คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน ในแปลงนา นาเสนอโดย นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์ “คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ” “คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ” “คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ” “คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ” “คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ” บทที่ 1 การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา 1.1 ประวัติและความเป็ นมา “คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ” 1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน ในแปลงไร่ นา จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้ 1.

Download Report

Transcript คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน ในแปลงนา นาเสนอโดย นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์ “คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ” “คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ” “คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ” “คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ” “คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ” บทที่ 1 การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา 1.1 ประวัติและความเป็ นมา “คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ” 1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน ในแปลงไร่ นา จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้ 1.

Slide 1

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 2

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 3

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 4

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 5

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 6

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 7

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 8

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 9

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 10

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 11

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 12

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 13

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 14

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 15

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 16

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 17

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 18

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 19

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 20

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 21

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 22

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 23

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 24

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 25

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 26

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 27

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 28

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 29

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 30

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 31

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 32

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 33

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 34

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 35

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 36

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 37

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 38

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 39

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 40

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 41

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 42

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 43

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 44

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 45

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 46

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 47

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 48

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 49

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 50

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 51

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 52

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 53

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 54

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 55

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 56

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 57

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 58

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 59

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 60

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 61

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 62

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 63

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 64

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 65

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 66

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 67

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 68

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 69

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 70

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 71

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 72

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 73

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 74

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 75

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 76

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 77

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”


Slide 78

คู่มอื การออกแบบระบบชลประทาน
ในแปลงนา
นาเสนอโดย

นายสุ ทธิชัย พุทธิรัตน์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 1
การพัฒนาระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
1.1 ประวัติและความเป็ นมา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

1.2 ลักษณะของการพัฒนาระบบชลประทาน
ในแปลงไร่ นา
จาแนกได้ เป็ น 2 ลักษณะงานดังนี้
1. งานคันคูนา้
2. งานจัดรูปทีด่ นิ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินงานคันคูนา้ โดยใช้ พระราชบัญญัติ คันและคูนา้ พ.ศ. 2505
ซึ่งแบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ

ก. คันคูนา้ แบบเส้ นตรง
ลักษณะ - คูส่งนา้ แยกออกจากคลองทุกระยะห่ างประมาณ 300 – 400เมตร
- สร้ างอาคารบังคับนา้ ในคูส่งนา้ เท่ าทีจ่ าเป็ น

ข. คันคูนา้ แบบลัดเลาะแนวเขตแปลง
ลักษณะ -คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ที่ดิน
- สร้ างทางลาเลียงขนานคูส่งนา้ เฉพาะเท่ าทีจ่ าเป็ นและราษฎร
ยินยอม

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การดาเนินการงานจัดรูปทีด่ ินโดยใช้ พระราชบัญญัติ จัดรู ปที่ดน
ิ เพือ่
เกษตรกรรม พ.ศ. 2517ซึ่ง แบ่ งเป็ น 2 แบบคือ

1. จัดรู ปทีด่ นิ สมบูรณ์ แบบ ( Intensive Development )
ลักษณะ- คูส่งนา้ , คูระบายนา้ และทางลาเลียงถึงทุกแปลงเพาะปลูก
- จัดรูปแปลงเพาะปลูกใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงรูปร่ าง โยกย้ ายเขต
แปลงกรรมสิ ทธิ์ ที่ดิน หรือรวมทีด่ ินหลายแปลงเจ้ าของเดียวกันให้ เป็ น
แปลงเดียวกันและจัดรูปแปลงให้ เป็ นรูปสี่ เหลีย่ มผืนผ้ า
- ปรับระดับพืน้ ดินในแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. จัดรู ปทีด่ นิ แบบพัฒนาบางส่ วน ( Extensive Development )
ลักษณะ - คูส่งนา้ และคูระบายนา้ ลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์
เดิม ตามความลาดเทของพืน้ ทีผ่ ่ านทุกแปลงหรือเกือบทุกแปลง (ไม่ น้อย
กว่ า 70 % )
- สร้ างทางลาเลียงสายหลัก หรือสายรองตามความจาเป็ น
- ไม่ ปรับระดับพืน้ ทีใ่ นแปลงเพาะปลูก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 2
เกณฑ์ ในการออกแบบ ( Design Criteria )
ระบบชลประทานในแปลงไร่ นา
ประเภทงานคันคูนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2.1 การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ
การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ ใช้ กาหนดขนาดของระบบส่ งนา้ ใน
แปลงไร่ นา จะยังยึดเอาข้ าวเป็ นหลักในการคิด ถึงแม้ ว่าการปลูก
พืชไร่ จะได้ ผลตอบแทนสู งกว่ าแต่ เกษตรกรส่ วนใหญ่ ยงั คุ้นเคย
กับการปลูกข้ าวอยู่ เนื่องจากความต้ องการนา้ สู งสุ ดของข้ าว
เกิดขึน้ ในขณะเตรียมแปลง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีตหัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
เนาวรัตน์ ป้อมทอง (2526) ได้ให้ แนวความคิดว่า
1. การคานวณหาปริมาณนา้ เพือ่ การออกแบบ ควรจะคิดจาก
ปริมาณการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวขณะเจริญเติบโตในช่ วงแล้ งทีส่ ุ ด
2. ความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดของข้ าวในฤดูแล้ งจะเป็ นความลึก
ประมาณ 10 มม./วัน ซึ่งได้ มาจาก Evapotranspiration รวมกับ
Deep Percolation
3. เป้าหมายของการส่ งนา้ คือ การให้ นา้ แต่ ละแปลงครั้งละ 70 ม.ม.
เพือ่ ให้ ข้าวใช้ นา้ ไปจนครบ 1 สั ปดาห์

