ภญ. ณัฐยาภรณ์ วงศ์บุญเกือ้ กูล บทบาทเจ้ าหน้ าที่ รพ.สต.  ส่งเสริมองค์ความรูใ้ ห้แก่แกนนานักเรียน ในพืน้ ที่  ร่วมดาเนินกิจการตรวจสอบเฝ้าระวัง อาทิ ฉลากผลิตภัณฑ์สขุ ภาพ ,สารปนเปื้อน, โฆษณา  ติดตามการประเมินตนเอง ผ่านแบบประเมินมาตรฐานการดาเนินงาน.

Download Report

Transcript ภญ. ณัฐยาภรณ์ วงศ์บุญเกือ้ กูล บทบาทเจ้ าหน้ าที่ รพ.สต.  ส่งเสริมองค์ความรูใ้ ห้แก่แกนนานักเรียน ในพืน้ ที่  ร่วมดาเนินกิจการตรวจสอบเฝ้าระวัง อาทิ ฉลากผลิตภัณฑ์สขุ ภาพ ,สารปนเปื้อน, โฆษณา  ติดตามการประเมินตนเอง ผ่านแบบประเมินมาตรฐานการดาเนินงาน.

ภญ. ณัฐยาภรณ์ วงศ์บุญเกือ้ กูล
บทบาทเจ้ าหน้ าที่ รพ.สต.
 ส่งเสริมองค์ความรูใ้ ห้แก่แกนนานักเรียน ในพืน้ ที่
 ร่วมดาเนินกิจการตรวจสอบเฝ้าระวัง อาทิ ฉลากผลิตภัณฑ์สขุ ภาพ ,สารปนเปื้อน, โฆษณา
 ติดตามการประเมินตนเอง ผ่านแบบประเมินมาตรฐานการดาเนินงาน อย.น้อย
สิ่งที่คาดหวังจากนักเรี ยนแกนนา อย.น้ อย
 หลีกเลีย่ งการบริโภคอาหารรสจัด (หวาน มัน เค็ม)
 หลีกเลีย่ งการซือ้ หรือใช้ผลิตภัณฑ์สขุ ภาพตามโฆษณาชวนเชื่อ
 หลีกเลีย่ งการบริโภคอาหารทีใ่ ช้น้ ามันทอดซ้า
 ใช้ยาสเตียรอยด์อย่างถูกต้องเหมาะสม
 อ่านฉลากอาหาร ยา และเครือ่ งสาอาง ก่อนซือ้ หรือใช้
ฉลากอาหารและการเลือกซื ้อ
 ขอบเขตเนื้อหา
 ประเภทของอาหารทีต่ อ้ งมีฉลาก ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข
ฉบับที่ ๑๙๔ พ.ศ. ๒๕๔๓ เรือ่ งฉลาก
 หลักในการพิจารณาฉลากอาหารและตัวอย่างฉลาก
 การสืบค้นเลขสารบบอาหารผ่านระบบ internet
 รายละเอียดของฉลากอาหาร ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่
๓๖๗ พ.ศ. ๒๕๕๗ (มีผลบังคับใช้วนั ที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๗๗
นิยาม
 อาหาร ตามพรบ. อาหาร พ.ศ. 2522 หมายถึง ของกิน หรือเครือ่ งค้าจุนชีวติ ได้แก่
วัตถุดบิ ทุกชนิดทีค่ นกิน ดื่ม อม หรือนาเข้าสูร่ า่ งกาย ไม่วา่ ด้วยวิธใี ดหรือในรูปลักษณะ
ใด แต่ทงั ้ นี้ไม่รวมถึงยา
 ฉลาก หมายถึง รูป รอยประดิษฐ์ กระดาษหรือสิง่ อื่นใดทีท่ าให้ ปรากฏข้อความ
เกีย่ วกับสินค้า ซึง่ แสดงไว้ทส่ี นิ ค้าหรือภาชนะบรรจุหรือหีบห่อ หรือสอดแทรกหรือรวม
ไว้กบั สินค้าหรือภาชนะบรรจุหรือหีบห่อ
ประเภทของอาหารตาม ประกาศกระทรวง
สาธารณสุข ฉบับที่ ๑๙๔ พ.ศ. ๒๕๔๓ เรื่องฉลาก
แบ่งเป็ น 4 ประเภทคือ




อาหารควบคุมเฉพาะ
อาหารทีก่ าหนดคุณภาพหรือมาตรฐาน
อาหารทีต่ อ้ งมีฉลาก
อาหารทัวไปอื
่ ่นๆ
1. อาหารควบคุมเฉพาะ
ได้แก่อาหารที่กระทรวงสาธารณสุขได้กาหนดคุณภาพและ
มาตรฐานไว้ ผูท้ จ่ี ะผลิตหรือนาเข้า จะต้องขอขึน้ ทะเบียนตารับ
อาหารหรือขออนุ ญาตใช้ฉลากอาหาร ซึง่ จะต้องมีเลข อย. แสดงบน
ฉลาก ซึง่ แสดงว่าได้รบั การพิจารณาเห็นชอบจากคณะกรรมการ
อาหารและยาแล้ว ปจั จุบนั มีอาหารทีถ่ ูกกาหนดให้เป็ นอาหารเฉพาะ
จานวนทัง้ สิน้ 15 ประเภท เช่น วัตถุทใ่ี ช้ปรุงแต่งรสอาหาร,สีผสม
อาหาร,ผลิตภัณฑ์นม เป็ นต้น
2. อาหารที่กาหนดคุณภาพหรื อมาตรฐาน
หมายถึงอาหารที่กระทรวงสาธารณสุข กาหนด
คุณภาพหรือมาตรฐาน โดยผูผ้ ลิตหรือนาเข้า ไม่ตอ้ งขอขึน้
ทะเบียนตารับอาหาร แต่ตอ้ งขออนุ ญาตใช้ฉลากอาหาร
ซึ่งจะต้อง มีเลข อย. แสดงอยู่บนฉลากของอาหารทีไ่ ด้รบั
อนุ ญาตใช้ฉลากอาหารแล้วเช่น
ช็อกโกแลต
ชา
สมุนไพร ชา กาแฟ น้ ามันถัวเหลื
่ อง ผลิตภัณฑ์เสริม
อาหาร เป็ นต้น
3.อาหารที่ต้องมีฉลาก
คืออาหารทีก่ ระทรวงสาธารณสุขกาหนดให้ใช้เป็ น
อาหารทีต่ อ้ งมีการแสดงฉลากตามข้อกาหนดเช่น อาหาร
สาเร็จรูปทีพ่ ร้อมบริโภคทันที อาหารพร้อมปรุง ขนมปงั ลูก
อม หมากฝรัง่ ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ เครือ่ งปรุงรส เป็ น
ต้น
4.อาหารทัว่ ไปอื่นๆ
จะไม่มกี ารแสดงเครื่องหมาย อย. สาหรับผลิตภัณฑ์ท่ี
ผลิตในประเทศ เช่น แป้งมันสาปะหลัง แป้งสาลี ผักสด และ
ผลไม้สด เป็ นต้น
ประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ ๓๖๗ พ.ศ. ๒๕๕๗
 เรือ่ ง การแสดงฉลากของอาหารในภาชนะบรรจุ
 มีผลบังคับใช้วนั ที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๗
 กาหนดให้อาหารในภาชนะบรรจุตอ้ งแสดงฉลากอาหาร ยกเว้น
 อาหารทีผ่ ผู้ ลิตสามารถให้ขอ้ มูลเกีย่ วกับอาหารทีผ่ ลิตแก่ผบ
ู้ ริโภคได้ขณะนัน้ เช่น หาบเร่
แผงลอย
 อาหารสดทีไ่ ม่ผา่ นกรรมวิธใี ด ๆ หรืออาหารสดทีผ่ า่ นกรรมวิธกี ารแกะ ชาแหละ ตัดแต่ง
(แช่เย็นหรือไม่กไ็ ด้) ไม่รวมอาหารแปรรูปในภาชนะพร้อมจาหน่ายตามประกาศฯ
 อาหารทีบ
่ รรจุผลิตและจาหน่ายเพือ่ บริการภายในร้านอาหาร ภัตตาคาร โรงเรียน
โรงแรม โรงพยาบาล ฯลฯ และรวมถึงบริการจัดส่งอาหารให้กบั ผูซ้ อ้ื
 อาหารข้างต้นหากขอเลขสารบบอาหารให้แสดงฉลากตามประกาศฯ นี้
ประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ ๓๖๗ พ.ศ. ๒๕๕๗ (ต่อ)
 การแสดงฉลากจะต้องแสดงข้อความเป็ น ภาษาไทย ดังต่อไปนี้
1. ชื่อของอาหาร
2. เลขสารบบอาหาร
3. ชื่อและที่ตงั ้ ของผูผ
้ ลิตหรือแบ่งบรรจุหรือนาเข้า หรือสานักงานใหญ่ แล้วแต่กรณี
4. อาหารนาเข้า ให้แสดงชื่อและที่ตงั ้ ของผูน้ าเข้าและแสดงชื่อและประเทศผูผ้ ลิตด้วย
5. ปริมาณของอาหารเป็ นน้าหนักสุทธิหรือปริมาณสุทธิเป็ นระบบเมตริกเช่น กรัม , มิลลิลิตร
6. ส่วนประกอบที่สาคัญเป็ นร้อยละหรือ เปอร์เซ็นต์โดยน้าหนัก โดยประมาณเรียงลาดับจากมากไป
หาน้ อย
7. มีข้อความว่า “ข้อมูลสาหรับผูแ
้ พ้อาหาร : มี.....” กรณี มีการใช้เป็ นส่วนประกอบของอาหาร หรือ
“ข้อมูลสาหรับผูแ้ พ้อาหาร : อาจมี......” กรณี มีการปนเปื้ อนในกระบวนการผลิต (ชนิดของสาร
ภูมิแพ้ เช่น ถั ่วลิสง ไข่ นม สัตว์น้าที่มีเปลือกแข็งเช่นกุ้ง ปู กัง้ ฯลฯ)
ประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ ๓๖๗ พ.ศ. ๒๕๕๗ (ต่อ)
8. แสดงชื่อกลุ่มหน้ าที่ของวัตถุเจือปนร่วมกับชื่อเฉพาะ
9. ข้อความว่า “แต่งกลิ่นธรรมชาติ” แต่งกลิ่นเลียนธรรมชาติ” “แต่งกลิ่นสังเคราะห์” “แต่งรส
ธรรมชาติ” หรือ “แต่งรสเลียนธรรมชาติ” ถ้ามีการใช้แล้วแต่กรณี
10. แสดงวันเดือนและปี สาหรับอาหารที่มีอายุการเก็บไม่เกิน 90 วัน หรือแสดงวันเดือนและปี หรือ
เดือนและปี สาหรับอาหารที่มีอายุการเก็บเกิน 90 วัน โดยมีข้อความว่า “ควรบริโภคก่อน” กากับไว้
ด้วย (อาจกาหนดให้แสดงข้อความ “ผลิต” หรือ “หมดอายุ” ตามประกาศเฉพาะของอาหารนัน้ ๆ
ด้วย)
11. อื่นๆ เช่น คาเตือน , ข้อแนะนาในการเก็บรักษา วิธีปรุง และข้อความที่กาหนดให้แสดงเพิ่มเติม
ตามบัญชีแนบท้ายประกาศฯ
ประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ ๓๖๗ พ.ศ. ๒๕๕๗ (ต่อ)
 ฉลากทีม่ ขี อ้ ความ รูป รูปภาพ รอยประดิษฐ์ เครือ่ งหมายหรือเครือ่ งหมายการค้าไม่วา่ จะเป็ น
ภาษาใดทีป่ รากฏในฉลาก
 ต้องไม่เป็ นเท็จ หลอกลวง ให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร
 ไม่พอ้ งรูป พ้องเสียงกับคาหรือข้อความทีส่ อ่ ื ถึงคุณประโยชน์ คุณภาพ สรรพคุณอันเป็ น
การโอ้อวด หรือเป็ นเท็จ หรือเกินจริง หรือหลอกลวงทาให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่
สมควร
 ไม่สง่ เสริมหรืออาจก่อให้เกิดความขัดแย้ง แตกแยก หรือผลกระทบในเชิงลบ ต่อสังคม
วัฒนธรรม ศีลธรรม ประเพณี หรือพฤติกรรมทีเ่ กีย่ วกับเพศ ภาษาและความรุนแรง
ส่วนประกอบฉลากอื่นๆ “ถ้ามี” จึงจะแสดงบนฉลากได้แก่
1. คาแนะนาในการเก็บรักษา
2. วิธีการปรุงเพื่อการรับประทาน
. เจือสีธรรมชาติหรือเจือสีสงั เคราะห์
4. ใช้วต
ั ถุปรุงแต่งรสอาหารและระบุชนิดด้วย
5. แต่งกลิ่น ธรรมชาติ แต่งกลิ่นสังเคราะห์
หรือแต่งกลิ่นเลียนธรรมชาติแล้วแต่กรณี
6. ฉลากโภชนาการ
3
ข้อความที่กฎหมายกาหนดให้แสดงบนฉลากตาม
ประกาศ ๓๖๗ พ.ศ. ๒๕๕๗ (เพิ่มเติม)
1. ข้อมูลสาหรับผูแ้ พ้อาหาร
(สาหรับอาหารทีม่ หี รืออาจมี๑.ธัญพืชทีม่ สี ว่ นประกอบของกลูเตน (ข้าวสาลี ไรน์ บาร์เลย์ โอ๊ต สเปลท์) ๒.
