Transcript เรียนรู้เพื่อสร้างองค์ความรู้

By…Pakamas Bunphueak Ph.D
ความเชื่อ
การพร้ อมรับการเปลีย่ นแปลงที่จะเกิดขึน้
เพือ่ ปรับตนเองในปัจจุบัน ให้ พร้ อมรับกับสิ่ งทีจ่ ะตามมาในอนาคต
1. มนุษย์ มรี ู ปแบบการเรียนรู้ ทแี่ ตกต่ างกัน ผู้สอนจึงต้ องใช้ วิธีการสอนทีห่ ลากหลาย
2. ผู้เรียนควรเป็ นผู้กาหนดองค์ ความรู้ ของตนเอง ไม่ ใช่ นาความรู้ ไปใส่ สมองผู้เรียน แล้ ว
ให้ ผ้ เู รียนดาเนินรอยตามผู้สอน
3. โลกยุคใหม่ ต้องการผู้เรียนซึ่งมีวนิ ัย มีพฤติกรรมทีร่ ้ ู จักยืดหยุ่น หรือปรับเปลีย่ นให้ เข้ า
กับสถานการณ์ ได้ อย่างเหมาะสม
4. เนื่องจากข้ อมูลข่ าวสารในโลกจะทวีเพิม่ ขึน้ เป็ น 2 เท่ า ทุกๆ 10 ปี โรงเรียนจึงต้ องใช้
วิธีสอนทีห่ ลากหลาย โดยให้ ผ้ เู รียนได้ เรียนรู้ ในรู ปแบบต่ างๆ กัน
5. ให้ ใช้ กฎเหล็กของการศึกษาที่ว่า “ระบบทีเ่ ข้ มงวดจะผลิตคนทีเ่ ข้ มงวด” และ “ระบบ
ทีย่ ดื หยุ่นก็จะผลิตคนทีร่ ้ ู จักการยืดหยุ่น”
ความเชื่อ
การพร้ อมรับการเปลีย่ นแปลงที่จะเกิดขึน้
เพือ่ ปรับตนเองในปัจจุบัน ให้ พร้ อมรับกับสิ่ งทีจ่ ะตามมาในอนาคต
6. สั งคม หรือชุ มชนทีม่ งั่ คัง่ ร่ารวยด้ วยข้ อมูลข่ าวสาร ทาให้ การเรียนรู้ สามารถเกิดขึน้ ได้
ในหลายๆ สถานที่
7. การเรียนรู้ แบบเจาะลึก (deep learning) มีความจาเป็ นมากกว่ าการเรียนรู้
แบบผิวเผิน
8.การสอนทีจ่ ัดว่ ามีประสิ ทธิภาพ ต้ องการครู ทมี่ ีคุณสมบัตมิ ากกว่ าการเป็ นผู้ทาหน้ าทีส่ อน
9. การศึกษาเล่าเรียนในโรงเรียน (schooling) กับ การศึกษา (education)
อาจไม่ ใช่ เรื่องเดียวกัน
10. โลกอนาคตจะให้ ความสาคัญกับการจัดการศึกษาที่บ้าน (Home – based
education) มากขึน้
1. ผูเ้ รี ยนเป็ นผูจ้ ดั การเรื่ องการเรี ยนรู้
ของตนเอง
7. ระบบการประเมิน
จะหลากหลายมากขึ้น
6. ครู มีบทบาทในฐานะเป็ น
C&M
การจัดการ
ศึกษาใน
อนาคต
2. การเรี ยนรู ้จะใช้ระบบเครื อข่าย
3. หลักสูตรจะถูกจัดแยกเป็ นประเภท
(catalogue curriculum) (full time/
รร./บ้าน) (flexi– time schooling plan)
4. มีแผนการเรี ยนรู้เป็ นรายบุคคล
(personal learning plan)
5. การเรียนรู้ จากคอมพิวเตอร์ จะเข้ ามามีบทบาทมาก
(21st Century Learning)
ทักษะเพือ่ การดารงชีวติ ในศตวรรษที่ 21 ได้ แก่ สาระวิชาหลัก
 ภาษาแม่ และภาษาโลก
 ศิลปะ
 วิทยาศาสตร์
 ภูมิศาสตร์
 ประวัติศาสตร์
 คณิตศาสตร์
 เศรษฐศาสตร์
 รัฐ และความเป็ นพลเมืองดี
L
N
R
Them สาหรับศตวรรษที่ 21
