การเสนอขอตำแหน่งทางวิชาการ - คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

Download Report

Transcript การเสนอขอตำแหน่งทางวิชาการ - คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

กองทร ัพยากรบุคคล
3 เมษายน 2556
ผู ท
้ จะเสนอขอต
ี่
าแหน่ งทางวิชาการ ควรมีการ
่
เตรียมต ัวในเรืองต่
างๆ ดังนี ้
1. ศึกษาหลักเกณฑ ์ และวิธก
ี ารพิจารณา ตาม
ข้อ บัง คับ มหาวิท ยาลัย และประกาศคณะกรรมการ
พิจารณาตาแหน่ งทางวิชาการ
2. ตรวจสอบคุ ณสมบัต ิ และเตรียมผลงานทาง
่
วิชาการสาหร ับตาแหน่ งทีจะเสนอขอ
้ ดารงตาแหน่ งทางวิชาการ
การเสนอขอแต่งตังให้
สามารถเสนอขอได้ 2 วิธ ี ดังนี ้
1. วิธป
ี กติ หมายถึง คุณสมบัตค
ิ รบตามเกณฑ ์
่ าหนด
ทีก
2. วิธพ
ี เิ ศษ หมายถึง คุณสมบัตไิ ม่ครบตาม
่ าหนด เช่น ระยะ เวลาไม่ครบ หรือเสนอขอ
เกณฑ ์ทีก
้ หรือเปลียนแปลงสาขาวิ
่
่
ข้ามขัน
ชาทีเสนอขอ
ตาแหน่ งทาง
วิชาการ คุณสม
- ระยะเวลาการดารง
บั
ต
ิ
อาจารย
ตาแหน่์ ง (วิธป
ี กติ
ผู ช
้ )ว
่ ย
รอง
ศาสตราจารย
3 ศาสตราจา 2 ปี
(ปริญญาเอก2 ปี ศาสตราจาร
หรือ
ปี
เทียบเท่า)
ย ์ ผู ช
รยรอง
์
้ ว
่ ย
ศาสตราจา
่ั
1. ชวโมงสอน
180
ชม.ทาการ/ปี
2. ภาระงาน 1,380
ชม./ปี
3. ผลการสอน
ศาสตราจาร ศาสตราจารย ์
ย์


รย ์




ชานาญ
ชานาญ
พิเศษ
่
เชียวชาญ
การเสนอผลงานทางวิชาการ
(เกณฑ ์ข้าราชการ แตกต่างจาก พนักงาน
มหาวิทยาลัย)
คณะกรรมการพิจารณาตาแหน่ งทางวิชาการได้
ปร ับปรุงหลักเกณฑ ์การเสนอขอตาแหน่ งทางวิชาการ
่
ของพนักงานมหาวิทยาลัย ซึงแตกต่
างจากเกณฑ ์
ก.พ.อ. ดังนี ้
1. ตาแหน่ งผู ช
้ ว
่ ยศาสตราจารย ์ และรอง
ศาสตราจารย ์ วิธป
ี กติ สามารถเสนอผลงานได้ 2 แบบ
2. การมีสว
่ นร่วมในผลงานทางวิชาการ นอกจาก
เป็ นไปตามเกณฑ ์ที่ ก.พ.อ. กาหนดแล้ว ผู ข
้ อตาแหน่ ง
สามารถเสนอผลงานในฐานะ Corresponding author
ได้
3. ตาแหน่ งรองศาสตราจารย ์ และศาสตราจารย ์
สามารถนาบทความทางวิชาการ (scholarly article
่
ผลงานทางวิชาก
ข้าราชการ
วิธป
ี กติ
1. งานวิจย
ั หรือผลงานทางวิชาการ
่ อย่าง
ในลักษณะอืน
่ และอย่างน้อย 1 เรือง
่ มี
น้อย 2 เรือง
คุณภาพ “ดี”
และ
2. บทความทางวิชาการ หรือตารา
หรือหนังสือ อย่าง
่ มีคุณภาพ “ดี”
น้อย 1 เรือง
พนักงานมหาวิทยาลัย
วิธป
ี กติ มี 2 แบบ
แบบที่ 1
1. งานวิจย
ั หรือผลงานทางวิชาการในลัก
่
่
อย่างน้อย 2 เรือง
และอย่างน้อย 1 เรืองมี
ค
และ
2. บทความทางวิชาการ หรือตารา หรือ
่ มีคุณภาพ “ดี”
อย่างน้อย 1 เรือง
แบบที่ 2
่
งานวิจย
ั อย่างน้อย 3 เรือง
และอย่างน้อย
มีคุณภาพ “ดี”
วิธพ
ี เิ ศษ
วิธพ
ี เิ ศษ
ผลงานทางวิชาการตามวิธป
ี กติ และ
ผลงานทางวิชาการตามวิธ ี
มีคุณภาพ “ดีมาก”
ปกติ และมีคุณภาพ
“ดีมาก”
ข้าราชการ
วิธป
ี กติ
1. งานวิจย
ั หรือผลงานทางวิชาการ
่ อย่างน้อย 3 เรือง
่ และ
ในลักษณะอืน
่ มีคุณภาพ “ดี” และ
อย่างน้อย 1 เรือง
2. ตารา หรือหนังสือ อย่างน้อย 1
่ มีคุณภาพ “ดี”
เรือง
พนักงานมหาวิทยาลัย
วิธป
ี กติ มี 2 แบบ
แบบที่ 1
1. งานวิจย
ั หรือผลงานทางวิชาการในล
่ และอย่างน้อย 1 เรือง
่ ม
อย่างน้อย 3 เรือง
2. บทความทางวิชาการ (scholarly articl
article) หรือตารา หรือหนังสือ อย่างน้อย
มีคุณภาพ “ดี”
แบบที่ 2
่
งานวิจย
ั อย่างน้อย 5 เรือง
และอย่างน้อ
มีคุณภาพ “ดีมาก”
วิธพ
ี เิ ศษ
วิธพ
ี เิ ศษ
ผลงานทางวิชาการตามวิธป
ี กติ และมีคุณผลงานทางวิ
ภาพ “ดีมาก”
ชาการตามวิธป
ี กติ และมีค
วิธป
ี กติ มี 2 วิธ ี
ข้าราชการ
พนักงานมหาวิทยาลัย
วิธป
ี กติ มี 2 วิธ ี
วิธท
ี ี่ 1
วิธท
ี ี่ 1
1. งานวิจยั หรือผลงานทางวิชาการใน
1. งานวิจ ัย หรือผลงานทางวิชาการใน
่ อย่างน้อย 5
่ อย่างน้อย 5
ลักษณะอืน
ลักษณะอืน
่
่
่
่
เรือง
และอย่างน้อย 2 เรือง
เผยแพร่ใน
เรือง
และอย่างน้อย 2 เรือง
เผยแพร่ใน
่ ฐาน
่ ฐาน
วารสารวิชาการทีมี
วารสารวิชาการทีมี
่
ข้อมู ลระดับนานาชาติ และอย่างน้อย 1 เรือง
ข้อมู ลระดับนานาชาติ และอย่างน้อย 1
่
มีคุณภาพ “ดีมาก”
เรือง
มีคุณภาพ “ดีมาก”
และ
หรืองานวิจ ัยรวมกับบทความทางวิชาการ
2. ตารา หรือหนังสือ อย่างน้อย 1 เล่ม มี
(scholarly article หรือ
่
คุณภาพ “ดีมาก”
learned article) ทีเผยแพร่
ในวารสารระดับ
วิธท
ี ี่ 2
นานาชาติในฐานข้อมู ล
่
1. งานวิจยั อย่างน้อย 5 เรือง
และอย่าง
่ impact factor มีจานวนและ
ทีมี
่
น้อย 2 เรือง
เผยแพร่
คุณค่าเทียบเท่างานวิจยั
่ ฐานข้อมู ลระดับ
วิ
ธพ
ี เิ ศษ ชาการทีมี
ในวารสารวิ
2. ตารา หรือหนังสือ อย่างน้อย 1 เล่ม
่
ผลงานทางวิ
ช
าการเฉพาะ
วิ
ธ
ท
ี
ี
1
และมี
ค
ณ
ุ
ภาพ
“ดีเด่น”
นานาชาติ และอย่างน้อย 1
มีคุณภาพ “ดีมาก”
่
เรือง
มีคุณภาพ “ดีเด่น” หรือ
วิธท
ี ี่ 2
วิ
ธ
พ
ี เิ ศษ
่
2. ผลงานทางวิชาการในลักษณะอืน
่
1. งานวิจ ัย อย่างน้อย 5 เรือง
และอย่
าง
่
่
ผลงานทางวิ
ช
าการเฉพาะ
วิ
ธ
ท
ี
ี
1
และมี
ค
อย่างน้อย 1 เรือง มี
่
น้อย 2 เรือง
เผยแพร่
คุณภาพ “ดีเด่น”
เกณฑ ์การ
ตัตาแหน่
ดสิง นวิธกี ารเสนอขอ
ผศ. (ขรก.)
วิธป
ี กติ
วิธพ
ี เิ ศษ
วิธป
ี กติ แบบที่ 1
ผศ. (พม.)
และ 2
วิธพ
ี เิ ศษ แบบที่ 1
และ 2
รศ. (ขรก.)
รศ. (พม.)
