การป้องกัน วัคซีน

Download Report

Transcript การป้องกัน วัคซีน

รศ. ดร.วัชรพงษ์ วัฒนกลู
วัตถุประสงค์
1. เพือ่ ให้ นักศึกษาทราบหลักการเบือ้ งต้ นในการ
ผลิตสุ กร
2. เพือ่ ให้ นักศึกษาใช้ เป็ นพืน้ ฐานในการศึกษา
วิชาการผลิตสุ กรสาหรับนักศึกษาสาขาสั ตวศาสตร์
พ่อแม่ พนั ธุ์ ประมาณ 5-6 ล้านตัว
กาลังผลิต ปี ละ 10 ล้านตัว
ผลิตเนือ้ ได้ ปีละประมาณ 3 แสนตัน
ใช้ ในประเทศเป็ นส่ วนใหญ่
สุกรพืน้ เมือง
สุกรต่ างประเทศ
ลักษณะทั่วไป
 ตัวเล็ก สีดา เป็ นสัดเร็ว
ให้ ลูกน้ อย เจริญเติบโตช้ า
พันธ์ ุ
ราด, พวง, ควาย (ตาขาว)
สุ กรพืน้ เมืองของไทย
 นาเข้ าพันธุ์แท้
 ไม่ มกี ารผสมข้ ามกับพันธุ์พนื้ เมือง





ลาร์ จไวท์
แลนเรซ
ดูรอค
เพียร์ เทรน
แฮมเชียรย์
ฯลฯ
?
พันธ์ ุลาร์ จไวท์ (Large white)






ต้ นกาเนิด พันธุ์ยอร์ คเซีย (Yorkshire) ประเทศอังกฤษ
ลาตัวสี ขาว อาจมีจุดดาบริเวณลาตัวบ้ าง
เพศผู้หนักประมาณ 200-300 กก.
เพศเมียหนักประมาณ 150-200 กก.
หูต้งั (Erect ears)
ให้ ลูกดก (ประมาณ 10-12 ตัว/ครอก), เลีย้ งลูกเก่ ง
มีจานวนลูกหย่ านมสู ง
(Large white)
พันธ์ ุแลนเรซ (Landrace)
ปรับปรุงระหว่ าง ลาร์ จไวท์ และพันธุ์พนื้ เมือง
ของเดนมาร์ ค
 แพร่ หลาย ในประเทศ อเมริกา, อังกฤษ,
เนเธอร์ แลนด์ และอืน่ ๆ ในยุโรป
ลาตัวยาว (ซี่โครง 16-17 คู่)
ใบหูปรก ( lop ears)
Landrace
พันธ์ ุดูรอคเจอร์ ซี่ (Doroc jersey)
• อเมริกา
• โครงสร้ างใหญ่
• หลังโค้ งงอเป็ นรู ปธนู ทนโรค
• ขนผิวหนังสี แดง, ดา
• คุณภาพซากดี
• หูเอียงไปข้ างหน้ า (Tipping forward ears)
?
Duroc
พันธุุุ์เพียร์ เทรน
(Pietrain)
•เบลเยี
ย่ ม
•ลาตัวสี ขาว
•มีจุดสี ดาเป็ นวง กระจายทัว่ ลาตัว
•มียนี ด้ อย เกิด Porcine Stress
Syndrome (PSS)
พันธุุุ์เพียร์ เทรน (Pietrain)
Pietrain
 แฮมเชียร์ (Hamshire)
Hamshire
• อเมริกา
• ลาตัวสี ดา บ่ ามีคาดแถบขาว
สุกรสาว (gilt)
เป็ นสั ดครั้งแรกอายุ 6-7เดือน
นา้ หนักประมาณ 70-80 กก.
อัตราการผสมติด 70-75 %
(สุ กรสาวมีโอกาสตั้งท้ อง 70-75%)
วงรอบการเป็ นสั ด ทุก 21วัน
ตั้งท้ องระยะเวลา 114 วัน
ขนาดลูกต่ อครอก 10-12 ตัว
ลูกหย่ านมอายุ 3-5 อาทิตย์
?
