ระยะที่ 2

Download Report

Transcript ระยะที่ 2

วิชา BCOM3209
โปรแกรมประยุกต์ดา้ นงานทะเบียนบุคคลและการจ่ายเงินเดือน
อาจารย์ประจาวิชา
รศ.ดร. เอกรัฐ บุญเชียง
อาจารย์ผสู ้ อน
อาจารย์ พงศธร ฟองตา
แนะนารายวิชา

ศึกษาข้อมูลพื้ นฐานทางด้านทะเบียนบุคคล การจัดการข้อมูลและการโยงระบบ
ข้อมูล วิเคราะห์ ออกแบบ เขียนโปรแกรมรับข้อมูล
การเรียงลาดับข้อมูล การค้นหาข้อมูลและการออกแบบรายงานผล
โดยการเขียนโปรแกรมที่สามารถนามาประยุกต์ใช้กบั งานได้
ข้อตกลงในชั้นเรียน

เวลาเข้าเรียนไม่ตา่ กว่าร้อยละ 80



ขาดได้ไม่เกิน 2 ครั้ง
ส่งงานที่ได้รบั มอบหมายทั้งหมดครบและตรงตามระยะเวลาที่กาหนด
การแต่งกาย ให้เป็ นไปตามระเบียบมหาวิทยาลัยกาหนด หากฝ่ าฝื นจะ
ไม่ได้รบั อนุ ญาตให้เข้าชั้นเรียน
ข้อตกลงในการกาหนดคะแนน

ระหว่างภาค (80%) แบ่งเป็ น
 การเข้าเรียน
 งานกลุ่ม/การบ้าน/lab/Quiz
 สอบกลางภาค

10%
50%
20%
ปลายภาค (20%)
 สอบปลายภาค
20%
ระดับการประเมินผล (อิงเกณฑ์)








80-100
75-79
70-74
65-69
60-64
55-59
50-54
0-49
A
B+
B
C+
C
D+
D
E
Introduction

โปรแกรมประยุกต์ดา้ นงานทะเบียนบุคคลและการ
จ่ายเงินเดือน
ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารทรัพยากรบุคคล

ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารงานบุคคล หรือระบบสารสนเทศเพื่อการ
บริหารทรัพยากรมนุ ษย์ เป็ นระบบสารสนเทศที่ถกู พัฒนาให้สนับสนุ นการ
ดาเนิ นงานด้านทรัพยากรบุคคล ตั้งแต่การวางแผน การจ้างงาน การพัฒนา
และการฝึ กอบรม ค่าจ้างเงินเดือน การดาเนิ นการทางวินัย ช่วยให้การ
บริหารทรัพยากรบุคคลเกิดประสิทธิภาพ (ณัฏฐพันธ์ เขจรนันทน์ และ
ไพบูลย์ เกียรติโกมล ๒๕๔๕ : ๒๐๓)
ลักษณะของระบบที่ดี




ข้อมูลประวัติของพนักงานควรจะต้องครบถ้วน สมบูรณ์แบบมีประสิ ทธิภาพ
และมีความทันสมัยตลอดเวลา
มีระบบการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล สามารถกําหนดสิ ทธิในการเข้าใช้
งานโปรแกรม หรื อการเรี ยกใช้ขอ้ มูล สําหรับผูใ้ ช้งานแต่ละคนได้
สามารถสร้างเงื่อนไขในการพิมพ์รายงานได้ตามรู ปแบบที่ตอ้ งการ
สามารถกําหนดเงื่อนไขในการค้นหาข้อมูลได้หลายรู ปแบบ เพือ่ ความรวดเร็ ว
ในการทํางาน
ลักษณะของระบบที่ดี



ระบบการติดต่อกับผูใ้ ช้ (User Interface) ควรจะเข้าใจง่าย แม้พ้นื ฐานความรู ้
ของผูใ้ ช้จะแตกต่างกันก็ตาม
ควรมีความสามารถในด้านเครื อข่าย เพือ่ ตอบสนองการทํางานร่ วมกันของ
หน่วยงานในองค์กร ซึ่งอาจจะแบ่งแยกเป็ นหลายสาขา
ต้องมีระบบการสํารองข้อมูล (Data backup and restore) เพือ่ ป้ องกันปั ญหาที่
อาจเกิดขึ้นในกรณี ฉุกเฉิน
ระบบทะเบียนประวัติพืน้ ฐานของพนักงาน