ผู ท
้ รงคุณวุ
การตัดสิน คุณภาพ
ฒิ
เสียงข้าง
3 คน
ดี
มาก
5 คน
4 ใน 5 เสียง ดีมาก
เสียงข้าง
3 คน
ดี
มาก
5 คน
วิธป
ี กติ
3 คน
วิธพ
ี เิ ศษ
5 คน
วิธป
ี กติ แบบที่ 1
3 คน
4 ใน 5 เสียง ดีมาก
เสียงข้าง
ดี
มาก
4 ใน 5 เสียง ดีมาก
เสียงข้าง
ดี
ข้าราชการ ผู ข
้ อตาแหน่ งเป็ นเจ้าของ
และเป็ นผู ด
้ าเนิ น การหลัก และมีส่ ว นร่ว มไม่
น้อยกว่าร ้อยละ 50
พนัก งานมหาวิท ยาลัย ผู ข
้ อต าแหน่ ง
เป็ นเจ้าของและเป็ นผู ด
้ าเนิ นการหลัก และมี
ส่ ว นร่ ว มไ ม่ น้ อ ยกว่ า ร อ
้ ยละ 50 หรือ เป็ น
Corresponding author
่ ประกอบการเสนอขอ
จานวนเอกสารทีใช้
ตาแหน่ งทางวิชาการ
ตาแหน่ ง
ผู ช
้ ว
่ ยศาสตราจารย ์
/
รองศาสตราจารย ์
- วิธป
ี กติ
- วิธพ
ี เิ ศษ
ศาสตราจารย ์
- วิธท
ี ี่ 1
แบบ
ก.พ.อ.03ฯ
(ชุด)
ผลงานทาง
วิชาการ
(ชุด)
30
30
4
6
30
4
จริยธรรมและจรรยาบรรณ
่ ชต
1. ต้องมีทางวิ
ความซือสั
ย ์ทางวิชาการ ไม่นา
าการ
ผลงานของผู อ
้ นมาเป็
ื่
นผลงานของตน และไม่
้ นาผลงาน
ลอกเลียนผลงานของผู อ
้ น
ื่ รวมทังไม่
ข อ ง ต นใ น เ รื่ อ ง เ ดี ย ว ก ั นไ ป เ ผ ย แ พ ร่ ใ น
วารสารวิชาการมากกว่า 1 ฉบับ ในลักษณะที่
จะทาให้เข้าใจผิดว่าเป็ นผลงานใหม่
2. ต้อ งให้เ กีย รติแ ละอ้า งถึง บุ ค คล หรือ
่
่ ามาใช้ในผลงานทาง
แหล่งทีมาของข้
อมู ลทีน
วิชาการของตนเอง และแสดงหลักฐานของการ
ค้นคว้า
จริยธรรมและจรรยาบรรณ
ทางวิ
ช
าการ
(ต่
อ
)
4. ผลงานทางวิ ช าการต้อ งได้ม าจาก
การศึก ษาโดยใช้ห ลัก วิช าการเป็ นเกณฑ ์ ไม่ ม ี
่
อคติมาเกียวข้
อง และเสนอผลงานตามความเป็ น
จ ริ ง ไ ม่ จ งใ จ เ บี่ ย ง เ บ น ผ ล ก า ร วิ จ ั ยโ ด ย ห ว ัง
ผลประโยชน์ส่ ว นตัว หรือ ต้อ งการสร า้ งความ
เสียหายแก่ผูอ
้ น
ื่ และเสนอผลงานตามความเป็ น
่ นพบโดยปราศจากการ
จริง ไม่ขยายข้อความทีค้
ตรวจสอบยืนยันในทางวิชาการ
5. ต้องนาผลงานไปใช้ประโยชน์ในทางที่
ชอบธรรมและชอบด้วยกฎหมาย
การประเมินคุณภาพผล
้ั น
การสอนชนต้
้ นคณาจารย ์ประจ า หรือ
กรณี ผูข
้ อแต่งตังเป็
อาจารย พ
์ ิเ ศษของส่ ว นงาน ให้ค ณะอนุ กรรมการ
้ั นประกอบด้วย
ประเมินผลการสอนในชนต้
่ นผู บ
(1) หัวหน้าภาควิชาทีเป็
้ งั คับบัญชาของ
คณาจ ารย ป
์ ระ จ า หรือ เป็ น เจ้า ของ หลัก สู ตร ที่
อาจารย ์พิเศษได้ร ับมอบหมายให้ส อน เป็ นประธาน
อนุ กรรมการ
่ ส่วนเกียวข้
่
(2) ผู แ
้ ทนหัวหน้าส่วนงานทีมี
อง
ก ับการสอนอย่างน้อย ๑ คน เป็ นอนุ กรรมการ
่
่ เ้ กียวข้
อง เป็ นเลขานุ การ
(3) เจ้าหน้าทีผู
การประเมินคุณภาพผลการ
้ั น (ต่อ)้
สอนช
นต้
กรณี ผูข
้ อแต่งตังเป็ นคณาจารย ์ประจาของส่วนงาน
และดารงตาแหน่ งหัวหน้าภาควิชา ให้คณะอนุ กรรมการ
้ั นประกอบด้วย
ประเมินผลการสอนในชนต้
(1) หัวหน้าส่วนงาน เป็ นประธานอนุ กรรมการ
่ ส่วนเกียวข้
่
(2) ผู แ
้ ทนหัวหน้าส่วนงานทีมี
องกับการ
สอนอย่างน้อย ๑ คน เป็ นอนุ กรรมการ
่ เ้ กียวข้
่
(3) เจ้าหน้าทีผู
อง เป็ นเลขานุ การ
้ นคณาจารย ์ประจาของส่วนงาน
กรณี ผูข
้ อแต่งตังเป็
และดารงตาแหน่ งหัวหน้าส่วนงาน องค ์ประกอบ
้ั นให้เป็ นไป
คณะอนุ กรรมการประเมินผลการสอนในชนต้
่
ตามทีคณะกรรมการก
าหนด
เกณฑ ์ตัดสินการประเมินผลการสอน ให้ใช้
่ ประเมินผลการสอน
เอกสารทีใช้
่
เพือประกอบการพิ
จารณา
้ั ดารงตาแหน่ ง
แต่งตงให้
เอกสารประกอบการสอน มี คุ ณ ภ า พ ดี
ผู ช
้ วว
่ ยยศาสตราจารย ์
ประกอบด้
- แผนการสอน
- หัว ข้ อ บร รย าย ที่ มี ร าย ละ เอี ย ด ปร ะก อ บ
พอสมควร
- อ า จ เ พิ่ ม ร า ย ชื่ อ บ ท ค ว า ม ห นั ง สื อ อ่ า น
่ ยวเนื
่
่ อง
ประกอบบทเรีย บเรีย งคัด ย่ อ เอกสารทีเกี
่
แผนภู ม ิ (chart) แถบเสียง (tape) หรือภาพเลือน
(slide)
่ ประเมินผลการสอน
เอกสารทีใช้
่
เพือประกอบการพิ
จารณา
้ั ดารงตาแหน่ ง
แต่
ง
ต
งให้
เอกสารคาสอน มีคุณภาพดี ประกอบด้วย
์
-รองศาสตราจารย
แผนการสอน
่ รายละเอียดประกอบพอสมควร
- หัวข้อบรรยายทีมี
่
อหนังสืออ่านประกอบ และ/
- รายชือบทความหรื
่ ยวเนื
่
่ อง และ/หรือ
หรือบทเรียบเรียงคัดย่อเอกสารทีเกี
แผนภู ม ิ (chart) และ/หรือแถบเสียง (tape) และ/หรือ
่
่
ภาพเลือน
(slide) และ/หรือตัวอย่างหรือกรณี ศก
ึ ษาทีใช้
ประกอบการอธิบายภาพ
- แบบฝึ กปฏิบต
ั ิ
่
่
- การอ้างอิงเพือขยายความที
มาและสาระของ
ข้อมู ล
่
ต่ ากว่ า ช านาญ คุ ณ ภาพในการสอนไม่ ถ ึ ง ระดับ
ช
านาญ ์ระดับคุณภาพการสอน
เกณฑ
่ กต้อง ครบถ้วน จัดการ
ชานาญ มีแผนการสอน ทีถู
เรียน การสอนได้ตามแผนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ
่
สร ้างเครืองมื
อวด
ั ผลการเรียนรู ข
้ องนักศึกษาได้ถูกต้อง
ต า ม ห ลัก ก า ร วัด ผ ล เ ป็ น ผู ้ ต ร ง ต่ อ เ ว ล า มี ค ว า ม
้ ค ลิก วาจา และการแต่ ง
ร ับผิด ชอบ มีค วามสุ ภ าพทังบุ
กาย
ช านาญพิเ ศษ มีแ ผนการสอนที่ถู ก ต้อ ง ครบถ้ว น
จัด การเรีย นการสอนได้ต ามแผนการสอนอย่ า งมี
ประสิท ธิภ าพ มีค วามสามารถสอนให้ผู เ้ รีย นรู จ
้ ก
ั คิด
วิเคราะห ์ และสังเคราะห ์ ใช้เทคนิ ควิธส
ี อนต่าง ๆ อย่าง
่
มีป ระสิท ธิภ าพสู ง
สร า้ งเครืองมื
อวด
ั ผลการเรีย นรู ้
ของนั ก ศึ ก ษาได้ถู กต้อ งตามหลัก การว ด
ั ผล และ
ปร บ
ั ปรุ ง แก้ไ ขได้เ หมาะสม พัฒ นาแผนการสอนให้
่
่ ก ต้อ งครบถ้ว น จัด การ
เชียวชาญ
มีแ ผนการสอนทีถู
เกณฑ
์ระดั
บ
คุ
ณ
ภาพการ
เรียนการสอนได้ตามแผนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ มี
ทั
ก ษะการจั
สอน
(ต่อด)การเรีย นรู ้ โดยให้นัก ศึก ษามีส่ วนร่ว ม มี
ความสามารถสอนให้ผูเ้ รียนรู ้จักคิด วิเคราะห ์ สังเคราะห ์
และวิจารณ์ ใช้เทคนิ ควิธส
ี อนต่าง ๆ อย่างมีประสิท ธิภาพ
่
สู ง สร ้างเครืองมื
อ วด
ั ผลการเรียนรู ้ของนักศึกษาได้อย่าง
มี คุ ณ ภาพสู ง สามารถประเมิ น เครื่องมื อ ว ด
ั ผล และ
ปร ับปรุงแก้ไขได้ถูกต้อง เหมาะสม พัฒนาแผนการสอนให้
ทันสมัยอยู ่เสมอ เป็ นผู ต
้ รงต่อเวลา มีความร ับผิดชอบ มี
้ คลิก วาจา และการแต่งกาย
ความสุภาพทังบุ
ควรปร บ
ั ปรุ ง คุ ณ ภาพการสอนไม่ ถ ึ ง เกณฑ ร์ ะดับ
คุ ณ ภาพส าหร บ
ั ต าแหน่ งที่ ขอแต่ ง ตัง้ แต่ ห ากมี ก าร
