การสืบพันธุ์ (Reproduction)

Download Report

Transcript การสืบพันธุ์ (Reproduction)

สื่ อการสอน
รายวิชา ชีววิทยา
ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 6
ผู้สอน นายบัญชา ฤทธิ์มงั กร
กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์
เรื่อง การสื บพันธ์ ุ
การสื บพันธุ์
(Reproduction)
หมายถึง กระบวนการทีท่ าให้เกิดสิง่ มีชวี ติ ตัวใหม่ขน้ึ มาจากสิง่ มีชวี ติ
ชนิดเดียวกัน โดยทีส่ งิ่ มีชวี ติ รุน่ ใหม่ทเ่ี กิดขึน้ จะทดแทนสิง่ มีชวี ติ รุน่ เก่าที่
ตายไป ทาให้สงิ่ มีชวี ติ เหลือรอดอยูไ่ ด้โดยไม่สญ
ู พันธุ์
2. ความสาคัญของการสืบพันธุ์
1.ทาให้เกิดหน่ วยของสิ่งมีชีวิตขึน้ มาใหม่ ทดแทนชีวิตเดิมที่ตายไป
2.การสืบพันธุแ์ บบอาศัยเพศทาให้เกิด ความผันแปรของลักษณะ ซึ่ง
เป็ นกลไกของการดารงชีวิต
3.การสืบพันธุเ์ ป็ นตัวตัดสินว่าอะไรเป็ นสิ่งมีชีวิตหรือไม่
3.ประเภทของการสืบพันธุ์
การสืบพันธุม์ ี 2 วิธี คือการสืบพันธุแ์ บบไม่
อาศัยเพศ และการสืบพันธุแ์ บบอาศัย
เพศ
1.การสืบพันธุแ์ บบไม่อาศัยเพศ (Asexual
Reproduction)
2.การสืบพันธุแ์ บบอาศัยเพศ (Sexual
Reproduction)
สัตว์บางชนิดสามารถสืบพันธุท์ งั ้ แบบอาศัย
เพศและแบบไม่อาศัยเพศ
เช่น ไฮดรา การสืบพันธุแ์ บบไม่อาศัยเพศ
ของไฮดราจะใช้วธิ กี ารแตกหน่อ
4.การเพิ่มจานวนเซลล์
(cellmultiplication)
5.การสืบพันธุแ์ บบไม่อาศัยเพศ (asexual reproduction)
เป็ นการสืบพันธุท์ ไ่ี ม่ตอ้ งอาศัยเซลล์สบื พันธุ์ (sex cell) เป็ นการสืบพันธุท์ ส่ี ร้าง
หน่วยใหม่ขน้ึ มาจากสิง่ มีชวี ติ เดิม การสืบพันธุแ์ บบนี้พบตัง้ แต่สงิ่ ทีม่ ชี วี ติ ทีย่ งั
ไม่เป็ นเซลล์ พวกเซลล์เดียว และพวกหลายเซลล์ไปจนถึงพืชชัน้ สูง
การสืบพันธุแ์ บบไม่อาศัยเพศสามารถแบ่งได้ดงั นี้
1.) การแตกหน่อ (Budding)
เช่น ยีสต์ ไฮดราฟองน้า ในพืชชัน้ สูงก็มพี วก ขิง ข่า กล้วย หน่อไม้ เป็ น
ต้น
2.)การแบ่ง ตัวออกเป็ นสอง (Binary Fission)
ได้แก่ อะมีบา พารามีเซียม ยูกลีนา และแบคทีเรีย
3.) พาร์ธีโนเจเนซิส (Parthenogenesis)
ิ่ งไม้ เพลี้ย ไรน้า
เช่น ตักแตนก
๊
4 .) การงอกใหม่ (Regeneration)
ได้แก่ ดาวทะเล พลานาเรีย
5.)การสร้างสปอร์ (Spore Formation)
ได้แก่ เชื้อราไฮฟรา
6.)การขาดออกเป็ นท่ อน (Fragmentation)
เช่น สาหร่ ายทะเล(สาหร่ ายสี เขียวแกมน้ าเงิน)
6.การสืบพันธุแ์ บบอาศัยเพศ (sexual reproduction)
เป็ นการสืบพันธุท์ ผ่ี ลิตสิง่ มีชวี ติ ใหม่ขน้ึ มาด้วยการรวมตัวของหน่วย
พันธุกรรมการรวมตัวของเซลล์สบื พันธุเ์ รียกว่าปฏิสนธิ (fertilization)
