พิพิธภัณฑ์ชีวิต 2 ตอนนาฬิกาทราย

Download Report

Transcript พิพิธภัณฑ์ชีวิต 2 ตอนนาฬิกาทราย

LIVING MUSEUM
Being and time
(Nostalgia)
นาฬิกาทราย
Location History
• ที่มาและความสาคัญของการสร้ างสรรค์ผลงาน
การมีอยูข่ องชุมชมเล็กๆ บางชุมชนถูกมองข้าม แม้มนั จะอยูใ่ นมหานครกรุ งเทพฯ สภาพที่อยูแ่ ออัด ตกแต่ง
บริ เวณโดยรอบด้วยกองขยะนานาชนิด หน่วยงานภาครัฐได้เข้ามาแก้ปัญหาแต่กม็ กั เป็ นแบบขอไปที เด็กถูกปล่อย
ปะละเลย ยาเสพติดหาซื้อง่ายเหมือนยาพาราเซตามอล เด็กๆ สามารถรับรู้เรื่ องเพศได้จากประสบการณ์ตรง
ครอบครัวแตกแยก พ่อแม่ผปู้ กครองอยูก่ นั อย่างปากกัดตีนถีบ หาเช้ากินค่า ซึ่งเป็ นแรงขับสาคัญที่ก่อให้เกิดปัญหา
การต่างคนต่างอยูข่ องคนในชุมชน โดยที่ปกติแต่ละบ้านก็เป็ นเหยือ่ ของเคราะห์กรรมอันเป็ นผลจากการกระทาของ
ตนเองอยูแ่ ล้ว ยิง่ แยกกันคิด แยกกันทา แยกกันอยูอ่ ีก ปัญหายิง่ ลุกลามจนแก้ไม่ตก ชีวิตชาวชุมชนนางเลิ้งยา่ อยูใ่ น
วงจรอดสู หาทางออกไม่ได้เสี ยที ดังนั้นเมื่อชุมชนนี้มีปัญหารุ มเร้ามากเช่นนี้ คนในชุมชนเองจึงเล็งเห็นถึงความ
เป็ นได้ในการนาศิลปะเข้ามาเยียวยา และได้ที่จะนาศิลปะที่วา่ กันว่าเหมือนยาวิเศษแก้ได้สารพัดโรคเข้ามาขับเคลื่อน
ให้เกิดวงจรที่ดีข้ ึนแก่คนในชุมชน (ศิลปะชุมชน) เพื่อบอกถึงการมีอยูข่ องชุมชน โดยที่คนในชุมชนเอง
“ต้องการสร้างวัฒนธรรมเล็กๆแก่เด็กสลัม เพื่อให้พวกเขาได้เกิดวงจรชีวิตใหม่ที่ดีข้ ึน”
ผลงาน “พิพิธภัณฑ์ชีวิต I (ระหว่าง)”
LIVING MUSEUM [Between] VDO.DOCUMENTARY
นางเลิ้งมีความน่าสนใจในเรื่ องความสัมพันธ์ “ระหว่าง”Between สิ่ งต่างๆที่อยูใ่ นพื้นที่ Between หมายถึง
ระหว่าง อยูก่ ลางสิ่ งที่รวมกันหรื อสิ่ งที่สมั พันธ์กนั ซึ่งเชื่อมโยงกับชุมชนนางเลิ้งได้เป็ นอย่างดี ไม่วา่ จะเป็ น
ความสัมพันธ์คนกับอาชีพ ความสัมพันธ์คนกับประวัติศาสตร์ ความสัมพันธ์คนกับวัฒนธรรม
ความสัมพันธ์คนกับชุมชนและความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคน
ผลงาน DOCUMENTARY ชิ้นนี้ พูดถึงสิ่ งที่มนั อยูจ่ ริ งในพื้นที่นางเลิ้ง เรื่ องราวของแต่ละชีวิตในนางเลิ้ง
ล้วนมีความแตกต่างหลากหลาย ซึ่งเต็มไปด้วยความน่าสนใจ ภาพความเป็ นจริ งที่ปรากฏนั้น สะท้อนให้
เห็นถึงชีวิต ความเป็ นอยูแ่ ละทัศนคติของผูค้ นที่มีต่อชุมชนของตนแม้นว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนแปลงไปนาน
แค่ไหน แต่ความผูกพันเชื่อมโยงกันระหว่างสิ่ งต่างๆในชุมชนนางเลิ้งนั้นจะยังคงอยูต่ ลอดไป
“พิพิธภัณฑ์ชีวิต II (นาฬิกาทราย)” คือการนาวิธีการทางศิลปะมาสะท้อนถึงปัญหาที่มีอยูเ่ พื่อให้
