Document 7383020

Download Report

Transcript Document 7383020

บทที่ 10
กฎหมายทะเล
The Law of the Sea
กอบกุล รายะนาคร
คณะนิติศาสตร์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
วิวฒ
ั นาการของกฎหมายทะเล
• ก่อนศตวรรษที่ 17 เป็ นยุคทะเลปิ ด
• Hugo Grotius เสนอแนวคิดเรื่ อง เสรีภาพใน
ทะเล
• ศตวรรษที่ 18 มีการยอมรับหลักเสรีภาพในทะเล
หลวง ซึ่งกลายเป็ นหลักการพืน้ ฐานของ
กฎหมายระหว่ างประเทศมาจนทุกวันนี้
การประชุมกฎหมายทะเลครั้งที่ 1
United Nations Conference on the Law of
the Sea (UNCLOS I) ค.ศ. 1958
• อนุสัญญาว่ าด้ วยทะเลอาณาเขตและเขตต่ อเนื่อง ค.ศ.
1958
• อนุสัญญาว่ าด้ วยเขตไหล่ ทวีป ค.ศ. 1958
• อนุสัญญาว่ าด้ วยทะเลหลวง ค.ศ. 1958
• อนุสัญญาว่ าด้ วยการอนุรักษ์ ทรัพยากรในทะเลหลวง
ค.ศ. 1958
การประชุมกฎหมายทะเลครั้งที่ 2
UNCLOS II ค.ศ. 1960
• เจรจาเรื่ องความกว้ างของทะเลอาณาเขต แต่
ไม่ ประสบความสาเร็จ
• ข้ อเสนอ Six plus Six Formula ซึ่งกาหนดให้
รัฐชายฝั่งได้ ทะเลอาณาเขต 6 ไมล์ ทะเล และ
เขตประมง 6 ไมล์ ทะเล ขาดคะแนนเสี ยง
รับรองสามในสี่ ไปเพียง 1 คะแนนเสี ยง
การประชุมกฎหมายทะเลครั้งที่ 3
UNCLOS III ค.ศ. 1973-1982
• เนื่องจากกฎหมายทะเลพัฒนาการเปลีย่ นแปลงไป
มาก และเกิดความห่ วงใยเกีย่ วกับทรัพยากรในพื้น
ทะเลลึกและพืน้ สมุทร
• ครอบคลุมหัวข้ อของกฎหมายทะเลอย่างกว้ างขวาง
• ประสบความสาเร็จในการจัดทาอนุสัญญากฎหมาย
ทะเล ค.ศ. 1982 หลังการเจรจากว่ า 9 ปี
อนุสัญญากฎหมายทะเล ค.ศ. 1982
UN Convention on the Law of the Sea
• 320 มาตรา 9 ภาคผนวก
• เป็ นกฎหมายแม่ บทของกฎหมายทะเลที่มีเนื้อหา
ครอบคลุมทุกเรื่ อง รวมทั้งเรื่ องสิ่ งแวดล้ อมในทะเล
• มีผลบังคับใช้ เมื่อ 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 1994
หลังจากที่มีการจัดทาความตกลงแก้ ไขเพิม่ เติม
บทบัญญัติเกีย่ วกับการจัดการทรัพยากรในพื้นทะเล
ลึกและพืน้ สมุทรจนเป็ นทีพ่ อใจแก่ ประเทศพัฒนา
แล้ว
น่ านนา้ ภายใน (Internal Waters)
• น่ านนา้ ภายใต้ อธิปไตยที่อยู่ระหว่ างชายฝั่งกับเส้ นฐานปรกติ
ตามแนวนา้ ลด หรื อกับเส้ นฐานตรง
• เส้ นฐานตรงจะต้ องไม่ หักเหจากแนวชายฝั่งโดยทั่วไปจนเกิน
สมควร
• น่ านนา้ ที่ถูกจัดเป็ นน่ านนา้ ภายในต้ องมีความสั มพันธ์ อย่ าง
ใกล้ ชิดกับผืนแผ่ นดิน
• หากการลากเส้ นฐานตรงมีผลทาให้ น่านนา้ ภายในที่เคยเป็ น
ทะเลอาณาเขตกลายเป็ นน่ านนา้ ภายใน ให้ คงสิ ทธิผ่านโดย
