บทที่ 11

Download Report

Transcript บทที่ 11

กฎหมายที่เกี่ยวข้ องกับการควบคุมและป้องกันโรรค
NPRU
รายวิชา: จริยธรรมวิชาชีพ และกฎหมาย
สาธารณสุข
(Ethics and Law in Public Health) รหัสวิชา:
474602
กฎหมายทีเ่ กีย
่ วของกั
บการควบคุมและ
้
ป้องกันโรค
1. พระราชบัญญัตโิ รคติดตอ
่ พ.ศ. 2523
2. พระราชบัญญัตเิ ชือ
้ โรคและพิษจากสั ตว ์ พ.ศ. 2525
3. พระราชบัญญัตส
ิ ุสานและการฌาปนสถาน พ.ศ.
2528
4. พระราชบัญญัตโิ รคพิษสุนข
ั บา้ พ.ศ. 2535
5. พระราชบัญญัตค
ิ วบคุมการฆาสั
าหน่าย
่ ตวและจ
์
เนื้อสั ตว ์ พ.ศ. 2535
7. กฎหมายเกีย
่ วกับงานอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
ในการทางาน
8. พระราชบัญญัตโิ รคระบาดสั ตว ์ พ.ศ. 2499
กฎหมายโรคติดตอในประเทศไทย
่
 1890, 1893, 1900, 2363
การระบาดของ
อหิวาตกโรค
ยังนคงใช
 2441 พระราชบัญญัตจ
ิ ด
ั การป้องกั
กาฬโรค
้ บังคับตอไป
่
ได้ เท่ าที่ ไ ม่ ขัด หรื อ
 2456 พระราชบัญญัตริ ะงับโรคระบาด
แ ย้ ง กั บ บ ท บั ญ ญั ต ิ
 2477, 2479, 2482 พระราชบัญญัใตนโิ รคติพดต
.อ
่ร . บ .
 2485 พระราชบัญญัตไิ ขจั
้ บสั่ น โ ร ค ติ ด ต่ อ
พ.ศ.2523
 2486 พระราชบัญญัตโิ รคเรือ
้ น
พระราชบัญญัตโิ รคติดตอ
่ พ.ศ. 252
NPRU
NPRU
พระราชบัญญัตโิ รคติดตอ
่ พ.ศ.
2523
ก าหนดขึ้ น เพื่ อ ใช้ ควบคุ ม และป้ องกัน โรคติด ต่อที่
เกิดขึน
้ จากเชือ
้ โรคหรือพิษของเชือ
้ โรคชนิดหนึ่งชนิด
ใดทีอ
่ าจถายทอดจากคนหรื
อสั ตว ์ มิให้มีการระบาด
่
ในประเทศ
หากมีโรคระบาดเกิดขึน
้ ก็จะต้องกาจัด
โรคหรือพาหะของโรคให้เสร็ จสิ้ นโดยเร็ วด้วยวิธก
ี าร
ตางๆตามหลั
กวิชาการควบคุมโรคติดตอเพื
อ
่ ต้องการ
่
่
ให้โรคติดตอสงบลง
่
พระราชบัญญัตโิ รคติดตอ
่ พ.ศ.
2523
มาตรา
การบังคับใชชือ
่ พระราชบัญญัต ิ
2
มาตรา
3
มาตรา
4
้
ยกเลิกพระราชบัญญัตเิ ดิม 2 ฉบับ
บทนิยาม
มาตรา
กาหนดชือ
่ และอาการโรคติดตอ
่ โรคติดตออั
่ นตราย
5
แลโรคติดตอต
่ องแจ
้
้งความ
มาตรา 6 การประกาศกาหนดโรคติดตอในเขตท
องที
่
่
้
มาตรา 7 การแจ้งโรค
มาตรา 8- การควบคุมโรค
11
มาตรา
การเสริมสรางภู
มค
ิ ุ้มกันโรค
้
NPRU
คาจากัดความ (มาตรา 4)
2.โรคติดตอ
3.โรคติดตอต
1.