สัตว์น้าทีม่ เี ปลือกเข็ง เช่น ปู กุง้ กัง้ ลอบสเตอร์ ๓.ไข่และผลิตภัณฑ์จากไข่ ๔.ปลาและผลิตภัณฑ์จากปลา
๕.ถัวลิ
่ สง ถัวเหลื
่ อง และผลิตภัณฑ์จากถัวลิ
่ สง ,ถัวเหลื
่ อง ๖.นมและผลิตภัณฑ์จากนมรวมถึงแลคโตส ๗.
ถัวที
่ ม่ เี ปลือกแข็งและผลิตภัณฑ์จากถัวที
่ ม่ เี ปลือกเข็ง เช่น อัลมอนต์ วอลนัท ๘.ซัลไฟต์ ทีม่ ปี ริมาณ
มากกว่าหรือเท่ากับ ๑๐ มิลลิกรมต่อกิโลกรัม)
2. การแสดงชือ่ กลุ่มหน้าทีข่ องวัตถุเจือปนอาหารร่วมกับชือ่ เฉพาะ เช่น สารปรุงแต่งรส (๖๒๗)
3. วิธกี ารใช้และข้อความทีจ่ าเป็ นสาหรับอาหารทีม่ งุ่ หมายจะใช้กบั ทารกหรือเด็กอ่อน หรือบุคคล กลุ่มใน
โดยเฉพาะ
4. ฉลากโภชนาการ (ตามเงือ่ นไข)
5. คาเตือน (ถ้ามี)
6. ข้อแนะนาในการเก็บรักษา (ถ้ามี)
7. วิธปี รุงเพือ่ รับประทาน (ถ้ามี)
เลขสารบบบนฉลากอาหาร
 อาหารที่ต้องแสดงเลขสารบบอาหารที่ฉลาก 34 ประภเทเลขสารบบอาหาร
 มีตวั เลข 13 หลัก แบ่งเป็ น 5 กลุ่ม คือ XX - X - XXXXX - Y - YYYY
 กลุ่มที่ 1 XX แสดงจังหวัดที่เป็ นที่ตงั ้ ของสถานที่ผลิตหรือนาเข้าอาหาร โดยใช้ตวั เลขที่ ใช้แทนชื่อจังหวัด
ของกระทรวงมหาดไทย
 กลุ่มที่ 2 X แสดงสถานะของสถานที่ผลิตอาหาร หรือนาเข้าอาหาร และหน่ วยงานที่อนุญาต
หมายเลข 1 คือสถานที่ผลิ ตอาหาร ซึ่ง อย.เป็ นผูอ้ นุญาต
 หมายเลข 2 คือสถานที่ผลิ ตอาหาร ซึ่ง จังหวัดเป็ นผูอ
้ นุญาต
 หมายเลข 3 คือสถานที่นาเข้าอาหาร ซึ่ง อย.เป็ นผูอ
้ นุญาต
 หมายเลข 4 คือสถานที่นาเข้าอาหาร ซึ่งจังหวัดเป็ นผู้อนุถญาต
 กลุ่มที่ 3 XXXXX
 เลข 3 หลักแรก คือเลขสถานที่ผลิ ตอาหาร หรือเลขสถานที่นาเข้าอาหาร ที่ได้รบ
ั อนุญาต
 เลข 2 หลักท้าย คือ ตัวเลข 2 หลักสุดท้านของปี พุทธศักราชที่อนุญาต
 กลุ่มที่ 4 Y แสดงหน่ วยงานที่ออกเลขสารบบอาหาร
 หมายเลข 1 คืออาหารที่ได้รบ
ั เลขสารบบจาก อย.
 หมายเลข 2 คืออาหารที่ได้รบ
ั เลขสารบบ จากจังหวัด
 กลุ่มที่ 5 YYYY แสดง ลาดับที่ของอาหารที่ผลิตโดยสถานที่ผลิต หรือ นาเข้าโดยสถานที่นาเข้า แต่ละแห่ง

แยกหน่ วยงานที่เป็ นผู้อนุญาต
11-1-01523-1-0008
บทลงโทษตาม พรบ. อาหาร 2522
 กรณีผลิต หรือ จาหน่ายอาหาร แสดงฉลากไม่เป็ นภาษาไทย หรือแสดงฉลากไม่
ครบถ้วน หรือมีขอ้ ความทีโ่ อ้อวดเกินจริง มีความผิดตาม มาตรา51
ฝา่ ฝืน
ประกาศซึง่ ออกตามความในมาตรา 6(10) ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสามหมืน่ บาท
 กรณีการผลิต หรือจาหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารซึง่ มีการปนเปื้ อนยา หรือสิง่ ทีเ่ ป็ นอันตราย
ต่อสุขภาพ มีความผิดตามมาตรา 58 ฝา่ ฝืนมาตรา 25(1) ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกิน
สองปีหรือปรับไม่เกินสองหมืน่ บาทหรือทัง้ จาทัง้ ปรับ
ตัวอย่ างฉลากอาหาร
ตัวอย่ างฉลากอาหาร
วันหมดอายุ
ส่วนประกอบ
ฉลากโภชนาการ
ผูผ้ ลิต
ชื่ออาหาร
เลขสารบบ
ปริมาตร
ผลิตภัณฑ์ทฉ่ี ลากมีการโอ้อวดเกินจริง
ผลิตภัณฑ์ทฉ่ี ลากมีการโอ้อวดเกินจริง
กิน ไขม ัน แค่พอดี ไม่มอ
ี ว้ น

เนื้อสัตว์ต่างๆ ทีใ่ ช้ปรุงอาหาร ควรเลือกใช้เนื้อสัตว์ทไ่ี ม่ตดิ มันหรือติดมันน้อย เช่น เนื้อไก่
ควรเลือกใช้สว่ นทีเ่ ป็ นส่วนอกหรือสันในไก่ และหลีกเลีย่ งการใช้หนังไก่ หนั งหมูในการปรุง
อาหาร ควรจากัดการบริโภคเครื่องในสัตว์ต่างๆ และไข่แดงในผูท้ ม่ี รี ะดับ คอเลสเตอรอลใน
เลือดค่อนข้างสูง การบริโภคเนื้อปลาต่างๆ เป็ นอีกทางเลือกหนึ่ง เนื่องจากเนื้อปลาส่วน
ใหญ่จะให้โปรตีนคุณภาพดีและไขมันต่า
25
กิน ไขมัน แค่พอดี ไม่มีอ้วน
 เนื้อสัตว์ต่างๆ ทีใ่ ช้ปรุงอาหาร ควรเลือกใช้เนื้อสัตว์ทไ่ี ม่ตดิ มันหรือติดมันน้อย เช่น เนื้อไก่ ควร
เลือกใช้สว่ นทีเ่ ป็ นส่วนอกหรือสันในไก่ และหลีกเลีย่ งการใช้หนังไก่ หนังหมูในการปรุงอาหาร
ควรจากัดการบริโภคเครือ่ งในสัตว์ต่างๆ และไข่แดงในผูท้ ม่ี รี ะดับคอเลสเตอรอลในเลือด
ค่อนข้างสูง การบริโภคเนื้อปลาต่างๆ เป็ นอีกทางเลือกหนึ่ง เนื่องจากเนื้อปลาส่วนใหญ่จะให้
โปรตีนคุณภาพดีและไขมันต่า
26
กิน ไขม ัน แค่พอดี ไม่มอ
ี ว้ น (ต่อ)

ปรับเปลีย่ นวิธปี รุงอาหารจากการทอดหรือผัดโดยใช้น้ ามันมาเป็ นวิธกี ารต้ม นึ่ง หรือย่าง ก็
จะเป็ นวิธกี ารทีช่ ว่ ยจากัดปริมาณไขมันในอาหาร
27
กิน ไขม ัน แค่พอดี ไม่มอ
ี ว้ น (ต่อ)

ผูท้ ด่ี ม่ื นมเป็ นประจาอาจเลือกดื่มนมพร่องหรือขาดไขมันได้ เพือ่ ช่วยจากัดมิให้ระดับไขมัน
ในเลือดสูงเกินปกติ ไม่แนะนาให้งดดืม่ นมเนื่องจากนมให้โปรตีน แคลเซียมและวิตามินบี 2
ทีเ่ ป็ นประโยชน์ต่อร่างกาย
28
กิน ไขม ัน แค่พอดี ไม่มอ
ี ว้ น (ต่อ)
 ลดการกินอาหารแปรรูปพวกแฮม ไส้กรอก หมูยอ เบคอน กุนเชียง ซึง่ มีไขมันสูง
29
อาหารจานด่วนตะวันตก
น้ าหนัก
(กรัม)
พลังงาน
(กิโล
แคลอรี)
โปรตีน
(กรัม)
ไขมัน
(กรัม)
คาร์โบ
ไฮเดรต
(กรัม)
โปรตีน
ไขมัน
คาร์โบ
ไฮเดรต
พิซซ่ารวมมิตร (๑ / ๔
ของขนาดกลาง )
๙๓
๒๑๙
๑๔
๑๒
๑๔
๒๖
๔๙
๒๕
แฮมเบอร์เกอร์เนื้อ
๑๕๐
๔๕๖
๒๑
๒๖
๓๓
๑๙
๕๒
๒๙
ฮ็อทดอก
๑๔๙
๓๙๘
๑๖
๒๒
๓๔
๑๖
๕๐
๓๔
แซนวิชไก่
๑๒๒
๒๘๗
๑๒
๑๕
๒๖
๑๗
๔๗
๓๖
๙๔
๓๑๔
๔
๑๘
๓๔
๕
๕๒
๔๓
ชนิดอาหาร
มันฝรัง่
การกระจายตัวของพลังงาน (%)
30
กินอย่าง ฉลาดลดเค็ม ลดโซเดียม ลดโรค
 กินเกลือเกินวันละ1 ช้อนชา เสีย่ งต่อภาวะความดันโลหิตสูง
 ลดการใช้เครือ่ งปรุงรสในอาหาร เช่น น้ าปลา ซีอว้ิ เกลือ ซอสปรุงรส เต้าเจีย้ ว และผงชูรส
 ชิมอาหารก่อนเติมทุกครัง้
 เลือกกินอาหารสดหรืออาหารทีผ่ า่ นการแปรรูปน้อยทีส่ ดุ เช่น กินเนื้อหมูดกี ว่า กินไส้กรอก
หมูยอ กุนเชียง แฮม ลูกชิน้
 ลดความถีแ่ ละปริมาณการกินอาหารทีใ่ ช้น้ าจิม้
31
ตารางแสดงปริมาณโซเดียมในอาหารแต่ละชนิด
ประเภทอาหาร
ข้าว 1 ทัพพี
เนื้อหมู / เนื้อไก่ 2 ช้อนกินข้าว
ผักสดชนิดต่างๆ 1ทัพพี
เต้าหู้ 50 กรัม
ผลไม้ชนิดต่างๆ 6-8 ชิน้
ปริมาณโซเดียม
(มก.)
