Transcript 2.1

Occupational
Toxicology I
วิชาอาชีวอนามัย (Occupational Health)
รหัสวิชา: 4072319
ผู้สอน: อ. ธนัชพร มุลก
ิ ะบุตร
23/11/57
1
NPRU
เนื้อหา
1.ความหมายและความสาคัญของพิษวิทยา
2.ประวัตค
ิ วามเป็ นมาของพิษวิทยา 23/11/57
3.การแบงประเภทสารพิ
ษ
่
4.ลักษณะของการเกิดพิษและปัจจัยทีม
่ ผ
ี ลตอร
่ างกายของ
่
สารเคมี
5.กระบวนการทีเ่ กิดขึน
้ เมือ
่ สารเคมีเขาสู
้ ่ รางกายและ
่
ปฏิกริ ย
ิ าตอบสนองของรางกาย
่
6.กลไกในการเกิดสารพิษจากสารเคมี30/11/57
และผลกระทบตอ
่
รางกาย
่
2
7.การประยุกตใช
พิษวิทยาในงานอาชีวอนามัย
้
์
NPRU
How do you know is it a poison?
Amanita muscaria
ยีโ่ ถ มีสารพิษทีเ่ รียกวา่ อัลคา
ลอยด ์ (Alkaloid)
NPRU
3
1. ความหมายละความสาคัญของ
พิษวิทยา
4
NPRU
1.1 พิษวิทยา (Toxicology)
NPRU
 การศึ กษาผลกระทบของสารเคมีตอสิ
ี ต
ิ
่ ่ งมีชว
 การศึ กษาเพือ
่ ให้ทราบถึงผลลัพธเชิ
์ งลบและระดับ
ปริม าณของผลลัพ ธ เชิ
์ ง ลบของการได้ รับ สั มผัส
สารเคมี สิ่ งคุ ก คามสุ ข ภาพทางกายภาพและ
สภาวะอืน
่
 วิชาทีเ่ กีย
่ วของกั
บการศึ กษาผลกระทบของสารพิษ
้
หรือสิ่ งทีท
่ าให้เกิดพิษ
ซึ่งทา
่ นแปลงทางชีววิทยาและสรีรวิทยา
ให้เกิดการเปลีย
ของสิ่ งมีชว
ี ต
ิ มหาวิทยาลัยสุขโขทัยธรรมมาธิราช, 2546
ชมรมอาชีวอนามัยและความปลอดภัยมหาวิทยาลัยสุข
 การศึ กษาถึงผลเสี ยของสารพิ
ษ หรือสิ่ งทีท
่ าให้เกิด
โขทัยธรรมมาธิราช, 2551
5
ี ต
ิ
พิษทีม
่ ต
ี อสิ
่ ่ งมีชว
1.1 พิษวิทยา (Toxicology)
วิทยาศาสตรสาขาหนึ
่งทีศ
่ ึ กษาในเรือ
่ งเกีย
่ วกับ
์
สารพิษ โดย “สารพิษ” ในทีน
่ ี้หมายถึง สารเคมี
ทีก
่ อผลเสี
ยตอสุ
่ เขาสู
ั น์ เอกบูรณะ
่
่ ขภาพเมือ
้ ่ รางกายของ
่ วิวฒ
วัฒน,์ 2556
สิ่ งมีชว
ี ต
ิ ได้
ผู้เชีย
่ วชาญทีศ
่ ึ กษาในวิชา
พิษวิทยา เรียกวา่
“นั
ก
พิ
ษ
วิ
ท
ยา”
หรื
อ
รูปหัวกะโหลกไขว้ (Skull and
crossbones)
“Toxicologist”
คือสั ญลักษณสากลของความเป็
น
์
พิษ
NPRU
6
1.2 สาขาของวิชาพิษวิทยา
 พิษวิทยา ต้องใช้ ความรู้จากศาสตร หลายศาสตร
์
์
ใ น ก า ร ด า เ นิ น ง า น
(สรีร วิท ยา ชีว เคมี พัน ธุ ศ าสตร ์ สถิต ิ ระบาด
วิทยา พยาธิวท
ิ ยา)
 และความรู้จากวิช าพิษ วิทยา ก็ นาไปประยุกต ใช
์ ้
ประโยชน์ ได้ ในหลายศาสตร ์ (การแพทย ์ เภสั ช
ศาสตร ์ สั ต วแพทยศาสตร อาชี
ว อนามัย อนามัย
์
สิ่ งแวดลอม
นิตวิ ท
ิ ยาศาสตร)์
้
7
NPRU
1.2 สาขาของวิชาพิษวิทยา
การแบ่งสาขาของพิษ วิทยาในภาพกว้าง แบงเป็
่ น 3 สาขา
หลัก