บุคคลภายนอกหรื อผูท้ ี่มีส่วนเกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้เข้ามามีบทบาท งานศิลปะเองนั้นไม่
อาจแก้ไขปัญหาได้โดยตรง แต่งานศิลปะสามารถเป็ นเครื่ องมือต่อรองทางสังคมอีกแรงหนึ่ งของชุมชน
หรื ออย่างน้อยที่สุดก็เป็ นเส้นทางในการสื บค้นข้อมูลเชิงลึกของชุมชนต่อไปในอนาคต ในขณะเดียวกัน
ผลงานชิ้นนี้ยงั นาเสนอให้เห็นถึงการที่คนในชุมชนได้นาศิลปะเข้าไปแก้ปัญหาของเด็กในชุมชน ใน
ลักษณะของศิลปะชุมชน (community art) อีกด้วย
• แนวความคิด
• จากการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ในตอนที่ 1 “พิพิธภัณฑ์ชีวิต I (ระหว่าง)” ที่เน้นเรื่ องราวระหว่าง ชุมชน, พื้นที่และ
วิถีชีวิต ชุมชนนางเลิ้งกับความอยูร่ อดในพื้นที่เมืองอันหนาแน่นในปัจจุบนั แสดงให้เห็นว่าคุณค่าของความเป็ นคน
นางเลิ้งของเขานัยหนึ่งคือ เก็บงาความหลัง ....อดีตที่เคยพุ่งขึ้นไปจนถึงสูงสุด และร่ วงหล่นลงมาสงบราบเรี ยบราว
ท้องทะเลไร้คลื่นลม
•
ชุมชนนางเลิ้งที่มีเรื่ องราวหลากหลายผ่านกาลเวลาอันยาวนาน บางครั้งในเรื่ องเดียวกันแต่สามารถ
ถ่ายทอดผ่านภาพเคลื่อนไหวในแง่มุมและความคิดเห็นที่หลากหลาย เรื่ องราวในอดีตที่ถูกเล่าผ่านตกทอดกันมา
ยังคงวนเวียนอยูใ่ นชุมชน งานชิ้นนี้จึงต้องการบันทึกเรื่ องราวจากผูค้ นในชุมชนที่มีต่อเหตุการณ์ต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้น
ในชุมชนนางเลิ้ง โดยเสนอให้เห็นทั้งเรื่ องปรุ งแต่ง เรื่ องส่วนตัว เรื่ องที่ฟังเขามาอีกทีหนึ่ ง เรื่ องที่เล่าตามๆกันมาคือ
ร่ องรอยจางๆ ที่สามารถนาไปสู่ความจริ งได้เช่นเดียวกัน การบันทึกขึ้นใหม่น้ ีเปรี ยบเสมือนเป็ นหลักฐานปัจจุบนั ที่
ทาให้คนในชุมชนเองสามารถมองเห็นความคิดของบุคคลอื่นในมุมต่างๆ บันทึกนี้คือการรวบรวมภาพของนางเลิ้ง
ในขณะที่ทุกอย่างยังดาเนินต่อไปเหมือนพิพิธภัณฑ์แสดงภาพถ่ายแห่งชีวิตและเรื่ องราวย้อนอดีต ในเวลาเดียวกันก็
สะท้อนสิ่ งสาคัญที่สุดของชุมชนนางเลิ้งที่พวกเขายังคงมีอยูเ่ สมอ คือความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และความภูมิใจ ที่ได้
เป็ น ..คนนางเลิ้ง
• กระบวนการสร้ างสรรค์ผลงาน
• เก็บข้อมูลเบื้องต้นเพื่อหาข้อเท็จจริ งที่เกิดขึ้นในชุมชน นามาวิเคราะห์ ประมวลและสร้างสรรค์ผลงาน ตามขั้นตอน
และแนวคิด ดังต่อไปนี้
• ศึกษาทาความเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูลเชิงลึกในแง่มุมต่างๆ ของนางเลิ้ง อาทิ ประวัติความเป็ นมา ผูอ้ าศัย อาชีพ
ศิลปวัฒนธรรม ชีวิตความเป็ นอยู่ ความทรงจา เรื่ องเล่า ตลอดจนปัญหาที่เกิดขึ้น