่
่ อง
้
อันตราย
แจ้งความ
โรคติด
โรคติดตอซึ
ง่ รัฐมนตรีประกาศตามมาตรา
่
ตอ
่
5
โรคใดจะเป็ นโรคติดตอ
่ โรคติดตออั
่ นตราย หรือโรคติดตอต
่ องแจ
้
้ง
ความ ให้รัฐมนตรีประกาศชือ
่ และอาการสาคัญของโรคไวในราช
้
กิจจานุ เบกษา
ให้เป็ นโรคติดตอ
่
3.1 โรคติด ต่อต้ องแจ้ งความ
1 . 1 ใ ห้ เ ป็ น โ ร ค ติ ด ต่ อ
อันตราย
และ
และ
1 . 2 โ ร ค ติ ด ต่ อ ใ น ก ร ณี ที่
ตรวจพบหรือ มีเหตุ ส งสั ย ว่า
โ ร ค ใ ด โ ร ค ห นึ่ ง
นอกเหนื อ จากข้ อ 1 เป็ น
โ ร ค ซึ่ ง อ า จ ติ ด ต่ อ
แพรกระจายเป็
นอันตรายแก่
่
3 . 2 โ ร ค ซึ่ ง รั ฐ ม น ต รี ห รื อ ผู้ ว่ า
ราชการจังหวัด
• ประกาศเฉพาะในเขตของ
ตน
• เ ป็ น โ ร ค ติ ด ต่ อ ใ น ก ร ณี ที่
ตรวจพบหรือ มีเ หตุ ส งสั ย ว่ า
คาจากัดความ (มาตรา 4)
4.พาหะ
ค น ห รื อ สั ต ว ์ ซึ่ ง ไ ม่ มี
อาการของโรคติด ต่อ
ปรากฏ แตร่ างกายมี
่
เ ชื้ อ โ ร ค นั้ น ซึ่ ง อ า จ
ติดตอถึ
่ ได้
่ งผู้อืน
6. ระยะฟักตัว
ระยะเวลาตั
ง้ แตเชื
้ โรค
ของโรค
่ อ
เข้าสู่รางกายจนถึ
งเวลา
่
ที่ผู้ ติด โรคแสดงอาการ
ป่วยของโรคนั้น
5. ผู้สั มผัส
คน ซึง่ โรค
ไดเข
ชิ
้ าใกล
้
้ ด
ค น สั ต ว ์ ห รื อ
สิ่ งของติด โรคจนเชื้อ
โรคนั้นอาจติดตอถึ
่ งผู้
นั้นได้
7.ระยะติดตอ
่
ร ะ ย ะของโรค
เ ว ล า ที่ เ ชื้ อ โ ร ค
สามารถจะแพร่จากคน
หรือ สั ต ว ที
์ ่ม ีเ ชื้อ โรคไป
ยั ง ผู้ อื่ น ไ ด้ โ ด ย
ทางตรงหรือทางอ้อม
คาจากัดความ (มาตรา 4)
8.แยกกัก
10. คุมไว้สั งเกต
การควบคุมดูแลผู้สั มผัสโรคหรือ
การแยกผู้สั มผัสโรคหรือพาหะ
พ า ห ะ โ ด ย ไ ม่ กั ก กั น แ ล ะ
ออกไว้ต่างหากจากผู้อื่นในที่
อาจจะอนุ ญ าตให้ ผ่านไปในที่
เอกเทศ และตามภาวะอันจะ
ใดๆ ก็ ไ ด้ โดยมีเ งื่อ นไขว่ า
ป้องกันมิให้เชือ
้ โรคแพรหลาย
่
เมื่อ ไปถึง ท้ องที่ใ ดที่ก าหนดไว้
โดยทางตรง หรื อ ทางอ้ อม
ผู้ นั้ น ต้ อ ง แ ส ด ง ตั ว ต่ อ เ จ้ า
ไปยัง ผู้ ซึ่ ง อาจได้ รับ เชื้อ โรค
พนั ก งานสาธารณสุ ข ประจ า
นั้นๆ ได้ จนกวาจะพ
่
้นระยะ
ติดตอของโรค
่
9.กักทกั้ องที
น ่ น้ั น เพื่ อ รับ การตรวจ
การควบคุมผู้สั มในทางแพทย
ผัสโรคหรือ ์
พาหะ ให้ อยู่ ในที่เ อกเทศ
จน ก ว่ าจ ะ พ้ นร ะ ย ะฟั ก ตั ว
ของโรคนั้น ๆ หรือ จนกวา
คาจากัดความ (มาตรา 4)
12.การสรางเสริ
ม
้
การกระทภูาทางการแพทย
โดยวิ
ธใี ดๆ
มค
ิ ุ้มกันโรค
์
ก็ตาม ตอคนหรือสั ตวเพือ
่ ใหคนหรือ
่
้
์
สั ตวนั
้
์ ้นเกิดอานาจตานทานโรค
11.เขตติดโรค
13.ทีเ่ อกเทศ
ท้องทีห
่ นึ่ งท้องทีใ
่ ด ใน
หรือนอกราชอาณาจักรที่
มี โ ร ค ติ ด ต่ อ เ กิ ด ขึ้ น
ตามที่ร ัฐ มนตรีห รือ ผู้ ว่ า
ราชการจัง หวัด ประกาศ
ให้ ท้ องที่น้ัน ๆ เป็ นเขต
ที่ ใ ด ๆ ซึ่ ง เ จ้ า พ นั ก ง า น
ส า ธ า ร ณ สุ ข ก า ห น ด ใ ห้ เ ป็ น ที่
ส าหรับ แยกกัก หรือ กัก กัน คน
หรือสั ตวที
่ ่ วย หรือมีเหตุสงสั ย
์ ป
ว่าป่ วยด้วยโรคติดต่อใดๆ เพือ
่
ป้ องกัน และควบคุ ม มิใ ห้ โรคนั้ น
