Marketing PPT

Download Report

Transcript Marketing PPT

การตลาด
(The marketing)
แนวคิดการตลาดพืน้ ฐาน
“ กระบวนการแลกเปลี่ยนสิ นค้า และบริ การ
จากฝ่ ายหนึ่งไปยังอีกฝ่ ายหนึ่งเพื่อตอบสนองความต้องการ
ของแต่ละฝ่ ายในตัวสิ นค้าและบริ การนั้นๆ
โดยใช้เงินหรื อสิ่ งมีค่าแทนเงินเป็ นสื่ อในการแลกเปลี่ยน”
กระบวนการแลกเปลีย่ นสิ นค้ า
ส่ วนประสม
การตลาด (4 P’s)
สิ นค้าและบริ การ
ผู้ผลิต /
ผู้ขาย
การสื่ อสาร
ผู้บริโภค /
ผู้ซื้อ
เงินหรื อสิ่ งมีค่าใช้แลกเปลี่ยน
กิจกรรม
การตลาด
มุมมองการตลาด
มุมมองลูกค้ า
1. ผลิตภัณฑ์ ใช้ แก้ ปัญหาได้
(Customer solution)
2. ซื้อในราคาย่ อมเยา
(Customer cost)
3. สะดวกในการหาซื้อ
(Convenience)
4. บอกรายละเอียดชัดเจน
(Communication)
Four C’s
มุมมองผู้ขาย
1. ผลิตภัณฑ์ ตอบสนองความต้ องการ
(Product)
2. การตั้งราคาทีเ่ หมาะสม
(Price)
3. ระบบจัดจาหน่ ายกระจายอย่ างทัว่ ถึง
(Place)
4. โฆษณา ประชาสั มพันธ์ ได้ ดงึ ดูดใจ
(Promotion)
Four P’s
คุณค่ าทีล่ ูกค้ าได้ รับ (Customer Delivered Value)
ภาพลักษณ์ (Imange value)
บุคลากร (Personal value)
การบริการ (Services value)
คุณค่ ารวมของลูกค้ า
(Total customer value)
คุณค่ าทีล่ ูกค้ าได้ รับ
(Customer delivered
value)
สิ นค้ า (Product cost)
เงิน (Monetary cost)
เวลา (Time cost)
แรง พลังงาน (Energy cost)
จิตใจ (Psychic cost)
ต้ นทุนรวมของลูกค้ า
(Total customer cost)
คุณค่ าทีล่ ูกค้ าได้ รับ (Customer Delivered Value)
คุณค่ าทีล่ ูกค้ าได้ รับ (Customer Delivery Value)
ถือเป็ นปลายทางของความรู ้สึกรวมสุ ดท้ายที่มีต่อสิ นค้าและ
บริ การของบริ ษทั การที่ลูกค้าจะรู ้สึกว่าสิ นค้าและบริ การที่ได้รับจาก
บริ ษทั นั้น ลูกค้ามักจะเปรี ยบเทียบระหว่างคุณค่ารวมของสิ่ งที่เขา
ได้รับกับต้นทุนรวมที่เขาจะต้องเสี ยไปในส่ วนของคุณค่ารวมที่ลูกค้า
ได้รับ (Total customer value) นั้น ประกอบด้วยลักษณะของคุณค่า
ดังต่อไปนี้
คุณค่ าทีล่ ูกค้ าได้ รับ (Customer Delivered Value)
คุณค่ าจากภาพลักษณ์ (Image value) หมายถึง คุณค่ าทีล่ ูกค้ าได้ รับจากตรา
สิ นค้ าหรือภาพลักษณ์ ขององค์ กร เช่ น รถเบนซ์ ย่อมมีคุณค่ าของภาพลักษณ์ ทดี่ กี ว่ า
รถฮุนได
 คุณค่ าของบุคลากร (Personal value) พนักงานบริษท
ั ทีม่ ีความรู้ ความเข้ าใจ
ในตัวสิ นค้ าและบริการย่ อมนาเสนอสิ นค้ าได้ ดกี ว่าพนักงานทีไ่ ม่ ได้ รับการอบรม
 คุณค่ าของบริการ (Services value) ร้ านค้ าทีใ่ ห้ บริการทีเ่ หนือกว่ าคู่แข่ งย่ อมทา
ให้ ลูกค้ าประทับใจและเห็นคุณค่ ามากกว่ าร้ านทีม่ บี ริการไม่ ดี