50
40-60
30-100
6-10
5-80
32
ตารางแสดงปริ มาณโซเดียมในอาหารแต่ละชนิด
ประเภทอาหาร
ขนมปงั 1 แผ่น (30 กรัม)
ปลา กุง้ ปลาหมึก2 ช้อนกินข้าว
นมสด 1 แก้ว (240 ซี.ซี.)
เนย/เนยเทียมชนิดเค็ม 1 ช้อนโต๊ะ
ถัวอบกรอบ
่
2 ช้อนกินข้าว
ไข่เป็ ด/ไข่ไก่ 1 ฟอง
ปริมาณโซเดียม (มก.)
120-150
120-140
120-130
120-130
120
110-120
33
ตารางแสดงปริ มาณโซเดียมในอาหารแต่ละชนิด
ประเภทอาหาร
ปริมาณโซเดียม (มก.)
(เฉลีย่ )
เกลือแกง 1 ช้อนชา
กะปิ 1 ช้อนชา
เต้าหูย้ ้ี 1 ช้อนโต๊ะ
น้าปลา/ซีอว๊ิ 1 ช้อนชา
ไข่เค็ม 1 ฟอง
1,900-2,000
1,490
555
350-500
316
34
ตารางแสดงปริ มาณโซเดียมในอาหารแต่ละชนิด
ประเภทอาหาร
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
น้าพริกแกงเหลือง 1 ช้อนโต๊ะ
ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
ข้าวคลุกกะปิ 1 จาน
บะหมีส่ าเร็จรูปพร้อมเครือ่ งปรุง 1 ซอง
ขนมจีนน้ายา 1 จาน
ปริมาณโซเดียม (มก.)
1,150
750
420-490
1,745
1,320
1,750
35
หวาน..อันตราย
 คนไทยกินหวานมากเฉลีย่ คนละ 22 ช้อนชาต่อวันตามมาตรฐานโภชนาการ วัยรุน่ หญิง - ชาย




14 -25 ปีและ ชายวัยทางาน 25-60 ปี คนละ 6 ช้อนชาต่อวัน เด็กวัยเรียน 6-13 ปี หญิง
วัยทางาน 25-60 ปี และผูส้ งู อายุ วันละไม่เกิน 4 ช้อนชา (16 กรัม) ผูใ้ ช้แรงงานมาก เช่น
เกษตรกร ผูใ้ ช้แรงงาน นักกีฬา วันละไม่เกิน 8 ช้อนชา
น้ าตาล 42% มาจากเครือ่ งดืม่ ประเภทน้ าอัดลม
รองลงมา ได้แก่ อาหารและขนม 27%
ผลิตภัณฑ์นม21%
ดืม่ น้ าอัดลม 1 กระป๋อง ขนาดบรรจุ 325 มล. ได้รบั น้ าตาลประมาณ 32.5-45.5 กรัม หรือ 8.111.4 ช้อนชา
36
ระวังหวาน..อันตราย (ต่อ)
 ลูกอม 1 เม็ดมีน้ าตาล 0.8-1 ช้อนชา
 น้ าอัดลม(สีดา) 1 กระป๋องมีน้ าตาล 8-8.5 ช้อนชา
 เยลลี(่ ถ้วย)ปริมาณ 200 มล. มีน้ าตาล 10 ช้อนชา
 น้ ากระเจีย๊ บ ปริมาณ 500 มล.มีน้ าตาล 12.5 ช้อนชา
 ลอดช่องน้ ากะทิปริมาณ 111 กรัม (1 ถ้วย) มีน้ าตาล 6 ช้อนชา
 ซ่าหริม่ ปริมาณ 160 กรัม
(1 ถ้วย) มีน้าตาล 6 ช้อนชา
37
ดัชนีน ้าตาล (Glycemic Index)
 ดัชนีน้ าตาล คือ ค่าทีบ่ อกให้เราทราบว่าอาหารทีก่ นิ เข้าไปเปลีย่ นเป็ นน้าตาลในเลือด และ
น้ าตาลในเลือดสูงขึน้ รวดเร็วเพียงใด
 อาหารทีม่ คี า่ ดัชนีน้ าตาลต่าคือ มีคา่ GI < 55
 อาหารทีม่ คี า่ ดัชนีน้ าตาลปานกลางมีคา่ GI 55 - 70
 อาหารทีม่ คี า่ ดัชนีน้ าตาลสูงมีคา่ > 70
38
อาหารที่มีดชั นีน ้าตาล (Glycemic Index) ต่า
 ถัวเหลื
่ องมีคา่ GI
 น้ าตาลฟรุคโตสมีคา่ GI
18
23
 โยเกิรต์ ไขมันต่ามีคา่ GI 33
 วุน้ เส้นมีคา่ GI
 กล้วยน้ าว้ามีคา่ GI
 แอปเปิ้ลมีคา่ GI
 สปาเก็ตตีม้ คี า่ GI
 ส้มมีคา่ GI
 กล้วยไข่มคี า่ GI
 กล้วยหอมมีคา่ GI
 มักกะโรนีมคี า่ GI
33
37
38
41
42
 แครอทมีคา่ GI
 ข้าวซ้อมมือมีคา่ GI
 ขนมปงั โฮลวีทมีคา่ GI
 ข้าวโพดหวานมีคา่ GI
44
46
47
49
50
53
53
39
อาหารที่มีดชั นีน ้าตาลปานกลาง
 ขนมปงั ขาวมีคา่ GI
 น้ าตาลทรายมีคา่ GI
 ข้าวขัดสีมคี า่ GI
 น้ าอัดลมมีคา่ GI
 ไอศกรีมมีคา่ GI
 มันเทศมีคา่ GI
 ก๋วยเตีย๋ วมีคา่ GI
 บะหมีม่ คี า่ GI
 น้ าผึง้ มีคา่ GI
70
68
64
63
61
61
61
57
55
40
อาหารที่มีดชั นีน ้าตาลสูง
 น้ าตาลกลูโคสมีคา่ GI
 ข้าวเหนียวมีคา่ GI
 มันฝรังบดมี
่ คา่ GI
 โดนัทมีคา่ GI
100
92
85
76
41
10 วิธีลดความหวาน
1. หยุดเติมน้ าตาล เป็ นวิธีง่ายที่สุดและเห็นผลในการลดน้ าหนักและพลังงานเพราะคนเป็ น
จานวนมากชอบเติมน้ าตาลในกาแฟ ชา นมถัวเหลื
่ อง ก๋วยเตีย๋ ว
2. อย่าหลงคารมกับคาว่า “น้ าตาลสุขภาพ” เช่น น้ าตาลทรายแดง น้ าตาลกรวด ไม่ว่ าจะเป็ น
น้ าตาลชนิดใดก็ลว้ นแต่ให้พลังงานทีว่ า่ งเปล่า
3. ใช้ความพยายามอย่างจริงจังที่จะลดหรือกาจัดคาร์โบไฮเดรตแปรรูป จาพวกขนมปงั ขาว
และเบเกอรี่ และของว่าง-ขบเคีย้ ว เพราะส่วนใหญ่ทามาจากแป้ง ซึง่ สามารถเปลีย่ นไปเป็ น
น้ าตาลในเลือดได้เร็วพอๆ กับการกินกลูโคส นอกจากนี้คาร์โบไฮเดรตทีเ่ หลือใช้ จะถูกเก็บ
สะสมเป็ นไตรกลีเซอไรด์ซง่ึ เป็ นไขมันทีร่ า่ งกายเก็บเป็ นเสบียงและทาให้อว้ น
42
10 วิธีลดความหวาน
5. ระวังของว่างไร้ไขมัน จากความเชื่อผิดๆ ทีว่ า่ ถ้าอาหารไร้ไขมันจะไม่ทาให้อ้วนจริงๆ แล้วก็
คืออาหารไร้ไขมันไม่ได้หมายความว่าไร้แคลอรี นอกจากนี้ส่วนใหญ่ยงั มักจะมี น้ าตาลมาก
ด้วย
6. เลือกซือ้ ผักผลไม้ให้หลากหลายสี เพราะสีผกั ผลไม้จะบ่งบอกถึงสารธรรมชาติท่ี ให้ผลในการ
ป้องกันโรค
7. ทาตัวเป็ นนักสืบอาหาร จงอ่านฉลากอาหารเพือ่ ค้นหาน้ าตาลและไขมันไม่ดี
8. ระวังสารให้ความหวานเทียมหรือสารทดแทนความหวาน ซึง่ อาจทาให้ร่างกายมีความอยาก
น้ าตาลหรือคาร์โบไฮเดรตมากขึน้ นอกจากนี้ยงั อาจลดระดับโครเมียมทีส่ ะสมในร่างกาย และ
โครเมีย่ มเป็ นแร่ธาตุสาคัญทีเ่ กีย่ วข้องกับการรักษาระดับน้ าตาลในเลือด
43
10 วิธีลดความหวาน
8. คานวณปริมาณน้ าตาล โดยอ่านข้อมูลโภชนาการที่แสดงปริมาณน้ าตาลทัง้ หมดเป็ น
กรัม แล้ว หารด้ว ยสี่ จะเท่า กับ ปริม าณเป็ น ช้อ นชาของน้ า ตาลที่กิน เข้า ไป วิธีน้ี จ ะ
ป้องกันไม่ให้อว้ นได้
9. จากัดปริมาณผลไม้ อย่ากินมากเกินไป ถึงแม้ว่าผลไม้ให้สารอาหารทีด่ ี และมีไฟเบอร์
แต่ผลไม้กม็ นี ้ าตาลอยูด่ ว้ ย สาหรับผูท้ ค่ี ุมน้ าหนักรับประทานผลไม้วนั ละ2-3 ส่วนๆละ
6-8 คา
10.เลี่ยงหรือจากัด น้ าผลไม้ เพราะจะได้รบั น้ าตาลมากเกินความต้องการและไม่ได้ใ ย
อาหารและสารอาหารทีด่ ที ม่ี ใี นผลไม้สด
44
ฉลากโภชนาการ
45
ฉลากโภชนาการ
46
ฉลากโภชนาการ
47
ฉลากโภชนาการ
48
ฉลากโภชนาการ
49
ฉลากโภชนาการแบบเต็ม ม
ฉลากโภชนาการแบบเต็
ส่ วนที่ 1 หนึ่งหน่ วยบริโภคจานวนหน่ วยบริโภค
ส่ วนที่ 2
คุณค่ าทางโภชนาการต่ อหนึ่งหน่ วยบริโภค:
สารอาหารหลัก
ส่ วนที่ 3
คุณค่ าทางโภชนาการต่ อหนึ่งหน่ วยบริโภค:
วิตามินและแร่ ธาตุ
ฉลากโภชนาการแบบเต็ม
ส่ วนที่ 4 ข้ อมูลความต้ องการพลังงานและสารอาหาร
ส่ วนที่ 5 ข้ อมูลการคานวณพลังงาน
50
ฉลากโภชนาการแบบย่ อ
51
ข้ อมูลโภชนาการ
1. หนึ่งหน่วยบริโภค
52
ข้ อมูลโภชนาการ
2. จานวนหน่วยบริโภคต่อภาชนะบรรจุ
53
น้าแอปเปิ้ล 1,000 มล.