ปร ับปรุ ง ตามข้อคิดเห็นของกรรมการผู ป
้ ระเมิน ก็อาจมี
คุ ณ ภาพถึง เกณฑ ร์ ะดับ คุ ณ ภาพส าหร บ
ั ต าแหน่ งที่ขอ
เกณฑ ์ระด ับคุณภาพ
เอกสารการสอน
่
ตากว่
าดี คุณภาพไม่ถงึ ระดับดี
ดี แผนการสอน ถู กต้อง ครบถ้วน (ในระดับ ดี) มี
่
องค ์ประกอบอืนครบถ้
ว นตามที่ก าหนดในรู ป แบบ
เนื ้ อหาวิช าถู ก ต้อ ง ทัน สมัย เป็ นที่ยอมร บ
ั ในวง
วิชาการ นาเสนอเป็ นระบบ เข้าใจง่ าย ใช้ภาษาได้
ถูกต้องตามหลักภาษา
ดี ม าก ใ ช้เ ก ณฑ เ์ ดี ย วกับ ร ะ ดับ ดี แ ล ะ มี ก า ร
ประยุกต ์ความรู ใ้ ห้เหมาะสมกับสภาพสังคมไทย มี
่ ง ต้อ งการการค้นคว้า หา
การเสนอแนะประเด็ น ทียั
่
ความรู ้เพิมเติ
ม
ควรปร ับปรุง คุณภาพไม่ถงึ เกณฑ ์ระดับคุณภาพ
่
สาหร ับตาแหน่ งทีขอแต่
งตัง้ แต่หากมีการปร ับปรุ ง
้
ขันตอน
การเสนอขอตาแหน่ งทางวิชาการ
ผู ข
้ อแต่งตัง้
เสนอหัวหน้าภาควิชา
พร ้อม
แบบ ก.พ.อ.03ฯ และผลงาน
ทางวิชาการ
หัวหน้าภาควิชาตรวจสอบ
ส่วนงาน
้
ขันตอน
การเสนอขอตาแหน่ ง
ทางวิชาการ (ต่อ)
ส่วน
งาน
้ั น
คณะอนุ กรรมการประเมินผลการสอนในชนต้
่
คณะอนุ กรรมการพิจารณากลันกรองการขอต
าแหน่ ง
ทางวิชาการ (ระดับส่วนงาน)ตรวจสอบคุณสมบัต/ิ
ภาระงาน/ผลการสอน/แบบ ก.พ.อ.03ฯ/ผลงานทาง
ส่วนงาน วิชาการ
มหาวิทยาลัย
แบบ ก.พ.03ฯ /แบบรายงานผลประเมินผลการสอนใน
้ั น/ผลงานทางวิชาการ
ชนต้
่
คณะอนุ กรรมการพิจารณากลันกรองการขอต
าแหน่ ง
ทางวิชาการ (ระดับมหาวิทยาลัย)
แก้ไข
้
ขันตอน
การ
เสนอขอ
ตาแหน่ งทาง
าแหน่ งทางวิชาการ**
วิชาการ (ต่อ) คณะกรรมการพิจารณาต
้
่
**อาจตังคณะอนุ กรรมการเพือประเมินผลการส
่ าหน้าที่
คณะกรรมการผู ท
้ รงคุณวุฒเิ พือท
ประเมินผลงานทางวิชาการและจริยธรรม
และจรรยาบรรณทางวิชาการ
คณะกรรมการพิจารณาตาแหน่ งทางวิชาการ
สภามหาวิทยาลัย
่
อธิการบดีออกคาสังแต่
งตง้ั (ตาแหน่ งผู ช
้ ว
่ ยศาสตราจารย ์ และร
ตาแหน่ งศาสตราจารย ์ และศาสตราจารย ์ได้ร ับ
้ ง เสนอ ก.พ.อ. ให้ความเห็นชอบและ
เงินเดือนขันสู
่
ดาเนิ นการเพือทรงพระกรุ
ณาโปรดเกล้าฯ แต่งตง้ั
่
1. งานวิ
ย
ั บต
ข้อจปฏิ
ั ท
ิ เกี
ี่ ยวข้
องกับผลงาน
่ มพ ์
- ตีพม
ิ ทางวิ
พ ์ในวารสารทางวิ
ช
าการโดยระบุ
ป
ี
ที
พิ
่
ช
าการที
เสนอ
่ มพ ์ และเลขหน้า
ฉบับทีพิ
- ตีพม
ิ พ ์ในวารสารออนไลน์ ต้องระบุ หมายเลข
่ พม
DOI และเลขหน้าทีตี
ิ พ์
- พึงระวังการคัดเลือกสานักพิมพ ์วารสารทาง
่ าผลงานไปตีพม
ิ พ ์ โดยสามารถติดตาม
วิชาการเพือน
่ งระวงั ได้จาก
ข้อมู ลของวารสาร และสานักพิมพ ์ทีพึ
Jeffrey Beall รวบรวมไว้อย่างต่อเนื่ องได้ท ี่
http://metadata.posterous.com/83235355,
http://scholarlyoa.com
- ในการเสนอขอตาแหน่ งทางวิชาการ จะ
่ พม
พิจารณาผลงานทางวิชาการทีตี
ิ พ ์ในวารสารทาง
่ peer review ตรวจสอบ และควบคุม
วิชาการทีมี
่
ข้อปฏิบต
ั- ท
ิ ผเกี
ี่ ลยวข้
่ ตี พ ิ ม พ ต
ง า นอทีงกับผลงานทาง
์ ้ัง แ ต่ ว ัน ที่ 3 เ ม ษ า ย น
่ หากวิ
วิชพ.ศ.2550
าการทีเสนอ
(ต่อจ
)ย
ั ในคนหรือในสัต ว ท
์ ดลอง ต้อ ง
แสดงหลัก ฐานหนัง สือ ร บ
ั รอง หรือ หนัง สือ การได้ร บ
ั
อนุ ญาตให้ท าวิ จ ย
ั เรื่องนั้ นๆ จากคณะกรรมการ
จ ริ ย ธ ร ร ม ก า ร วิ จ ัยใ น ค น ห รื อ ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร
พิจารณาด้านจรรยาบรรณการใช้สต
ั ว ์ทดลองแล้วแต่
้
กรณี หากไม่ ส ามารถแสดงหลัก ฐานได้ ให้ช ีแจง
รายละเอีย ดเสนอคณะกรรมการพิจ ารณาต าแหน่ ง
ทางวิชาการพิจารณาเป็ นกรณี ๆ ไป
- การทาวิจ ย
ั ในศพ ให้แ สดงหลัก ฐานหนัง สือ
ร ับรองจากส่วนงาน หรือหน่ วยงาน
่ น case report
- งานวิจย
ั ทีเป็
เพียง case
เดีย ว ไม่ ต อ
้ งแสดงหลัก ฐานหนั ง สือ ร บ
ั รอง ยกเว้น
่ บข้อมู ลจาก case report จานวนหลาย
งานวิจย
ั ทีเก็
case ต้องแสดงหลักฐานการได้ร ับอนุ ญาตให้ทาการ
2. ตารา ต้องใช้ประกอบการเรียนการสอนมาแล้วอย่าง
่ กษา
องกับผลงานทาง
ข้อน้ปฏิ
ั ภาคการศึ
ท
ิ เกี
ี่ ยวข้
อย บ
1ต
่ อ ต้อ(ต่
3. หนัง สื
งเผยแพร่
สู่ สาธารณชนมาแล้วไม่ น้ อ ย
วิชาการที
เสนอ
อ)
กว่า 4 เดือน
4. บทความทางวิชาการ ต้องได้ร ับการตีพม
ิ พ ์เผยแพร่
แล้ว
่ ามา
5. รู ปภาพ ตาราง ไดอะแกรม และ/หรือข้อมู ลทีน
่
จากแหล่งอืน
- ไม่มก
ี ารดัดแปลง ต้องขออนุ ญาตจากผู ถ
้ อ
ื สิทธิ ์
ด้านทร ัพย ์สินทางปั ญญา ได้แก่ สานักพิมพ ์ หรือผู แ
้ ต่ง
เดิม (เจ้าของผลงาน)
- มีการดัดแปลงไม่ตอ
้ งขออนุ ญาต และให้ระบุว่ า
“ดัดแปลงจาก...”
์ อ งขอ
- หากน ามาจากเว็ บไซต ์ ถ้า มี ล ิ ข สิท ธิต้
์ านทร ัพย ์สินทางปั ญญา
อนุ ญาตจากผู ถ
้ อ
ื สิทธิด้
- หากผลงานมีการจาหน่ ายต้องแสดงหลักฐานการ
ได้ร บ
ั อนุ ญาตให้ใ ช้รู ปภาพ หรือ ตาราง หรือ ถ้า เป็ น
้
รู ปภาพ ตารางที่วาดเองให้ช ีแจงว่
า เป็ นรู ปภาพ หรือ
่
องกับผลงานทาง
ข้อปฏิบต
ั ท
ิ เกี
ี่ ยวข้
่ า ร เ ขี ย(ต่นออ้) า ง อิ ง ผ ล ง า น ท า ง วิ ช า ก า ร ส า ข า
6 . กเสนอ
วิชาการที
วิทยาศาสตร ์และเทคโนโลยี ให้เขียนแบบ Vancouver
7 . ก า ร เ ขี ย น อ้ า ง อิ ง ผ ล ง า น ท า ง วิ ช า ก า ร ส า ข า
สัง คมศาสตร ์ให้เ ขีย นแบบ American
Psychological
Association
่
8. การเรีย งหัว ข้อ ผลงานทางวิ ช าการ ให้เ ริมจาก
่ ชอผู
่
ผลงานทีมี
ื่ เ้ สนอขอตาแหน่ งเป็ นชือแรก
และมีส่วนร่ว ม
่ ด โดยเรียงจากปี ปั จจุบน
้ งเป็ นชือ
่ 2, 3
มากทีสุ
ั ก่อน จากกนันจึ
... ตามลาดับ
9. การจัดเรียงเอกสารผลงานทางวิชาการ
- ควรเรียงผลงานทางวิชาการให้ตรงกับหัวข้อ
ในแบบ ก.พ.อ.03ฯ และติดดช
ั นี ให้เห็นอย่างช ัดเจน
- ควรเรีย งหนั ง สื อ ร บ
ั รองการมี ส่ ว นร่ ว มใน
ผลงานทางวิชาการ หนังสือการได้ร ับอนุ ญาตให้ทาวิจย
ั จาก
คณะกรรมการจริย ธรรมการวิจ ย
ั ในคน หรือ คณะกรรมการ
พิจารณาด้านจรรยาบรรณการใช้สต
ั ว ์ทดลอง แล้วแต่กรณี
่
องกับผลงานทาง
ข้อปฏิบต
ั ท
ิ เกี
ี่ ยวข้
่
วิชาการที
เสนอ
10. หนั ง สือ(ต่รอบ
ั ) รองการมีส่ ว นร่ว มในผลงานทาง
่ าหนด ถ้าเป็ นสาเนาให้
วิชาการ ให้ใช้ตามแบบฟอร ์มทีก
่ ับรองสาเนาถู กต้อง พร ้อมวน
ผู เ้ สนอขอลงลายมือชือร
ั ที่
เดือน พ.ศ.
