พลังงานกล พลังงานไฟฟ้า

Download Report

Transcript พลังงานกล พลังงานไฟฟ้า

วิทยาศาสตร ์
4
ครู เฉลิมวุฒิ กลมเกลียว
วิทยาลัยการอาชีพบัวใหญ่
อาชีวศึ กษาจังหวัดนครราชสี มา
สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึ กษา
กระทรวงศึ กษาธิการ
พลังงานไฟฟ้า
• เป็ นการเปลีย
่ นรูปพลังงานรูปอืน
่ มาเป็ น
พลังงานไฟฟ้า
ซึง่ มีแหลงก
่ าเนิดตามลักษณะการ
เปลีย
่ นพลังงาน
ดังนี้
–
เกิดจากเซลไฟฟ้าเคมี
(ปฏิกริ ย
ิ า
เคมี
พลังงานไฟฟ้า)
–
เกิดจากฟิ วเอลเซล (จากการสั นดาป
เชือ
้ เพลิงพลังงานไฟฟ้า)
–
เกิดจากไดนาโม
(พลังงานกล
พลังงานไฟฟ้า)
• การผลิตกระแสไฟฟ้า แยกออกเป็ น
ประเภทตาง
ๆ
่
ตามลักษณะการผลิต
ดังนี้
1. โรงไฟฟ้าพลังงานน้า
- แรงดันน้า
พลังงานกล
พลังงานไฟฟ้า
2. โรงไฟฟ้าพลังไอน้า
3. โรงไฟฟ้ากังหันก๊าซ
การ
เผาไหมของเชื
ความรอน
อ
้ เพลิง
้
้
ห้องอัดแรงดัน
พลังงานกล
พลัโรงไฟฟ
งงานไฟฟ
า
้
4.
าพลั
งงานความรอนร
วม
้
้
่
อ
้ เพลิง
- การเผาไหมของเชื
้
ความร้อนห้องอัดแรงดัน
พลังงานกล
พลังงานไฟฟ้า
- ไอน้า พลังงานกล พลังงาน
ไฟฟ้า
5. โรงไฟฟ้าเครือ
่ งยนตดี
์ เซล
- เชือ
้ เพลิง
อัดอากาศ
การระเบิด
ลูกสูบเคลือ
่ น
พลังงานไฟฟ้า
6. โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร ์
- ปฏิกริ ย
ิ านิวเคลียร ์
พลังงานความรอน
พลังงาน
้
จลนของน
พลังงานกล
้า
์
พลังงานไฟฟ้า
7. โรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย ์
- แสงอาทิตย ์
ปฏิกริ ย
ิ าเคมี
พลังงานไฟฟ้า
หมอแปลงไฟฟ
(Transformer)
้
้า
เป็ นอุปกรณที
่ หรือ
์ ใ่ ช้ในการเพิม
ลดความตางศั
กยไฟฟ
มี
2
่
้า
์
ชนิดคือ
1. หมอแปลงไฟฟ
้
(Step้
้ าขึน
up transformer) เป็ นการนา
ขดลวดทีม
่ จ
ี านวนรอบน้อยตอกั
่ บ
แหลงก
่ าเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ
(ขดลวดปฐมภูม)ิ ส่วนขดลวดทีม
่ ี
จานวนรอบมาก
(ขดลวดทุตย
ิ ภูม)ิ นาไปตอกั
่ บความ
ตานทานที
จ
่ ะใช้
ทาให้ไดความ
้
้
ตางศั
กยไฟฟ
่ อกมาสูงขึน
้
่
้ าทีอ
์
2. หมอแปลงไฟฟ
(Step้
้ าลง
down transformer) เป็ นการนา
ขดลวดทีม
่ จ
ี านวนรอบมากตอกั
่ บ
แหลงก
่ าเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ
(ขดลวดปฐมภูม)ิ ส่วนขดลวดทีม
่ ี
จานวนรอบน้อย(ขดลวดทุตย
ิ ภูม)ิ
ตอเข
จ
่ ะใช้
่ ากั