กินได้ 5 ครั้ง
200 มล.
200 มล.
หนึ่งหน่วยบริโภค : 1/5 กล่อง (200 มล.)
จานวนหน่วยบริโภคต่อกล่อง: ประมาณ 5
200 มล.
200 มล.
200 มล.
54
ิ
้
น้าแอปเป
ล
1,000
มล.
หนึ่งหน่วยบริโภค : 1/5 กล่อง (200 มล.)
กินได้ 5 คน
200 มล.
200 มล.
จานวนหน่วยบริโภคต่อกล่อง: ประมาณ 5
200 มล.
200 มล.
200 มล.
55
ข้ อมูลโภชนาการ
3. คุณค่าทางโภชนาการต่อหนึ่ งหน่ วยบริโภค
56
ข้ อมูลโภชนาการ
4. ร้อยละของปริมาณที่แนะนาต่อวัน (% Thai RDI)
57
ประโยชน์ ของฉลากโภชนาการ
1. เลือกซื้ออาหารและเลื อกบริโภคให้ เหมาะสมกับความต้ องการ
หรือภาวะทางโภชนาการของตนได้ เช่ น ผู้ที่มีโคเลสเตอรอลสูง ก็
เลื อ กอาหารที่ ร ะบุว่ า มี ไขมัน อิ่ม ตัว ต่า หรื อ ผู้ที่ เ ป็ นโรคไตก็เ ลื อ ก
อาหารมีโซเดียมตา่
2. เปรียบเทียบเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารชนิดเดียวกัน
โดยเลือกที่มีคณ
ุ ค่าทางโภชนาการที่ดีกว่าได้
58
คุณค่ าทางโภชนาการ........
ความแตกต่ างที่เลือกได้
59
สารปนเปื ้ อนในอาหาร คืออะไร..?
สารปนเปื้ อนในอาหาร คือ (Contaminants)
หมายถึง สารทีป่ นเปื้อนกับอาหารโดยตัง้ ใจหรือไม่กต็ าม แต่
เป็ นผลซึง่ เกิดจากกระบวนการผลิต การเลือกวัตถุดบิ กรรมวิธี
การผลิต โรงงาน หรือสถานทีผ่ ลิต การดูแลรักษา การบรรจุ
การขนส่งหรือการเก็บรักษา หรือเกิดเนื่องจากการปนเปื้ อนจาก
สิง่ แวดล้อม ยังรวมถึงชิน้ ส่วนจากแมลง สัตว์ หรือ สิง่
แปลกปลอมอื่นด้วย
60
การปนเปื ้ อน
 การปนเปื้ อนทางกายภาพ
 การปนเปื้ อนทางชีวภาพ
 การปนเปื้ อนทางเคมี
61
62
บอแรกซ์
เป็ นผงสี ขาว
ไม่ มีกลิน่
มีรสขมเล็กน้ อย
ใช้ ในอุตสาหกรรมการทาแก้ วเพือ่ ให้ ทนความร้ อน, ใช้
ประสานในการเชื่อมทอง
เพ่งแซ เม่ งแซ ผงกรอบ ผงกันบูด นา้ ประสานทอง
63
อันตรายต่ อสุ ขภาพร่ างกาย
เป็ นพิษต่อไต และ
สมอง
มีอาการ คือ อ่ อนเพลีย อาเจียน ปวดหัว เบื่ออาหาร
ท้ องร่ วง เยือ่ ตาอักเสบ และอาจตายได้
64
อันตรายต่ อสุ ขภาพร่ างกาย
ผูใ้ หญ่ ได้รบั สารบอแรกซ์ 15 กรัม
และ เด็ก ได้รบั 5 กรัม
จะทาให้อาเจียนเป็ นเลือด
และถึงแก่ชีวิตได้ ภายใน 3-4 ชม.
65
กฎหมาย
สารห้ามใช้ในอาหาร
ผูใ้ ดฝ่ าฝื น ปรับไม่เกิน 20,000 บาท
ฉลากต้องมีข้อความ
“บอแรกซ์อนั ตรายห้ามใช้ในอาหาร”
66
อาหารทีม่ ักตรวจพบว่ ามีบอแรกซ์
ลูกชิ้น
ทับทิมกรอบ
หมูบด
ลอดช่อง
ทอดมัน
ผัก ผลไม้ดอง
67
สารกันรา (กรดซาลิซิลคิ )
เป็ นกรด
ยับยั้งเชื้อจุลนิ ทรีย์
กรดซาลิซิลคิ
แต่ ห้ามใช้ กบั อาหาร
มักใส่ ในอาหารหมักดอง
อันตรายต่ อสุ ขภาพร่ างกาย
อ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะ
ปวดศีรษะ
ระคายเคือง
กระเพาะอาหาร
หูอ้ือ
มีไข้ข้ ึนสูง
ผิวหนังเป็ นผื่นแดง
ลาไส้
69
อันตรายต่ อสุ ขภาพร่ างกาย
ถ้ าได้ รับกรดซาลิซิลคิ จนมีความเข้ มข้ นใน
เลือดถึง 25 – 35 มก. ต่ อ เลือด 100 มล.
จะมีอาการ หูออื้ มีไข้ และอาจถึงตายได้
70
อาหารที่มักตรวจพบว่ ามีสารกันรา
ผัก ผลไม้ดอง ต่างๆ
ปลาส้ม ปลาทูเค็ม
71
สารฟอกขาว (โซเดียมไฮโดรซัลไฟต์ )
หรื อเรี ยก ผงซักมุ้ง
ใช้ฟอกแห-อวน ให้ขาว
แอบใส่ ในอาหารให้ขาว
ห้ามใส่ ในอาหาร
72
อาหารที่มกั ตรวจพบว่ามีสารฟอก
ขาว
ถัว่ งอก
กระท้อนดอง
ขิงซอย
น้ าตาลมะพร้าว
ทุเรี ยนกวน
ยอดมะพร้าว
73
อันตรายต่ อสุ ขภาพร่ างกาย
ระคายเคืองระบบทางเดินอาหาร
ผิวหนังอักเสบ แดง
ปวดศีรษะรุ นแรง
เจ็บ แน่นหน้าอก
ช็อค หมดสติ
74
อันตรายของสารฟอกขาว
หากบริโภคเกิน 30 กรัม ความ
ดันโลหิตลดลงอย่างรวดเร็ว จะทาให้
ถ่ายเป็ นเลือด ชัก ช็อก หมดสติ
หายใจไม่ออก ไตวาย และเสียชีวติ ใน
ทีส่ ดุ
75
วิธีการหลีกเลีย่ งสารฟอกขาว
หลีกเลี่ยงอาหารที่ขาวมากเกินไป
หรือ ขาวผิดธรรมชาติ
76
77
ฟอร์ มาลิน
น้ายาดองศพ
ใช้ฆ่าเชื้อโรค/ดองศพ
ระเหยได้
มีกลิ่นฉุน แสบจมูก
78
อาหารทีม่ ักตรวจพบฟอร์ มาลิน
อาหารทะเลสด
สไบนาง (ผ้าขี้ริ้วสี ขาว)
ผัก ผลไม้ สด
เห็ดสด
79
สไบนาง (ผ้าขีร้ ิ้วสีขาว)
80
อันตรายต่ อสุ ขภาพร่ างกาย
ปวดศีรษะ
ระคายเคืองระบบทางเดินหายใจ
ปวดท้องรุ นแรง
ชัก ช็อค หมดสติ
81
ผลกระทบต่ อสุขภาพ
ถ้ารับประทาน 30 – 60 มิลลิลิตร จะ
ทาให้เกิดอาการปวดท้องรุนแรง
อาเจียน ท้องเดิน หมดสติ และ
เสียชีวติ
82
นา้ มันทอดซา้
น้ามันที่ ผ่านการทอดซา้ หลายๆ ครัง้ จะมีคณ
ุ ภาพเสื่อมลง ทัง้ สี กลิ่น รสชาติ
มีความหนื ดมากขึน้ และเกิด “สารประกอบโพลาร์”ขึน้ ซึ่งสามารถสะสมในร่างกายและ
ส่งผลกระทบต่ อการทางานของเซลล์ได้ จากข้อมูลการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่าสาร
บางชนิดที่เกิดจากการเสื่อมสลายของน้ามันจากการทอดอาหาร เป็ นสารก่อกลายพันธุท์ ี่
ท าให้ เ กิ ด มะเร็ง ผิ ว หนั ง ในสัต ว์ท ดลอง รวมทัง้ มี ส ารจากน้ า มัน ทอดซ้า ซึ่ ง สามารถ
ก่อให้เกิดการกลายพันธุใ์ นเชื้อแบคทีเรีย โดยสารดังกล่าวเป็ นสารที่ก่อให้เกิดเนื้ องอกใน
ตับ ปอด และก่อให้เกิดมะเร็งในเม็ดเลือดขาวในหนูทดลอง
กระทรวงสาธารณสุ ขมีประกาศ ฉบับที่ 283 พ.ศ. 2547 กาหนดให้ นา้ มันทีใ่ ช้ ทอดหรือประกอบอาหารเพือ่
จาหน่ าย มีสารโพลาร์ ได้ ไม่ เกินร้ อยละ 25% ของนา้ หนัก บทลงโทษสาหรับผู้จาหน่ าย ปรับไม่ เกิน 50,000.83
คาแนะนาการใช้ นา้ มันทอดอาหาร
1. การทอดอาหารที่ใช้ ความร้ อนสู งๆ ควรใช้ น้ามันที่มีความคงตัวสู ง เกิดควัน
ช้ า ได้ แก่ น้ามันปาล์ มโอเลอิน (จากเนื้อปาล์ ม) การทอดที่ใช้ ความร้ อนไม่ สูง
มากหรื อการผัด สามารถใช้ น้ามันอื่นๆ เช่ น น้ามันถั่วเหลือง น้ามันข้ าวโพด
นา้ มันดอกคาฝอย นา้ มันดอกทานตะวัน ฯลฯ
2. ควรซับน้าส่ วนเกินบริ เวณผิวหน้ าอาหารดิบเพื่อลดการแตกตัว ของน้ามัน
ทาให้ ชะลอการเสื่ อมสลายของนา้ มันทอดอาหาร
3. ควรล้ างทาความสะอาดกระทะ หรื อเครื่ องมือทอดอาหารทุกวันเนื่องจาก
นา้ มันเก่าทีต่ ิดค้ างอยู่จะไปเร่ งการเสื่ อมสภาพของนา้ มันใหม่
84
คาแนะนาการใช้ นา้ มันทอดอาหาร
4. ควรเปลี่ยนน้ามันใหม่ และไม่ ควรเติมน้ามันใหม่ ลงไปผสมน้า มันเก่ าหาก