11. หนั ง สือ ร บ
ั รองการมีส่ ว นร่ว มในผลงานทาง
่ ร้ ว
วิช าการ ลายมือชือผู
่ มงานควรอยู ่ห น้ า เดีย วกน
ั กบ
ั
ชื่ อเรื่อง หากไม่ ส ามารถอยู ่ ใ นหน้ า เดี ย วก น
ั ได้ ให้
่ ากบ
ั ไว้ทหน้
ี่ าแรก และใน
ผู ร้ ว่ มงานทุกคนลงลายมือชือก
หน้ า ที่ 2 จึง เป็ นรายละเอีย ดหน้ า ที่ความร บ
ั ผิด ชอบใน
่ ร้ ว่ มงาน
ผลงาน และลายมือชือผู
7. การแสดงเจตนาขอทราบชื่อ/ไม่ ท ราบชื่อ
่
คณะกรรมการผู ท
้ รงคุณวุฒผ
ิ ูท
้ าหน้าทีประเมิ
นผลงาน
่ าหนด
ทางวิชาการฯ ให้เป็ นไปตามแบบ ก.พ.อ.03ฯ ทีก
8. ควรจัดประเภทผลงานทางวิชาการให้ถูกต้อง
่ าหนด
ตามคาจาก ัดความทีก
9. การเขี ย นอ้า งอิง ผลงานทางวิช าการ ควร
่ าหนด
เขียนอ้างอิงให้ถูกต้องตามระบบทีก
10 . ต ร ว จ ส อ บ ว ัน ที่ ล ง น า ม ข อ ง ผู ้ เ ส น อ ข อ
หัวหน้าภาควิชา และคณบดีให้สอดคล้องก ัน
11. ใส่เลขหน้ากาก ับทุกหน้า
คาจากัดความ การเผยแพร่
และคุณภาพของผลงานทางวิชาการ
นิ ยาม
งานวิจ ัย
หมายถึง ผลงานทางวิชาการ
ที่เป็ นงานศึก ษา หรือ งานค้น คว้า
อย่ า งมีร ะบบด้ว ยวิธ ว
ี ท
ิ ยาการวิจ ย
ั ที่
่
เป็ นทียอมร
ับในสาขาวิชานั้นๆ และมี
่ ด
่
วัตถุประสงค ์ทีช
ั เจนเพือให้
ได้มาซึง่
่
ข้อ มู ล ค าตอบ หรือ ข้อ สรุ ป รวมทีจะ
น าไปสู ่ ค วามก้า วหน้ า ทางวิช าการ
้ อ การน าวิ ช าการนั้ นไ ป
หรือ เอื อต่
ประยุกต ์
รู ปแบบ งานวิจ ัย
เป็ น 2 รู ปแบบ
อาจจัดได้
่ ความครบถ้วน
1. รายงานการวิจย
ั ทีมี
สมบู รณ์ และช ัดเจนตลอดทัง้
กระบวนการวิจย
ั อาทิ
- การกาหนดประเด็นปั ญหา
- วัตถุประสงค ์
- การทาวรรณกรรมปริทศ
ั น์
- สมมติฐาน
- การเก็บรวบรวมข้อมู ล
- การประมวลผล
- การสรุปและให้ขอ
้ เสนอแนะ
- การอ้างอิง
่
- อืนๆ
่
ปกระบวนการวิจย
ั ใน
รู2.ปบทความวิ
แบบ จยั ทีประมวลสรุ
้ ให้มค
้ สาหร ับการ
ผลงานวิจย
ั นัน
ี วามกระช ับและสัน
งานวิ
จ
ัย
(ต่
อ
)
นาเสนอในการประชุมทางวิชาการ หรือในวารสารทาง
วิชาการ ประกอบด้วย
- การสร ้างสมมติฐานหรือการกาหนดแนวคิด
่ ัดเจนสอด คล้องกบ
- การกาหนดว ัตถุประสงค ์ทีช
ั
สมมติฐานหรือแนวคิด
่ อถื
่ อได้และสอดคล้องกบ
- วิธวี จ
ิ ย
ั ทีเชื
ั ว ัตถุประสงค ์
่ าหนด
- ผลการวิจย
ั ตามว ัตถุประสงค ์ทีก
่
- การวิจารณ์ เพือแสดงหลั
กการหรือข้อสรุปรวมที่
้ อการ
จะนาไปสู ค
่ วามก้าวหน้าทางวิชาการ หรือเอือต่
้
นาวิชาการนันไปประยุ
กต ์
่ ยนตามระบบสากล
- การอ้างอิงทีเขี
่
- บทคัดย่อทีแสดงการสรุ
ป (ของ 1. 2. 3. 4. 5)
บทคัดย่อ (abstract) หรือการเสนอโปสเตอร ์
การเผยแพร่
งานวิจ ัย
 เผยแพร่ ใ นรู ปของบทความวิจ ย
ั ในวารสารทาง
วิ ช า ก า ร ที่ เ ป็ น รู ป เ ล่ ม สิ่ ง พิ ม พ ์ ห รื อ เ ป็ น สื่ อ
่ กาหนดการเผยแพร่อย่างแน่ นอน
อิเล็กทรอนิ กส ์ทีมี
ช ัดเจน
่ ที่
 เผยแพร่ในหนังสือรวมบทความวิจย
ั ในรู ปแบบอืน
มีกองบรรณาธิการประเมินและตรวจสอบคุณภาพ
่
 นาเสนอเป็ นบทความวิจย
ั ต่อทีประชุ
มทางวิชาการ
่
ซึงภายหลั
ง จากการประชุ ม ทางวิช าการ ได้ม ีก อง
บรรณาธิก ารน าไปรวมเล่ ม เผยแพร่ใ นหนั ง สื อ
ประมวลผลการประชุมทางวิชาการ (Proceedings)
ข อ ง ก า ร ป ร ะ ชุ ม ท า ง วิ ช า ก า ร ร ะ ด ั บ ช า ติ ห รื อ
นานาชาติ
การเผยแพร่
งานวิจ ัย (ต่อ)
 การเผยแพร่ ร ายงานการวิ จ ย
ั ฉบับ สมบู รณ์ท ี่ มี
รายละเอียดและความยาว ต้องแสดงหลักฐานว่าได้
ผ่ า นการประเมิน คุ ณ ภาพโดยผู ท
้ รงคุ ณ วุ ฒ ิแ ละ
แสดงหลักฐานว่าได้เผยแพร่ไปยังวงวิชาการและ
่
วิช าชีพ นั้น และสาขาวิช าที่เกียวข้
อ งในประเทศ
และต่างประเทศอย่างกว้างขวาง
่ เผยแพร่ตามลักษณะข้างต้นและได้
เมือได้
มีก ารพิจ ารณาประเมิน คุ ณ ภาพของ “งานวิจ ย
ั ”
นั้ นแล้ว การน า“งานวิจ ย
ั ”นั้ นมาแก้ไ ข ปร บ
ั ปรุ ง
่
หรือ เพิมเติ
ม ส่ ว นใดส่ ว นหนึ่ ง เพื่อน ามาเสนอขอ
ต า แ ห น่ ง ท า ง วิ ช า ก า ร แ ล ะ ใ ห้ ม ี ก า ร ป ร ะ เ มิ น
้ กครงหนึ
้ั
่ ง จะกระทา
คุณภาพ “งานวิจย
ั ” นันอี
เกณฑ ์ระดับคุณภาพ
่ จย
งานวิ
ั าดี คุณภาพไม่ถงึ ระดับดี
ตากว่
่ กระบวนการวิจย
้
ดี เป็ นงานวิจย
ั ทีมี
ั ทุกขันตอน
่
ถู กต้อง เหมาะสมในระเบียบวิธวี จ
ิ ย
ั ซึงแสดงให้
เห็นถึง
ความก้าวหน้าทางวิชาการ หรือนาไปประยุกต ์ได้
ดีมาก ใช้เกณฑ ์เดียวกับระดับดี และต้อง
่
1. เป็ นผลงานทีแสดงถึ
งการวิเคราะห ์ และ
้ างานเดิมทีเคย
่
นาเสนอผลเป็ นความรู ้ใหม่ทลึ
ี่ กซึงกว่
มีผูศ
้ ก
ึ ษาแล้ว
2. เป็ นประโยชน์ทางวิชาการอย่างกว้างขวาง
หรือสามารถนาไปประยุกต ์ได้อย่างแพร่หลาย
เกณฑ ์ระดับคุณภาพ
ดีเด่นจย
งานวิ
ั ใช้
(ต่เกณฑ
อ) ์เดียวกับระดับดีมาก และต้อง
่ คุณค่ายิง่ และมีการ
1. เป็ นงานบุกเบิกทีมี
้
สังเคราะห ์อย่างลึกซึงจนท
าให้เป็ นการสร ้างองค ์
่
่
ความรู ้ใหม่ (Body of knowledge) ในเรืองใดเรื
อง
หนึ่ ง ทาให้เกิดความก้าวหน้าทางวิชาการอย่าง
ช ัดเจน
่
2. เป็ นทียอมร
ับ และได้ร ับการอ้างอิงถึงอย่าง
่ ยวข้
่
กว้างขวางในวงวิชาการ หรือวิชาชีพทีเกี
องใน
ระดับชาติ และ/หรือระดับนานาชาติ
นิ ยาม ผลงานทาง
่
วิชาการในลักษณะอืน
่ ทีมิ
่ ใ ช่
หมายถึง ผลงานทางวิช าการอย่ า งอืน
เอกสารประกอบการสอน เอกสารคาสอน บทความ
ทางวิ ช าการ หนั ง สื อ ต ารา งานวิ จ ย
ั บทคัด ย่ อ
งา น วิ จ ัย กา ร เ สนอ ร า ย งา นใ น กา ร ปร ะ ชุ ม ท า ง
่
วิชาการ โดยปกติให้หมายถึง สิงประดิ
ษฐ ์หรืองาน
่
สร า้ งสรรค ์ อาทิ เครืองทุ
่ น แรง ผลงานการสร า้ ง
่ ชวี ต
สิงมี
ิ พันธุ ์ใหม่ ว ัคซีน หรือผลงานด้านศิลปะ
่ บาย
การเสนอ ต้องประกอบด้วยบทวิเคราะห ์ทีอธิ
้ เห็นว่างานดังกล่าวทาให้เกิดความก้าวหน้า
และชีให้
ทางวิช าการ หรือ เสริม สร า้ งองค ค
์ วามรู ้ หรือให้
่
้ และแสดง
วิธก
ี ารทีจะเป็
นประโยชน์ต่อสาขา วิชานัน
้
ถึงความสามารถในการบุกเบิกสาขาวิชานัน
รู ปแบบ ผลงานทางวิชาการ
่
ในลักษณะอืน
่
้ เป็
่ นรู ปเล่ม
อาจจัดเพิมได้
หลายรู ปแบบ ทังที
หรือการบันทึกเป็ นภาพยนตร ์ หรือแถบเสียง
มี ค า อ ธิ บ า ย / ชี ้แจ งโ ด ย ช ด
ั เจนประกอบ
่ ให้
้ เห็นว่าเป็ นผลงานทีท
่ า
ผลงานนั้น เพือชี
ให้เ กิด การพัฒ นาและความก้า วหน้ า ทาง
