กร
ล ักษณะของการวิจ ัยเชงิ ปฏิบ ัติการ
•
•
•
ผูป
้ ฏิบ ัติงานคือผูว้ จ
ิ ัย = ผูว้ จ
ิ ัยคือ
ผูป
้ ฏิบ ัติงาน
่ าร
สงิ่ ทีว่ จ
ิ ัยคือ งานทีท
่ า
นาไปสูก
้ึ
ปร ับปรุงคุณภาพการปฏิบ ัติงานให้ดข
ี น
้ ต่อการเรียนรูใ้ นงาน
กระบวนการวิจ ัยเอือ
ทีต
่ นเองปฏิบ ัติ
เรียนรูว้ า
่ ปฏิบ ัติ
อย่างไรได้/ไม่ได้ผล เพราะอะไร ควรทา
อะไรต่อไป
วิธด
ี าเนินการวิจ ัยเชงิ ปฏิบ ัติการ


การดาเนินงานแบ่งเป็น 4 ขนตอน
ั้
:
P = วางแผน (Plan)
A = ปฏิบ ัติการ (Act)
ั
O = สงเกต/รวบรวมข้
อมูล (Observe)
R = ทบทวนถอดบทเรียน (Reflect)
4 ขนตอนมี
ั้
ล ักษณะต่อเนือ
่ ง
เป็นวงจร จุดเริม
่ ไม่ตายต ัว
ขนตอนการวิ
ั้
จ ัยของ AR
P
R
A
O
P
R
A
O
กระบวนการเรียนรู ้
ขนตอนการด
ั้
าเนินการวิจ ัย
ั
ั้ ยน/การ
1. สงเกตปรากฏการณ์
ในชนเรี
ปฏิบ ัติงานของตน
2. วิเคราะห์ปรากฏการณ์ทเี่ ป็นปัญหา
ื่ มโยงทีม
ค้นหาสงิ่ เชอ
่ า/เหตุแห่งปัญหา
3. วางแผนแก้ปญ
ั หา...หาวิธท
ี เี่ หมาะสม
4. ดาเนินการแก้ปญ
ั หา
ั
5. สงเกตปฏิ
กริ ย
ิ า + การเปลีย
่ นแปลง
6. วางแผนแก้ปญ
ั หาต่อหากไม่ได้ผล
7. ดาเนินการต่อเนือ
่ ง
การรวบรวมข้อมูล
1. Process
ั
– สงเกต+พู
ดคุย
- การสอน (ผูส
้ อน)
- การเรียน (ผูเ้ รียน)
Journal, Diary
Participant Observation
Indirect Observation
Informal Interview
2. Outcomes
- ว ัดการเปลีย
่ นแปลง
- เชงิ คุณภาพ
ผูส
้ อน
- เชงิ ปริมาณ + เชงิ คุณภาพ
ผูเ้ รียน
ข้อมูลในการวิจ ัยเชงิ ปฏิบ ัติการ

ผูส
้ อน
- วิธก
ี ารจ ัดประสบการณ์การเรียนรู ้
ั ันธ์ระหว่างผูส
- ความสมพ
้ อนและผูเ้ รียน

