โครงงานการนำเสนอเรื่องโคนม

Download Report

Transcript โครงงานการนำเสนอเรื่องโคนม

เรื่ อง การเลี้ยงโคนม
บทที่ 1
บทนำ
ทีม่ ำและควำมสำคัญของโครงงำน
ในการทาฟาร์มโคนมตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงเป็ นการศึกษา
เกี่ยวกับโคนมในพื้นที่บา้ นนาดิน-ดา อาเภอเมืองเลย จังหวัดเลยโดยไป
สารวจการเลี้ยงโคนมว่ามีวิธีการเลี้ยงอย่างให้ได้น้ านมดิบที่ดีและมี
รายได้ที่พอเหมาะกับการใช้จ่ายในชีวิตประจาวันของชาวบ้านที่เลี้ยงโค
นมพวกเราได้ทาการศึกษาอย่างจริ งจัง คนไทยส่ วนใหญ่ยดึ ถือและ
ปฏิบตั ิการเลี้ยงโคแบบดั้งเดิมตามประเพณี วฒั นธรรมที่มาตั้งแต่เดิมจะ
เห็นว่าคนไทยหรื อคนที่เลี้ยงโคมีการทาพิธีกรรมต่างๆที่เกี่ยวกับการทา
นา เช่น พิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญวันพืชมงคล การเลี้ยงโคนมมี
ความสาคัญกับผูค้ นเป็ นอย่างมาก โดยเฉพาะคนรุ่ นใหม่ที่จะมาศึกษาทา
ความรู ้จกั คุน้ เคยกับการเลี้ยงโคนม การทาฟาร์มโคนมจึงควรค่าที่จะ
อนุรักษ์ไว้จากเหตุผลดังกล่าว ผูศ้ ึกษาจึงสนใจที่จะนาเรื่ องนี้มาศึกษา
อย่างจริ งจัง
การเลี้ยงโคนมแม้มีรายจ่ายค่อนข้างสูงแต่ผลตอบแทนจากการเลี้ยงโคนมจะสูงกว่า
การทานาทาไร่ หลายเท่า จึงเป็ นการสร้างรายได้ที่ดีของเกษตรกร ทั้งที่มีอาชีพเลี้ยงโคนม
โดยตรง และที่เป็ นอาชีพเสริ ม นับว่ามีส่วนช่วยในการสร้างงานในชนบทของชาติ และ
ช่วยลดการสูญเสี ยเงินตราให้แก่ต่างประเทศจากการนาเข้าผลิตภัณฑ์นมชนิด
ต่างๆ ประกอบกับประเทศไทยก็มีภูมิประเทศที่เหมาะสมกับการเลี้ยงปศุสตั ว์ เนื่องจาก
อุดมสมบูรณ์ดว้ ยอาหารสัตว์ เช่น ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ ผลิตผลพืชไร่ (ข้าวโพด มันสาปะหลัง
ฯลฯ)
วัสดุเหลือใช้จากโรงงานอุตสาหกรรมทางการเกษตร (เปลือกข้าว ราข้าว เปลือก
สับปะรด ยอดอ้อยกากน้ าตาล ฯลฯ) ซึ่งมีราคาถูก และสามารถเลือกใช้ทดแทนกันได้
หากสิ่ งหนึ่งสิ่ งใดมีราคาเพิ่มขึ้น ส่ วนมูลโคก็มีประโยชน์ต่อการพัฒนาที่ดินของเกษตรกร
และอาจนามาใช้ทาแก๊สชีวภาพสาหรับใช้ในครอบครัวได้อีกด้วย การเลี้ยงโคนมจึงเป็ น
การใช้ทรัพยากรที่มีอยูใ่ ห้เกิดประโยชน์สูงสุ ด โดยพยายามสร้างมูลค่าเพิ่มของผลิตผลที่
ผลิตได้ เช่น แทนที่จะผลิตมันสาปะหลังเพื่อส่ งออกสาหรับการเลี้ยงปศุสัตว์ใน
ต่างประเทศก็นามาใช้ในการเลี้ยงสัตว์ภายในประเทศเพื่อส่ งออกเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์
จากสัตว์ซ่ ึงมีมูลค่าสูงกว่า เป็ นต้น นอกจากนี้ทางรัฐบาลก็ได้ให้การส่ งเสริ มทางด้าน
สิ นเชื่อการเกษตร การปรับปรุ งพันธุ์สัตว์โดยการผสมเทียม การบริ การสัตว์แพทย์ และ
