บทที่ 1-2 - WordPress.com

Download Report

Transcript บทที่ 1-2 - WordPress.com

บทนำกำรวิเครำะห์และออกแบบระบบ
บทที่ 1
สำรสนเทศ (Information)
คือ ข้อมูลดิบทีถ่ ูกปรับเปลีย่ นเป็ นข้อมูลผลลัพธ์ทเ่ี กิดปรโยยนน์.
ซึง่ ขัน้ ตอนของการปรับเปลีย่ นข้อมูลดิบ (Data) ให้มาเป็ นข้อมูลทีเ่ กิด
ปรโยยนน์ (Information) เรียกว่ากรโบวนการ (Processing)
รโบบสารสนเทศปรโกอบด้วย 5 ปจั จัยสาคัญ
1. ฮาร์ดแวร์
2. ซอฟท์แวร์
3. ข้อมูล
4. การปรโมวลผล
5. บุคลากร
1
2
1. Hardware :
ฮำร์ดแวร์ สิง่ ทีจ่ บั ต้องได้ในรโบบสารสนเทศ หมาย
รวมถึง เครือ่ งคอมพิวเตอร์ รโบบเครือข่าย อุปกรณ์
ด้านการติดต่อสือ่ สาร เครือ่ งสแกนเนอร์ อุปกรณ์
ดิจติ อลในการจับภาพแลโสิง่ ปรโดิษฐ์ดา้ นเทคยนยลยี
อื่นๆ
3
2. Software :
• ซอฟท์แวร์ระบบ (System Software) เป็ นรายลโเอียด
ของนุดคาสังที
่ ค่ วบคุมเครือ่ งคอมพิวเตอร์แลโรโบบการ
ปฏิบตั งิ านของเครือ่ งคอมพิวเตอร์ การเนื่อมต่อกับ
ฮาร์ดแวร์เพือ่ ควบคุมภารโงาน
• ซอฟท์แวร์ประยุกต์ (Application Software)
ปรโกอบด้วยรายลโเอียดของนุดคาสังที
่ น่ ว่ ยสนับสนุนผูใ้ น้
แลโองค์กรให้สามารถดาเนินงานได้ตามความต้องการ ยดย
น่วยในผูใ้ น้สามารถเพิม่ ปรโสิทธิภาพของงานได้มากขึน้
4
โปรแกรมประยุกต์ (Application software)
 อินเฮ้าส์แอพพลิเคนัน (In-house application)
ยปรแกรมปรโยุกต์ทแ่ี ผนกไอทีพฒ
ั นาขึน้ เอง
 ยปรแกรมสาเร็จรูป (Software package)
ซอฟท์แวร์สาเร็จรูปทีซ่ อ้ื จากบริษทั ผูพ้ ฒ
ั นารโบบเพือ่ การค้า
 สามารถนามาปรโยุกต์ใน้งานร่วมกันได้ เรียกว่า
รโบบงานแนวราบ หรือ ฮอร์รซิ อนเทลซิสเต็ม (Horizontal
System)
 หากมีการจ้างให้พฒ
ั นาออกแบบยดยเฉพาโให้ตรงตาม
ความต้องการของธุรกิจ จโเรียกว่าเป็ น รโบบงานแนวดิง่
หรือเวอร์ทเิ คลซิสเต็ม (Vertical System)
5
3. Data :
ข้อมูล (Data) ข้อมูลดิบมาทาให้เกิดปรโยยนน์ในรโบบ
สารสนเทศ
4. Process or Procedure :
กำรประมวลผล (Processes หรือ Procedures)
กรโบวนการหรือการปรโมวลผล อธิบายถึงวิธกี าร
ดาเนินงานตามแบบจาลองทางธุรกิจ
6
5. People :
ผูใ้ ช้งำน (Users หรือ End Users) หมายรวมถึง พนักงาน
ลูกค้า บริษทั ผูจ้ ดั จาหน่าย แลโผูท้ ม่ี สี ว่ นเกี่ยวข้องกับรโบบ
สารสนเทศทัง้ หมด
ยดยแบ่งออกเป็ น
• ผูใ้ ช้งำนภำยใน (Internal Users) ได้แก่ ผูจ้ ดั การ
น่างผูเ้ นีย่ วนาญ พนักงานขาย เจ้าหน้าที่
• ผูใ้ ช้งำนภำยนอก (External Users) เน่น ลูกค้า
บริษทั ผูจ้ ดั ส่งวัตถุดบิ
7
 Information systems must fulfill business
needs and support company objectives.
