งานนำเสนอ PowerPoint

Download Report

Transcript งานนำเสนอ PowerPoint

บทที่ 3
การพ ัฒนาบุคลิกภาพ
ั ันธ์
เพือ
่ มนุษยสมพ
บุคลิกภาพ
( Personality)
การผสมผสานระบบ
ต่างๆ ภายในต ัวบุคคล
บุคลิกภาพ
สำคัญอย่ำงไร นัน
้ ...........
มหำวิทยำลัยรำชภัฎให ้ควำมสำคัญเป็ นข ้อที.่ .
ว่ำไว ้อย่ำงไร...............................
การพูดแนะนาตนเอง
•
•
•
•
•
สั้ นๆ แต่ ให้ ครบ
มั ่นใจนำเสนอตัวเอง
ไม่ แนะนาจนมากเกินไป
ชักจูงให้ น่ำสนใจ
ไม่ ควรใช้ เวลาเกิน 2 นาที
บุคลิกภาพ หมายถึง
บุคลิกภาพ หมายถึง
รูปแบบพฤติกรรมทีม่ ีลกั ษณะเด่น
รวมความคิด และอารมณ์ ซึ่งเป็ นตัวกาหนดให้
บุคคลแต่ละบุคคลมีการปรับปรุงตนเองให้เข้ากับ
สภาวการณ์ ในการดาเนินชีวิตได้อย่างเหมาะสม
บุคลิกภาพจึงทาให้บคุ คลมีความแตกต่างกัน
บุคลิกภาพ
ทั้งส่ วนที่มองเห็นได้ชดั เจน
เช่น การแต่งกายรู ปร่ างหน้าตา ลักษณะการพูด
ระบบภายในซึ่งเห็นได้ไม่ชดั เจน
เช่น ลักษณะอารมณ์ วิธีคิด ความรู้สึก และค่านิยม
บุคลิกภาพ
หมายถึง
• บุคลิกภาพมีส่วนทีเ่ ป็ นโครงสร้ าง
ซึ่งเป็ นบุคลิกภาพของบุคคลคนใดคนหนึ่ง
ส่ วนนี้ เป็ นส่ วนที่วดั ได้ท้ งั ทางตรงและทางอ้อม
เช่น ความเฉลียวฉลาด ความถนัด นิสยั ส่ วนลึก
ควำมสำคัญของบุคลิกภำพ
1. ควำมมั่นใจ ผู ้ทีม
่ บ
ี ค
ุ ลิกภำพดียอ
่ มภำคภูมใิ จลล
มั่นใจ
2. สำมำรถวิเครำ ห์พฤติกรรมบุคคลได ้
3. ยอมรับข ้อลตกต่ำงร หว่ำงบุคคล
4. ตร หนักในเอกลักษณ์ของบุคคล
5. กำรปรับตัวให ้เข ้ำกับผู ้อืน
่
6. ควำมสำเร็จ ของกำรเป็ นผู ้มีบค
ุ ลิกภำพดี
7. กำรยอมรับของกลุม
่
องค์ปร กอบของบุคลิกภำพ
1.
2.
3.
4.
ลักษณ
ลักษณ
ลักษณ
ลักษณ
ทำงกำย
ทำงใจ
ทำงสงั คม
ทำงอำรมณ์
ปร เภทของบุคลิกภำพ 2 ปร เภท
1. บุคลิกภำพภำยนอก ได ้ลก่
รูปร่ำง หน ้ำตำ กำรลต่งกำย กำร
วำงตัว กำรพูด เป็ นสงิ่ ทีป
่ รำกฏ
ั สร ้ำงควำมปร ทับใจลก่ผู ้
เห็นชด
พบเห็น
2. บุคลิกภำพภำยใน
ึ ภำยในตัวบุคคล
ได ้ลก่ ควำมรู ้สก
ึ ษำได ้โดยกำร
สงั เกตได ้ยำก ลต่ศก
ั พันธ์กน
่ ควำมคิดริเริม
สม
ั เชน
่
สร ้ำงสรรค์ ควำมยุตธิ รรม ควำมเป็ น
มิตร จริงใจ
ประโยชน์ของบุคลิกภาพ
1.