 สิ นค้ า (Product value) ตัวสิ นค้ าทีม
่ ีคุณภาพ ประณีต ใช้ วสั ดุทดี่ ยี ่ อมได้ รับ
การมองว่ ามีคุณค่ ามากกว่าสิ นค้ าทีท่ าขึน้ เทียมหรือเลียนแบบ หรือคุณภาพตา่ กว่ า

ต้ นทุนรวมทีล่ ูกค้ าเสี ยไป (Total Customer Costs)
ต้ นทุนรวมทีล่ กู ค้ าเสี ยไป (Total Customer Costs)
หมายถึง ค่าใช้จ่ายที่ลูกค้าเสี ยไปทั้งในแง่ของความรู ้สึกและ
ตัวเงิน หากต้นทุนรวมที่ลูกค้าได้รับน้อยกว่าต้นทุนรวมที่ลูกค้าเสี ยไปก็
จะทาให้ลูกค้าอาจจะรู ้สึกไม่คุม้ และไม่พึงพอใจ
ต้ นทุนรวมทีล่ ูกค้ าเสี ยไป (Total Customer Costs)
ต้ นทุนรวมของลูกค้ ามีองค์ประกอบหลัก 4 องค์ ประกอบ คือ
ต้ นทุนด้ านการเงิน (Monetary cost) หมายถึง มูลค่าเป็ นตัวเงิน
ที่ลูกค้าต้องเสี ยเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ นค้าและบริ การ
 ต้นทุนด้านเวลา (Time cost) หมายถึง เวลาที่ลูกค้าต้องเสี ยไปเพื่อ
เลือกซื้อหรื อเข้าไปใช้บริ การนั้นๆ
ต้ นทุนด้ านแรงงาน พลังงาน (Energy cost) เป็ นต้นทุนที่ลูกค้า
ต้องใช้เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ นค้าและบริ การนั้น เช่น สิ นค้าที่ลูกค้าอยากได้อยู่
ต่างตึก ทาให้ลูกค้าต้องเดินไปรับของ
ต้ นทุนด้ านจิตใจ (Psychic cost) เป็ นต้นทุนที่ลูกค้าต้องเสี ยไป
เพื่อให้ได้สินค้าและบริ การ
กาหนดแผนยุทธศาสตร์
(Strategic Plan Formulation)
ยุทธศาสตร์ การขยายตัว
1. การขยายธุรกิจเดิม (Intensive Growth)
 เจาะตลาดเดิม (Market Penetration)
 พัฒนาตลาด (Market Development)
 พัฒนาสิ นค้ า (Product Development)
ยุทธศาสตร์ การขยายตัว
2. การขยายธุรกิจในหลายมิติ (Integrative Growth)
 ขยายธุรกิจเชิงรุ กคืบหน้า (Forward Integration)
 ขยายธุรกิจเชิงถอยกลับ (Backward Integration)
 ขยายธุรกิจในแนวระนาบ(Horizontal Integration)
3. การแตกธุรกิจ (Diversification)
การขยายธุรกิจเดิม (Intensive Growth)
1. กลยุทธ์ การเจาะตลาดเดิม (Market Penetration)
คือ การทีอ่ งค์ กรเน้ นการทาการตลาดเชิงรุ กกับกลุ่มเป้ าหมายทีเ่ คยใช้ สินค้ าอยู่
ให้ เกิดการใช้ มากขึน้ หรือกลุ่มทีย่ งั เข้ าไม่ ถึงก็ให้ หันมาลองใช้ สินค้ าขององค์ กร
2. กลยุทธ์ การพัฒนาตลาด (Market Development)
เป็ นกลยุทธ์ ทคี่ วรเลือกใช้ เมือ่ บริษัทพยายามจะขยายตลาดให้ กว้ างออกไป โดยการ
พัฒนา ช่ องทางการจัดจาหน่ ายเพือ่ ทีจ่ ะทาให้ สินค้ าทีม่ ีอยู่สามารถไปถึงมือผู้บริโภคได้
3. กลยุทธ์ การพัฒนาสิ นค้ า (Product Development)
กลยุทธ์ การพัฒนาสิ นค้ าเกิดจากการที่ลูกค้ าเริ่มลดความนิยมในตัวสิ นค้ าลง ดังนั้น