• เข้าไปคลุกคลีและทากิจกรรมร่ วมกับคนชุมชนเพื่อศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติม และสร้างสัมพันธภาพที่ดีเพื่อให้เกิด
ความคุน้ เคยและไว้วางใจที่จะให้ขอ้ มูลในแง่มุมต่างๆ โดยมีระยะเวลาตั้งแต่เริ่ มทาโครงการพิพิธภัณฑ์ชีวิต I
(ระหว่าง) จนถึง พิพิธภัณฑ์ชีวิต II (นาฬิกาทราย) โดยใช้ระยะเวลารวมทั้งสิ้นเกือบ 3 ปี
• ตั้งประเด็นการค้นคว้าเรื่ องราวเกี่ยวกับนางเลิ้ง โดยอาศัยแนวความคิด “ระหว่าง (Between)” ซึ่งก็หมายถึง สิ่ งที่อยู่
กลาง สิ่ งที่สมั พันธ์กนั ซึ่งสามารถเชื่อมโยงชุมชนนางเลิ้งได้เป็ นอย่างดี ไม่วา่ จะเป็ นความสัมพันธ์ระหว่างคนกับ
อาชีพ ความสัมพันธ์ระหว่างคนกับประวัติศาสตร์ ความสัมพันธ์ระหว่างคนและศิลปวัฒนธรรม ความสัมพันธ์
ระหว่างคนกับชุมชน และความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคน
• เก็บและรวบรวมข้อมูลโดยยึดแนวความคิด “ระหว่าง” เป็ นหัวใจหลัก ในการสัมภาษณ์และบันทึกเทปบุคคลต่างๆ ที่
ใช้ชีวิตอยูใ่ นนางเลิ้ง
• วิเคราะห์ขอ้ มูลที่ได้มา และทาการคัดเลือกข้อมูลที่ใกล้เคียงกับแนวความคิดหลักมากที่สุด
• ตัดสิ นใจที่จะนาเสนอผลงานศิลปะ (video art) ผ่านรู ปแบบสารคดี (documentary) เพื่อสื่ อว่าผลงานที่ผลิตออกมา
เป็ นข้อเท็จจริ งที่เกิดขึ้น โดยมีวิธีการนาเสนอผ่านเรื่ องเล่าขนาดย่อม (small narrative)
• วางแผนโครงสร้างผลงาน (video art) โดยไม่ใช้วิธีการเล่าเรื่ องตามลาดับเวลาเหมือนสารคดีทวั่ ไป แต่จะทาให้เรื่ อง
เล่าแต่ละเรื่ องมีความเป็ นเอกเทศ ไม่วา่ จะดูตอนไหนก็สามารถเข้าใจเรื่ องที่เกิดขึ้นได้ โดยไม่ตอ้ งดูต้งั แต่เริ่ มต้น
เพราะผลงงานชิ้นนี้ไม่มีการขึ้นต้นและลงท้าย และปฏิเสธวิธีการเล่าเรื่ องแบบเรื่ องเล่าขนาดใหญ่ (mega narrative)
ในรู ปแบบรื้ อถอนโครงสร้าง “Deconstruction”
• ผลิตผลงานชิ้นที่ 1 “พิพิธภัณฑ์ชีวิต I (ระหว่าง)” และทาการนาเสนอผลงานที่เสร็จสิ้นในชุมชน ณ บริ เวณหน้าโรง
ภาพยนตร์เฉลิมธานี ซึ่งเป็ นโรงภาพยนตร์ที่เลิกกิจการไปแล้ว แต่ยงั คงเป็ นอนุสรณ์แห่งความทรงจาของคนใน
ชุมชน
• เมื่อโครงการที่ 1 ได้เสร็จสิ้นลง ผูด้ าเนินโครงการได้เล็งเห็นว่ายังมีขอ้ มูลที่มีคุณค่าควรแก่การนาเสนออยูอ่ ีกมากมาย
จึงได้ริเริ่ มทาการเก็บและรวบรวมข้อมูลอีกครั้งหนึ่ง ภายใต้แนวความคิด “พิพิธภัณฑ์ชีวิต II (นาฬิกาทราย)” โดยมี
รู ปแบบการนาเสนอที่เหมือนกันคือนาเสนอผ่านเรื่ องเล่าขนาดย่อม (small narrative) แต่ที่แตกต่างไปจาก
“พิพิธภัณฑ์ชีวิต I (ระหว่าง)” ก็คือการนาเสนอเรื่ องเล่าผ่านตัวหนังสื อ ภาพเคลื่อนไหว (stop motion)า และเสี ยง