เป็ นระบบทีเ่ ก็บข้อมูลพนักงานทุกคนในองค์การ สาหรับการตัดสินใจ
และทารายงานต่างๆ อาทิเช่น การบันทึกประวัตขิ อ้ มูลพนักงาน
ประวัตสิ ว่ นตัวทีอ่ งค์การควรรู้ เช่น ชื่อ ทีอ่ ยู่ อายุ เพศ สถานภาพ
สัญชาติ จานวนปีทป่ี ฏิบตั งิ าน ความชานาญ ความสามารถพิเศษ
เป็ นต้น
ระบบงานทะเบียนบุคคล
ระบบงานทะเบียนบุคคล
ระบบงานทะเบียนบุคคล
ระบบการจ่ ายค่าจ้ างและเงินเดือน

ประมวลผลเงินเดือน เพือ่ คานวณรายได้สทุ ธิ หรือเงินเดือนจ่ายบุคลากร โดยใช้
ข้อมูลอัตราเงินเดือน และรายได้อ่นื ๆ จากแฟ้มข้อมูลบุคลากร ข้อมูลเวลาการ
ทางานปกติและการทางานล่วงเวลาจากแฟ้มข้อมูลการทางาน ข้อมูลอัตราภาษี
ข้อมูลค่าลดหย่อน
วิธีการได้มาซึ่งระบบสารสนเทศ



ซื้อระบบสารสนเทศจากบริ ษทั ผูข้ าย หรื อผูผ้ ลิต
ว่าจ้างผูพ้ ฒั นาหรื อผูเ้ ชี่ยวชาญจากภายนอกองค์กรเป็ น
ผูด้ าเนินการจัดหา พัฒนา หรื อสร้างระบบสารสนเทศให้ธุรรกิจ
ใช้บรคลากรภายในองค์กรพัฒนาระบบสารสนเทศขึ้นใช้งาน
เองภายในธุรรกิจ
วงจรการพัฒนาระบบ (System Development Life Cycle : SDLC)
วงจรการพัฒนาระบบ คือ กระบวนในการพัฒนาระบบ
สารสนเทศ เพื่อแก้ปัญหาทางธุรรกิจและตอบสนองความต้องการของผู ้
ใช้ได้ โดยภายในวงจรนั้นจะแบ่งกระบวนการพัฒนาออกเป็ นกลร่มงาน
หลัก ๆ ดังนี้ ด้านการวางแผน (Planning Phase) ด้านการวิเคราะห์
(Analysis Phase) ด้านการออกแบบ (Design Phase) ด้านการสร้างและ
พัฒนา (Implementation Phase)
วงจรการพัฒนาระบบ (System Development Life Cycle)

วงจรชีวติ การพัฒนาระบบ (SDLC) แบ่งออกเป็ น 5 ระยะ (Phase) ดังนี้
ระยะที่ 1 : การวางแผนโครงการ (Project Planning Phase)
ระยะที่ 2 : การวิเคราะห์ (Analysis Phase)
ระยะที่ 3 : การออกแบบ (Design Phase)
ระยะที่ 4 : การทดสอบ/นาไปใช้ (Implementation Phase)
ระยะที่ 5 : การบารุงรักษา (Maintenance/Support Phase)
วงจรการพัฒนาระบบ (System Development Life Cycle)
2
Analysis Phase
1
Project Planning
3
SDLC
Phase
5
Maintenance/Support
Phase
Design Phase
4
Implementation Phase
วงจรการพัฒนาระบบ (System Development Life Cycle)
ระยะที่ 1 : การวางแผนโครงการ (Project Planning Phase)
- กาหนดปญั หา (Problem Definition)
- ศึกษาความเป็ นไปได้ของโครงการ (Feasibility Study)
- จัดทาตารางกาหนดเวลาโครงการ (Project scheduling)
- จัดตัง้ ทีมงานโครงการ (Staff the project)
วงจรการพัฒนาระบบ (System Development Life Cycle)

