รูปแบบงานวิจัยแบบงานนำเสนอ

Download Report

Transcript รูปแบบงานวิจัยแบบงานนำเสนอ

ชื่ องานวิ จั ย พฤติ กรรมการใช้ โ ทรศั พ ท์ มื อ ถื อ
ของนั ก เรี ยนชั้ นมั ธ ยมศึ กษาปี ที่ 5
ผู้จดั ทำ
1. นายไกรวิน วงศ์ บญ
ุ ชา
2. นางสาวธัญญานนท์ ธิ ราวัฒน์
3. นางสาวพิมพ์ ศิริ พิพัฒน์ พงศ์
โรงเรียน
พะเยาพิทยาคม จังหวัด พะเยา
ครูที่ปรึกษำ คุณครู ยิ่งศักดิ์ กระจ่ างแจ้ ง
บทคั ด ย่ อ
การศึกษา เรื่ องพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือของนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษา
ปี ที่ 5 มีวตั ถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือของนักเรี ยน
มัธยมศึกษาปี ที่ 5 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ นักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษา
ปี ที่ 5 โรงเรี ยนพะเยาพิทยาคม ได้กลุ่มตัวอย่างจานวน 30 คน สถิติที่ใช้ใน
การวิเคราะห์ขอ้ มูล คือ ร้อยละ และส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษามี
ดังนี้
ข้ อมูลทัว่ ไปของผู้สอบถาม
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาส่ วนใหญ่เป็ นเพศหญิง จานวน 16 คน คิดเป็ น
ร้อยละ 53.33 รองลงมาคือเพศชาย จานวน 14 คน คิดเป็ นร้อยละ 46.67
ข้ อมูลการใช้ โทรศัพท์ มือถือ
ระยะเวลาในการใช้โทรศัพท์มือถือของนักเรี ยนมัธยมศึกษาปี ที่ 5 โดย
ส่ วนมากแล้วอยูใ่ นระยะเวลา3-5 ชัว่ โมงต่อวัน รองลงมาคือ 1-3 ชัว่ โมงต่อวัน 0 -1
ชัว่ โมงต่อวัน และมากกว่า 5 ชัว่ โมงต่อวันตามลาดับ
พฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือ
โดยมากแล้วกลุ่มตัวอย่างมักใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อความบันเทิง เพื่อความสนุกสนาน
มากกว่าที่จะนาไปทาให้เกิดประโยชน์ที่แท้จริ ง
กิ ต ติ ก รรมประกาศ
ผูว้ ิจยั ขอกราบขอบพระคุณ คุณครู ยงิ่ ศักดิ์ กระจ่างแจ้ง คุณครู ที่
ปรึ กษาวิจยั ที่กรุ ณาให้คาปรึ กษาแนะนาแนวทาง ตลอดจนแก้ขอ้ บกพร่ องต่างๆ
ทาให้งานวิจยั มีความถูกต้องสมบูรณ์ยงิ่ ขึ้น
ขอกราบขอบพระคุณคุณพ่อ คุณแม่ ตลอดจนและเพื่อนๆที่มีส่วน
ช่วยสนับสนุน และเป็ นกาลังใจ ตลอดเวลาที่ทาการศึกษาและทาวิจยั ในครั้งนี้
ขอขอบคุณนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 5 ที่เป็ นกลุ่มตัวอย่างจานวน 60
คน ที่ให้ความร่ วมมือในการให้ขอ้ มูลเพื่อประกอบการวิจยั ในครั้งนี้เป็ นอย่างดี
