3. Earliest due date (EDD)

Download Report

Transcript 3. Earliest due date (EDD)

CHAPTER 16
Scheduling
การจัดกาหนดการ
ลาดับขั้นตอนการวางแผนการผลิต
แผนการผลิตรวม
ตารางการผลิตหลัก
แผนความต้องการวัสดุ
การจัดกาหนดการ
การจัดลาดับงาน (Sequencing)
1.
2.
3.
4.
5.
6.
งานใดมอบหมายมาก่อนให้ทาก่อน (first-come first-served, FCFS)
งานใดมอบหมายมาทีหลังให้ทาก่อน (last-come first served, LCFS)
งานใดที่ถึงกาหนดส่ งงานก่อนให้ทาก่อน (earliest due date, EDD)
งานใดที่มีความสาคัญมากให้ทาก่อน (highest customer priority, CUSTPR)
งานใดที่มีการปรับตั้งเครื่ องจักรคล้ายกับงานที่กาลังทาอยูใ่ ห้ทาก่อน (SETUP)
งานใดที่มีเวลาที่ล่าช้าได้ (SLACK) น้อยที่สุดให้ทาก่อน โดย
เวลาที่ล่าช้า (Slack) = (วันที่กาหนดส่ งงาน – วันที่วนั นี้) – เวลาที่ใช้ทางานนั้น
การจัดลาดับงาน (Sequencing)
7. งานใดที่มีอตั ราส่ วนวิกฤตน้อยที่สุดให้ทาก่อน (Critical ratio, CR) โดย CR คือ
เวลาที่เหลือ
= วันที่กาหนดส่ งงาน – วันที่วนั นี้
งานที่เหลือ
เวลาการทางานที่เหลือ
ถ้า CR มีค่าน้อยกว่า 1 แสดงว่างานนั้นจะเสร็ จหลังกาหนด
ถ้า CR มีค่ามากกว่า 1 แสดงว่างานนั้นเสร็ จภายในกาหนด
ถ้า CR มีค่าเท่ากับ 1 แสดงว่างานนั้นเสร็ จในวันส่ งพอดี
8. งานใดใช้เวลาทาสั้นที่สุดให้ทาก่อน (shortest processing time, SPT)
9. งานใดใช้เวลาทานานที่สุดให้ทาก่อน (longest processing time, LPT)
ดัชนีวดั การมอบหมายงาน


เวลาที่ใช้ในการทางานจนเสร็ จ (completion time or flow time)
เวลางานล่าช้า (tardiness) คือ ผลต่างระหว่างวันกาหนดส่ งและวันที่
ทางานเสร็ จจริ ง
การจัดลาดับงาน (Sequencing)
•
•
•
การจัดลาดับงานเมื่อมีงาน n งาน สาหรับคน/เครื่องจักร 1 เครื่อง
การจัดลาดับงานเมื่อมีงาน n งาน สาหรับคน/เครื่ องจักร m เครื่ อง
การจัดลาดับงานเมื่อมีงาน n งาน ที่จะต้องผ่านคน/เครื่ องจักร 2 เครื่ อง
ตามลาดับ
ตัวอย่าง นักศึกษาคนหนึ่งมีรายงานที่จะต้องทา 5 งาน คือ A, B, C, D และ E (เรี ยง
ตามลาดับที่อาจารย์สั่งงาน) โดยมีกาหนดส่ งในวันที่ 22, 7, 11, 20 และ 9 ตามลาดับ
เนื่องจากความยากง่ายต่างกัน นักศึกษาจึงประมาณการเวลาที่จะใช้ในการทารายงาน
คือ 9, 3, 5, 6 และ 2 วัน นักศึกษาควรจัดลาดับงานอย่างไร ถ้าพิจารณากฎดังนี้