บริษัทจึงต้ องทาการพัฒนาสิ นค้ าอย่างต่ อเนื่องเพือ่ รักษาความนิยมนั้น
การขยายธุรกิจในหลายมิติ (Integration)
1. การขยายธุรกิจเชิงคืบหน้ า (Integration)
เกิดเมือ่ บริษัทเห็นลู่ทางในการขยายธุรกิจทีม่ ีอยู่คบื หน้ าไปยังส่ วนธุรกิจต่ อเนื่อง
เช่ น บริษัท CP เป็ นผู้ผลิตอาหารสั ตว์ เมือ่ เห็นโอกาสเติบโตจึงขยายไปสู่ ธุรกิจ
จัดจาหน่ ายโดยตั้งบริษัท CP Intertrade ขึน้ มาเป็ นผู้จัดจาหน่ ายแทนผู้จัดจาหน่ ายอืน่
CP
ตัวแทน
ค้ าปลีก
ลูกค้ า
CP
Intertrade
ค้ าปลีก
ลูกค้ า
การขยายธุรกิจในหลายมิติ (Integration)
2. การขยายธุรกิจเชิงถอยกลับ (Backward Integration)
บริษัทค้ าส่ งหรือค้ าปลีกที่สามารถขายสิ นค้ าได้ ในจานวนมากนั้น พยายามทีจ่ ะ
ลดต้ นทุนของธุรกิจให้ ต่า โดยการคิดจัดตั้งโรงงานเป็ นของตัวเอง เพราะนอกจากจะ
สามารถลดต้ นทุนลงได้ ต่าแล้ วยังสามารถควบคุมคุณภาพของสิ นค้ าและบริการได้
ดีกว่ าการรับสิ นค้ ามาขาย เช่ น บริษัท MK สุ กเี้ คยเป็ นเพียงร้ านขายอาหารแต่ เมือ่
ธุรกิจเติบใหญ่ ขนึ้ จึงหันไปสร้ างโรงโรงงานผลิตอาหารเพือ่ ป้ อนให้ กบั ร้ าน MK สุ กี้
โรงงาน
MK Fac.
MK
ลูกค้ า
MK Res.
ลูกค้ า
การขยายธุรกิจในหลายมิติ (Integration)
3. การขยายธุรกิจในระนาบเดียวกัน (Horizontal Integration)
บางครั้งการทีธ่ ุรกิจพยายามตอบรับกับการแข่ งขันนั้น จาเป็ นต้ องอาศัยความ
รวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิง่ การสร้ างร้ านค้ าเครือข่ าย ซึ่งในบางครั้งบริษัทไม่ อาจรอได้
ทีจ่ ะตั้งสาขาทีละสาขาได้ เพือ่ ก้ าวรุ กเชิงกลยุทธ์ บางเจ้ าของธุรกิจก็ตัดสิ นใจขยาย
เครือข่ ายร้ านค้ าโดยการเข้ าซื้อกิจการของร้ านค้ าทีป่ ระกอบธุรกิจประเภทเดียวกัน
ในทันที ซึ่งจะทาให้ สามารถมีร้านเครือข่ ายเพิม่ ขึน้ โดยไม่ ต้องรอสร้ าง
Showbiz VDO
Raku Raku VDO
Boy VDO
Network
Raku Raku VDO
Raku Raku VDO
Raku Raku VDO
พฤติกรรมผู้บริโภค
(Consumer Behavior)
ปัจจัยทีม่ ีอทิ ธิพลต่ อพฤติกรรมผู้บริโภค
รู้ ความต้ องการ/รู้ ปัญหา
ค้ นหาข้ อมูล
วัฒนธรรม, สั งคม
บุคคล,จิตวิทยา
ประเมินทางเลือก
ตัดสิ นใจ
พฤติกรรมหลังการตัดสิ นใจ
ปัจจัยทีม่ ีอทิ ธิพลต่ อพฤติกรรมผู้บริโภค
ปัจจัยด้ านวัฒนธรรม (Culture Factors)
1. วัฒนธรรม (Culture)
ทาอะไรตามใจคือไทยแท้, ไม่ปฏิเสธ, ยิม้
2. วัฒนธรรมกลุ่มย่ อย (Subculture)
เชื้อชาติ, ศาสนา, สี ผวิ , พื้นที่ภูมิศาสตร์
3. ชนชั้นของสั งคม (Social Class)
อาชีพ, ฐานะ, รายได้
ปัจจัยทีม่ ีอทิ ธิพลต่ อพฤติกรรมผู้บริโภค
ปัจจัยทางด้ านสั งคม (Social Factors)
1. กลุ่มอ้างอิง (Reference Group)