รโบบสารสนเทศต้องสามารถตอบสนองความต้องการของ
ธุรกิจได้อย่างแท้จริงแลโเป็ นไปตามวัตถุปรโสงค์ของบริษทั
 The success or failure of a system usually
depends on whether users are satisfies with the
system’s output and operations
รโบบจโปรโสบความสาเร็จหรือความล้มเหลวขึน้ อยูก่ บั
ความพึงพอใจของผูใ้ น้งานในข้อมูลทีไ่ ด้รบั จากรโบบงานเป็ น
สาคัญ
8
เทคโนโลยีสำรสนเทศ (Information Technology - IT)
เป็ นการปรโสมปรโสานรโหว่าง
• ฮาร์ดแวร์ (Hardware)
• ซอฟท์แวร์ (Software)
• รโบบสือ่ สารยทรคมนาคม (Telecommunication Systems)
..... เพือ่ น่วยในการปฏิบตั งิ าน
..... เพือ่ เพิม่ ปรโสิทธิภาพให้กบั งานหรือผลผลิต
..... ให้ขอ้ มูลเพือ่ ปรโกอบการจัดสินใจกับผูบ้ ริหาร
ปจั จัยส่วนหนึ่งของการเติบยตทางด้านเทคยนยลยีสารสนเทศ
เกีย่ วเนื่องกับการวิเคราโห์แลโออกแบบรโบบงาน เพือ่ ให้ได้
รโบบข้อมูลสารสนเทศทีม่ ปี รโสิทธิภาพสูง ซึง่ จโต้องอาศัย
นักวิเคราโห์รโบบฝีมอื ดี
9
แบบจำลองกระบวนกำรธุรกิจ (BUSINESS PROCESS
MODELING) แสดงให้เห็นรายลโเอียดของการดาเนินการธุรกิจ
แลโข้อมูลสารสนเทศทีเ่ ป็ นปรโยยนน์ ซึง่ แบ่งออกเป็ น
 ลักษณะเค้ำโครงธุรกิจ (Business Profile) เป็ นข้อมูล
ยดย ภาพรวมขององค์กร ทีบ่ ่งบอกเกีย่ วกับการดาเนิน
ธุรกิจทัง้ หมด
 แบบจำลองทำงธุรกิจ (Business Model) แสดง
รายลโเอียดของการดาเนินธุรกิจในแต่ลโปรโเภท ด้วยภาพ
แสดงกรโบวนการในการทางาน
 กระบวนกำรทำงธุรกิจ (Business Process) เป็ นการ
อธิบายลักษณโงานแต่ลโงานแลโผลลัพธ์ของงานนัน้
10
การจาแนกปรโเภทของธุรกิจ (Categories of Companies)
แต่ดงเดิ
ั ่ ม มีการจาแนกปรโเภทของบริษทั ออกเป็ น
 ปรโเภทขายผลิตภัณฑ์ (Production-oriented)
 ปรโเภทขายบริการ (Service-oriented)
ปจั จุบนั เพิม่ ธุรกิจอีกปรโเภทหนึ่ง คือ
 ปรโเภทพึงพาอินเตอร์เน็ต (Internet-dependent firm)
หรือทีเ่ รียกว่าธุรกิจดอทคอม (.com)
หนึ่งในการเติบยตทีเ่ คียงคูไ่ ปกับธุรกิจปรโเภทใหม่น้ี คือ
พำณิชย์อิเล็กทรอนิคส์ (e-commerce -> Electronic Commerce
หรือ I-commerce -> Internet Commerce) ทัง้ ในลักษณโของ
• ผูข้ ายกับผูซ้ อ้ื (B2C - Business-to-Consumer)
• ผูข้ ายกับผูข้ าย (B2B - Business-to-Business)
11
ชนิดของระบบงำนสำรสนเทศในด้ำนธุรกิจ
(TYPE OF BUSINESS INFORMATION SYSTEMS)
ในอดีตทีผ่ า่ นมา แบ่งตามผูใ้ น้งานเป็ นหลัก เน่น
 รโบบสานักงาน (Office Systems) กลุ่มผูใ้ น้คอื เจ้าหน้าทีธ่ ุรการ
 รโบบปฏิบตั กิ าร (Operating Systems) กลุ่มผูใ้ น้คอื เจ้าหน้าทีป่ ้ อนข้อมูล
 รโบบข้อมูลสารสนเทศเพือ่ การจัดการ (Management Information
Systems – MISs ) กลุ่มผูใ้ น้คอื ผูบ้ ริหารรโดับกลางแลโรโดับล่าง
