Document 7482534

Download Report

Transcript Document 7482534

ื้ รา:อะฟ
สารพิษจากเชอ
ิ ในอาหารสต
ั ว์
ลาทอกซน
โดย
ภานุ ว ัฒน์ อนันตร ักษ ์
ื้ ราในวัตถุดบ
ั ว์
ชนิดของเชอ
ิ อาหารสต
1.อะฟลาทอกซิน
2.สเตอริกมาโตซิสติน
3.โอคราทอกซิน
4.ซิทรินิน
5.พาทู ลน
ิ
6.กรดเพนิ ซล
ิ ลิก
7.ซีราโนน
8.ไตรโคทีซน
ี
้
่
9.สารพิษจากเชือราอื
นๆ
ิ
อะฟลาทอกซน
ื้ รา Aspergillus
เป็ นสารพิษทีเ่ กิดจากเชอ
flavus และ
Aspergillus parasiticus มีหลายชนิดได ้แก่ บี1 บี2 จีหนึง
่ จี2
ิ ทนความร ้อนได ้ถึง 260 องศา
เอ็ ม 1 เอ็ ม 2 อะฟลาทอกซ น
ี ส อะฟลาทอกซ น
ิ ชนิด นี้ เ จริญ ที่อุณ หภูม ต
เซลเซ ย
ิ ่ า กว่า 7.5
ี ส แต่ผลิตสารพิษได ้มากทีส
หรือสูงกว่า 40 องศาเซลเซย
่ ด
ุ ที่
อุ ณ ภู ม ิ 25 องศาเซลเซ ีย ส อุ ณ ภู ม ิท ี่ เ หมาะสมในการผลิต
ี ส ความเป็ นพิษของอะฟ
สารพิษอยูใ่ นชว่ ง 24-28 องศาเซลเซย
ิ อะฟลาทอกซน
ิ มีพษ
ลาทอกซน
ิ อย่างรุนแรงต่อตับของสัตว์ทุก
ิ ต่อ
ชนิด และเป็ นสารก่อมะเร็ งต่อสัตว์ พิษของอะฟลาทอกซน
สั ต ว์ พั น ธุ์ ปริม าณ ช ่อ งทางและระยะเวลาที่ไ ด ้รั บ รวมทั ง้
อาหารหรือภาวะโภชนาการของสัตว์ด ้วยผลการในสัตว์ทดลอง
ิ ไวทีส
ยังพบว่าอะฟลาทอกซน
่ ด
ุ และทาให ้เกิดมะเร็งเซลล์ตบ
ั
เยาวมาลย์ แ ละคณะ(2540) ได ท
้ าการวิเ คราะห์ ห า
ตาราง
ั ว์ทป
แสดงผลการตรวจวิเคราะห์วัตถุดบ
ิ อาหารสต
ี่ น
ชนิดว ัตถุดบ
ิ
กากถั่วลิสง
กากมะพร ้าว
ข ้าวโพดป่ น
ข ้าวโพดเม็ด
กากปาล์ม
กากถั่วเหลือง
รา
มันเสน้
ระด ับการปนเปื้ อนอะฟลาทอก
ิ (ppb)
ซน
229.51
139.33
83.1
64.8
22.5
12.5
7.7
3.47
ั ว์ (2543)
ทีม
่ า : กองควบคุมอาหารสต
้
้ อนของอะฟลาทอกซินในอาหารมี
ขันตอนในการปนเปื
้
้ อ
หลายขันตอนดั
งนี คื
้ เมล็ดก่อนปลูก และเกิดขึนในระหว่
้
ปนเปื ้ อนมาตังแต่
างปลูก
่ าการผลิตและการบรรจุหบ
ระหว่างขนส่ง ขณะทีท
ี ห่อระหว่างการ
้ ตว ์
เก็บก่อนบริโภคหรือนาไปเลียงสั
การเกิดอะฟลาทอกซินในอาหารสัตว ์
่
เมล็ดพืชถูกทาลาย(แตกหัก)ในระหว่างการเก็บเกียวมี
้ งเกินไป(มากกว่า 13%)ผลิตอาหรสัตว ์ปกติไม่ควรเกิน
ความชืนสู
่ ั อมี
11% จึงจะเก็บอาหารได ้ดีไซโลและถังเก็บอาหารเกิดการรวหรื
่ ดขึนไม่
้ ได ้ใส่สารป้ องกันเชือรากั
้
่
เหงือเกิ
บเมล็ดธัญพืชทีมี
้ ง ปัจจัยทีมี
่ ผลต่ออาหารทีเกิ
่ ดเชือรา
้
ความชืนสู
คือ ชนิ ดของ
้
เมล็ดพืช อุณหภูม(ิ 75-90 ๐ F) เหมาะสมมากสาหร ับเชือรา
้ มพันธ ์ การถ่ายเทอากาศ อายุการเก็บเกียว
่ (เยาว
ความชืนสั
มาลย ์, 2544)
ิ ตามพระราชบัญญัต ิ
ตาราง แสดงปริมาณสารอะฟลาทอกซน
ั ว์
ควบคุมคุณภาพอาหารสต
พ.ศ. 2525
วัตถุดบ
ิ อาหารสัตว ์
่ สง
กากถัวลิ
่
กากถัวเหลื
อง
ข ้าวโพดเมล็ด
รา
ปลาป่ น
หัวอาหารไก่
หัวอาหารเม็ด
หัวอาหารโค
่ าหนด วัตถุดบ
ระดับทีก
ิ อาหารสัตว ์
ตามประกาศ
500
50
100
50
40
50
40
100
หัวอาหารสุกร
อาหารไก่ไข่
อาหารไก่เนื อ้
อาหารเป็ ด
อาหารสุกรแรกเกิด-น้าหนัก
15 กก.