ระยะที่ 2 : การวิเคราะห์ (Analysis Phase) มุง่ เน้นการแก้ปญั หาอะไร : What
วัตถุประสงค์หลักของระยะการวิเคราะห์ คือ การรวบรวมความต้องการ
(Requirements Gathering)
* การรวบรวมข้อมูลหรือความต้องการในด้านต่างๆ เพื่อสรุปเป็ นข้อกาหนด
Business Process
Business Information
Business Rules
Requirements
Gathering
And Analysis
……………………
……………………
……………………
……………………
……………………
วงจรการพัฒนาระบบ (System Development Life Cycle)
ระยะที่ 2 : การวิเคราะห์ (Analysis Phase)
- วิเคราะห์ระบบงานปจั จุบนั
- รวบรวมความต้องการในด้านต่างๆ และนามาวิเคราะห์เพือ่ สรุปเป็นข้อกาหนด
ทีช่ ดั เจน
- นาข้อกาหนดมาพัฒนาออกมาเป็ นความต้องการของระบบใหม่
วงจรการพัฒนาระบบ (System Development Life Cycle)

ระยะที่ 3 : การออกแบบ (Design Phase) (มุง่ เน้นการแก้ปญั หาอย่างไร : How)
Design
Logical Model
Physical Model
ขันตอนการน
้
าแบบจาลองลอจิคลั มาผ่านการออกแบบเพือ่ พัฒนาเป็ นแบบจาลองทางฟิสคิ ลั
- สถาปตั ยกรรมระบบ (Architecture Design) ทีเ่ กีย่ วข้องกับอุปกรณ์ , ฮาร์ดแวร์ , ซอฟต์แวร์ , เครือข่าย ,
การออกแบบรายงาน (Output Design) , การออกแบบจอภาพเพือ่ ปฎิสมั พันธ์กบั ผูใ้ ช้ (User Interface) ,
ฐานข้อมูล (Database) , ไฟล์ (File)
วงจรการพัฒนาระบบ (System Development Life Cycle)
ระยะที่ 4 : การนาไปใช้ (Implementation Phase)
- สร้างระบบขึน้ มาด้วยการเขียนโปรแกรม
- ตรวจสอบความถูกต้องทัง้ ทางด้านตรวจสอบความถูกต้องและดาเนินการ
ทดสอบระบบ
- แปลงข้อมูล (Convert Data)
- ติดตัง้ ระบบ (System Installation) และจัดทาคูม่ อื เอกสาร
- ฝึกอบรมผูใ้ ช้ และประเมินผลระบบใหม่
วงจรการพัฒนาระบบ (System Development Life Cycle)
ระยะที่ 5 : การบารุงรักษา (Maintenance Phase)
- การบารุงรักษาระบบ (System Maintenance)
- การเพิม่ เติมคุณสมบัตใิ หม่ๆ เข้าไปในระบบ (Enhance
the System)
- การสนับสนุนงานของผูใ้ ช้ (Support the Users)
Water Fall
Water Fall
โมเดลการพัฒนาซอฟต์แวร์
โมเดลการพัฒนาซอฟต์แวร์ คือ แบบจาลองทีใ่ ช้สาหรับเป็ นตัวชี้นาถึง
กิจกรรมหลักในการพัฒนาซอฟต์แวร์ ด้วยการกาหนดรายละเอียดหรือ
ข้อบัญญัตไิ ว้ในแต่ละขัน้ ตอน
สาเหตุที่ต้องใช้โมเดล
- โมเดลการพัฒนาซอฟต์แวร์จะมีการแตกขัน้ ตอนของกระบวนการพัฒนาใน
แต่ละเฟส (Phase)
- ซอฟต์แวร์ทพ่ี ฒ
ั นามีความซับซ้อน
- การแบ่งกระบวนการเป็ นเฟสหรือระยะ จะทาให้งา่ ยต่อการจัดการ