2.
3.
แสดงให้เห็นถึงบุคคลประเภทต่าง ๆ
แสดงให้เห็นถึงผลรวมของพฤติกรรมของบุคคลใน
องค์การ ชุมชน และสังคม
เพื่อใช้เป็ นแนวทางในการคัดเลือกบุคคลตามลักษณะ
ความถนัด ความสามารถ เพื่อที่จะแบ่งงาน มอบหมายงาน
ได้ตามความเหมาะสม
4. บุคลิกภาพที่ดีสามารถสร้างความชอบพอ เลื่อมใส
ความยกย่อง นับถือจากบุคคลอื่น
5. บุคลิกภาพช่วยเสริ มสร้างความสามารถในการติดต่อ
กับผูอ้ ื่น
6. บุคลิกภาพมีความสาคัญในการสร้างมนุษยสัมพันธ์
ซิ กมันด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud)
•ทฤษฏีบคุ ลิกภาพ
1.1 ร บบพลังงำนทำงจิต
1.2 ควำมสำมำรถทำงสมอง
อ้างจาก จากหนังสื อ จิตวิทยาอุตสาหกรรม
ร.ศ.อานวย แสงสว่าง
ซิ กมันด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud)
นักจิตวิทยาแบบจิตวิเคราะห์ ค้นพบและเชื่อว่า
จิตมนุษย์ทางานเป็ น 3 ระดับ คือ
ซึ่งมีผลโดยตรงต่อพฤติกรรมของแต่ละบุคคล
• ระดับจิตใต้สานึ ก UnConscious
• ระดับจิตใกล้สานึ ก PreConscious
• ระดับจิตรู้สานึ ก Conscious
อ้างจาก จากหนังสื อ จิตวิทยาอุตสาหกรรม
ร.ศ.อานวย แสงสว่าง
• ระดับจิตรู้สานึก Conscious
ความคิด
/การรับรู้
บันทึก
• ระดับจิตไกล้สานึก PreConscious
รู้วา่ มีอะไรเกิดขึ้น เป็ นความรู ้ตวั
รู้ความคิดของตนเอง รู้รอบตัว
ความจา
แหล่งสะสมความรู้
ความกลัว
ความต้องการเห็นแก่ตวั
•ระดับจิตใต้สานึก UnConscious
แรงกระตุ้นที่ผิดศีลธรรม
แรงขับที่ชอบความร้ายแรง
93%
ความปราถนาอย่างไร้เหตุผล
พฤติกรรมที่ซ่อนเร้น
ความปราถนาทางเพศ
ที่ยอมรับไม่ได้
โครงสร ้ำงบุคลิกภำพ ปร กอบด ้วย 3
ปร เภท
พลังทางจิต 3 ส่ วนตามทฤษฎีของฟรอยด์
• อิด (Id)
• อีโก้ (Ego)
• ซูเปอร์ อโี ก้ (Super Ego)
ส่ วนความอยาก ความต้ องการ กิเลส ตัณหา รวม
ไปถึงสั ญชาตญาณทั้งหลายทีต่ ดิ ตัวมนุษย์ มา
ตั้งแต่ เกิด

เป็ นพลังงานทางจิตส่ วนที่จะแสดงออกเป็ นรูป
พฤติกรรมตามพลังของฝ่ ายอิดหรือซูเปอร์ อโี ก้

ส่ วนของคุณธรรมของแต่ ละบุคคล
ทฤษฎีพฒ
ั นาการทางเพศของฟรอยด์
(Freud’s Psychosexual Theory)
1. ขัน้ ความสุขอยู่ที่ปาก
แรกเกิด - 2 ขวบ
2. ขัน้ ความสุขอยู่ที่การใช้ทวารหนัก