นา้ มันเก่าทีม่ ีลกั ษณะอย่ างใดอย่ างหนึ่ง เช่ น สี ดา ขุ่น เหนียวข้ น เหม็นหืน เกิด
ฟอง ควัน หรือเหม็นไหม้ ไอนา้ มัน
5. ควรทอดอาหารครั้งละไม่ มากเกินไป ไม่ ควรใช้ ไฟแรงเกินไปและควรรั กษา
ระดับอุณหภูมิให้ คงที่ หากทอดอาหารประเภทเนือ้ สั ตว์ ทมี่ ีส่วนผสมของเกลือ
หรื อเครื่ องปรุ งรสปริ มาณมาก ควรเปลี่ยนน้ามันให้ บ่อยขึ้น และหมั่นกรอง
กากอาหารทิง้ ระหว่ างและหลังการทอดอาหารโดยเฉพาะอาหารทอดที่มีการ
ชุ บแป้งปริมาณมาก
85
ยาฆ่ าแมลง/สารพิษตกค้ าง
สารพิษตกค้าง หมายถึง วัตถุอนั ตรายทาง
การเกษตร หรือ สิง่ ปลอมปนในวัตถุอนั ตราย
ทางการเกษตรทีม่ คี วามเป็ นพิษ ซึง่ ปนเปื้ อน
หรือตกค้างในอาหาร
มีจดุ ประสงค์ในการใช้เพื่อ ป้ องกัน ทาลาย ขับไล่
หรือควบคุมศัตรูพืช หรือสัตว์ ที่ไม่พึงประสงค์
86
อาหารที่มักตรวจพบยาฆ่ าแมลง/สารพิษตกค้ าง
 ผัก และ ผลไม้
 ธัญพืช ต่างๆ
 อาหารตากแห้งบางชนิด เช่น ปลาทูเค็ม เนื้อแห้ง
87
อันตรายต่ อสุ ขภาพร่ างกาย
 เกิดพิษสะสม เป็ นปญั หาเรือ้ รัง
 เป็ นอันตรายต่อระบบสมองและประสาท เช่น
ต่อมใต้สมอง
ความจาเสือ่ ม สมาธิสนั ้ เป็ นต้น
 เป็ นพิษต่อตับ และ ไต
 รบกวนระบบภูมคิ มุ้ กันของร่างกาย
 กระทบต่อต่อมไร้ท่อ (ฮอร์โมน)
 เป็ นสารก่อมะเร็ง และสารก่อกลายพันธุ์
 ทาให้ทารกในครรภ์พกิ าร
88
ระบบต่ อมไร้ ท่อในร่ างกาย
1.
2.
3.
4.
5.
6.
7.
8.
ต่อมใต้สมอง
ต่อมใต้สมอง
ต่อมเพศ
ต่อมไทรอยด์
ต่อมพาราไทรอยด์*
ต่อมไธมัส
ต่อมหมวกไต*
ต่อมตับอ่อน*
89
ในสารพิษตกค้ าง พบว่า...
เป็ นสารพิษในกลุ่มฟอสเฟต และคาร์บาเมท
สารพิษตกค้างส่วนใหญ่มผี ลกระทบต่อระบบ
ประสาท
ถ้าได้รบั พิษ 2 ชนิด รวมกันขึน้ ไป จะยิง่ ทาให้
เกิดพิษสะสมสูง/เสริมฤทธิ ์กัน(1,000 เท่า)
90
วิธีการล้ างผัก/ผลไม้ ลดสารพิษตกค้ าง
1.
ใช้โซเดียมไบคาร์บอเนต (ผงฟู) 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ าอุ่น
1 กะละมัง (20 ลิตร) แช่นาน 15 นาทีจะช่วยลดปริมาณ
สารพิษลงได้ 90 – 92%
2. ใช้น้าส้มสายชู (5%) ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้า 1 กะละมัง แช่นาน 30 45 นาที แล้วล้างออกด้วยน้าสะอาด ปริมาณสารพิษทีล่ ดลงด้วยวิธนี ้ีคอื 60 –
84%
91
วิธีการล้ างผัก/ผลไม้ ลดสารพิษตกค้ าง (ต่ อ)
3. ล้างผักโดยให้น้ าไหลผ่าน ใช้มอื ช่วยคลีใ่ บผัก นาน 2 นาที วิธนี ้ี
ลดปริมาณสารพิษลงได้ 50 - 63%
92
วิธีการล้ างผัก/ผลไม้ ลดสารพิษตกค้ าง (ต่ อ)
4. ต้มหรือลวกผักด้วยน้าร้อน ปริมาณสารพิษทีล่ ดลง
คือ 48 – 50%
93
แอฟลาทอกซิน
 เป็ นสารพิษซึง่ เกิดจากเชือ้ จุลนิ ทรีย์ เชือ้ รากลุม่ Aspergillus
flavus, A. parasiticus และ A.monius ซึง่ เชือ้ รา
เหล่านี้ชอบเจริญเติบโตอยูบ่ นเมล็ดถัวลิ
่ สง พริกแห้ง หอม
กระเทียมและข้าวโพดเป็ นสาคัญ
 ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 98 (พ.ศ. 2529) ได้
กาหนดไว้วา่ ต้องมีแอฟลาทอกซินอยูใ่ นอาหารไม่เกิน 20 พีพบี ี (
20 ไมโครกรัม ต่ออาหาร 1 กิโลกรัม)
 บทลงโทษสาหรับผูจ้ าหน่าย ปรับไม่เกิน 50,000.94
ความเป็ นพิษของแอฟลาทอกซิน
ทาอันตรายต่อเซลล์ตบั อาจเกิด ตับอักเสบ ตับแข็ง หรือมะเร็งตับ
ในเด็ก อาจเกิดอาการชัก หมดสติ เกิดความผิดปกติของเซลล์ตบั และ
เซลล์สมอง และอาจทาให้เด็กเสียชีวติ ได้ภายใน 2-3 วันเท่านัน้
การป้องกัน
อาหารแห้ง ต้องเลือกซือ้ ทีอ่ ยูใ่ นสภาพใหม่ ไม่แตกหัก ไม่ขน้ึ รา
อาหารแห้ง ชิน้ ใดทีข่ น้ึ ราต้องทิง้ ห้ามนามาบริโภค
95
เครื่ องสาอาง คือ ?
ตามพระราชบัญญัติเครื่ องสาอาง พ.ศ. 2535...
เป็ นผลิตภัณฑ์ที่ใช้เฉพาะกับผิวกายภายนอกเท่านั้น เช่น ผิว ริ มฝีปาก
ช่องปาก เส้นผม เล็บ อวัยวะเพศส่ วนนอก
ใช้เพื่อความสะอาด หรื อเพื่อระงับกลิ่นกาย แต่งกลิ่นหอม
ใช้เพื่อปกป้ องหรื อส่ งเสริ มให้มีสุขภาพที่ดี ดูดี
โดยไม่มีผลต่อโครงสร้างหรื อร่ างกายมนุษย์ ไม่สามารถบรรเทา รักษา
ป้ องกันโรคได้
เครื่ องสาอาง คือ ?
 เช่น
เครื่ องสาอางมีกี่ประเภท ?
เครื่ องสาอางทุกชนิด เป็ นเครื่ องสาอางควบคุม

ผูผ้ ลิตหรื อผูน้ าเข้าจะต้องยืน่ สู ตรให้เจ้าหน้าที่สสจ.ตรวจสอบก่อน ถ้าไม่มีสารห้ามใช้
หรื อเกินมาตรฐาน จึงจะอนุญาตให้ผลิตได้

หากไม่ได้รับการอนุญาต ห้ามผลิต หรื อนาเข้าเพื่อขาย

จาคุกไม่เกิน 1 เดือน หรื อปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรื อทั้งจาทั้งปรับ
การเลือกซื้ อเครื่ องสาอาง ต้องตรวจสอบอะไรบ้าง ?
เลือกซื้อจากร้านที่มีหลักแหล่งแน่นอน เชื่อถือได้
การเลือกซื้อเครื่ องสาอาง ต้องตรวจสอบอะไรบ้าง ?
 เลือกซื้ อเครื่ องสาอางที่มีฉลากภาษาไทย ที่ระบุ
 ชื่อเครื่ องสาอาง
 ชื่อการค้า ยีห
่ อ้
 ประเภทเครื่ องสาอาง
 ส่ วนประกอบ
 ชื่อและที่ต้ งั ผูผ้ ลิต
 เดือนปี ที่ผลิต
 วิธีใช้
 เลขที่ผลิต
 เลขที่รับแจ้ง
 คาเตือน (ถ้ามี)
การเลือกซื้ อเลือกใช้เครื่ องสาอาง
ปฏิบตั ติ ามวิธใี ช้ และใช้ดว้ ยความระมัดระวังตามคาเตือนทีร่ ะบุในฉลาก
หากใช้เครือ่ งสาอางชนิดใดเป็ นครัง้ แรก ผูป้ ระกอบการควรทดสอบการแพ้ก่อนใช้ให้แก่ลกู ค้า ด้วยการ
ทาผลิตภัณฑ์ในปริมาณเล็กน้อยบริเวณท้องแขน แล้วทิง้ ไว้ 24-48 ชัวโมง
่ หากไม่มคี วามผิดปกติใดๆ
เกิดขึน้ แสดงว่าน่าจะใช้ได้
เมือ่ ใช้เครือ่ งสาอางเสร็จแล้ว ควรปิดฝาให้สนิทเพือ่ ป้องกันการปนเปื้อนจากฝุน่ ละออง สิง่ สกปรก หรือ
เชือ้ โรคต่างๆ
เก็บเครือ่ งสาอางไว้ในทีแ่ ห้งและเย็น อย่าเก็บในทีร่ อ้ นหรือแสงแดดส่องถึง เพราะจะเสือ่ มคุณภาพเร็ว
กว่าปกติ
ถ้ามีประวัตเิ คยแพ้สารใดมาก่อน เวลาเลือกซือ้ ผลิตภัณฑ์ ควรตรวจสอบว่ามีสารนัน้ เป็นส่วนผสม
หรือไม่ หากมี ควรหลีกเลีย่ ง
หากความผิดปกติเกิดขึน้ (ไม่วา่ จะเป็ นครัง้ แรก หรือใช้มาระยะหนึ่งแล้วก็ตาม) ต้องหยุดใช้ทนั ที ถ้า
หยุดใช้แล้วอาการยังไม่ดขี น้ึ ให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เพือ่ ค้นหาสาเหตุ และทาการรักษาต่อไป
ยา คือ ?