้ บความตานทานที
้
ทาให้ความตางศั
กยไฟฟ
่ อกมา
่
้ าทีอ
์
ตา่ ลง
การคานวณหาขนาดของฟิ วส์
I = กระแสไฟฟ้า มีหน่วย
แอมแปร ์ (Ampere : A)
P = กาลังไฟฟ้า มีหน่วย
วัตต ์ (Watt : W)
V = แรงเคลือ
่ นไฟฟ้าหรือ
ความตางศั
กยไฟฟ
่
้ า มีหน่วย
์
โวลต ์ (Volt : V)
- เครือ
่ งใช้ไฟฟ้า
1. หลอดไฟฟ้า
มี 2 แบบคือ
6. เครือ
่ งคอมพิวเตอร ์
- 1.1 หลอดธรรมดา
7. เครือ
่ งพิมพดี
์ ด
- 1.2 หลอดเรืองแสง
8. เครือ
่ งโทรสาร
2. พัดลม
9. เครือ
่ งโทรศัพท ์
3. หม้อหุงขาว
้
10. เครือ
่ งถายเอกสาร
่
- การคิดคาไฟฟ
หาไดจาก
่
้า
้
คาไฟฟ
+ คาไฟฟ
่
้ าฐาน
่
้ าผัน
แปร
+ ภาษีมล
ู คาเพิ
ม
่
่
- ความปลอดภัยในการใชไฟฟา
้
1. เลือกใช้อุปกรณไฟฟ
้ าและ
์
่ ม
ี าตรฐาน
เครือ
่ งใช้ไฟฟ้าทีม
2. ควรมีแผนการตรวจบารุงรักษา
อุปกรณและเครื
อ
่ งใช้ไฟฟ้าเป็ น
์
ประจาทุกปี
้
3. เมือ
่ เลิกใช้เครือ
่ งไฟฟ้าแลว
้
ควรปิ ดสวิตซและถอดเต
าเสี
้ ยบทุก
์
ครัง้
4. ระมัดระวังในการใช้เครือ
่ งไฟฟ้า
ระบบหอหุ
่ ้มรางกาย
่
คือ
ระบบทีใ่ ช้ในการป้องกัน
อันตรายส่วนทีอ
่ ยูใต
่ ผิ
้ วหนัง
กาจัดของเสี ย
รับสั มผัส
ให้
ความอบอุน
ประกอบดวย
่
้
ผิวหนัง
เล็บ
ขน
1. ผิวหนัง
ทาหน้าทีห
่ อหุ
่ ้ม
ป้องกันรางกาย
ประกอบดวยชั
น
้
่
้
หนังกาพรา้
ชัน
้ หนังแท้
2. เล็บ
เป็ นเส้นของผิวหนังทีอ
่ ยู่
ใตชั
้ ของหนังกาพรา้
้ น
3. ขน
เป็ นส่วนของชัน
้ หนังแท้
ทาหน้าทีด
่ ก
ั จับฝุ่นและเชือ
้ โรคไมให
่ ้
สั มผัสกับผิวหนังโดยตรง
ระบบโครงรางของร
างกาย
่
่
คือ
ระบบทีใ่ ช้ในการคา้ จุน
รางกาย
ไดแก
กระดูก
่
้ ่
ซึง่ มีทง้ั สิ้ น
206 ชิน
้
แบงเป็
2 ส่วน
คื อ
่ น
1. กระดูกแกนกลาง
มีทง้ั สิ้ น
80 ชิน
้
ประกอบดวย
้
กะโหลกศี รษะ
คอ
สั นหลัง
2. กระดูกระยางค ์
มีทง้ั สิ้ น
นิ้วมือ
126 ชิน
้
ประกอบดวย
้
นิ้วเทา้
แขน
ขา
กระดูก
เชิงกราน
ระบบกล
ามเนื
้อ คือ
ระบบทีท
่ า
้
หน้าทีค
่ วบคุมการเคลือ
่ นไหวของ
รางกาย
ประกอบดวยกล
ามเนื
้อ
่
้
้
3 ชนิดคือ
1. กลามเนื
้อลาย
เป็ น
้
กลามเนื
้อทีท
่ างานหนัก
้
รางกายสามารถควบคุ
มการ
่
ทางานได้
2. กลามเนื
้อเรียบ
เป็ น
้
กลามเนื
้อทีท
่ างานเบา
้
รางกายไม
สามารถควบคุ
มการ
่
่
ทางานได้
ระบบประสาท
• เป็ นส่วนทีค
่ วบคุมการทางานของ
อวัยวะตางๆ
ของรางกาย
่
่
แบงได
่
้ 2 ส่วน