1.พิษวิทยาเชิงกลไก (Mechanistic toxicology)
 ศึ กษากลไกการเกิดพิษ เช่น Organophosphate กอ
่
พิษ โดยการยับ ยั้ง เอนไซม ์อะเซติล โคลี น เนสเตอเรส
(Acetylcholinaseterase) ในรางกาย
่
 ส า ข า ย่ อ ย ชื่ อ
พิ ษ วิ ท ย า พั น ธุ ศ า ส ต ร ์
(Toxicogenomics) ศึ กษาถึงความแตกตางของคนแต
ละ
่
่
คนในการเกิดพิษ
2. พิษวิทยาเชิงบรรยาย (Descriptive toxicology)
 ศึ กษาวาสารนี
้มพ
ี ษ
ิ อยางไรบ
่ บในคน
่
่
้าง สั งเกตจากทีพ
และสั ตวทดลอง
นาไปสู่การอธิบายลักษณะการเกิดพิษ
์
8
ดวยพิ
ษวิทยาเชิงกลไกตอไป
้
่
NPRU
1.3 พิษวิทยาประยุกต ์ (Applied
Toxicology)








Clinical toxicology
Veterinary toxicology
Forensic toxicology
Nutritional toxicology
Environmental
toxicology
Ecotoxicology
Behavioral toxicology
Occupational toxicology
9
NPRU
พิษวิทยาอาชีวอนามัย (Occupational
toxicology)
การศึ กษาผลของสารเคมี หรือสิ่ งแปลกปลอมตางๆ
่
ซึ่ ง มัก ได้ รับ จากการท างาน แล้ วท าให้ เกิด การ
เปลี่ ย นแปลงทางชี ว วิ ท ยา และสรี ร วิ ท ยาของ
สิ่ งมีชว
ี ต
ิ
(สรา อาภรณ,์ 2547: 123
อางใน
สุนุตตรา ตะบูนพงศ์, 2551)
้
10
NPRU
1.4 ความสาคัญของพิษวิทยา
NPRU
1. การวิเคราะหอั
ษย ์
่
์ ตราเสี่ ยง (Risk assessment) ตอมนุ
และผู้ประกอบอาชีพ
 ศึ กษาจากข้อมูลระบาดวิทยาในสั ตวทดลอง
เชื่อมโยงสู่
์
การคานวณอัตราเสี่ ยงในมนุ ษย ์
2. การพัฒนาสารเคมีให้มีความปลอดภัยมากขึน
้
 ผลการศึ กษากลไกการเกิดพิษระดับโมเลกุล และพัฒนา
สั งเคราะหเป็
ั ธ ์ คล้ายสารเคมีตวั เดิม แต่
์ นสารเคมีอนุ พน
พิษน้อยกวา่
3. การรักษาพยาบาล
 ใช้องคความรู
่ วกับสารยับยัง้ การออกฤทธิข
์ องสารพิษ
้เกีย
์
(antidote) รักษาชีวต
ิ ผู้ป่วยไวมากที
ส
่ ุดเทาที
่ ะทาได้
้
่ จ
4. การพัฒนาความรู้พืน
้ ฐานทางสรีรวิทยาและชีวเคมี
11
5. หน่วยงานทีเ่ กีย
่ วข้องในการควบคุมสารพิษ
2.ประวัตค
ิ วามเป็ นมาของพิษวิทยา
12
NPRU
2.1 พิษวิทยาในยุคโบราณ
ม นุ ษ ย ์ ใ น ส มั ย ก่ อ น รู้ จั ก
สั งเกตว่ าสั ตว ์และพื ช บาง
ชนิดมีพษ
ิ
มาใช้ในการล่า
สั ตว ์ การทาสงคราม และ
การลอบสั งหาร
Hemlock
NPRU
Hemlock มีพษ
ิ ตอระบบประสาท
่
ส่วนกลาง ทาให้ระบบการหายใจลมเหลว
้
ยาพิษจากพืชชนิดนี้เป็ นยาพิษทีS
่ ocrates
ดืม
่ หลังจากถูกศาลพิพากษาให้ประหาร
http://th.wikipedia.o
ชีวต
ิ
13
rg
2.1 พิษวิทยาในยุคโบราณ
อัตวินิบาตกรรมของ
คลีโอพัตรา โดยใช้
งูพษ
ิ แอสพฺ
(asp) หรืองูเหา่
อียป
ิ ต์
Engraving by Peter Paul