ตามพระราชบัญญัตยิ า พ.ศ. 2510
1. วัตถุทร่ี บั รองไว้ในตารายาทีร่ ฐั มนตรีประกาศ
2. วัตถุทม่ี งุ่ หมายสาหรับใช้ในการวินิจฉัย บาบัด บรรเทา รักษา หรือป้องกันโรค
หรือความเจ็บปว่ ยของมนุ ษย์หรือสัตว์
3. วัตถุทเ่ี ป็ นเภสัชเคมีภณ
ั ฑ์หรือเภสัชเคมีภณ
ั ฑ์กง่ึ สาเร็จรูป
4. วัตถุทม่ี งุ่ หมายสาหรับให้เกิดผลแก่สขุ ภาพ โครงสร้างหรือการกระทาหน้าทีใ่ ด ๆ
ของร่างกายของมนุ ษย์หรือสัตว์
5. วัตถุตาม 1, 2, 4 ไม่หมายรวมถึงวัตถุทใ่ี ช้ในการเกษตร อุตสาหกรรม ไม่รวมถึง
อาหาร เครือ่ งกีฬา เครือ่ งสาอาง ฯลฯ
103
ฉลากยา
มาตรา 25 และมาตรา 57 ตามพรบ. ยา 2510 กาหนดให้ผผู้ ลิตยาแสดงฉลากยา
อันมีขอ้ ความดังต่อไปนี้
(1) ชื่อยา
(2) เลขทีห่ รือรหัสใบสาคัญการขึน้ ทะเบียนตารับยา
(3) ปริมาณของตัวยาทีบ่ รรจุ
(4) ชื่อและปริมาณ หรือความแรงของสารออกฤทธิ ์
(5) เลขทีห่ รืออักษรแสดงครัง้ ทีผ่ ลิตหรือวิเคราะห์ยา
(6) ชื่อผูผ้ ลิตยา และจังหวัดทีต่ งั ้ สถานทีผ่ ลิตยา
(7) วันเดือนปีทผ่ี ลิตยา
104
ฉลากยา (ต่อ)
(8) คาว่า “ยาอันตราย” “ยาควบคุมพิเศษ” “ยาใช้ภายนอก” หรือ “ยาใช้เฉพาะที”่
แล้วแต่กรณี ด้วยตัวอักษรสีแดงเห็นได้ชดั เจน
(9) คาว่า “ยาสามัญประจาบ้าน” ในกรณีทเ่ี ป็ นยาสามัญประจาบ้าน
(10) คาว่า “ยาสาหรับสัตว์” ในกรณีเป็ นยาสาหรับสัตว์
(11) เดือน ปี ทีผ่ ลิต หรือ ปี เดือน ทีผ่ ลิต
(12) คาว่า “ยาสิน้ อายุ” และแสดงวันเดือนปีทย่ี าสิน้ อายุในกรณีเป็ นยาทีร่ ฐั มนตรี
ประกาศตามมาตรา 76 (7) หรือ (8)
(13) ใช้ฉลากและเอกสารกากับยาตามทีไ่ ด้ขน้ึ ทะเบียนตารับยาไว้และข้อความใน
ฉลากและเอกสารกากับยาต้องอ่านได้ชดั เจน เอกสารกากับยาถ้าเป็ นภาษาต่างประเทศ
ต้องมีคาแปลเป็ นภาษาไทยด้วย
105
สิง่ ทีอ่ ่านได้จากฉลากยา
ชือ่ ยา : เพพเพอร์มนิ ท์ ฟิลด์ บาล์ม สติก๊
เลขทีเ่ บียนยา : G1189/47
เป็ นยาแผนโบราณ
น้าหนักสุทธิ 6 กรัม
ผลิตโดย :เบอร์แทรบเคมิคอล (1982)
สรรพคุณและวิธใี ช้..................
เป็ นยาใช้ภายนอก
เป็ นยาสามัญประจาบ้าน
ยาสามญ
ั ประจาบ้าน
106
107
สเตียรอยด์ คืออะไร
สเตียรอยด์ เป็ นฮอร์โมนชนิดหนึ่ งที่ร่างกายสร้างมาจากต่อม
หมวกไตชัน้ นอก (Adrenal cortex steroids) สาหรับสเตียรอยด์ที่ใช้ในทาง
การแพทย์นัน้ เป็ นสารที่สงั เคราะห์ขึน้ เพื่อใช้ประโยชน์ ในการรักษาโรค
รวมถึงใช้ทดแทนในกรณี ที่ร่างกายไม่สามารถสร้างฮอร์โมนดังกล่าวได้
โดยยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์นี้ กฎหมายกาหนดให้เป็ นยาควบคุม
พิเศษ เนื่ องจากมีความเป็ นพิษสูง และต้องให้แพทย์เป็ นผูส้ งจ่
ั ่ ายเท่านัน้
108
ผลของสเตียรอยด์ต่อร่างกาย
 มีผลต่อเมตาบอลิซึมของคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน
 ผลต่อความสมดุลของเกลือแร่ อิเล็กโทรไลต์ และน้า
 ฤทธ์ ิ บรรเทาการอักเสบ
 ฤทธ์ ิ กดภูมิค้มุ กัน
 ผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด
 ผลต่อเลือด
 ผลต่อการเจริญเติบโต การแบ่งเซลล์ กล้ามเนื้ อ กระดูก
109
ประโยชน์ของสเตียรอยด์
 ใช้เพือ่ ทดแทนการขาดฮอร์โมน โดยปกติจะใช้สเตียรอยด์เพือ่
ทดแทนการขาดฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต ทีม่ สี าเหตุมาจาก ความ
บกพร่องของต่อมหมวกไต และจากความบกพร่องของต่อมใต้สมอง
ส่วนหน้า
 ใช้รกั ษาโรคต่าง ๆ สเตียรอยด์จะถูกใช้เมือ่ ใช้ยาอื่นไม่ได้ผล หรือโรค
นัน้ ไม่อาจควบคุมด้วยยาอื่น เนื่องจากมีอาการข้างเคียงสูง
วัตถุประสงค์ทน่ี าสเตียรอยด์ไปใช้กเ็ พือ่ บรรเทาอาการอักเสบและ/
หรือกดภูมคิ มุ้ กันในโรคต่าง ๆ นัน้
110
ประโยชน์ ของสเตียรอยด์
 โรคภูมแิ พ้ สเตียรอยด์ เมือ่ ใช้ในโรคภูมแิ พ้ จะให้ผลดีและรวดเร็วในการ
ควบคุมอาการหลายอย่างทีเ่ กีย่ วเนื่องกับโรคภูมแิ พ้ เช่น โรคหืด แต่เนื่องมี
อันตรายจากการใช้สงู จึงควรเก็บไว้ใช้ในกรณีทจ่ี าเป็ นจริง ๆ และใช้ใน
ระยะเวลาสัน้ เช่น เป็ นโรคหวัดคัดจมูกเรือ้ รังชนิดแพ้อากาศ ทีใ่ ช้ยาต้าน
ฮีสตามีนไม่ได้ผล
 โรคผิวหนัง สเตียรอยด์ สามารถลดอาการทางผิวหนังทีเ่ กิดจากการแพ้ การ
อักเสบและโรคผิวหนังทีท่ าให้เกิดอาการคันต่าง ๆ แต่การใช้ยา
สเตียรอยด์ ไม่ใช่เป็ นการรักษาทีต่ น้ เหตุ เป็ นเพียงยับยัง้ อาการคันและอาการ
อักเสบทีเ่ กิดจากเชือ้ รา ดังนัน้ เมือ่ หยุดยาก็จะกลับมาเป็ นอีก เพราะส
เตียรอยด์มผี ลในการกดภูมคิ มุ้ กันของร่างกาย
07/11/58
wittaya kroeksukonwanich
111
ประโยชน์ ของสเตียรอยด์
 โรคตา สเตี ยรอยด์ ใช้ ไ ด้ ผ ลในการรักษาโรคของตาที่ เกิ ด จากอาการแพ้ เช่ น
อาการเคืองตา เนื่ องจากการแพ้สารบางชนิด ที่ ไม่ใช่เกิดจากการติดเชื้อ ดังนัน้
จึ ง ห้ า มใช้ ย าที่ มี ส่ ว นผสมของสเตี ยรอยด์ใ นกรณี ที่ ติด เชื้ อ นอกจากนี้ ห ากใช้
ติดต่ อกันเป็ นเวลานาน อาจทาให้ ความดันในลูกตาสูงขึ้นจนเกิดเป็ นโรคต้ อหิน
ได้
 โรคข้ออักเสบชนิดรูมาตอยด์ การรักษาโรคนี้ ปกติจะใช้ยาต้านการอักเสบชนิดที่
ไม่ ใ ช่ ส เตี ย รอยด์ ก่ อ น หากมี อ าการอัก เสบที่ รุน แรงแพทย์อ าจพิ จ ารณาให้
สเตี ยรอยด์เพื่ อบรรเทาอาการเฉพาะครัง้ ได้ ในระยะแรก อย่างไรก็ตาม
หากสงสัยว่ามีการติดเชื้อในข้อร่วมด้วย ห้ ามฉี ดยา สเตี ยรอยด์เข้าข้อโดยตรง
อย่างเด็ดขาด เพราะจะทาให้เกิดการติดเชื้อรุนแรงขึน้
07/11/58
wittaya kroeksukonwanich
112
อันตรายจากการใช้ สเตียรอยด์
เนื่ องจากสเตียรอยด์เป็ นยาซึ่งมีผลต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกาย
แทบทุกระบบ การใช้สเตียรอยด์อาจนาไปสู่อนั ตรายมากมายหลาย
ประการ ที่สาคัญได้แก่
 การติดเชื้อ
 กดการทางานของระบบที่ควบคุมการหลังฮอร์
่ โมน
 แผลในกระเพาะอาหาร
 ผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง
07/11/58
wittaya kroeksukonwanich
113
อันตรายจากการใช้ สเตียรอยด์
 กระดูกผุ (Osteoporosis)
 ยับยัง้ การเจริญเติบโตของร่างกาย
 ทาให้ระดับโปแตสเซียมในเลือดตา่
 ทาให้กล้ามเนื้ ออ่อนแรง
 ผลต่อตา
 ผลต่อผิวหนัง
 ฤทธ์ ิ และอาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ
07/11/58
wittaya kroeksukonwanich
114
บทลงโทษของผู้ฝ่าฝื นตามพระราชบัญญัตยิ า
 ขายยาชุดทีม่ ยี าสเตียรอยด์ผสมอยู่ จาคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000
บาท หรือทัง้ จาทัง้ ปรับ
 ขายยาสเตียรอยด์โดยไม่มใี บสังยา
่ (กรณีเป็ นยาควบคุมพิเศษ) / เภสัชกรไม่
ควบคุมการขายยาควบคุมพิเศษ ปรับ 1,000-5,000 บาท