อาหารสุกรน้าหนัก 15 กก.
อาหารโคอายุไม่เกิน 1 ปี
้ั
้
อาหารโคอายุ
ต
งแต่
1
ปี
ขึ
นไป
ั ว์ (2543)
ทีม
่ า : กองควบคุมอาหารสต
ระดับที่
กาหนดตาม
ประกาศ
50
100
100
30
50
100
100
200
เก็บ
1. เชือราจะทาลายไขมันในเมล็ดเป็ นอันดับแรกในระหว่างการ
้
่ อรา
้
2. เชือราจะท
าลายกรดอะมิโนเกือบทุกตัวในระหว่างทีเชื
่ กทาลายมากทีสุ
่ ด คือไลซีนและอาร ์
เจริญเติบโต และกรดอะมิโนทีถู
้
จินีน การเจริญเติบโตของเชือราท
าให ้คุณค่าของโปรตีนในวัตถุดบ
ิ
อาหารหรืออาหารลดลง (เยาวมาลย ์, 2544)
้
3. เชือราต
้องการวิตามินสาหร ับการเจริญเติบโต ดังนั้นถ ้ามี
้
้
เชือราเกิ
ดขึนจะท
าลายวิตามินต่างๆ คือ เอ ดี ซี เค บี1 บี2
ไนอาซีน บี6
่ อราท
้
4.เมือเชื
าลายคุณค่าของพลังงาน กรดอะมิโนและ
่ ตว ์กินอาหารทีมี
่ เชือราอยู
้
วิตามินจะมีผลในทางอ ้อมในการทีสั
่ตอ
่ แร่ธาตุ
ในอาหาร โดยเฉพาะCa,P,Zn,Mn,Fe,Cu
้
่
5. การเกิดของเชือรามี
ผลในการเปลียนแปลงทางฟิ
สิกส ์ของ
่ การจับตัวเป็ นก ้อน ตลอดจนลดความน่ ากิน
อาหาร เช่นสี กลิน
ลง
6. การเสริมเมทไธโอนี นจะช่วยขับพิษหรือแก ้พิษจากอะฟลา
ทอกซิน
้
7. การเกิดของเชือราในอาหารส
าเร็จรูป ก่อให ้เกิดความไม่
่
สมดุลของอาหารเกิดขึน้ ซึงจะมี
ผลทาให ้ลดอัตราการเจริญเติบโต
ตาราง แสดงค่า LD50 ของ afatoxin B1 ทีใ่ ห้กน
ิ เพียงครงเดี
ั้ ยวแล้วทาให้
ั แสดงอาการ เป็นพิษอย่างเฉียบพล ัน
สตว์
LD50,มก./กก. น้ าหนักตัว
ชนิ ดของสัตว ์
กระต่าย
ลูกเป็ ด(อายุ 1 วัน)
แมว
สุกร
สุนัข
แกะ
หนู ตะเภา
ลิงบาบูน
ไก่
หนู (ตัวผู)้
หนู ตวั เมีย
หนู (mouse)
แฮมส ์เตอร ์
Smith, J.E. and Moss,
M.O. (1985)
อ้างโดย นิ ธย
ิ าและวิบูลย ์,
2543
Uraguchi and Yamazaki
(1978)
อ้างโดย
สุก ัญญา 2530
0.3
0.34
0.55
0.6
0.5-1.0
1.0- 2.0
1.4-2.0
2.0
6.3
5.5-7.2
17.9
9.0
10.2
0.3
0.36
0.55
0.65
0.5 -1.0
1.0-2.0
1.4
2.2-7.8
6.3
7.2-16.0
9.0
10.2
หมายเหตุ : LD50 หรือmedian lethal dose หมายถึงปริมาณของวัตถุมพ
ี ษ
ิ ต่อน้ าหนักตัว
ั ว์ทดลองตายไป 50% ของจานวนสต
ั ว์ทดลองทัง้ หมด
ทีทาให ้ สต
ิ ทีเ่ ป็ น
ตาราง ระดับอะฟลาทอกซน
ั ว์ชนิดต่างๆ
พิษแก่สต
ระดับอะฟลาทอกซินในอาหาร (ppm)
ชนิ ดของสัตว ์
้
สุกรนาหนั
ก 20 - 60 กก.