เกษตรกรสามารถขายน้ านมดิบได้ในราคาประกันที่เป็ นธรรม
ฟาร์ มโคนมทาประโยชน์ต่อประชาชนบ้านนาดินดา เพราะชาวบ้าน นา
รายได้จากการขายน้ านมดิบไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุ ดและอีกอย่างเราควรจะ
อนุรักษ์การเลี้ยงโคนมไว้ให้คนรุ่ นใหม่ไว้ให้ศึกษาได้ดูในภายภาคหน้าเพื่อที่จะให้
โคนมอยูก่ บั เราไปยาวนานไม่หายไปจากประเทศไทย
วัตถุประสงค์ ของกำรจัดสร้ ำงโครงงำน
1.เพื่ออนุรักษ์โคนมให้สืบต่อไปจนถึงรุ่ นลูกรุ่ นหลาน
2.เพื่อให้มีความความรู ้จากการศึกษาเรื่ องการทาฟาร์มโคนมตามหลักเศรษฐกิจ
พอเพียงและนาประสบการณ์ที่ได้จากการศึกษาดูงานลงพื้นที่สารวจโคนมจริ งๆ
ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุ ด
3.เพื่อที่จะสามารถนาความรู ้ที่ได้ไปพัฒนาการทาฟาร์ มโคนมให้มีประสิ ทธิภาพ
มากขึ้น
4.ขอบเขตของการจัดสร้างโครงงาน
ขอบเขตของกำรจัดสร้ ำงโครงงำน
การศึกษาครั้งนี้ ผูศ้ ึกษาได้ทาการศึกษา ดังต่อไปนี้ ศึกษาการทาฟาร์มโคนมตาม
หลักเศรษฐกิจพอเพียงในบ้านนาดินดา ตาบลนาดินดา อาเภอเมืองเลยจังหวัดเลย
บทที2่
ทฤษฎีทเี่ กีย่ วข้ องกับกำรจัดสร้ ำงโครงงำน
การศึกษาค้นคว้า เรื่ อง การทาฟาร์มโคนมตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ของนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษา
ปี ที่ 4โรงเรี ยนเลยอนุกลู วิทยา ผูศ้ ึกษาได้คน้ คว้าศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1.กำรเริ่มต้ นเลีย้ งโคนม
2.หลักกำรเลือกซื้อโคนม
3.พันธุ์โคนม
4.กำรเลีย้ งดูลูกโค
5.กำรคลอดลูก
6.กำรเลีย้ งและดูแลโคนม
7.กำรรีดนม
8.กำรป้ องกันโรคในโคนม
9.อำหำรและกำรให้ อำหำร
10.โรงรีดนม
11.นมดิบ
12.กำรขำยนำ้ นมดิบในบ้ ำนทรัพย์ มงคลจำกกำร
ไปสำรวจ
1.กำรเริ่มต้ นเลีย้ งโคนม
สิ่ งที่ตอ้ งคานึงถึงก็คือ ทุน สถานที่ ตลาด และปั จจัยอื่น ๆ ซึ่ งเป็ นส่วนประกอบในที่น้ ีจะ
กล่าวเน้นเฉพาะทุนดาเนินการซึ่ งทุนดังกล่าวอาจแบ่งแยกออกได้เป็ น 5.รายการคือ 1.ทุนสาหรับ
ซื้ อโค 2.ทุนสาหรับสร้างโรงเรื อนหรื อคอกสัตว์ 3.ทุนสาหรับการเตรี ยมแปลงหญ้า4.ทุนสาหรับ
การหาแหล่งน้ าหรื อการชลประทาน 5.ทุนสาหรับรับรองจ่าย เช่นค่าอาหาร หรื อ ค่าแรงงานต่างๆ
เป็ นต้นการเริ่ มต้นเลี้ยงโคนมอาจเริ่ มต้นได้หลายวิธี ซึ่ งแล้วแต่ความเหมาะสมและความพร้อมของ
แต่ละบุคคลในการเริ่ ม ต้นที่จะเลี้ยงซึ่ งอาจพอแนะนาพอเป็ นสังเขปได้ เช่น
1.เริ่ มต้นโดยการหาหรื อเลือกซื้ อแม่โคพันธุ์พ้นื เมืองหรื อแม่ที่มีสายเลือดโคเนื้อที่มีลกั ษณะดีไม่
เป็ นโรคติดต่อมา เลี้ยง แล้วใช้วิธีผสมเทียมกับสายเลือดโคพันธุ์นมของยุโรปพันธุ์ใดพันธุ์หนึ่ง