สุ จริตในน่ านนา้ นั้น
ทะเลอาณาเขต (Territorial Sea)
• อยู่ภายใต้ อานาจอธิปไตยของรัฐชายฝั่ง
• เรื อต่ างชาติมีสิทธิผ่านโดยสุ จริต (Right of
Innocent Passage)
• รัฐชายฝั่งมีทะเลอาณาเขตกว้ าง 12 ไมล์ทะเล
• เรื อและอากาศยานต่ างชาติมีสิทธิผ่านช่ องแคบ
(right of transit passage) ที่เป็ นทะเลอาณาเขตได้
สิ ทธิการผ่ านโดยสุ จริต
Right of Innocent Passage
•สิ ทธิของเรื อต่ างชาติในการผ่ านเข้ าไปในทะเลอาณา
เขตของรัฐชายฝั่งโดยไม่ ต้องขออนุญาต
•เป็ นการผ่ านทะเลอาณาเขตโดยไม่ เข้ าไปในน่ านน้า
ภายใน หรื อเพื่อเดินเรื อผ่ านเข้ าไปหรื อออกมาจาก
น่ านน้าภายใน
•อาจหยุดชั่วคราวได้ หากว่ าเป็ นความจาเป็ นในการ
เดินเรื อตามปรกติ หรื อเหตุสุดวิสัยหรื อทุกขภัย
เงื่อนไขการใช้ สิทธิผ่านโดยสุ จริต
• การผ่ านจะถือว่ า “ไม่ สุจริต” หากว่ าเสื่ อมเสี ยต่ อ
สั นติภาพ ความสงบเรียบร้ อย หรื อความมั่นคง
(peace, good order, or security) ของรัฐชายฝั่ง
• รัฐชายฝั่งอาจห้ ามการผ่ านโดยสุ จริตเป็ นการชั่วคราว
ได้ หากมีความจาเป็ นเพื่อความมั่นคง
• เรื อดานา้ จะต้ องโผล่ ขนึ้ เหนือนา้ และแสดงธงของตน
การผ่ านที่ถือว่ า “ไม่ สุจริต” ภายใต้
อนุสัญญาฯ 1982
•การคุกคามและการใช้ กาลังต่ อรัฐชายฝั่ง
•การซ้ อมอาวุธ
•การสอดแนมสื บความลับ
•การโฆษณาชวนเชื่ อ
•การกระทาผิดข้ อบังคับการศุลกากร การเงิน การเข้ า
เมือง และการสาธารณสุ ข
การผ่ านที่ถือว่ า “ไม่ สุจริต” (2)
•การทาการประมง
•การก่อมลพิษอย่ างร้ ายแรง
•การวิจัย และการสารวจ
•การรบกวนการสื่ อสารของรัฐชายฝั่ง
•กิจกรรมใดๆที่ไม่ เกีย่ วข้ องกับการผ่ าน
โดยตรง
การผ่ านของเรื อรบ
• เรื อรบมีสิทธิการผ่ านโดยสุ จริตหรื อไม่ ?
• เรื อรบต้ องแจ้ งให้ ทราบล่ วงหน้ าหรื อได้ รับ
อนุญาตก่ อนเข้ ามาในทะเลอาณาเขต
หรื อไม่
• รัฐมีการปฎิบัติทแี่ ตกต่ างกัน
สิ ทธิในการผ่ านช่ องแคบ
Corfu Channel Case (1949) ICJ
(U.K. v. Albania)
•เรื อต่ างชาติมีสิทธิผ่านโดยสุ จริตในช่ องแคบที่ใช้ ใน
การเดินเรื อระหว่ างประเทศ
•ให้ พจิ ารณาว่ าเป็ นช่ องแคบที่ใช้ ในการเดินเรื อ
ระหว่ างประเทศ โดยดูจากลักษณะทางภูมิศาสตร์ ว่า
เป็ นช่ องแคบที่เชื่ อมระหว่ างส่ วนหนึ่งของทะเลหลวง
กับอีกส่ วนหนึ่งของทะเลหลวงเป็ นสาคัญ
สิ ทธิการผ่ านโดยสุ จริตในช่ องแคบ
ตามอนุสัญญาฯ 1982
การห้ ามชั่วคราวซึ่งสิ ทธิผ่านโดยสุ จริตของเรื อ
ต่ างชาติที่ผ่านช่ องแคบซึ่งใช้ ในการเดินเรื อระหว่ าง