บทที่ 1
บทนำ
ที่ ม าและความสาคั ญ
ในสังคมไทยสมัยโบราณมีวฒั นธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี
ที่ปฏิบตั ิสืบต่อกันมาจนกลายเป็ นวิถีชีวิตที่ทุกคนในสังคมต้องปฏิบตั ิการ
ดารงชีวิตเป็ นไปอย่างเรี ยบง่ายไม่ยดึ ติดกับเทคโนโลยีหรื อสิ่ งอานวยความ
สะดวก
สังคมไทยในปัจจุบนั ได้เปลี่ยนแปลงจากสมัยโบราณอย่างมาก อัน
เนื่องมาจากมีการพัฒนาวิทยาการด้านต่างๆรวมไปถึงความก้าวหน้าทาง
เทคโนโลยีการสื่ อสารหรื อโทรศัพท์มือถือที่ขณะนี้ได้เข้ามามีบทบาทสาคัญกับ
การดารงชีวิตในสังคม ทั้งช่วยให้ติดต่อสื่ อสารกันได้อย่างสะดวกและรวดเร็ ว
รู ปลักษณ์ที่สวยงาม และฟังก์ชนั ที่ให้ความบันเทิงอีกมากมาย จึงทาให้
กลายเป็ นที่น่าสนใจของคนในสังคมหลายกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่ น ซึ่งเป็ น
กลุ่มที่ตกอยูใ่ นวัตถุนิยม ตามแฟชัน่ และรักความสะดวกสบายแต่อย่างไรก็ตาม
โทรศัพท์มือถือก็มีท้ งั ประโยชน์และโทษ แม้วา่ โทรศัพท์มือถือจะช่วยให้
สะดวกต่อการติดต่อสื่ อสาร แต่หากใช้ไปในทางที่ผดิ หรื อใช้ผดิ ที่ผดิ เวลา ผิด
วัตถุประสงค์ ก็จะก่อให้เกิดผลเสี ยต่างๆตามมาได้
จากที่กล่าวมาแล้ว ผูว้ ิจยั จึงสนใจที่จะศึกษาถึงพฤติกรรมการใช้
โทรศัพท์มือถือของกลุ่มวัยรุ่ น ซึ่งกลุ่มตัวอย่างคือ นักเรี ยนมัธยมศึกษาปี ที่5
โรงเรี ยนพะเยาพิทยาคม ซึ่งวัยรุ่ นเป็ นวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงทางด้าน
ร่ างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมและสติปัญญา เป็ นวัยแห่งการเรี ยนรู ้แสวงหา
สิ่ งใหม่ๆ เพื่อสนองความอยากรู ้อยากเห็นของตน
วัตถุประสงค์ ของการวิจัย
1. เพื่อศึกษาพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือของนักเรี ยนชั้น
มัธยมศึกษาปี ที่ 5
2. เพื่อสารวจความคิดเห็นของนักเรี ยนชั้น ม.5เกี่ยวกับการใช้
โทรศัพท์มือถือ
ผลทีค่ าดว่ าจะได้ รับ
1. ทราบถึงการใช้โทรศัพท์มือถือของนักเรี ยนชั้น มัธยมศึกษาปี ที่ 5
2. ทราบความคิดเห็นของนักเรี ยนชั้น ม.5เกี่ยวกับการใช้
โทรศัพท์มือถือ
ขอบเขตการวิจัย
- นักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 5 โรงเรี ยนพะเยาพิทยาคม จานวน 30 คน
นิยามศัพท์ เฉพาะ
โทรศัพท์มือถือ คืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการสื่ อสารสองทางผ่าน
โทรศัพท์มือถือใช้คลื่นวิทยุในการติดต่อกับเครื อข่ายโทรศัพท์มือถือโดยผ่านสถานี โดย