การประกาศชือ
่ และอาการสาคัญ
ของโรค
ผู้มีอานาจประกาศชือ
่ และ
อาการสาคัญของโรค
1. รัฐ มนตรีว่าการกระทรวง
สาธารณสุข
2. ผู้วาราชการจั
งหวัด
่
รัฐมนตรีวาการกระทรวง
่
สาธารณสุข
ประกาศชือ
่ และอาการสาคัญของ
โรค
แบงเป็
่ น 2 กรณี
 ก ร ณี ต า ม ม า ต ร า 5
ป ร ะ ก า ศ ไ ว้ ใ น ร า ช กิ จ จ า
นุ เบกษา แบ่งโรคออกเป็ น
3 ประเภท คือ
1. โรคติดตอ
่
2. โรคติดตออั
่ นตราย
3. โรคติด ต่อต้ องแจ้ ง
ความ
 กรณี ท ี่ ต รวจพบหรื อ มี เ หตุ
สงสั ย ว่าโรคใดโรคหนึ่ ง อัน
http://thaigcd.ddc.moph.go.th/laws/view/7
http://www.boe.moph.go.th/publi
cation/2544/cdsur/ANALYSIS.ht
m
การประกาศชือ
่ และอาการสาคัญ
ของโรค
ผู้วาราชการจั
งหวัด (มาตรา 6)
่
ประกาศชือ
่ และอาการสาคัญของโรค
แบงเป็
านั
่ น 2 กรณีแตโดยเฉพาะในเขตของตนเท
่
่ ้น
 กรณี จ าเป็ นและสมควรให้
ผู้วาราชการจั
งหวัดมีอานาจ
่
ป ร ะ ก า ศ ก า ห น ด ใ ห้
โ ร ค ติ ด ต่ อ ซึ่ ง รั ฐ ม น ต รี
ประกาศตาม ม. 5
เป็ น
โ ร ค ติ ด ต่ อ ต้ อ ง แ จ้ ง ค ว า ม
เฉพาะในเขตของตน
 กรณี ท ี่ ต รวจพบหรื อ มี เ หตุ
สงสั ย ว่าโรคใดโรคหนึ่ ง อัน
มิ ใ ช่ โ ร ค ติ ด ต่ อ ที่ ไ ด้ มี
ป ร ะ ก า ศ ต า ม
ม. 5 เป็ นโรคซึ่งอาจติดตอ
่
แพร่ หลายเป็ นอัน ตรายแก่
ประชาชนได้ ให้ ประกาศ
ใ ห้ เ ป็ น โ ร ค ติ ด ต่ อ ห รื อ
โ ร ค ติ ด ต่ อ ต้ อ ง แ จ้ ง ค ว า ม
เฉพาะในเขตของตน
การแจ้งกรณีมโี รคเกิดขึน
้
(มาตรา 7 ในพระราชบัญญัตโิ รคติดตอ พ.ศ.2523)
่
 มีโรคติดตออั
่ นตราย หรือ
โรคติ ด ต่ อต้ องแจ้ งค วาม
เกิดขึน
้ หรือมีเหตุสงสั ยวา่
ไ ด้ มี โ ร ค ติ ด ต่ อ ดั ง ก ล ่ า ว
เกิดขึน
้
 แ จ้ ง ต่ อ เ จ้ า พ นั ก ง า น
สาธารณสุข หรือพนักงาน
 บุเจ
ค าหน
คลทีาที
่ต้ องแจ
งในกรณี ม ี
้
่
้
้
การป่ วย หรือ มีเ หตุ ส งสั ย
ว่ า ไ ด้ มี ก า ร ป่ ว ย โ ด ย
โรคติดตอดั
แบงได
่ งกลาว
่
่
้
ดังนี้
1.กรณี
ในบ้าน
เจ้าบาน
้
แพทยผู
ผู้ควบคุมดูแลบาน
้
์ ้รักษาพยาบาล
2.กรณีใน
สถานพยาบาล
ผู้รับผิดชอบในสถานพยาบาลน
3.กรณีทไี่ ดมี
้ การชันสูตรทาง
แพทยตรวจพบมี
เชือ
้
์
ผู้ทาการชันสูตรทางแพทย
ผู้รับ์ ผิดชอบในสถานทีช
่ น
ั
หลักเกณฑ ์ และวิธก
ี ารแจ้งกรณี
มีโรคเกิดขึน
้
(มาตรา 7 และกฎกระทรวง (พ.ศ.2529)ออกตามความใน
 แจ้ งภายใน พระราชบั
24 ชั่ว โมงนั
ญญัตบโิ แต
รคติ
พ.ศ.2523)
่เริด่มตมีอ
่ วย กรณี ท ี่พ นัก งาน
่ ก ารป
เจ้ าหน้ าที่เ ป็ นผู้ รับ แจ้ง ให้ รายงานต่อเจ้าพนัก งานสาธารณสุ ข
ทันที
โดยมีวธิ ก
ี ารแจ้งกรณีมโี รคเกิดขึน
้ ดังนี้
1.กรณีเจ้าบานหรื
อผู้ควบคุมดูแล
้
 แจ้งชือ
่ และทีบอ
่ ้าน
ยูของตน
่
2.แพทยผู
์ ้ทาการรักษาพยาบาล
หรือ
ผู้รับผิดชอบในสถานพยาบาล

แจ
่ ทีอ
่ ยูและสถานที
ท
่ างานของ
 ความสั มพันธกั
้งชือ
่
์ บผู้ป่วย
ตน
 ชือ
่ อายุและทีอ
่ ยูของผู
ป
วย
่
้ ่
 ชือ
่ อายุและทีอ
่ ยูของผู
่
้ป่วย
 สถานทีท
่ ผ
ี่ ู้ป่วยรักษาตัวอยู่
