โรคที่สำคัญของยางพารา

Download Report

Transcript โรคที่สำคัญของยางพารา

่ ำคัญของยำงพำรำ
โรคทีส
่ ดจำก
โรคใบร่วงและฝั กเน่ ำทีเกิ
้
เชือไฟท้
อปธอร่ำ
้
# เชือรา
Phytophthora palmivora และ P.
botryosa
้
้ ดามีนายางเกาะติ
ดอยู่
# ใบร่วง ก ้านใบชาสี
ฝักยางจะเน่ าดา และไม่แตกร่วงจากต ้น
โรคเส้นดำ
้
# เชือรา
Phytophthora palmivora และ
P. botryosa
# บริเวณเหนื อรอยกรีดเป็ นรอยชา้
ต่อมาเป็ นรอยบุ๋มขยายตัวตาม
่ อน
แนวขนานกับลาต ้น เมือเฉื
้
เปลือกออกให ้ลึกถึงเนื อไม้
้
จะเห็นลายเส ้นสีดาบนเนื อไม้
โรครำกขำว
้
# เชือรา
Rigidoporus lignosus
้ ้น
# พุ่มใบมีสเี หลืองบางส่วน/ทังต
่ ดดูรากจะพบเส ้นใยสีขาว
เมือขุ
ปลาย แบน เกาะ ติดอยูบ
่ นผิวราก
่ ้นใยแก่ จะกลมนู นสีเหลือง
เมือเส
ซีด มีดอกเห็ดเกิดบริเวณโคนต ้น
่
ลักษณะเป็ น แผ่นแข็งครึงวงกลม
แผ่นเดียวหรือซ ้อนกันเป็ นชน้ั ๆ
โรครำสีชมพู
้
# เชือรา
Corticium
salmonicolor
่ กทาลายจะเป็ น
# บริเวณทีถู
้
รอยปริมน
ี ายางไหลซึ
ม
เป็ นทางยาว และมีเส ้นใยสี
ขาว คล ้ายใยแมงมุมปก
่ อราเจริ
้
คลุม เมือเชื
ญ
้ จะ
ลุกลามเข ้าถึงเนื อไม้
เห็นผิวเปลือกเป็ นแผ่นสี
โรครำแป้ ง
้
# เชือรา
Oidium
heveae
่
# ใบอ่อนร่วง ใบทีไม่
ร่วง แผ่นใบจะมีแผล
ขนาดไม่แน่ นอน มี
้
ปุยเชือราสี
ขาวเทา
ปกคลุมอยู่ ต่อมา
แผลจะเป็ นรอยด่าง สี
เหลืองซีดและ
โรครำน้ ำค้ำง
้
สำเหตุเกิดจำก เชือรำ
Peronospora
parasitica
ใบเลีย
้ งของต ้นกล ้าเกิดเป็ นจุดช้าและต ้น
กล า้ เน่ า ยุ บ บนใบเกิด เป็ นปื้ นส ี เ หลื อ ง
้
ี าวเป็ น
ด ้านหน ้าใบ ด ้านหลังใบมีเสนใยส
ข
กระจุก เมือ
่ มีการระบาดมากขึน
้ แผลขยาย
ขนาดออกไป เนื้อ ใบเปลี่ย นเป็ นส เี หลือ ง
กรอบ
้
กำรควบคุมเชือสำเหตุโรคพื
ช
โดยชีววิธ ี
้
้
# เชือรา
และ เชือแบคที
เรีย
- เป็ นปรสิตโดยการพันร ัดหรือแทงเข ้าสู่ภายใน
้
เส ้นใยเชือโรค
้
- แข่งขันการใช ้อาหารกับเชือโรค
้ อยจาพวก
- ผลิต สารปฏิชวี นะ สารพิษ นาย่
่ าลายเชือโรค
้
เอนไซม ์ เพือท
้
- ช ักนาให ้ต ้นพืชมีความต ้านทานต่อเชือโรคได
้
้
กำรควบคุมเชือสำเหตุโรคโดย
ชีววิธ ี
่ องกันโรค
กำรใช้จล
ุ น
ิ ทรีย ์เพือป้
้ ลน
# ให ้เชือจุ
ิ ทรีย ์มีบทบาทในการแข่งขัน ยับยัง้
้
่ ้ปริมาณลดลง และยัง
และทาลายเชือโรคเพื
อให