้
สุกรนาหนั
ก 60 - 90 กก.
้
้
สุกรนาหนั
ก 90 ขึนไป
สุกรอุ ้มท ้อง
้
ลูกโค( 4 วันขึนไป
)
โค(2 – 2 ½ ปี )
โคขุน
โคนม
ไก่เนื อ้
ไก่งวง
ไก่กระทง
ลูกเป็ ด
Hintz et
al.(1967) ;
Allcroft(1969)
อ้างโดยสุก ัญญา,
2530
มาลินี, 2527
0.28
‹ 0.69
0.3 -0.5 , ‹ 0.45
0.2
0.66
1.5
0.25
‹ 0.21
-
0.28
0.28 และ 0.42
0.69
0.3 – 0.5
0.2
0.7 – 1.0
1.5
0.21 และ 0.42
0.25
0.3
ั ว์ปีกทีไ่ ด ้รับอะฟลาทอก
ตาราง แสดงอาการสต
ิ
ซน
ระด ับ
อาการ
ชนิ ดสัตว ์
้
่ บ
เป็ ด
0.03 ppm เกิดเนื องอกที
ตั
้
ไก่กระทง
0.06 ppm พบการคัดทิงซากสู
ง
0.63 ppm พบลักษณะ hemolytic anemia สูงขึน้ เม็ดเลือด
แดงลดลง การสร ้างภูมค
ิ มกั
ุ ้ นโรคลดลง
1.25 ppm พบตับ ม้ามและไต ใหญ่ขน
ึ ้ แต่ตอ
่ มเบอร ์ซ่า ต่อม
ไธมัสเล็กลง และพบลักษณะ fatty liver และการ
2.5 ppm ทางานของเอนไซม ์ระบบย่อยอาหารลดลง
ไก่ไข่
5 ppm พบการแข็งตัวของเลือดนานขึน้ การเจริญเติบโต
10 ppm ลดลง อัตราตายสูง
ไก่งวง
1.25 ppb ความแข็งแร,หนาเปลือกไข่ลดลง ไก่พ่อแม่พน
ั ธุ ์ไข่
สุกร
0.28- 0.7 และเการฟักลดลง
ppm
พบตับขยายใหญ่และพบลักษณะ fatty liver
โค
changes ไข่ลด
่ น้
0.2-1.5
prothrombin
time
เพิ
มขึ
่ : เปล่งศรี (2540)
ทีมา
้ ตว ์ มีทางตรงและทางอ ้อม
ปัญหาความสูญเสียของฟาร ์มเลียงสั
กล่าวคือ
่ ้ร ักษาสัตว ์ป่ วย การสูญเสียชีวต
ทางตรง ได ้แกค่าใช ้จ่ายทีใช
ิ สัตว ์ การ
้ ้องสูญเสียอาหารเลียงสั
้ ตว ์มากขึน้ เพราะ
สูญเสียแรงงานจากการทางานมากขึนต
้ ้อาหารมากขึน้ ต ้องใช ้สารยับยังชื
้ อราหรื
้
อัตราแลกเนื อใช
อสารทาลายสารพิษจาก
้
เชือราและยาบ
ารุงเสริม ทาให ้เกิดค่าใช ้จ่ายมากขึน้ (นิ รนาม, 2540)
ทางอ ้อม เสียค่าใช ้จ่าย เช่น สารเคมี แรงงาน การทดสอบ การ
้
ตรวจสอบวัตถุดบ
ิ อาหารสัตว ์ ในทางปฏิบต
ั เิ ราสามารถตรวจสารพิษเชือราได
้ทุก
่ าให ้สัตว ์ป่ วยมีเชือราหลายๆ
้
ชนิ ด เพราะในอาหารสัตว ์ทีท
ชนิ ดอยู่รวมกันต ้อง
เสียค่าใช ้จ่ายมากขึน้
ปัญหาสูญเสียทางเศรษฐกิจของประเทศ เป็ นปัญหา
่ ความสาคัญในระดับสุขภาพของประเทศ จากการ
สาคัญทางเศรษฐกิจซึงมี
่
ประชุมกรรมการ CODEX เกียวกั
บ Food Additive and Contaminants ใน
่ สงไว ้ ไม่เกิน 5 พีพบ
ประเทศพัฒนาแล ้วได ้กาหนดระดับอะฟลาทอกซินในถัวลิ