Rubens, 1638
ภาพโดย เรจินล
ั ด ์ อารเธอร
์
์
เ มื่ อ
400 ปี
ก่ อ น
ต านานกษั ต ริย แห
์ ่ งพอนตุ ส
คริสตกาล Hippocrates ได้
(PONTUS) อาณาจั ก รฝั่ ง
ค้ นพบสิ่ งมี พ ิ ษ หลายชนิ ด
ท ะ เ ล ด า ที มี พ ร ะ น า ม ว่ า
ม า ก ขึ้ น แ ล ะ ไ ด้ ก า ห น ด
"MITHRIDATE EUPATOR
หลัก เกณฑ ์ทาง พิ ษ วิ ท ย า
"
เป็ นที่ม าของค าศั พ ท ์
คลินิกเกีย
่ วกับความสามารถ
mithridatic หมายถึง ยาแก้
ของร่างกายในการป้ องกัน
พิษ หรือยาป้องกันพิษทีเ่ ป็ น
14
Mithridates VI from the Musée du Louvre
สารผสม
และก
าจั
ด
พิ
ษ
NPRU
http://th.wikipedia.o
2.2 พิษวิทยาในยุคกลาง
http://th.wikipedia.o
rg
NPRU
Paracelsus
หรื อ ชื่ อ เต็ ม Philippus
Aureolus Theophrastus Bombastus von
Hoehenheim (1493 - 1541) ผู้ไดรั
้ บการยก
ยองให
of
่
้ เป็ นบิดาแห่งพิษวิทยา (Father
แนวคิด ที่ พ าราเซลซัส ถ่ ายทอดไว้ ให้ แก่
toxicology)
วงการพิษวิทยา
1. การจะทราบถึ ง พิษ ของสารเคมีใ ดได้
จะต้ องท าการทดลอง(Experimentation)
เพือ
่ ทดสอบพิษของสารเคมีชนิด นั้น ให้ รู้
แจ้งเห็นจริงเสี ยกอน
่
2. เน้ นให้ เห็ น ความส าคัญ ของเรื่อ งขนาด
ก า ร สั ม ผั ส ด้ ว ย ว ลี อ ม ต ะ “ All
substances are poisons; there is none
which is not a poison. The right dose
differentiates poison from
a
remedy”
แปลเป็
วิวฒ
ั น์ เอกบู
รณะนไทยคือ “สารเคมีทุก
15
2.3 พิษวิทยาในยุคสมัยใหม่
 Bernardino Ramazzini (ค.ศ. 1633 – 1714)
–บิดาแหงอาชี
วเวชศาสตร ์ สารพิษหลายชนิดพบได้
่
จากงาน
 Mathieu Joseph Bonaventure Orfila (ค.ศ. 1787 –
1853)
–บิด าแห่ งพิษ วิท ยาสมัย ใหม่ ใช้ การวิเ คราะห ทาง
์
เคมีเ พื่อ หาสารพิษ จากศพ
น าผล
พิ สู จ น์ นั้ น ม า ช่ ว ย ใ น ก ร ะ บ ว น ก า ร ยุ ติ ธ ร ร ม
วางรากฐานนิตพ
ิ ษ
ิ วิทยา
 Industrial revolution (ราว ค.ศ. 1760 – 1840)
16
–ปฏิ
ว
ต
ั
อ
ิ
ุ
ต
สาหกรรม
ผลิ
ต
สารเคมี
เช
น
กรดเกลื
อ
่
NPRU
วิวฒ
ั น เอกบูรณะ
์
2.3 พิษวิทยาในยุคสมัยใหม่
 World war II (ค.ศ. 1939 – 1945)
–สั งเคราะหสารเคมี
และอาวุธเคมีชนิดใหมๆ
้ มา
่ ขึน
์
อีกจานวนมาก เช่น สารเคมีกลุม
่ Nerve gases
หลังสงครามก็ยงั ผลิตคิดค้นกันตอ
่
 Oswald Schmiedeberg (ค.ศ. 1838 – 1921)
–บิด าแห่ งเภสั ชศาสตร ์สมัย ใหม่ ศึ กษาเรื่ อ งพิ ษ
จลนศาสตรไว
์ ้
 Austin Bradford Hill (ค.ศ. 1897 – 1991)
–นัก ระบาดวิท ยา เสนอแนวคิด เรื่อ งการหาความ
เป็ นสาเหตุไว้
17
–ร1964)
NPRU Rachel Carson (ค.ศ.