นา้ หนักลูกสุกรหย่ านม
3 อาทิตย์ ประมาณ 5-5.5 กก. (พยายาม
ปฏิบัต)ิ
4 อาทิตย์ ประมาณ 6-7.0 กก.(นิยมปฏิบัต)ิ
5 อาทิตย์ ประมาณ 7.5-8.5 กก.
7 อาทิตย์ ประมาณ 12.0 กก. (พบในอดีต)
1 อาทิตย์ น้าหนักเป็ น 2 เท่ าของน้าหนักแรก
เกิด
สมรรถนะของสุ กรในช่ วงอายุต่างๆ
(NRC, 1985)
ADG (โต/วัน) FI (กิน/วัน) FCR (โต/อาหาร)
กรั ม กรั ม
ไม่ มีหน่ วย
สุ กรเล็ก (1-5 กก.) 200 250 (นม)
1.2
สุ กรเล็ก (5-10กก.) 250 460
1.8
สุ กรเล็ก (10-20 กก.) 450
950
2.1
สุ กรรุ่น (20-50 กก.)
700 1900
นา้ หนักส่ งตลาด
ไทย 90-100 กก. อายุ150
วัน
ยุโรป 70-90 กก.
ความหนาไขมันหลัง
ไทย(วัดที่ 3 จุด)ไม่ เกิน 15-25 ?
ความหนาไขมันสั นหลัง
3
2
1
การผลิตสุกรลูกผสม
2
สาย
ลาร์ จไวท์ * แลนเรซ หรือสลับกัน
ใช้ เป็ นแม่ พนั ธุ์ สองสาย ให้ ลูกดกเลีย้ งลูกเก่ง (Heterosis)

3 สาย (ไทย)
ลูกผสม 2 สาย ผสม กับพ่อ ดูรอค
ลูกนิยมเป็ นสุ กรขุน คุณภาพซากดี
 4 สาย
ลาร์ จไวท์ *แลนเรซ--------------ดูรอค*เพียร์ เท
รน
ลูกผสมทั้งสองนามาผสมกัน
?
การคัดเลือกสุกร
Physical Bases of Selection
A. Anatomical Characteristics
 เต้ านมมากกว่ า 12 เต้ า
มีระเบียบ 6/6, 7/7 (ซ้ าย/
ขวา)
 พ่อพันธุ์มี testicle (เม็ดอัณฑะ)
 ใหญ่ และเท่ ากัน
 ไม่ พกิ ารทางพันธุกรรม
ทองแดง
ไส้ เลือ่ น
?
A. Anatomical Characteristics
 มีลาตัวยาว
 ขาหลังแข็งแรง ได้ รูป
 กีบไม่ แบะ ข้ อเท้ า กีบตั้งตรง
 สะโพกใหญ่
 มองบั้นท้ ายเป็ น รูปตัวยู ควา่
A. Anatomical Characteristics
 ตรงตามลักษณะพันธุ์
ดูรอคเช่ น หลังโค้ ง
 ลาร์ จไวท์ เช่ น หลังตรง
 แลนเรซ เข่ น ตัวยาว
B. Production Characteristics
ขนาดครอก (ประมาณ 10-12
ตัว)
แปรผันผกผันกับ นน.แรกเกิด (1.21.5กก.)
มีความสามารถในการเป็ นแม่ ดี
?
อัตราการเจริญเติบโตดี
C. Carcass Characteristics
ความหนาไขมันหลัง แปรผัน
ผกผันกับ พืน้ ที่หน้ าตัดเนือ้ สั น
ความยาวซาก
ส่ วนไหล่ , ตะโพก หนา
พืน้ ที่หน้ าตัดเนือ้ สั น > 6 ตร.
นิว้ )
การจัดการทัว่ ไปในการเลีย้ งสุกร
โรงเรือน
1. โรงเรื อน แบบ เปิ ด
ก่อสร้ างง่ าย, ราคาไม่ แพง, ขึน้ อยู่กบั สภาพแวดล้อม,
ค่ าดูแลรักษาต่า
2. โรงเรือน แบบ ปิ ด
ใช้ เทคนิคในการก่อสร้ าง ราคาลงทุนครั้งแรกสู ง
ควบคุมสภาพแวดล้อมได้ , ค่ าดูแลรักษาสู ง
1. โรงเรือนแบบเปิ ด
หลังคา โรงเรือน
เพิงหมาแหงน
จั่วชั้นเดียว
จั่วสองชั้น
?