เมื่อได้ลูกผสมตัวเมียก็จะมีเลือดโคนม 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่ งเมื่อเลี้ยงต่อไปอีกประมาณ30-36เดือนก็
จะให้ลูกตัวแรกแม่โคตัวนี้กจ็ ะเริ่ มรี ดนมได้
2.เริ่ มต้นโดยหาซื้ อลูกโคนมพันธุ์ผสมเพศเมียมาเลี้ยงโดยอาศัยนมเทียมหรื อหางนมผงละลายน้ า
ให้กินในปริ มาณ จากัดพร้อมทั้งให้อาหารข้นและหญ้าแก่ลูกโคจนกระทัง่ หย่านม - อายุผสมพันธุ์
- ท้อง - คลอดลูกและเริ่ มรี ดนมได้
3.เริ่ มต้นโดยการจัดซื้ อโคนมอายุเมื่อหย่านม,โครุ่ น,โคสาวหรื อโคสาวที่เริ่ มตั้งท้องหรื อแม่โคที่
เคยให้นมมาแล้ว จากฟาร์มใดฟาร์มหนึ่งมาเลี้ยง วิธีน้ ีใช้ทุนค่อนข้างสู งแต่ให้ผลตอบแทนเร็ ว
2.หลักกำรซื้อโคนม
ไม่วา่ จะเป็ นเกษตรกรจะเริ่ มต้นเลี้ยงโคนมด้วยวิธีใดก็ตามควรจะมีหลักในการพิจารณา
เลือกซื้ อโคนมบ้าง เพื่อให้ได้สตั ว์ ที่มีคุณภาพดี ซึ่ งหลักในการพิจารณาเลือกซื้ อโคนม
ดังกล่าวมีอยูห่ ลายประการอาจกล่าวแนะนาพอสังเขปได้ดงั นี้ คือ
1.ไม่วา่ จะเลือกซื้ อโคขนาดใดก็ตามต้องสอบถามประวัติ ซึ่ งหมายถึง สายพันธุ์และความ
เป็ นมาอย่างน้อยพอสังเขป
2.ถ้าเป็ นโครี ดนมควรจะเป็ นแม่โคที่ให้ลูกตัวที่ 1 ถึง ตัวที่ 4
3.ถ้าเป็ นแม่โคที่รีดนมมาหลายเดือนควรจะตั้งท้องด้วย
4.ถ้าเป็ นโคสาวหรื อแม่โคนมแห้งก็ควรจะเป็ นแม่โคที่ต้ งั ท้องด้วยเพื่อเป็ นการย่น
ระยะเวลาจะได้รีดนมเร็ วขึ้น
5.ควรเป็ นโคที่มีประวัติการให้นมดีพอใช้และต้องปลอดจากโรคแท้งติดต่อและโรควัณ
โรค
3.พันธุ์โคนม
โคนมแบ่ งออกเป็ น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
1.พันธุ์โคนมที่มีถิ่นกาเนิดในแถบร้อน เช่น พันธุ์เรดซินดี้, ซาฮิวาลเป็ นต้น จะสังเกตได้ง่าย
คือ โคนมพวกนี้ จะมีโหนกหลังใหญ่และทนร้อนได้ดีแต่ให้นมได้ไม่มากนัก
2.พันธุ์โคนมที่มีถิ่นกาเนิดในเขตหนาว หรื อเรี ยกโคยุโรป มีอยูด่ ว้ ยกันหลายพันธุ์ซ่ ึงโค
ยุโรปนี้สงั เกตได้ ง่ายคือไม่มีโหนกที่หลัง คือจะเห็นแนวสันหลังตรง มักไม่ค่อยทนต่อ
อากาศร้อน
พันธุ์โคที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทย
1.โคนมพันธุ์ทเี อ็มแซด (TMZ)
เป็ นโคนมพันธุ์ผสมที่เกิดขึ้นจากการผสมพันธุ์ระหว่างพ่อพันธุ์โฮลสไตน์ฟรี เชียนพันธุ์
แท้กบั แม่พนั ธุ์ซ่ ึ งมี สายเลือดอเมริ กนั บราห์มนั สูง มีสายเลือดโฮลสไตน์ฟรี เชี่ยน 75%กรม
ปศุสตั ว์ปรับปรุ งพันธุ์น้ ีให้เป็ นพันธุ์โคนมหลักของประเทศ เหมาะสาหรับเกษตรกรที่มี
ฟาร์มขนาดเล็กหรื อเกษตรกรที่เริ่ มเลี้ยงโคนม
2.โคนมพันธุ์ไทยฟรีเชี่ยน (TF)
เป็ นโคนมพันธุ์ผสมที่มีสายเลือดโคนมพันธุ์โฮลสไตน์ฟรี เชี่ยนหรื อขาว-ดา มากกว่า
