การรับรู้ถึง - เขตบริการสุขภาพที่ 5

Download Report

Transcript การรับรู้ถึง - เขตบริการสุขภาพที่ 5

PRECEDE Framework
ผู้พฒ
ั นาโมเดล : Lawrence W. Green et al.,
1980
PRECEDE : ย่ อมาจาก Predisposing,
Reinforcing, and Enabling Causes
in Educational
Diagnosis and
Evaluation
PRECEDE Framework
แนวคิด :
1. พฤติกรรมมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัยรวมกัน
2. .การเปลีย่ นแปลงพฤติกรรมจึงต้ องอาศัย
วิธีการหลายวิธีการ หรือศาสตร์ ต่างๆ หลาย
แขนงมาผสมผสานคือบูรณาการในการ
เปลีย่ นแปลง
ขั้นตอนที่ 6
การวิเคราะห์ ทางการบริหาร
ขั้นตอนที่ 4-5
การวิเคราะห์ ทางการศึกษา
ขั้นตอนที่ 3
ขั้นตอนที่ 1-2
การวิเคราะห์ ทางพฤติกรรม การวิเคราะห์ ทางระบาดวิทยา และสังคม
ปัญหาอืน่ ๆ
องค์ประกอบ
ทางสุ ขศึกษา
ในโครงการสุ ขภาพ
ปัจจัยนา
(Predisposing
factors)
ปัจจัยเอือ้
(Enabling factors)
คุณภาพชีวติ
สาเหตุอนื่ ๆ
ปัญหาสุ ข
ภาพ
สาเหตุทางพฤติ
กรรม
ปัจจัยเสริม
(Reinforcing
factors)
กรอบของ PRECEDE
3
Knowledge
Attitude
Predisposing
Value
Belief
Demographic
data
Accessibility
Enabling
Economics
Skill
etc
Parents
Reinforcing
Friends
Teachers
Bosses
etc
Health Belief Model (HBM)
ผู้พฒ
ั นา
Model :
Kurt Lewin (1951) การรั บรู้ ของบุคคลเป็ นตัว
บ่ งชี้พฤติกรรม จะทาในสิ่ งที่ตนคาดว่าเห็นผลดี
และจะหลีกเลีย่ งที่ตนไม่ ปรารถนา
Health Belief Model (HBM)
Rosen
stock
(1966)ได้ นารู ปแบบมาอธิบาย
พฤติกรรมป้ องกันโรคของบุคคล
Becker และ Maiman (1975) :
พฤติกรรมป้ องกันโรคของบุคคล
ใช้ ทานาย
แนวคิด เน้ นความเชื่อของบุคคล
การทีบ่ ุคคลใดจะมีพฤติกรรมป้ องกันโรคหรือไม่
นั้น ต้ องมีความเชื่อว่ า
1. ตนเองมีโอกาสเป็ นโรคนั้น ๆ ได้
2. โรคนั้น ๆ มีอาการรุนแรงอาจทาให้ ตาย
หรือพิการได้
องค์ ประกอบของ Health Belief Model
(Key Element)
• การรับรู้ ต่อโอกาสเสี่ ยงต่ อการเป็ นโรค
• การรับรู้ ความรุนแรงของโรค
• การรับรู้ ถงึ ผลประโยชน์ และค่ าใช้ จ่าย
• แรงจูงใจให้ ปฏิบัติ
• ปัจจัยร่ วม
แนวคิด เน้ นความเชื่อของบุคคล
การทีบ่ ุคคลใดจะมีพฤติกรรมป้ องกันโรคหรือไม่ น้ัน
ต้ องมีความเชื่อว่ า
3. เชื่อในผลประโยชน์ ที่ได้ รับ หากไปรับบริการ
การป้ องกันโรคนั้น ๆ
4. .มีปัจจัยแรงจูงใจให้ เกิดพฤติกรรม
แนวคิด เน้ นความเชื่อของบุคคล
การทีบ่ ุคคลใดจะมีพฤติกรรมป้ องกันโรคหรือไม่