 สถานทีท
่ ผ
ี่ ู้ป่วยพักรักษาตัวอยู่
 วัน เริ่ม ป่ วย และอาการส าคัญ
 วันเริม
่ ป่วย วันแรกรับไว้รักษา
ของผู้ป่วย
3.ผู้ทาการชันสูตรทาง
 การวินิ จ ฉั ย โรคขั้น ต้ น และสภาพ
แพทยหรื
อ
ผู
รั
บ
ผิ
ด
ชอบใน
์
้
ผู้ป่วยขณะแจ้งความ
สถานทีท
่ ไี่ ดมี
ก
ารชั
น
สู
ต
ร
 แจ้ งชื่ อ ที้ ่ อ ยู่ และสถานที่
 ชือ
่ ทีอ
่ ยูและสถานที
ท
่ างานของผู้
่
ทางานของตน
ส่งวัตถุตวั อยาง
่
 ชือ
่ อายุและทีอ
่ ยูของผู
 การวินิ จ ฉั ย โรคขั้น ต้ น และผล
่
้ป่วย
อานาจเจ้าพนักงานสาธารณสุข
(มาตรา 8 และมาตรา 9)
เมื่อปรากฏแก่เจ้ าพนัก งานสาธารณสุ ข ว่าได้เกิด หรือ มีเ หตุ
สงสั ยวาได
เกิ
่
้ ดโรคติดตออั
่ นตราย
มาตรา
เกิดขึน
้ ในบาน
โรงเรือน สถานที่
้
หรือพาหนะใด
เจ้าพนักงานสาธารณสุข มีอานาจทีจ
่ ะดาเนินการเอง
ประกาศ
หรือออกคาสั่ งเป็ นหนังสื อให้ผู้ใดดาเนินการ โดย
1. โดยปิ ดประกาศไว้ ในที่เ ปิ ดเผยเห็ น ได้ ง่ าย ณ สถานที่แ ยกกัก
สถานที่ก ก
ั กัน บ้ าน โรงเรือ นสถานที่ห รือ พาหนะที่ผู้ ป่ วยอาศั ย
หรือพักอยู่ และหรือบริเวณทีใ่ กลเคี
้ ยง
2. ตลอดเวลาที่ค าสั่ งตามประกาศนั้ น ยัง คงใช้ บัง คับ อยู่ ห้ ามผู้ ใด
นอกจากเจ้าพนักงานสาธารณสุขเข้าไปในหรือออกจากสถานทีข
่ ้อ
มาตรา
1 หรือยายสิ
่ งของใดๆ ออกจากทีน
่ ้น
ั เว้นแตได
้
่ รั
้ บอนุ ญาตจากเจ
้า
พนักงานสาธารณสุข
8
9
คนหรือสั ตวซึ
์ ง่ ป่วยหรือมี
 ป่วยเป็ เหตุ
นโรคติ
ตออั
สดงสั
วตราย
า่
่ ยน
ตาย
 เป็ นผู้สั มผัสโรคติดตออั
่ นตราย
 เป็ นพาหะของโรคติดตออั
่ นตราย
1. เจ้าพนักงาน
สาธารณสุข
กาหนดสถานที่
อานาจเจ้าพนักงาน
สาธารณสุข
(มาตรา 8)
3. กักกันหรือคุมไวสั
้ งเกต
5.
จัดการ/นาศพ
ห รื อ ซ า ก สั ต ว ์ ด้ ว ย
ประการอื่ น ใดเพื่ อ
ป้ อ ง กั น ก า ร
แพรหลายของโรค
่
4. ให้คนหรือสั ตว ์
รั บ ก า ร ป้ อ ง กั น
ต า ม วั น เ ว ล า
แ ล ะ ส ถ า น ที่ ท ี่ ซึ่ ง
2. ให้มีอานาจแยก
กั ก ผู้ ที่ อ ยู่ ใ น ภา ว ะ
อ า จ แ พ ร่ เ ชื้ อ โ ร ค
อั น ต ร า ย แ ก่
ประชาชน ไปรับ
ก า ร รั ก ษ า ใ น
อานาจเจ้าพนักงาน
สาธารณสุข
(มาตรา
8)ขาภิบาล
6.จัด การ แก้ ไข
ปรับ ปรุ ง การสุ
หรือ รื้อ
ถอนสิ่ งที่ไ ม่ถูก สุ ข ลัก ษณะหรือ จัด ให้ มีข ึ้น ใหม่ให้ ถู ก
สุขลักษณะ
7.ด าเนิ น การหรือ ก าหนดให้ ปฏิบ ัต ิก ารเพื่อ ป้ องกัน
กาจัด สั ตว หรื
์ อ แมลง หรือตัว อ่อนของแมลงที่เ ป็ น
เหตุให้เกิดโรค
8. ดาเนินการหรือกาหนดให้ปฏิบต
ั ใิ นการ ทา
ประกอบ ปรุง จับต้อง บรรจุ เก็บ
สะสม จาหน่ายอาหาร น้าแข็ง เครือ
่ งดืม
่ หรือน้า
9.จั
ที่ ถู ก สุ ขหลายของโรค
ลัก ษณะไว้ ในบ้ าน โรงเรื อ น
เพือ
่ ด
ป้หาน
องกัน้ าการแพร
่
สถานที่ หรือพาหนะ
อานาจเจ้าพนักงาน
สาธารณสุข
(มาตรา
8)
10.จั ด ห า แ ล ะ ใ ห เ ค รื่ อ ง อุ ป โ ภ ค บ ริ โ ภ ค
ร ว ม ทั้ ง
้
เวชภัณฑหรื
ั ฑ ์ เพือ
่ ป้องกัน
์ อเคมีภณ
การแพรหลายของโรค
่
11.ห้ามกระทาการใดๆ อันน่าจะเป็ นเหตุให้เกิดภาวะ