- แต่ละเฟสมีแนวทางต่างๆ ให้เลือกปฎิบตั ิ
กรรมวิธีการพัฒนาระบบ (System Development Methodology)
Methodology คือ กระบวนการนาแนวคิด SDLC มาปฎิบตั จิ นสามารถใช้การได้
ในการปฎิบตั นิ ้ีจะใช้สงิ่ เหล่านี้ช่วยในการทางาน โมเดล (Model) , เครือ่ งมือ
(Tools) และเทคนิค (Techniques) ต่างๆ มาใช้กบั การพัฒนาซอฟต์แวร์
Model ได้แก่
- ผังงาน (Flowchart)
- อีอาร์ไดอะแกรม (ER Diagram)
- ยูสเคสไดอะแกรม (Use Case Diagram)
- แผนภาพกระแสข้อมูล (Data Flow Diagram)
Flowchart
สั ญลักษณ์
ชื่อเรียก
ความหมาย
เริ่ มต้นและลงท้าย
(terminal)
แทนจรดเริ่ มต้นและลงท้ายของผังงานของโปรแกรมหลักและโปรแกรมย่อย
การนาข้อมูลเข้า – ออกโดยทัว่ ไป
(general input/output)
แทนจรดที่จานาข้อมูลเข้าหรื อออกจากระบบคอมพิวเตอร์โดยไม่ระบรชนิดของ
อรปกรณ์
การตัดสิ นใจ
(decision)
แทนจรดที่จะต้องเลือกปฏิบตั ิอย่างใดอย่างหนึ่ง
การปฏิบตั ิงาน
(process)
แทนจรดที่มีการปฏิบตั ิงานอย่างใดอย่างหนึ่ง
จรดเชื่อมต่อ
(connector)
แทนจรดเชื่อมต่อของผังงานเมื่อใช้สญ
ั ลักษณ์เพื่อให้ดูง่าย
จรดเชื่อมต่อหน้ากระดาษ
(off page connector)
แทนจรดเชื่อมต่อของผังงานที่อยูค่ นละหน้ากระดาษ
ทิศทาง
(flow line)
แทนทิศทางขั้นตอนการดาเนินงานซึ่งจะปฏิบตั ิต่อเนื่องกันตามหัวลูกศรชี้
start
ผังงานการหาพืน้ ที่วงกลม
Input radius
area = 22/7*radius*radius
Display area
end
สั งเกตว่ าแต่ ละขั้นตอนจะถูก
ประมวลผลเพียงครั้งเดียวเท่ านั้น
start
Input A
Input B
C=A+B
Display C
end
การหาผลบวกของเลขจานวนเต็ม
2 ตัว แล้ วแสดงผลลัพธ์ ออกทาง
จอภาพ
start
ถ้า input a = 5, b = 3
5
ผลลัพธุ์ที่ได้คือ
Input a, b
ถ้า input a = 4, b = 7
a>b
7
no
ผลลัพธุ์ที่ได้คือ
yes
Display a
end
ถ้า input a = 8, b = 8
Display b
ผลลัพธุ์ที่ได้คือ
8
ผังงานรับจานวนเต็ม 2 ค่าแล้วแสดงผลค่าที่มากที่สรด
1.
2.
3.
4.
จงเขียนผังงานการหาพื้นที่สี่เหลี่ยมใดๆ แล้วแสดงผลลัพธุ์ที่ได้
จงเขียนผังงานการหาพื้นที่ผวิ ทรงกระบอก แล้วแสดงผลลัพธุ์ที่ได้
จงเขียนผังงานรับเลข 3 ค่า แล้วแสดงค่าเฉลี่ยออกมา
จงเขียนผังงานรับจานวนเต็ม 2 ค่าแล้วแสดงผลค่าที่มากที่สรด
1.
2.
จงเขียนผังงานรับจานวนเต็ม 3 ค่าแล้วแสดงผลค่าที่มากที่สรด
จงเขียนผังงานแสดงเกรดของนักเรี ยนคนหนึ่งจากคะแนนสอบ(เต็ม 100)
คะแนน
80 - 100
ได้เกรด
A
คะแนน
70 - 79
ได้เกรด
B
คะแนน
60 - 69
ได้เกรด
C
คะแนน
50 - 59
ได้เกรด
D
คะแนน
0 - 49
ได้เกรด
F