 รโบบข้อมูลเพือ่ ผูบ้ ริหาร (Executive Information Systems) กลุ่มผูใ้ น้คอื
ผูบ้ ริหารรโดับสูง
 รโบบน่วยการตัดสินใจ (Decision Support Systems) กลุ่มผูใ้ น้คอื ผู้
วางแผนตัดสินใจเบือ้ งต้น
 รโบบผูเ้ นีย่ วนาญ (Expert Systems) ซึง่ กลุ่มผูใ้ น้คอื ผูท้ ท่ี าหน้าทีค่ วบคุม
หรือผูท้ าหน้าทีว่ นิ ิจฉัยแก้ไขปญั หา
12
 ระบบงำนคำนวณขนำดใหญ่ (Enterprise Computing
Systems)
ทีต่ อ้ งการรโบบสารสนเทศ เพือ่ นามาใน้ในการบริหารข้อมูลขนาด
ใหญ่ ตัวอย่างของรโบบนี้ได้แก่ รโบบการสารองทีน่ งจากทั
ั่
วทุ
่ ก
มุมยลกของสายการบิน รโบบบัตรเครดิตทีร่ องรับจานวนผูใ้ น้บตั ร
จานวนมหาศาล
 ระบบข้อมูลเพื่อกำรประมวลผล (Transaction Processing
Systems - TP) หรือรโบบปรโมวลผลแบบทันทีทนั ใด (Online
Transaction Processing - OLTP) จัดเป็ นรโบบงานปฏิบตั กิ าร
(Operational Systems) เนื่องจากเป็ นการปฏิบตั งิ านทีท่ าปรโจา
ในแต่ลโวัน เน่น รโบบเรียกเก็บเงิน
13
 ระบบข้อมูลสนับสนุนองค์กร (Business support systems BSS)
เป็ นรโบบทีน่ ว่ ยสร้างความสัมพันธ์ของข้อมูลเพือ่ น่วยในการปฏิบตั ิ
งานปรโจาของพนักงานทุกรโดับในองค์กร ยดยรโบบจโสร้างข้อมูลสาร
สนเทศแลโจัดการกรโบวนการปฏิบตั งิ าน หรือที่ เรียกว่ารโบบข้อมูลสาร
สนเทศเพือ่ การจัดการ (Management Information Systems) แลโน่วย
ให้ขอ้ มูลเพือ่ น่วยปรโกอบการตัดสินใจ (Decision Support)
 ระบบองค์ควำมรู้เพื่อกำรจัดกำร (Knowledge Management
Systems) บางตาราจโเรียกว่ารโบบผูเ้ นีย่ วนาญ (Expert Systems)
เพราโเป็ นการจาลองความเป็ นเหตุเป็ นผลของความนึกคิดของ
มนุษย์ เข้ากับฐานองค์ความรู้ (Knowledge Base)
14
 ระบบเพิ่มประสิทธิภำพผูใ้ ช้งำน (User Productivity Systems)
เป็ นเครือ่ งมือสาคัญทีน่ ว่ ยเพิม่ หรือปรับปรุงคุณภาพในการปฏิบตั งิ าน
ให้กบั พนักงานภายในองค์กรทุกรโดับ เน่นรโบบเครือข่ายภายใน
องค์กรแลโในรโยโไกล จดหมายอีเล็กทรอนิกส์ การฝากข้อความ
ด้วยเสียง การปรโนุมทางไกล การนาเสนอด้วยภาพ อินทราเน็ตแลโ
อินเทอร์เน็ต เพือ่ น่วยเพิม่ ปรโสิทธิภาพในการปฏิบตั งิ านให้สงู ขึน้
 ระบบรวมสำรสนเทศ (Information Systems Integration)
บริษทั ขนาดใหญ่สว่ นมากต้องการรโบบทีม่ ลี กั ษณโรวมกันของ
รโบบงานคานวณขนาดใหญ่ รโบบข้อมูลเพือ่ การปรโมวลผล
รโบบข้อมูลสนับสนุนองค์กร รโบบองค์ความรูเ้ พือ่ การจัดการ
แลโรโบบเพิม่ ปรโสิทธิภาพผูใ้ น้งาน
15
Organizational Structure
16
ผูบ้ ริหำรระดับสูง (Top Management)
ทาหน้าทีก่ าหนดแผนรโยโยาว ทีเ่ รียกแผนกลยุทธ์ (Strategic Plans)
 เพือ่ ให้บริษทั เป็ นไปพันธโกิจแลโเป้าหมายทีก่ าหนด
 เพือ่ ความอยูร่ อดหรือการเติบยตของบริษทั ในอนาคต
รวมทัง้ กาหนดทิศทางของแผนพัฒนาเทคยนยลยีในรโยโยาว
ซึง่ ต้องอาศัยข้อมูลจากภายนอก เน่น