75% พันธุ์น้ ีเหมาะสาหรับเกษตรกรที่มีฟาร์มขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ หรื อเกษตรกรที่มีการ
จัดการ การให้อาหารที่ดี
4.กำรเลีย้ งดูลูกโค
ก่อนที่จะพูดถึงการเลี้ยงลูกโคควรจะทาความรู ้จกั กับนมน้ าเหลืองก่อน นมน้ าเหลือง คือ
น้ านมที่ผลิตออกมาจากแม่โคในระยะแรกคลอด จะผลิตออกมานานประมาณ 2-5 วัน
ต่อจากนั้นก็จะเปลี่ยนเป็ นนมธรรมดา ลักษณะของนมน้ าเหลือจะมีสีขาวปนเหลืองมีรสขม มี
คุณสมบัติคือ จะมีภูมิคุม้ โรค อีกทั้งช่วยป้ องกันโรคที่เกิดกับระบบลาไส้และผิวหนัง และยัง
เป็ นยาระยายท้องอ่อนๆ ของลูกโคอีกด้วยมีคุณค่าทางอาหารสูง เมื่อลูกโคคลอดมาใหม่ ๆ ควร
แยกลูกโคออกจากแม่โคทันที และควรจะให้กินนมน้ าเหลืองจากแม่โคภายใน 6 ชัว่ โมงหลัง
คลอดเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงเร็ว ลูกโคควรได้กินนมน้ าเหลืองราว 2 - 5 วัน ให้กินวันละ 2 เวลา
เช้า,เย็น
5.กำรคลอดลูก
โดยทัว่ ไปแม่โคจะตั้งท้องประมาณ 283 วัน หรื อประมาณ 9 เดือนเศษ ในช่วงนี้แม่โคจะ
ได้การเอาใจใส่ ดูแลเรื่ องความเป็ นอยูแ่ ละอาหารเป็ นพิเศษ เพราะลูกในท้องเจริ ญขึ้นเรื่ อย ๆ และ
เป็ นไปอย่างรวดเร็วในระยะก่อนคลอดประมาณ 45 - 80 วัน ควรเพิม่ อาหารผสมให้แก่แม่โค
ท้อง เพื่อแม่โคจะได้นาไปเสริ มสร้างร่ างกายส่ วนที่สึกหรอ และนาไปเลี้ยงลูก หรื อนาไปสร้าง
ความเจริ ญเติบโตสาหรับอวัยวะบางอย่างที่ยงั เจริ ญเติบโตไม่เต็มที่ เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์มาก
ที่สุดและเพื่อไม่ให้แม่โคซูบผอมสาหรับแม่โคที่กาลังให้นม เมื่อตั้งท้องลูกตัวต่อไปควรจะหยุด
รี ดนมก่อนคลอดประมาณ 45 - 60 วัน สาหรับแม่โคท้องแรกหรื อท้องสาวหรื อแม่โคที่ยงั
เจริ ญเติบโตไม่เต็มที่ (อายุไม่ถึง 5 ปี )
แม้จะให้ลกู มาแล้ว 1 หรื อ 2 ตัวก็ตาม ก่อนคลอดลูกตัวต่อไปควรจะ
หยุดพักการรี ดนมเร็ วกว่าแม่โคที่โตเต็มที่แล้ว อย่างน้อยก่อนคลอด
ประมาณ 45 - 60 วัน เพราะแม่โคได้มีเวลาเตรี ยมตัวได้พกั ผ่อนร่ างกาย
และอวัยวะต่างๆบ้างมิฉะนั้นแม่โคอาจจะได้รับผลกระทบกระเทือนนัน่
หมายถึงผลเสี ยหายที่จะตามมาภายหลังได้ เช่น ร่ างกายจะชะงักการ
เติบโตเพราะอาหารไม่พอร่ างกายไม่สมบูรณเมื่อคลอดลูกออกมาลูกโค
อ่อนแอมีช่วงระยะการให้นมในปี ต่อไปสั้นลงผสมติดยากทิ้งช่วงการ
เป็ นสัดนานและอื่นๆ เป็ นต้น
6.กำรเลีย้ งและดูแล
แม่โค จะให้นมหรื อมีน้ านมให้รีดก็ต่อเมื่อหลังจากคลอดลูกในแต่ละครั้ง
ซึ่ งจะให้นมเป็ นระยะยาวสั้นมากน้อยต่างกัน ขึ้นกับความสามารถของแม่โคแต่ละ
ตัวพันธุ์และปั จจัยอื่นอีกแต่โดยทัว่ ไปจะรี ดนมได้ประมาณ 5 - 10 เดือน นม