เพิงมุงแฝก
จั่วชั้นเดียวมุงกระเบือ้ ง
จั่วชั้นเดียวมุงแฝก
จั่วสองชั้นมุงสั งกะสี
พืน้ ดิน
พืน้ ปูนทึบ Slope 4%
พืน้ สะแลต (slotted floor)
-พืน้ เป็ นช่ องให้ ของเสี ยผ่ านลงสู่ ด้านล่ างได้
-คอกสะอาด
-ทาด้ วย ปูน, พลาสติก หรือตาข่ ายเหล็ก
พืน้ กึง่ สะแลต
ด้ านหน้ าปูนทึบ ด้ านท้ ายเป็ นสะแลต
?
พืน้ ดิน
พืน้ ปูนทึบ
Slope 4%
พืน้ สะแลต
ร่ องระบายของเสี ยใต้ พนื้ สะแลต
พืน้ กึง่ สะแลต
2. โรงเรือนแบบ ปิ ด
Evaporation system
ควบคุมอุณหภูมิด้วย ระบบไอนา้ และพัด
ลม
มีค่าใช้ จ่ายทั้งค่ าก่ อสร้ างโรงเรือน และค่ า
ดาเนินการ
แต่ สุกรอยู่ในสบาย ไม่ ต้อง ปรับตัวมาก
คอกแม่ พนั ธ์ ุ
กรงตับ คอกยืนเดีย่ วกลับตัวไม่ ได้
ขนาด 60*200 ซม.
กรงเดีย่ ว คอกขังเดีย่ ว เดินไปมาได้
ขนาด 1.5*1.5 ตร.ม.
กรงรวมแม่ พนั ธุ์ คอกขังรวม
แม่ พนั ธุ์หลังหย่ านมรอผสม 4-6 ตัว
ขนาด 6-7 ตร.ม.
?
กรงตับ
กรงรวม
กรงเดี่ยว
 คอกพ่อพันธ์ ุ
 ขนาด 6-7 ตร.ม.
 พืน้ ทึบหรือสะแลต
 คอกคลอด
•ขนาด 2.0*2. 25 ตร.ม.
•พืน้ ที่ตรงกลางคล้ายกรงตับ
•พืน้ ทีท่ ้งั สองข้ างให้ ลูกสุ กรอยู่
กรงพ่อพันธุ์
คอกคลอด
คอกคลอด
•กรงขนาดเล็ก จุ ลูกสุ กรหย่ านม 10-20 ตัว
•ขนาด 1.5*1.5 ตร.ม.
นา้ หนัก (กก.) พืน้ ทึบ (ตร.ม./ตัว)
10-20
20-50
50-100
0.6-0.8
0.8-1.0
1.2-1.5
พืน้ สะแลต(ตร.ม./ตัว)
0.27
0.54
0.81
?
สุ กรรุ่น
สุ กรขุน
สุกรสาว
•เริ่มผสมเมื่อเป็ นสั ดครั้งที่ 2
•ก่ อนผสม 10 วันควรเพิม่ อาหารเป็ น 2
เท่ า (Flushing) จาก 2 กก. เป็ น 4 กก.
-เพิม่ อัตราการตกไข่
?
ผสมเมือ่ อายุได้ อย่ างน้ อย 8 เดือน
อาทิตย์ หนึ่งผสมได้ 5-6 ครั้ง
 ให้ อาหาร วันละ 1.5-2.0 กก. ตาม
สภาพ
ตรวจการเป็ นสั ดทุก 21 วัน
อาการเป็ นสั ด
•อวัยวะเพศบวมแดง
•มีนา้ เมือกไหลเยิม้
•ยืนนิ่งเมือ่ มีพ่อพันธุ์มาใกล้
•กดหลังแล้วยืนนิ่ง
(standing heat reflex)
?