ช่วยปกป้ องส่วนของพืช โดยเฉพาะอย่างยิง่
ระบบรากพืชให ้ปลอดภัยจากการเข ้าทาลาย
้
ของเชือโรค
้ ลน
# ดังนั้นการใช ้เชือจุ
ิ ทรีย ์ให ้ตรงตาม
่ ชยังไม่
วัตถุประสงค ์จริงๆ จึงควรใช ้ในขณะทีพื
แสดงอาการของโรค
่ ักษำโรค
กำรใช้จล
ุ น
ิ ทรีย ์เพือร
่ ดโรครากเน่ าไฟ
# เมือเกิ
ท ้อฟธอร่าแล ้วจะทาให ้ต ้นพืช
แสดงอาการทรุดโทรม เช่น
- ใบซีดหรือเหลือง
- ไม่แตกใบอ่อน
- ผิวใบมีลก
ั ษณะด ้านไม่เป็ น
มัน
- ถ ้าระบบรากถูกทาลาย
ค่อนข ้างรุนแรงจะเกิดอาการ
ใบร่วง และทาให ้ต ้นพืชตาย
่ ักษำโรค
กำรใช้จล
ุ น
ิ ทรีย ์เพือร
่
# ในกรณี ทพื
ี่ ชเริมแสดงอาการทรุ
ดโทรมไม่รน
ุ แรงนัก
้ ลน
- การใช ้เชือจุ
ิ ทรีย ์ใส่ลงดินใต ้ทรงพุ่ม
่
้
้
- เพือหยุ
ดยังการเข
้าทาลายระบบรากของเชือโรค
้
- ช่วยปกป้ องรากใหม่และช่วยลดปริมาณเชือโรคใน
ดินลง
- จะช่วยให ้ต ้นพืชสามารถฟื ้นจากสภาพทรุดโทรม
กลับคืนสูส
่ ภาพปกติได ้
่ ักษำโรค
กำรใช้จล
ุ น
ิ ทรีย ์เพือร
# ในกรณี ทพื
ี่ ชแสดงอาการทรุดโทรมค่อนข ้างมาก
้
แสดงว่าระบบรากส่วนใหญ่ถก
ู เชือโรคเข
้าทาลายแล ้ว
้ ลน
# การใช ้เชือจุ
ิ ทรีย ์แต่เพียงอย่างเดียวจะไม่สามารถ
ช่วยฟื ้นฟูสภาพ ทรุดโทรมของพืชได ้ทันการ
่ วมด ้วย เช่น
# ดังนั้นจึงมีความจาเป็ นต ้องใช ้วิธก
ี ารอืนร่
่
้
- การใช ้สารเคมี “เมทาแลคซิล” เพือหยุ
ดยังการเข
้า
ทาลายของเชือ้
้
ไฟท ้อฟธอร่า และลดปริมาณของเชือลงโดย
เฉี ยบพลัน ร่วมกับการใช ้สารเสริมหรืออาหารเสริม
่ ารุงพืชให ้แข็งแรง
ฉี ดพ่นใบพืชเพือบ
้ อรำก่
้
กำรยับยังเชื
อโรคโดย
้ ลน
เชือจุ
ิ ทรีย ์
Trichoderma sp.
Phytophthora sp.
้ อรำก่
้
กำรยับยังเชื
อโรคโดย
้ ลน
เชือจุ
ิ ทรีย ์
้
เชือรำไตรโคเดอร
์มำ
้
กำรทดสอบกำรยับยังและเข้
ำ
ทำลำย
้
้
เชือรำสำเหตุโรคพื
ช เชือราสาเหตุ
โรคพืช
(Fusarium
sp.)
้
เชือแบคที
เรีย
Bacillus sp.
้
เชือแบคที
เรีย
Bacillus sp.
้
เชือรา
Trichoderma sp.
้
เชือแบคที
เรียไม่สำมำรถยับยัง้
้
เชือรำสำเหตุโรคพื
ช
้
เชือราสาเหตุโรคพื
ช
(Rhizoctonia sp.)
้
เชือแบคที
เรีย
้ อรำสำเหตุโรคพื
้
กำรยับยังเชื
ช
้
โดยเชื
อแบคที
เ
รี
ย
้
เชือแบคทีเรีย Bacillus subtilis
Fusarium sp.
Rhizoctonia sp.
้
เชือราสาเหตุโรครากเน่
าโคนเน่ า
่ ำกำรทดลอง
สถำนทีท
1. สวนยางพารา อ.พรเจริญ จ.หนองคาย
2. สวนยางพารา อ.เมือง จ.