1. First-come first serve (FCFS)
2. Earliest due date (EDD)
3. Minimum slack (SLACK)
4. Shortest processing time (SPT)
5. Critical ratio (CR)
ตัวอย่าง นักศึกษาคนหนึ่งมีรายงานที่จะต้องทา 5 งาน คือ A, B, C, D และ E (เรี ยง
ตามลาดับที่อาจารย์สั่งงาน) โดยมีกาหนดส่ งในวันที่ 22, 7, 11, 20 และ 9 ตามลาดับ
เนื่องจากความยากง่ายต่างกัน นักศึกษาจึงประมาณการเวลาที่จะใช้ในการทารายงาน
คือ 9, 3, 5, 6 และ 2 วัน
รายงาน
เวลาทางาน
กาหนดส่ ง
A
B
C
D
E
9
3
5
6
2
22
7
11
20
9
เวลาที่ล่าช้าได้
(Slack)
22-0-9 = 13
7-0-3 = 4
11-0-5 = 6
20-0-6 = 14
9-0-2 = 7
1. First-come first serve (FCFS)
งาน
A
B
C
D
E
รวม
เฉลีย่
วันเริ่ มทางาน
0
9
12
17
23
เวลาทางาน
9
3
5
6
2
รายงาน เวลาทางาน กาหนดส่ ง เวลาที่ล่าช้าได้
A
B
C
D
E
9
3
5
6
2
วันทางานเสร็จ
9
12
17
23
25
86
17.2
22
7
11
20
9
13
4
6
14
7
กาหนดส่ ง เวลางานล่าช้า
22
0
7
5
11
6
20
3
9
16
30
6
2. Earliest due date (EDD)
งาน
B
E
C
D
A
รวม
เฉลีย่
วันเริ่ มทางาน
0
3
5
10
16
เวลาทางาน
3
2
5
6
9
รายงาน เวลาทางาน กาหนดส่ ง เวลาที่ล่าช้าได้
A
B
C
D
E
9
3
5
6
2
วันทางานเสร็จ
3
5
10
16
25
59
11.8
22
7
11
20
9
13
4
6
14
7
กาหนดส่ ง เวลางานล่าช้า
7
0
9
0
11
0
20
0
22
3
3
0.6
3. Minimum slack (SLACK)
งาน
B
C
E
A
D
รวม
เฉลีย่
วันเริ่ มทางาน
0
3
8
10
19
เวลาทางาน
3
5
2
9
6
รายงาน เวลาทางาน กาหนดส่ ง เวลาที่ล่าช้าได้
A
B
C
D
E
9
3
5
6
2
วันทางานเสร็จ
3
8
10
19
25
65
13
22
7
11
20
9
13
4
6
14
7
กาหนดส่ ง เวลางานล่าช้า
7
0
11
0
9
1
22
0
20
5
6
1.2
4. Shortest processing time (SPT) รายงาน เวลาทางาน กาหนดส่ง
A
B
C
D
E
งาน
E
B
C
D
A
รวม
เฉลีย่
วันเริ่ มทางาน
0
2
5
10
16
เวลาทางาน
2
3
5
6
9
9
3
5
6
2
วันทางานเสร็จ
2
5
10
16
25
58
11.6
22
7
11
20
9
เวลาที่ล่าช้าได้
13
4
6
14
7
กาหนดส่ ง เวลางานล่าช้า
9
0
7
0
11
0
20
0
22
3
3
0.6
5. Critical ratio (CR)
รายงาน เวลาทางาน กาหนดส่ ง
เวลาที่เหลืออยู่
𝐶𝑅 =
เวลาทางาน
งาน
A
B
C
D
E
เวลาทางาน
9
3
5
6
2
กาหนดส่ ง
22
7
11
20
9
อัตราส่ วนวิกฤต
(22-0)/9 = 2.44
(7-0)/3 = 2.33
(11-0)/5 = 2.20
(20-0)/6 = 3.33
(9-0)/2 = 4.50
งาน
A
B
D
E
เวลาทางาน
9
3
6
2
กาหนดส่ ง
22
7