ี ี
่ ้เลียงขณะที
้
่ ้นมอะฟลาทอกซินปนเปื ้อน ไม่เกิน 5 พีพบ
อาหารสัตว ์ทีใช
ให
ี ี และ
่
อาหารสัตว ์ทัวไปมี
อะฟลาทอกซินไม่เกิน 50 พีพบ
ี ี และจะเกิดความลาบากสาหร ับ
้
่
ประเทศไทย หากการกาหนดค่าของสารพิษจากเชือราต
าลงกว่
านี ้ จึงควรมีการ
่
ปร ับปรุงพันธุ ์ข ้าวโพด การเก็บเกียว
การตกเขียว การตากแห ้ง และการใช ้
่
เครืองอบ
(จักรกริศน์, 2540)
้
วิธป
ี ้ องก ันการปนเปื ้ อนและการทาลายเชือรา
้
วิธลี ดการปนเปื ้อนและการทาลายเชือราในอาหารสั
ตว ์สามารถแบ่ง
ออกได ้เป็ น 4 คือ
่ ้แก่
1. วิธท
ี างฟิ สิกส ์และกายภาพ ซึงได
่
้
1.) คัดเอาเมล็ดพืชทีแตกและมี
เชือราออก
2.) โดยการนึ่ ง การต ้ม การคัว่ และการอบ
่ อยู่ในแสงแดดโดยการ
3.) การใช ้ร ังสี คือแสงอุลตราไวโอเลต ซึงมี
่ ่ในระหว่าง
นาไปตากแดดหรือร ังสีไอออนไนซ ์ เช่นร ังสีเอกซ ์ ร ังสีแกมมา ซึงอยู
การศึกษา
4.)การใช ้สารดูดซ ับ(Sorbentmaterriai)เช่น ดิน (Clays) เบนโธไนท ์
(bentonite)ซิโอไลท ์ (Zeolite) ฟิ ลโลซิลเิ กต (phyllosilicate) หรือเอสเอสซี
เอเอส (hydrate sodium calcium aluminosilicate, HSCA) เป็ นสารดูด
้
้
ซบั เชือราโดยเฉพาะอะฟลาทอกซิ
นได ้ดีมาก แต่ต ้องระวังเพราะสารเหล่านี อาจ
่ ดมา
ดูดซึมวิตามิน แร่ธาตุ และยาปฏิชวี นะได ้ ยังมีสารดูดซบั พวกอินทรีย ์ทีสกั
จากคาร ์โบไฮเดรต (เยาวมาลย ์, 2544)
5.) การสกัดด ้วยสารละลาย เช่น อาซีโตน คลอโรฟอร ์ม เบนซิน
2. วิธท
ี างเคมี มีอยู่หลายวิธดี งั นี
่ (oxidation) เช่นใช ้สารคลอรอค (Clorox) ด่างทับทิม
1.) ออกซิเดชัน
่ ยม
พบว่าลดอะฟลาทอกซินลงได ้แต่ไม่เป็ นทีนิ
่ (Reduction) เช่นใช ้โซเดียมโบโรไฮไดด ์ (borohydried) ใช ้
2.) รีดก
ั ชัน
ไม่ได ้ในอาหารสัตว ์
่ (Hydroxylation) ในปฏิก ิรยิ าเป็ นด่าง โดยใช ้
3.) ไฮดรอกซิเลชัน
โซเดียมไฮดรอกไซด ์ แอมโมเนี ย โซเดียมไบคาร ์บอเนต ในอุตสาหกรรมอาหาร
สัตว ์ยังไม่สามารถนามาใช ้ได ้
4.) แอมโมเนี ยซ ัน (Ammoniation) โดยใช ้แก๊สแอมโมเนี ยและสารละลาย
่ นทีแพร่
่
่ ดในประเทศ
แอมโมเนี ยมไฮดรอกไซด ์ 1-2% ซึงเป็
หลายมากทีสุ
สหร ัฐอเมริกา
่
5.) สารเคมีอนๆ
ื่ เช่นฟอร ์มาดีไฮด ์ ในอาหารสัตว ์ไม่คอ
่ ยใช ้กัน เพิม
มลภาวะ
้