 ความรู้ เกีย่ วกับโลก
 ความรู้ ด้านการเงิน เศรษฐศาสตร์ ธุรกิจ






และการเป็ นผู้ประกอบการ
ความรู้ ด้านการเป็ นพลเมืองดี
ความรู้ ด้านสุ ขภาพ
ความรู้ ด้านสิ่ งแวดล้ อมทักษะด้ านการเรียนรู้ และนวัตกรรม
ความริเริ่มสร้ างสรรค์ และนวัตกรรม
การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา
การสื่ อสารและการร่ วมมือ
ทักษะด้ านสารสนเทศ สื่ อ และเทคโนโลยี
 ความรู้ ด้านสารสนเทศ
 ความรู้ เกีย่ วกับสื่ อ
 ความรู้ ด้านเทคโนโลยี
ทักษะชีวติ และอาชีพ
 ความยืดหยุ่นและปรับตัว
 การริเริ่มสร้ างสรรค์ และเป็ นตัวของตัวเอง
 ทักษะสั งคมและสั งคมข้ ามวัฒนธรรม
 การเป็ นผู้สร้ างหรือผลิต (productivity)
และความรับผิดรับชอบเชื่อถือได้ (accountability)
 ภาวะผู้นาและความรับผิดชอบ (responsibility)
ึ ษาแห่งศตวรรษที่ 21
สถานศก
ลองเปรียบเทียบคุณลักษณะของนักเรียน
ในยุคศตวรรษที่ 21
ิ ย์ตอ
ครูเพือ
่ ศษ
้ งฝึ กฝนตนเองให้มท
ี ักษะในการเป็น
้ ง
ผูส
้ อนงาน (Coaching) และเป็นพีเ่ ลีย
(Mentoring) หรือ“คุณอานวย” (facilitator) ใน
การเรียนรูแ
้ บบ PBL (Project-Based Learning)
ิ ย์ ครูตอ
ของศษ
้ งเลิกเป็น “ผูส
้ อน” ผ ันต ัวเองมาเป็น
ิ ย์ทส
่ นใหญ่
้ ง ของการเรียนของศษ
โค้ช หรือ พีเ่ ลีย
ี่ ว
เรียนแบบ PBL
Coach
Are you
Ready
Coachee
มีเวลา
พอเหมาะกับ
เรื่ องที่จะสอน
มีสถานที่
เหมาะสม
มีขอ้ มูล
(เนื้อหา,เกณฑ์
การประเมิน
,ข้อมูล นร.)
มีอารมณ์ (ดี)
มีสุขภาพดี
เจ๊ ดนั
Coaching
ช่ วงระยะเวลาสั้ น ๆ
กาหนดเป้าหมายเล็กๆ
เรียนรู้ร่วมกัน
ไม่ จาเป็ นต้ องเป็ น
ผู้เชี่ยวชาญ
- ให้ ทางเลือก / คาแนะนา
-
Or Mentoring
ความสั มพันธ์ ระยะยาว
มีเป้าหมายใหญ่
ระบบพีใ่ หญ่ ดูแลน้ องเล็ก
เป็ นผู้เชี่ยวชาญมี
ประสบการณ์
- ให้ ความรู้ช่วยเหลืออย่ าง
ต่ อเนื่อง
-
- การบอก
- การสอน
- การแนะนา
- การให้ขอ้ มูลป้ อนกลับ
- การถามคาถามปลายเปิ ด
- การท้าทายให้ทางาน
- การรับฟัง
ครู มีการหนุนนาอย่างต่อเนื่อง
ดูคลิป
Derek
Q:
Question
S:
Search
C:
Construct
C:
Communicate
S:
Serve
ศักยภาพทักษะผู้เรียนยุคใหม่
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Development)
Coaching
การสอนงาน
Mentoring
การเป็ นพีเ่ ลีย้ ง
Counseling
การให้ คาปรึกษา
สู งกว่ ามาตรฐาน
ผลงาน
นักเรียน
ตรงตามมาตรฐาน
ต่ากว่ ามาตรฐาน
•
คุณครูลงมือปฏิบ ัติดว้ ยความสุข
ด้วยการ (C&M)
Coaching
&
Mentoring
้ นตอนการสอน
โดยใชข
ั้
5 ขน
ั้
QSCCS