เครื อข่ายของโทรศัพท์มือถือแต่ละผูใ้ ห้บริ การ จะเชื่อมต่อกับเครื อข่ายของโทรศัพท์
บ้านและเครื อข่ายโทรศัพท์มือถือของผูใ้ ห้บริ การอื่นโทรศัพท์มือถือที่มีความสามารถ
เพิม่ ขึ้นในลักษณะคอมพิวเตอร์ พกพาจะถูกกล่าวถึงในชื่อสมาร์ตโฟน
บทที่ 2
เอกสำรและงำนวิจัยทีเ่ กีย่ วข้ อง
ในการศึกษาค้ นคว้ าครั้งนี้ ได้ ศึกษาเอกสารและงานวิจัยทีเ่ กีย่ วข้ อง
ดังต่ อไปนี้
1. แนวคิดเกี่ยวกับพฤติกรรมวัยรุ่ น
2. แนวคิดเกี่ยวกับการสื่ อสาร
3. แนวคิดเกี่ยวกับพฤติกรรม
4. งานวิจยั ที่เกี่ยว
แนวคิดเกีย่ วกับพฤติกรรมวัยรุ่ น
วัยรุ นมาจากศัพท์ภาษาอังกฤษว่า Adolescence หมายถึง การเจริ ญเติบโต
ไปสู่ วฒ
ุ ิภาวะเมื่อกล่าวถึงวัยรุ่ น คนทัว่ ไปมักนึกถึงผูท้ ี่อยูใ่ นช่วง ๑๓ – ๑๙ ปี
โดยประมาณ หรื อหากแบ่งตามชั้นเรี ยน ก็จะนึกถึงผูเ้ รี ยนที่เรี ยนอยูใ่ นชั้น
ประถมศึกษาตอนปลาย จนไปถึงระดับอุดมศึกษาปี ต้นๆ กุญชรี ค้าขาย (๒๕๔๒: ๑)
Dusek (อ้างถึงใน กุณฑล มีชยั ๒๕๕๐: ๕) หมายถึง วัยที่เชื่อมระหว่าง
การเป็ นการเป็ นผูใ้ หญ่ อันเป็ นระยะที่ตอ้ งปรับพฤติกรรมวัยเด็กไปสู่ พฤติกรรมแบบ
ผูใ้ หญ่ที่สู่ เด็กวัยรุ่ นจึงไม่ใช่เป็ นเพียงการเจริ ญเติบโตทางด้านร่ างกาย แต่หมายถึงการ
เจริ ญเติบโตทางสังคมซึ่ งอยูใ่ นกรอบของวัฒนธรรมแต่ละที่
ลักษณะทีส่ าคัญของวัยรุ่ น
1. เป็ นวัยแห่งหัวเลี้ยวหัวตอของชีวติ ผลลัพธ์ของพฤติกรรมในวัยนี้จะมีผล
ต่อบุคคลยาวในช่วงวัยอื่นต่อมา ทั้งด้านการเรี ยน การทางาน การใช้ชีวติ คู่ เจตคติที่มี
ต่อสิ่ งต่างๆ สับสนในบทบาท ที่ไม่ชดั เจนของตนเอง เช่น ไม่แน่ใจว่าตนเองเป็ นเด็ก
หรื อผูใ้ หญ่ ความคาบเกี่ยวระหว่างความเป็ นเด็กกับความเป็ นผูใ้ หญ่น้ ี มีผลต่อ
ความรู ้สึกนึกคิดของเด็กมาก เด็กจะรู ้สึกวางตัวยาก ไม่รู้วา่ จะทาตัวอย่างจึงจะถูกต้อง
และเหมาะสม
2. เป็ นวัยแห่งการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและเจตคติในวัย
รุ นจะควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงทางร่ างกายที่เกิดขึ้น เช่น การเปลี่ยนแปลงความ
สนใจ ความไม่มนั่ ใจเกี่ยวกับความสามารถและความถนัดของตนเอง
3. เป็ นวัยแห่งปั ญหา อาจกล่าวได้วา่ วัยรุ่ นเป็ นวัยเจ้าปั ญหามากที่สุด ส่ วนใหญ่ที่
เกิดขึ้นนั้น เกิดจากสาเหตุที่มีการเปลี่ยนแปลงทางร่ างกายนัน่ เอง ภาวะความว้าวุน่ ใจ