20
9
อัตราส่ วนวิกฤต
(22-5)/9 = 1.89
(7-5)/3 = 0.67
(20-5)/6 = 2.50
(9-5)/2 = 2.00
A
B
C
D
E
9
3
5
6
2
22
7
11
20
9
ควรทา C เป็ นงานแรก
ใช้เวลา 5 วัน
ควรทา B เป็ นงานต่อไป
ใช้เวลา 3 วัน
เสร็จวันที่ 8
5. Critical ratio (CR)
รายงาน เวลาทางาน กาหนดส่ ง
A
B
C
D
E
เวลาที่เหลืออยู่
𝐶𝑅 =
เวลาทางาน
9
3
5
6
2
22
7
11
20
9
งาน
A
D
E
เวลาทางาน
9
6
2
กาหนดส่ ง
22
20
9
อัตราส่ วนวิกฤต
(22-8)/9 = 1.56
(20-8)/6 = 2.00
(9-8)/2 = 0.50
ควรทา E เป็ นงานต่อไป
ใช้เวลา 2 วัน
เสร็จวันที่ 10
งาน
A
D
เวลาทางาน
9
6
กาหนดส่ ง
22
20
อัตราส่ วนวิกฤต
(22-10/9 = 1.33
(20-10)/6 = 1.67
ควรทา A เป็ นงานต่อไป
ใช้เวลา 9 วัน
เสร็จวันที่ 19
5. Critical ratio (CR)
งาน
C
B
E
A
D
รวม
เฉลีย่
วันเริ่ มทางาน
0
5
8
10
19
รายงาน เวลาทางาน กาหนดส่ ง
A
B
C
D
E
เวลาทางาน
5
3
2
9
6
วันทางานเสร็จ
5
8
10
19
25
67
13.4
9
3
5
6
2
22
7
11
20
9
กาหนดส่ ง เวลางานล่าช้า
11
0
7
1
9
1
22
0
20
5
7
1.4
เปรี ยบเทียบการจัดลาดับ 5 แบบ
กฎ
FCFS
EDD
SLACK
SPT
CR
SPT
เวลาเฉลี่ยงานอยูใ่ น เวลาเฉลี่ยงานล่าช้า
ระบบ
17.2
6
11.8
0.6
13
1.2
11.6
0.6
13.4
1.4
EDD
SLACK
จานวนงานล่าช้า
4
1
2
1
3
CR
เวลางานล่าช้า
สูงสุ ด
16
3
5
3
5
FCFS
กฎในการเลือกการจัดการลาดับงาน
•
•
•
•
•
FCFS
EDD
SLACK
LPT
SPT
เหมาะในกรณี ที่มีกาลังการผลิตเหลือไม่เหมาะในกรณี มีเวลาจากัด
เหมาะในกรณี ที่สามารถยอมรับการทางานล่าช้าเล็กน้อย
ควรใช้ในกรณี ดาเนินงานตามปกติ
นามาใช้ในกรณี มีการคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า
นามาใช้กรณี มีงานแออัดมาก โดยทางานที่ส้ นั ก่อน
การจัดลาดับงาน (Sequencing)
•
•
•
การจัดลาดับงานเมื่อมีงาน n งาน สาหรับคน/เครื่ องจักร 1 เครื่ อง
การจัดลาดับงานเมื่อมีงาน n งาน สาหรับคน/เครื่องจักร m เครื่อง
การจัดลาดับงานเมื่อมีงาน n งาน ที่จะต้องผ่านคน/เครื่ องจักร 2 เครื่ อง
ตามลาดับ
ตัวอย่าง จงจัดตารางการผลิตของงาน 10 งาน บนหน่วยผลิต 3 หน่วยที่เหมือนกัน โดย
วิธีต่างๆ ดังนี้
1. Shortest processing time (SPT)
รายงาน เวลาทางาน กาหนดส่ ง
2. Longest processing time (LPT)
1
5
8
3. Earliest due date (EDD)
2
6
9
4. Minimum slack (SLACK)
3
3
14
4
5
6
7
8
9
10
8
7
2
3
5
4
2
12