เพือ
่ ดูความสามารถน ักเรียน (LNR)
Literacy Numeracy Reasoning
กระบวนการการเรียนรูตาม
้
C&M
บันได 5 ขัน
้
33
5. บริกำรสงั คมและจิตสำธำรณะ
(Public Service)
ื่ สำรและนำเสนอ
4. สอ
(Effective Communication)
3.กำรสรุปองค์ควำมรู ้
(Knowledge Formation)
ื ค ้นควำมรู ้
2. สบ
(Searching for Information)
1. ตัง้ คำถำม/สมมุตฐิ ำน
(Hypothesis Formulation)
L
N
R
S
C
C
S
Q
เรียนรู้ เพือ่ ตอบแทนสั งคม (Learning to Serve)
เรียนรู้ เพือ่ การสื่ อสาร(Learning to Communicate)
เรียนรู้ เพือ่ สร้ างองค์ ความรู้ (Learning to Construct)
เรียนรู้ การแสวงหาสารสนเทศ (Learning to Search)
เรียนรู้ การตั้งคาถาม (Learning to Question)
ผู้สอนสามารถจัดไดในทุ
กกลุมสาระฯ
ตาม
้
่
บั
ได ณภาพผู
5 ้ เรีขั
้ L Nเช
เป้นาหมายคุ
ยนน
R่ น
กระบวนการ
ตั้งประเด็น
สื่ อสาร
สื บค้ นความรู้ สรุ ปองค์ -ความรู้
คาถาม
นาเสนอ
บริการสั งคม
วิทยาศาสตร์
ตั้งคาถาม
สื บค้น ทดลอง นาข้อสรุ ปมา
อธิบายปัญหา
(ผลการทดลอง)
เผยแพร่
ความรู้
ภาษาไทย
ตั้งคาถาม
สื บค้นความรู้
เขียนเผยแพร่ นาความรู้ไปใช้
ประโยชน์ต่อ
สังคม
สรุ ปองค์ความรู้
นาความรู้ไปใช้
ประโยชน์ต่อ
สังคม
เรียนรู้ การตั้งคาถาม Q : Learning to Question
เรียนรู้ การตั้งคาถาม Q : Learning to Question
ใช้ เทคนิค 5 w 1 H
Who ใคร (ในเรื่องนั้นมีใครบ้ าง)
What ทาอะไร (แต่ ละคนทาอะไรบ้ าง)
Where ทีไ่ หน (เหตุการณ์ หรือสิ่ งทีท่ านั้นอยู่ทไี่ หน)
When เมือ่ ไหร่ (เหตุการณ์ หรือสิ่ งทีท่ านั้นทาเมือ่ วัน เดือน ปี ใด)
Why ทาไม (เหตุใดจึงได้ ทาสิ่ งนั้น หรือเกิดเหตุการณ์ น้ันๆ)
How อย่างไร (เหตุการณ์ หรือสิ่ งทีท่ านั้นทาเป็ นอย่ างไรบ้ าง)
เรียนรู้ การตั้งคาถาม Q : Learning to Question
เรียนรู้ การตั้งคาถาม Q : Learning to Question
5W1H ในหลักของวิชา IS คือ
=====================
What=สร้ างขึน้ จากอะไร
Where=เอาข้ อมูลมาจากแหล่ งไหน (www)
When=up date เมือ่ ไหร่
Why=สร้ างขึน้ มาทาไม
Who=ใครเป็ นผู้สร้ าง
How=เชื่อถือได้ หรือไม่
เรียนรู้ การแสวงหาสารสนเทศ
S : Learning to Search
องค์ กรทีจ่ ัดให้ บริการสารสนเทศ
แก่ ผ้ ใู ช้ โดยตรง
แหล่งอืน่ ที่ไม่ ได้
บริการโดยตรง
แหล่งสื บค้ น
Online
ห้ องสมุด , พิพธิ ภัณฑ์
หอจดหมายเหตุ , และหอศิลป์
บุคคล สถานที่
เหตุการณ์
อินเตอร์ เน็ต
เรียนรู้ เพือ่ สร้ างองค์ ความรู้ (C: Learning to Construct)