ประเทศจากส่ วนหนึ่งของทะเลหลวง กับอีกส่ วน
หนึ่งของทะเลหลวง หรื อทะเลอาณาเขตของรัฐ
ต่ างประเทศจะกระทามิได้
(รัฐชายฝั่งยังคงมีสิทธิในการห้ ามการผ่ านที่ถือว่ า “ไม่
สุ จริต”)
สิ ทธิการผ่ านช่ องแคบ
(Right of Transit Passage)
•กาหนดขึน้ เป็ นครั้งแรกตามอนุสัญญาฯ ค.ศ. 1982
•เป็ นสิ ทธิในการเดินเรื อและบินผ่ านของเรื อหรื อ
อากาศยานต่ างชาติ เพื่อการผ่ านอย่ างต่ อเนื่องและโดย
ไม่ ชักช้ า (continuous and expeditious transit) ใน
ช่ องแคบที่เชื่ อมระหว่ างทะเลหลวง หรื อ EEZ กับ
ทะเลหลวง หรื อ EEZ
Right of Transit Passage (2)
• รัฐชายฝั่งต้ องไม่ ขัดขวาง หรื อห้ ามชั่วคราว การใช้ สิทธิการ
ผ่ านช่ องแคบ
• เรื อและอากาศยานต่ างชาติ มีหน้ าที่
– เดินเรื อ หรื อบินผ่ านโดยมิชักช้ า
– งดเว้ นการกระทาใดๆทีเ่ ป็ นการคุกคาม และ/หรื อการใช้
กาลังต่ ออธิปไตย บูรณาภาพแห่ งอาณาเขต และเอกราชทาง
การเมืองของรัฐชายฝั่ง
– งดเว้ นการกระทาใดๆทีม่ ใิ ช่ ลกั ษณะปรกติ (normal modes)
ของการผ่ านอย่ างต่ อเนื่องและไม่ ชักช้ า
ช่ องแคบทีไ่ ม่ มี Right of Transit Passage
•ช่ องแคบทีอ่ ยู่ระหว่ างเกาะ และผืนแผ่ นดินของ
รัฐชายฝั่ง หากมีเส้ นทางเดินเรื ออยู่อกี ด้ านหนึ่ง
ที่ให้ ความสะดวกเท่ าเทียมกัน
•ช่ องแคบที่เชื่ อมระหว่ างทะเลหลวง หรื อ EEZ
กับทะเลอาณาเขตของรัฐต่ างประเทศ
•แต่ เรื อต่ างชาติยงั คงมีสิทธิการผ่ านโดยสุ จริตใน
ช่ องแคบทั้งสองประเภทนี้
เขตต่ อเนื่อง (The Contiguous Zone)
• เป็ นเขตทะเลที่ต่อเนื่องออกมาจากทะเลอาณาเขต ซึ่ง
รัฐชายฝั่งประกาศเพื่อวัตถุประสงค์ ในการบังคับใช้
กฎหมายต่ างๆ เช่ น กฎหมายศุลกากร กฎหมายคนเข้ า
เมือง กฎหมายสาธารณสุ ข
• อนุสัญญาฯ ค.ศ. 1982 กาหนดให้ เขตต่ อเนื่องมีความ
กว้ าง 24 ไมล์ ทะเลจากเส้ นฐานทีใ่ ช้ วดั ความกว้ างของ
ทะเลอาณาเขต
เขตไหล่ ทวีป
The Continental Shelf
วิวฒ
ั นาการของเขตไหล่ ทวีป
• 1945 คาประกาศทรูแมน (Truman Proclamation)
อ้ างสิ ทธิในทรัพยากรทีอ่ ยู่ในพืน้ ทะเลในบริเวณทีอ่ ยู่
ประชิดชายฝั่งของสหรัฐอเมริกา
• 1958 อนุสัญญาว่ าด้ วยเขตไหล่ ทวีป
– เขตไหล่ ทวีปได้ แก่ พืน้ ทะเลและดินใต้ พืน้ ทะเลทีอ่ ยู่
ประชิดกับรัฐชายฝั่งไปจนถึงความลึก 200 เมตร หรื อ
ไปจนถึงบริเวณทีค่ วามลึกของนา้ ทะเลเปิ ดให้ แสวง
ประโยชน์ ได้
เขตไหล่ ทวีปตามอนุสัญญาฯ ค.ศ. 1982
เขตไหล่ ทวีปของรัฐชายฝั่งประกอบด้ วยพืน้ ทะเล และ