 ผูป้ ระกอบการขายยาอันตรายหรือยาควบคุมพิเศษ ระหว่างทีเ่ ภสัชกรไม่อยู่
ปฏิบตั หิ น้าที่ ปรับ1,000-5,000 บาท
 ผูป้ ระกอบการรายงานการผลิต/การนาเข้าไม่ตรงกับความจริง หรือไม่
รายงานมาทีส่ านักงานคณะกรรมการอาหารและยา ปรับ 2,000-10,000 บาท
07/11/58
wittaya kroeksukonwanich
115
ข้ อพึงปฏิบัตใิ นการใช้ สเตียรอยด์
 ผูบ
้ ริโภคควรได้รบั การวินิจฉัยจากแพทย์ก่อนว่า มีความจาเป็ นต้องใช้ยา สเตีย
รอยด์
 ซื้อยาจากร้านขายยาแผนปัจจุบนั ที่มีเภสัชกรแนะนาการใช้ยา
 หลีกเลี่ยงการซื้อยาลูกกลอนที่ไม่ได้ขึน
้ ทะเบียนตารับยา หรือยาชุดที่จดั เตรียม
ไว้แล้ว
 สาหรับผูท
้ ี่นิยมยาแผนโบราณประเภทยาลูกกลอน เพื่อให้มีความมันใจว่
่ า จะ
ปลอดภัยจากสเตียรอยด์ ในการเลือกซื้อให้ตรวจดูฉลากที่ปิดผนึ กบนภาชนะ
บรรจุ ว่าจะต้องมีเลขทะเบียนตารับยาซึ่งแสดงว่าได้รบั อนุญาตจากสานักงาน
คณะกรรมการอาหารและยา
 การใช้ยาหยอดตาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ไม่ควรซื้อมาใช้เองเพราะอาจทา
ให้ตาบอดได้
116
ขอบเขตการควบคุมการโฆษณา
 บทบัญญัตขิ องกฎหมายเกีย่ วกับเรือ่ งนัน้
 ความหมายของผลิตภัณฑ์สุขภาพว่าด้วยเรือ่ งนัน้ ๆ
 ความหมายของ “โฆษณา” ตามกฎหมายของผลิตภัณฑ์สุขภาพ
 เงือ่ นไขการโฆษณา
 พจนานุ กรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒
 โฆษณา หมายถึง
การกระทาด้วยวิธีการใดๆ
ให้ประชาชนเห็นหรือทราบข้อความ
เพื่อประโยชน์ทางการค้า
(3)
นิยามและความหมาย
พจนาน ุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน
โฆษณา หมายถึ ง เผยแพร่ขอ้ ความออกไปยังสาธารณชน ป่าวร้อง ป่าว
ประกาศ กระทาการไม่ว่าโดยวิธีใดๆ ให้ประชาชนเห็นหรือทราบข้อความ
เพื่อประโยชน์ทางการค้า
พระราชบัญญัติคม้ ุ ครองผูบ้ ริโภค พ.ศ. 2522
โฆษณา หมายความรวมถึ ง การกระทาไม่ว่าโดยวิ ธีใดๆ ให้ประชาชนทราบ
ข้อความเพื่อประโยชน์ทางการค้า
ข้อความ หมายถึ ง บทความ สื่อภาพ ภาพยนตร์หรือเสียง ซึ่ งสื่อให้เห็ นหรือ
เข้าใจได้ในความหมาย
ผลิตภัณฑ์ส ุขภาพ
ยา อาทิ ยารักษาโรคชนิดตาง
ๆ ทัง้ ทีเ่ ป็ นยาแผน
่
ปัจจุบน
ั
ยาแผนโบราณ และยาแผนปัจจุบน
ั
ยาแผน
โบราณ
และยาแผนปัจจุบน
ั เฉพาะยาบรรจุเสร็จทีไ่ มใช
่ ่ ยา
อันตราย หรือยาควบคุมพิเศษ
อาหาร อาทิ อาหารในภาชนะบรรจุทป
ี่ ิ ดสนิท
กาแฟปรุงสาเร็จ เครือ
่ งดืม
่ ผสมสารสกัดตาง
ๆ ผลิตภัณฑ ์
่
เสริมอาหารตาง
ๆ เช่น ใยอาหารชนิดเม็ด ไคโตซาน
่
สารสกัดจากส้มแขก โคเอนไซมคิ
์ วเทน กลูตาไทโอน สาร
สกัดจากถัว่ ขาว
น้าคลอโรฟิ ลล ์ เป็ นตน
้
ผลิตภัณฑ์ส ุขภาพ
เครือ
่ งสาอาง อาทิ ผลิตภัณฑท
์ าความสะอาด
ผิวหน้า ครีมหรือโลชัน
่ บารุงผิว น้ายาสระผม สบู่ ครีม
รองพืน
้ แป้งทาหน้า ลิปสติก น้าหอม ครีมกันแดด
ผลิตภัณฑย
เจลแตงผม
ผลิตภัณฑทาเล็
บ
้
่
์ อมผม
์
เครือ
่ งมือแพทย ์ อาทิ ถุงยางอนามัย เกาอี
้ ้ ไฟฟ้า
สถิต คอนแทคเลนส์ รวมถึง คอนแทคเลนส์แฟชัน
่
เครือ
่ งนวด ทีน
่ อนแมเหล็
ก พลาสเตอรแม
ก เครือ
่ ง
่
่
์ เหล็
สั่ นสะเทือน
วัตถุอน
ั ตรายทีใ่ ช้ในบานเรื
อน อาทิ
ผลิตภัณฑ ์
้
ป้องกันและกาจัดแมลงในบานเรื
อน ผลิตภัณฑซั
้
์ กผ้าชนิด
เหลว ผลิตภัณฑท
์ าความสะอาดห้องน้า ผลิตภัณฑลบ
์
วิธีการควบคุมการโฆษณา
 ต้องขออนุ ญาตเสียก่อน เมือ่ ได้รบั อนุ ญาตจึงจะโฆษณาได้ (ตามพรบ. อาหาร , พรบ.ยา, พรบ.
เครือ่ งมือแพทย์)
 ไม่ได้กาหนดให้ตอ้ งยืน่ ขออนุ ญาตก่อนทาการโฆษณาหากจะทาการโฆษณาจะต้องกระทาได้
ภายในขอบเขตของกฎหมายทีก่ าหนด (พรบ. เครือ่ งสาอาง , พรบ.วัตถุอนั ตราย)
 ห้ามการโฆษณาผลิตภัณฑ์ต่อประชาชน เว้นแต่ผปู้ ระกอบวิชาชีพ บางวิชาชีพ (ตามพรบ.ยา)
ผลิตภัณฑ์ส ุขภาพ
วัตถุเสพติด
อาทิ
ยาเสพติด ทีม
่ ก
ี ารใช้
ประโยชนทางการแพทย
มอรฟี
ฝิ่ นยา
์
์ เช่น
์ น
หรือ วัตถุทอ
ี่ อกฤทธิต
์ อจิ
่ ตและประสาน เช่น ยานอนหลับ
ยาลดความอวนบางชนิ
ด แมแต
จาพวก ทิน
้
้ สารระเหย
่
เนอร ์ แลกเกอร ์ กาวยาง
ผลิตภัณฑสุ
่ ก
ั จะพบการโฆษณาโออวดเกิ
น
้
์ ขภาพ ทีม
จริง ไดแก
่ งมือแพทย ์ และ
้ ่ ยา อาหาร เครือ
เครือ
่ งสาอาง
การเฝ้าระวังโฆษณายา
 ยา เป็ นผลิตภัณฑที
่ ้ซื
ู อ
้ คาดหวังวา่ “รักษาโรคได้
์ ผ
แน่นอน” จึงมีผ้อาศั
ู
ยความคิดดังกลาว
โฆษณายาเกินกวา่
่
สรรพคุณทีไ่ ดรั
่ สมรรถภาพทางเพศ
้ บอนุ ญาต เช่น เพิม
ฟื้ นฟูตบ
ั ไต
รักษาเบาหวาน
 ข้อความโฆษณาทีห
่ ้าม เช่น
 รับรองยาวา่ “แพทย ์ (ชือ
่ ).. รับรอง ใช้แลว
้ หายปวด
หลังเลย”
 โฆษณาเกินจริง เช่น “ แก้อาการหลงลืม , รักษาโรค
เอดส์ได้ , ละลายไขมัน , ลดไขมัน , ลดน้าตาลในเลือด
, เสริมสมรรถภาพทางเพศ”
ความหมายของยา
 ยา หมายความวา่
๑ วัตถุทรี่ บ
ั รองไวในต
ารายาทีร่ ฐั มนตรีประกาศ
้
๒ วัตถุทม
ี่ งหมายส
ุ่
าหรับใช้ในการวินิจฉัย บาบัด บรรเทา่
รักษา หรือ ป้องกันโรค หรือความเจ็บป่วยของมนุ ษยหรื
์ อสั ตว ์
๓ วัตถุทเี่ ป็ นเภสั ชเคมีภณ
ั ฑหรื
ั ฑกึ
์ อเภสั ชเคมีภณ
์ ง่ สาเร็จรูปหรือ
๔ วัตถุทม
ี่ งหมายส
ุ่
าหรับให้เกิดผลแกสุ
อ
่ ขภาพ โครงสรางหรื
้
การกระทาหน้าทีส
่ ด ๆ ของรางกายมนุ
ษยหรื
่
์ อสั ตว ์
พระราชบัญญัตย
ิ า พ.ศ. 2510
การโฆษณายาตามมาตรา 88 ระบุวา่ การโฆษณาขายยา
จะต้อง
 ไมเป็
ณยาหรือวัตถุอน
ั เป็ นส่วนประกอบของยาวา่
่ นการโออวดสรรพคุ
้





สามารถบาบัดบรรเทา รักษา หรือป้องกันโรคหรือความเจ็บป่วยได้
อยางศั
กดิสิ์ ทธิห
์ รือขายขาด หรือใช้ถอยค
าอืน
่ ใดทีม
่ ค
ี วามหมาย
่
้
ทานองเดียวกัน
ไมแสดงสรรพคุ
ณยาอันเป็ นเท็จหรือเกินความจริง
่
ไมท
ามี
ั ถุใดเป็ นตัวยาหรือเป็ นส่วนประกอบของยาซึง่
่ าให้เขาใจว
้
่ วต
ความจริงไมมี
ั ถุหรือส่วนประกอบนั้นในยา หรือมีแตไม
่ าให้
่ วต
่ เท
่ าที
่ ท
เข้าใจ
ไมท
าเป็
่ าให้เขาใจว
้
่ นยาทาให้แทงลู
้ กหรือยาขับระดูอยางแรง
่
ไมท
าเป็
่ าให้เขาใจว
้
่ นยาบารุงกามหรือยาคุมกาเนิด
ไมแสดงสรรพคุ
ณยาอันตรายหรือยาควบคุมพิเศษ
่
พระราชบัญญัตย
ิ า พ.ศ. 2510
การโฆษณายาตามมาตรา 88 ทวิ การโฆษณาขายยาทาง
วิทยุกระจายเสี ยง เครือ
่ งขยายเสี ยง
วิทยุโทรทัศน์
ทางฉายภาพ
หรือภาพยนตร ์ หรือทางสิ่ งพิมพจะต
อง
้
์
 ไดรั
ั ข
ิ อความ
เสี ยง หรือภาพทีใ่ ช้ในการโฆษณาจากผู้อนุญาต
้ บอนุมต
้
 ปฏิบต
ั ต
ิ ามเงือ
่ นไขทีผ
่ ้อนุ
ู ญาตกาหนด
การโฆษณายาตามมาตรา 89 ห้ามมิให้โฆษณาขายยาโดยไม่
สุภาพ หรือโดยการรองร
าทาเพลง หรือแสดงความทุกขทรมานของ
้
์
ผู้ป่วย
การโฆษณายาตามมาตรา 90 ห้ามมิให้โฆษณาขายยาโดยวิธแ
ี ถม
พกหรือออกสลากรางวัล