ไม่สบายตัวไม่สบายใจ ทาให้เกิดความหงุดหงิด วิตกกังวล อารมณ์เสี ยงาย ไม่อยาก
พูดคุยกับใคร หรื อพูดจายียวน จนทาให้เกิดความไม่เขาใจกันในกลุ่มเพื่อนหรื อพี่นอง
เกิดเป็ นปั ญหาทางอารมณ์และปั ญหาสังคมของเด็กวัยนี้
4. เป็ นวัยที่ตอ้ งการเรี ยนรู้ ความเป็ นตัวของตัวเอง เด็กจะแสดงให้เห็นว่าเขาต้องการ
การยอมรับจากกลุ่ม และถือเป็ นส่ วนหนึ่งของกลุ่ม แต่กระนั้นเด็กเองยังไม่แน่ใจใน
บทบาทของตน เขาต้องการรู้วาเขาต้องแสดงบทบาทใดในสังคมของตัวเอง คือ การ
พยายามหาเอกลักษณ์ของตัวเอง จากการแต่งกาย จากการใช้คาพูดที่เข้าใจกันเฉพาะ
ในกลุ่มวัยรุ นเท่านั้น
5. เป็ นช่วงวัยแห่งจินตนาการ วัยรุ่ นชอบฝันสร้างวิมานในอากาศ จินตนาการตนเอง
เป็ นสิ่ งต่างๆ หรื อบุคคลต่างๆ ที่ตนเองชอบ เด็กสามารถแสดงออกในรู ปของการ
ประพันธ์เพลง เขียนบท กลอนประกอบเพลง หรื อแม้กระทัง่ การแต่งกายตามแบบ
บุคคลในสังคมที่ตนเองชื่นชอบและต้องการเอาอย่าง
แนวคิดเกีย่ วกับการสื่ อสาร
กระบวนการของการถ่ายทอดสาร (massage) จากบุคคลฝ่ ายหนึ่งซึ่ งเรี ยกว่า ผูส้ งสาร
(source) ไปยังบุคคลอีกฝ่ ายหนึ่งซึ่ งเรี ยกว่า ผูร้ ับสาร (receiver) โดยผ่านสาร (channel) การสื่ อสาร
นั้นจัดได้วา่ เป็ นปัจจัยที่สาคัญอีกปัจจัยหนึ่งในชีวติ มนุษย์นอกเหนือจากปัจจัยที่สี่ที่เป็ นความจาเป็ น
เพื่อความอยูร่ อดของมนุษย์อนั ได้แก่ อาหาร ที่อยูอ่ าศัย ยารักษาโรค เครื่ องนุ่งห่ม แม้การสื่ อสารจะ
ไม่มีความเกี่ยวของโดยตรงกับความเป็ นความตายของมนุษย์เหมือนกับปั จจัยสี่ ของตนแต่การที่จะ
ให้ได้มาซึ่งปั จจัยทั้งสี่ น้ นั ย่อมตองอาศัยการสื่ อสารเป็ นเครื่ องมือแน่นอนมนุษย์อาศัยการสื่ อสารเป็ น
เครื่ องมือเพื่อบรรลุวตั ถุประสงค์ในการดาเนินกิจกรรมใดๆ ของตนและเพื่ออยูร่ วมกับคนอื่นใน
สังคมการสื่ อสารเป็ นพื้นฐานของการติดต่อของมนุษย์และเป็ นเครื่ องมือสาคัญของกระบวนการทาง
สังคมยิง่ สังคมมีความสลับซับซ้อนมากเพียงใดและประกอบด้วยคนจานวนมาก เท่าใดการสื่ อสารก็
ยิง่ มีความสาคัญมากขึ้นเท่านั้นการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจอุตสาหกรรมและสังคมที่นามาซึ่ง
ความสลับซับซ้อนก่อให้เกิดความไม่เข้าใจและความไม่แน่ใจแก่สมาชิกของสังคมย่อมต้องอาศัย
การสื่ อสารเป็ นเครื่ องมือเพื่อแก้ไขปัญหา ดังกล่าว การสื่ อสาร
มีความสาคัญต่อมนุษย์ 5 ประการ คือ
1. ความสาคัญต่อการเป็ นสังคม