ดินใต้ พืน้ ทะเลที่ขยายออกไปจากทะเลอาณาเขตไป
จนตลอดส่ วนทอดยาวตามธรรมชาติ (natural
prolongation) จากแผ่ นดินไปจนถึงริมนอกของ
ขอบทวีป (continental margin) หรื อไปจนถึงระยะ
200 ไมล์ ทะเลจากเส้ นฐานที่ใช้ วดั ความกว้ างของ
ทะเลอาณาเขตในกรณีที่ริมนอกของขอบทวีปขยาย
ไปไม่ ถึง 200 ไมล์ ทะเล
กรณีเขตไหล่ ทวีปยาวกว่ า 200 ไมล์ ทะเล
จะต้ องกาหนดริมนอกของขอบทวีป ดังนี้
(1) ณ จุดทีค่ วามหนาอย่ างน้ อยทีส่ ุ ดของหิน
ตะกอนเท่ ากับร้ อยละ 1 ของระยะทางที่ส้ัน
ทีส่ ุ ดจากจุดนั้นไปยังเชิงลาดทวีป
(2) ณ จุดทีห่ ่ างไม่ เกิน 60 ไมล์ทะเล โดยวัดจากเชิง
ลาดทวีป
กรณีเขตไหล่ ทวีปยาวกว่ า 200 ไมล์ ทะเล (ต่ อ)
ไม่ ว่าจะกาหนดโดยใช้ วธิ ี (1) หรื อ (2)
ขอบเขตนอกสุ ดของไหล่ ทวีป จะต้ องไม่ เกิน
350 ไมล์ ทะเล วัดจากเส้ นฐาน หรื อไม่ เกิน
100 ไมล์ ทะเลโดยวัดจากจุดทีน่ า้ ทะเลมี
ความลึก 2,500 เมตร
สิ ทธิของรัฐชายฝั่งในเขตไหล่ ทวีป
•รัฐชายฝั่งมีสิทธิอธิปไตย (sovereign right) ในการ
สารวจและแสวงประโยชน์ จากทรัพยากรธรรมชาติใน
เขตไหล่ ทวีป ได้ แก่ ทรัพยากรธรรมชาติที่ไม่ มีชีวติ
และอินทรีย์ภาพทีม่ ชี ีวติ ประเภทติดอยู่กบั ที่ หรื อไม่
สามารถเคลื่อนที่ได้ เว้ นแต่ จะสั มผัสทางกายภาพกับ
พืน้ ทะเลตลอดเวลา
• สิ ทธินีไ้ ม่ ขนึ้ อยู่กบั การครอบครองหรื อการกล่ าวอ้ าง
หรื อการออกประกาศใดๆ
สิ ทธิของรัฐชายฝั่งในเขตไหล่ ทวีป (2)
• ในกรณีทเี่ ขตไหล่ ทวีปขยายออกไปเกิน 200 ไมล์ ทะเล ต้ อง
แบ่ งผลประโยชน์ ทไี่ ด้ จากไหล่ ทวีปส่ วนส่ วนทิ่ย่ ูเกิน 200
ไมล์ ทะเลให้ แก่ องค์ การพืน้ ทะเลระหว่ างประเทศ
(International Seabed Authority หรื อ the Authority)
โดยให้ เริ่มจ่ ายหลังจากปี ที่ 5 ไปจนถึงปี ที่ 12
• ผลประโยชน์ ทไี่ ด้ ให้ นามาแบ่ งให้ รัฐอื่นโดยให้ คานึงถึง
ประเทศกาลังพัฒนา โดยเฉพาะประเทศทีย่ ากจนและรัฐไร้
ชายฝั่ง
สิ ทธิของรัฐอื่นในเขตไหล่ ทวีป
• สิ ทธิของรัฐชายฝั่งในเขตไหล่ ทวีปไม่ กระทบถึงน่ านนา้ ทีอ่ ยู่
เหนือในฐานะทีเ่ ป็ นทะเลหลวง และไม่ กระทบถึงสถานะของ
ห้ วงอากาศทีอ่ ยู่เหนือน่ านนา้
• รัฐชายฝั่งไม่ อาจขัดขวางการวางและบารุงรักษาสายและท่ อ
ใต้ นา้
• การแสวงประโยชน์ ของรัฐชายฝั่งจะต้ องไม่ กระทบกระเทือน
โดยปราศจากเหตุผลอันสมควรต่ อการเดินเรื อ การประมง
และการอนุรักษ์ ทรัพยากรทีม่ ชี ีวติ ในทะเล
การแบ่ งเขตไหล่ทวีป
North Sea Continental Shelf Cases (1969)