11
5
8
10
15
7
1. Shortest processing time (SPT)
6
10
3
7
9
1
8
2
5
4
เวลาทางาน กาหนดส่ ง
2
2
3
3
4
5
5
6
7
8
5
7
14
8
15
8
10
9
11
12
หน่วยผลิต
งาน
3
3
2
10
1
6
1
5
9
2
7
2
8
4
6
4
8
10
12
14
16
18
1. Shortest processing time (SPT)
หน่วยผลิต
งาน
1
2
3
1
2
3
1
2
3
1
6
10
3
7
9
1
8
2
5
4
วันเริ่ มทางาน เวลาทางาน วันทางานเสร็ จ กาหนดส่ ง เวลางานล่าช้า
0
0
0
2
2
3
5
6
8
10
รวม
เฉลี่ย
2
2
3
3
4
5
5
6
7
8
2
2
3
5
6
8
10
12
15
18
81
8.1
5
7
14
8
15
8
10
9
11
12
0
0
0
0
0
0
0
3
4
6
13
1.3
2. Longest processing time (LPT)
4
5
2
1
8
9
3
7
6
10
เวลาทางาน กาหนดส่ ง
8
7
6
5
5
4
3
3
2
2
12
11
9
8
10
15
14
8
5
7
2
3
หน่วยผลิต
งาน
1
5
2
8
4
1
2
3
4
7
9
6
8
10
10
6
12
14
16
18
2. Longest processing time (LPT)
2
2
1
5
1
4
7
9
6
เรี ยงลาดับงานในแต่ละเครื่ องใหม่
โดยเรี ยงจากมากไปหาน้อย
10
8
4
2
3
6
8 10 12 14 16 18
หน่วยผลิต
หน่วยผลิต
3
3
10
2
7
1
3
1
2
8
6
5
9
2
4
4
6
8
10
12
14
16
18
2. Longest processing time (LPT)
หน่วยผลิต
งาน
1
1
1
2
2
2
3
3
3
3
6
9
4
7
8
5
10
3
1
2
วันเริ่ มทางาน เวลาทางาน วันทางานเสร็ จ กาหนดส่ ง เวลางานล่าช้า
0
2
6
0
3
8
0
2
5
10
รวม
เฉลี่ย
2
4
8
3
5
7
2
3
5
6
2
6
14
3
8
15
2
5
10
16
81
8.1
5
15
12
8
10
11
7
14
8
9
0
0
2
0
0
4
0
0
2
7
15
1.5
3. Earliest due date (EDD)
6
10
1
7
2
8
5
4
3
9
เวลาทางาน กาหนดส่ ง
2
2
5
3
6
5
7
8
3
4
5
7
8
8
9
10
11
12
14
15
1
3
หน่วยผลิต
งาน
2
10
1
6
5
9
2
4
7
2
8
4
6
3
8
10
12
14
16
18
3. Earliest due date (EDD)
หน่วยผลิต
งาน
1
1
1
1
2
2
2
3
3
3
6
7
8
3
10
2
4
1
5
9
วันเริ่ มทางาน เวลาทางาน วันทางานเสร็ จ กาหนดส่ ง เวลางานล่าช้า
0
2
5
10
0
2
8
0
5
12
รวม
เฉลี่ย
2
3
5
3
2
6
8
5
7
4
2
5
10
13
2
8
16
5
12
16
89
8.9
5
8
10
14
7
9
12
8
11
15
0
0
0
0
0
0
4
0
1
1
6
0.6
4. Minimum slack (SLACK)
งาน เวลาทางาน กาหนดส่ ง Slack
5
6
2
8
7
3
5
2
3
4
8
9
5
12
11
8
10
7
14
15
3
3
3
4
4
5
5
5
11
11
3
หน่วยผลิต
1
2
6
4
5
7
8
10
3
9
6
4
2
2
10
7
8
1
1
2
9
5
4
6
8
3
10
12
14
16
18
4. Minimum slack (SLACK)
หน่วยผลิต
งาน
1
1
1
2
2
2
3
3
3
3
1
5
3
2
7
8
6
4
10
9