นั้น ต้ องมีความเชื่อว่ า
5. มีปัจจัยร่ วมได้ แก่ อายุ เพศ บุคลิกภาพ
ฯลฯ
6. ปัจจัยกระตุ้น ได้ แก่ ข่ าวสาร ซึ่งบุคคล
ได้ รับจากสื่ อมวลชน เจ้ าหน้ าที่ เพือ่ น
บ้ าน ฯลฯ
ความพร้ อมที่จะให้ ความร่ วมมือ
ปั จจัยร่ วม
พฤติกรรมความร่ วมมือ
แรงจูงใจ
ด้ านประชากร
- แรงจูงใจเกีย่ วกับสุ ขภาพทัว่ ไป
-ผู้ป่วยเด็ก คนชรา
- ความตั้งใจทีจ่ ะยอมรับการรักษาและปฏิบตั ิ
ด้ านโครงสร้ าง
ตามคาแนะนา-กิจกรรมเพือ่ ส่ งเสริมสุ ขภาพ
- ค่ าใช้ จ่าย ระยะเวลาในการรักษา ความ
ยุ่งยาก อาการข้ างเคียง ความเป็ นไปได้ที่
คุณค่ าของการลดภาวะการเจ็บป่ วย
จะปฏิบัติตามการรักษา และแบบแผน
พฤติกรรมใหม่
ผู้ป่วยจะคาดคะเนถึง :
ด้ านทัศนคติ
- โอกาสเสี่ยงต่ อโรคหรือการเป็ นซ้า
-ความพึงพอใจต่ อการมาโรงพยาบาล
- ความเชื่อต่ อการวินิจฉัยของแพทย์ - การง่ าย
แพทย์ ผู้รักษา เจ้ าหน้ าที่อนื่ ๆ ขั้นตอนของ
ต่ ออากรเจ็บป่ วยโดยทัว่ ไป
คลินิก และความสะอาด
- อันตรายทีจ่ ะเกิดต่ อร่ างกา
ด้ านปฏิสัมพันธ์
- ผลกระทบต่ อบทบาททางสังคม
-ลักษณะชนิดและความสม่าเสมอของ
- อาการของโรคในปัจจุบันทีเ่ คยเป็ นมาก่ อน
ความสั มพันธ์ ระหว่ างเจ้ าหน้ าที่กับผู้ป่วย
ความเข้ าใจซึ่งกันและกัน
ความร่ วมมือในการลดภาวะการเจ็บป่ วย
ผูป้ ่ วยจะคาดคะเนถึง
- :ความปลอดภัยของการรักษา
- ประสิ ทธิภาพของการรักษ
- ความเชื่อถือและไว้วางใจในแพทย์ผู ้
รักษา วิธีรักษา
-โอกาสที่จะทุเลาหรื อหายป่ วย
ด้ านสนับสนุน
-ประสบการณ์ต่อการปฏิบตั ิ ความเจ็บป่ วย
หรื อการรักษา แหล่งของคาแนะนา
ข่าวสารและส่ งต่อเพื่อให้ได้ รับการรักษา
อย่างต่อเนื่อง
ความร่ วมมือในการปฏิบัติ
ตามคาแนะนา เช่ น การ
รับประทานยา ควบคุมอาหาร
ออกกาลังการ มาตรวจตาม
นัด ปรับปรุงนิสัยส่ วนตัว
บางอย่ างเพือ่ สุ ขภาพทีด่ ี
การรับรู้ ส่วนบุคคล
ปัจจัยร่ วม
ตัวแผนด้ านประชากร:-อายุ เพศ เชื้อชาติ อืน่ ๆ
ตัวแปรด้ านจิตสั งคม :- บุคลิกภาพ สถานภาพกลุ่ม
ฐานะทางสั งคม ผู้ร่วมงาน
การรับรู้ ถึง :
- โอกาสเสี่ ยงต่ อการเป็ นโรค
- ความรุนแรงของโรค
การรับรู้ภาวะการคุกคามของโรค
สิ่งชักนาให้ มีการปฏิบัติ :
- บทความหรือโฆษณาในวารสาร
หนังสือพิมพ์ สื่อมวลชน
- แพทย์ และเจ้ าหน้ าที่สุขภาพ
- บุคคลอืน่ ๆ
- สมาชิกในครอบครัวและเพือ่ นที่เคย
เจ็บป่ วยมาแล้ว
แนวโน้ มปฏิบัติ
- การรับรู้ ถึงประโยชน์ ของการปฏิบัติ
เพือ่ การป้ องกันโรค
- การรับรู้ ถึงอุปสรรคต่ อการปฏิบัติเพือ่
ป้ องกันโรค