วัย 2 - 3 ขวบ
3. ขัน้ ความสุขอยู่ที่การผูกพันกับบิดามารดา
วัย 4 - 6 ขวบ
4. ขัน้ ความสุขอยู่ที่การเก็บกดความแฝงเร้นทางเพศ ไปสนสิ่งแวดล้อม
วัย 6 - 12 ขวบ
5. ขัน้ ความสุขอยู่ที่การได้สนใจเพศตรงข้าม
วัยรุ่น 13 - 18 ขวบ
UNSTABLE
โมโหง่าย
หงุดหงิด
กังวลใจ
กระวนกระวายใจ
แข็งกร้าว
ก้าวร้าว
เคร่ งขรึ ม
มองโลกในแง่ร้าย
ตื่นเต้น
ไม่พดู มาก
ไม่มนคง
ั่
เปลี่ยนแปลงง่าย
ไม่สงั คม
เงียบ
ใจร้อน
ปกปิด
เปิดเผย
INTROVERTED
EXTROVERTED
วางเฉย
มองโลกในแง่ดี
มีความระมัดระวัง
คล่องตัว
มีความคิด
มันคง
่
ชอบสังคม
รักสันติ
มีชีวติ ชีวา
ควบคุมตนเองได้
เชื่อถือได้
ไร้กงั วล
สงบ
ผูน้ า
STABLE
แฮนด์ ไอเซงค์ (Hans Eysenck)
อ้างจาก จากหนังสื อ จิตวิทยาอุตสาหกรรม
ร.ศ.อานวย แสงสว่าง
กลไกป้ องกันตนเอง
กลไกป้ องกันตนเองมักทางานในระดับจิตใต้สานึ ก
เพื่อลดความกังวล หวาดกลัว ราคาญใจ สับสน
• การหาเหตุผลเข้าข้างตนเอง
• การปฏิเสธ
• การเก็บกด
• การซัดทอด
• การแสดงปฏิกิริยาแกล้งทา แสดงพฤติกรรมตรงข้ามกับความรูส้ กึ นึกคิดจริงๆ
• การสับที่ ไปสูบ่ ุคคลอื่นหรือเหตุการณ์อ่นื ทีป่ ลอดภัยกว่า
• การทดแทน
บุคลิกภำพที่ดี
บุคลิกภำพที่ไม่ดี
1. การแต่งกาย……………………….
2. การมองบุคคล………………….
3. การพูด……………………………...
4. การเดิน….………………………...
5. การยืน………………………………..
6. การนัง่ ………………………………..
7. การไอ/จาม……………………...
8. การรับประทานอาหาร….
9. การหยิบของหรือสิ่งต่างๆ
10. การแสดงความเคารพนับถือ
11. การทิ้ งขยะมูลฝอยสิ่งปฏิกลู
การพัฒนาบุคลิกภาพ
1. บริหารร่ างกายเป็ นประจา
2. รับประทานอาหารทีด่ มี ปี ระโยชน์ ต่อการบารุงร่ างกาย
3. พักผ่ อนเพียงพอ
4. บริหารจิตใจ
5. พักผ่ อนในวันสุ ดสั ปดาห์
การจูงใจ
Motivation
• แรงภายในหรือกระบวนการทีพ่ ลังงานทั้งหลาย
เป็ นสิ่ งชี้นาพฤติกรรม
• การจูงใจเป็ นพลังทีอ่ ยู่เบือ้ งหลังพฤติกรรม
• ลักษณะพลังของการจูงใจจะปรากฎขึน้ ต่ อเมือ่ บุคคลถูกกระตุ้น
ในอาการอย่ างใดอย่ างหนึ่ง แม้ ว่าจะชอบหรือไม่ ชอบทาก็ตาม
• มิใช่ สิ่งง่ ายทีจ่ ะกระตุ้นให้ มนุษย์ เคลือ่ นไหวโดยให้ เคลือ่ นไหว