การพยากรณ์ดา้ นเศรษฐกิจ
การเติบยตของเทคยนยลยี
ข้อมูลของคูแ่ ข่งขัน
นยยบายของรัฐบาล
มติของผูถ้ อื หุน้
17
ผูบ้ ริหำรระดับกลำง (Middle Management)
 ทาหน้าทีใ่ นการดาเนินการบริหารงานตามนยยบายผูบ้ ริหาร
รโดับสูง ในน่วงสัน้ ๆ ยดยทัวไปจโอยู
่
ป่ รโมาณ 1 เดือนถึง 1
ปี
 กาหนดแผนทีจ่ โให้ให้บรรลุวตั ถุปรโสงค์ ทีเ่ รียกว่าแผนยุทธ
วิธี (Tactical Planning)
 น่วยกาหนดทิศทาง น่วยให้การสนับสนุนต่อสิง่ ทีจ่ าเป็ นใน
การปฏิบตั งิ านแลโติดตามให้กจิ กรรมนัน้ ให้เสร็จสมบูรณ์
18
ผูบ้ ริหำรระดับล่ำง (Lower Management) ได้แก่ หัวหน้างาน
(Team Leaders) หรือผูค้ วบคุม (Supervisor)
 ทาหน้าทีต่ รวจตราดูแลพนักงานรโดับปฏิบตั งิ าน เพื่อให้
สามารถปฏิบตั งิ านในแต่ลโวัน (Operational Plans)
ได้อย่างสมบูรณ์
 จัดหาอุปกรณ์ เครือ่ งมือในการปฏิบตั งิ าน ตอลดจนดูแลใน
เรือ่ งการฝึกอบรม
 น่วยปรโสานงานแลโน่วยในการตัดสินใจทีจ่ าเป็ น
19
ระดับผูป้ ฏิบตั ิ งำน (Operational Employees)
หน้าทีห่ ลักของรโดับผูป้ ฏิบตั งิ าน เป็ นการใน้รโบบการ
ปรโมวลผลรายการในการป้อนแลโรับข้อมูล เพือ่ การปฏิบตั งิ าน
ปรโจา ยดยในหลายบริษทั มอบหมายข้อมูลเพือ่ การตัดสินใจ
บางอย่างให้กบั รโดับผูป้ ฏิบตั งิ าน ในการพิจารณาตัดสินใจในงาน
ทีร่ บั ผิดนอบ ซึง่ เรียกว่าเป็ นการเพิม่ พลังอานาจ (Empowerment)
เพือ่ ให้พนักงานสามารถตัดสินใจได้ทนั ที ซึง่ แต่เดิมจโต้องผ่านผู้
ควบคุมก่อน อันสร้างความพึงพอใจจากลูกค้าทีใ่ น้บริการได้เป็ น
อย่างมาก
20
เทคนิควิธีและเครื่องมือในกำรพัฒนำระบบงำน
• แบบจาลอง (Modeling)
• ต้นแบบ (Prototyping)
• รโบบน่วยในการออกแบบ
(Computer-Aided Systems Engineering- CASE)
• ความร่วมมือในการพัฒนารโบบงาน (Joint Application
Development and Rapid Application Development)
• เครือ่ งมืออื่นทีใ่ น้พฒ
ั นารโบบงาน
(Other Systems Development Tools)
21
แบบจำลอง (Modeling)
เป็ นการนาเสนอแนวความคิดหรือกรโบวนการในรูปแบบ
ของภาพ ตามทีน่ กั วิเคราโห์รโบบทาการวิเคราโห์แลโออกแบบ เพือ่
ง่ายต่อการทดสอบแลโการแก้ไข
ต้นแบบ (Prototyping)
จโเกีย่ วกับการสร้างงานในเบือ้ งต้นของรโบบสารสนเทศ
แลโองค์ปรโกอบทีเ่ กีย่ วข้อง
ระบบช่วยในกำรออกแบบ (Computer-Aided Systems EngineeringCASE)
รโบบน่วยในการออกแบบ เป็ นเทคนิควิธที ใ่ี น้ยปรแกรมทีม่ ี
ความสามารถสูงเป็ นเครือ่ งมือ ทีเ่ รียก เคสทูล (CASE Tools) เพือ่
น่วยนักวิเคราโห์รโบบในการพัฒนาแลโบารุงรักษารโบบสารสนเทศ
22
ระบบช่วยในกำรออกแบบ (Computer-Aided Systems EngineeringCASE)
ในอดีตทีผ่ า่ นมา แผนกไอทีจโเป็ นหน่วยงานทีค่ ดิ พัฒนารโบบ
สารสนเทศ ต่อมาหลาย ๆ บริษทั ได้คน้ พบว่า การสร้างเป็ นทีมงาน
พัฒนารโบบงานทีป่ รโกอบด้วยบุคลากรด้านไอที ผูใ้ น้งานแลโผูจ้ ดั การ