วิวฒ
ั 1907
น์ เอกบู
ณะ
3. การแบงประเภทสารพิ
ษ
่
18
NPRU
3.1 การแบงประเภทสารพิ
ษ
่
สารเคมีในโลกนี้มอ
ี ยูมากมาย
นับแสนนับล้าน ทัง้ ทีม
่ อ
ี ยูใน
่
่
ธรรมชาติแ ละที่ม นุ ษ ย สั
์ ง เคราะห ขึ
์ ้น ด้ วยความหลากหลาย
มากมายนี้ จึงไมมี
มสารเคมี
ระบบใด ทีใ่ ช้ได้
่ ระบบการแบงกลุ
่
่
ครบถ้วนสมบูรณทั
ษ
่
์ ง้ หมดในทุกกรณี การแบงประเภทสารพิ
ทาไดหลายวิ
ธ ี โดยขึน
้ อยูกั
ง่ ดังนี้
้
่ บวัตถุประสงคของการแบ
์
1. แ บ่ ง ต า ม อ วั ย ว ะ เ ป้ า ห ม า ย ก า ร ใ ช้ ป ร ะ โ ย ช น์
แหลงที
่ า และผลทีเ่ กิดแกร่ างกาย
่ ม
่
NPRU
 กลุมสารพิ
ษทีไ่ ปทาลายอวัยวะเป้าหมายเดียวกัน เช่น ตับ
่
ไต ระบบสรางโลหิ
ต เป็ นตน
้
้
 ลักษณะการใช้ประโยชนของสารพิ
ษ เช่น กลุมสารก
าจัด
่
์
ศั ตรูพช
ื
กลุมสารตั
วทาละลาย กลุมสารผสมอาหาร
เป็ น
่
่
ตน
้
มหาวิทยาลัยสุขโขทัยธรรมมาธิราช, 2546
 แหลงที
่ าของสารพิษ เช่น สารพิษจากพืช สั ตว ์ หรื19อ
่ ม
สิ่ งไมมีชวี ต
ิ
3.1 การแบงประเภทสารพิ
ษ
่
2. แบงตามสภาวะทางกายภาพ
คุณสมบัตท
ิ างเคมี
่
และระดับความเป็ นพิษ
 เป็ นก๊าซ ฝุ่น ของแข็ง ของเหลว
 ลัก ษณะข้ อก าหนดด้ านฉลาก เช่ น วัต ถุ ร ะเบิ ด
สารไวไฟ สารออกซิไดเซอร ์
 คุณสมบัตโิ ครงสรางทางเคมี
เช่น
้
NPRU
– ธาตุ (Elements) : โลหะ (Metal) กึง่ โลหะ (Metalloid)
อโลหะ (Non-metal) ฮาโลเจน (Halogen) แก๊สเฉื่ อย
(Inert gas) เป็ นตน
้
– สารประกอบ (Compounds) : สารประกอบอนินทรีย ์
(Inorganic compounds) เช่น กรด ( Acid) เกลือ (
Salt) ดาง
( Base)
่
– สารประกอบอินทรีย ์ (Organic
มหาวิทยาลั
compounds)
ยสุขโขทัยธรรมมาธิ
เช่นราช,
อะ2546
ลิฟาติก (Aliphatic) อะลิไซคลิก (Alicyclic) อะโรมาติก
20
3.1 การแบงประเภทสารพิ
ษ
่
3. แบงตามกลไกทางชี
วเคมีของการทาปฏิกริ ย
ิ าใน
่
รางกาย
่
 เป็ นสารยับยัง้ การทาปฏิกริ ย
ิ าทางอนุ มูล sulfhydryl เป็ น
4.