ตรวจสั ด
Standing Heat Reflex
 ผสมสุ กรโดยการนาตัวเมียไปหาตัวผู้
 สุ กรนางผสมหลังตรวจพบ 8-12 ชม.
-ตกไข่ เต็มที่ และระยะเป็ นสั ดยาว
 สุ กรสาวผสมทันทีเมื่อตรวจพบ
-ระยะการเป็ นสั ดสั้ น
ผสมซ้าอีกทีภายใน 10-12 ชม.
ผสมจริง/หรือผสมเทียมโดยน้าเชื้อสด
แม่ สุกรเมื่อผสมแล้ วควรแยกขังเดีย่ ว
 ตรวจการกลับสั ดทุก 21 วัน
ให้ อาหารวันละ 2 กก.
เพิม่ อาหารเป็ น 2.5-3.0 กก.เมื่อตั้ง
ท้ องได้ 84 วัน
ย้ ายเข้ าห้ องคลอด เมื่อตั้งท้ อง ไม่
เกิน 107 วัน
อาบนา้ แม่ ก่อนเข้ าห้ องคลอด
ถ่ ายยา ด้ วย MgSO4 1 ช้ อน
ชา/อาหาร 1 กก.
ถ่ ายพยาธิ
 ติดไฟกก
วันคลอดบีบนมจะมีนา้ นมไหลพุ่ง
แม่ สุกรกระวนกระวาย
ไม่ กนิ อาหาร
ควรปูฟางเพือ่ ลดความเครียด
เมือ่ ถุงนา้ คร่าแตกลูกสุ กรออกเอง
ลูกสุ กรออกห่ างกันเฉลีย่ 45 นาที
ลูบเต้ านมกระตุ้น
ฮอร์ โมนเร่ งคลอด ออกซี่โตซิน 20 IU
(2 ซีซี) เข้ ากล้ าม ออกฤทธิ์ภายใน 30 นาที
-ควรฉีดเมื่อลูกตัวแรกออกมาแล้ ว
(ปากมดลูกเปิ ดแล้ ว)
ไม่ ควรฉีดติดต่ อกันเกิน 2 เข็ม
-ล้ วง ถ้ าฮอร์ โมนไม่ ได้ ผล (ลูกตัวใหญ่ , ขวาง)
?
การล้ วง
การช่ วยกระตุ้นการหายใจ (ถ้ าหายใจแผ่ ว)
บีบปั้มบริเวณทรวงอก
ล้ วงเมือกออกจากปาก
เช็ดตัวให้ แห้ ง
ผูกสายสะดือ (บางฟาร์ มไม่ ทา)
พ่นหรือทาทิงเจอร์ ไอโอดีนที่สะดือ
เช็ดตัว
ทาทิงเจอร์
 ตัดเขีย้ ว 4 คู่ (ป้ องกันการกัดเต้ านม)
 ตัดหาง 1/2 ของหาง (ลดการกัดหาง)
 ตัดเบอร์ หู หรือสั กหรือติดเบอร์
 ให้ ลูกสุ กรกินนมนา้ เหลือง
(นมน้าเหลืองจะหมดภายใน 24 ชม.)
?
ตัดเขีย้ ว 4 คู่
ตัดหาง
ตัดหู
อายุ 3 วัน ฉีดธาตุเหล็กเข้ ากล้ าม (2 ซีซี)
อายุ 7 วัน ให้ อาหารเลียราง (creep feed)
โปรตีน 24 %
อายุไม่ เกิน 2-3 อาทิตย์ ตอนลูกสุ กร
เพศผู้ทจี่ ะขุนขายเป็ นสุ กรเนือ้
แม่ สุกรเลีย้ งลูก 21-28 วัน
 ให้ อาหารเริ่มจากวันละ 1 กก.
เพิม่ ขึน้ วันละ 1 กก. จนปริมาณสู งสุ ด
 ปริมาณสู งสุ ด
= อาหารแม่ สุกร(2กก.)+จานวนลูก *(0.3
กก.)
เช่ น ปริมาณสู งสุ ดของแม่ ให้ ลูก 10 ตัว
= 2 + (10 *0.3)= 5.0 กก.