น้ าเหลืองควรจะรี ดให้ลูกโคกินจนหมด ไม่ควรนาส่ งเข้าโรงงานเป็ นอันขาดและ
ควรให้อาหารแก่แม่โคอย่างเพียงพอเพื่อแม่โคจะได้ไปสร้างน้ านมและเสริ มสร้าง
ร่ างกายส่ วนอื่น ๆ ที่ยงั ไม่สมบูรณ์ได้อย่างเพียงพอภายหลังจากคลอดลูก โดย
เฉลี่ยแล้วประมาณ 30 - 70 วัน หลังจากคลอด มดลูกจะเริ่ มกลับเข้าสู่ สภาพปกติ
แม่โคจะเริ่ มเป็ นสัดอีก แต่อย่างไรก็ตามเมื่อแม่โคแสดงอาการเป็ นสัดภายหลัง
คลอดน้อยกว่า25วัน ยังไม่ควรให้ผสม เพราะมดลูกและอวัยวะต่าง ๆ ในระบบ
สื บพันธุ์เพิ่งฟื้ นตัวใหม่ ๆ ยังไม่เข้าสู่ สภาพปกติ ในทางปฏิบตั ิส่วนใหญ่ควรจะ
รอให้เป็ นสัดครั้งที่ 2 เกิดขึ้นจึงค่อยผสม ซึ่ งโดยเฉลี่ยแล้วจะใช้เวลาประมาณ
45 - 72 วัน หลังจากคลอด
7.กำรรีดนม
กำรรีดนมมีอยู่ 2 วิธีคอื
1.การรี ดนมด้วยมือ
2.การรี ดนมด้วยเครื่ อง
หลักทีค่ วรคำนึงถึงและถือปฏิบัติใน
กำรรีดนม
1.ควรรี ดให้สะอาด
2.ควรรี ดให้เสร็ จโดยเร็ ว
3.ควรรี ดให้น้ านมหมดเต้า
8.กำรป้ องกันโรคในโคนม
โรค เป็ นสาเหตุหนึ่ง ที่ทาความเสี ยหายให้แก่ผเู ้ ลี้ยงโคนมไม่
น้อย โดยเฉพาะอย่างยิง่ โรคติดต่อร้ายแรง ซึ่ งถ้าเกิดขึ้นกับฟาร์ มใด
อาจทาให้ถึงกับต้องเลิกล้มกิจการได้ การป้ องกันโรคโคนมควร
ปฏิบตั ิดงั ต่อไปนี้
1. เลี้ยงแต่โคที่แข็งแรงสมบูรณ์และปลอดจากโรค
2. ให้อาหารที่มีคุณภาพดีและมีจานวนเพียงพอ
3. จัดการเลี้ยงดูและป้ องกันโรคติดต่อร้ายแรงให้เหมาะสม
9.อำหำรและหำรให้ อำหำร
โคนมเป็ นสัตว์สี่กระเพาะ หรื อที่เรี ยกว่า สัตว์เคี้ยวเอื้อง ซึ่ งอาหารที่ใช้เลี้ยง
สัตว์ประเภทนี้จะมี 2 ชนิด คือ อาหารหยาบ เช่น หญ้า ถัว่ อาหารสัตว์ ฟางข้าว
และอาหารข้น เช่น อาหารผสมในการให้อาหารแก่โคนม อาหารทั้ง 2 ชนิดจะ
มีความสาคัญเท่าๆ กันและต้องมีความสัมพันธ์กนั เพื่อที่จะทาให้โคนม
สามารถให้น้ านมได้สูงสุ ดตามความสามารถของโคแต่ละตัวที่จะแสดงออก
10.โรงรีดนม (Milking parlor)
เป็ นโรงเรื อนหรื อส่ วนหนึ่ งของคอกที่จดั ทาขึ้นสาหรับรี ดนมโดยเฉพาะ แม่โค
จะถูกต้อนให้เข้าเพื่อรี ดนม เมื่อเสร็ จแล้วตัวใหม่กจ็ ะถูกต้อนเข้ามาแทน การรี ดนมมักจะ
ใช้เครื่ องรี ด บริ เวณที่โคยืนจะสู กกว่าคนรี ด ทาให้ผรู ้ ี ดนมสามารถยืนทางานอย่างสะดวก
ลักษณะของที่รีดนมที่นิยมมี 4 แบบ คือ
1. แบบก้างปลา (Herringbone parlor)
2. แบบเปิ ดข้าง (Side-opening parlor)
3. แบบม้าหมุน (Carousel หรื อ Rotary parlor)
4. แบบหลายเหลี่ยม (Polygon หรื อ Diamond parlor)
11.นมดิบ
12.กำรขำยนำ้ นมดิบทีไ่ ด้ จำกกำรรีดแม่ โคนม
นมดิบ (raw milk) หมายถึง นมโค 1.การี ดนมจะรี ดนมตอนเช้าในเวลา 05.00 น.