1. ระบบประสาทส่วนกลาง
ประกอบดวย
สมอง
ไขสั น
้
หลัง
2. ระบบประสาทรอบนอก
ประกอบดวย
เสนประสาท
ระบบตอม
่
ทาหน้าที่
ผลิตฮอรโมนที
ใ่ ช้
์
ควบคุมการทางานของอวัยวะตางๆ
่
ของรางกาย
แบงได
2
่
่
้
ประเภทคือ
1. ตอมมี
ทอ
คือ
ตอมที
ม
่ ี
่
่
่
ทอส
่ รางขึ
น
้ ไปยัง
่ าหรับนาสารทีส
้
ส่วนตางๆ
ของรางกาย
่
่
ระบบหมุนเวียนโลหิต
• คือ
ระบบทีน
่ าอาหารและออกวิ
เจนไปเลีย
้ งเซลและนาของเสี ยออก
นอกเซล
ประกอบดวย
้
1. หัวใจ
ทาหน้าทีส
่ บ
ู ฉี ดเลือดไปยัง
ส่วนตางๆ
ของรางกาย
่
่
2. เส้นเลือด
มี
4 ชนิดคือ
2.1 เส้นเลือดแดง
2.2 เส้นเลือดดา
2.3 เส้นเลือดฝอย
้
ทาลายสิ่ งแปลกปลอมทีเขาสู
้ ่ รางกาย
่
ประกอบดวย
้
3.1 อวัยวะผลิตน้าเหลือง
ไดแก
มาม
ตอมน
้าเหลือง
้ ่
้
่
ตอมไธมั
ส
ตอมทอนซิ
ล
่
่
3.2 อวัยวะนาน้าเหลือง
หลอด
เส้นน้าเหลือง
ไดแก
้ ่
น้าเหลือง
ระบบหายใจ
• ทาหน้าที่
ในการแลกเปลีย
่ นก๊าซ
ระหวางร
บบรรยากาศ
่ างกายกั
่
อวัยวะทีท
่ าหน้าทีน
่ ี้เรียกวา่
ปอด
(Lung) ซึง่ มี
2 ข้างคือ
1. ปอดดานซ
มีลก
ั ษณะ
้
้าย
แคบและยาว
แบงได
2 ส่วนคือ
่
้
ส่วนบนและส่วนลาง
่
2. ปอดดานขวา
มีลก
ั ษณะใหญ่
้
และกว้าง
แบงได
3 ส่วนคือ
่
้
ระบบทางเดินอาหาร
คือ
กระบวนการในการยอยอาหารจาก
่
โมเลกุลขนาดใหญให
่ ้มีขนาดเล็กลง
พอทีจ
่ ะดูดซึมเขาสู
้ ่ รางกายได
่
้
ประกอบดวย
้
1. ปาก
2. คอหอย
3. หลอดอาหาร
4. กระเพาะอาหาร
5. ลาไส้เล็ก
- ระบบขับถ่ ายปัสสาวะ
•
•
•
•
1.
2.
3.
4.
ไต
หลอดไต
กระเพาะปัสสาวะ
หลอดปัสสาวะ
พลังงานในร่ างกาย
• เกิดจากการสั นดาประหว่ างก๊ าซออกซิเจนกับอาหาร
ภายในเซล โดยที่ก๊าซออกซิเจนปริมาณ 1,000
ลูกบาศ์ กเซนติเมตร จะให้ พลังงาน 19.2 กิโลจูล
• - เซล (Cell) คือ หน่ วยพืน้ ฐานทีเ่ ล็กทีส่ ุ ดของ
สิ่ งมีชีวติ ประกอบด้ วย 2 ส่ วนใหญ่
1. ส่ วนห่ อหุ้ม มี 2 ส่ วน
1.1 เซลวอลล์ (Cell wall) พบในเซล
พืช หน้ าที่ป้องกันและเป็ นทางผ่ านเข้ าออกของน้าและ
อาหาร
1.2 เซลเบรเบน (Cell membrane)
พบในเซลสั ตว์ หน้ าที่ป้องกันและเป็ นทางผ่ านเข้ าออก
ของน้าและอาหาร
2. โปรโตพาสซึม (Protoplasm) ประกอบด้ วย
2.1 นิวเคลียส ( ) หน้ าที่ ควบคุมการทางานของเซล
ประกอบด้ วย
2.1.1 นิวคลีโอลัส (Nucleolus) หน้ าที่
สร้ างโปรตีนและสั งเคราะห์ RNA
2.1.2 นิวคลีโอพลาสซึม