ไปสู่ เป้าหมายทีก่ าหนดไว้ เฉพาะเจาะจง
ทฤษฎีมาสโลว์ และการจูงใจในการทางาน
3
1
ความต้ องการ
ทางสรีระ
อาหาร
2
ความต้ องการ
ทางสั งคม
ความต้ องการ
ความปลอดภัย
เพือ่ น
อาชีพมัน่ คง
5
4
ความต้ องการ
ความสาเร็จด้ วยตนเอง
ความต้ องการ
การยอมรับนับถือ
เป็ นบุคคลทีร่ ้ ู จัก
ตนเองดีว่ามีความ
สามารถทีจ่ ะเป็ นอะไรได้
การยอมรับ
ทฤษฎี เฮิรท์ เบิรก์ hertzberg’s Theory
มีโอกาสได้รับตาแหน่ง
ความพอใจในงานอาชีพ
ทาให้ เกิดแรงจูงใจ
ในการทางานอยู่ใน
โอกาสความก้าวหน้า
ระดับสู ง
ความสาเร็ จ
ได้รับการยอมรับจากผูบ้ ริ หาร
ปัจจัยกระตุน้
เพิม่ ความรับผิดชอบ
ธรรมชาติของงานที่ทา
นโยบายบริ ษทั
ความไม่ พอใจในงานอาชีพ
การจูงใจ
ในการทางานอยู่ใน
ความมัน่ คงในอาชีพ
ระดับต่า
การจ่ายค่าจ้าง
คุณภาพของการนิเทศ
สภาพเงื่อนไขการทางาน
ทางด้านกายภาพ
ความสัมพันธ์กบั บุคคลอื่น
ติดตาม
งานมอบหมาย 1
1.วิเคราะห์ตนเอง
บุคลิกภาพ ภายนอก ……………………..
ลักษณะนิสยั อารมณ์ ความชอบ ไม่ชอบ ………
2.ให้ผอู้ ื่นวิเคราะห์………………………..
3.วิธีการปรับปรุ งตนเอง
4.วิธีการพัฒนาตนเอง
ส่ งสัปดาห์หน้า
งานมอบหมาย 2
สอบ.. กำรเสนอ พูด/นำเสนอ
บุคลิกภำพ
1. แนะนำตัวเองทุกครัง้ เป็ นใครเรียนสำขำ อะไร
ชัดๆ ไม่งวั เงีย ฉะฉำน...
2. พูดให้เสียงเข้ำไมโครโฟน อย่ำชิดหรือห่ำงเกินไป
3. อย่ำพูด/นำเสนอเนิ บๆ ให้พดู ดูคล่องแคล่ว อักขระ
ชัดเจน ไม่เอ้อ… อ้ำ...
สอบสัปดาห์หน้า
4. งำนอดิเรก ชอบ ทำอะไร ...
อัลเฟรด อัดเลอร์ (Adler)

กล่าวถึงทฤษฏีบุคลิกภาพว่ามนุษย์มีปมด้วยมาตั้งแต่เกิด
ดังนั้น มนุษย์จึงแสดงพฤติกรรมต่าง ๆ เพื่อลบปมด้อย เพื่อ
พยายามปรับตัวให้เข้ากับสังคมและการได้มาซึ่ งอานาจ การ
เลี้ยงดูของพ่อแม่เป็ นปั จจัยในการสร้างบุคลิกภาพ ที่สาคัญ
การเลี้ยงดูที่เข้มงวด หรื อการตามใจมากเกินไป ล้วนทาให้
เกิดผลเสี ยต่อบุคลิกภาพ การเลี้ยงดูดว้ ยความรัก ความเข้าใจ
ให้เหตุผลและการรับฟัง
(ต่อ)
ย่อมทาให้เกิดบุคลิกภาพที่มีความเชื่อมัน่ ในเองมีวฒ
ุ ิภาวะ มี
ความรับผิดชอบ สามารถปรับตัวและดาเนินชีวติ อย่างมีสุข
Adler เชื่อว่า ลาดับในการเกิดอิทธิ พลต่อบุคลิกภาพ
ดังนี้...