ที่รีดมาจากเต้านมโคแล้วยังไม่ได้ผา่ น
2.ตอนเย็นจะรี ดนมในเวลา 16.00-17.00 น.
กรรมวิธีฆ่าเชื้อ ดังนั้นจึงห้ามดื่มนมดิบ
3.นมที่ไม่ผา่ นการต้มจะอยูไ่ ด้ 2 ชัว่ โมง
การผลิตนมดิบคุณภาพดี
4.น้ านม 200 กิโลกรัม ถัง 40 กิโลกรัม
นมดิบที่จะมีคุณภาพดีน้ นั จะต้องเป็ นนมที่ 5.หลังจากรี ดเสร็ จก็นาใส่ ถงั แล้วนามากรองเพื่อ
สะอาดปราศจากสิ่ งปลอมปน การที่จะได้ ไม่ให้มีสารเจือปนในน้ านมดิบแล้วจึงนาไปขาย
นมสะอาดนั้นจะต้องยึดหลัก 3 ประการของ ที่สหกรณ์การเกษตรเมืองเลย จากัด
การผลิตนมสะอาดดังต่อไปนี้
1.ความสะอาด
2. ความรวดเร็ วในการปฏิบตั ิงาน
3. การทานมให้เย็น
บทที่ 3
วิธีดำเนินกำรศึกษำ
ในกำรดำเนินงำนศึกษำโครงงำนเศรษฐศำสตร์ เรื่อง กำรเลีย้ งโคนม ศึกษำที่บ้ำนทรัพย์ มงคล ตำบลนำดินดำ อำเภอเมือง
จังหวัดเลย ทำงคณะผู้จดั ทำโครงงำนได้ ดำเนินกำรดังต่ อไปนี้
3.1 วัตถุประสงค์
3.2 กลุ่มตัวอย่ ำง
3.3 ขั้นตอนกำรศึกษำ
3.4 เครื่องมือที่ใช้ ในกำรศึกษำดูงำน
3.5 เครื่องมือและวัสดุอุปกรณ์ ในกำรรีดนมโค
3.6 กำรเก็บรวบรวมข้ อมูล
3.7 กำรวิเครำะห์ ข้อมูล
3.1 วัตถุประสงค์
เพือ่ ศึกษำกำรเลีย้ งโคนมในหมู่บ้ำนทรัพย์ มงคล
เพือ่ ศึกษำต้ นทุนกำรผลิตนำ้ นมดิบของเกษตรกรผู้เลีย้ งโคนม
เพือ่ ศึกษำแนวทำงในกำรอนุรักษ์ โคนม
3.2 กลุ่มตัวอย่ ำง
กลุ่มเลีย้ งโคนม หมู่บ้ำนทรัพย์ มงคล ตำบลนำดินดำ อำเภอเมือง จังหวัดเลย
วิทยำกรท้ องถิน่ นำงสมร แปงต่ อม บ้ ำนเลขที่ 85 หมู่ 7 บ้ ำนทรัพย์ มงคล ตำบลนำดินดำ อำเภอเมือง
จังหวัดเลย แหล่งเรียนรู้เกษตรกรโคนม บ้ ำนทรัพย์ มงคล อำเภอเมือง จังหวัดเลย และนำยกัน เนธิบุตร บ้ ำนท่ ำสวรรค์
ตำบลท่ ำสวรรค์ อำเภอนำด้ วง จังหวัดเลย
3.3 ขั้นตอนการศึกษา
กิจกรรม
1. แบงกลุ
มเป็
่
่ น 5 กลุม
่
กลุมละ
5
คนให
นั
ก
เรี
ยน
่
้
รวมกลุมและศึ
กษาจาก
่
แหลงเรี
่ ยนรู้
2. อภิปรายกลุม
่
3. ศึ กษาดูงาน
ผูศ้ ึกษาได้วางแผนการปฏิบตั ิการ และวางแผนการศึกษาค้นคว้า ดังตารางแผนการปฏิบตั ิการ ดังนี้
เป้าหมายกิจกกรม
ระยะเวลาศึ กษา
ผู้เกีย
่ วของ
้
เพือ
่ ให้มีความรูความเข
้
้าใจ
ในการเลีย
้ งโคนม
15/พ.ค./25556
มีผู้รวมศึ
กษาทุกคน
่
เพือ
่ สรุปความรูจากการ
้
แบงกลุ
มศึ
่
่ กษา
16/พ.ค./2556
กลุมผู
กษา
่ ร
้ วมศึ
่
15/มิย./2556