แบ
งตามลั
กษณะการก่อ
่
สารสราง
met
hemoglobin
้
ปัญหา
 กลุมสารมลพิ
ษทางอากาศ
่
 กลุ่มสารพิษ ในการประกอบ
อาชีพ
 กลุมที
่ าให้เกิดพิษเฉี ยบพลัน
่ ท
 กลุมที
่ าให้เกิดพิษเรือ
้ รัง
่ ท
มหาวิทยาลัยสุขโขทัยธรรมมาธิราช, 2546
NPRU
21
4. ลักษณะของการเกิดพิษ
และปัจจัยทีม
่ ผ
ี ลตอร
่ างกายของสารเคมี
่
22
NPRU
4.1 คานิยามศั พทต
ทีเ่ กีย
่ วข้อง
่
์ างๆ
กับพิษวิทยา
3.1 ยาพิษหรือสารพิษ (Poison หรือ Toxic substance หรือ
Toxic agent)
 สารเคมีหรือสารทีท
่ าให้เกิดการเปลีย
่ นแปลงทางชีววิทยา
และสรีรวิทยาจนทาให้เกิดพิษขึน
้
3.2 ท็อกซิน (Toxin) จาเพาะกวา่ หมายถึง สารพิษจากพืชหรือ
สั ตวในธรรมชาติ
์
3.3 วีน อม (Venom) จ าเพาะขึ้น อีก หมายถึง พิษ จากสั ต ว ที
์ ่
“กัด” หรือ “ตอย”
่
3.4 ความเป็ นพิษของสาร (Toxicant)
 พิ ษ จ า ก กิ จ ก ร ร ม ห รื อ ก า ร ผ ลิ ต ข อ ง ม นุ ษ ย ์ ห รื อ
ความสามารถของสารต่ างๆ ซึ่ ง ก่ อให้ เกิด การท าลาย
เนื้อเยือ
่ หรืออวัยวะตางๆ
ของรางกาย
23
่
่
NPRU
4.1 คานิยามศั พทต
ทีเ่ กีย
่ วข้อง
่
์ างๆ
กับพิษวิทยา
3.6 มลพิษ (Pollution)
 สิ่ งก่ออันตรายต่อสุ ข ภาพทีอ
่ ยู่ในสิ่ ง แวดล้ อม เป็ นศั พ ท ์
ทางดานสิ
่ งแวดลอม
้
้
3.7 ความเสี่ ยง (Risk) หมายถึง โอกาสทีเ่ นื้อเยือ
่ หรืออวัย วะ
ตางๆ
จะไดรั
่
้ บอันตราย
3.8 ความปลอดภัย (Safety)
 สภาวะทีใ่ ช้สารเคมี หรือได้รับสารเคมีเข้าไปแล้วไมท
่ า
อันตรายตอร
่ างกาย
่
3.8 สารแปลกปลอม (Xenobiotic)
 สารเคมีทต
ี่ รวจพบอยูในร
างกาย
แตปกติ
แล้วจะเป็ นสาร
่
่
่
ทีร่ างกายไม
ได
น
้ หรือไมได
าจะพบอยู
่
่ สร
้ างขึ
้
่ คาดหมายว
้
่
่
24
ในรางกายสิ
่ งมีชว
ี ต
ิ นั้น ตัวอยางของสารแปลกปลอมใน
่
่
NPRU
4.2 ลักษณะการเกิดพิษทีม
่ ผ
ี ลกระทบตอ
่
รางกาย
่
 ลักษณะการเกิดพิษทีม
่ ผ
ี ลกระทบต่อร่างกาย หรือ
การเป็ นพิษตอร
(Adverse
or
Toxic
่ างกาย
่
Effects) จากการได้ รับ สารเคมี หมายถึ ง ผลที่
เกิดตอสิ
ิ ในลักษณะของความผิดปกติในการ
่ ่ งมีชีวต
ทางานของระบบตางๆ
่
 ผ ล ก ร ะ ท บ ต่ อ ร่ า ง ก า ร จ า ก ก า ร ไ ด้ รั บ ส า ร เ ค มี
( Effects) ค ว า ม ห ม า ย ทั่ ว ไ ป คื อ ป ฏิ ก ิ ริ ย า
ตอบสนองของรางกาย
(Response)
่
 แต่นัก พิษ วิทยาบางกลุ่ม แยก Effects
และ
Response ให้แตกตางกั
น
่
NPRU
– Effects คือ การเปลีย
่ นแปลงทางชีวภาพจากการที่ 25
4.2 ลักษณะการเกิดพิษทีม
่ ผ
ี ลกระทบตอ
่
รางกาย
่
ผลกระทบตอร
่ างการจากการได
่
้รับสารเคมี แบงตาม
่
ลักษณะของระยะเวลาการเกิดผลกระทบหลังจากไดรั
้ บ
สารเคมี ดังนี้
1. ผลกระทบแบบเฉี ยบพลัน (Acute effects)
 Immediate effect (ไดรั
้ บแลวเกิ
้ ดผลทันที)
 Acute effect (ผลทีเ่ กิดเฉียบพลันไมนาน)
่
2. ผลกระทบแบบเรือ
้ รัง (Chronic effects)
NPRU