กลุ่มที่มีอิทธิพลต่อทัศนคติ ความคิดเห็น
1.1 กลุ่มปฐมภูมิ - เพื่อนสนิท เพื่อนบ้าน
1.2 กลุ่มทุติยภูมิ - ผูน้ าในสังคม เพื่อนร่ วมอาชีพ สถาบัน
2. ครอบครัว (Family)
3. บทบาทและสถานะ (Role and Status)
ปัจจัยทีม่ ีอทิ ธิพลต่ อพฤติกรรมผู้บริโภค
ปัจจัยส่ วนบุคคล (Personal Factors)
1. อายุ (Age)
2. วงจรของชีวติ (Life Cycle)
3. อาชีพ (Occupation)
4. โอกาสทางเศรษฐกิจ (Economic Circumstance)
5. การศึกษา (Education)
6. รูปแบบการดารงชีวติ (Life Style)
ปัจจัยทีม่ ีอทิ ธิพลต่ อพฤติกรรมผู้บริโภค
ปัจจัยด้ านจิตวิทยา (Psychological Factors)
1. การจูงใจ (Motivation)
2. การรับรู้ (Perception)
2.1 การเลือกที่จะรับข้อมูล
2.2 การเลือกที่จะแปลข้อมูลตามที่ตวั เองต้องการ
2.3 การเลือกที่จะเก็บข้อมูลที่ได้รับรู ้
3. การเรียนรู้ (Learning)
4. ความเชื่อและทัศนคติ (Belief and Attitude)
ร้ อยละของจำนวนผู้ลองใช้
ผู้บริโภคกับพฤติกรรมการใช้ สินค้ า
ตำมแห่
ชอบลอง
ต้ องเป็ น ของใหม่
คนแรก
13.5%
2.5%
Early
อยำกมีบ้ำง
34%
มีกด็ ี
เหมือนกัน
34%
16%
ช่ วงเวลำในกำรปรับตัวในกำรใช้ สินค้ ำ
Late
ผู้บริโภคกับพฤติกรรมการใช้ สินค้ า
1. พฤติกรรมทีต่ ้ องหาข้ อมูลให้ มากก่อนการซื้อ
2. พฤติกรรมการทีไ่ ม่ ต้องหาข้ อมูลมากก่อนการซื้อ
3. พฤติกรรมการซื้อด้ วยความเคยชิน
4. พฤติกรรมการซื้อทีจ่ ุกจิก
การสร้ างกลยุทธ์ การตลาด
(Development Marketing Strategics)
การสร้ างกลยุทธ์ การตลาด
ความต้ องการของลูกค้ า
(Customer needs & wants)
การแบ่ งตลาดกลุ่มย่ อย
(Marketing Segmentation)
วิเคราะห์ และ
ประเมินสถานการณ์
เลือกตลาดกลุ่มย่ อย
(Target Marketing)
วางตาแหน่ งผลิตภัณฑ์
(Positioning)
ส่ วนประสมการตลาด
(Marketing Mix)
การสร้ างกลยุทธ์ การตลาด
การแบ่ งตลาดกลุ่มย่ อย (Segmentation)
เลือกตลาดกลุ่มย่ อย (Target Marketing)
วิเคราะห์ และประเมินลูกค้ าในตลาดกลุ่มย่ อย
เป้าหมาย
(Customer Analysis)
การวางตาแหน่ งผลิตภัณฑ์ (Positioning)
การแบ่ งตลาดกล่ มุ ย่ อย
(Consumer Behavior)
การแบ่ งส่ วนกลุ่มย่ อย
การแบ่งกลุ่มลูกค้าที่อยูใ่ นตลาดออกเป็ นกลุ่มย่อยๆ ซึ่งแต่ละ
กลุ่มย่อยนั้นจะมีลกั ษณะเฉพาะบางประการที่มีคล้ายคลึงกัน ซึ่งแตกต่าง
จากกลุ่มย่อยกลุ่มอื่น
ลักษณะประชากรศาสตร์
อัตราการใช้
ทัศนคติ
จิตวิทยา
ความหมายของตลาดกลุ่มย่อย (Segmentation)
หมำยถึง กำรแบ่ งกลุ่มลูกค้ ำทีอ่ ยู่ในตลำดออกเป็ นกลุ่มย่ อยๆ
ซึ่งแต่ ละกลุ่มย่ อยนั้นจะมีลกั ษณะเฉพำะบำงประกำรทีม่ ีควำมคล้ำยคลึงกัน
ซึ่งแตกต่ ำงจำกกลุ่มย่ อยกลุ่มอืน่ กำรแบ่ งตลำดกลุ่มย่ อยนั้น ช่ วยให้ เรำ