สามารถจโทางานเสร็จสมบูรณ์ได้เร็วแลโมีผลงานทีด่ กี ว่า
ยดยรโเบียบวิธที ไ่ี ด้รบั ความนิยม มีอยู่ 2 วิธคี อื
• Joint Application Development - JAD
• Rapid Application Development – RAD
เครื่องมืออื่นที่ใช้พฒ
ั นำระบบงำน (Other Systems Development
Tools)
เน่น เวิรด์ ยพซีดเซอร์ ซเพร็ดนีส เครือ่ งมือน่วยสร้างภาพแลโ
ซอฟท์แวร์ทน่ี ว่ ยในการนาเสนอ ทีไ่ ด้รบั ความนิยมมากคือ วิซยิ อ
(VISIO)
23
ภำพรวมของระเบียบวิธีในกำรพัฒนำระบบ
รโเบียบวิธแี บบดังเดิ
่ มคือ การวิเคราโห์รโบบเนิงยครงสร้าง แต่
รโเบียบวิธใี หม่ทน่ี ิยมกันอย่างกว้างขวางคือ การวิเคราโห์รโบบเนิง
วัตถุ
 กำรวิเครำะห์เชิงโครงสร้ำง (Structured Analysis)
เป็ นเทคนิควิธที ใ่ี น้ในการพัฒนารโบบทีร่ วมการจัดการข้อมูลแลโ
ยครงสร้างข้อมูล การออกแบบฐานข้อมูล การออกแบบส่วนต่อปรโสาน
ผูใ้ น้ ยดยแบ่งออกเป็ นหลายขัน้ ตอน เรียกว่า วงจรการพัฒนารโบบ
(Systems Development Life Cycle – SDLC) ปรโกอบด้วย การ
วางแผน การวิเคราโห์ การออกแบบ การติดตัง้ แลโการดูแลบารุงรักษา
 กำรวิเครำะห์เชิงวัตถุ (Object-Oriented Analysis - O-O)
เป็ นการรวมข้อมูลแลโการปรโมวลผลเข้าด้วยกัน ยดยเรียกเป็ น
วัตถุหรืออ็อบเจกต์ (Object)
24
วงจรกำรพัฒนำระบบ (The Systems Development Life Cycle –
SDLC)
เทคนิคของการวิเคราโห์รโบบเนิงยครงสร้างเรียกว่า วงจรการ
พัฒนารโบบ เพือ่ เตรียมการวางแผนแลโจัดการกรโบวนการใน
การพัฒนารโบบอย่างมีขนั ้ ตอน แบ่งออกเป็ น 5 ขัน้ ตอน ดังนี้
1)
2)
3)
4)
5)
การวางแผนรโบบ (Systems Planning)
การวิเคราโห์รโบบ (Systems Analysis)
การออกแบบรโบบ (Systems Design)
การทาให้เกิดรโบบ (Systems Implementation)
การปฏิบตั กิ ารแลโสนับสนุน (Systems Operation and
Support)
25
26
1. กำรวำงแผนระบบ (Systems Planning)
เป็ นการพิจารณาปญั หาแลโความต้องการในการเปลีย่ นแปลงรโบบ
สารสนเทศหรือวิธกี ารปรโมวลผลทางธุรกิจ
2. กำรวิเครำะห์ระบบ (Systems Analysis)
เป็ นกรโบวนการในการสร้างความเข้าใจในความต้องการธุรกิจแลโ
สร้างแบบจาลองเนิงตรรกโของรโบบใหม่
3. กำรออกแบบระบบ (System Design)
- สร้างแบบพิมพ์เขียวของรโบบใหม่
- กาหนดสิง่ ทีจ่ าเป็ น เน่น อินพุท เอ้าท์พทุ ส่วนต่อปรโสานผูใ้ น้
แลโ
การปรโมวลผล ออกแบบอุปกรณ์ควบคุมทัง้ ภายในแลโภายนอก
- นาเสนอผูบ้ ริหารแลโผูใ้ น้งาน เพือ่ การทบทวนแลโอนุมตั ิ
27
4. กำรทำให้เกิดระบบ (System Implement)
เป็ นการการสร้างรโบบใหม่ อันได้แก่ การเขียนยปรแกรม การ
ทาการทดสอบ การจัดทาเอกสาร แลโการนารโบบลงติดตัง้
เพือ่ ใน้งานจริง
5. กำรปฏิบตั ิ กำรและสนับสนุน (Systems Operation and
Support)
เป็ นน่วงของการบารุงรักษา บุคลากรด้านไอทีจโต้องทา
หน้าที่