ผูเ้ รียน
พฤติกรรมผูเ้ รียน
-ความสนใจ-ท ัศนคติ
่ นร่วมในกิจกรรมการเรียน
-การมีสว
-คุณล ักษณะอืน
่ ๆ ตามมาตรฐานคุณภาพ
ผูเ้ รียน
ั
 ผลสมฤทธิ
ท
์ างการเรียน การคิด
การทาบ ันทึกการปฏิบ ัติงาน/
บ ันทึกหล ังสอน (Journal)
 บ ันทึกรายละเอียดของเหตุการณ์
ทีเ่ กีย
่ วข้องก ับการปฏิบ ัติงาน
 เป็นเครือ
่ งมือสะท้อนวิธก
ี ารทางาน
ื เนือ
ของตนเอง+ผลสบ
่ ง
 ได้ทงรายละเอี
ั้
ยด (หนอน)
และภาพรวม (นก)
-
จะบ ันทึกอะไรบ้าง... 4 ประเด็น
จาก ’วงจรการเรียนรู’้ ของKolb
้
1. มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึน
2. ใครพูดหรือทาอะไร
ื เนือ
3. เกิดเหตุการณ์สบ
่ งตามมาอย่างไร
ึ -คิดอย่างไร
4. ผูส
้ อน/ผูป
้ ฏิบ ัติงานรูส
้ ก
่ นน
ทีพ
่ ด
ู หรือทาลงไปเชน
ั้
รูปร่างบ ันทึก...
้
1. มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึน
2.สใครพู
หรืกอเหตุ
ทาอะไร
่ นบ ด
ว
ันทึ
การณ์
่ นการ
สว
ื เนือ
3. เกิดเหตุการณ์สบ
่ งตามมาอย่างไร
อย่างเป็นรูปธรรม
วิเคราะห์
ึ -คิดอย่างไร
4. ผูส
้ อน/ผูป
้ ฏิบ ัติงานรูส
้ ก
่ ทวามรู
ึ ส
่ น
ใสอค
ส
้ ก
ว
นต
ัว)
่ น
ที(พ
่ ไม่
ด
ู หรื
าลงไปเช
น
ั้
-
(ถอดรห ัส)
วิธวี เิ คราะห์ขอ
้ มูล


Reflection – ทบทวนถอดสงิ่ เรียนรู ้
= ย้อนดูการทางานของ ‘ต ัวเก่า’
จาก - บ ันทึกการปฏิบ ัติงาน
ิ้ งาน/ผลงาน
- ชน
- ความพึงพอใจของผูเ้ รียน/
ผูร้ ับบริการ
สถิต ิ (สาหร ับข้อมูลเชงิ ปริมาณ)
การทบทวนถอดสงิ่ เรียนรูใ้ นงานที่
ปฏิบ ัติอย่างต่อเนือ
่ ง
เป็นกระบวนการพ ัฒนา
ั
ศกยภาพการปฏิ
บ ัติงานของ
ผูป
้ ฏิบ ัติงาน
้ งต้นของการ
เป็นรากฐานเบือ
สร้างว ัฒนธรรมการเรียนรู ้
ของผูป
้ ฏิบ ัติงาน (learning
practitioners) ในหน่วยงานต่าง ๆ
3 รูปแบบ... การทบทวนถอด
สงิ่ เรียนรูข
้ อง Schön



Reflection in action
ทบทวนระหว่างสอน
Reflection on action
ทบทวนหล ังสอน
Reflection for action
ทบทวนเพือ
่ ครงต่
ั้ อไป
วิธก
ี ารถอด(รห ัส)สงิ่ เรียนรู ้
(Reflection on action)
ปร ับจาก
Kolb’s learning cycle
Kolb (1984), (Coghlan and. D. and Brannick, T. 2001.
Doing Action Research: in your own organization.
London: SAGE Publications. P. 39 - 40)
วงจรการเรียนรูจ
้ ากประสบการณ์
(ถอดสงิ่ เรียนรูจ
้ ากบ ันทึกหล ังสอน)
1. ทบทวนถอดสงิ่ เรียนรูเ้ ป็นรห ัส (concept)
ให้พจ
ิ ารณาเหตุการณ์ทบ
ี่ ันทึกด้วยคาถามด ังนี้
้
- มีเหตุการณ์อะไรทีเ่ กีย
่ วก ับงานทีป
่ ฏิบ ัติเกิดขึน
ิ ใจอย่างไรในเหตุการณ์ท ี่
- เรามีปฏิกริ ย
ิ า/ต ัดสน
้
เกิดขึน
- เหตุการณ์ด ังกล่าวเกิดบ่อยเพียงไร
- เราพอใจต่อสงิ่ ทีไ่ ด้กระทาลงไปหรือไม่
- มีท ัศนะต่อการทาพฤติกรรมของเราอย่างไร
ิ ใจกระทาลงไป
- อะไรเป็นสาเหตุให้เราต ัดสน
่ นน
เชน
ั้