ลูกคนหัวปี
มีความเป็ นผูน้ าสูง มีความรับผิดชอบ
เป็ นคนมุ่งมัน่ ค่อนข้างก้าวร้าว
ขี้อิจฉา เคร่ งเครี ยด จังจังต่อชีวติ
ลูกคนรอง
มีบุคลิกภาพ สนุกสนาน รื่ นเริ ง มีความรับผิดชอบ ไม่
ชอบหรื อไม่สนใจที่จะเป็ นผูน้ า ชอบแข่งขัน ค่อนข้างใจ
น้อย โดยเฉพาะถ้าอยูใ่ นครอบครัวที่พอ่ แม่ ให้
ความสาคัญ ต่อลูกไม่เท่ากัน ลูกคนรองจะมีความรู้สึก
น้อยเนื้อต่าใจ
ลูกคนสุ ดท้อง
มีบุคลิคภาพอ่อนไหวง่าย ใจน้อยเนื่ องจากคิด
ว่าตนเองเป็ นศูนย์รวมแห่งความสนใน ของ
คนในครอบครัว ไม่ค่อยสนใจความรู ้สึกของ
ผูอ้ ื่น ชอบให้ผอู ้ ื่นตามใจ ไม่ชอบการขัดใจ
ช่างประจบ
ลูกโทน
มีความเชื่อมัน่ ในตนเอง เอาแต่ใจแต่มี
ความรับผิดชอบน้อย
มักขาดระเบียบวินยั
ตามใจตนเอง ไม่ค่อยเชื่อฟังถือ
เหตุผลตนเองเป็ นใหญ่
การบ้าน ทาในสมุด
อ่านเรื่ องบุคลิกภาพกับความสาเร็ จในชีวติ หน้า 90 แลตอบ
คาถามต่อไปนี้
1. เคล็ดลับในการสร้างเสน่ห์ทาได้อย่างไร
2. นักศึกษาคิดว่าอาชีพใดบ้างต้องมีการพัฒนาบุคลิกภาพเพื่อ
ความสาเร็ จ
3. คนที่มีบุคลิกภาพดีสามารถสังเกตได้จากอะไรบ้างใน
ความคิดของนักศึกษา
การบ้าน ทาในสมุด
อ่านเรื่ องบุคลิกภาพกับความสาเร็ จในชีวติ หน้า 90 และ
ตอบคาถามต่อไปนี้
1. เคล็ดลับในการสร้างเสน่ห์ทาได้อย่างไร
2. นักศึกษาคิดว่าอาชีพใดบ้างต้องมีการพัฒนาบุคลิกภาพ
เพื่อความสาเร็ จ
3. คนที่มีบุคลิกภาพดีสามารถสังเกตได้จากอะไรบ้างใน
ความคิดของนักศึกษา
องค์ ประกอบของบุคลิกภาพ
1.1 รูปลักษณ์ทำงกำย
มำดต้อง
ตำ
1.2 ภูมิปญั ญำดี - สือ่ ควำมหมำยดี
วาจา
ต้องใจ
1.3 กำรควบคุ
ม
อำรมณ์
ด
ี
ทัง้ หมดเป็ น Total Message
- สร้ างศรัทธา
- ทรงคุใจต้
ณค่ า อง
- สง่ างาม
บุคลิกภำพของมนุ ษย์
1.1 รูปลักษณ์ทำงกำย
ให้ผูแ้ สดงโดดเด่น+เป็ นสง่ำ
มาดต้องตา
(Physical/Body Language)
สีหน้ำ รูปร่ำงหน้ำตำ
สำยตำ
กิรยิ ำท่ำทำง
น้ ำเสียง
กำรปรำกฏตัว
กำรแต่งกำย
บุคลิกภาพและการสมาคม
• การสมาคมเป็ นการพัฒนาบุคลิกภาพ
• บุคลิกภาพเป็ นพืน้ ฐานของศาสตร์ และศิลปะ
ในวิชามนุษย์ สัมพันธ์
• สมาคมทีจ่ ะกล่ าว รวมทั้ง บุคลิกภาพของ
บุคคลในทีร่ ่ วมงานพิธีการ และการรับรอง
บุคลิกภาพและการสมาคม
• การสมาคมเป็ นการพัฒนาบุคลิกภาพ
• บุคลิกภาพเป็ นพืน้ ฐานของศาสตร์ และศิลปะ
ในวิชามนุษย์ สัมพันธ์
• สมาคมทีจ่ ะกล่ าว รวมทั้ง บุคลิกภาพของ
บุคคลในทีร่ ่ วมงานพิธีการ และการรับรอง
ารพัฒนาตนเอง
สำเร็จ
ส.