มีโทษมาตรา 124 ผู้ใดโฆษณาขายยาโดยฝ่าฝื นมาตรา 88
มาตรา 88 ทวิ มาตรา 89 หรือมาตรา 90 ต้องระวางโทษปรับไม่
เกินหนึ่งแสนบาท
การเฝ้าระวังโฆษณาอาหาร
 อาหารเป็ นผลิตภัณฑ์ทใ่ี ช้สาหรับเสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกาย และซ่อมแซมส่วนที่
สึกหรอ แต่ไม่มผี ลในการบาบัด รักษา ป้องกัน บรรเทาโรคหรืออาการของโรค เนื่องจากไม่ใช่
ยา โดยผลิตภัณฑ์อาหาร อาทิ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครือ่ งดืม่ ผสมสารสกัดหรือผสมวิตามิน
ต่าง ๆ กาแฟปรุงสาเร็จชนิดผง ฯลฯ มักพบการโฆษณาเกินจริงในหลากหลายลักษณะ เช่น
ลดความอ้วน ช่วยผิวขาว รักษาโรค กาจัด/ขับสารพิษ เป็ นต้น
ความหมายของอาหาร
 อาหาร หมายความวา่
 ของกินหรือเครือ
่ งคา้ จุนชีวต
ิ ไดแก
้ ่
 วัตถุทุกชนิดทีค
่ นกิน ดืม
่ อม หรือนาเขาสู
ว่ าด
้ ่ รางกายไม
่
่ วย
้
วิธใี ด ๆ หรือในรูปลักษณะใด ๆ แตไม
ง ยา วัตถุท ี่
่ รวมถึ
่
ออกฤทธิต
์ อจิ
่ ตและประสาท หรือยาเสพติดให้โทษตามกฎหมาย
วาด
้น
่ วยการนั
้
 วัตถุทม
ี่ งหมายส
ุ่
าหรับใช้ หรือใช้เป็ นส่วนผสมในการผลิต
อาหาร รวมถึงวัตถุเจือปนอาหาร สี และ เครือ
่ งปรุงแตกลิ
่
่ น
รส
นิยาม”อาหาร”
ของกินหรือสิ่งคา้ จุนชีวิตที่คนนาเข้ าสู่ร่างกายโดยการกิน ดื่ม อม
หรือนาเข้ าสู่ร่างกายไม่ ว่าด้ วยวิธีใดๆ
รวมถึงส่ วนผสม วัตถุเจือปนอาหาร สี และเครื่องปรุ งแต่ งกลิ่นรส
แต่ ไม่ รวมยา วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท หรื อวัตถุเสพติดให้ โทษ
พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522
บทบัญญัติที่ตอ้ งปฏิบตั ิตาม
มาตรา 40
ห้ามมิให้ผใ้ ู ดโฆษณาค ุณประโยชน์ ค ุณภาพ หรือสรรพค ุณของ
อาหาร อันเป็นเท็จหรือเป็นการหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่
สมควร
บทลงโทษ
มาตรา 70
ต้องระวางโทษจาค ุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทัง้
จาทัง้ ปรับ
พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522
มาตรา 41
บทบัญญัติที่ตอ้ งปฏิบตั ิตาม
กาหนดให้ผป้ ู ระสงค์จะโฆษณา ค ุณประโยชน์ ค ุณภาพ หรือสรรพค ุณ
ของอาหาร ทางวิ ทยกุ ระจายเสียง วิ ทยโุ ทรทัศน์ ทางฉายภาพ ภาพยนตร์
หรือทางหนังสือพิ มพ์ หรือสิ่งพิ มพ์อื่น หรือด้วยวิ ธีการอื่ นใดเพื่ อประโยชน์
ในทางการค้า ต้อ งน าเสี ย ง ภาพ ภาพยนตร์ หรื อ ข้อ ความที่ จ ะโฆษณา
ดังกล่าวนัน้ ให้ผอ้ ู น ุญาตตรวจพิจารณาก่อน เมื่อได้รบั อน ุญาตแล้วจึงโฆษณา
ได้
มาตรา 71
บทลงโทษ
ผูใ้ ดฝ่าฝืนมาตรา 41 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท
พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522
มาตรา 42
บทบัญญัติที่ตอ้ งปฏิบตั ิตาม
เพื่ อพิ ทกั ษ์ประโยชน์และความปลอดภัยของผูบ้ ริโภค ให้ผอ้ ู นญ
ุ าตมีอานาจสัง่ เป็น
หนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้
(1) ให้ผผ้ ู ลิตนาเข้า หรือผูจ้ าหน่ายอาหาร หรือผูท้ าการโฆษณา ระงั บการโฆษณา
อาหารที่เห็นว่าเป็นการโฆษณาโดยฝ่าฝืนมาตรา 41
(2) ให้ผผ้ ู ลิต ผูน้ าเข้า หรือผูจ้ าหน่ายอาหาร หรือผูท้ าการโฆษณาอาหาร ระงับ
การผลิต การนาเข้า การจาหน่าย หรือการโฆษณาอาหารที่ คณะกรรมการเห็นว่าอาหาร
ดังกล่าวไม่มีค ุณประโยชน์ ค ุณภาพ หรือสรรพค ุณตามที่โฆษณา
บทลงโทษ
มาตรา 72
ผูใ้ ดฝ่าฝืนคาสัง่ ของผูอ้ นญ
ุ าต ซึ่งสัง่ ตามมาตรา 42 ต้องระวางโทษจาค ุกไม่เกิน
สองปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทัง้ จาทัง้ ปรับ และให้ปรับเป็นรายวันอีกวันละ
ไม่นอ้ ยกว่า 500 บาท แต่ไม่เกิน 1,000 บาท ตลอดเวลาที่ไม่ปฏิบตั ิตามคาสัง่ ดังกล่าว
บทบัญญัติตามพรบ. อาหาร พ.ศ. 2522
ข้อห้าม
มาตรา 40
โฆษณาเป็นเท็จ หรือ หลอกลวง
ข้อบังคับ
มาตรา 41
การขออน ุญาต
มาตรา 42
คาสัง่ เเจ้งระงับการโฆษณา
ตัวอย่างโฆษณาที่ต้องเฝ้าระวัง
 ลดสารพิษ ฟอกไต ฟอกเลือด
 เป็ นอาหารบารุง ช่วยป้องกันมะเร็ง
 ทานแล้วไม่อว้ น ช่วยลดน้ าหนักได้
 ช่วยให้ผวิ ขาว ลดรอยฝ้ากระ จุดด่างดา
 แก้ปญั หาวัยทอง ลดอาการร้อนวูบวาบ ป้องกันโรคกระดูกพรุน
ตัวอย่างคาที่ไม่อนุญาตให้ ใช้ ในการโฆษณาอาหาร
ยอด
อันดับ 1
ศั กดิส์ ิ ทธิ ์
เยีย
่ ม
เลิศทีส
่ ุด
สุดเหวีย
่ ง
ลา้ เลิศ
หนึ่งเดียว
เลย
ทีห
่ นึ่งเลย
ดีเลิศ
เด็ดขาด
มหัศจรรย ์
เยีย
่ มยอด
ชนะเลิศ
วิเศษ
ชัน
้ เลิศ
พิเศษ
ทีส
่ ุด
สุดยอด
ยอดเยีย
่ ม ดีทส
ี่ ุด
เลิศเลอ
ดีเด็ด
ฮี โร่
บริสุทธิ ์
เลิศลา้
เด็ด
ยอดไปเลย
เยีย
่ มไป
โดดเดน
่
ปาฏิหาริย ์
ความหมายของเครือ
่ งสาอาง
 เครือ
่ งสาอาง หมายความวา่
 วัตถุทม
ี่ งหมายส
ุ่
าหรับใช้ ทา ถู นวด โรย พน
่ หยอด ใส่
อบ หรือ กระทาดวยวิ
ธอ
ี น
ื่ ใดตอส
้
่ ่ วนหนึ่งส่วนใดของรางกาย
่
เพือ
่ ความสะอาด ความสวยงาม หรือส่งเสริมให้เกิดความ
สวยงามและรวมตลอดทัง้ เครือ
่ งประทินผิวตาง
ๆ ดวย
แต่
่
้
ไมรวมถึ
ง
่
 วัตถุทุกชนิดทีค
่ นกิน ดืม
่ อม หรือนาเขาสู
ว่ าด
้ ่ รางกายไม
่
่ วย
้
วิธใี ด ๆ หรือในรูปลักษณะใด ๆ แตไม
ง ยา วัตถุท ี่
่ รวมถึ
่
ออกฤทธิต
์ อจิ
่ ตและประสาท หรือยาเสพติดให้โทษตามกฎหมาย
วาด
้น
่ วยการนั
้
 วัตถุทม
ี่ งหมายส
ุ่
าหรับใช้ หรือใช้เป็ นส่วนผสมในการผลิต
พระราชบัญญัติคม้ ุ ครองผูบ้ ริโภค พ.ศ. 2522
บทบัญญัติที่ตอ้ งปฏิบตั ิตาม
มาตรา
22
การโฆษณาจะต้องไม่ใช้ขอ้ ความไม่เป็นธรรมต่อผูบ้ ริโภค หรือใช้
ข้อความที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมเป็นส่วนรวม (อาทิ ข้อความที่
เป็นเท็จ หรือเกินความจริง หรือทาให้เข้าใจผิดในสาระสาคัญ
บทลงโทษ
มาตรา
ผูใ้ ดเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกาเนิด สภาพ ค ุณภาพ
47
ปริมาณ หรือสาระสาคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ โฆษณา
หรือใช้ฉลากที่มีขอ้ ความอันเป็นเท็จ ต้องระวางโทษจาค ุกไม่เกินหกเดือน
หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทัง้ จาทัง้ ปรับ
การเฝ้าระวังโฆษณาเครือ
่ งสาอาง
เครือ
่ งสาอาง
เป็ นผลิตภัณฑใช
และ
์ ้ภายนอก
มีผลตอร
ยงแคผิ
ไมสามารถ
่ างกายเพี
่
่ วภายนอกเทานั
่ ้น
่
ลงลึกถึงผิวชัน
้ ในได้
แตปั
ั ยังพบเห็ นขอความ
่ จจุบน
้
โฆษณา1ทีอ
่ วดอางเกิ
นจริง
หลากหลายลักษณะ
โดย
้
ลักษณะการโฆษณาทีต
่ องเฝ
้
้ าระวังมีดงั นี้
สบู....เพื
อ
่ ผิวหน้าขาวใส
ครีมทาหน้าขาวใสถาวร
่
สบูรั
่ กษาสิ วฝ้า
ชุดครีมกระชับผิวหน้า
ครีมกระชับสั ดส่วน ลดผิวแตกลาย