กลายเป็ นเซลล์เริม่ ต้นของสิง่ มีชวี ติ รุน่ ต่อไป
ไข่ (Egg)
ลักษณะกลมหรื อรี เคลื่อนที่ไม่ได้ ไข่ของสัตว์มกั มีอาหารสะสมอยู่
เพื่อเลี้ยงตัวอ่อนที่อยูภ่ ายในไข่เซลล์ไข่ส่วนมากมักจะมีสิ่งห่อหุม้
เพื่อป้ องกันการกระทบกระเทือนจากสิ่ งแวดล้อม
ตัวอสุจิ (Sperm)
มีขนาดเล็กกว่าไข่มาก ส่ วนประกอบอยู่ 3 ส่ วน คือ หัว (head) ลาตัว
(body) และหาง (tail) ส่ วนหัวจะมีนิวเคลียสเป็ นส่ วนประกอบ เคลื่อนที่โดย
ใช้หางตัวอสุ จิจะมีขนาดเล็กกว่าไข่มาก และมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า และจะเคลื่อนที่
ได้เร็ วเพราะมีส่วนหางช่วยในการเคลื่อนที่เพื่อสะดวกในการเข้าผสมกับไข่
เมื่อตัวอสุจิผสมกับไข่จะเกิด การปฏิสนธิ (Fertilization) ขึน้
การปฏิสนธิ (Fertilization) แบ่งออกเป็ น 2 ชนิด คือ
1.)การปฏิสนธิภายใน (Internal Fertilization)
ตัวอสุจจิ ากสัตว์เพศผูเ้ ข้าผสมกับไข่ซง่ึ ยังอยูใ่ นตัวของสัตว์เพศเมีย
ได้แก่ สัตว์เลีย้ งลูกด้วยนม ปลาทีอ่ อกลูกเป็ นตัว เช่น ปลาหางนกยูง
2.)การปฏิสนธิภายนอก (External Fertilization)
การผสมระหว่างไข่และตัวอสุจภิ ายนอกตัวของสัตว์เพศเมีย โดย
ทีเ่ พศผูจ้ ะปล่อยเชือ้ อสุจอิ อกมา และเพศเมียจะปล่อยไข่ออกมา
เพือ่ ผสมกับตัวอสุจิ ได้แก่ สัตว์ครึง่ น้าครึง่ บก เช่น กบ เป็ นต้น
ปลาต่าง ๆ และสัตว์น้าทีอ่ อกลูกเป็ นไข่ทุกชนิด
7.การสืบพันธุข์ องคน
การสืบพันธุข์ องคนมีการรวมตัวกันของอสุจกิ บั เซลล์ไข่ใน
ร่างกายของเพศหญิงเกิดเป็ นไซโกต จากนัน้ ไซโกตจึงเริม่ แบ่ง
เซลล์และเจริญเติบโตเป็ นเอ็มบริโอ เอ็มบริโอทีมอี ายุเข้าสู่
เดือนที่ 3 ของการตัง้ ครรภ์และเมือ่ ครบ 9 เดือน จะคลอด
ออกมาเป็ นทารก
ระบบสืบพันธุเ์ พศชาย (Male Reproductive System)
เป็ นระบบทีท่ าหน้าทีใ่ นการสร้างเซลล์สบื พันธุ์ คือ sperm และทาหน้าที่
ในการนาส่ง sperm เข้าไปในอวัยวะสืบพันธุเ์ พศหญิงเพือ่ ผสมกับเซลล์ไข่
ต่อไป นอกจากนี้ยงั ทาหน้าทีส่ ร้าง hormone เพศชายอีกด้วย
อวัยวะสืบพันธุเ์ พศชาย ( male genital organ) อวัยวะสืบพันธุ์
เพศชายแบ่งออกเป็ น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ
1.อวัยวะสืบพันธุเ์ พศชายภายนอก ( external male genital
organ) เป็ นอวัยวะส่วน ทีส่ ามารถมองเห็นได้จากภายนอก
2. อวัยวะสืบพันธุเ์ พศชายภายใน ( internal male genital
organ) เป็ นส่วนทีไ่ ม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก
1. ลึงค์ ( penis)
2. ถุงอัณฑะ ( scrotum หรือ scrotal sec)
น้ากาม ( semen)
น้ากาม ( semen) หรือน้าอสุจขิ องการร่วมเพศ น้ากามเกิดจากต่อม