วิ ช า ก า ร ห รื อ เ ส ริ ม ส ร ้า ง ค ว า ม รู ้ห รื อ
ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสาขาวิชาหนึ่ งๆ หรือ
หลายสาขาวิชาได้อย่างไร ในแง่ ใด
่
่ นสิงประดิ
ษฐ ์ หรือผลงานที่
กรณี ผลงานทีเป็
มุ่ งในเชิง ปฏิบ ต
ั ิ จะต้อ งผ่ า นการพิสู จ น์ห รือ
การเผยแพร่ ผลงานทาง
่
วิชาการในลักษณะอืน
 เผยแพร่เป็ นรู ปเล่ม ด้วยวิธก
ี ารพิมพ ์ โดยโรงพิมพ ์
หรือสานักพิมพ ์ หรือโดยการถ่ายสาเนาเย็บเป็ น
่
รู ปเล่ม หรือทาในรู ปแบบอืนๆ
่ เล็กทรอนิ กส ์เช่น ซีดรี อม
 การเผยแพร่โดยสืออิ
 การเผยแพร่โดยการจัดนิ ทรรศการ การจัดแสดง
การจัดการแสดง หรือโดยมีการนาไปใช้หรือประยุกต ์
อย่างแพร่หลาย
การเผยแพร่ด งั กล่ า วจะต้อ งเป็ นไปอย่ า ง
กว้างขวางมากกว่าการใช้ในการเรียนการสอนวิชา
ต่ า ง ๆ ใ น ห ลั ก สู ต ร เ ท่ า นั้ น ทั้ ง นี ้ ต้ อ งไ ด้ ร บ
ั การ
ต ร ว จ ส อ บ แ ล ะ ก า ร ร ับ ร อ ง ก า ร เ ผ ย แ พ ร่ จ า ก
เกณฑ ์ระดับคุณภาพ
่
ผลงานทางวิ
ช
าการในลั
ก
ษณะอื
น
่
ตากว่าดี คุณภาพไม่ถงึ ระดับดี
่ มี
่ อยู ่แล้วมา
ดี เป็ นผลงานใหม่ หรือเป็ นการนาสิงที
้ อให้เกิด
ประยุกต ์ด้วยวิธก
ี ารใหม่ๆ และผลงานนันก่
ประโยชน์ในด้านใดด้านหนึ่ ง
ดีมาก ใช้เกณฑ ์เดียวกับระดับดี และต้อง
1. ได้ร ับการร ับรองโดยองค ์กรทางวิชาการ หรือ
่ เกี
่ ยวข้
่
่
หน่ วยงานอืนที
องในสาขาวิชาทีเสนอ
หรือ
่ ้างสรรค ์ ต้องเป็ นทียอมร
่
2. เป็ นผลงานทีสร
ับของ
่
้
ผู เ้ ชียวชาญในสาขาวิ
ชานันๆ
ดีเด่น ใช้เกณฑ ์เดียวกับระดับดีมาก และต้องเป็ นที่
่
ยอมร ับโดยทัวไปในวงวิ
ชาการ และ/หรือวงวิชาชีพทัง้
ในระดับชาติ และ/หรือระดับนานาชาติ
นิ ยาม บทความทาง
วิชาการ
หมายถึง งานเขียนทางวิชาการซึง่
่ องการอธิบาย หรือ
มีการกาหนดประเด็นทีต้
้ ้มีก ารวิเ คราะห ์
วิเ คราะห อ์ ย่ า งช ด
ั เจน ทังนี
ป ร ะ เ ด็ น ดัง ก ล่ า ว ต า ม ห ลัก วิ ช า ก า ร จ น
้
สามารถสรุ ปผลการวิเคราะห ์ในประเด็นนัน
ได้ อาจเป็ นการน าความรู จ้ ากแหล่ ง ต่า งๆ
่ เคราะห ์อย่างเป็ น
มาประมวลร ้อยเรียง เพือวิ
่ เ้ ขียนแสดงทัศนะทางวิชาการ
ระบบ โดยทีผู
ของตนไว้อย่างช ัดเจนด้วย
รู ปแบบ บทความ
ทางวิชาการ
่ ความยาวไม่มากนัก
เป็ นบทความทีมี
ประกอบด้วย
่
การนาความทีแสดงเหตุ
ผล หรือ
่
่ องการอธิบาย
ทีมาของประเด็
นทีต้
หรือวิเคราะห ์
กระบวนการอธิบายหรือวิเคราะห ์
บทสรุป
การอ้างอิงและบรรณานุ กรมที่
การเผยแพร่ บทความ
ทางวิชาการ ่
เผยแพร่ในลักษณะใดลักษณะหนึ ง ดังนี ้
 ในรู ปของบทความทางวิชาการในวารสารทางวิชาการ
้ วารสารทางวิ
้
้ อาจเผยแพร่เป็ นรู ปเล่ม
ทังนี
ชาการนัน
่ มพ ์ หรือเป็ นสืออิ
่ เล็กทรอนิ กส ์ทีมี
่ กาหนดการ
สิงพิ
เผยแพร่อย่างแน่ นอน ช ัดเจน
่ มี
่ กอง
 ในหนังสือรวมบทความในรู ปแบบอืนที
บรรณาธิการประเมินและตรวจสอบคุณภาพของ
้
บทความต่างๆ ในหนังสือนัน
 ในหนังสือประมวลผลการประชุมทางวิชาการ
(Proceedings) ของการประชุมทางวิชาการใน
่ กองบรรณาธิการ
ระดับชาติหรือระดับนานาชาติ ทีมี
ประเมินและตรวจสอบคุณภาพของบทความต่างๆ ที่
้
นาเสนอนัน
44
่
เมือได้เผยแพร่ตามลักษณะข้างต้น และได้ม ี
เกณฑ ์ระด ับคุณภาพ
บทความทางวิชาการ
่
 ตากว่
าดี คุณภาพไม่ถงึ ระดับดี
 ดี เป็ นบทความทางวิช าการที่มีเ นื ้ อหาสาระทาง
วิชาการถู กต้อง สมบู รณ์ และทันสมัย มีแนวคิดและ
่ ด
การนาเสนอทีช
ั เจน เป็ นประโยชน์ต่อวงวิชาการ
 ดีมาก ใช้เ กณฑ ์เดียวกับระดับดี โดยมีขอ
้ กาหนด
เพิ่มเติม ด งั นี ้ 1. มีก ารวิเ คราะห แ์ ละเสนอความรู ้
่ นสมัยต่อความก้าวหน้าทางวิชาการ
หรือวิธก
ี ารทีทั
และเป็ นประโยชน์ต่ อ วงวิ ช าการ 2. สามารถ
นาไปใช้อา้ งอิงหรือนาไปปฏิบต
ั ไิ ด้
 ดี เ ด่ น ใ ช้ เ ก ณ ฑ เ์ ดี ย ว กับ ร ะ ดับ ดี ม า ก โ ด ย มี
ข้อ ก าหนดเพิ่ มเติ ม ด งั นี ้ 1. มี ล ก
ั ษณะเป็ นงาน
บุกเบิกทางวิชาการ และมีการสังเคราะห ์จนถึงระดับ
นิ ยาม
ตารา
่ ยบเรียงขึน
้
หมายถึง
ผลงานทางวิชาการทีเรี
อย่างเป็ นระบบ ครอบคลุมเนื ้อหาสาระของวิชา หรือ
เป็ นส่ ว นหนึ่ งของวิช า หรือ ของหลัก สู ตรก็ ไ ด้ ที่
สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการถ่ายทอดวิชา
ใ น ร ะ ดับ อุ ด ม ศึ ก ษ า ใ น กา ร เ รีย น ก า ร ส อ นใ น
หลักสู ตรของมหาวิทยาลัยมหิดล
้ ้
เนื ้อหาสาระของตาราต้องมีค วามทันสมัย ทังนี
่ ยวข้
่
่ ตาราเล่ม
จะต้องระบุวช
ิ าทีเกี
องในหลักสู ตรทีใช้
่
ทีเสนอขอต
าแหน่ งทางวิชาการด้วย
่ นตารานี ้ อาจพัฒนามาจาก
ผลงานทางวิชาทีเป็
่ ความสมบู รณ์ทสุ
เอกสารคาสอนจนถึงระดับทีมี
ี่ ด ซึง่
่ มิ
่ ใช่ผูเ้ รียนในวิชานั้น แต่
ผู อ
้ ่านอาจเป็ นบุคคลอืนที
รู ปแบบ
ตารา
่
้
เป็ นรู ปเล่มทีประกอบด้
วย คานา สารบัญ เนื อ
่
เรือง
การอธิบ ายหรือการวิเ คราะห ์ การสรุ ป
่ ยนตามระบบ
การอ้างอิงและบรรณานุ กรมทีเขี
้ ้ อาจมีก ารอ้า งอิง แหล่ ง ข้อ มู ลที่
สากล ทังนี
ทัน สมัย และครบถ้ว น สมบู ร ณ์ ดัช นี ค น
้ คา/
ข้อความ
การอธิบายสาระสาคัญมีความช ัดเจน โดยอาจ
ใช้ขอ
้ มู ล แผนภาพ ตัวอย่าง หรือกรณี ศก
ึ ษา
ประกอบ จนผู อ
้ ่า นสามารถท าความเข้าใจใน
้
สาระสาค ัญนันได้
โดยเบ็ดเสร็จ
การเผยแพร่
ตารา
 เผยแพร่เป็ นรู ปเล่ม ด้วยวิธก
ี ารพิมพ ์ โดยโรงพิมพ ์ หรือ
สานักพิมพ ์ หรือโดยการถ่ายสาเนาเย็บเป็ นรู ปเล่ม หรือทา
่
ในรู ปแบบอืนๆ
่ เล็กทรอนิ กส ์เช่น ซีดรี อม
 การเผยแพร่โดยสืออิ
 การเผยแพร่ดงั กล่าว จะต้องเป็ นไปอย่างกว้างขวางมากกว่า
้
การใช้ในการเรียนการสอนวิชาต่างๆในหลักสู ตรเท่านัน
่
จานวนพิมพ ์เป็ นดัชนี หนึ่ งทีอาจแสดงการเผยแพร่
อย่าง
กว้างขวางได้ แต่อาจใช้ดช
ั นี อนวั
ื่ ดความกว้างขวางของการ
้ ต้
้ องได้ร ับการตรวจสอบและการ
เผยแพร่ได้เช่นกัน ทังนี
ร ับรองการเผยแพร่จากคณะกรรมการของมหาวิทยาลัย /
ส่วนงานและต้องใช้ในการเรียนการสอนมาแล้วไม่น้อยกว่า
1 ภาคการศึกษา
่ มก
 เมือได้
ี ารพิจารณาประเมินคุณภาพของ “ตารา” ไปแล้48
ว
้
่
้
การนา “ตารา” นันไปแก้
ไข ปร ับปรุง หรือเพิมเติ
มเนือหาใน
นิ ยาม
หนังสือ
่ ยบ
หมายถึง ผลงานทางวิช าการทีเรี
้
เรีย งขึ นโดยมี
ร ากฐาน ทางวิ ช าการที่