การปฏิบตั ิตาม
คาแนะนา เพือ่ ป้ อง
กันโรค
สร้ างการรับรู้
ให้ ความรู้
 สนับสนุนทางสั งคม
ให้ การปรึกษา
•ให้ สิ่งของ
•ข้ อมูลข่ าวสาร
•ให้ กาลังใจ
•กระตุ้นเตือน
2. การเชื่อในความสามารถของตน
(Self-Efficacy)
2.1 การรับรู้ ความสามารถตนเองคือการทีบ่ ุคคลเชื่อ
ว่ าตนเองสามารถกระทาสิ่ งใดสิ่ งหนึ่งได้
2.2 ความคาดหวังในผลลัพธ์ จากการปฏิบัติ
คือการทีบ่ ุคคลมีความคาดหวังในผลลัพธ์
ที่สืบเนื่องจากการกระทา
บุคคล
พฤติกรรม
Efficacy
Expectation
ผลลัพธ์
Efficacy
Expectation
แหล่ งของความคาดหวัง
ในความเชื่อความสามารถของตน
1. ประสบการณ์ ที่ประสบความสาเร็จ
(Performance Accomplishments)
2. .การใช้ ตัวแบบ (Vicarious Experience)
3. .การชักจูง (Verbal Persuasion)
4. .การกระตุ้นทางอารมณ์ (Emotional
Arousal)
การพัฒนาพฤติกรรม
1. ให้ ความรู้ / พูดชักจูง
2. ฝึ กปฏิบัติ
3. ตัวแบบ
4. สนับสนุนทางสั งคม
การวัด
1. ความรู้
2. ความคาดหวัง
- ความสามารถ
- ผลลัพธ์
Social Support
การสนั บ สนุ น ทางสั ง คม หมายถึ ง สิ่ ง ที่ “ผู้ รั บ การ
สนับสนุน” ได้ รับความช่ วยเหลือด้ านข้ อมูลข่ าวสาร
วัสดุ สิ่ งของ หรื อด้ านจิตใจ จาก “ผู้ให้ การสนับสนุน”
แล้ วมีผลทาให้ ผ้ ูรับการสนับสนุ นปฏิบัติตามที่ผ้ ูให้ การ
สนับสนุนต้ องการ
องค์ ประกอบของSocial Support (House)
1. Information Support
2. Appraisal Support
3. Instrumental Support
4. Emotional Support
หลักการของการสนับสนุนทางสั งคม(บุญเยีย่ ม ตระกูล
วงษ์ , 2530) ประกอบด้วย
1. จะต้ องมีการติดต่ อสื่ อสารระหว่ าง “ผู้ให้ ” และ “ผู้รับ” การ
สนับสนุน
2. ลักษณะของการติดต่ อสื่ อสารนั้นจะต้ องประกอบไปด้ วย
2. 1 ข้ อมูลข่ าวสารมีลกั ษณะที่ “ผู้รับ” เชื่อว่ ามีคนสนใจ
เอาใจใส่ และมีความรักความหวังดีในตนอย่ างจริงใจ
2.2 ข้ อมูลข่ าวสารมีลกั ษณะที่ “ผู้รับ” รู้ สึกว่ าตนเองมีคุณค่ า
และเป็ นที่ ยอมรับในสั งคม
หลักการของการสนับสนุนทางสั งคม(บุญเยีย่ ม
ตระกูลวงษ์ , 2530) ประกอบด้วย
2.3 ข้ อมูลข่ าวสารมีลกั ษณะที่ “ผู้รับ” เราเป็ นส่ วน
หนึ่งของสั งคมและสามารถทาประโยชน์ แก่ สังคม
ได้
3. ปัจจัยนาเข้ าของการสนับสนุนอาจอยู่ในรู ปข้ อมูล
ข่ าวสาร วัสดุ สิ่ งของ หรือจิตใจ
4. จะต้ องช่ วยให้ “ผู้รับ” ได้ บรรลุถงึ จุดหมายที่ต้องการ
Transtheoretical Model (Stages of Change)
ผู้พฒ
ั นา Model : Prochaska และ Di Clemeter
แนวคิด :