นครศรีธรรมราช
3. สวนยางพารา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
กำรทดสอบผลิตภัณฑ ์จุลน
ิ ทรีย ์ควบคุม
้
เชือรำไฟท้
อปธอร่ำก่อโรคในสวนยำงพำรำ
อ.หำดใหญ่ จ.สงขลำ
วิธก
ี ารทดสอบ แบ่งออกเป็ น 3 สว่ นคือ
ื้ ราทัง้ หมด และเชอ
ื้ ราไฟ
1. ตรวจหาปริมาณเชอ
ท ้อปธอร่าในดินสวนยางพารา
ื้ ราไฟท ้อฟธอร่าในตัวอย่างใบ
2. ตรวจหาเชอ
เปลือกไม ้ของยางพาราพันธุ์ RRIM 600
ื้ รา
3. ทดสอบการยับยัง้ และการเข ้าทาลายเชอ
ไฟท ้อฟธอร่า
้
้
้
1. ตรวจหำปริมำณเชือรำทั
งหมด
และเชือรำ
ไฟท้อปธอร่ำในดินสวนยำงพำรำ
การทดสอบผลิตภัณฑ์จล
ุ น
ิ ทรีย ์ NANO ในดิน
สวนยางพารา พบว่า
ื้ ราทัง้ หมดในดินลดลงภายหลังการใช ้
ปริมาณเชอ
ผลิตภัณฑ์จล
ุ น
ิ ทรีย ์ NANO
้ ตภัณฑ์
ครัง้ ที่ 1 และลดลงภายหลังจากการใชผลิ
ครัง้ ที่ 2 และ 3 ตามลาดับ
ื้ ราทัง้ หมดในดินพบได ้ทัง้
การลดลงของปริมาณเชอ
ในดินบริเวณสวน
ยางพาราพันธุ์ BPM 24 และพันธุ์ RRIM 600
4
้
้
(cfu/g)
)
(10
ปริมำณเชือรำทังหมด
่ เชือจุ
้ ลน
ผลหลังจำกทีใช้
ิ ทรีย ์ NANO ใน
ดินสวนยำงพันธุ ์ BPM 24
้ ทังหม
้ ดทีต่ รวจพบในดินสวนยำงพำรำพันธุB์ PM
กรำฟแสดงปริมำณเชือรำ
24
8
6
4
2
0
บริเวณ 1
บริเวณ 2
บริเวณ 3
บริเวณ 4
ก่อนกำรทดลอง หลังกำรทดลองครง้ั หลังกำรทดลองครง้ั
ที1่
ที2่
4
้
(cfu/g)
)
(10
ปริมำณเชือรำ
้ ทังหม
้ ดทีต่ รวจพบในดินสวนยำงพำรำพันธุB
กรำฟแสดงปริมำณเชือรำ
์ PM
24
8
6
บริเวณ 5
บริเวณ 6
4
บริเวณ 7
บริเวณ 8
2
0
ก่อนกำรทดลอง
หลังกำรทดลองครง้ั หลังกำรทดลองครง้ั
ที1่
ที2่
่ เชือจุ
้ ลน
ผลหลังจำกทีใช้
ิ ทรีย ์ NANO ใน
ดินสวนยำงพันธุ ์ RRIM 600
4
้
(cfu/g)
)
(10
ปริมำณเชือรำ
้ ดทีต่ รวจพบในดินสวนยำงพำรำพันธุ ์
้ ทังหม
กรำฟแสดงปริมำณเชือรำ
RRIM600
8
6
บริเวณ 1
บริเวณ 2
4
บริเวณ 3
บริเวณ 4
2
หลังกำรทดลองครงั้
ที3่
หลังกำรทดลองครงั้
ที2่
หลังกำรทดลองครงั้
ที1่
ก่อนกำรทดลอง
0
หลังกำรทดลองครงั้
ที3่
หลังกำรทดลองครงั้
ที2่
หลังกำรทดลองครงั้
ที1่
ก่อนกำรทดลอง
4
้
้
(cfu/g)
)
(10
ปริมำณเชือรำทังหมด
้ ทังหม
้ ดทีต่ รวจพบในดินสวนยำงพำรำพันธุ ์
กรำฟแสดงปริมำณเชือรำ
RRIM600
8
6
4
บริเวณ 5
บริเวณ 6
2
0
บริเวณ 7
บริเวณ 8
้
อฟธอร่ำในตัวอย่ำง
2. ตรวจหำเชือรำไฟท้
ใบ เปลือกไม้ของยำงพำรำพันธุ ์ RRIM 600
จากการนาตัวอย่างใบ เปลือกไม้ บริเวณลาต ้น
่
าน่ าจะมี
ยางพาราทีคาดว่
้
้
เชือราไฟท
้อฟธอร่า มาเพาะเลียงและคั
ดแยกในอาหาร
จาเพาะและส่องดู
้
ภายใต ้กล ้องจุลทรรศน์ ไม่พบเชือราไฟท
้อฟธอร่า
้
3. ทดสอบกำรยับยังและกำรเข้
ำทำลำย
้
เชือรำไฟท้
อฟธอร่ำ
้
จากการทดสอบพบว่า เชือราในผลิ
ตภัณฑ ์
จุลน
ิ ทรีย ์ NANO (Trichoderma sp). สามารถ
้ อไฟท
้
่
ยับยังเชื
้อฟธอร่าทีแยกได
้จากดินบริเวณสวน
้
ยางพาราพันธุ ์ RRIM 600 ได ้ โดยเชือรา
Trichoderma sp. เจริญได ้เร็วกว่า และเข ้า
้ ได
่ ้เร็ว ทาให ้เชือราไฟท
้
ครอบครองพืนที
้อฟธอร่าถูก
่
เบียดบังไม่สามารถทีจะเจริ
ญออกไปได ้ และเส ้นใยของ
้
เชือรา
Trichoderma sp. ยังเจริญเข ้าทาลายเส ้นใย
้
ของเชือราไฟท
้อฟธอร่าอีกด ้วย