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4. ถ้ าต้ องการ Soaking เพือ่ ไถครั้งแรกและเตรียมแปลงต้ นกล้ าอาจให้
1
นา้ เข้ าแปลงนาเพียง ของพืน้ ที่นาทั้งหมดจะได้ นา้ 70 x 3 = 210 ม.
3
1
ม. ซึ่งเพียงพอสาหรับ Soaking และไถ ของพืน้ ที่ท้งั หมดให้ เสร็จ
3
ในหนึ่งสั ปดาห์ โดยสามารถไถครั้งแรกเสร็จใน 3 สั ปดาห์ ซึ่งต้ นกล้ า
จะโตพอทีป่ ักดาได้ ในสั ปดาห์ ที่ 4
5. การปักดาจะใช้ วธิ ีการให้ นา้ เหมือนการให้ นา้ เพือ่ เตรี ยมไถ
(Soaking) ไปจนเสร็จ
6. ต้ องกาหนดรอบเวรในการส่ งนา้ ให้ แน่ นอนแต่ ในกรณีที่มีฝนตกก็
สามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณนา้ ที่จะส่ งให้ น้อยลงได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังกล่ าวสามารถคานวณเป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่
นาได้ ดงั นี้
1. ข้ าวต้ องการนา้ สู งสุ ด 10 มิลลิเมตร / วัน เท่ ากับ 0.01 เมตร/วัน
2. พืน้ ที่ส่งนา้ 1 ไร่ เท่ ากับ 1,600 ตารางเมตร
3. พืน้ ที่ 1 ไร่ ต้ องการนา้ เท่ ากับ 1,600 x 0.01 เท่ ากับ 16 ลูกบาศก์
เมตร/วัน
4. ถ้ า Conveyance efficiency = 0.80 ดังนั้นต้ องการนา้ = 16/0.80
หรือเท่ ากับ 20 ลูกบาศก์ เมตร/วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

5. เป็ นค่ าชลภาระในแปลงไร่ นา ( Water Duty )
=

20
24 x 60 x 60

= 0.00023
=

0.23

ลูกบาศก์ เมตร/วินาที
ลูกบาศก์ เมตร/วินาที

ลิตร/วินาที/ไร่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากแนวความคิดดังที่กล่ าวมาแล้ ว ส่ วนออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงนามีความเห็นว่ า ปริมาณนา้ สู งสุ ดทีจ่ ะมากาหนดขนาดคูส่ง
นา้ นั้นจะต้ องพิจารณาทั้งกรณีความต้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดในระยะทีพ่ ชื
ใช้ นา้ เพือ่ การเจริญเติบโตและความต้ องการใช้ นา้ เพือ่ การเตรียม
แปลง ซึ่งใช้ ปริมาณนา้ มากกว่ าแต่ เป็ นระยะสั้ น ๆ เพียง 20 - 30 วัน
เท่ านั้น