2. ความสาคัญต่อชีวิตประจาวัน
3. ความสาคัญต่ออุตสาหกรรมและธุรกิจ
4. ความสาคัญต่อการปกครอง
5. ความสาคัญต่อการเมืองระหว่างประเทศ
แนวคิดเกีย่ วกับพฤติกรรม
ปัญชลี ดวงเอียด (๒๕๔๙: ๑๕) ได้กล่าวถึง ผลการวิจยั ของนักวิชาการว่าเยาวชนในยุค
ปัจจุบนั ค่อนข้างเป็ นคนขี้เหงา ติดโทรศัพท์มือถือ ชอบออกนอกบ้าน มีความอ่อนแอทางจิตใจ
ไม่มีความเชื่อมัน่ ในตัวเอง ติดสุ ขนิยม บริ โภควัตถุนิยม ต้องการความรวดเร็ว ขาดความยับยั้งชัง่
ใจไม่มีความอดทน อดกลั้น มีค่านิยมทางเพศเสรี ของเกี่ยวกับสิ่ งเสพติด เมินศาสนา ขาดสาระ
และ ไร้สานึก เยาวชนส่ วนใหญ่ ใช้เวลาในการพูดคุยโทรศัพท์นานวันละหลายชัว่ โมงโดยจะเปิ ด
โทรศัพท์มือถือไว้ตลอดเวลาพูดคุยกันพร่ าเพรื่ อ พูดคุยกันนานๆทุกเรื่ อง ทุกเวลา ทุกสถานที่สาระ
และไม่มีสาระเสมือนว่าเยาวชนเป็ นทาสโทรศัพท์มือถือ ทั้งยังขาดความระมัดระวังในการใช้ภาษา
วาเหมาะกับกาลเทศะหรื อไม่ และมักใช้คาแสลง เช่น ภาษา “แอบแบ๊ว” ซึ่งเป็ นภาษาที่นิยมในหมู
เยาวชนขณะนี้ นอกจากนี้ เยาวชนยังชอบวิง่ ตามแฟชัน่ มีค่านิยมฟุ้ งเฟ้ อเห่อของใหม่ เปลี่ยน
โทรศัพท์มือถือเป็ นรุ่ นใหม่บ่อยๆ นอกจากจะขาดระเบียบวินยั ในเรื่ องทัว่ ๆไป แล้วยังขาดวินยั ใน
การใช้เงินอีกด้วย พฤติกรรมดังกล่าว ชี้ให้เห็นว่า เยาวชนซึ่งเป็ นสมาชิกกลุ่มใหญ่ในสังคมกาลัง
อยูก่ บั ความไม่พอดี ไม่พอเพียงในการดาเนินชีวติ
จากพฤติกรรมของเยาวชนดังกล่าว ทาให้สามารถมองเห็นสภาพของสังคม
ที่ชีวติ ประจาวันกาลังถูกผสานเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่ งนับวันจะมีรูปแบบการ
ให้บริ การที่หลากหลาย แม้ SMS จะเป็ นเพียงสาเหตุเดียวที่รวมอยูก่ บั สาเหตุใหญ่
เพราะเครื่ องมือสื่ อสารทุกชนิดที่ทาให้เกิดการติดต่อกันโดยตรงและเป็ นส่ วนตัว
ระหว่างบุคคลนั้นยอมนามาซึ่ งความสัมพันธ์ที่ก่อตัวได้เร็ วขึ้น แต่เยาวชนที่ใช้
เครื่ องมือสื่ อสารนั้นๆ มีวฒ
ุ ิภาวะหรื อภูมิคุม้ กันมากน้อยเพียงใด
งานวิจัยทีเ่ กีย่ วข้ อง
วรวุฒิ เจริ ญศรี พรพงษ์ (๒๕๔๖: ๕๐-๖๕)ได้ศึกษาการวิเคราะห์ความต้องการ
ใช้โทรศัพท์มือถือของวัยรุ่ นในกรุ งเทพมหานครที่มีโทรศัพท์มือถือใช้อยูใ่ นปั จจุบนั
พบว่า ระบบที่ใช้ ส่ วนใหญ่ใช้ของ AIS สาเหตุที่ตดั สิ นใจซื้ อสวนใหญ่ตอบว่า
เพราะจาเป็ น การตัดสิ นใจซื้ อเป็ นความต้องการของตนเองส่ วนใหญ่ ค่าใช้จ่ายต่อ
เดือนส่ วนใหญ่ใช้ไมเกิน ๕๐๐ บาท และใช้ติดต่อกับผูป้ กครองมากที่สุดบริ การ