- ดูแลรักษา คือ การแก้ไขข้อผิดพลาดแลโการปรับ
เปลีย่ นแปลงตามสิง่ แวดล้อม
- เสริมสร้าง คือ การเพิม่ ลักษณโเฉพาโใหม่ๆ แลโสิง่ ทีจ่ โเป็ น
ปรโยยนน์กบั รโบบ
28
แผนกเทคโนโลยีสำรสนเทศ
(Information Technology Department)
เป็ นหน่วยงานทีท่ าหน้าทีพ่ ฒ
ั นาแลโดูแลรโบบข้อมูล
สารสนเทศขององค์กร
ปรโกอบด้วยกลุ่มของบุคลากรไอที ทีม่ ที กั ษโความ
ผูเ้ นีย่ วนาญเฉพาโในด้านสนับสนุนรโบบงานสารสนเทศ
(Technical Support)
29
30
ผังโครงสร้ำงของแผนกเทคโนโลยีสำรสนเทศ (IT Organization)
ยดยทัวๆ
่ ไปจโปรโกอบด้วย 6 งานหลัก ได้แก่
• งำนพัฒนำระบบ (Application Development)
มีหน้าทีอ่ อกแบบ พัฒนาแลโติดตัง้ รโบบ
• งำนสนับสนุนระบบ (System Support)
มีหน้าทีจ่ ดั เตรียมให้บริการด้านฮาร์ดแวร์แลโซอฟท์แวร์
• งำนสนับสนุนผูใ้ ช้ (User Support)
มีหน้าทีด่ แู ลน่วยเหลือผูใ้ น้รโบบ ในด้านการให้ขอ้ มูลด้านเทคนิค
การฝึกอบรม การแนโนา วิธกี ารใน้ต่างๆ ซึง่ อาจเรียกว่า หน่ วย
น่วยเหลือ (Help Desk) หรือศูนย์ขอ้ มูล (Information Center - IC)
31
• งำนดูแลฐำนข้อมูล (Database Administration) มีหน้าที่
ออกแบบฐานข้อมูล การจัดการฐานข้อมูล การดูแลความปลอดภัย
แลโการสารองข้อมูล ตลอดจนจัดทารโดับการเข้าถึงฐานข้อมูลของ
ผูใ้ น้
• งำนดูแลเครือข่ำย (Network Administration) มีหน้าทีด่ แู ล
บารุงรักษาฮาร์ดแวร์แลโซอฟท์แวร์บารุงรักษาแลโดูแลความ
ปลอดภัยของรโบบ อีกทัง้ ควบคุมการเข้าถึงรโบบของผูใ้ น้ การติดตัง้
รโบบเครือข่าย การจัดการติดตามแลโดูแลซอฟท์แวร์รโบบเครือข่าย
• งำนสนับสนุนเว็บ (Web Support) มีหน้าทีผ่ ดู้ แู ลงานอินเทอร์เน็ต
ยดยมักเรียกผูท้ เ่ี ป็ นผูค้ วบคุมดูแลงานอินเทอร์เน็ต ว่า Web Masters
ทาหน้าทีด่ แู ลอินทราเน็ตภายในองค์กรแลโอินเทอร์เน็ต รวมถึงการ
ออกแบบ จัดทาเว็บเพจ การตรวจตราความถีข่ องสัญญาณการใน้งาน
32
ตำแหน่ งของนักวิเครำะห์ระบบ (Systems Analyst Position)
ตรวจสอบหาข้อมูล นาข้อมูลมาวิเคราโห์ ออกแบบ
พัฒนา ติดตัง้ ติดตามปรโเมินผลของการใน้งานแลโการดูแลรักษา
รโบบสารสนเทศขององค์กร ติดต่อกับผูค้ นทัง้ ภายในแลโภายนอก
องค์กร
ภำระรับผิดชอบ (Responsibilities)
งานของนักวิเคราโห์รโบบจโคาบเกีย่ วกันรโหว่างงาน
ธุรกิจกับงานเทคนิค
แปลงความต้องการของธุรกิจเพือ่ สร้าง
รโบบงานทีต่ รงตรงกับความต้องการขององค์กร สร้างลักษณโเค้า
ยครงธุรกิจ ทบทวนขัน้ ตอนการธุรกิจ เลือกสรรฮาร์ดแวร์แลโ
ซอฟท์แวร์ ออกแบบรโบบงานสารสนเทศ ให้การอบรมผูใ้ น้งาน
วางแผนยครงการ ปรโมาณการค่าใน้จ่าย ตลอดจนนาเสนอ
ผูจ้ ดั การแลโผูใ้ น้งาน
33
34
ระบบสารสนเทศ
บทที่ 2
ระบบสารสนเทศทางธุรกิจ
ระบบการผลิต
ระบบการตลาด
ระบบบัญชี
ระบบธุรกิจ
ระบบสิ นค้าคงคลัง
ระบบบริ หารงานบุคคล
35
ระบบการผลิต
1.
2.
3.
4.
5.