จึงสรุปได้ ว่า ค่ าชลภาระ 0.23 ลิตร/วินาที/ไร่ เป็ นค่ าที่
เหมาะสมในการนามาใช้ คานวณออกแบบระบบชลประทานในแปลง
ไร่ นา( เนาวรัตน์ ป้ อมทอง 2526 )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• ข้ อสั งเกต จะเห็นได้ ว่า ค่ าชลภาระในแปลงไร่ นามีค่าสู งกว่ าใน
ระบบของคลองส่ งนา้ ซึ่งไพฑูรย์ พะลายะสุ ต (2535) ได้ เขียน
บทความเกีย่ วกับการปรับปรุงค่าชลภาระตามขนาดเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ โดยให้
ความเห็นว่ า การใช้ ค่าชลภาระเพือ่ กาหนดขนาดคลองนั้นเมื่อพิจารณา
จากตัวเลขเพียงอย่ างเดียว น่ าจะใช้ ค่าชลภาระที่หาได้ ตัวเดียวกันนั้น
คานวณความจุของคลองซึ่งมีเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ มากน้ อย เท่ าใดก็ได้ แต่ ในทาง
ปฏิบัติปรากฏว่ า เมื่อคิดตามหลักการดังกล่าวจะเกิดปัญหาสาหรับคลอง
ซอย,คลองแยกซอยหรือคูนา้ ทีค่ วบคุมพืน้ ทีน่ ้ อย กล่าวคือความจุของ
คลองจะน้ อยกว่ าความต้ องการ ซึ่งโดยเฉพาะในช่ วงทีต่ ้ องการใช้ นา้
เต็มทีฉ่ ะนั้นในวงการชลประทานต่ างประเทศ จึงได้ หาทางแก้ปัญหา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
โดยปรับค่ าชลภาระสาหรับเนือ้ ทีส่ ่ งนา้ ขนาดเล็กให้ สูงกว่ าเนือ้ ทีส่ ่ ง
นา้ ขนาดใหญ่ ทั้งนีเ้ พือ่ ให้ เกิดการคล่องตัวสาหรับการบริหารงานส่ งนา้
โดยให้ มีอุปสรรคน้ อยทีส่ ุ ดและสาเหตุทตี่ ้ องกาหนดค่าชลภาระแตกต่ างกัน
ดังกล่าวนั้นอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
1. เนือ้ ทีร่ ับนา้ ขนาดเล็กอาจมีโอกาสทาการเพาะปลูกพร้ อมกัน และอยู่ใน
ระยะทีต่ ้ องการใช้ นา้ สู งสุ ดพร้ อมกันได้
2. เนือ้ ที่ขนาดเล็กอาจมีโอกาสไม่ ได้ รับฝนช่ วยเหลือตามที่กาหนดไว้ ได้
3. เมื่อกาหนดชลภาระแบบส่ งนา้ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากจะต้ องส่ งนา้
แบบหมุนเวียนก็ จะได้ มีความจุของคลองพอใช้ และโดยปกติแล้วในคลอง
สายใหญ่ จะส่ งนา้ ตลอดเวลา และถ้ าจาเป็ นต้ องส่ งนา้ แบบหมุนเวียนก็จะ
หมุนเวียนในคลองซอยขนาดเล็ก,คลองแยกซอยหรือในคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การระบายน้า ( Drainage Modulus )
อัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาจะขึน้ อยู่กบั ปริมาณฝน ระยะเวลาทีฝ่ นตก
ขนาดของพืน้ ทีแ่ ละอัตราการดูดซึมของดิน ซึ่งแต่ ละภูมิภาคของประเทศจะ
ไม่ เท่ ากันดังตารางที่ 1 – 3
การหาอัตราการระบายนา้ ในแปลงไร่ นาสามารถหาได้ จากสู ตร Rational ดังนี้

Q

=

CIA

เมื่อ Q
C
I
A

=
=
=
=

อัตราการระบายนา้ สู งสุ ด (ปริมาตร/เวลา )
สั มประสิ ทธิ์การระบายนา้
ความหนาแน่ นของฝน (ความลึก/เวลา)
พืน้ ทีร่ ะบายนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.2 วิธีการส่ งน้าชลประทาน


การส่ งนา้ ชลประทานทาได้ หลายวิธี (วราวุธ วุฒิวณิชย์ 2535) แต่
ละวิธีจะมีผลต่ อการออกแบบคลองและอาคารควบคุม โดยทัว่ ๆ ไป จะ
แบ่ งวิธีการส่ งนา้ ออกเป็ น 3 วิธีคอื

• - วิธีส่งแบบตลอดเวลา ( Continuous Method )

• - วิธีส่งตามความต้ องการผู้ใช้ นา้ ( On Demand Method )
• - วิธีส่งแบบหมุนเวียน ( Rotation Method )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ ละวิธีย่อมมีความเหมาะสม และมีข้อดี-ข้ อเสี ยต่ างกันออกไป
การพิจารณาเลือกใช้ วธิ ีหนึ่งวิธีใดขึน้ อยู่กบั องค์ประกอบ
ดังต่ อไปนี้
• 1. จานวนนา้ ต้ นทุน
• 2. อัตราการสู ญเสี ยนา้ เนื่องจากการระเหยและการรั่วซึม
• 3. ความสมบูรณ์ ของระบบแจกจ่ ายนา้
• 4. ความรู้ ความชานาญและความต้ องการของผู้ใช้ นา้
• 5. สภาพฝนและลักษณะภูมิประเทศ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.1 วิธีการส่ งน้าแบบตลอดเวลา
• ในระบบส่ งนา้ แบบตลอดเวลา นา้ ชลประทานจะส่ งไปยังพืน้ ที่
เพาะปลูกของเกษตรกรทุกๆแปลงอย่ างสม่าเสมอตลอดเวลา
(ตลอด 24 ชั่วโมง) ติดต่ อกันตลอดฤดูกาลเพาะปลูก การส่ งนา้
แบบตลอดเวลาเหมาะสาหรับโครงการชลประทานทีม่ ีนา้ ต้นทุน
พอ และมีขนาดเนือ้ ทีเ่ พาะปลูกของแต่ ละท่ อส่ งนา้ เข้านาเป็ น
พืน้ ทีข่ นาดใหญ่ มีนา้ ต้ นทุนสารองพร้ อมทีจ่ ะส่ งได้ ตลอดเวลา
และเกษตรกรผู้ใช้ นา้ มีความชานาญเรื่องการใช้ นา้ เป็ นอย่ างดี