(soundtrack) เพื่อเปิ ดจินตนาการของผูช้ ม
• ผลงานไม่ได้เป็ นภาพตัวแทนของสิ่ งที่เกิดขึ้น (representation) แต่เป็ นการนาเสนอข้อเท็จจริ ง (fact) และสิ่ งที่ปรากฏ
(present)
กระบวนการแนวทาง การสร้างสรรค์ และโครงสร้างทางความคิดต่อผลงาน หลังจากรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ สู่
การวางแผนการจัดการโดยเปรี ยบเทียบลักษณะโครงสร้างของผลงานแบบ Hamburger
-การกาหนดโครงสร้างในใจ และวิธีการเลือกแนวทางการดาเนินเรื่ องโดยใช้วิธีการเล่าเรื่ องแบบ SMALL NARRATIVE (เรื่ อง
เล่าขนาดย่อม) แทนการเล่าเรื่ องในลักษณะ (GRAND NARRATIVE) และจะทาอย่างไรเพื่อที่จะควบคุมโครงสร้างที่ไม่ปล่อย
ให้ไหล ขาดการควบคุม จากโครงที่มีหลากหลายจึงจาเป็ นต้องสร้างโครงสร้างที่ชดั เจน ในโครงสร้างทั้งหมด การเริ่ มต้น ลง
ท้าย (หัว-ท้าย) ประกบกัน ซึ่งในแต่ละเรื่ องและแต่ละเหตุการณ์มีความชัดเจน ของประเด็นที่ต่างกันโดยผูกร้อยเรี ยงให้กระชับ
ในเรื่ องเล่าดังกล่าวที่ไม่ใช่ ลักษณะที่เป็ นเรื่ องเล่าต่อกัน แต่ดว้ ยโครงสร้างทั้งหมดยังคงสื่ อสาร หรื อเล่าบางอย่างให้คนพูดเข้าใจ
โดยกาหนดรู ปแบบ Narrative จากความเป็ นเรื่ องเล่า เป็ นเราเล่าเรื่ องให้คนดู (ผูช้ ม) อ่านเรื่ องแล้วแต่ผชู้ มจะหยิบจับ โดยผูช้ ม
สามารถแยกแต่ละส่วนหรื อหน่วยย่อยๆในแต่ละเรื่ อง โดยไม่มีความจาเป็ นที่จะมีการดาเนินเรื่ องที่ต่อกัน ภายใต้โครงสร้างที่
กาหนดชั้นแบบ Hamburger ผลงานสามารถเปิ ดโอกาสให้ผชู้ มกลับมาทบทวนว่าเรื่ องที่เกิดขึ้นมีขอ้ เท็จจริ ง มากน้อยเพียงใด
อย่างน้อยที่สุดก็ยงั เป็ นร่ องรอยที่สามารถสื บค้นต่อไป
หัว
ผังโครงสร้างของเรื่ อง
Structure Project Living Museum Plan
เล่าเรื่องด้ วยภาพของชุมชน
(Community Activity Image)
เรื่องในแต่ ละ
เรื่องทีเ่ กิดขึน้
Small Narrative
เรื่องเล่า
ขนาดย่ อม
ท้าย
-ไฟไหม้ บุคคลในอดีตที่เกี่ยวข้องสู่ มิติดา้ น
สังคมอื่นๆ
-งิ้ว ศาลเจ้า กรมหลวงชุมพรฯ
-คนจีน ประวัติและสิ่ งที่เกิดขึ้นทางสังคม
และ การเมือง
-บ้านเต้นรา  บทเพลง
-Community Art
-โรงภาพยนตร์ อดีต หวนราลึกวันวาน สู่ วถิ ี
แห่งความทรงจา
-เสวนาตารวจพบประชาชน ซึ่ งเป็ นส่ วนหนึ่ง
ของกิจกรรมชุมชนในปั จจุบนั
IMAGE กิจกรรมในชุมชน และคนใน
นางเลิง้ เล่าเรื่องด้ วยภาพกิจกรรมและคนใน
ชุมชน
ผังโครงสร้างการสร้างสรรค์ และภาวะนามธรรมในโครงสร้างของผลงาน
(Composition)
ภาพเคลือ่ นไหว VIDEO (Real Time)
IMAGE ภาพสี ซึ่งแสดงถึงปัจจุบัน
(ไม่ มคี าบรรยายหรือเรื่องเล่า)
Sound (ลักษณะดนตรี ไทย)
-ไฟไหม้ จอมพลสฤษดิ์ 14 ต.ค., 6 ต.ค.