สำมำรถเข้ ำใจถึงสภำพของตลำดและควำมต้ องกำรสิ นค้ ำของลูกค้ำได้ ดขี นึ้
ไม่ ว่ำจะเป็ นในเรื่องของทัศนคติ กำรเลือกใช้ สินค้ ำ พฤติกรรมกำรซื้อ
แรงจูงใจ ปัจจัยเหล่ำนีน้ ักกำรตลำดจะนำไปใช้ ในกำรวิเครำะห์ เพือ่ ใช้
วำงแผนกำรตลำดให้ มปี ระสิ ทธิภำพมำกทีส่ ุ ด
ขั้นตอนในการแบ่ งตลาดกลุ่มย่ อย
หลังจากศึกษาภาพตลาดรวมแล้ว ต้ องแบ่ งตลาดออกเป็ น
กลุ่มย่ อย (Segmentation)
เลือกกลุ่มตลาดย่ อย(กลุ่มเดียวหรือหลายกลุ่ม) ทีส่ นใจใน
การนาสิ นค้ าเข้ าไปทาตลาด (Target Marketing)
ทาการศึกษากลุ่มลูกค้ าหรือผู้ทคี่ าดว่ าจะเป็ นลูกค้ าของ
บริษัท
(Customer & Potential Customer)
กาหนดตาแหน่ งสิ นค้ าให้ อยู่มโนคติของผู้บริโภคให้ ได้
ชัดเจน
ทาอย่ างไรถึงจะแบ่ งกลุ่มตลาดย่ อยได้ ดี
เมื่อแบ่ งกลุ่มตลาดย่ อยแล้ วต้ องสามารถวัดขนาดหรือรู้ มูลค่ า
ตลาดของสิ นค้ ากลุ่มนั้นๆ ได้ (Measurable)
หากจะทาตลาดสิ นค้ าในกลุ่มย่ อย กลุ่มย่ อยนั้นต้ องมีขนาด
ใหญ่ พอทีจ่ ะสร้ างผลกาไรได้ (Substantial)
กลุ่มตลาดย่ อยทีส่ นใจนั้น ต้ องสามารถเข้ าไปถึงได้ และ
สามารถทีจ่ ะทาตลาดได้ (Accessible)
เมื่อสิ นค้ าใดถูกให้ อยู่ในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแล้ ว ในการแบ่ งกลุ่ม
ย่ อยแต่ ละครั้งไม่ ควรทีจ่ ะมีสินค้ านั้นเข้ าไปอยู่ในกลุ่มอืน่ อีก
ลักษณะการแบ่ งกลุ่มตลาดย่ อย
ลักษณะผู้บริโภค (Consumer Characteristics)
ลักษณะภูมศิ าสตร์
ลักษณะประชากรศาสตร์
จิตวิทยา
การตอบสนองของผู้บริโภค (Consumer Responses)
โอกาสการซื้อ
อัตราการใช้
ทัศนคติ
ประโยชน์ ของสิ นค้ า
เลือกตลาดกล่ มุ ย่ อย
(Target Marketing)
กลยุทธ์ ในการขายสิ นค้ าในตลาดย่ อยเป้ าหมาย
เลือกขายสิ นค้ าฯ ในทุกตลาดกลุ่มย่ อยโดยถือว่ าทั้งตลาดไม่
มีความแตกต่ างกัน (Undifferentiated Strategy)
เลือกขายสิ นค้ าฯ เฉพาะในตลาดกลุ่มย่ อยทีส่ นใจแต่ เพียง
ตลาดเดียว (Concentrated Strategy)
เลือกขายสิ นค้ าฯ ในกลุ่มตลาดกลุ่มย่ อยหลายกลุ่ม
(Multisegment Strategy)
วิเคราะห์ และประเมินลูกค้ า
ในตลาดกล่ มุ ย่ อยเป้ าหมาย
(Customer Analysis)
ลูกค้ าในตลาดกลุ่มย่ อยเป้ าหมาย
ลูกค้ าเป้าหมาย (Potential Customer)
เมือ่ เลือกตลาดกลุ่มย่ อยเป้ าหมาย (Market Segment) ได้ แล้ว ขั้นตอน
ต่ อไปคือการวิเคราะห์ ผ้ ทู จี่ ะเป็ นลูกค้ าที่อยู่ในกลุ่มตลาดเป้ าหมายย่ อยเหล่านั้น
เพือ่ ทีจ่ ะได้ เรียนรู้ พฤติกรรมการซื้อและการบริโภครวมถึงแรงจูงใจทีม่ อี ทิ ธิพลใน
การตัดสิ นใจซื้อสิ นค้ าของเรา
ประเภทของลูกค้ าในตลาดกลุ่มย่อย
กรณีที่ 1 : สิ นค้ าในหมวดนั้นมีวางจาหน่ ายในตลาดอยู่แล้ว