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีค้ ่ าลงทุนก่ อสร้ างระบบส่ งนา้ และระบบ
แจกจ่ ายนา้ จะมีราคาถูกกว่ าการส่ งนา้ โดยวิธีอนื่ ๆ เพราะขนาดของ
ระบบจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่การใช้ นา้ จากระบบนีจ้ ะได้ ผลดีและมี
ประสิ ทธิภาพก็ต่อเมื่อเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกเป็ นแปลงใหญ่
สามารถจะขุดสระเก็บนา้ สารองไว้ ในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกเพือ่ เก็บนา้ ไว้
ในช่ วงทีต่ ้ องการนา้ มากได้ มิฉะนั้นจะต้ องออกแบบขนาดระบบส่ ง
นา้ จากความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งโอกาสทีจ่ ะทาการส่ งนา้ ในช่ วงที่
มีความต้ องการนา้ สู งสุ ดมี เพียงไม่ กวี่ นั ตลอดฤดูกาล

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• และมีผลทาให้ การส่ งนา้ ในช่ วงที่ต้องการนา้ น้ อยทาได้ ลาบาก เพราะ
ระดับนา้ ปกติ (Normal Depth)ในคูส่งนา้ จะตา่ กว่ าระดับนา้ ใช้ การ
(Full Supply Level) ต้ องใช้ อาคารอัดนา้ เป็ นช่ วงๆ ซึ่งการอัดนา้
ดังกล่ าวอาจจะมีผลต่ อปริมาณการไหลของนา้ เข้ าคูส่งนา้ หรือคลอง ซึ่ง
ยากแก่ การควบคุม แต่ ถ้าเกษตรกรมีพนื้ ทีเ่ พาะปลูกน้ อยๆ การขุดสระ
เก็บนา้ สารองก็ไม่ สามารถจะทาได้ เพราะทาให้ เสี ยพืน้ ที่เพาะปลูก และ
ค่ าลงทุนสู งเกินไป เว้ นแต่ ว่าเกษตรกรจะรวมกันเป็ นกลุ่มแล้ วขุดสระ
เก็บนา้ สารองใช้ ร่วมกัน อย่ างไรก็ตามถ้ าไม่ มีสระเก็บนา้ สารอง การส่ ง
นา้ แบบนีจ้ ะทาให้ การใช้ นา้ ไม่ ค่อยมีประสิ ทธิภาพนัก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบตลอดเวลานีเ้ ป็ นวิธีการส่ งนา้ ที่ง่ายทีส่ ุ ดใช้
คนน้ อย แต่ โดยทัว่ ๆ ไปแล้ วจะมีประสิ ทธิภาพต่าเพราะ
เกิดการสู ญเสี ยนา้ มาก และในช่ วงทีก่ ารเพาะปลูกในระบบ
ต้ องการนา้ มากจะเกิดปัญหาการแก่ งแย่ งนา้ ระหว่ าง
เกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.2 วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ น้า
• วิธีการส่ งนา้ ตามความต้ องการของผู้ใช้ นา้ นีจ้ ะปฏิบัตกิ นั เฉพาะใน
ประเทศได้ พฒ
ั นาทางด้ านการเกษตรแล้ วซึ่งเกษตรกรแต่ ละรายมี
พืน้ ทีเ่ พาะปลูกจานวนมาก และรู้ จกั การใช้ นา้ ชลประทานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพประกอบกับโครงการชลประทานนั้นจะต้ องมีอ่าง
เก็บนา้ หรือแหล่ งนา้ ทีส่ ามารถจะส่ งนา้ ให้ แก่ เกษตรกรได้ อย่ าง
เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกเมื่อเกษตรกรต้ องการนา้
ชลประทานก็ต้องแจ้ งความต้ องการปริมาณนา้ ชลประทานทีจ่ ะใช้
แต่ ละครั้งให้ เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานทราบล่ วงหน้ าประมาณ 2–3
วัน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• วิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะใช้ ได้ ผลก็ต่อเมื่อมีการเก็บค่ านา้ ตาม
ปริมาณทีเ่ กษตรกรใช้ และต้ องมีมาตรการป้องกันการลักขโมย
นา้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ การออกแบบระบบชลประทานตาม
วิธีการส่ งนา้ แบบนีต้ ้ องให้ สามารถส่ งนา้ ได้ เพียงพอกับความ
ต้ องการนา้ สู งสุ ดของฤดูกาลเพาะปลูกได้ ซึ่งจะทาให้ระบบส่ งนา้
มีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ าแบบอืน่ ๆ ทั้งหมด แต่ อย่ างไรก็
ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดยพยายามให้
ช่ วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อมกันก็จะ
ช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• แต่ อย่ างไรก็ตามถ้ าได้ มีการวางแผนการปลูกพืชทีเ่ หมาะสมโดย
พยายามให้ ช่วงทีต่ ้ องการนา้ สู งสุ ดของพืน้ ทีแ่ ต่ ละแปลงเกิดไม่ พร้ อม
กันก็จะช่ วยให้ สามารถลดขนาดของระบบลงได้ มาก และถ้ าเป็ น
โครงการไม่ ใหญ่ นักสามารถทีจ่ ะปรับระยะเวลาการส่ งนา้ แต่ ละครั้ง
ให้ เหมาะสมกับปริมาณนา้ ที่พชื ต้ องการได้ ก็จะช่ วยลดค่ าลงทุนใน
การก่ อสร้ างอาคารอัดนา้ ลงได้ มาก เพราะสามารถที่จะส่ งนา้ ที่ระดับ
นา้ ใช้ การได้ ตลอดเวลา
• แต่ อย่ างไรก็ตามวิธีการส่ งนา้ แบบนีจ้ ะต้ องมีอาคารควบคุมนา้ อย่ าง
ทั่วถึง เพือ่ ให้ สามารถส่ งนา้ กับพืน้ ที่ที่กาลังต้ องการนา้ โดยเฉพาะ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2.2.3 วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียน
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียน หมายถึง วิธีการส่ งนา้ ให้ ผ้ ูใช้ นา้ ตาม
จานวนและเวลาที่กาหนดไว้ ล่วงหน้ าเป็ นช่ วงๆ ด้ วยวิธีการนีผ้ ู้ใช้ นา้
ชลประทานจะไม่ ได้ รับนา้ ชลประทานพร้ อมกันทั้งโครงการแต่
เจ้ าหน้ าทีช่ ลประทานจะเป็ นผู้กาหนดจานวนนา้ ชลประทานและจัด
ระยะเวลาส่ งนา้ ให้ โดยการแบ่ งพืน้ ที่รับนา้ ออกเป็ นส่ วนย่ อยๆ แล้ ว
กาหนดรอบเวรการส่ งนา้ ตามความเหมาะสมซึ่งจานวนนา้ ที่ส่งให้
แต่ ละครั้งจะต้ องมากพอให้ พชื ใช้ ไปจนกว่ าจะถึงกาหนดการส่ งนา้
ครั้งต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• การส่ งนา้ แบบหมุนเวียนอาจแบ่ งตามลักษณะของการหมุนเวียนได้
3 ประเภทคือหมุนเวียนในคลองสายใหญ่ หมุนเวียนในคลองซอย
และหมุนเวียนในคูส่งนา้