ไมถู
่ กสุขลักษณะ แกถนน
่
หนทาง บ้าน โรงเรือน สถานที่ พาหนะ หรือที่
สาธารณะอื
น
่ ใด
12.ห้ามกระท
าการใดๆ อันอาจจะเป็ นเหตุให้โรค
แพรหลาย
่
การประกาศเป็ นเขตติดโรค
(มาตรา
10)
เมือ
่ มีโรคติดตอ
่
อันตรายเกิดขึน
้
หรือน่าจะเกิดขึน
้ ใน
ท้องทีใ่ ด
ผู้มีอานาจประกาศ
รั ฐ ม น ต รี ว่ า ก า ร
กระทรวงสาธารณสุ ข
หรือผู้วาราชการจั
งหวัด
่
เฉพาะในเขตของตน
โดย
ระบุ าคัญ
• ชื่ อ และอาการส
ของโรค
• ต าบล หมู่ บ้ านหรื อ
สถานที่ใ ดเป็ นเขตติด
โรค
•แ ล ะ จ ะ ก า ห น ด
การถอนประกาศเขตติด
เมือ
่ โรคติดตออั
่ นตรายที่
เกิดขึน
้ สงบลงแลว
้
เจ้าพนักงานสาธารณสุข
มีอานาจดาเนินการประกาศ
หรือออกคาสั่ ง
ผู้ใดดาเนินการใดๆ ในเขตหรือ
ในบริเวณปริมณฑลนั้น
อานาจเจ้าพนักงานสาธารณสุข
เมือ
่ มีการประกาศเขตติดโรคแลว
้ (มาตรา
10)
1) ปฏิบต
ั ก
ิ ารใดๆ ตามทีก
่ าหนดไวในม.8
้
2) ห้ามผู้ ใดเข้ าไปในหรือออกจากเขตติดโรค หรือทีเ่ อกเทศ
เวนแต
ได
้
่ รั
้ บอนุ ญาต
3) เข้าไปในบ้าน โรงเรือน สถานที่ หรือพาหนะใด ทีเ่ กิด
หรื อ มี เ หตุ ส งสั ยว่ าเกิ ด โรคได้ โดยมิ ต้ องแจ้ งให้ ทราบ
ลวงหน
าในภาวะอันสมควร
่
้ าแตต
่ องกระท
้
4) รือ
้ ถอน ทาลาย หรือแก้ ไขเปลีย
่ นแปลงตามความจาเป็ น
ซึ่งบ้าน โรงเรือน สิ่ งปลูกสร้าง สถานที่ พาหนะ หรือ
สิ่ งของใดๆ
5) ปิ ดตลาด โรงมหรสพ สถานศึ กษา สถานทีป
่ ระกอบหรือ
จาหน่ายอาหารสถานทีผ
่ ลิตหรือจาหน่ายเครือ
่ งดืม
่ โรงงาน
สถานที่ ชุ ม นุ มชน หรื อ สถานที่ อ ื่ น ใดไว้ ชั่ว คราวตามที่
อานาจเจ้าพนักงานสาธารณสุข
กรณีมโี รคติดตอต
่ องแจ
้
้งความ
เกิดขึน
้ (มาตรา 11)
• มีโรคติดตอต
้
่ องแจ
้
้งความเกิดขึน
– เกิ ด ขึ้ น ในบ้ าน โรงเรื อ น
พาหนะ หรือทองที
ใ่ ด
้
สถานที่
• ถ้าเจ้าพนักงานสาธารณสุขเห็ นวาโรคติ
ดตอ
่
่
ดังกลาวจะระบาดต
อไป
่
่
– เ จ้ า พ นั ก ง า น ส า ธ า ร ณ สุ ข มี อ า น า จ
ปฏิ บ ัต ิ ก ารใดๆ ตามที่ ก าหนดไว้ ใน
มาตรา ๘ และมาตรา ๑๐ ได้ โดย
อนุ โลม
การสรางเสริ
มภูมค
ิ ุ้มกันโรค
้
(มาตรา 12)
เพือ
่ ป้องกันมิให้โรคติดตอใดเกิ
ด
่
หรือแพรหลาย
่
รัฐมนตรีวาการกระทรวงสาธารณสุ
ผู้วาราชการจั
งหวัดมีอานาจป
่
่ ข
มีอานาจประกาศใน
ราชกิจ จานุ เบกษา
ให้ บุ ค คลต้ องได้ รับ
ก า ร ส ร้ า ง เ ส ริ ม
ภูมค
ิ ุ้มกันโรค
เมือ
่ ประกาศแล
กว้ าหนดให บุ ค คลใด
้
ได้ รับ การสร้ างเสริม
ภู มิ คุ้ ม กั น โ ร ค ณ
เวลาและสถานที่ซ่ึ ง
จะได้ ก าหนดไว้ ใน
ประกาศนั้น
อานาจหน้าทีเ่ จ้าพนักงานสาธารณสุข
ประจาดานควบคุ
มโรคติดตอระหว
าง
่
่
่
ประเทศ (มาตรา 13)
เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะ
1) แ จ้ ง ก า ห น ด วั น
เวลา และสถานที่
ที่พ าหนะนั้ น ๆ จะ
เขามาถึ
ง
้
• ทาอากาศยาน
่
• ทาเรื
่ อ
• ห รื อ ท่ า ข น ส่ ง
ทางบก
2) และยืน
่ เอกสาร
ต่ อ เ จ้ า พ นั ก ง า น
สาธารณสุ ข ประจ า
ด่ า น ค ว บ คุ ม
โ ร ค ติ ด ต่ อ ร ะ ห ว่ า ง