2. สร้างข้อสรุปเชงิ หล ักการในล ักษณะ
ความคิดรวบยอด (Conceptualization)
- นารห ัสทีถ
่ อดได้มาพิจารณา
่ื มโยงสาระจากรห ัส
- เชอ
- มองหาแบบแผนของการปฏิบ ัติงานที่
ได้/ไม่ได้ผล จะสามารถทาเป็นข้อสรุป
เชงิ หล ักการทว่ ั ไป/ หรือข้อสรุปที่
สามารถนาไปอ้างอิงในวงกว้างได้ /
หรือมีสมมุตฐ
ิ านอย่างไรบ้าง
3.
ทดลอง
- นำข้อสรุปทัวไปที
่
่ได้ไปลองใช้ใน
สถำนกำรณ์ที่คล้ำยคลึงในครัง้ ต่อไป
เพื่อหำข้อยืนยันผลสรุปที่ได้
ื่ มโยงสงิ่ เรียนรูเ้ ก่าและใหม่
4. เชอ
5. สร้างข้อสรุปรวม
ั
ความสบสนระหว่
าง Action R vs. Exp. R
วิจ ัยเชงิ ปฏิบ ัติการ
วิจ ัยเชงิ ทดลอง
1. วิจยั สิ่ งนอกตัว
1. วิจยั สิ่ งที่ตนเองปฏิบัติ
2. ขั้นตอนการวิจย
ั มีลาดับ
2. ขั้นตอนการวิจยั เป็ นวงจร
ก่ อนหลัง
- วางแผน – ปฏิบัตกิ าร – สั งเกต
– ทบทวนถอดบทเรียน –
– ปัญหา – สมมติฐาน – ทดลอง
วางแผน – ปฏิบัติการ – สั งเกต
– รวบรวมข้ อมูล – วิเคราะห์
...
ข้ อมูล – สรุปผล
3. เน้ นการเรียนรู้ กระบวนการที่
3. เน้ นผลลัพธ์ จากการปฏิบัติ
ปฏิบัติ (process based)
(outcome based)
ั
ความสบสนระหว่
าง Action R vs. Exp. R
วิจ ัยเชงิ ปฏิบ ัติการ
การวิจ ัยเชงิ ทดลอง
4. เน้นความเป็น
4. เน้นการเรียนรูแ
้ ละ
มาตรฐานของวิธก
ี าร
พ ัฒนาการปฏิบ ัติงาน
วิจ ัย (พึง่ วิธก
ี ารนอก
ระหว่างการวิจ ัยอย่าง
่ ผูเ้ ชย
ี่ วชาญ)
ต ัวเชน
ต่อเนือ
่ งโดยต ัว
น ักวิจ ัยเอง
5. ไม่สนใจการอ้างอิง 5. เน้นการอ้างอิงจาก
ผลไปย ังกลุม
่ อืน
่ ที่
ต ัวอย่างไปย ัง
ใหญ่กว่า
ประชากร
วิจ ัยเชงิ ปฏิบ ัติการ
การวิจ ัยเชงิ ทดลอง
่ าร
6. กระบวนการนาไปสูก
ปฏิรป
ู ผูป
้ ฏิบ ัติงานน ักวิจ ัย
่ ารประยุกต์ใช ้
6. นาไปสูก
มากกว่าการพ ัฒนาต ัว
ผูป
้ ฏิบ ัติงาน
7. เป็นการสร้างความรูจ
้ าก
การปฏิบ ัติ -ไม่เน้นสถิต ิ
-ใชว้ ธ
ิ บ
ี รรยายรายละเอียด
การดาเนินงาน + ผลที่
ปรากฏ
7. เป็นการทดสอบผลของ
ต ัวแปรทีค
่ าดเดา
้ ถิต ิ
คาตอบ -ใชส
วิเคราะห์ขอ
้ มูล
8. จบแบบไม่จบ
8. จบแบบจบ