วันเริ่ มทางาน เวลาทางาน วันทางานเสร็ จ กาหนดส่ ง เวลางานล่าช้า
0
5
12
0
6
9
0
2
10
12
รวม
เฉลี่ย
5
7
3
6
3
5
2
8
2
4
5
12
15
6
9
14
2
10
12
16
101
10.1
8
11
14
9
8
10
5
12
7
15
0
1
1
0
1
4
0
0
5
1
13
1.3
เปรี ยบเทียบการจัดลาดับ 4 แบบ
กฎ
SPT
LPT
EDD
SLACK
เวลาในการทางาน
ทั้งหมด
18
16
16
16
เวลาเฉลี่ยงานอยูใ่ น เวลาเฉลี่ยงานล่าช้า จานวนงานล่าช้า
ระบบ
8.1
1.3
3
8.1
1.5
4
8.9
0.6
3
10.1
1.3
6
การจัดลาดับงาน (Sequencing)
การจัดลาดับงาน กรณี มีงานหลายงานที่ตอ้ งผ่านการทางานโดย คน/เครื่องจักรสอง
เครื่องตามลาดับ สามารถทาได้โดยวิธีจอนห์สัน ดังนี้
• เวลาในการทางาน (รวมเวลาทางานจริ งและเวลาตัง่ เครื่ องจักร) ต้องเป็ นค่าคงที่
• เวลาการทางานต้องเป็ นอิสระต่อลาดับการทางาน
• งานทุกงานต้องผ่านทั้งสองขั้นตอนตามลาดับเหมือน ๆ กัน
• ไม่สามารถใช้ลาดับความสาคัญของงานมาจัดลาดับได้
• ชิ้นงานทุกชิ้นในการทางานแรกต้องเสร็ จทุกชิ้นก่อน จึงผ่านไปลาดับต่อไปได้
ตัวอย่าง งาน 5 งานซึ่ งต้องผ่านขั้นตอนการผลิตในสองสถานี งานต่อเนื่องกันจัดลาดับ
งานที่จะทาให้เวลาทางานเสร็ จรวมต่าที่สุด โดยกาหนดเวลาการทางานแต่ละงานดังนี้
งาน
A
B
C
D
E
เวลาทางาน (ชัว่ โมง)
สถานีงาน 1
สถานีงาน 2
6
11
8
3
12
7
7
8
10
8
งาน
A
B
C
D
E
เวลาทางาน (ชัว่ โมง)
สถานีงาน 1
สถานีงาน 2
6
11
8
3
12
7
7
8
10
8
• งานแรกที่มีเวลาทางานต่าที่สุด B อยูส่ ถานีงานที่ 2
1
B
2
• งานที่มีเวลาทางานรองมา A อยูส่ ถานีงานที่ 1
1
A
B
2
C or D
B
2
D
B
2
• งานที่มีเวลาทางานรองมา C และ D เท่ากันอยูส่ ถานีงานที่ 1 และ 2
1
A
C or D
• งานที่เหลือ E อยูส่ ถานีงานที่ 2
1
A
C
E
Sequencing
6
A
13
23
D
E
A
6
35
C
D
17
43
B
E
25
C
33 35
B
42
ดังนั้น เวลาที่ใช้ทางานทั้งหมด 5 งานจนเสร็ จอยูท่ ี่ 45 ชัว่ โมง
วิธีน้ ีเหมาะในการหาเวลาโดยรวมและเวลาว่างงานสั้นสุ ด
แต่ไม่ได้คานึงว่าจะสามารถผลิตได้ทนั เวลาตามกาหนดส่ งงานหรื อไม่
45
บริ ษทั แห่งหนึ่งรับงานมา 5 งาน โดยแต่ละงานจะต้องผ่าน 2 เครื่ องจักร มีเครื่ องเจาะ
และเครื่ องกลึง เวลาที่ใช้ดงั ตาราง
เวลาที่ใช้ในการปฏิบตั ิงาน (ชัว่ โมง)
งาน
เครื่ องเจาะ เครื่ องกลึง
A
5
2
B
3
6
C
8
4
D
10
7
E
7
12
เครื่ องเจาะ
เครื่ องกลึง
0
0
B
3
3
E
B
10
9 10
D
E
20
28
C
D
22
29
A
C
33
A
33 35