(Nucleoplasm) หน้ าที่ ป้องกันและเป็ น
ทางผ่ านเข้ าออกของน้าแลอาหาร
2.1.3 โครโมโซม (Chromosome)
หน้ าที่ เป็ นหน่ วยถ่ ายทอดทางพันธุกรรมจากพ่ อ แม่
ไปสู่ ลูก
2.2 ไซโพลาสซึม (Cytoplasm) ประกอบด้ วย
2.2.1 เอนโดรพลาสมิ เรติควิ ลัม
(Endoplasmic reticulum) สร้ างโปรตีน
2.2.2 ไมโครทิวบูล (Microtublue)
ควบคุมการทางานของส่ วนทีใ่ ช้ ในการเคลือ่ นที่ เช่ น
แฟลกเจลลัม (Flagellum) ซีเรีย (Cillia)
สายสปิ ลเดิล (Spindle fiber)
2.2.3 ไรโบโซม (Ribosome ) สร้างโปรตีน
2.2.4 ไลโซโซม (Lysosome) ย่อยเซลขนาด
ใหญ่หรื อกินเซลที่ตายแล้ว
2.2.5 กอลจิบอดี้ (Golgi body ) เป็ นท่อ
ลาเลียงน้ า อาหารและขับถ่ายของเสี ยออกจากเซล
2.2.6 แวคคิวโอล (Vacuole ) เป็ นช่องว่างที่อยูใ่ น
เซล พบในเซลพืชใช้ในการเก็บอาหาร เรี ยกว่า Food
vacuole และของเสี ย เรี ยกว่า Contractile
vacuole
2.2.7 เซนทริ โอล (Centriole) สร้างสายสปิ ลเดิลใน
การแยกยีนให้ออก
2.2.8 พลาสติด (Plastid) มี 3 ชนิด คือ
1) ลิวโครพลาส (Leucoplast ) เป็ นรงควัตถุที่
ไม่มีสี
2.) โครโมพลาส (Chromoplst) เป็ นรงควัตถุที่
ให้มีแดง เหลือง น้ าเงินยกเว้นสี เขียว
3) คลอโรพลาส (Chloroplast) เป็ นรงควัตถุที่
ให้สีเขียว
การแบ่ งเซล มี 2 วิธี
• 1. การแบ่ งเซลแบบไมโตซีส (Mitosis) เป็ น
การแบ่ งเซลร่ างกาย จาก 1 เซล จะได้ เซลใหม่
เกิดขึน้ 2 เซล
• 2. การแบ่ งเซลแบบไมโอซีส (Meiosis) เป็ น
การแบ่ งเซลสื บพันธุ์ จาก 1 เซล จะได้ เซลใหม่
เกิดขึน้ 4 เซล
สารพันธุกรรม
• ในร่ างกายของมนุษย์ ส่วนใหญ่ เป็ นสารอินทรีย์ที่มี
โมเลกุลขนาดใหญ่ มี
• 2 ชนิดคือ
• 1. DNA (Deoxyribonucleic Acid)
มีลกั ษณะคล้ ายบันไดเวียนขวา ประกอบด้ วย
• 1.1 หมู่เบส
1.2 น้าตาล
1.3 หมู่ฟอสเฟต
• 2. RNA (Ribonucleic Acid) พบ
ในกระบวนการถ่ ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม มี
• 3 ชนิดคือ
2.1 rRNA ทาหน้ าทีเ่ ชื่อมต่ อกรดอะมิโนกับพอลิเปป
ไทด์
2.2 mRNA ทาหน้ าทีจ่ าลองแบบของ DNA
2.3 tRNA ทาหน้ าทีน่ ารหัสพันธุกรรมมาเชื่อมต่ อกับ
mRNA
ยีน
คือ ลักษณะทางพันธุกรรมทีส่ ามารถถ่ ายทอดไปยัง
ลูกหลานได้ มี 2 ลักษระคือ
1. ฟี โนไทป์ (Phenotype) คือ ลักษณะที่
ปรากฏออกมาให้ เราเห็นได้ 2 แบบ
•
1.1 ลักษณะเด่ น (Dominant)