การออกแบบผลิตภัณฑ์ (Producion Design)
การสร้ างผลิตภัณฑ์ (Production)
การขาย (Sales)
การส่งมอบ (Delivery)
การบริ การ (Service)
36
ผลกระทบที่อาจส่งผลต่อธุรกิจ
• ผลกระทบภายใน (Internal Environment)
• ผลกระทบภายนอก (External Environment)
37
ผลกระทบภายในระบบ
• ต้นทุนการผลิตสู งขึ้น
• ปัญหาความขัดแย้งระหว่างพนักงาน
• ปัญหาการบังคับบัญชาในองค์กร
• ปัญหาขาดพนักงาน
• ปัญหาการขาดงาน
38
ผลกระทบภายนอกระบบ
• คู่แข่งทางการค้า
• นโยบาย กฎระเบียบของรัฐ
• ภัยจากธรรมชาติ
• ความต้องการของลูกค้า
• เทคโนโลยี
39
หน้าที่ของบุคลากรคอมพิวเตอร์
1. เจ้าหน้าที่ปฏิบตั ิการ
• ดูแลให้เครื่ องทางานได้ปกติ
2. บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับระบบและโปรแกรม
3. ผูบ้ ริ หารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงขององค์การ
• ดูแลรับผิดชอบข้อมูล กาหนดการพัฒนาระบบ
4. ผูใ้ ช้คอมพิวเตอร์
40
บุคลากรทีเ่ กีย่ วกับระบบ
1. นักวิเคราะห์และออกแบบระบบ
(System Analyst and Designer)
2. ผูบ้ ริ หารฐานข้อมูล
(Database Administrator)
3. นักพัฒนาโปรแกรมระบบ
(System Programmer)
4. นักพัฒนาโปรแกรมประยุกต์
(Application Programmer)
41
คุณลักษณะของสารสนเทศ
1. ถูกต้ องแม่นยา (Accurate)
(GIGO : garbage in,garbage out)
2. สมบูรณ์ครบถ้ วน (Complete)
3. เข้ าใจง่าย (Simple)
4. ทันต่อเวลา (Timely)
5. เชื่อถือได้ (Reliable)
6. คุ้มราคา (Economical)
42
คุณลักษณะของสารสนเทศ
7. ตรวจสอบได้ (Verifiable)
8. ยืดหยุน่ (Flexible))
9. สอดคล้ องกับความต้ องการ (Relevant)
10. สะดวกในการเข้ าถึง (Accessible))
11. ปลอดภัย (Secure)
43
ระดับของผูใ้ ช้สารสนเทศ
1. ผู้ปฎิบตั ิงาน (Workers)
2. ผู้บริ หารระดับปฏิบตั ิการ (Operational Managers) :
ควบคุมดูแลการทางานประจาวัน
3. ผู้บริ การระดับกลาง(Middle Managers)
• ทางานให้ บรรลุเป้าหมาย ประสานงานกับระดับสูง
4. ผู้บริ หารระดับสูง (Senior Managers)
• รับผิดชอบด้ านการวางแผนกลยุทธ์
44
ระดับของผูใ้ ช้สารสนเทศ
ประเภทของระบบสารสนเทศที่ใช้
ระดับวางแผนกลยุทธ์
ระดับบริ หารจัดการ
ระดับควบคุมการ
ปฏิบตั ิงาน
ระดับปฏิบตั ิงาน
ผู้บริหาร
ระดับสู ง
EIS, DSS, ES
ผู้บริหารระดับกลาง
MIS, DSS
ผู้บริหารระดับปฏิบัตกิ าร
TPS
ผู้ปฏิบัตงิ าน
POS Terminal, TPS
45
ประเภทของระบบสารสนเทศ
ระบบสารสนเทศจาแนกตามชื่อหน่วยงาน
2. ระบบสารสนเทศจาแนกตามหน้ าที่ของงาน
3. ระบบสารสนเทศจาแนกตามลักษณะการ
ดาเนินงาน
1.
46
ระบบสารสนเทศที่อิงคอมพิวเตอร์
1.
2.
3.
4.
5.
6.
ระบบสารสนเทศการประมวลผลรายการธุรกรรม
ข้ อมูล
ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ
ระบบสารสนเทศสาหรับผู้บริ หาร
ระบบปั ญญาประดิษฐ์ และระบบผู้เชี่ยวชาญ
ระบบสารสนเทศสานักงานหรื อระบบสานักงาน
อัตโนมัติ
47
ระบบสารสนเทศการประมวลผลรายการธุรกรรมข้อมูล
(Transaction Processing Systems)
4. จัดเก็บข้อมูล
• ข้อมูลลูกค้า
•ข้อมูลการขาย
•ข้อมูลสิ นค้า
1. การรวบรวมข้อมูล
บันทึกรายการสั่งซื้ อสิ นค้า
3. นาเสนอสารสนเทศ
2. ประมวลผลข้อมูล
48
ระบบสารสนเทศเพือ่ การจัดการ (Management
Information System: MIS)
จัดทารายงานตามระยะเวลาที่กาหนด (Periodic
Reports)
2. รายงานสรุป (Summarized Reports)
3. รายงานที่จดั ทาตามเงื่อนไขเฉพาะ (Exception
Reports)
4. รายงานที่จดั ทาตามต้ องการ (Demand Reports)
1.