ั นะของผู ้เ ขี ย นที่สร า้ ง
มั่นคง และให้ท ศ
เสริม ปั ญญาค วามคิ ด แล ะสร า
้ งควา ม
้
แข็งแกร่งทางวิชาการให้แก่สาขาวิชานันๆ
่
่ อง มีค วาม
และ/หรือ สาขาวิช าที่เกียวเนื
่
้อหาและครอบคลุ ม
ต่อ เนื่ องเชือมโยงในเนื
โดยไม่จาเป็ นต้องสอดคล้องหรือเป็ นไปตาม
ข้อกาหนดของหลักสู ตร หรือของวิชาใด
วิช าหนึ่ งในหลัก สู ตร และไม่ จ าเป็ นต้อ ง
นาไปใช้ประกอบการเรียนการสอนในวิชา
รู ปแบบ
หนังสือ
เป็ นรู ปเล่ ม ที่ประกอบด้ว ย ค าน า สารบัญ
่
เนื ้อเรือง
การวิเ คราะห ์ การสรุ ป การอ้า งอิง
และบรรณานุ กรม ที่เขีย นตามระบบสากล
้ ้ อาจมีก ารอ้า งอิง แหล่ ง ข้อ มู ล ที่ทัน สมัย
ทังนี
และครบถ้วน สมบู รณ์ ดัชนี คน
้ คา/ข้อความ
การอธิบ ายสาระส าคัญ มีค วามช ด
ั เจน โดย
อ า จใ ช้ ข ้ อ มู ล แ ผ น ภ า พ ตั ว อ ย่ า ง ห รื อ
กรณี ศึก ษาประกอบ จนผู ้อ่ า นสามารถท า
้
ความเข้าใจในสาระสาคัญนันได้
โดยเบ็ดเสร็จ
การเผยแพร่
หนัเงป็สื
1. เผยแพร่
นรูอ
ปเล่ม ด้วยวิธก
ี ารพิมพ ์ โดยโรงพิมพ ์
หรือสานักพิมพ ์
่ เล็กทรอนิ กส ์ เช่น ซีดรี อม
2. การเผยแพร่โดยสืออิ
การเผยแพร่ดงั กล่าว จะต้องเป็ นไปอย่างกว้างขวาง
มากกว่ า การใช้ใ นการเรีย นการสอนวิช าต่ า งๆใน
หลัก สู ตรเท่ า นั้ น จ านวนพิ ม พ เ์ ป็ นดัช นี หนึ่ งที่อาจ
แสดงการเผยแพร่อย่างกว้างขวางได้ แต่อาจใช้ดช
ั นี
อื่นว ด
ั ความกว้า งขวางของการเผยแพร่ไ ด้เ ช่ น ก น
ั
้ ้ ต้อ งได้ร บ
ทังนี
ั การตรวจสอบและร บ
ั รองการเผยแพร่
จากคณะกรรมการของมหาวิท ยาลัย / ส่ ว นงานและ
ต้องเผยแพร่สูส
่ าธารณชนมาแล้วไม่น้อยกว่า 4 เดือน
เ มื่ อไ ด้ ม ี ก า ร พิ จ า ร ณ า ป ร ะ เ มิ น คุ ณ ภ า พ ข อ ง
“หนั ง สื อ ” ไปแล้ว การน า “หนั ง สื อ ” นั้ นไปแก้ไ ข
่
้
่
เกณฑ ์ระด ับ
คุณภาพ หนังสือ
่
 ตากว่
าดี คุณภาพไม่ถงึ ระดับดี
่ เนื อหาสาระทางวิ
้
 ดี เป็ นหนังสือทีมี
ชาการถู กต้อง
สมบู รณ์ และทันสมัย มีแนวคิด และการนาเสนอที่
ช ัดเจน เป็ นประโยชน์ตอ
่ วงวิชาการ
 ดีมาก ใช้เกณฑ ์เดียวกับระดับดี และต้อง
1. มีการวิเคราะห ์และเสนอความรู ้ หรือวิธก
ี ารที่
ทันสมัยต่อความก้าวหน้าทางวิชาการ และเป็ น
ประโยชน์ตอ
่ วงวิชาการ
่ และประสบการณ์
2. มีการสอดแทรกความคิดริเริม
่ นการแสดงให้เห็นถึง
หรืองานวิจย
ั ของผู เ้ ขียนทีเป็
่ นประโยชน์ตอ
ความรู ้ทีเป็
่ วงวิชาการ
3. สามารถนาไปใช้อา้ งอิง หรือนาไปปฏิบต
ั ไิ ด้
เกณฑ ์ระด ับคุณภาพ
หนังสือ (ต่อ)
 ดีเด่น ใช้เกณฑ ์เดียวกับระดับดีมาก และต้อง
1. มีลก
ั ษณะเป็ นงานบุกเบิกทางวิชาการ
่ ้างองค ์
และมีการสังเคราะห ์จนถึงระดับทีสร
่
ความรู ้ใหม่ (Body of knowledge) ในเรือง
่
่ง
ใดเรืองหนึ
2. มีการกระตุน
้ ให้เกิดความคิด และค้นคว้า
ต่อเนื่ อง
่ อถื
่ อและยอมร ับในวงวิชาการ
3. เป็ นทีเชื
่ ยวข้
่
หรือวิชาชีพทีเกี
องในระดับชาติ และ/หรือ
นานาชาติ
นิ ยาม บทความทางวิชาการ
(scholarly article หรือ
หมายถึง งานเขีย นทางวิช าการที่มี
learned
article)
ก า ร ก า ห น ด ป ร ะ เ ด็ น ที่ ช ัด เ จ น มี ก า รใ ห้
่
คณะกรรมการพิจารณาตาแหน่ งทางวิชาการกาหนดเพิมเติ
ม ใช
อรรถาธิบายในประเด็นดังกล่าวด้วยหลักวิชา
เฉพาะพนักงานมหาวิทยาลัย
จ า ก ร า ก ฐ า น ข อ ง ก า ร ศึ ก ษ า ค้ น ค ว้ า
วิเ คราะห ์ และสัง เคราะห ข
์ อ
้ มู ล และ/หรือ
ประสบการณ์ พร อ
้ มให้ข อ
้ สรุ ป อ น
ั เป็ นการ
เสริม องค ค
์ วามรู ้ และให้แ รงกระตุ ้น ทาง
ปั ญญา
รู ปแบบ บทความทางวิชาการ
(scholarly article หรือ learned
article)เป็ นบทความที่มีค วามยาวเหมาะ
่
คณะกรรมการพิจารณาตาแหน่ งทางวิชาการกาหนดเพิมเติ
ม
ส าหร บ
ั การเผยแพร่ใ นวารสารวิช าการ
ใช้เฉพาะพนักงานมหาวิทยาลัย
ในหนังสือรวมเล่มบทความวิชาการ หรือ
ห นั ง สื อ ป ร ะ ม ว ล ผ ล ก า ร ป ร ะ ชุ ม ท า ง
วิ ช า ก า ร ( proceedings) มี ร ะ บ บ ก า ร
อ้า ง อิ ง ที่ ชี ใ้ ห้เ ห็ น ว่ า ผู ้เ ขี ย น ส า ม า ร ถ
เชื่ อมโยง ง าน วิ ช า กา ร ขอ ง งา น กับ วง
วิชาการได้
การเผยแพร่ บทความทาง
วิชาการ
้
มี
ว
ธ
ิ
ก
ี
ารเผยแพร่
ด
ังนี
(scholarly article หรือ
่ ผู ้
1. เผยแพร่ในวารสารวิชาการทีมี
learned
ประเมิน article)
2. เผยแพร่ในหนังสือรวมเล่ม
่ ผูป
้ ระเมิน
บทความทางวิชาการทีมี
3. เผยแพร่ในหนังสือประมวลผล
การประชุมทางวิชาการ (proceedings)
่ ระบบการประเมินและค ัดสรร
ทีมี
เกณฑ ์ระด ับคุณภาพ บทความ
ทางวิ
่ ชาาการ
 ตากว่
ดี คุณภาพไม่ถงึ ระดับดี
่ เนื อหาสาระทางวิ
้
่ กต้อง

ดี
เป็
นบทความที
มี
ช
าการที
ถู
(scholarly article หรือ
สมบู รณ์ ยังประโยชน์ตอ
่ วงวิชาการ และอาจสร ้างความ
่
learned
article)
สนใจต่อสังคมทั
วไปได้
ดว้ ย
 ดีมาก ใช้เกณฑ ์เดียวกับระดับดี โดยมีขอ
้ กาหนด
้
้ อ มีความเข้มข้นในด้านเนื อหาการ
่
มดังนี คื
เพิมเติ
วิเคราะห ์และการนาเสนออ ันเป็ นแรงกระตุน
้ ให้เกิดการ
อภิปรายต่อเนื่ องได้ในวงวิชาการ และ/หรือ ในสังคม
 ดีเด่น ใช้เกณฑ ์เดียวกับระดับดีมาก โดยมีขอ
้ กาหนด
่
้ อ เป็ นงานทีมี
่ ลก
้
เพิมเติ
มดังนี คื
ั ษณะบุกเบิก ชีทางไปสู
่
การขยายพรมแดนความรู ้ หรือการปร ับระบบคิด
ก่อให้เกิดการคิดต่อ คิดแย้ง หรือคิดใหม่ ในวงวิชาการ
และ/หรือ ในสังคม
แบบคาขอร
ับการพิจารณากาหนดตาแหน่ งทางวิชาการ
่
ส่วนที 1 แบบประวัตส
ิ ่วนตวั และผลงานทางวิชาการ
(ก.พ.อ. 03 ปร แบบประวัติ
ับปรุง/2)สว่ นตัวและผลงานทางวิชาการ
่
้ ดารงตาแหน่ ง ........ผู ช
เพือขอแต่
งตังให้
้ ว
่ ยศาสตราจารย ์..........รอง
ศาสตราจารย ์
โดย..........วิธป
ี กติ ........... แบบที่ 1 ............ แบบที่ 2
.........วิธพ
ี เิ ศษ ........... แบบที่ 1 ............ แบบที่ 2
่ วนงาน) และ
(พนักงานมหาวิทยาลัย พนักงานมหาวิทยาลัย (ชือส่
่
พนักงานวิทยาลัย ทีเสนอขอต
าแหน่ ง
ผศ. และ รศ. ควรระบุแบบการเสนอขอตาแหน่ งให้ช ัดเจน)
.............ศาสตราจารย ์ โดย..........วิธป
ี กติ ......วิธท
ี ี่ 1
......วิธท
ี ี่ 2
.........วิธพ
ี เิ ศษ
ในสาขาวิชา.........................................................................