1.2 ลักษณะด้ อย (Recessive)
• 2. จีโนไทป์ (Genotype) คือ ลักษณะ
ที่ไม่ ปรากฏออกมาให้ เห็น มี 2 แบบคือ
• 2.1 พันธุ์แท้ (Homozygous)
• 2.2 พันธุ์ทาง (Heterozygous)
กฎเมนเดล มี 2 ข้อ
• 1. กฎการแยกลักษณะ (Law of
Segregation) ยีนทีอ่ ยู่เป็ นคู่กนั จะแยกจากกันใน
ระหว่ างการสร้ างเซลสื บพันธุ์ ทาให้ เซลสื บพันธ์ มหี น่ วย
ควบคุมลักษณะเพียง 1 หน่ วย
• 2. กฎแห่ งการเลือกกลุ่มตัวอย่ างอิสระ (Law of
Independent Assortment) ยีนจะมีการ
รวมกลุ่มกันของหน่ วยพันธุกรรมลักษณะเดียวกันอย่ าง
อิสระ ไม่ เกีย่ วข้ องกับลักษณะของยีน
- คาร์ โบไฮเดรต (Carbohydrate) ได้ จาก
ข้ าว แป้ ง น้าตาล เผือก มัน เป็ นสารอาหารที่ให้ พลังงาน
แก่ ร่างกาย สามารถเปลีย่ นให้ อยู่ในรูปของแป้ งและไกล
โคเจนได้ โดยให้ ค่าพลังงาน 1 กรัม
ต่ อ 4 กิโลแคลอรี่ ทดสอบน้าตาลโดยใช้ สารละลาย
เบเนดิกส์ (ฟ้ า ส้ มอิฐ ) ทดสอบแป้ ง
(เหลือง,น้าตาล น้าเงิน )โดยใช้ สารละลาย
ไอโอดีน
โปรตีน (Protein) ได้ จากเนือ้ นม ไข่ ถั่วเมล็ด
แห้ งชนิดต่ างๆ เป็ นสารอินทรีย์เชิงซ้ อนให้ พลังงานแก่
ร่ างกายเกิดจากการรวมตัวกันของกรดอะมิโน โดยให้
พลังงาน 1 กรัมต่ อ 4.2 กิโลแคลอรี่ ทดสอบโดยใช้
กรดไนตริก (ไม่ มีสี เหลืองหรือน้าตาล)
สารละลายไบยูเร็ต (เหลือง,น้าตาล น้าเงินเข้ มหรือ
น้าเงินแกมม่ วง)
ไขมัน (Lipid) เป็ นสารอาหารที่ได้ จากการย่ อย
น้ามันจากสั ตว์ หรือน้ามันจากพืช โดยเอนไซม์ ไลเปส
แล้ วได้ กรดไขมันกับกลีเซอรอล กรดไขมัน มี 2
ชนิดคือ
1. กรดไขมันอิม่ ตัว มีลกั ษณะเป็ นของแข็ง
เรียกว่ า ไขมัน (
)
2. กรดไขมันไม่ อมิ่ ตัว มีลกั ษณะเป็ น
ของเหลว เรียกว่ า น้ามัน (
)
วิตามิน (Vitamin) เป็ นสารอาหารที่ทาหน้ าที่
ควบคุมการเผาพลาญสารอาหาร และเป็ น
ตัวเร่ งให้ เอนไซม์ ทางานอย่ างมีประสิ ทธิภาพ แบ่ งได้ 2
ประเภทคือ
1. วิตามินที่ละลายในน้า (Water Soluble
Vitamin) ได้ แก่ วิตามินซี วิตามินบี
2. วิตามินที่ละลายในน้ามัน (Fat Soluble
Vitamin) ได้ แก่ วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี
วิตามินเค
- เกลือแร่ (Mineral) เป็ นสารอินทรีย์ที่ช่วย
สร้ างเนือ้ เยือ้ ควบคุมการทางานของอวัยวะ รวมทั้ง
ฮอร์ โมนต่ างๆ และช่ วยรักษาสมดุลกรดและเบสใน