ประเทศ ตามวิธก
ี าร
กฎกระทรวงกาหนดแบบและวิธก
ี ารให้เจ้าของ
พ า ห น ะ ห รื อ ผู้ ค ว บ คุ ม พ า ห น ะ เ ข้ า ม า ใ น
ราช อาณาจั ก รแจ้ งแ ละยื่ น เอ กสารต่ อ เจ้ า
พ นั ก ง า น ส า ธ า ร ณ สุ ข ป ร ะ จ า ด่ า น ค ว บ คุ ม
โรคติดตอระหว
างประเทศ
พ.ศ. 2552
่
่
ที่ ก า ห น ด ใ น
กฎกระทรวง
อานาจหน้าทีเ่ จ้าพนักงานสาธารณสุข
าง
มโรคติดตอระหว
ประจาดานควบคุ
่
่
่
ประเทศ (มาตรา 13)
เจ้าของพาหนะหรือผูควบคุ
มพาหนะ
้
3) ห้ ามน าผู้เดิน ทางซึ่งไม่ได้รับ การสร้ างเสริม ภูม ค
ิ ุ้ มกัน
โรคตามทีร่ ฐั มนตรีประกาศเข้ามาในราชอาณาจักรทา่
อากาศยาน
4) ห้ ามผู้ ใดน าพาหนะอื่ น ใดเข้ าเที ย บพาหนะที่ เ ดิน
ทางเขามาในราชอาณาจั
กร
้
• หากไมได
่ รั
้ บการตรวจจากเจ้าพนักงานสาธารณสุข
• และห้ามผู้ใดเข้าไปในหรือออกจากพาหนะนั้นเว้นแตได
่ ้รับ
อนุ ญาตจากเจ้าพนักงานสาธารณสุข
5) ต้องอานวยความสะดวกแก่เจ้ าพนักงานสาธารณสุ ข
ในการเขาไปตรวจ
้
อานาจหน้าทีเ่ จ้าพนักงานสาธารณสุข
าง
มโรคติดตอระหว
ประจาดานควบคุ
่
่
่
ประเทศ (มาตรา 13)
เจ้าพนักงานสาธารณสุข
ตรวจตรา ควบคุม ให้ผู้มีหน้าทีร่ บ
ั ผิดชอบทาอากาศ
่
ยาน ทาเรื
่ อ หรือทาขนส
่
่ งทางบก
6) แก้ ไขการสุ ข าภิบ าลให้ ถู ก สุ ข ลัก ษณะ รวมทั้ง ก าจัด สิ่ งอัน อาจเป็ น
อันตรายตอสุ
่ ละบริเวณดังกลาว
่ ขภาพในสถานทีแ
่
7) ทาการควบคุ ม กาจัด ยุง และพาหะนาโรค ในสถานทีแ
่ ละบริเวณ
รอบ ในรัศ มี 400 เมตร ในการนี้ ให้ เจ้าของหรือ ผู้ อยู่ในบ้ าน
โรงเรือน หรือสถานทีใ่ นบริเวณดังกลาวอ
านวยความสะดวกในการ
่
ควบคุมกาจัดยุงและพาหะนาโรค
8) การสุขาภิบาลเกีย
่ วกับอาหาร น้าแข็ง เครือ
่ งดืม
่ หรือน้า
– สถานที่ ท า ประกอบ ปรุ ง จับ ต้ อง บรรจุ เก็ บ สะสม
จาหน่ายอาหาร น้ าแข็ ง เครือ
่ งดืม
่ หรือน้ าทีน
่ าเข้าไป หรือ
จะนาเขาไปให
้
้ถูกสุขลักษณะ
อานาจหน้าทีเ่ จ้าพนักงานสาธารณสุข
ประจาดานควบคุ
มโรคติดตอระหว
างประเทศ
่
่
่
1)
ด
าเนิ
น
การหรื
อกาหนดให
ปฏิบ
ต
ั โรค
ก
ิ ารใดๆ
้
กรณีประกาศให้ทองที
ห
่
รื
อ
เมื
อ
งท
าใดในต
างประเทศเป็
นเขตติ
ด
้
่ เพือ่ กาจั
่ ดความติดโรค และเพือ่ ปองกัน
้
(มาตรา 14)
การแพรหลายของโรค
่
เมือ
่ มีโรคติดตออั
่ นตราย
เกิดขึน
้ ในทองที
ห
่ รือเมืองทา่
้
ใดในตางประเทศ
่
ผู้มีอานาจประกาศ
รัฐมนตรีวาการ
่
กระทรวงสาธารณสุข
หรือผู้ซึง่ รัฐมนตรี
ประกาศใหมอบหมาย
่ รือเมืองทา่
้ท้องทีห
นั้นเป็ นเขตติดโรค
เจ้าพนักงานสาธารณสุข
2) จัด ให้ พาหนะจอดอยู่ ณ สถานที่ ท ี่
ก าหนดให้จนกว่า จพส.จะอนุ ญ าตให้
ไปได้
3) ให้ผู้ เดิน ทางซึ่งมากับ พาหนะนั้น รับ การ
ตรวจในทางแพทย ์ และอาจให้แยกกัก
กัก กัน คุ มไว้ สั ง เกต หรือ รับการสร้ าง
เ ส ริ ม ภู มิ คุ้ ม กั น โ ร ค ณ ส ถ า น ที่ ที่
กาหนดให้
4) ห้ามผู้ใดเขาไปใน
หรือออกจากพาหนะ
้
นั้ น ห รื อ ที่ เ อ ก เ ท ศ เ ว้ น แ ต่ ไ ด้ รั บ
อนุ ญาตจาก จพส.