• หลักระยะห่ างเท่ ากัน (Equidistance) ไม่ ใช่ หลักกฎหมาย
ระหว่ างประเทศ ที่จะใช้ ในการแบ่ งเขตไหล่ทวีปในทุกกรณี
• หลักในการแบ่ งเขตไหล่ทวีปตามกฎหมายระหว่ างประเทศ
คือ “การแบ่ งเขตจะต้ องเป็ นไปตามข้ อตกลง โดยยึดหลัก
ความยุตธิ รรม และโดยคานึงถึงสถานการณ์ ต่างๆที่เกี่ยวข้ อง
เพื่อให้ แต่ ละรัฐได้ รับไหล่ ทวีปที่ทอดยาวออกไปตาม
ธรรมชาติจากแผ่ นดินของตนให้ มากที่สุดเท่ าทีจ่ ะกระทาได้
โดยไม่ ลา้ เข้ าไปในส่ วนทีท่ อดออกไปตามธรรมชาติของรัฐ
อื่น”
การแบ่ งเขตไหล่ทวีปตาม
อนุสัญญาฯ ค.ศ. 1982
Article 83
• การแบ่ งเขตไหล่ ทวีปจะกระทาโดยข้ อตกลงระหว่าง
กันบนพืน้ ฐานของกฎหมายระหว่ างประเทศ
เพื่อทีจ่ ะได้ การแก้ ไขปัญหาทีย่ ตุ ธิ รรมทีส่ ุ ด
Article 74
• ให้ นาเอาหลักตาม Article 83 มาใช้ บังคับกับการแบ่ ง
เขตเศรษฐกิจจาเพาะโดยอนุโลม
เขตเศรษฐกิจจาเพาะ
Exclusive Economic Zone (EEZ)
•วิวฒ
ั นาการมาจากเขตประมงในช่ วง
ปลายทศวรรษ 60 และทศวรรษ 70
•อนุสัญญาฯ ค.ศ. 1982 รับรองเขต EEZ
เป็ นระยะกว้ าง 200 ไมล์ ทะเลวัดจาก
เส้ นฐานทีใ่ ช้ วดั ความกว้ างของทะเล
อาณาเขต
สิ ทธิของรัฐชายฝั่งใน EEZ
รัฐชายฝั่งมีสิทธิอธิปไตย (sovereign rights) เพื่อ
การสารวจและแสวงประโยชน์ จากทรัพยากรทั้ง
ทีม่ ชี ีวติ และไม่ มชี ีวติ ทีอ่ ยู่ในน่ านนา้ พืน้ ทะเล
และดินใต้ พืน้ ทะเล และการแสวงประโยชน์ ทาง
เศรษฐกิจอื่นๆ เช่ น การผลิตพลังงานจากนา้
กระแสนา้ และลม
สิ ทธิของรัฐชายฝั่งใน EEZ (2)
• รัฐชายฝั่งมีอานาจทางกฎหมาย (jurisdiction)
เหนือสิ่ งก่อสร้ าง การใช้ เกาะเทียม สิ่ งติดตั้งและ
โครงสร้ างต่ างๆ การวิจัยค้ นคว้ าทางวิทยาศาสตร์
และการคุ้มครอง และการสงวนรักษา
สิ่ งแวดล้อมในทะเล
• รัฐอื่นๆยังคงมีเสรีภาพในการเดินเรื อ บินผ่ าน
การวางสายเคเบิลและท่ อใต้ ทะเล
หน้ าที่ของรัฐชายฝั่งใน EEZ
• ต้ องจัดการทรัพยากรสั ตว์นา้ มิให้ มีการแสวงประโยชน์
เกินสมรรถภาพของการผลิต โดยจะต้ องกาหนดปริมาณ
สั ตว์ นา้ ทีจ่ ะอนุญาตให้ จบั ได้ (allowable catch)
• ต้ องยอมให้ รัฐอื่นทีอ่ ยู่ในภูมภิ าคเดียวกันเข้ ามาแสวง
ประโยชน์ จากทรัพยากรธรรมชาติทมี่ ีชีวติ ทีเ่ ป็ นส่ วนเกิน
(surplus) โดยให้ คานึงถึงรัฐไร้ ฝั่งทะเล (land-locked
states) และรัฐทีเ่ สี ยเปรียบทางภูมศิ าสตร์ เป็ นพิเศษ ทั้งนี้
ให้ ขนึ้ อยู่กบั ข้ อตกลงระหว่ างทั้งสองฝ่ าย
ข้ อสั งเกตเกีย่ วกับ EEZ
• การประกาศ EEZ ของประเทศเพื่อนบ้ านทาให้ ไทย