?
 วันหย่ านมงดให้ อาหารแม่ สุกร
 ย้ ายแม่ สุกรหย่ านมไปเลีย้ งรวม
เพือ่ รอผสม (4-6 ตัว)
แม่ สุกรควรกลับสั ด
ภายใน 4-11 วัน
?
 ย้ ายลูกไปกรงอนุบาล
 หรือเลีย้ งต่ อในคอกคลอดอีก 1 อาทิตย์
คัดลูกสุ กรเข้ ากรงอนุบาลตามขนาด
(แต่ ไม่ ควรผสมกันมากกว่ า 3 ครอก)
 ให้ อาหารทีละน้ อยแต่ บ่อยครั้ง (กินเต็มที)่
 อาหารอัดเม็ดโปรตีน 20% หรือสู งกว่ า ?
 ให้ กนิ อาหารเต็มที่
อาหารมีโปรตีน(%)ลดลงเมือ่ อายุเพิม่ ขึน้
10-20 กก.
50-100 กก. NRC
16%
ARC
20-50 กก.
18%
13-14%
18%
16%
15-
1. อหิวาต์ สุกร
5.ลูกสุ กรขีข้ าว
2. ปากเท้ าเปื่ อย
ในสุ กร
6. แท้ งลูกกรอก
3. ปอดอักเสบติดต่ อ
7. แท้ งติดต่ อ
4. จมูกบิด
8. พิษสุ นัขบ้ า
เชื้อ ไวรัส ระบาด รุนแรง ตายสู ง
อาการ ไข้ สูง, ตาแดง, อาเจียน ผืน่ สี ม่วง
ขึน้ ตามตัว
การรักษา ไม่ มี
การป้องกัน วัคซีน
เชื้อ ไวรัส (7 สายพันธุ์)
เอ,
โอ,
เอเชี
ย
1,
ซี
,
SAT1,
SAT2
และ
SAT3
ระบาด รุนแรง ตายตา่
อาการ ปากและเท้ าเป็ นตุ่มใส ติดเชื้อแทรกซ้ อน,
กินอาหารไม่ ได้
การรักษา ไม่ มี (ยาฆ่ าเชื้อทาแผล)
การป้ องกัน วัคซีน
เชื้อ ไมโครพลาสม่ า
ระบาด รุนแรง ตายตา่
อาการ ไอตอนเช้ าหรือเมื่อเหนื่อย, จาม, เติบโตช้ า
การรักษา คลอเตตราซัยคลินและ ออกซี่เตตราซัยคลิน
การป้ องกัน การสุ ขาภิบาล
เชื้อ ไวรัส
ระบาด ตา่ สู ญเสี ยในพ่อแม่ พนั ธุ์
อาการ กระดูกอ่ อนโพรงจมูก ถูกทาลาย จมูกบิด, ไอ จาม
การรักษา ไม่ มีโดยตรง, ใช้ ยาปฏิชีวนะช่ วย
การป้ องกัน ไม่ นาเข้ าพ่อแม่ พนั ธุ์จากฟาร์ มที่เป็ นโรค
เชื้อ แบคทีเรีย Escherichia Coli
ระบาด ต่า แต่ พบบ่ อย ตายปานกลาง แต่ มีผล
ต่ อการเจริญเติบโตของลูก
อาการ อุจจาระเหลว สี เหลืองอ่ อนหรือขาว
การรักษา นีโอมัยซิน, โคลีสตีน, ไทโรซิน
ฯลฯ (ดือ้ ยาง่ าย)
การป้ องกัน สุ ขาภิบาล, ความอบอุ่นในคอก
?