ลูกค้ าทีใ่ ช้ สินค้ าของบริษทั
ลูกค้ าทีใ่ ช้ สินค้ าของบริษทั คู่แข่ ง
กลุ่มคนทีส่ ามารถพัฒนาเป็ นลูกค้ าของบริษัท
ได้
กรณีที่ 2 : สิ นค้ าเป็ นหมวดสิ นค้ าใหม่ ที่ไม่ มีวางจาหน่ ายอยู่ในตลาด
ลูกค้ าทีใ่ ช้ สินค้ าของบริษทั คู่แข่ ง
กลุ่มคนทีส่ ามารถพัฒนาเป็ นลูกค้ าของบริษัท
ได้
การวางตาแหน่ งผลิตภัณฑ์
(Positioning)
การกาหนดตาแหน่ งในใจ (Positioning)
การวางตาแหน่ งสิ นค้ าหรือผลิตภัณฑ์ คือ การสร้ างภาพของ
สิ นค้ าหรือผลิตภัณฑ์ ขนึ้ ในใจของกลุ่มเป้าหมาย ภาพของสินค้ าหรือ
ผลิตภัณฑ์ ทเี่ กิดขึน้ ในใจของกลุ่มเป้าหมายนั้น เป็ นภาพหรือความรู้สึก
เฉพาะคน และภาพนั้นจะเปรียบเสมือนเป็ นตัวทีอ่ ธิบายความรู้สึกนึก
คิดทีเ่ กิดขึน้ ในใจที่มตี ่ อสิ นค้ าหรือผลิตภัณฑ์ ทเี่ รานาออกเสนอให้
ผู้บริโภค
การวางตาแหน่ งการรับรู้ในใจคน
“ การวางตาแหน่ งการรับรู้ในใจคนนั้น ไม่ ได้ วางจากตัวสิ นค้ าเป็ นหลัก
การวางตาแหน่ งการรับรู้น้ัน ต้ องเริ่มต้ นจากการสร้ างการรับรู้ในใจของ
กลุ่มเป้าหมายเป็ นสาคัญ และนั่นก็คอื การทีเ่ ราสามารถวางภาพของ
สิ นค้ าให้ อยู่ในใจของคนได้ ”
Al Ries – Jack Trout
The Battle for Your Mind, 2001
ส่ วนประสมการตลาด
(Marketing Mix)
โครงสร้ างตลาด
การแบ่ งส่ วนกลุ่มย่ อย
ความต้ องการ
ของลูกค้ า
กาหนดกลุ่มเป้ าหมาย
ความต้ องการ
ของลูกค้ า
การแบ่ งส่ วนกลุ่มย่ อย
การแบ่ งส่ วนกลุ่มย่ อย
ผลิตภัณฑ์
ราคา
การ
โฆษณา
การ
ส่ งเสริม
การขาย
การจัดจาหน่ าย
การขาย
โดย
บุคคล
การ
ประชา
สั มพันธ์
การส่ งเสริมการตลาด
ส่ วนประสมการตลาด (Marketing Mix)
ส่ วนประสมการตลาด
(Marketing Mix)
ผลิตภัณฑ์
(Product)
โฆษณา
(Advertising)
ราคา
(Price)
ช่ องทางการจาหน่ าย
(Place)
ประชาสั มพันธ์
(Public Relations
Publicty)
ขายโดยบุคคล
(Personal Seling)
การส่ งเสริมการตลาด
(Promotion)
การส่ งเสริมการขาย
(Sales Promotion)
ส่ วนประสมการตลาด (Marketing Mix)
ส่ วนประสมการตลาด
กลุ่มเป้ าหมาย
สิ นค้ า
ความหมายหลาย
คุณภาพ
การออกแบบ
ตราสิ นค้า
บรรจุภณั ฑ์
บริ การ
รับประกัน
ราคา
ส่ วนลด
ส่ วนให้เพิ่ม
การชาระเงิน
เงื่อนไข
เครดิต
ช่ องทางการ
จัดจาหน่ าย
ช่องทาง
พื้นที่ครอบคลุม
ชนิดของสิ นค้า
คลังสิ นค้า
ระบบขนส่ ง
การส่ งเสริม
การตลาด
การโฆษณา
การประชาสัมพันธ์
การขายโดยบุคคล
การส่ งเสริ มการขาย
การตลาดตรง
ผลิตภัณฑ์ (Product)
กลยุทธ์ ของสายผลิตภัณฑ์ (Product line)
กลยุทธ์ ด้านตราสิ นค้ า (Branding)
กลยุทธ์ ด้านบริการ (Services)
กลยุทธ์ ด้านบรรจุภัณฑ์ และฉลาก (Packaging &
Labeling)
 กลยุทธ์ ด้านผลิตภัณฑ์ ใหม่ (New Product Development)