 Delayed effect (ไดรั
าจะเกิ
ดผล)
้ บแลวนานกว
้
่
 Local
effect
(ผลเกิดเฉพาะส่วนทีส
่ ั มผัส) เช่น
ผิ ว หนั ง ที่ ถู ก กับ กรด จะแสบร้ อนบริ เ วณที่ สั มผั ส
เทานั
่ ้น
26
 Systemic effect (ผลเกิดตามระบบทัว่ รางกาย)
เช่น
่
4.3 ปัจจัยทีม
่ ผ
ี ลตอการเป็
นพิษตอร
่
่ างกายของ
่
สารเคมี
4. อวัยวะหรือส่วนของรางกายที
ม
่ ป
ี ฏิกริ ย
ิ ากับสารเคมี
่
 ฝุ่นมีซล
ิ ก
ิ าปนอยู่ ทาให้ปอดเป็ นพังผืด เป็ นโรคซิลโิ คสิ ส
 ตะกั่ว รบกวนการสร้างเม็ ด เลือ ดแดงของไขกระดูก และ
ระบบประสาท
5. ความถี่ ความเข้มข้น และระยะเวลาของการได้รับ
สั มผัสสารเคมี
 รับครัง้ เดียว ปริมาณมาก ทาให้เกิดอาการฉับพลัน
 รับน้อยแตหลายครั
ง้ ตอเนื
้ รัง
่
่ ่องนาน ทาให้เกิดอาการเรือ
างบุ
คคล
6. ความแตกตางระหว
่
่
NPRU
 คนมีสุขภาพดี
 เพศหญิง มีไขมันใต้ผิวหนังมากกวาผู
่ ้ชาย มีโอกาสรับ
สารเคมีทล
ี่ ะลายในชัน
้ ไขมันไดมากกว
าผู
้
่ ้ชาย
27
 วัยเด็ก การพัฒนารางกายไม
ถึ
่
่ งขีดสุด
 วัยสูงอายุ รากายเสื่ อมโทรม
4.4 ปฏิกริ ย
ิ าระหวางสารเคมี
ในรางกาย
่
่
( Interaction of chemicals)
NPRU
ปฏิกริ ย
ิ าของสารพิษ 2 หรือหลายชนิดในรางกาย
่
มีไดหลายแบบ
้
1.กอผลร
วมกั
น (Additive) เหมือนเอาผลมา
่
่
รวมกัน
2.กอผลเท
าทวี
คูณ (Synergistic) ผลเพิม
่ ขึน
้
่
่
เป็ นเทาทวี
คูณ
่
3.เสริมฤทธิก
์ น
ั (Potentiation) ปกติตวั หนึ่งกอ
่
พิษ ตัว หนึ่ ง ไม่ ก่ อพิษ แต่ พอได้ รับ ร่ วมกัน
มันเสริมกันทาให้เกิดผลกระทบมากกวาปกติ
่
4.ต้านฤทธิก
์ น
ั (Antagonistic effect) ทาให้
28
4.5 สารเคมีทท
ี่ าอันตรายแกร่ างกาย
่
แบงตามลั
กษณะของอันตรายทีเ่ กิดแกร่ างกาย
ดังนี้
่
่
1. สารกอความระคายเคื
อง (Irritants)
่
1.1 ระดับปฐมภูม ิ 1.2 อยางแรง
1.3 ระบบทางเดินหายใจ
1.4 สารทีท
่ าให้
่
(Primary Irritants)
(Strong Irritants)
(Respiratory Irritants) น้าตาไหล
(Lacrimators)
– ส า ร ตั ว ท า
ละลายอินทรีย ์
– สา ร ป ร ะ เภ ท
ใช้ซักลาง
้
NPRU
– ก ร ด
และดาง
่
– anhydrous
ammonia
– bromine
– chlorine
– phosgene
– acrolein
– chlorine
– ethyl
iodoacetate
29
4.5 สารเคมีทท
ี่ าอันตรายแกร่ างกาย
่
2. สารกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ (Sensitizers)
2.1 Allergic
Sensitizer
– สารทีท
่ าให้ไวตอการเกิ
ด
่
ภูมแ
ิ พ้
– กระตุ้ นให้ สร้ างกายสร้าง
แอนติบอดีขน
ึ้ มา
2.2 Photosensitizers
– สารเคมีทท
ี่ าให้ผิวหนังไวต่อ
แสงสวาง/แสง
UV
่
– สี ย้อมผา้ ประเภท eosin
– acridine orange
– แ ล ะ ย า ป ร ะ เ ภ ท
tetracyclines
30
NPRU
4.5 สารเคมีทท
ี่ าอันตรายแกร่ างกาย
่
– Carbon
tetrachloride
–
Nitrohydrocarb
3.2
on Hepatoxin
– Chloroform
– toluene
– methanol
– benzene
3.4 CNS
Depressants
– assine