Stillbirth mummification embryonic death and infertility
เชื้อ ไวรัส (Pavovirus)
ระบาด - จากการสั มผัส
ง่ าย
- 30 วันแรกของการตั้งท้ องติดเชื้อได้
แม่ สุกรทีไ่ ด้ รับเชื้อแล้ วจะมีภูมติ ้ านทาน
(แต่ อาจผสมติดยาก)
อาการ แม่ สุกรแท้ งลูก
- ท้ องระยะแรกลูกถูกดูดซึมกลับหมด
- ท้ องระยะหลังออกเป็ นมัมมี่
การรักษา ไม่ มี
การป้ องกัน - ป้ องกันโรคเข้ าฟาร์ ม
วัน
- ให้ แม่ สัมผัสเชื้อก่ อนการผสม 30
เชื้อ แบคทีเรีย Brucella suis
ระบาด ติดจากพ่ อในการผสมพันธุ์ (อยู่ในอัณฑะ)
อาการ ผสมไม่ ติด แท้ งช่ วง 16-19 วันของการตั้ง
ท้ อง
การรักษา ไม่ มี
การป้ องกัน - กักกันโรค
- แยกพ่ อพันธุ์ทสี่ งสั ยออก กาจัดถ้ าเป็ นโรค
เชื้อ ไวรัส (Herpes virus)
ระบาด ตายมากในสุ กรเล็ก สุ กรใหญ่ ป่วยแต่ ไม่ ตาย
อาการ ยืนหลังโก่ ง หูตก ลูกสุ กร 2-3 อาทิตย์
ท้ องเสี ย, อาเจียน สั่ น แม่ สุกรแท้ งลูกได้
การรักษา ไม่ มี
การป้ องกัน วัคซีน
แม่ พนั ธุ์
AD(d) SF
-4
+2
1
8
AD(l)
FMD
-3
-2
คลอด
PAVO
+1
+3
ลูกสุ กร
EP
EP
EP
SF
1
3
AD(l)
5
9
AD(d)
FMD
6
หมอหมู (1998)
SF2
7
พ่อพันธุ์
SF ทุก 6 เดือน
Pavo ทุก 6 เดือน (SMEDI)
FMD ทุก 4-6 เดือน
AD ทุก 4-6 เดือน
หมอหมู (1998)
ANS
คลิก
คลิก ?
แบบทดสอบ
เพือ่ ทราบคาตอบ
เพือ่ มายังคาถามข้ อต่ อไป
1. พันธุ์สุกรต่ างประเทศทีน่ ิยมเลีย้ งในไทย ANS
2. สุ กรพันธุ์ดูรอค เจอร์ ซี่ มีลกั ษณะสาคัญเช่ นไร ANS
3. สุ กรพันธุ์มีวงรอบเป็ นสั ดและตั้งท้ องกีว่ นั ANS
4. สุ กรขุนในไทยถูกส่ งฆ่ าทีน่ า้ หนัก ประมาณ ANS
5.สุ กรสามสาย คืออะไร
ANS
6.บอกลักษณะพิการทางพันธุกรรมของสุ กรพันธุ์ ANS
7.แม่ สุกรจะให้ ลูกเป็ นครอกหรือครั้งละประมาณกีต่ ัว
ANS
8.โรงเรือนจั่วสองชั้นมีลกั ษณะเป็ นอย่างไร
ANS
9. พืน้ สะแลตคือพืน้ ที่มีลกั ษณะอย่ างไร
ANS
10. กรงตับมีลกั ษณะเป็ นอย่ างไร
ANS
11. คอกแบตเตอรี่คอื อะไร
ANS
12. Flushing หรือการปรนอาหารคืออะไร
13. Standing Heat Reflex คืออะไร
ANS
14. ฮอร์ โมนออกซี่โตซินใช้ เพือ่ ประโยชน์ ใด
ANS
15. จงบอกวิธีจัดการกับลูกสุ กรแรกเกิด
ANS
ANS
16. ปัจจุบันเราให้ แม่ สุกรเลีย้ งลูกประมาณกีว่ นั .
ANS
17. แม่ สุกรให้ ลูก 10 ตัวจะได้ รับอาหารสู งสุ ดกีก่ ก.
ANS
18. แม่ สุกรควรกลับมาเป็ นสั ดในกีว่ นั หลังหย่ านม
ANS
19หลักในการให้ อาหารลูกสุ กรเล็กคือ
ANS
20. หลักในการป้ องกันโรคขีข้ าวในลูกสุ กรคือ ANS
ขอให้ โชคดี
2546
ผศ.ดร.วัชรพงษ์ วัฒนกูล