่ นามสกุล ระบุ ฐานันดรศ ักดิ/์
ของ ……....(ชือ
ยศ)................................................
สังกัดภาควิชา/สาขาวิชา.......................................................
คณะ..................................................................มหาวิทยาลัยมหิดล
........................................................
ประว ัติและภาระงาน
ประวัติส่วนต ัว
1.1 วัน เดือน ปี เกิด
........................................................................................
.......
1.2 อายุ.......................ปี เพศ................
1.3 การศึกษาระดับอุดมศึกษา (เรียงจากคุณวุฒส
ิ ู งสุด
ตามลาดับ)
่ าเร็จ
คุณวุฒ ิ
พ.ศ.ทีส
่
ชือสถาบั
นและประเทศ
1.3.1 ......................
......................
..................................
1.3.2 ......................
......................
...................................
1.3.3 ......................
......................
...................................
ประวัติการร ับราชการ/การทางานใน
มหาวิทยาลัยมหิดล
2.1 ปั จจุบน
ั ดารงตาแหน่ ง.................................................
้ั ดารงตาแหน่ งอาจารย ์ เมือวั
่ นที..........
่
2.2 ได้ร ับการแต่งตงให้
เดือน.............................พ.ศ..............
้ั ดารงตาแหน่ งผู ช
2.3 ได้ร ับการแต่งตงให้
้ ว
่ ยศาสตราจารย ์ ใน
สาขาวิชา.............................................
่ ันที..........เดื
่
เมือว
อน.....................พ.ศ..............
้ั ดารงตาแหน่ งรองศาสตราจารย ์ ใน
2.4 ได้ร ับการแต่งตงให้
สาขาวิชา................................................
่ ันที..........เดื
่
เมือว
อน.....................พ.ศ..............
อายุราชการ/การทางาน...............ปี ..............เดือน
ตัวอย่2.1
างปัจจุบนั ดารงตาแหน่ งรองศาสตราจารย ์
2.2 บรรจุ เ ข้า ร บ
ั ราชการต าแหน่ งนั ก วิท ยาศาสตร ์ 4
่ น ที่ 1
กรมวิทยาศาสตร ์การแพทย ์ กระทรวงสาธารณสุ ข เมือวั
เมษายน พ.ศ.2530
2 . 3 โ อ น ม า ร ับ ร า ช ก า รใ น ต า แ ห น่ ง น า ย แ พ ท ย ์ 5
่
โรงพยาบาลศิ ริราช คณะแพทยศาสตร ์ ศิ ริร าชพยาบาล เมือ
วันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ.2537
2.4 ย้า ยมาด ารงต าแหน่ งอาจารย ์ ระดับ 6 ภาควิ ช า
่
อายุรศาสตร ์ คณะแพทยศาสตร ์
ศิริราชพยาบาล เมือ
วันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ.2542
้ั ดารงตาแหน่ งผู ช
2.5 ได้ร ับการแต่งตงให้
้ ว
่ ยศาสตราจารย ์
่ นที่ 26 สิงหาคม พ.ศ.2544
ในสาขาวิชาอายุรศาสตร ์ เมือวั
้ั ด ารงต าแหน่ งรองศาสตราจารย ์
2.6 ได้ร ับการแต่งต งให้
่ นที่ 26 สิงหาคม พ.ศ.2549
ในสาขาวิชาอายุรศาสตร ์ เมือวั
อายุราชการ/ การทางาน 21 ปี 5 เดือน
่ ในปั จจุบน
2.5 ตาแหน่ งอืนๆ
ั (ระบุเฉพาะตาแหน่ งบริหาร
่
หน่ วยงาน/องค ์กร หรือตาแหน่ งทีแสดงความเป็
นผู ท
้ รงคุณวุฒท
ิ ี่
ได้ร ับการยอมร ับจากหน่ วยงาน/องค ์กร/วงวิชาการ/วิชาชีพ)
2.5.1...........................................
2.5.2..........................................
2.5.3...........................................
่ หมายถึง
ตาแหน่ งอืนๆ
่ ร ับการแต่งตังจากองค
้
- ตาแหน่ งบริหารทีได้
์กรของร ัฐ เช่น
มหาวิทยาลัยมหิดล ส่วนราชการภายนอกมหาวิทยาลัย หรือ
่
- ตาแหน่ งทีแสดงความเป็
นผู ท
้ รงคุณวุฒท
ิ ได้
ี่ ร ับการยอมร ับจาก
่
้
หน่ วยงาน องค ์กร/วงวิชาการ/วิชาชีพ
(ไม่ตอ
้ งแนบคาสังแต่
งตัง)
แต่ไม่ได้หมายถึงตาแหน่ งต่างๆ เช่น
- กรรมการเฉพาะกิจ เช่น กรรมการสอบสัมภาษณ์ ฯลฯ
่ ยวข้
่
่ นหน้าทีของ
่
- กรรมการทีเกี
องกับการจัดการเรียนการสอน ซึงเป็
อาจารย ์อยู ่แล้ว เช่น กรรมการควบคุมสอบ กรรมการออกข้อสอบ กรรมการ
่ กษาวิทยานิ พนธ ์ ฯลฯ
อาจารย ์ทีปรึ
่ าหนดใน
ภาระงานย้อนหลัง 3 ปี การศึกษา (ตามทีก
่ วหน้าหน่ วยงาน / หัวหน้าส่วนงาน
มาตรฐานตาแหน่ งและทีหั
มอบหมาย )
3.1 งานสอนในหลักสู ตรของมหาวิทยาลัยมหิดล (ไม่น้อยกว่า
180 ชม.ทาการต่อปี )
ระดับ
หน่ วย ชม.ต่อ ชม.ทาการ
่
่
ชือ
ชือ
ปี
ต่อปี
ภาคการศึกษา/
หลักสู ต รายวิช
ปี การศึกษา
ั ิ บรรย ปฏิบต
ั ิ
ของ
บรรย ปฏิบต
ร
า
หลักสู ตร
าย
าย
................. ............... ............. .............................. ............ ............ ............ ............
....
.
..
......
.
.
.
.
รวมเวลางานสอนในระยะเวลา
3 ปี เท่า............
กับ.........หน่
ยชม.............
.................
............... ............. ..............................
............ ว............
........ชม.ท
าการ
....
.
..
......
.
.
.
.
่ เท่ากับ ................
.................
............... ............. ..............................
............ ............
............
คิดเป็ นเวลางานสอนเฉลี
ย
หน่ ว............
ย ชม.ต่
อปี
....
.
..
.
.
.
.
................
ชม.ท
าการต่
อปี ......
ตัวอย่าง
ระดับ
ของ
หลักสู ต
ร
่
ชือหลั
กสู ตร
ปริญญา แพทยศาสตร
ตรี
บัณฑิตคณะ
แพทยศาสตร ์
โรงพยาบาล
รามาธิบดี
่
งานสอนทัวไป
่
ชือรายวิ
ชา
Basic Cell and Molecular
Medicine (SCID 246)
ภาค
หน่ วย ชม.