( 1 ) การหมุนเวียนในคลองสายใหญ่
การส่ งนา้ โดยวิธีนี้ นา้ จะถูกส่ งไปตามคลองสายใหญ่ ทีละส่ วน
ตามที่ได้ กาหนดไว้ เมื่อส่ งนา้ เข้ าไปในตอนใดของคลองสายใหญ่
คลองซอยและคูส่งนา้ ในส่ วนนั้นจะได้ รับนา้ พร้ อมกัน ดังแสดงไว้
ในภาพที่ 1

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 2 ) การหมุนเวียนในคลองซอย


วิธีนีน้ า้ จะถูกส่ งเข้ าคลองสายใหญ่ ตลอดเวลาแต่ คลองซอย
สายต่ างๆ จะถูกแบ่ งเป็ นส่ วนๆ และแต่ ละส่ วนของคลองซอย
และคูส่งนา้ ทีร่ ับนา้ จากคลองซอยจะได้ รับนา้ เป็ นช่ วงๆ ตาม
ระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ ดังแสดงไว้ ในภาพที่ 2

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• ( 3 ) การหมุนเวียนในคูส่งนา้


การหมุนเวียนโดยวิธีนี้ คูส่งนา้ จะถูกแบ่ งออกเป็ นส่ วนๆ
แล้ วจัดการส่ งนา้ ให้ แต่ ละส่ วนตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ โดยวิธี
นีจ้ ะมีนา้ ในคลองสายใหญ่ และคลองซอยตลอดเวลาดังแสดงใน
ภาพที่ 3

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• สาหรับการออกแบบระบบชลประทานในแปลงไร่ นา เลือกใช้

“ วิธีการส่ งนา้ แบบหมุนเวียนในคูส่งนา้ ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• 2.3 ขั้นตอนในการออกแบบ
• 1. การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
• 2. การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การออกแบบเบือ้ งต้ น ( Preliminary Design )
หมายถึงการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ นาไปใช้ ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และข้ อมูลต่ างๆ ในสนาม
มี 4 ขั้นตอนดังนี้



1. การเตรียมข้ อมูล





2. การวางแนวคูส่งนา้
3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
4. สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 1. การเตรียมข้ อมูล
1.1ข้ อมูลจากสานักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ประกอบด้ วย แบบแปลน และรู ปตัดตามยาวคลองส่ งนา้ คลองระบายนา้ และแบบ
แสดงมิติและระดับต่ าง ๆ ของอาคาร ( Installation Data ) อาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (
Farm Turnout )