้
6.) สารเคมียบ
ั ยังการเกิ
ดเชือรา
3. ทางด้านชีวภาพ (Biological) โดยอาศัยขบวนการหมักวัตถุดบิ อาหาร
้ ลน
สัตว ์ด ้วยเชือจุ
ิ ทรีย ์ต่างๆลงไป คาดว่าจะเป็ นวิธก
ี ารร ักษาคุณค่าของสารอาหาร
ไว ้ได ้มากวิธห
ี นึ่ ง
่ นประโยชน์มาเสริมในอาหารสัตว ์ใน
4. ทางจุลน
ิ ทรีย ์ มีการนาจุลนิ ทรีย ์ทีเป็
่
่
ชือของ
โปรไบโอติกเมือเสริ
มในอาหารสัตว ์แล ้วสามารถขับสารพิษออกจาก
้
การแก้ไขการเกิดพิษของเชือราในสั
ตว ์และอาหาร
1. คอปเปอร ์ซ ัลเฟตละลายน้าให ้กิน 7 วัน ในอัตราส่วน 20 ppm
(1:200)หรือในอาหาร 600 ppm
2. กรดโปรปิ ออนนิ ค (propionic acid) ในอาหาร 0.05% หรือแคลเซียม
โปรปิ ออนเนต 0.22% ในอาหาร
3. เจนเทียนไวโอเลต (gentianviolet) 1 ppm ในน้า หรือ 8 ppmใน
อาหาร
4. ใช ้ในสเตติน (Nystatin) 125 ppm ในอาหารหรือเบต ้าไฮดรอกซิควิ
โนลิน(-hydroxy quinolin) ในอาหาร
้
5. ใช ้เพนตะคลอโรฟี นอล (pentachorophenol) ในวัสดุรองพืนคอก
(ขี ้
แกลบ) 0.5-1.0 ppm
่
6. ใส่อท
ี อกควินิน (Ethoxyquin 66%) 70 กร ัม ต่อตันอาหาร เพือควบคุ
ม
้
เชือรา
้
7. ใส่สารควบคุมเชือราในอาหาร
ดังนี ้
1.) กรดโปรปิ ออนนิ ค 1.2 กก. ต่อตันอาหาร หรือ 1200 ppm
2.) เจนเทียนไวโอเลต 276 กร ัมต่อตันอาหาร หรือ 276 ppm
3.) คอปเปอร ์ซัลเฟต 150 กร ัมต่อตันอาหาร หรือ 150 ppm
(เยาวมาลย ์, 2544)
สรุปและข้อเสนอแนะ
้
สารพิษจากเชือราเป็
นชนิ ดไมโคทอกซิน อยูใ่ นรูปของเมตา
่ นชนิ ดทีมี
่ อน
่ การ
บอไลท ์ ซึงเป็
ั ตรายต่อสุขภาพคนและสัตว ์ ทีมี
ปนเปื ้ อนอยูใ่ นอาหารอยู่ 13 ชนิ ด คือ อะฟลาทอกซิน ซีราเลโนน
ซีอาเพนอล ไตรโคเรซีน โอคราทอกซิน ซิตรินิน กรดเพนิ ซลิ ลิก
พาทูลน
ิ สเตอริกมาโตซิสติน แอลเทอราชิออลเอทิลอีเทอร ์ กรดไม
โคฟี นอลิก เพนิ เทรเอ และพีอาร ์ทอกซิน สารพิษจะปนเปื ้ อนได ้ทัง้
่ ตถุดบ
ก่อนและหลังการเก็บเกียววั
ิ และการนาวัตถุดบ
ิ นาไปใช ้ในอาหาร
่
สัตว ์ ซึงผลของการเป็
นพิษ มีพษ
ิ อย่างเฉี ยบพลันและสารก่อมะเร็งใน
้
่
่
สัตว ์ ทาให ้ขัดขวางการทางานของน้าย่อย การยับยังการเคลื
อนที
่
ของไขมันและยังทาลายกรดอะมิโนและวิตามินทีละลายในไขมั
น ดังนั้น
้
้
เราจึงต ้องมีวธิ ป
ี ้ องกันการปนเปื ้ อนและการทาลายเชือราทั
งทางฟิ
สิกส ์
และเคมี