– benzene
– ตะกัว่
3.6 Hemolytic ag
3. สารทีท
่ าให้เกิดพิษแบบเป็ นระบบ (Systemic po
3.1 Convultants 3.3 Nephrotoxins
3.5 Neurotoxins
3.7 Reproductive Syste
– เ กิ ด ก า ร ชั ก
หรือหมดสติ
– Parathion
– parathion
–phenol
NPRU
– carbon
disulfide
–
Chloroform
–ปรอท
– nhexane
–ปรอท
ตะกัว่
–
– ส า ร
Steroids
– cadmium
– chloride
– alkylating
31
4.5 สารเคมีทท
ี่ าอันตรายแกร่ างกาย
่
4. สารอมะเร็
ง ทาให้เกิดการกลายพันธุและไม
สมประกอบ
่
่
์
4.1
Carcinoge
– asbestos
n
– kepone
– benzene
– coal tar pitch
volatiles
4.2
Mutagen
– ท า ใ ห้ เ กิ ด ค ว า ม
ผิด ปกติข องยี น ส์ และ
โ ค ร โ ม โ ซ ม เ ซ ล ล์
สื บพันธุพ
่
่
์ อแม
4.3 Teratogens
– thalidomide
– diethyl
stilbestrol
32
NPRU
4.5 สารเคมีทท
ี่ าอันตรายแกร่ างกาย
่
5. สารทีท
่ าให้เกิดการขาดออกซิเจน (Asphyxia
5.1 Simple
Asphyxiants
–สารที่ อ ยู่ ในอากาศ
O2น้อยกวา19.5
%
่
– carbon dioxide
– nitrogen
– helium
– methane
5.2 Chemical Asphyxiants
ท าให้
– สารรบกวนการจั บ
ของเม็ดเลือดแดง
– hydrogen sulfide
– nitrogenbenzene
–Hydrogen cyanide
O2
33
NPRU
4.6 สารเคมีทพ
ี่ บบอยในงานอาชี
วอ
่
นามัย
ประเภทงาน
ชือ
่ สารพิษ
อุ ต ส า ห ก ร ร ม โ ล ห ะ
ห ล ่ อ ห ล อ ม เ ชื่ อ ม
บัดกรี ชุบ
การผลิต สี สารเคลือ บ
เงา
ตะกั่ว สั งกะสี แคดเมียม โครเมีย ม นิ กเกิล กรด
กามะถัน กรดโครมิก
ผลิตน้ายาทาความ
สะอาด
ผลิตสี ยอมผ
้
้า
Chloroform, carbontetrachloride, trichloroethylene
ผลิตอิฐทนไฟ ฉนวน
ความรอน
้
ผลิ
ตพลาสติก
NPRU
Asbestos, silica
สารตัวทาละลายอินทรีย ์ เช่น xylene, toluene และ
ส า ร ที่ ใ ช้ ผ ลิ ต เ ค ลื อ บ เ ง า เ ช่ น toluenediissocyanate
Aniline, auramine
Vinyl chloride
34
4.5 คา่ Lethal Dose,50% (LD50)
 Lethal Dose, 50 % หรือ LD50 คือ ขนาด/
ความเข้ มข้ นของสารพิษ ที่ท าให้ กลุ่ มประชากร
ทดลอง (ส่วนใหญ่ คือ สั ตวทดลอง)
ไดรั
้ บแล้ว
์
ตายไป 50 % ภายใน 24 ชั่ว โมง (หน่ วยคือ
มิ ล ลิ ก รั ม ห รื อ ก รั ม ข อ ง ส า ร เ ค มี ต่ อ น้ า ห นั ก ข อ ง
 ข
อดีของการใช
คา่ ม)LD50
้
สั ต้ วทดลองเป็
นกิ
โ
ลกรั
์ ้ มป
– คานี
ี ระโยชนในการใช
่
้บอกระดับความเป็ นของ
์
พิษสารตางๆ
เขาใจได
ง้ าย
่
้
่
 ข้อจากัดของการใช้คา่ LD50
NPRU
– คานี
นไปในสั ตวแต
ชีส์ทีใ่ ช้ทดลอง
่ ้จะตางกั
่
่
์ ละสปี
ตามวิธ ี ก ารให้ สารพิษ เช่ น ฉี ด กิน สู ด
หายใจ
– ค่ านี้ จ ะสะท้ อนถึ ง แต่ ผลเฉี ยบพลัน (Acute
effect) ของสารพิษ
35
4.5 คา่ Lethal Dose,50% (LD50)
สาร
A
สาร
B
คา่ LD50 = 50 มิลลิกรัม/
กิโลกรัม
คา่ LD50 = 25 มิลลิกรัม/
กิโลกรัม
จากขอมู
สารชนิดใดมีความเป็ นพิษมากกวา่
้ ลดังกลาว
่
กัน เพราะเหตุใด?