ถึง 16/มิย./2556
นางสมร แปงตอม
่
บานเลขที
่ 85 หมู่ 7 บาน
้
้
ทรัพยมงคล
ต
าบลนาดิ
น
์
ดา อาเภอเมืองจังหวัดเลย
แหลงเรี
่ ยนรูเกษตรกรโค
้
นม บ้านทรัพยมงคล
์
อาเภอเมือง จังหวัดเลย
และ นายกัน
เนธิ
บุตร
บานท
าสวรรค
้
่
์ ตาบล ทา่
สวรรค ์
อาเภอนาดวง
้
จังหวัดเลย
17/มิย./2556
ถึง 19/มิย./2556
กลุมผู
่ ศึ
้ กษาทุกคน
29/ส.ค./2556
กลุมผู
่ ศึ
้ กษาทุกคน
เพือ
่ ให้เกิดความตระหนัก
และเห็นความสาคัญในการ
เลีย
้ งโคนม
4.ทาการเก็บรวบรวมขอมู
่ ให้สามารถเลีย
้ งโคนม
้ ล เพือ
และวิเคราะหข
์ อมู
้ ล
ได้
5.ทาการสรุปผลโครงงาน เพือ
่ นาเสนอครู
จัดทารูปเลม
่ แผนพั
่ บ
ฟิ วเจอรบอร
ด
์
์ และจัดทา
หมายเหตุ
3.6 กำรเก็บรวบรวมข้ อมูล
จากเอสารที่เกี่ยวข้องด้วยการอ่านและจดบันทึกและจัดเป็ น
หมวดหมู่ รวมถึงการสัมภาษณ์การเลี้ยงโคนมและการสังเกตและการสารวจ
ในหมู่บา้ นทรัพย์มงคล หลังจากนั้นก็ทาการวิเคราะห์ขอ้ มูล เรี ยบเรี ยงข้อมูล
3.7 กำรวิเครำะห์ ข้อมูล
การวิเคราะห์ขอ้ มูล จะนาข้อมูลที่ได้จากการรวบรวมข้อมูล
ทั้งหมดมาวิเคราะห์วา่ มีความเป็ นจริ งมากเพียงใด
บทที่ 4
ผลการศึกษาและผลอภิปลาย
จากการดาเนินการศึกษา เรื่ องการเลี้ยงโคนมกับเศรษฐกิจพอเพียง กลุ่มผูศ้ ึกษาได้ทาการค้นคว้าตามแผนปฏิบตั ิการ
ทาให้ได้รู้จกั วิธีการเลี้ยงโคนม ดังนี้
1.การเริ่ มต้นเลี้ยงโคนม 2.หลักการเลือกซื้ อโคนม 3.พันธุ์โคนม 4.การเลี้ยงดูลูกโค 5.การคลอดลูก 6.การ
เลี้ยงและดูแลโคนม 7.การรี ดนม 8.การป้ องกันโรคในโคนม 9.อาหารและการให้ อาหาร 10.โรงรี ดนม
11.นมดิบ 12.การขายน้ านมดิบในบ้านทรัพย์มงคลจากการไปสารวจ 13.ผลที่การศึกษาหัวข้อทั้ง 12 หัวข้อนั้น
และได้ลงไปปฏิบตั ิจริ งก็สามารถนาไปประกอบอาชีพได้ 14.ทาให้เกิดการเรี ยนรู ้การทางานกลุ่มตามความถนัด
และความสนใจในการเรี ยนรู ้อย่างมีระบบตามขั้นตอนการทางานตลอดการแก้ปัญหาร่ วมกันให้เกิดความรักและ
ความสามัคคีในหมู่คณะ
4.1 ประโยชน์ ของนมวัว
นมวัวถือว่าเป็ นนมที่รองจากนมแม่และเป็ นส่ วนประกอบที่สาคัญและมีประโยชน์ดงั นี้
1. แคลเซียม(Calcium)และฟอสฟอรัส(Phosphorus)ช่วยในการสร้างฝันและกระดูกให้แข็งแรง
2 .วิตามิน B2 (Vitamin B2) ทาให้ร่างกายได้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และ ไขมัน