ร่ างกาย เกลือแร่ ทสี่ าคัญต่ อร่ างกาย เช่ น โซเดียม
โพแทสเซียม แคลเซียม เหล็ก ไอโอดีน เป็ นต้ น
- น้า (Water) เป็ นสารอาหารทีม่ ีมากทีส่ ุ ดใน
ร่ างกาย คือมีอยู่ 2 ใน 3 ส่ วนของน้ามีความสาคัญ
ดังนี้
1. เป็ นตัวทาละลาย
2. ช่ วยรักษาอุณหภูมิของร่ างกาย
3. ช่ วยในการดูดซึมสารอาหาร
4. ทาให้ ผวิ พรรณสดชื่น
5. ช่ วยในการขับถ่ ายของเสี ยออกนอกร่ างกาย
• การถนอมอาหาร หมายถึง กระบวนการเพือ่ รักษา
คุณภาพของอาหารมอให้ เสื่ อมคุณภาพเร็วเกินไปและ
สามารถเก็บรักษาไว้ ได้ นานๆ มีวธิ ีการดังนี้
•
1. การตากแห้ ง
•
2. การหมักดอง
•
3. การแช่ เย็น,การแช่ แข็ง
•
4. การอาบรังสี
5. การใส่ สารกันบูด เช่น โซเดียมเบนโซเอต,กรดซอร์บิค,
กรดเบนโซอิค
6. การแช่อิ่ม
7. การใช้ความร้อน มี 3วิธี
• 7.1 การฆ่ าเชื้อ (Pasteurization) ใช้ ความร้ อนประมาณ 6575 องศาเซลเซียส นานประมาณ 30 นาที ภายใต้ ความกดอากาศ
สามารถเก็บรักษาอาหารไว้ ไม่ เกิน 3 วัน และต้ องเก็บโดยการแช่ เย็น
7.2 การทาไร้ เชื้อ (Sterilization) ใช้ ความร้ อนประมาณ 120
องศาเซลเซียส นานประมาณ 15-20 นาที ภายใต้ ความกดอากาศ
สามารถเก็บอาหารไว้ ได้ นานโดยไม่ ต้องแช่ เย็น
7.3 U.H.T (Ultra high
temperature) เป็ นการทาไร้ เชื้อใช้ ความ
ร้ อนมากกว่ า 120 องศาเซลเซียส นาน 1.2
นาที แล้ วลดอุณหภูมิลงทันที สามารถเก็บอาหาร
ไว้ ได้ นานโดยไม่ ต้องแช่ เย็น
สารเจือปนในอาหาร
• หมายถึง สารที่เติมลงไปเพือ่ เพิม่ คุณลักษณะด้ านสี
กลิน่ รส ของอาหารให้ มีลกั ษณะใกล้ เคียงธรรมชาติ
ได้ แก่
• 1. สารปรุงแต่ งสี มี 3 ประเภทคือ
•
1.1 สี ธรรมชาติ
•
1.2 สี อนิ ทรีย์
•
1.3 สี อนินทรีย์
2. สารปรุงแต่ งกลิน่ ได้ มาจาก 2 แหล่ งคือ
2.1. จากธรรมชาติ
2.2. จากการสั งเคราะห์
•
•
•
•
•
3. สารปรุงแต่ งรส
3.1
3.2
3.3
3.4
ได้ แก่
ผงชู รส
นา้ ปลา
นา้ ส้ มสายชู
นา้ ตาล
- เครื่องสาอาง (Cosmetics)
• คือ วัตถุที่ใช้ สัมผัสกับร่ างกาย เพือ่ ให้ เกิดความสวยงาม
• ปกปิ ดร่ องรอยด่ างดา ป้องกันกลิน่ และบารุงผิวให้ เสื่ อม
โทรมช้ าลง โดยมีส่วนประกอบดังนี้
•
1. หัวน้าหอม
•
2. ไขมันและน้ามัน
•
3. ตัวทาละลาย
•
4. สี
ประเภทของเครื่องสาอาง
• จาแนกตามลักษณะและวัตถุประสงค์ การใช้ งานได้ 5
ประเภท ดังนี้
•
1. เครื่องสาอางสาหรับผิวหน้ า
•
•
•
•
2.
3.
4.
5.