36
NPRU
4.5 คา่ Lethal Dose,50% (LD50)
สาร
A
สาร
B
คา่ LD50 = 50 มิลลิกรัม/
กิโลกรัม
คา่ LD50 = 25 มิลลิกรัม/
กิโลกรัม
จากขอมู
สารชนิดใดมีความเป็ นพิษมากกวา่
้ ลดังกลาว
่
กัน เพราะเหตุใด?
ตอบ สาร B มีความเป็ นพิษมากกวาสาร A เนื่องจาก
่
ในปริมาณความเขมข
่ า่ กวาสามารถท
าให้
้ นที
้ ต
่
สั ตวทดลองตายได
ในจ
านวนทีเ่ ทากั
้
่ น
์
NPRU
37
4.6 คา่ Lethal concentration,50%
(LC50)
NPRU
คา่ Lethal concentration,50% (LC50) หมายถึง
ความเข้ มข้ นของสารเคมี
(ใน
อากาศหรื อ ในน้ า ) ที่ ท าให้ กลุ่ มประชากรทดลอง
ไดรั
50 %
้ บแลวตายไป
้
 คา่ LC50 จะใช้บอกความเป็ นพิษของสารเคมี
ี่ าการทดลองให้สารพิษด้วยวิธ ี
ได้ ในกรณีทท
ให้สูดหายใจ หรือให้อยูในน
่ ส
ี ารพิษ
้าทีม
่
 มีหน่วยเป็ น ส่วนตอล
่ ้าน ส่วน (ppm หรือ
parts per million) หรือมิลลิกรัมตอลิ
่ ตร
(mg/l)
หรือ มิล ลิก รัม ต่อลู ก บาศก เมตร
์
(mg/cu.m) ของบรรยากาศปกติในการทางาน
38
การจัดลาดับความเป็ นพิษของสารเคมี
ในระยะความเป็ นพิษอยางเฉี
ยบพลัน
่
ระดับความเป็ น
พิษ
1. พิษรายแรง
มากทีส
่ ุด
(Supertoxic)
2. พิษรายแรงสูง
มาก
(Extremely
toxic)
3. พิษร้ายแรงสูง
(Very toxic)
NPRU
LD50
โดยการกิน
มิลลิกรัม/
กิโลกรัม
<5
LD50
โดยการสั มผัส
มิลลิกรัม/
กิโลกรัม
<250
LD50
โดยการหายใจ
มิลลิกรัม/ตาราง
เมตร
<250
5-50
250-100
250-100
50-500
1,000-3,000
1,000-10,000
39
การบาน
้
1. จั บ กลุ่ ม 4-5 ท ารายงาน ส่ งวั น ที่ 7
ธันวาคม 2557
2. ให้ นัก ศึ ก ษาศึ ก ษาค้ นคว้ าสารเคมีท ี่พ บบ่อย
ในงานอาชีวอนามัย (หัวข้อที่ 4.6 สไลด ์
ที่ 37 )
3. ให้ระบุขอมู
้ ล
NPRU







ชือ
่ สารเคมี
ลักษณะทางกายภาพ
การเขาสู
้ ่ รางกาย
่
ผลระยะฉับพลัน
ผลระยะยาวหรือการไดรั
้ บซา้
ระดับความเป็ นพิษ
การรักษา
40
พิษวิทยาอาชีพ
ฉบับจัดทา พ.ศ.
2554
พิษวิทยาอาชีพ
ฉบับจัดทา 2
พิษวิทยาอาชีพ
ฉบับจัดทา 3
http://www.sum
macheeva.org/i
ndex_book_54_
005.htm
http://www.sum
macheeva.org/i
ndex_book_55_
001.htm
http://www.su
mmacheeva.
org/index_bo
ok_56_001.ht
m
41
Thank you
42
NPRU
เนื้อหา
alone_aomz@hotm
ail.com
43
NPRU
เนื้อหา
http://www.summacheeva.org/inde
x_book.htm
44
NPRU
เนื้อหา
45
NPRU
เนื้อหา
46
NPRU