คัลเพอร์แต่ละครัง้ มีประมาณ 3 cm³ ประกอบด้วยของเหลวจากต่อม
ต่างๆ คือ เซมินลั ฟลูอดิ พรอสเทติกฟลูอดิ และของเหลวจากต่อมคาวเพอร์
และอสุจอิ กี ประมาณ 300-500 ล้านตัว น้ากามจะมีสขี าว ทึบแสง มีกลิน่
เฉพาะตัว การหลังน
่ ้ากามเกิดจากการหดและแข็งตัวของกล้ามเนื้อตามท่อและ
เซมินลั เวซิเคิล
Spermatogenic cell
Spermatogenic cell เป็ นกลุ่มของเซลล์สบื พันธุเ์ พศชายจะมีการแบ่งตัว
และเปลีย่ นตัง้ แต่ spermatogonia จนกลายไปเป็ น sperm เรียก
กระบวนการนี้วา่ spermatogenesis ซึง่ ใช้เวลานานประมาณ 64 วัน
แบ่งออกเป็ นระยะต่าง ๆ ได้ 4 ระยะคือ
1.spermatocytogenesis
2.meiosis
- meiosis I เป็ นการแบ่งเซลล์จาก primary spermatocyte กลายเป็ น secondary
spermatocyte
- meiosis II เป็ นการแบ่งเซลล์จาก secondary spermatocyte กลายเป็ น
spermatid
3.spermiogenesis
4.spermiation
รูปที่ 5 ลักษณะโครงสร้างของอสุจิ
ระบบสืบพันธุเ์ พศหญิง (Female Reproductive System)
อวัยวะสืบพันธุภ์ ายใน
อวัยวะเพศภายนอก (external genitalia)
การตกไข่และการมีประจาเดือน
8.การเติบโตของสิ่งมีชีวิต
1.การเพิ่มจานวนเซลล์
-ในสิง่ มีชวี ติ เซลล์เดียว การแบ่งเซลล์ถอื ว่าเป็ น
การสืบพันธุ์
-สิง่ มีชวี ติ หลายเซลล์ การแบ่งเซลล์เป็ น
การเพิม่ จานวนเซลล์ให้มากขึน้
2. การเพิ่มขนาดเซลล์
เป็ นกระบวนการสะสมและสังเคราะห์สารอินทรียภ์ ายโมเลกุลของเซลล์ ทาให้โมเลกุลมี
ขนาดใหญ่ขน้ึ หรือมีการรวมกันระหว่างโมเลกุลกับโมเลกุล เป็ นผลให้เซลล์ต้องขยายขนาด
ตามไปด้วย
3. การเปลี่ยนแปลงสภาพของเซลล์
พัฒนาการทางร่างกายของมนุษย์
4. การเกิดรูปร่างที่แน่ นอน
9.การเจริญของสิ่งมีชีวิต
ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโต
1.ศักยภาพของการถ่ายทอดลักษณะทาง
2. ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม
2.1 ปจั จัยทางชีวภาพ การเติบโตทีผ่ ดิ ปกติอาจเป็ นผลมาจากสิง่ มีชวี ติ ที่
ดารงชีวติ อยูด่ ว้ ยกัน
2.2 ปจั จัยทางกายภาพ
2.2.1 ปจั จัยเกีย่ วกับพลังงาน ได้แก่ ความร้อน แสง เสียง เป็ นต้น
2.2.2 ปจั จัยเกีย่ วกับสารเคมี สารเคมีทม่ี ผี ลต่อการเจริญเติบโต คือ
ฮอร์โมน เนื่องจากฮอร์โมน และสารทีเ่ กีย่ วข้องโมน จะควบคุมการทางานของ
ระบบต่างๆ ในร่างกายให้เป็ นปกติ
10.แบบแผนและลาดับขัน้ ตอนของการเจริญของสัตว์ชนั ้ สูง
การเจริญเติบโตของสัตว์ชนั ้ สูง มี 3 กระบวนการ คือ
1. การแบ่งตัวของไซโกต (Cleavage)
1.1โฮโลบลาสติก
คลีเวจ (Holoblastic
cleavage)
1.2 เมอโรบลาสติก คลีเวจ (Meroblastic cleavage)