ให้ความรู ้สึกเหมือนการฟังเนื้ อหาทาให้เห็นถึงความแตกต่าง(Contrast)
-งิ้ว ศาลเจ้า กรมหลวงชุมพร
ให้ความรู ้สึกเหมือนกาลังชม(Harmony)
Stop Motion
+VIDEO
+ภาพ
+Text
-คนจีน ประวัติและสิ่ งที่เกิดขึ้นทางสังคม
และ การเมือง
ให้ความรู ้สึกเหมือนกาลังฟัง (Rhythm/Space)
-บ้านเต้นรา  บทเพลง
ให้ความรู้สึกเหมือนการฟัง และการชม(Harmony)
-Community Art
ให้ความรู้สึกเหมือนการชม (Rhythm)
-Performent (Space)
-โรงภาพยนตร์
ให้ความรู้สึกเหมือนการฟัง (Harmony)
-ตารวจพบประชาชน
ให้ความรู้สึกเหมือนผูส้ งั เกตการณ์ (Tension)
-เข้าสู่ โครงเรื่ องอย่างช้าๆ การวางภาพกับเสี ยงทาให้รู้สึกถูกดึงเข้าไป
ให้เกิดระยะลึก (Perspective/Perception)
-เร่ งจังหวะ(Rhythm) ให้ความรู ้สึกหยุดนิ่งและเคลื่อนไหว(Movement)
และคล้อยตาม (Harmony) อีกทั้งความรู ้สึกที่ขดั แย้งของแต่เรื่ องเล่า(Contrast)
-SPACE (จากภาพกิจกรรม Performance) โดยไม่มีคาบรรยาย
นาเสนอภาพแต่ไม่มีเรื่ องเล่า ทั้งหมดคือ Unity ของ Living Museum Project
ภาพเคลือ่ นไหว VIDEO (ปิ ดประเด็นด้ วย
ภาพทีใ่ ช้ สรุป แต่ อาจตั้งคาถามต่ อความ
น่ าเชื่อถือในใจผู้ชม)
จบด้ วย STOP MOTION
(SPEED) ไม่ มคี าบรรยายหรือเล่า Text
ความสัมพันธ์ ของ SOUND กับเนือ้ หาและพืน้ ที่ (ชุมชน)
-
ที่มาและความคิดของการเลือกใช้เสี ยงประกอบใน Living Museum โดยอาศัยลักษณะของดนตรี ไทย
ข้อมูลที่ได้จากการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับประวัติของการฉายภาพยนตร์ ที่โรงหนังเฉลิมธานี และโรงหนังในอดีต
ก่อนภาพยนตร์จะฉาย บริ เวณหน้าโรงภาพยนตร์จะมีแตรวงโหมโรง และในสมัยก่อน การฉายภาพยนตร์จะใช้วง
ดนตรี ไทยในการแสดงสดประกอบภาพยนตร์ อีกทั้งบางส่วนยังมีการแสดงขับเสภาและมีคนแสดงจริ งเดินออกมา
ความสาคัญของดนตรี ไทยกับชุมชนนางเลิ้ง รวมทั้งนาฏศิลป์ โบราณ บ้านครู ทองใบ เรื องนนท์ ศิลปิ นแห่งชาติ สาขา
ละครชาตรี ยังคงอยูใ่ นพื้นที่น้ ี
จากการอาศัยลักษณะดนตรี ไทย ทาให้ความรู้สึกไม่เกิดความแปลกแยก จากชุมชนอีกทั้ง ยังก่อให้เกิดการหวนระลึก
ถึงอดีตได้เป็ นอย่างดี
• วัตถุประสงค์ของการสร้ างสรรค์ผลงาน