5) ห้ามผู้ใดนาเครือ
่ งอุปโภคบริโภค น้าดืม
่
หรือ น้ า ใช้ ซึ่ ง เป็ นหรือ มีเ หตุ ส งสั ยว่ า
เป็ นสิ่ งติด โรคเข้ าไปในหรื อ ออกจาก
พาหนะนั้ น เว้ นแต่ได้ รับ อนุ ญ าตจาก
เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะทีเ่ ขามาใน
้
มีอานาจดาเนินการเอง หรือ
ออกคาสั่ งเป็ นหนังสื อ
มาตรา ๑๕
ให้ เจ้ าของพาหนะหรือ ผู้ ควบคุ ม
พาหนะเป็ นผู้ออกคาใช
่
้จายในการ
่
• ขนส่ งผู้ เดิน ทางซึ่ ง มากับ พาหนะนั้ น
เพื่ อ แยกกั ก กั ก กั น คุ ม ไว้ สั งเกต
หรือรับการสรางเสริ
มภูมค
ิ ุ้มกันโรค
้
• ตลอดทัง้ คาใช
ย
้ งดู การ
่
้ จายในการเลี
่
รั ก ษ า พ ย า บ า ล ก า ร ป้ อ ง กั น แ ล ะ
ควบคุมโรคติดตอ
่
มาตรา ๑๖ – มาตรา ๒๐
บทกาหนดโทษ
แบบฝึ กหัด (5
คะแนน)
จับคู่ และช่วยกันทา ส่ง (วันจันทร ์
ที่ 3 พฤศจิกายน 2557)
ข้อ1 หากในจัง หวัด ทีน
่ ัก ศึ ก ษาปฏิบต
ั งิ านอยู่ เกิด
การระบาดของ โรคไข้ หวั ด ใหญ่ นั ก ศึ กษามี
วิ ธ ี ด า เ นิ น ก า ร ต า ม พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ต ิ โ ร ค ติ ด ต่ อ
ั ศึ กษาเป็ น
อ
้ งต้น กรณีนก
พ.ศ.2523 อยางไรในเบื
่
o ชาวบ้านในพืน
้ ทีท
่ ม
ี่ ก
ี ารระบาดของโรค
o ผู้วาราชการจั
งหวัด
่
o เจ้าพนักงานสาธารณสุข
ข้อ2 จากสถานการณระบาดของโรคติ
ดเชื้อไวรัสอีโบลา
์
หากนั ก ศึ กษาเป็ นเจ้ าพนั ก งานสาธารณสุ ข ประจ าด่าน
ควบคุมโรคติดตอระหว
างประเทศ
ทีท
่ าอากาศยานสุ
วรรณ
NPRU
่
่
่
NPRU
Thank You
งานกลุม
่ (20
คะแนน)
กลุมละ
5-6 คน ทารายงานส่ง พร้อมนาเสนอ
่
ในวันพุธที่ 12 พฤศจิกายน 2557
โดยนักศึ กษาสามารถเลือกหัวขอในการท
ารายงาน
้
ได้ ดังนี้
NPRU
หัวขอที
้ ่ 1
หาขาวหรื
อประเด็นดานสุ
ขภาพมากลุมละ
3 ขาว
โดย
่
้
่
่
ขาวต
่ วของกั
บเนื้อหาทีน
่ ก
ั ศึ กษาไดเรี
่
้องเกีย
้
้ ยนไปแลว
้
ไดแก
้ ่
 รัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจั
กรไทย พุทธศั กราช
่
2550
 พระราชบัญญัตก
ิ ารสาธารณสุข พ.ศ. 2535
 พระราชบัญญัตวิ ช
ิ าชีพการสาธารณสุขชุมชน
พ.ศ. 2556
 พระราชบัญญัตส
ิ ุขภาพแหงชาติ
พ.ศ. 2550
่
 พระราชบัญญัตโิ รคติดตอ
่ พ.ศ. 2523
นักศึ กษาต้องวิเคราะหข
น
่ ามาวาเกี
่ วของกั
บเนื้อหา
่
่ ย
้
์ าวที
NPRU
ขางตนอยางไรบาง และในบทบาทนักสาธารณสุขจะมีการ
หัวขอที
้ ่ 2
ศึ กษารางกฎหมายใหม
ที
่ ใี นประเทศไทย ทีเ่ กีย
่ วของกั
บ
่
่ ม
้
งานดานสุ
ขภาพ คือ
้
รางพระราชบั
ญญัตค
ิ ุ้มครอง อนามัยการเจริญพันธุ ์
่
นักศึ กษาสื บค้นข้อมูล แสดงความคิดเห็ นและวิเคราะหร์ าง
่
กฎหมายดังกลาว
รวมถึงรางกฎหมายดั
งกลาวเกี
ย
่ วข้องกับ
่
่
่
งานนั ก สาธารณสุ ข อย่ างไรบ้ าง ดัง กล่ าว โดยหั ว ข้ อ
รายงานนักศึ กษากาหนดดวยตนเอง
วาควรมี
อะไรบ้าง
้
่
NPRU
รายชือ
่ โรคติดตอ
่ (50 โรค)
(ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรือ
่ ง ชือ
่ โรคติดตอและอาการส
าคัญ
่
และประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรือ
่ ง เพิม
่ เติมชือ
่ โรคติดตอและอาการ
่
สาคัญ)
1. อหิวาตกโรค
2. กาฬโรค
3. ไข้ทรพิษ
4. ไข้เหลือง
5. ไข้กาฬหลังแอน
่
6. คอตีบ
7. ไอกรน