1.2ข้ อมูลจากสานักสารวจด้ านวิศวกรรมและธรณีวทิ ยา
- แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ และแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ นิ มาตราส่ วน 1:4,000 ซึ่งแสดงรายละเอียด
ของแปลงกรรมสิ ทธิ์ , เส้ นแสดงชั้นความสู งของดิน ( Contour ) ชั้นละ 0.25 เมตร
แนวคลองส่ งนา้ , แนวคลองระบายนา้ , ลานา้ ธรรมชาติ , ถนน , หมู่บ้าน ฯลฯ พร้ อม
บัญชีรายชื่อเจ้ าของทีด่ นิ
- ข้ อมูลผลสารวจรายละเอียดตาแหน่ ง และระดับต่ าง ๆ ของอาคารทีส่ ร้ างจริงในคลอง
ส่ งนา้
- แบบหมายหมุดหลักฐาน (Description) ซึ่งแสดงรายละเอียดตาแหน่ งและราคา ระดับ
ของหมุดฐาน (Bench Mark)เพือ่ ใช้ ในการก่ อสร้ างคูส่งนา้ และตรวจสอบความ
แตกต่ างราคาหมุดฐานเดิมทีใ่ ช้ การก่ อสร้ างคลอง และอาคารต่ างๆ กับหมุดฐานใหม่

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ าง แผนทีภ่ ูมิประเทศและแปลงกรรมสิ ทธิ์ทดี่ ิน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 2. การวางแนวคูส่งนา้ (LAY-OUT) หมายถึง การนานา้
ออกจากอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ านา (Farm Turnout) กระจายสู่ แปลง
เพาะปลูกโดยมีหลักการพิจารณาดังต่ อไปนี้
– กาหนดแฉกส่ งนา้ โดยพิจารณาจากปริมาณนา้ ของอาคารท่ อส่ งนา้ เข้ า
นา และรายละเอียดแต่ ละภูมิประเทศ
– แนวคูส่งนา้ ต้ องลัดเลาะตามแนวเขตแปลงกรรมสิ ทธิ์ให้ มากทีส่ ุ ดและ
พยายามยึดแนวสั นเนินของเส้ นชั้นความสู งของดิน
– ความยาวคูส่งนา้ ไม่ ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
– กาหนดอาคารใส่ ทตี่ าแหน่ งต่ าง ๆ โดยคร่ าว ๆ ตามแนวทีค่ ูส่งนา้ ผ่ าน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

• การเรียกชื่อคูส่งนา้ ปัจจุบนั ยึดหลักการให้ชื่อดังนี้

คูส่งน้ าที่
ออกทางซ้ ายของคลองให้ เรียกเป็ น เลขคี่ ถ้าคลองส่ งน้ าสายใหญ่
ใช้เลข 3 ตาแหน่ง เช่น 001 , 003 เป็ นต้น แต่ถา้ เป็ นคลองซอยใช้
2 ตาแหน่ง เช่น 01 , 03 เป็ นต้น ส่ วนคูส่งนา้ ทีอ่ อกทางขวาของ
คลองให้ เรียกเป็ น เลขคู่ เช่น 002 , 004 สาหรับคลองสายใหญ่
02 ,04 สาหรับคลองซอย ในคูแยกซอยก็ถือหลักเดียวกัน เช่น 01-1 ,
01-2 เป็ นต้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 3. ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ หมายถึง การนาแผนทีก่ ารวาง
แนวคูส่งนา้ ไปตรวจสอบกับสภาพภูมปิ ระเทศ ซึ่งมีข้อมูลทีต่ ้ องตรวจสอบ
ดังนี้

– แหล่ งนา้ ระบบส่ งนา้ ระบบระบายนา้ และอาคารประกอบต่ าง ๆ
– ตรวจสอบบริเวณทีม่ ีปัญหาในระหว่ างการวางแนวคูส่งนา้ เพือ่ นา
ข้ อมูลดังกล่ าวมาปรับแก้ ให้ เหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศที่
เป็ นจริง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
• 4.สารวจเพือ่ ออกแบบขั้นรายละเอียด

เพือ่ ให้ ได้ ข้อมูล
ทีถ่ ูกต้ อง และตรงกับสภาพภูมิประเทศมากทีส่ ุ ด จาเป็ นต้ องส่ งแบบ
การวางแนวคูส่งนา้ เบือ้ งต้ นให้ โครงการปฏิบัตกิ ารคันคูนา้ ต่ างๆ ไป
ดาเนินการดังนี้

– ขอความเห็นชอบแนวคูส่งนา้ กับราษฎรเจ้ าของทีด่ นิ
– สารวจระดับต่ างๆ ของท่ อส่ งนา้ เข้ านา และระดับดิน
ธรรมชาติตามแนวศูนย์ กลางคูส่งนา้
– สารวจรายละเอียดตามแนวคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การประชุ มเกษตรกร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

การออกแบบขั้นรายละเอียด ( Detail Design )
ประกอบด้ วย

1. แบบแปลนคูส่งนา้
2. แบบรู ปตัดตามยาว คูส่งนา้
3. แบบตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆของอาคาร

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แปลน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ รูปตัดตามยาว

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ ตารางแสดงมิติและระดับต่ างๆ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ บัญชีแบบ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

ตัวอย่ างแบบ แผนทีร่ ะบบคูส่งนา้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 3
การออกแบบอาคารมาตรฐาน
3.1 การคานวณทางด้ านชลศาสตร์
3.2 การคานวณทางด้ านโยธา

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

บทที่ 4
ตัวอย่ างวิธีการส่ งน้าระบบชลประทานในแปลงไร่ นา

วิธีการส่ งนา้ แบบลูกท่ ุง

“วิธีการส่ งนา้ แบบลูกทุ่ง”
ของ......