สู ญเสี ยพืน้ ทีท่ าการประมง
• EEZ ให้ ท้งั สิ ทธิและหน้ าทีแ่ ก่ รัฐชายฝั่ง
• หากรัฐชายฝั่งรับแต่ สิทธิ แต่ ไม่ ทาหน้ าที่ เช่ น ไม่ จัดการ
ทรัพยากรสั ตว์ นา้ อย่ างยัง่ ยืน หรื อไม่ สงวนรั กษา
สิ่ งแวดล้ อมใน EEZ ของตน ก็ย่อมก่ อให้ เกิดผลกระทบ
ต่ อรัฐอื่นอย่ างหลีกเลีย่ งไม่ ได้
ทะเลหลวง (High Seas)
• ทะเลทั้งหมดทีไ่ ม่ จดั อยู่ใน น่ านนา้ ภายใน
ทะเลอาณาเขต EEZ หรื อน่ านนา้ หมู่เกาะ
ของรัฐหมู่เกาะ
• รัฐต่ างๆย่ อมมีสิทธิเท่ าเทียมกันในการใช้
ทะเลหลวง
เสรีภาพในทะเลหลวง
1. การเดินเรื อ และบินผ่ าน
2. การทาประมง
3. การวางสายเคเบิลและท่ อใต้ ทะเล
4. เสรีภาพในการสร้ างเกาะเทียมและสิ่ งติดตั้งอื่นๆ
5. การค้ นคว้ าวิจัยทางวิทยาศาสตร์
รัฐต้ องคานึงถึงประโยชน์ ของรัฐอื่นที่จะใช้
เสรีภาพดังกล่าวด้ วย
การใช้ ทะเลหลวงเพื่อทดสอบอาวุธ
Nuclear Tests Case (1974) ICJ
• ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ร้องขอให้ ศาลมีคาสั่ งให้
ฝรั่งเศสยุตกิ ารทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ เนื่องจากเป็ นการ
ใช้ ทะเลหลวงโดยมิชอบและเป็ นการละเมิดอานาจ
อธิปไตยของทั้งสองประเทศ
• ICJ มิได้ วนิ ิจฉัยประเด็นดังกล่ าว ด้ วยเหตุผลว่ าฝรั่งเศส
ได้ ประกาศว่ าจะไม่ ทาการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ ในชั้น
บรรยากาศอีกต่ อไป
การจัดการทรัพยากรในพืน้ ทะเลลึก
และพืน้ สมุทร และดินทีอ่ ยู่ใต้
(Deep Seabed and Ocean Floor
and Subsoil Thereof)
ตามอนุสัญญาฯ ค.ศ. 1982
• มีก้อนแมงกานีส (manganese nodules) ทีส่ ามารถ
นามาถลุงเอาแร่ แมงกานีส นิกเกิล ทองแดง และโค
บอลท์
• อนุสัญญาฯ ค.ศ. 1982 กาหนดให้ ทรัพยากรในพืน้
ทะเลลึกและพืน้ สมุทรทีอ่ ยู่นอกเขตอานาจรัฐ (the
Area) เป็ นมรดกร่ วมกันของมนุษยชาติ (common
heritage of mankind)
• มีองค์ การพืน้ ทะเลระหว่ างประเทศ หรื อ the
Authority เป็ นองค์ กรทีค่ วบคุมการแสวงประโยชน์
จาก the Area
การแสวงประโยชน์ ในพืน้ ทะเลลึกและพืน้ สมุทร
• ต้ องได้ รับอนุญาตจาก the Authority
• The Authority มีองค์ กรทีเ่ รียกว่ า the Enterprise ซึ่ง
สามารถร่ วมแสวงประโยชน์
• ผลประโยชน์ ทไี่ ด้ จาก the Area ให้ นามาแบ่ งให้ แก่ รัฐอื่น
อย่ างยุตธิ รรมโดยคานึงถึงประเทศกาลังพัฒนา
• มีการจัดทา New York Agreement ค.ศ. 1994 เพื่อแก้ ไข
เพิม่ เติมบทบัญญัตใิ นส่ วนนี้ และเพื่อให้ ลดการคัดค้ าน
จากประเทศพัฒนาแล้ ว