8. โรคบาดทะยัก
9. โปลิโอ
10.ไข้หัด
11.ไข้หัดเยอรมัน
12.โรคคางทูม
13.ไข้สุกใส
14.ไข้หวัดใหญ่
15.ไข้สมองอักเสบ
16.ไข้เลือดออก
17.โรคพิษสุนข
ั บา้
18.โรคตับอักเสบ
19.โรคตาแดงจากไวรัส
20.อาหารเป็ นพิษ
รายชือ
่ โรคติดตอ
่ (50 โรค)
(ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรือ
่ ง ชือ
่ โรคติดตอและอาการส
าคัญ
่
และประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรือ
่ ง เพิม
่ เติมชือ
่ โรคติดตอและอาการ
่
สาคัญ)
21.โรคบิดแบซิลลารี่
22.โรคบิดอมีบา
23.ไข้รากสาดน้อย
24.ไข้รากสาดเทียม
25.ไข้รากสาดใหญ่
26.สครัพไทฟัส
27.มูรน
ี ไทฟัส
28.วัณโรค
29.โรคเรือ
้ น
30.ไข้มาลาเรีย
31. แอนแทร็กซ ์
32. โรคทริคโิ นซิส
33. โรคคุดทะราด
34. โรคเลปโตสไปโรซิส
35. ซิฟิลส
ิ
36. หนองใน
37. หนองในเทียม
38. กามโรคของตอมและท
อ
่
่
น้าเหลือง
39. แผลริมออน
่
40. แผลกามโรคเรือ
้ รังทีข
่ า
รายชือ
่ โรคติดตอ
่ (50 โรค)
(ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรือ
่ ง ชือ
่ โรคติดตอและอาการส
าคัญ
่
และประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรือ
่ ง เพิม
่ เติมชือ
่ โรคติดตอและอาการ
่
สาคัญ)
41.โรคเริมทีอ
่ วัยวะเพศ
42.โรคหูดหงอนไก่
43.โรคไขกลั
้ บซา้
44.โรคอุจจาระรวง
่
45.โรคเทาช
้ ้าง
46.โรคเอดส์
47.โรคอัมพาตกลามเนื
้อออนปวกเปี
ยกอยาง
้
่
่
เฉี ยบพลันในเด็ก
48.โรคทางเดินหายใจเฉี ยบพลันรุนแรง หรือโรค
ซารส
์
49.ไข้ปวดขอยุ
้ งลาย (พ.ศ. 2552)
รายชือ
่ โรคติดตออั
่ นตราย (6
โรค)
(ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรือ
่ ง ชือ
่ โรคติดตอ
่
อันตราย และประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรือ
่ ง เพิม
่ เติมชือ
่ โรคติดตอ
่
อันตราย)
1.
2.
3.
4.
5.
อหิวาตกโรค
กาฬโรค
ไข้ทรพิษ
ไข้เหลือง
โรคทางเดินหายใจเฉี ยบพลันรุนแรง หรือ
โรคซารส
์ (พ.ศ. 2546)
6. โรคติดเชือ
้ ไวรัสอีโบลา (พ.ศ. 2557)
รายชือ
่ โรคติดตอต
่ องแจ
้
้งความ
(21 โรค)
(ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรือ
่ ง ชือ
่ โรคติดตอและอาการส
าคัญ
่
และประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรือ
่ ง เพิม
่ เติมชือ
่ โรคติดตอและอาการ
่
สาคัญ)
1.
2.
3.
4.
5.
6.
7.
อหิวาตกโรค
กาฬโรค
ไข้ทรพิษ
ไข้เหลือง
ไข้กาฬหลังแอน
่
คอตีบ
โรคบาดทะยักใน
ทารกแรกเกิด
8. โปลิโอ
9. ไข้หวัดใหญ่
10.ไข้สมองอักเสบ
รายชือ
่ โรคติดตอต
่ องแจ
้
้งความ
(21 โรค)
(ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรือ
่ ง ชือ
่ โรคติดตอและอาการส
าคัญ
่
และประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรือ
่ ง เพิม
่ เติมชือ
่ โรคติดตอและอาการ
่
11.โรคพิษสุนข
ั บา สาคัญ)
้
12.ไข้รากสาดใหญ่
13.วัณโรค
14.แอนแทร็กซ ์
15.โรคทริคโิ นซิส
16.โรคคุดทะราด เฉพาะในระยะติดตอ
่
17.โรคอัมพาตกลามเนื
้อออนปวกเปี
ยกอยาง
้
่
่
เฉี ยบพลันในเด็ก
18.โรคทางเดินหายใจเฉี ยบพลันรุนแรง
19.ไข้ปวดขอยุ
้ งลาย (พ.ศ. 2552)
20.ไข้เลือดออก (พ.ศ. 2552)
21.โรคติดเชือ
้ ไวรัสอีโบลา (พ.ศ. 2557)
คลายเครียด 1
คลายเครียด 2