อาจารย์ เนาวรัตน์ ป้ อมทอง
อดีต หัวหน้าฝ่ ายออกแบบระบบ
ชลประทานในแปลงนา
กองออกแบบ
กรมชลประทาน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
วิธีการจัดตารางส่ งนา้ แบบทีใ่ ช้ ในงานออกแบบระบบชลประทานใน
แปลงไร่ นา
1) นาแผนทีแ่ ฉกส่ งนา้ ทีจ่ ัดตารางการส่ งนา้ มาลงหมายเลขแปลง แล้ วแบ่ งส่ วน
ของคูนา้ โดยใช้ อาคารอัดนา้ หรืออาคารกลางคู เช่ น ท่ อลอดทีส่ ามารถอัด
นา้ ได้ โดยคิดระยะทางนา้ เดินทางจากปากคูถึงอาคารต่ างๆว่ ามีระยะทาง
เท่ าไร แล้วกาหนดเป็ นส่ วนเพือ่ คิดเวลาการรับนา้
2) ทาบัญชีแสดงพืน้ ทีว่ ่ าแปลงหมายเลขใดมีพนื้ ทีเ่ ท่ าไร อยู่ในส่ วนไหนของคู
ส่ งนา้
3) จากบัญชีข้อ 2 เปิ ดตารางที่ 8 ว่ าแปลงใดต้ องการ เวลารับนา้ เท่ าใด

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
4) เมื่อเสร็จข้ อ 3 นามาจัดเวลาวันส่ งนา้ ของแต่ ละแปลงต่ อไปซึ่งมีวธิ ีการ
พอสั งเขปดังนี้
-พยายามส่ งนา้ ให้ เสร็จในแต่ ละช่ วงการส่ งนา้ หรือระหว่ างอาคารกลางคู 2
ตัวติดต่ อกันไป
-พยายามให้ มีการเปลีย่ นการปิ ด-เปิ ดบานในเวลากลางวันให้ ได้ มากที่สุด
เท่ าทีจ่ ะทาได้ (ไม่ สามารถทาได้ ทุกUnit)
- การจัดเวลาควรแยกกลุ่มไว้ ดังนี้ ถ้ ารับนา้ น้ อยชั่วโมง เช่ น ต่ากว่ า 12
ชม. รับนา้ กลางวัน ถ้ าเกินควรจัดเป็ นกลุ่ม รับนา้ กลางคืน

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
- ถ้ าจัดการส่ งนา้ ในช่ วงระหว่ างอาคารอัดนา้ 2 ตัวให้ เสร็จรวดเดียว
ไม่ ได้ กใ็ ห้ พจิ ารณาแบ่ งไป ส่ วนทีใ่ กล้ทสี่ ุ ดในช่ วงเวลาหนึง่ แล้วกลับมา
ส่ งช่ วงเดิมต่ อไป
- การกาหนดปริมาณนา้ ในคูส่งนา้ ควรมีเกินไว้ บ้าง เพือ่ เพิม่ เติมบางแปลง
ที่อาจได้ รับนา้ น้ อยกว่ าปกติ

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
จากนีน้ าเวลารวมมากาหนด วันเวลาคร่ าว ๆ ก่อน ดังนี้
คู 03-1-1 ต้ องการ 18 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 01.00 น. ของวันใหม่
ซึ่งไม่ เหมาะจึงควรเริ่มใหม่ โดยหมุนเวียนร่ วมกับคู 03-1
คู 03-1 เวลา = 18 + 30 = 48 ชม. ถ้ าเริ่ม 7.00 น. จะเสร็จ เวลา 07.00 น.
พอดี และเป็ นเวลา 2 วัน ต่ อจากนีน้ าช่ วงคู 03 มาติดต่ อ
คู 03 ช่ วงแรก ต้ องการ 40 ชม. เริ่ม 7.00 น. จะเสร็จเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็ น
เวลากลางดึก จึงไม่ เหมาะ ต้ องพิจารณาร่ วมกับ คู 03-3 และ 03-3-2
คู 03-3 และ 03-3-2 จะเป็ นเวลารวม = 40 + 14.5 = 54.5 ชม. ถ้ าเริ่มจาก 7.00
น. จะเสร็จเวลา 13.30 น.
คู 03 ช่ วงท้ าย ต้ องการเวลา 49 ชม. เริ่ม 13.30 น. จะเสร็จเวลา 14.30 น.