เสน่ ห์
สมดุล
สร้ างคุณค่ า
สง่ า
การพัฒนาตนเอง
สมอง
สู่ความสาเร็จ
สัญญา/
สัจจะ
สติ
สะอาด
สงบ
1.2 ภูมิปญั ญำดี - สือ่ ควำมหมำยดี
ใจ
วาจาต้อง
1) พูดกับ “ใคร”
ใครคือผู้ฟัง/ลูกค้ า
- นึกถึงกาละเทศะ สภาพแวดล้ อม ผู้ฟังมีข้อมูลอะไร
แล้ ว
- เป็ นรัฐมนตรี ผู้บังคับบัญชา ข้ าราชการ นักเรียน
ชาวบ้ านทัว่ ไป ???
2) พูดในโอกาส “อะไร”””
- การนาเสนอในที่ประชุ มสั้ นๆ การบรรยาย
โอวาท ปราศรัย กล่ าวต้ อนรับ
- งานแต่ งงาน สอน
3) พูดที่ “”“ไหน”””
- ในที่ประชุ มคณะกรรมาธิการ ส.ส./สว.
- ห้ องประชุ ม เวทีห้องประชุ มใหญ่ โรงเรียน
วัด สนามกีฬา
- ที่ร้อน แออัด ไม่ มีไมโครโฟน ฯลฯ
ข้อฝำกในกำรนำเสนอ
พูด/นำเสนอ
“อย่ำงไร”
1. แนะนำตัวเองทุกครัง้ เป็ นใครเรียนสำขำ อะไร
ชัดๆ ไม่งวั เงีย ฉะฉำน
2. พูดให้เสียงเข้ำไมโครโฟน อย่ำชิดหรือห่ำงเกินไป
3. อย่ำพูด/นำเสนอเนิ บๆ ให้พดู ดูคล่องแคล่ว อักขระ
ชัดเจน ไม่เอ้อ… อ้ำ...
4. งำนอดิเรก ชอบ ทำอะไร
5. ดูท่เี หตุกำรณ์
ควำมเหมำะสม + เวลำ (หำกงำนสำคัญควรเตรียม
ด้วยตัวเอง)
6. อย่ำใช้เวลำนำเสนอนำนเกินไป
7. อย่ำแสดงควำมอวดรู ้ กำรข่มท่ำน กำรกระทบ/
กระแทกผูฟ้ ังหรือบุคคลอืน่ ให้ผูฟ้ ังเขำวิเครำะห์เอง
8. บอกหัวข้อผูฟ้ ังก่อน ควรมีประเด็น ลำดับตำม
ประเด็น จะได้ฟังแล้วเข้ำใจง่ำย ๆ
9. มีขอ้ มูล/ตัวเลข ปลีกย่อยคอยเสริม หรืออธิบำย
ควำม แยกแยะบำงจุด และต้องแม่น
10. พยำยำมให้มีกำรเชื่อมโยง - ให้เห็นภำพ
11. หยิบเหตุกำรณ์ปจั จุบนั หรือกรณี ท่อี ยู่ในควำม
สนใจมำกล่ำวถึงประกอบด้วยก็ดี
1.3 การควบคุมอารมณ์
ใจต้ องเยีย่ ม
EQ
ร้ างเสน่ ห์ด้วย รรมะ
พรหมวิหาร 4
เมตตา กรุณา
มุทติ า อุเบกขา
หนังสื อหน้า 87
1.4 ตัวอย่ างปุจฉาด้ านมารยาทและการวางตัว
ไปร้ านหนังสื อ โทรศัพท์ มือถือดังขึน้
คนรับพูดโทรศัพท์ เหมือนอยู่ในบ้ าน
เกร็ดมารยาททางสั งคมที่พงึ ปฏิบัติ