การเปลีย่ นแปลงพฤติกรรมของคนมีระยะความ
พร้ อมที่ จะเปลีย่ นแปลงแตกต่ างกัน ดังนั้นการเปลี่ยนแปลง
พฤติกรรมจึงต้ องใช้ กระบวนการจูงใจในการเปลีย่ นแปลง
พฤติกรรมหลายวิธีการตามระยะเวลา ในการเปลีย่ นพฤติกรรม
ระยะการ
ระยะการ
ระยะการ
เปลีย่ นแปลงสภาวะ เปลีย่ นแปลงสภาวะ เปลีย่ นแปลงสภาวะ
ความพร้ อมกิจกรรม ความพร้ อมกิจกรรม ความพร้ อมกิจกรรม
ไม่ ตระหนักถึงปัญหา เพิม่ ความตระหนัก
1. Pre Contemplation ไม่สนใจที่จะปฏิบัติ โดยการให้ ข้อมูล
เพิม่ ความตระหนัก ความเสี่ ยง และ
โดยการให้ ข้อมูลความ ประโยชน์ ของการ
เสี่ ยง และประโยชน์ เปลีย่ นพฤติกรรม
ของการเปลีย่ น
พฤติกรรม
ระยะการ
ระยะการ
เปลีย่ นแปลงสภาวะ เปลีย่ นแปลงสภาวะ
ความพร้ อมกิจกรรม ความพร้ อมกิจกรรม
2. Contemplation เริ่มคิดสนใจที่จะ
ปฏิบัติ อาจจะร่ วม
กิจกรรมยังไม่ แน่ ใจ
การจูงใจการสนับ
สนุน
ระยะการ
เปลีย่ นแปลงสภาวะ
ความพร้ อมกิจกรรม
การจูงใจ
การสนับสนุน
ระยะการ
ระยะการ
ระยะการ
เปลีย่ นแปลงสภาวะ เปลีย่ นแปลงสภาวะ เปลีย่ นแปลงสภาวะ
ความพร้ อมกิจกรรม ความพร้ อมกิจกรรม ความพร้ อมกิจกรรม
ตัดสิ นใจที่จะร่ วม
ให้ มีการวางแผนทีจ่ ะ
3. Decision /
Determination กิจกรรมหรือปฏิบัติ ปฏิบัตกิ าหนด
แต่ ยงั ไม่ ปฏิบัติจริงจัง เป้าหมาย
ให้ มีการวางแผนที่จะ
ปฏิบัตกิ าหนด
เป้าหมาย
ระยะการ
ระยะการ
ระยะการ
เปลีย่ นแปลงสภาวะ เปลีย่ นแปลงสภาวะ เปลีย่ นแปลงสภาวะ
ความพร้ อมกิจกรรม ความพร้ อมกิจกรรม ความพร้ อมกิจกรรม
ลงมือปฏิบัติ
ให้ มีการสะท้ อนการ
4. Action
ปฏิบัติ การแก้ ปัญหา
การสนับสนุนทาง
สั งคม การเสริมแรง
ให้ กาลังใจ
ระยะการ
ระยะการ
เปลีย่ นแปลงสภาวะ เปลีย่ นแปลงสภาวะ
ความพร้ อมกิจกรรม ความพร้ อมกิจกรรม
5. Maintenance ปฏิบัติจริงจัง
สม่าเสมอ
ระยะการ
เปลีย่ นแปลงสภาวะ
ความพร้ อมกิจกรรม
ให้ กาหนดทางเลือกที่
เหมาะสม และมั่นคง
การป้องกันการกลับ
ไปมีพฤติกรรมเดิม
สภาวะความพร้ อม
Pre-contemplation
Contemplation
.Decision / Determination
.Action
.
Maintenance
• กิจกรรม
• เพิม่ ความตระหนัก โดยการให้
ข้ อมูลความเสี่ ยง และประโยชน์
ของการเปลีย่ นพฤติกรรม
• การจูงใจ การสนับสนุน
• ให้ มีการวางแผนที่จะปฏิบัติ
กาหนดเป้าหมาย
• ให้ มีการสะท้ อนการปฏิบัติ การ
แก้ ปัญหา การสนับสนุนทาง
สั งคม การเสริมแรง ให้ กาลังใจ
• ให้ กาหนดทางเลือกที่เหมาะสม
และมัน่ คง การป้ องกันการ
กลับไป การป้ องกันการกลับไปมี
พฤติกรรมเดิม