ผลงานชิ้นนี้ พูดถึงสิ่ งที่มนั อยูจ่ ริ งในพื้นที่นางเลิ้ง เรื่ องราวของแต่ละชีวิตในนางเลิ้งล้วนมีความแตกต่าง
หลากหลาย ซึ่งเต็มไปด้วยความน่าสนใจ ภาพความเป็ นจริ งที่ปรากฏนั้น สะท้อนให้เห็นถึงชีวิต ความเป็ นอยูแ่ ละ
ทัศนคติของผูค้ นที่มีต่อชุมชนของตนแม้นว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนแปลงไปนานแค่ไหน แต่ความผูกพันเชื่อมโยงกัน
ระหว่างสิ่ งต่างๆในชุมชนนางเลิ้งนั้นจะยังคงอยูต่ ลอดไป
การดาเนินเรื่ องจากเรื่ องเล่าผ่านภาพของชุมชนนางเลิ้งชุดนี้ ถูกสร้างขึ้นจากการเรี ยบเรี ยงภาพถ่ายภาพเคลื่อนไหว
อย่างตรงไปตรงมา ผ่านการเล่าเรื่ องจากความทรงจาในแต่ละเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นที่นางเลิ้ง ภาพสถานที่ และภาพบุคคล ถูก
นาเสนอเพื่อสื่ อถึงอดีตและวันเวลาที่ผา่ นมาที่สมั พันธ์กบั สถานที่ และเรื่ องราวต่างๆ ร้อยเรี ยงเพื่อให้เกิดเนื้อเรื่ องของบท
ภาพยนตร์ (VIDEO ART) โดยโครงเรื่ องที่ถูกนามาใช้คือเรื่ องที่เกิดขึ้นในอดีต รวมถึงกิจกรรมที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาของ
ชุมชนในปัจจุบนั ภาพต่างๆที่ถูกนาเสนอของผูเ้ ล่าแม้วา่ จะเกิดจากประสบการณ์ส่วนตัวของผูเ้ ล่า แต่ความเรี ยงจากส่วนย่อยๆ
เหล่านี้ (Small Narrative) อาจเล่าหรื อบอกกล่าวได้มากกว่า (Grand Narrative) ด้วยความเป็ นส่วนตัว (Personal) สามารถ Relate
สร้างความรู้สึกสนิทสัมพันธ์กบั โครงสร้างประวัติศาสตร์ได้ชดั กว่า และรู้สึกได้ง่ายกว่า ใกล้กบั ตัวเราเหมือนฟังญาติผใู้ หญ่เล่า
เรื่ องในอดีตให้เราฟัง ซึ่งเป็ นส่วนหนึ่งของการเล่นกับประสบการณ์การฟัง แต่ขณะเดียวกันภาพและเรื่ องที่ปรากฏ ทั้งผูช้ มและ
ศิลปิ น (ผูส้ ร้าง) มีเจตนาที่จะชี้ให้เห็นในประสบการณ์ร่วมในด้านการรับรู้ที่ได้รับแตกต่างกัน เรื่ องที่ผา่ นการเล่าทาให้ผชู้ ม
สามารถเปิ ดโอกาสได้ทบทวน ในเรื่ องที่เกิดขึ้น หรื อที่ฟังมานั้นจริ งแท้เพียงใด เปิ ดการตีความ และมิติทางสุนทรี ยศาสตร์ ผ่าน
การสื่ อสะท้อนความเป็ นเรื่ องเล่า เป็ นเราเล่าเรื่ อง คนดู(ผูช้ ม) อ่านเรื่ องและคิดตามโครงสร้าง ที่วา่ งที่เกิดขึ้น ยังคงสื่ อถึงอารมณ์
ของสถานที่ไปพร้อมๆกัน