กลยุทธ์ ด้านการรับประกัน (Warrantee)
กลยุทธ์ ของสายผลิตภัณฑ์ และตราสิ นค้ า
กลยุทธ์ ของสายผลิตภัณฑ์ (Product line stretching)
คือ การสร้ างความหากหลายของผลิตภัณฑ์ ท้งั ในทางกว้ างและทางลึก
กลยุทธ์ ตราสิ นค้ า (Branding)
หมายถึง สั ญลักษณ์ รู ปแบบหรือทุกอย่ างรวมกันโดยมีวัตถุประสงค์ ทจี่ ะ
สร้ างความแตกต่ างระหว่ างสิ นค้ าของตนกับคู่แข่ ง
การสร้ างตราสิ นค้ านั้น ต้ องเป็ นสิ่ งที่จดจาง่ าย ไม่ ซับซ้ อนจนเกินไป และมี
ความโดดเด่ น
กลยุทธ์ ด้านการบริการ
กลยุทธ์ ด้านการบริการ (Services)
ความน่ าเชื่อถือ (Releability)
การตอบสนองต่ อความต้ องการบริการ (Responsiveness)
ความเชื่อมั่น (Assurance)
การเอือ้ เฟื้ อช่ วยเหลือให้ บริการ (Empathy)
ภาพลักษณ์ รวมการให้ บริการ (Tangibles)
กลยุทธ์ ด้านบรรจุภัณฑ์
บรรจุภัณฑ์ (Packaging)
หมายถึง กิจกรรมในการออกแบบและผลิตภาชนะบรรจุหรือห่ อหุ้มสิ นค้ า
หน้ าทีห่ ลักของบรรจุภัณฑ์ (Basic Functions of Packaging)
ปกป้องสิ นค้ า (Protection)
เพิม่ ความสะดวก (Convenience)
ใช้ เพือ่ สื่ อสาร (Communication)
กลยุทธ์ ด้านบรรจุภัณฑ์
นโยบายการบรรจุภัณฑ์ (Packaging policy)
เปลีย่ นบรรจุภัณฑ์ (Changing the package)
นากลับมาใช้ ใหม่ (Reuse packaging)
บรรจุภัณฑ์ รวม (Multiple packaging)
บรรจุภัณฑ์ สาหรับสายผลิตภัณฑ์ (Packaging the
product line)
เพือ่ สิ่ งแวดล้อม (Socioenvironmental design)
ราคา (Price)
เพือ่ เจาะตลาด (Market Penetration Pricing)
เพือ่ ทาให้ เกิดการลองใช้ (Price to Product Trial)
เพือ่ แยกกลุ่มเป้าหมายให้ ชัดเจน (Segmentation Pricing)
เพือ่ ให้ ได้ กาไรสู งสุ ด (Maximum Profit Pricing)
เพือ่ สร้ างภาพ (Image Pricing)
เพือ่ ให้ อยู่รอด (Survival Pricing)
ราคาและเกณฑ์ การกาหนดราคา
การกาหนดราคา
กาหนดราคาสู งกว่ าราคาตลาด (Above market price)
กาหนดทีร่ าคาตลาด (Market Price)
กาหนดราคาที่ตา่ กว่ าราคาตลาด (Below Market Price)
เกณฑ์ การกาหนดราคาขาย
ตั้งจากต้ นทุน (Cost Oriented)
ตั้งจากความต้ องการของตลาด (Demand oriented)
ตั้งจากคู่แข่ งขัน (Competition oriented)
กลยุทธ์ การกาหนดราคา
กาหนดราคาแบบบวกเพิม่ (Market Pricing)
กาหนดจากคุณค่ าทีล่ ูกค้ าประเมิน (Perceived – value
pricing)
 กาหนดจากคู่แข่ งในตลาด (Go – rating pricing)
 กาหนดเพือ่ ส่ งเสริมการขาย (Promotional Pricing)
 กาหนดเพือ่ ให้ ลูกค้ าซื้อสิ นค้ าหลัก (Bait and Switch Pricing)
 กาหนดแบบยอมขาดทุน (Loss – leader pricing)
กาหนดแบบถูกทุกวัน (Everyday Low price, EDLP)