1. ช่ วยเหลือผู้อนื่ บ้ าง โดยเฉพาะสุ ภาพสตรี และ
ผู้สูงอายุ เพือ่ ทาให้ คนอืน่ พึงพอใจ ทั้งการแนะนา
ชวนสนทนา
2. มีความสารวม และสารวจตัวเอง ก่อนไปงานสั งคม
ระดับสู ง ทั้งกริยา ท่ วงทานอง การรับประทาน
3. การโทรศัพท์ ไปถึงบุคคลอืน่ หรือผู้ใหญ่ โปรด
แนะนาตัวเองก่อนเสมอ (เป็ นใคร ตาแหน่ งอะไร)
หลักสาคัญไม่ ควรใช้ ความสะดวกของผู้พูด
ไปทึกทักว่ าคู่สนทนาทีเ่ ราพูดอยู่ด้วย สะดวก
เหมือนผู้ตดิ ต่ อโทรศัพท์ ไปหา
. 4.ถ้ าผู้โทรศัพท์ เป็ นผู้ใหญ่ /ผู้บริหาร ต้ องขอโทษและ
เรียนถามว่ ามีธุระหรือสะดวกทีจ่ ะอนุญาตพูดได้
หรือไม่ โดยเฉพาะโทรศัพท์ มือถือ โปรดระลึกว่า
เราสะดวก เราจึงโทรไปหา แต่ ผู้รับอาจไม่ พร้ อม
หรือสะดวกทีจ่ ะพูด ควรต้ องสอบถามก่ อน เป็ น
การให้ เกียรติกนั
5 เวลาพูด (โทรศัพท์ ) และพบแขก หรือพบในงาน
ควรแนะนาตัวเอง พึงอย่ าพูดทักว่ า
“จาหนู/ผมได้ ไหม”
6. ไม่ ควรเอยอ้ างถึงผู้มชี ื่อเสี ยง หรือผู้โด่ งดัง
เพือ่ ทาให้ ตนเป็ นผู้สาคัญขึน้ มา
7 ไม่ ควรซุบซิบนินทาท่ ามกลางวงสนทนา
สาธารณะ หรือพูดเรื่องข่ าวลือ อย่ างซ้าซาก
ไม่ ควรตั้งคาถามๆ ว่า “ทาไม”
8 . ไม่ ควรนาแขกสนทนาถึงเรื่องตาแหน่ งหน้ าที่
ทางสั งคม หรือการแต่ งตั้งโยกย้ าย ถ้ าไม่ ได้ ถูก
ขอร้ องให้ ทาเช่ นนั้น
9. เวลาพูดอย่ าเสี ยงดังจนกลายเป็ นการตะโกน
แต่ ให้ พูดพอจะได้ ยนิ หรือเข้ าใจ อยู่ท่ามกลาง
ผู้อนื่ มิควรใช้ เสี ยงจากการใช้ โทรศัพท์ มือถือ
ไปรบกวนผู้อนื่ และอย่ ามีกริ ิยาซุบซิบประเจิด
ประเจ้ อเช่ นกัน
10. ฝึ กระดับเสี ยงตนเองให้ มีระดับ ตา่ นุ่มนวลใช้
ไวยากรณ์ ออกเสี ยงอักขรวิธีให้ ถูกต้ อง คาที่อ่านและ
ขานผิดบ่ อยๆ ต้ องระวัง โดยเฉพาะการกล่ าวรายงาน
การกล่ าวรายงาน การกล่ าวเปิ ดงาน ต้ องตรวจสอบคา
ที่อ่านผิดบ่ อยๆ ไว้ กนั ผิดพลาด
11. ฝึ กพูดคาว่ าได้ โปรด ขอบคุณ ยินดี ขอโทษ