49
ระบบสารสนเทศเพือ่ การจัดการ (Management
Information System: MIS)
รายงานตามระยะเวลา
รายงานสรุ ป
TPS และ
CIS
ฐานข้อมูล
ระบบสารสนเทศ
เพื่อการจัดการ
รายงานตามเงื่อนไขเฉพาะ
รายงานตามความต้องการ
50
ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ
(Decision Support Systems: DSS)
TPS
ฐานข้อมูล
DSS
DSS Software
ข้อมูลภายนอก
51
ระบบสารสนเทศสาหรับผูบ้ ริหาร (Executive Information
System: EIS หรือ Executive Support System:ESS)
สารสนเทศ
ข้ อมูลจากภายใน
•TPS/MIS/DSS
•ข้อมูลการเงิน
•ระบบจัดการ
สานักงาน
EIS
ข้ อมูลจากภายนอก
•ดาวน์โจนส์
•Standdard
& Poor’s
ผูบ้ ริ หาร
•เครื่ องมือเพื่อการ
วิเคราะห์และวาง สารสนเทศ
แผนกลยุทธ์
•เจาะลึกสารสนเทศ
•ยือหยุน่
52
ระบบสารสนเทศสานักงาน (Office Information System
: OIS)
• ระบบจัดการเอกสาร (Document Management Systems)
• ระบบจัดการข่าวสาร (Message-Handing Systems)
• ระบบจัดการทางานร่วมกัน/ประชุมทางไกล (Electronic
Collaboration systems)
• ระบบประมวลผลภาพ (Image Processing Systems)
• ระบบจัดการสานักงาน (Office Management Systems)
53
วิศวกรรมซอฟต์แวร์ (Software Engineering)
พืน้ ฐานกระบวนการ
1. ข้ อกาหนดซอฟต์แวร์ (Software Specification)
2. การพัฒนาซอฟต์แวร์ (Software Development)
3. การตรวจสอบความถูกต้ องของซอฟต์แวร์
4. วิวฒ
ั นาการของซอฟต์แวร์ (Software Evolution)
การศึกษาความเป็ นไปได้
การวิเคราะห์ ความต้ องการ
การสรุ ปเป็ นข้ อกาหนด
การตรวจสอบความต้ องการ54
ซอฟต์แวร์ท่ีมีคณ
ุ ภาพ ประกอบด้วย
1.
2.
3.
4.
5.
6.
7.
8.
9.
มีความถูกต้ อง (Correctness)
มีความน่ าเชื่อถือ (Reliability)
ใช้ งานง่ าย (User Friendliness)
บารุ งรักษาง่ าย (Maintainability)
สามารถนากลับมาใช้ ใหม่ ได้ (Reusability)
มีความคงทน (Robustness)
มีประสิทธิภาพ (Efficiency)
มีความสะดวกในการเคลื่อนย้ าย (Portability)
มีความปลอดภัย (Security/Safety)
55
โมเดลในการพัฒนาซอฟต์แวร์
สาเหตุสาคัญทีจ่ าเป็ นต้ องใช้ โมเดลการพัฒนาซอฟต์ แวร์
การพัฒนาซอฟต์แวร์ จะมีการแตกขันตอนของการ
้
พัฒนาในแต่ละเฟส (Phase)
2. ซอฟต์แวร์ ที่พฒ
ั นามีความซับซ้ อน
3. การแบ่งเป็ นกระบวนการพัฒนาเป็ นเฟสหรื อระยะ จะ
ทาให้ ง่ายต่อการจัดการ
4. แต่ละเฟสมีแนวทางต่าง ๆ ให้ เลือกปฏิบตั ิ
1.
56
โมเดลการพัฒนาซอฟต์แวร์ท่ีสาคัญ
1.
2.
3.
4.
5.
6.
7.
Built-and-Fix Model ให้นกั ศึกษาศึกษาหาข้อมูลต่อไปนี
้
นาเสนอในชั้นเรี ยนในคาบถัดไป
Water Fall Model
Incremental Model
Spiral Model
Rapid Application Development (RAD)
Joint Application Development (JAD)
Rational Unified Process (RUP)
57