ช่ องทางการจัดจาหน่ าย (Place-Distribution Channel)
เป้าหมายของการจัดจาหน่ าย
กระจายสิ นค้ าให้ ทวั่ ถึงทุกจุดขาย (Market Coverage)
มีต้นทุนทีต่ ากว่ าคู่แข่ งขัน (Lower cost than competitors)
 สิ นค้ าอยู่ในสภาพดี ไม่ เสี ยหาย (Good condition, No damage)
 เกิดกาไรของธุรกิจสู งสุ ด (Maximum Profit)
 มีความรวดเร็วกว่ าคู่แข่ งในการส่ งมอบ (Fast Delivery)
 สร้ างความได้ เปรียบในการแข่ งขัน (Competitive advantage)
ช่ องทางการจัดจาหน่ าย
โรงงาน
ผู้บริโภค
โรงงาน
โรงงาน
ค้ าปลีก
ผู้บริโภค
ค้ าส่ ง
ค้ าปลีก
ผู้บริโภค
โรงงาน
ค้ าส่ ง
ค้ าส่ งอิสระ
ค้ าปลีก
ผู้บริโภค
โรงงาน
เอเย่นต์
ค้ าส่ ง
ค้ าปลีก
ผู้บริโภค
การส่ งเสริมการตลาด (Promotion)
เครื่องมือในการส่ งเสริมการตลาด
การโฆษณา (Advertising)
 การขายโดยพนักงานขาย (Personal Selling)
 การประชาสั มพันธ์ (Public Relations & Publicity)
 การส่ งเสริมการขาย (Sales Promotion)
การโฆษณา (Advertising)
การโฆษณา (Advertising)




แจ้ งข่ าวสาร (Informing)
เพือ่ จูงใจ (Persuading)
เพือ่ เตือนความจา (Reminder)
เปลีย่ นการรับรู้ (Changing perception)
สื่ อที่ใช้ (Medium of Communications)
โทรทัศน์ , หนังสื อพิมพ์ , นิตยสาร, ป้ ายโฆษณา, จดหมายสื่ อ On-line, วิทยุ
การใช้ พนักงานขาย (Personal Selling)
การขายโดยพนักงานขาย (Personal Selling)




กระตุ้นการซื้อ (Stimulating sales)
รับข่ าวสารข้ อมูล (Receiving information)
ตรวจสอบตลาด (Market inspection)
สร้ างความสั มพันธ์ (Creating relationship)
เทคนิค (Selling Techniques)
 การเสนอขาย, การแสวงหาลูกค้ า, การโน้ มน้ าวและจูงใจลูกค้ า
 การปิ ดการขาย, การติดตามลูกค้ า
การประชาสั มพันธ์ (Public Relations & Publicity)
การประชาสั มพันธ์ / จัดกิจกรรม (PR /PB)




สร้ างความสั มพันธ์ กบั มวลชนและสื่ อ (Public relations)
สร้ างภาพลักษณ์ (Creating image)
โฆษณาประชาสั มพันธ์ สถาบัน (Corporate advertising)
แก้ไขวิกฤต (Crisis to solution)
เทคนิค (PR Techniques)
การแถลงข่ าว, การพบปะสื่ อมวลชน, การแจ้ งข่ าว, การจัดกิจกรรม,
Sponsorship, การจัดสั มมนา
การส่ งเสริมการขาย (Sales Promotion)
การส่ งเสริมการขาย (Sales Promotion)




ทดลองซื้อ (Trial purchase)
ตัดสิ นใจซื้อ ณ จุดขาย (Immediate purchase)
อยากซื้อซ้า (Repeat purchase)
สกัดคู่แข่ ง (Block competitor)
เทคนิค (Sales Promotion Techniques)
สิ นค้ าตัวอย่าง, ของแถม, คูปองส่ วนลด, แสตมป์ , การชิงโชค, การแข่ งขัน,
ส่ วนลด, การให้ ส่วนเพิม่ , การรับประกัน