เสริ มที่มีในตัวเครื่ องโทรศัพท์มือถือที่มีการใช้มากที่สุด คือ SMS
ธี ระ กุลสวัสดิ์ (๒๕๓๔: ๒๘-๔๒) ได้ศึกษาพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือ
ในขณะขับรถของ ผูข้ บั ขี่รถยนต์ พบว่า การรณรงค์จากสื่ อต่างๆ ได้เขาถึง
กลุ่มเป้ าหมายส่ วนใหญ่แล้ว แต่กลับพบว่า จานวน ผูท้ ี่รับรู้การรณรงค์มีการใช้
อุปกรณ์ช่วยฟังและไม่ใช้อุปกรณ์ช่วยฟั ง อยูใ่ นสัดสวนที่ใกล้เคียงกัน โดยผูท้ ี่ใช้
อุปกรณ์ช่วยฟังให้เหตุผลว่าคานึงถึงความปลอดภัยมากที่สุด ความแตกต่างทางด้าน
เพศ อายุ สถานภาพสมรส การศึกษา อาชีพ ประสบการณ์ในการขับขี่ ไม่มี ผลต่อ
พฤติกรรมการใช้อุปกรณ์ช่วยฟั ง
ศิราพร ศรี แดน (๒๕๔๔: ๑๒๔-๑๔๕) ได้ศึกษาการแข่งขันทางธุรกิจการค้า และ
ค่านิยมการใช้โทรศัพท์มือถือ กรณี ศึกษา อาเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลาภู พบว่าการ
แข่งขัน ธุรกิจการคาในเขตอาเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลาภู มีการแข่งขันทั้งหมด ๖
ด้าน คือ ด้านการโฆษณาร้านค้าที่ให้บริ การโทรศัพท์มือถือเพื่อส่ งเสริ มการขาย ด้าน
การบริ การ ด้านเงื่อนไข การซื้ อ ด้านราคา ด้านบริ การหลังการขายและส่ วนประกอบ
ด้านอื่นๆ เช่น ทาเลที่ต้ งั การตกแต่งร้าน การแต่งกายของพนักงานขาย ค่านิยมการใช้
โทรศัพท์มือถือ พบว่า ผูใ้ ช้เลือกจากเครื่ องที่มี ราคาถูกมากที่สุด และเลือกใช้จาก
ระบบสัญญาณเครื อขายที่ครอบคลุมใช้ได้ทุกพื้นที่ มีเหตุผลในการใช้เพราะความ
สะดวกรวดเร็ วในการติดตอสื่ อสาร และใช้ตามสมัยนิยม
บทที่ 3
วิธีดำเนินกำรวิจยั
วิธีการวิจัย
การวิจยั เรื่ องพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือของนักเรี ยนมัธยมศึกษาปี ที่ 5
โรงเรี ยนพะเยาพิทยาคมจังหวัดพะเยา ครั้งนี้ เป็ นการศึกษาเชิงสารวจ (Survey
research) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือของนักเรี ยนมัธยมศึกษาปี ที่ 5
โรงเรี ยนพะเยาพิทยาคมจังหวัดพะเยา โดยผูว้ จิ ยั ได้ดาเนินการเกี่ยวกับประชากรและ
กลุ่มตัวอย่าง เครื่ องมือที่ใช้ในการวิจยั การวิเคราะห์ขอ้ มูลการเก็บรวบรวมข้อมูล
ดังต่อไปนี้
ประชากรและกลุ่มตัวอย่ าง
ประชากรที่ใช้ในการวิจยั ครั้งนี้ คือ นักเรี ยนมัธยมศึกษาปี ที่ 5 โรงเรี ยน
พะเยาพิทยาคมจังหวัดพะเยา
เครื่องมือทีใ่ ช้ ในการวิจัย
เครื่ องมือที่ใช้ในการวิจยั ครั้งนี้ คือ แบบสอบถาม (Questionaire) แบ่ง