- ความรู้ ทไี่ ด้ รับการถ่ ายทอดจากบุคคลอืน่
- ความรู้ เกิดจากประสบการณ์ การทางาน
- ความรู้ ทไี่ ด้ จากการวิจัยทดลอง
- ความรู้ จากการประดิษฐ์ คดิ ค้ นสิ่ งใหม่ ๆ
- ความรู้ ทมี่ ปี รากฏอยู่ในแหล่ งความรู้ ภายนอกโรงเรียนและนักเรียนได้ นามาใช้
เรียนรู้ เพือ่ การสื่ อสาร (C : Learning to
Communicate)
1. การนาเสนอข้อมูลโดยรายงานวิจยั /บทความ ( Text Presentation)
2. การนาเสนอโดยตาราง ( Tabular Presentation )
3.การนาเสนอด้วยกราฟหรื อแผนภูมิ ( Graphical Presentation )
4. การนาเสนอด้วยวาจา
5. การนาเสนอคลังความรู้ KM ในเว็บไซต์
เรียนรู้ เพือ่ ตอบแทนสั งคม (S : Learning to Serve)
เรียนรู้ เพือ่ ตอบแทนสั งคม (S : Learning to Serve)
เรียนรู้ เพือ่ ตอบแทนสั งคม (S : Learning to Serve)
ผลที่ต้องการให้ เกิดกับผ้ ูเรียน
L : Literacy
(ทักษะการรู้ หนังสื อ อ่ านออก เขียนได้ )
N : Numeracy
(ทักษะพืน้ ฐานด้ านการคิดคานวณ)
R : Reasoning
(ทักษะการใช้ เหตุผล)
การประยุกต์ ใช้
51
การให้เหตุผล: Reasoning
(แบบอุปนัย)
ขัน
้ ที่ 1
ขัน
้ ที่ 2
ตัง้ คาถาม/
สื บค้น/แสวงหา
คาดคะเน
สารสนเทศ
คาตอบ/
วางแผน/
ตัง้ สมมติฐาน
สารวจ
C&M สั งเกต
ตัง้ คาถาม
เขาถึ
ฟัง ดู
้ งขอมู
้ ล โดย อาน
่
จดบันทึก (Literacy)
52
การให้เหตุผล: Reasoning
แบบนิรนัย
ขัน
้ ที่ 2
สื บค้น/แสวงหา
สารสนเทศ
C&M
ขัน
้ ที่ 3
สรางองค
้
์
ความรู้
*วิเคราะห ์
วางแผน/สารวจ
ขอมู
ล
้
สื บค้น/
*สื่ อ
กลัน
่ กรองขอมู
้ ล C&MNumeracy
ความหมาย
การใช้ตัวเลข
Literacy
ขอมู
ล
้
(Numeracy)
Reasoning
*สรุปผล Induction
53
ขัน
้ ที่ 3
การสรางองค
้
์
ความรู้
*วิเคราะห ์
ขอมู
้ ล
*สื่ อความหมาย
ขอมู
้ ล
*สรุปผล
C&M
C&M
ขัน
้ ที่ 4
สื่ อสารนาเสนอ
องคความรู
้
์
*นาเสนอ
ขอมู
้ ล
Numeracy
Literacy
C&M
54
ขัน
้ ที่ 5
ขัน
้ ที่ 4
นาองคความรู
สื่ อสารนาเสนอ
้
์
ไปประยุกตใช
องคความรู
์ ้
้
์
บริการ/ตอบ
*นาเสนอ
แทนสั
ง
คม
ขอมู
ล
้
Question
Numeracy
คุณลักษณะ Search
Literacy
ภาวะผูน
Construct
้ า
Reasoning Ab
ความ
Communica
รับผิดชอบ
te
1. โปรดนาขั้นตอนการสอน ของท่านมาพิจารณา ว่าแต่ละขั้นเป็ นอะไร
Q (Question) หรื อ S (Search)
C (Construct) หรื อ C (Communicate)
S (Serve)
ถ้าขาดขั้นตอนไหนให้เขียนเติมลงไปในขั้นตอนการสอน
2. ในจุดประสงค์การเรี ยนรู ้ ให้เพิ่ม Keyword ด้าน L N R ลงไปด้วย
แค่ นที้ ่ านก็ถือเป็ นครู
ในศตวรรษที่ 21
แล้ วจ้ า