เครื่องสาอางชะลอความแก่
เครื่องสาอางสาหรับผมและขน
เครื่องสาอางสาหรับใบหน้ า
เครื่องสาอางที่ใช้ ในช่ องปาก
- สารทาความสะอาด
• หมายถึง วัตถุที่นามาใช้ ทาความสะอาดหรือฆ่าเชื้อโรค
ตามเสื้อผ้ า ร่ างกาย อุปกรณ์ ต่างๆ แบ่ งได้ 3 ประเภท
คือ
• 1. สารซักฟอกและกาจัดรอยเปื้ อนเสื้อผ้ า เช่ น สบู่
ผงซักฟอก
• 2. สารทาความสะอาดและฆ่ าเชื้อโรค เช่ น น้ายา
ดับกลิน่ น้ายาล้ างโถส้ วม
• คลีนนิ่งมิกซ์ เจอร์
3. สารทาความสะอาดโลหะ เช่ น โซเดียมไซยาไนด์
ซิลคิ อนไดออกไซด์ กรดออกซาลิก
• วิวฒ
ั นาการของบรรจุภัณฑ์
• มีจุดเริ่มต้ นจากการใช้ อ้ งุ มือ ไปสู่ การใช้ เปลือกหอย
ใบไม้ หรือหนังสั ตว์ และพัฒนาต่ อไปจนกระทัง่ ถึง
การใช้ โลหะ แก้ วและเครื่องปั้นดินเผา
- บรรจุภัณฑ์
• หมายถึง สิ่ งห่ อหุ้มผลิตภัณฑ์ ให้ ได้ รับความสะดวก
และความปลอดภัยใน
• การขนส่ งสิ นค้ า เพือ่ การจาหน่ าย จาแนกได้ 3
ประเภทคือ
• . บรรจุภัณฑ์ เฉพาะหน่ วย เป็ นบรรจุภัณฑ์ ช้ันแรก
ที่สัมผัสกับผลิตภัณฑ์ เช่ น ขวด กระป๋ อง ถุง
2. บรรจุภัณฑ์ ช้ันใน เป็ นบรรจุภัณฑ์ ทใี่ ช้ รวบรวม
สิ นค้ าหรือบรรจุภัณฑ์ ช้ันแรกเข้ าด้ วยกัน เช่ น ฟิ ล์ มยืด
ฟิ ล์ มหด
3. บรรจุภัณฑ์ ช้ันนอกสุ ด เป็ นหน่ วยรวบรวม
ผลิตภัณฑ์ ขนาดใหญ่ เช่ น กล่ อง ลังไม้
วัสดุและรูปแบบบรรจุภัณฑ์
• แบ่ งได้ 4 ประเภท
• 1. บรรจุภัณฑ์ ประเภทเครื่องแก้ ว เช่ น แก้ วนา้ ขวด
แก้ วบรรจุนา้ อัดลม หลอดฉีดยา สามารถจาแนกได้ 4
ประเภท คือ
• 1.1 แก้ วบอโรซิลเิ กต นามาใช้ บรรจุยาสาหรับฉีด
1.2 แก้ วโซดาไลม์ ชนิดที่ทนต่ อกรดและเบส
นามาใช้ ทาเครื่องแก้ วในห้ องปฏิบัติการ
1.3 แก้ วโซดาไลม์ ชนิดที่นามาทาขวดน้าอัดลม
ขวดเบียร์ จาม ขวดบรรจุเครื่องสาอาง
1.4 แก้ วโซดาไลม์ ชนิดทีน่ ามาใช้ บรรจุภัณฑ์ ยา
• 2. บรรจุภัณฑ์ ประเภทกระป๋ อง เช่ น กระป๋ อง
บรรจุเครื่องดืม่ กระป๋ องวัสดุร่วม
• กระป๋ องสเปรย์ จาแนกได้ 5 ประเภท คือ
2.1 กระป๋ องบรรจุอาหารและเครื่องดืม่
2.2 กระป๋ องกระดาษ
2.3 กระป๋ องยุคอวกาศ
2.4 กระป๋ องวัสดุร่วม
2.5 กระป๋ องฉีดพ่นหรือกระป๋ องสเปรย์
• 3. บรรจุภัณฑ์ ประเภทพลาสติก เช่ น ฟิ ล์ มยืด
ฟิ ล์ มหด ขวดพลาสติก สารมารถจาแนกได้
• 2 ประเภท คือ
3.1 พวกที่เป่ ารีดเป็ นแผ่ นบางหรือเรียกว่ า ฟิ ล์ ม
3.2 พวกทีข่ นึ้ รูปเป็ นภาชนะบรรจุคงรูป
• 4. บรรจุภณ
ั ฑ์ ประเภทไม้ จาแนกได้ 8 ประเภท คือ
•
4.1 กล่ องไม้
•
4.2 ลังไม้
•
4.3 ลังไม้ อดั
•
4.4 ถาดไม้
•
4.5 เข่ งไม้ ไผ่
4.6 กล่ องกระดาษ
4.7 ถุง
4.8 ซอง
.สวัสดี .