ออกเป็ น 3 ส่ วน ดังนี้
ส่ วนที่ 1 เป็ นแบบสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลปั จจัยส่ วนบุคคล จานวน 2 ข้อ
ได้แก่ เพศ และ
แผนการเรี ยน
ส่ วนที่ 2 แบบสอบถามข้อมูลของโทรศัพท์มือถือ
ส่ วนที่ 3 แบบสอบถามพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือ
ผูว้ จิ ยั ได้ใช้มาตราวัดพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือแบบมาตราส่ วน 4 ระดับ
เกณฑ์การให้คะแนน คือ
4
หมายความว่า
บ่อยที่สุด
3
หมายความวา
บ่อย
2
หมายความว่า
บางครั้ง
1
หมายความว่า
ไม่เคย
การรวบรวมข้ อมูล
1. กลุ่มตัวอย่าง (สุ่ มตามความสะดวก)
2. รวบรวมแบบสอบถาม
3. วิเคราะห์ขอ้ มูล โดยโปรแกรม Microsoft Office Excel
บทที่ 4
ผลกำรวิจัย
ส่ วนที่ 1 ข้ อมูลส่ วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม
คาชี้แจง กรุณาใส่ เครื่องหมาย ✔ ลงใน  หน้ าคาตอบทีต่ รงกับสภาพความเป็ นจริง
1.เพศ
 ชาย
หญิง
2.แผนการเรียน
ศิลป์ – สังคม
 ศิลป์ – ฝรั่งเศส
 ศิลป์ – จีน
– ญี่ปุ่น
 ศิลป์ – คณิ ตฯ วิทย์ – คณิ ตฯ
 ห้องเรี ยนพิเศษวิทยาศาสตร์
 ห้องเรี ยนพิเศษ วิทย์ – คณิ ตฯ สองภาษา
ศิลป์
ส่ วนที่ 2ข้ อมูลเกีย่ วกับโทรศัพท์ มอื ถือ
คาชี้แจง กรุณาใส่ เครื่องหมาย ✔ ลงใน  หน้ าคาตอบทีต่ รงกับสภาพความเป็ นจริง
1.ปัจจุบนั ท่ านใช้ โทรศัพท์ มอื ถือยีห่ ้ อใด
iPhone  Nokia  i-mobile
 Samsung
 G-net  Blackberry
 OPPO  LG
Wellcom
 Sony  Motorola อื่นๆ
2.ท่ านใช้ โทรศัพท์ มอื ถือในช่ วงเวลาใดบ้ าง(เลือกตอบได้ มากกว่ า 1 ข้ อ)
ช่วงเช้า ก่อนเข้าแถว
 ช่วงเช้า ขณะเข้าแถว

ช่วงเช้า ในเวลาเรี ยน
ตอนกลางวัน
ตอนกลางวัน ในเวลาเรี ยน ตอนเย็น หลัง
เลิกเรี ยน
 ตอนกลางคืน
ก่อนนอน
3.ท่ านใช้ โทรศัพท์ มอื ถือนานเท่ าใดในหนึ่งวัน
 0 - 1 ชัว่ โมง
 1 - 3 ชัว่ โมง
 3 - 5 ชัว่ โมง 
มากกว่า 5 ชัว่ โมง
4.โทรศัพท์ มอื ถือของท่ านสามารถทาอะไรได้ บ้าง (เลือกตอบได้ มากกว่ า 1 ข้ อ)
 โทร – รับสาย แชท
เล่นอินเทอร์เน็ตได้  เชื่อมต่อ wifiได้
 ดูคลิป
 ฟังเพลงได้
เล่น Social network ต่างๆ ได้
เล่นเกมส์
รองรับเครื อข่าย 3G
5.โทรศัพท์ มอื ถือสาคัญในชีวติ ประจาวันอย่ างไร
 สาคัญมาก
 ปานกลาง
 ไม่สาคัญเลย
แบบสอบถาม
เรื่อง พฤติกรรมกำรใช้ โทรศัพท์ มือถือของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษำปี ที่ 5