ให้ ติดปากเป็ นธรรมชาติ คาเหล่านีเ้ ป็ น
เครื่องสาอางทางสั งคม เรียกคาว่า “คุณ” ลอยๆ
ดูจะแข็งเกินไป ควรบอกด้ วยชื่อของท่ านเหล่ า
นั้นด้ วย จะทาให้ ดูให้ เกียรติมากขึน้
12. ไม่ ควรผูกขาดการสนทนาแต่ เพียงผู้เดียว
ดูแวดวงว่ าสาระของการสนทนาเขารับได้
และสามารถร่ วมคุยได้ ด้วยหรือไม่
13. ปฏิบัตติ ่ อคนอืน่ อย่ างทีค่ ุณหวังจะได้ รับการ
ปฏิบัติอย่ างนั้นกับตัวเอง การรับไหว้พงึ ระวัง
อย่ าให้ เป็ นแบบขอไปที และหากไม่ รับไหว้เลย
จะดูไม่ งาม ไม่ ได้ มวลชน
14. ควรปฏิบัตติ ่ อหู จมูก และส่ วนอืน่ ๆ ของร่ างกาย
ในทีล่ บั ตาคน (ให้ มอื ของคุณอยู่ห่างจากหน้ า
และทรงผม)
15. ไม่ เคีย้ วหมากฝรั่ง ระหว่างงานพิธีการ การ
ประชุม การฟังบรรยาย ลดการนั่งไขว่ าห้ างใน
งานพิธี และนั่งกับผู้ใหญ่ โดยเฉพาะแถวหน้ า
การนั่งสนทนากับผู้ใหญ่ พงึ ระวังความสารวม
16. โปรดงดวิจารณ์ รูปร่ างหน้ าตาของใคร ไม่ ว่า
ทางดีหรือร้ าย
17. ต้ องไม่ ตาหนิใครต่ อหน้ าบุคคลทีส่ าม หาก
กระทาโดยเฉพาะกับผู้ใต้ บงั คับบัญชาให้ ทา
เป็ นส่ วนตัว สองต่ อสอง
18. “4” คา ที่มิควรใช้ ในการเจรจา… ไม่ ใช่ ใช่ ไม่ เคย
ไม่ ทราบ… คาว่ า “มิได้ ” “ขอประทานโทษ” เป็ นคาที่
ไพเราะ
18. มารยาทการเข้ าคิว เป็ นเสน่ ห์ของคนตะวันตก
อย่ าเร่ งคนที่อยู่หน้ าเรา ไม่ ว่าจะใช้ คาพูดหรือ
อากัปกิริยาก็ตาม
20. ระมัดระวังการสู บบุหรี่พร่าเพรื่อ และในที่ห้ามสู บ
โปรดสานึกว่ าเป็ นการรบกวนภาวะแวดล้ อมบุคคลอืน่
และลดความสง่ างามของผู้สูบเอง โดยเฉพาะในโต๊ ะ
อาหารที่มีสุภาพสตรีนั่งร่ วมด้ วย หรือในวงสนทนา
ควรขออนุญาตผู้ร่วมสนทนาก่ อน
21. ควรมีนามบัตรติดตัวไปในงานสาคัญๆ การ
เก็บนามบัตรไว้ ในกระเป๋ ากางเกงไม่ สุภาพ
ควรบันทึกไว้ ในนามบัตรทีไ่ ด้ รับว่ าผู้มอบเป็ นใคร
พบปะกันทีไ่ หน มีอะไรเป็ นจุดเด่ น และวันที่
เท่ าไรเพือ่ การเตือนความจา
The end