2. บลาสทูเลชัน (Blastulation)
3. แกสทรูเลชัน (Gastrulation)
การเจริญของตัวอ่อนในขัน้ ต่าง ๆ
11.การเจริญระยะเอ็มบริโอของกบการเจริญระยะเอ็มบริโอของกบ
ไข่กบมีลกั ษณะกลม ครึง่ บนมีสเี ทาเข้มเกือบดา ครึง่ ล่างมีสขี าวเหลืองเป็ นบริเวณ
ทีม่ ไี ข่แดงซึง่ เป็ นอาหารสะสมอยูห่ นาแน่น
Egg Cleavage
Morula Blastula Glastrula
การเปลีย่ นแปลงในระยะแกสทรู ลาของเอ็มบริโอกบ
12. การเจริญระยะเอ็มบริโอของไก่
การเจริญระยะเอ็มบริโอของไก่
เซลล์ของไข่ไก่คอื ส่วนทีเ่ รียกว่าไข่แดงเท่านัน้ ไข่ขาวและเปลือกไข่เป็ นส่วนประกอบที่
อยูภ่ ายนอกเซลล์ ไก่มกี ารปฏิสนธิภายในตัว(internal fertilization) เนื้อเยือ่ ทัง้ 3 ชัน้ จะ
เจริญไปเป็ นอวัยวะต่างๆของไก่ นอกจากเจริญไปเป็ นอวัยวะต่าง ๆแล้วยังเจริญไปเป็ น
โครงสร้างทีอ่ ยูน่ อกเอ็มบริโอ (extraembryonic structure) 4 อย่างคือ โครงสร้างเหล่านี้
จาเป็ นสาหรับสิง่ มีชวี ติ ทีอ่ อกลูกเป็ นไข่
1. ถุงไข่แดง (yolk sac)
2.
3.
4.
แอนแลนทอยส์ (allantois)
ถุงน้ าคร่ า (amnion) และคอเรี ยน (chorion)
เปลือกไข่ (shell)
แสดงการพัฒนาของเอ็มบริ โอไก่ภายในไข่ ในช่ วงเวลาต่ าง ๆ
13. การเจริ
มบริ โอของคน
การเจริ ญ
ญเติระยะเอ็
บโตของทารกในครรภ์
1.
การเจริ ญเติบโตของทารกในครรภ์ อาจแบ่งออกได้เป็ น 3 ระยะ
ด้วยกัน คือ
ระยะไข่ตก (Ovulation) 2. ระยะคัพภะ (Embryo) 3. ระยะตัวอ่อน (Fetus)
ญเอ็มนบริ
้งแต่ เริ่มคลีเวจครั้งแรกจนถึงคลอด
การคุ้มภัรูยปให้แสดงการเจริ
ลูกอ่ อนแบ่ งออกเป็
2 โวิอของคนตั
ธี คือ
เอ็มบริ โอพวกนี้จะต้องมีส่วนที่ช่วย
ป้ องกันอันตรายให้แก่เอ็มบริ โอที่อยูภ่ ายใน
เช่น ไข่ไก่ ไข่กบ
2. เอ็มบริ โอที่เจริ ญภายในตัวแม่ เอ็มบริ โอพวกนี้ จะมีความปลอดภัยสู ง
มากเพราะแม่จะเป็ นตัวคุม้ ภัยให้
1. เอ็มบริ โอที่เจริ ญนอกตัวแม่
เมตามอร์ โฟซีส (metamorphosis)หมายถึงการเปลีย่ นแปลงของรูปร่างหลังจากทีอ่ อกมาจากไข่หรือ
ออกมาจากช่องสืบพันธุเ์ พศเมียแล้ว(meta=after, morpho = รูปร่างสัณฐาณ) โดยเปลี่ยนแปลง
รู ปร่ างต่างจากพ่อแม่เป็ นขั้น ๆ จนเป็ นตัวเต็มวัย มีการเกิดอวัยวะใหม่ หรื อ
บางส่ วนหายไป ได้แก่
2.1 สัตว์ครึ่ งบกครึ่ งน้ า
2.2 แมลง ได้แก่ ไส้เดือน ไฮดรา พยาธิ ตวั ตืด
2.3 แมง และกลุ่มอื่น ๆ อีก กุง้ กั้ง ปู
เมตามอร์โฟซีสแบบค่อยเป็ นค่อยไป(Grandual Metamorphosis ,
Paurometabolous)
2. เมตามอร์โฟซีสแบบไม่สมบูรณ์
(Incomplete Metamorphosis , Hemimetabolous)
3. เมตามอร์โฟซีสแบบสมบูรณ์
(Completemetamorphosis , horometabolous)