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
หมายเหตุ
ช่ วงเวลา 16.0 - 14.5 เติมนา้ เข้ าบางท่ อที่คิดว่ าได้ นา้ น้ อยในช่ วงท้ ายของคู 03
7
7
หลัง 14.5 - 7.0 นานา้ ส่ วนเกินไปเติมที่ใดก็ได้ หรือปิ ดเสี ยเลย
7
7
เวลาใช้ หลังทศนิยมเท่ ากับ = 0. 5 หมายถึง 1/2 ชม. หรือ 30 นาที
แต่ เพือ่ ความสะดวกในการใช้ เครื่องคิดเลขจึงใช้ เป็ นทศนิยมดังกล่าว ส่ วน
ตัวเลขใต้ เวลาเป็ นวันต่ อไป เป็ นการกาหนดหน้ าทีข่ องแต่ ละเจ้ าของนาว่ า
จะต้ องทาอะไรบ้ าง

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
ก่ อนเริ่มทาการส่ งนา้ ควรมีการประชุมผู้ทานาทุก ๆ แปลง
เพือ่ ชี้แจงหน้ าที่ของแต่ ละคน มอบ ตารางการส่ งนา้ และหน้ าที่
ของทุก ๆ คนให้ แต่ ละคนได้ ทราบ รวมทั้งการทดลองซักซ้ อม
ความเข้ าใจว่ าใครจะต้ องทาอะไรบ้ างในสนาม
เนื่องจาก วิธีการส่ งนา้ ดังกล่ าวนีเ้ ป็ นวิธีการแบบลูกทุ่ง ซึ่ง
ไม่ ได้ มีเกณฑ์ กาหนดทีแ่ น่ นอนพอเชื่อถือได้ มาก่อน จึงต้ องทาการส่ งนา้
ไปหาข้ อมูลไป เพือ่ หาความเหมาะสมในแต่ ละท้ องที่ โดยมีค่าสมมุติ
อยู่ 2 ค่ าทีต่ ้ องการตรวจสอบในสนามต่ อไปอีก ดังนีค้ อื

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
1. ความต้ องการนา้ สู งสุ ด ซึ่งหมายถึงปริมาณนา้ เพือ่ การระเหย

(Evaporation) การคายนา้ ของข้ าว การรั่วซึมลึกลงไปในดิน
(Deep percolation) เป็ นมิลลิเมตรต่ อวัน และการรั่วซึมจากแปลงนาสู่
ทางระบายนา้ เป็ นต้ น
โดยทีจ่ ริงแล้วค่ าต่ าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะมีวิธีการคานวณออกมาได้
หรือทาการทดลองหา แต่ กเ็ ป็ นวิธีการซับซ้ อนยุ่งยากพอสมควรและที่
สาคัญทีส่ ุ ดคือ อาจได้ ค่าจากการทดลองของทีห่ นึ่ง แล้วนาไปใช้ ในอีกที่
หนึ่งเป็ นส่ วนใหญ่ ตัวเลขทีไ่ ด้ อาจเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมแก่พนื้ ทีท่ ี่
ทาการส่ งนา้ อยู่กไ็ ด้ ดังนั้นเมื่อทาการส่ งนา้ จนปักดาเสร็จเรียบร้ อยแล้ว
เราอาจหาตัวเลขความต้ องการนา้ ชลประทานได้ โดยเริ่มจากวิธงี ่ ายๆ
โดยไม่ หวังผลแน่ นอนเพือ่ ประโยชน์ ทางวิชาการนัก แต่ ใช้ สาหรับการส่ ง
นา้ เฉพาะแห่ งเท่ านั้น

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
การวัดจะเริ่มวัดโดยใช้ ไม้ บรรทัดพลาสติกธรรมดาทีม่ ี Scale
มิลลิเมตร โดยเริ่มวัดระดับนา้ ภายหลังทีช่ าวนาแบ่ งนา้ เข้ าแปลงย่ อย
เสร็จแล้ว ซึ่งควรเป็ นหลังจากวันรับนา้ 1วัน ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนรับนา้ 1 วัน ซึ่งเวลาจะห่ างกันประมาณ 5 วัน แล้วนาผลต่ างของ
การวัดปริมาณนา้ ทั้ง 2 ครั้ง มาหารด้ วยจานวนวัน เราก็สามารถรู้ได้
คร่ าว ๆ ว่ า มีการสู ญเสี ยนา้ ในนาไปวันละเท่ าใดในช่ วงนั้น โดยนาค่ าที่
วัดได้ อย่ างหยาบ ๆ นีท้ ุก ๆ แปลงมาหาส่ วนเฉลีย่ ถ้ าทาได้ เช่ นนีไ้ ปทุก
สั ปดาห์ จนตลอดช่ วงเวลาการส่ งนา้ เราจะสามารถนามาพิจารณาถึง
มาตรการประหยัดนา้ ในปี ต่ อไปได้

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”
2. ค่ า Conveyance loss การหาค่าการสู ญเสียนา้ ระหว่าง
ทางนี้ ยังไม่ มีวธิ ีการทีจ่ ะหาค่ าดังกล่าวได้ ง่าย ๆ จึงจาเป็ นต้ องใช้ วธิ ีการ
วัดนา้ ผ่ านอาคารอัดนา้ ต่ าง ๆ ทุก ๆแห่ ง เพือ่ นามาตรวจสอบว่ าค่ าสมมุติ
ที่ต้งั ไว้ น้ัน จะต้ องแก้ไขอย่ างไร เพือ่ จะได้ แก้ไขตารางส่ งนา้ ให้ เหมาะสม
ทีส่ ุ ดต่ อไป

“คู่มือการออกแบบระบบชลประทานในแปลงนา ”