การศึกษาครั้งนี้เป็ นการศึกษาพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือของนักเรี ยนชั้น
มัธยมศึกษาปี ที่ 5 การนาเสนอผลการวิจยั แบ่งเป็ น 2 ส่ วน คือ
ส่ วนที่ 1 ผลการวิเคราะห์ปัจจัยส่ วนบุคคลประกอบด้วย เพศ และแผนการเรี ยน
ส่ วนที่ 2 ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูลพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือของนักเรี ยนชั้น
มัธยมศึกษาปี ที่ 5
บทที่ 5
สรุปผลกำรวิจัย
การศึกษาวิจยั ครั้งนี้เป็ นการวิจยั เรื่ องพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือของ
นักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษา ปี ที่ 5 โรงเรี ยนพะเยาพิทยาคม มีวตั ถุประสงค์เพื่อศึกษา
พฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือของนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 5 โรงเรี ยนพะเยา
พิทยาคม จานวน 30 คน
ผูว้ ิจยั ได้ดาเนินการวิจยั โดยใช้แบบสอบถามเป็ นเครื่ องมือ แบ่งเป็ น 3 ตอน
คือ ปั จจัยส่ วนบุคคลของกลุ่มตัวอย่าง ข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือ และพฤติกรรม
การใช้โทรศัพท์มือถือและนาแบบสอบถามไปใช้กบั กลุ่มตัวอย่าง จานวน 30 คน
สรุ ปผลการวิจัย
ปัจจัยส่ วนบุคคล
ผูต้ อบแบบสอบถามส่ วนใหญ่เป็ นเพศหญิง จานวน 16 คน คิดเป็ นร้อยละ
53.33 รองลงมาคือเพศชาย จานวน 14 คน คิดเป็ นร้อยละ 46.67
แผนการเรี ยน กลุ่มตัวอย่างส่ วนใหญ่เป็ นแผนการเรี ยน วิทย์-คณิ ต จานวน 16 คน คิด
เป็ นร้อยละ 53.33 รองลงมาคือ แผนการเรี ยนสายศิลป์ จานวน 14 คน คิดเป็ นร้อยละ
46.67
ข้ อมูลการใช้ โทรศัพท์ มอื ถือ
ระยะเวลาในการใช้โทรศัพท์มือถือของนักเรี ยนมัธยมศึกษาปี ที่ 5 โดย
ส่ วนมากแล้วอยูใ่ นระยะเวลา3-5 ชัว่ โมงต่อวัน รองลงมาคือ 1-3 ชัว่ โมงต่อวัน 0 -1
ชัว่ โมงต่อวัน และมากกว่า 5 ชัว่ โมงต่อวันตามลาดับ
พฤติกรรมการใช้ โทรศัพท์ มือถือ
โดยมากแล้วกลุ่มตัวอย่างมักใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อความบันเทิง เพื่อความสนุกสนาน
มากกว่าที่จะนาไปทาให้เกิดประโยชน์ที่แท้จริ ง
เอกสารอ้างอิง
กลุ่มยุทธศาสตร์ และเฝ้ าระวังทางวัฒนธรรมสานักงานวัฒนธรรมจังหวัดตาก. การ
ศึกษาวิจยั พฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือของเยาวชนจังหวัดตาก;
(http://www.takculture.com/index1.php?module=research)
THE END
จบ