3. วิตามิน B12 (Vitamin B12) ช่วยในการทางานของระบบประสาทและสมอง
4. โปรตีน (Protein) ทาให้ร่างกายเจริ ญเติบโตและช่วยซ่อมแซมส่ วนที่สึกหรอของร่ างกาย
4.2 แนวทำงกำรอนุรักษ์ โค
การเลี้ยงโคนมไม่ควรที่จะเลี้ยงไว้ขายเพียงอย่างเดียวเราควรที่จะอนุรักษ์การเลี้ยงโคนมไว้
ไม่ให้หมดไป เราควรเห็นคุณค่าของโคนม โคเป็ นสัตว์ที่มาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษแล้วซึ่ งคิดดู
แล้วโคก็อยูค่ ู่กบั คนไทยมาช้านานแล้วเพื่อให้ลกู หลานได้ศึกษาเกี่ยวกับประวัติความเป็ นมา
ของการเลี้ยงโคนมและโคนมก็มีหลายสายพันธุ์ดว้ ยจากการไปศึกษาดูงานมา โคนมที่เลี้ยงมี
พันธุ์โคดา จานวน 60ตัว แล้วก็ได้ให้รุ่นอื่นได้ศึกษาถึงประโยชน์การเลี้ยงโคนมและ
ประโยชน์ของน้ านมดิบ และให้เห็นความสาคัญของวัฒนธรรมท้องถิ่นของการเลี้ยงโคนม
เพื่อพัฒนาการอย่างยัง่ ยืน
บทที่ 5
กำรสรุ ปผลกำรจัดสร้ ำงโครงงำนปัญหำและข้ อเสนอแนะ
สรุปผลกำรจัดสร้ ำงโครงงำน
ผลการดาเนินการศึกษาค้นคว้า ปฏิบตั ิการเลี้ยงโคนมดาเนินโดยค้นคว้าและปฏิบตั ิดว้ ย
ตนเองทาให้เข้าใจเกี่ยวกับการเลี้ยงโคนม ทาให้เห็นคุณค่าของการเลี้ยงโคนมที่เลี้ยงมา
เป็ นเวลาอันยาวนานของชาวนาตลอดจนเป็ นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่จะสื บสานให้คงอยู่
ตลอดไป รวมทั้งมีทกั ษะการทางานกลุ่มให้เดความสามัคคีกนั ในกลุ่ม
ปัญหำในกำรทำงำน
1.ไปไม่ถูกเวลาในเวลาการรี ดนมโค
2.สมาชิกในกลุ่มไม่พร้อมในการปฏิบตั ิงาน
3.การเดินทางที่ตอ้ งไปไกลไม่สะดวกมากเท่าที่ควร
4.ใช้เวลานานในการถ่ายรู ปโคนมเพราะโคแต่ละตัวจะไม่หยุดนิ่งอยูก่ บั เพราะฉะนั้นการ
จับภาพจึงเป็ นไปได้ยาก
ข้ อเสนอแนะ
1.ควรศึกษาการเลี้ยงโคนมมาอย่างละเอียดพอที่จะเข้าใจและสามารถเผยแพร่ ความรู้
ไปสู่ ชุมชนที่เลี้ยงโคนมแต่ไม่มคี วามรู้ในการเลี้ยงโคนมสักเท่าไหร่
2.ศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาฝี มือ เพื่อคุณภาพของการศึกษา
3.จัดอบรมเชิงปฏิบตั ิการ เพื่อพัฒนาให้มีการปฏิบตั ิเกิดความชานาน และคิดทักษะใน
การศึกษาปฏิบตั ิ
4.บันทึกรายรับรายจ่ายของการขายนมแต่ละปี เพื่อที่จะได้รู้วา่ มีกาไรในการเลี้ยงโค
นมเท่าไร และขาดกาไรเท่าไรและจะได้รู้รายได้แต่ละปี ด้วยว่าในปี หนึ่งเรามี
รายได้จากการขายน้ านมโค