ชม. ทา
การศึกษา
ต่อปี
การต่อปี
/ปี
บรรย ปฏิบ ั บรรย ปฏิ
ติ
าย บัต ิ
การศึกษา าย
1/2555
1/2554
1/2553
2/2555
2/2554
Principles of
Pharmacotherapeutics
(SCID 247)
Medical Neuroscience I 1-2/2555
(SCID 251)
1-2/2554
1-2/2553
Medical Neuroscience II 1/2553
(SCID 252)
Medical Genetics (SCID
1/2555
324)
1/2554
พยาบาลศาสตร Basic Physiology (SCPS 1–2/2555
บัณฑิต
202)
1–2/2554
คณะแพทยศาสตร ์
1–2/2553
โรงพยาบาล
รามาธิบดี
2
2
2
2
2
12
14
13
6
6
6
6
6
24
36
24
36
42
39
3
9
2
2
3
12
12
6
6
9
36
36
6
6
6
36
54
36
9
9
9
ตัวอย่าง
ระดับของ
หลักสู ตร
่
งานสอนทัวไป
(ต่อ)
่
ชือหลั
กสู ตร
บัณฑิตศึ วิทยาศาสตร
กษา มหาบัณฑิตและ
ปร ัชญาดุษฎี
บัณฑิต สาขา
สรีรวิทยา
(นานาชาติ)
ปร ัชญาดุษฎี
บัณฑิต สาขา
วิทยาศาสตร ์การ
ออกกาลังกาย
(นานาชาติ)
่
ชือรายวิ
ชา
Physiology
Seminar I (SCPS
606)
Exercise
Genomics
(SCPS 638)
Exercise
Physiology
(SCPS 653)
ภาค
หน่ วย ชม. ชม. ทาการ
การศึกษ
ต่อปี
ต่อปี
า/ปี
ปฏิบ ั บรรย ปฏิบ ั
การศึกษ บรรย
าย
าย
ติ
1/2555
3
6ติ
12
6
า
1/2554
3
6
12
6
1/2553
6
6
24
6
2/2555
6
2/2555
3
12/2554
3
24
3
12
3
12
่
่ั
รวมเวลาสอนทัวไปในระยะเวลา
3 ปี เท่ากับ 230 หน่ วยชวโมง
519
วิทยาศาสตร
Seminar in
่ั
ชวโมงท
าการ
มหาบัณฑิต สาขา
Physiology
of
่
่
่
งานควบคุม
ทร ยานิ พนธ
์ ชา
่
่
ชือหลั
กวิ
สู ต
ชือรายวิ
ตัวอย่าง
ระดับ
ของ
หลักสู ต
ร
บัณฑิตศึ วิทยาศาสตร
กษา มหาบัณฑิต สาขา
สรีรวิทยา
(นานาชาติ)
ภาค
การศึกษา ชม. ทา
/
การต่อปี
ปี
การศึกษา
M.Sc. Thesis (SCPS 698)
1–2/2555
่
อาจารย ์ทีปรึกษาหลัก (Major
1–2/2554
advisor)
1–2/2553
นางสาว
5237012
SCPS/M
่ กษาร่วม
อาจารย ์ทีปรึ
(Co-advisor)
นางสาว
5036086 SCPS/M
สาขาสรีรวิทยาของ M.Sc. Thesis (SCPS 698)
่ กษาหลัก (Major
การออกกาลังกาย อาจารย ์ทีปรึ
(นานาชาติ)
advisor)
นาย
5137151 SCEP/M
1–2/2555
1–2/2554
90
90
15
90
90
ปร ัชญาดุษฎีบณ
ั ฑิต Ph.D. Dissertation (SCPS 699) 1–2/2555
120
่
สาขาสรีรวิทยา
อาจารย ์ทีปรึกษาหลัก (Major
1–2/2554
120
(นานาชาติ
)
advisor)
1–2/2552
40
่ั
คิดเป็ นเวลาควบคุมวิทยานิ พนางสาว
นธ ์ในระยะเวลา
3
ปี
เท่
า
กับ
655
ช
วโมงท
าการ
5337203 SCPS/D
่ เท่ากับ
่ั
นางสาว
5237299
SCPS/D
คิดเป็ นเวลางานควบคุมวิทยานิ
พนธ
์เฉลี
ย
218.33 ชวโมงท
าการต่อ
่
อาจารย ์ทีปรึกษาร่วม (Coปี
advisor)
5137104
SCPS/D
่ั
รวมเวลาสอนในระยะเวลา 3 นางสาว
ปี เท่ากับ 230
หน่ วย
ชม. 1,174 ชวโมงท
าการ
่
คิดเป็ นเวลาสอนเฉลียเท่
ากับ 76.67 หน่ วย ชม. ต่อปี 391.33 ชม. ทาการ
่
่ ่ระหว่างการวิจย
3.2 งานวิจ ัย (โปรดระบุเรืองที
อยู
ั และ
่ ใช้
่ ต่อปี )
ระยะเวลาเฉลียที
พ.ศ.
่
ชือและบทบาทในโครงการวิ
จย
ั
่ าเนิ นการในแต่ละปี พ.ศ.)
(ทีด
แหล่งทุน
ชม.ทาการ
ต่อปี
..............
.....................................................................................
.......................................
.....................
.............
.....................................................................................
.......................................
.....................
.............
.....................................................................................
.......................................
.....................
รวมเวลาทางานวิจย
ั ในระยะเวลา 3 ปี เท่าก ับ............
ชม.ทาการ
่ เท่าก ับ......ชม.ทาการต่อ
คิดเป็ นเวลาทางานวิจย
ั เฉลีย
ปี
ตัวอย่าง
งานวิจ ัย
3.2 งานวิจย
ั
พ.ศ.
่
ชือและบทบาทในโครงการวิ
จย
ั
แหล่งทุน
่ “Biodiesel Production from
2555 1. หัวหน้าโครงการวิจยั เรือง
ทุนมหาวิทยาลัย
Algae” ได ้ร ับทุนวิจยั จานวน 1,000,000 บาท ระยะเวลาการวิจยั
มหิดล
3 ปี (พ.ศ. 2553-2555)
ทุนวิจยั สถาบันวิจยั
่ “Biodiesel Production from
2. หัวหน้าโครงการวิจยั เรือง
และเทคโนโลยีปตท.
Microalgae-Phase II” ได ้ร ับทุนวิจยั จานวน 2,500,000 บาท
บริษท
ั ปตท. จากัด
ระยะเวลาการวิจยั 2 ปี (พ.ศ. 2554-2555)
่ “Biodiesel Production from
2554 1. หัวหน้าโครงการวิจยั เรือง
ทุนมหาวิทยาลัย
Algae” ได ้ร ับทุนวิจยั จานวน 1,000,000 บาท ระยะเวลาการวิจยั
มหิดล
3 ปี (พ.ศ. 2553-2555)
ทุนวิจยั สถาบันวิจยั
่ “Biodiesel Production from
2. หัวหน้าโครงการวิจยั เรือง
และเทคโนโลยีปตท.
Microalgae-Phase II” ได ้ร ับทุนวิจยั จานวน 3,040,000 บาท
บริษท
ั ปตท. จากัด
ระยะเวลาการวิจยั 2 ปี (พ.ศ. 2553-2554)
่ “Selective Biodesulfurization of ทุนมหาวิทยาลัย
2553 1. หัวหน้าโครงการวิจยั เรือง
Organic Sulfur in Petroleum” ได ้ร ับทุนวิจยั จานวน
มหิดล
1,000,000 บาท ระยะเวลาการวิจยั 5 ปี (พ.ศ. 2549-2553)
ทุนวิจยั สถาบันวิจยั
่
2. หัวหน้าโครงการวิจยั เรือง “Biodiesel Production from
และเทคโนโลยีปตท.
รวมเวลาท
างานวิจย
ั ในระยะเวลา
ปี เท่1,290,000
ากับ 970
ชม.ทบริ
าการ
Microalgae-Phase
I” ได ้ร ับทุนวิจยั 3
จานวน
บาท
ษท
ั ปตท. จากัด
่
คิดเป็ นเวลาท
างานวิ
ั (พ.ศ.
เฉลี2553)
ย เท่ากับ 323.33 ชม.ทาการต่อปี
ระยะเวลาการวิ
จยั 1 จ
ปี ย
ชม.ทาการ
ต่อปี
100
250
100
300
100
120
3.3 งานบริการทางวิชาการ (โปรดระบุประเภทของ
่ ใช้
่ ตอ
กิจกรรม และระยะเวลาเฉลียที
่ ปี )
พ.ศ.
ชม.ทาการต่อปี
..........
กิจกรรม
่ าเนิ นการในแต่ละปี พ.ศ.)
(ทีด
....................................................................................
.
...............................
..........
....................................................................................
.
...............................
รวมเวลาทางานบริการทางวิชาการในระยะเวลา 3 ปี เท่ากับ
............... ชม.ทาการ
่ เท่ากับ.........ชม.
คิดเป็ นเวลาทางานบริการทางวิชาการเฉลีย
ทาการต่อปี
่ บต
งานบริการทางวิชาการทีปฏิ
ั ิ
ตัวอย่
า
ง
่
3.3.1 งานบริการทางวิชาการทีปฏิบต
ั เิ ป็ นประจา
เป็ นประจา
พ.ศ.
กิจกรรม
ชม. ทา
การต่อปี
60
12
200
80
36
่
่ กผูป้ ่ วยนอก (OPD)
ตรวจร ักษาผูป้ ่ วยเด็กทัวไปที
ตึ
่
ตรวจร ักษาผูป้ ่ วยเด็กทัวไปในโรงพยาบาลศิ
ริราช
ตรวจร ักษาผูป้ ่ วยเด็กในคลินิกโรคภูมแิ พ้
ดูแลร ักษาผูป้ ่ วยเด็กใน ร.พ. ศิริราช ด ้วยโรคภูมแิ พ้และอิมมูโนวิทยา
้
และร ับปรึกษาทังในและนอกภาควิ
ชา
- Assistant editor วารสาร Asian Pacific Journal of Allergy and
Immunology
่
่ กผูป้ ่ วยนอก (OPD)
2554 - ตรวจร ักษาผูป้ ่ วยเด็กทัวไปที
ตึ
60
่
- ตรวจร ักษาผูป้ ่ วยเด็กทัวไปในโรงพยาบาลศิ
ริราช
12
- ตรวจร ักษาผูป้ ่ วยเด็กในคลินิกโรคภูมแิ พ้
200
- ดูแลร ักษาผูป้ ่ วยเด็กใน ร.พ. ศิริราช ด ้วยโรคภูมแิ พ้และอิมมูโนวิทยา และร ับ
80
้
ปรึกษาทังในและนอกภาควิ
ชา
36
- Assistant editor วารสาร Asian Pacific Journal of Allergy and
Immunology
่
่ กผูป้ ่ วยนอก (OPD)
2553 - ตรวจร ักษาผูป้ ่ วยเด็กทัวไปที
ตึ
60
่
่
รวมเวลาท
างานบริ
การทางวิ
ชาการที
ั เิ ป็ นประจาในระยะเวลา
- ตรวจร
ักษาผูป้ ่ วยเด็
กทัวไปในโรงพยาบาลศิ
รริ าชปฏิบต
12
- ตรวจร ักษาผูป้ ่ วยเด็กในคลินิกโรคภูมแิ พ้
200
3 ปี เท่ากับ
1,128
ชม.
ท
าการ
- ดูแลร ักษาผูป้ ่ วยเด็กในภาควิชากุมาร ร.พ. ศิริราช ด ้วยโรคภูมแิ พ้และอิมมูโน
80
่
่ 376
้ การทางวิช
คิดเป็ นเวลาท
างานบริ
ั เิ ป็ นประจาเฉลีย
วิทยา และร
ับปรึกษาทังในและนอกภาควิ
ชา าการทีปฏิบต
2555 -
ชม. ทาการต่อปี
ตัวอย่าง
่ งคราว
่ บ
้ั บต
งานบริ
การทางวิ
ชต
ั ิ
3.3.2 งานบริการทางวิ
ชาการที
ปฏิ
ั าการที
เิ ป็ นครปฏิ
้ั
เป็ นครงคราว
พ.ศ.
กิจกรรม
ชม. ทา
การต่อปี
50 นาที
่ “Comparison of corticosteroid nasal sprays in relation to
255 1. วิทยากรบรรยาย เรือง
5 concomitant use.” ในการประชุมวิชาการกลางปี สมาคมโรคภูมแิ พ้ โรคหืด และวิทยา
ภูมค
ิ ุ ้มกันแห่งประเทศไทย วันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เวลา 12.00-12.50 น. ณ โรงแรม
พลาซ่าแอททินี กรุงเทพฯ
่ “Challenge in childhood asthma management.” ในการ
2. วิทยากรบรรยาย เรือง
30 นาที
ประชุมวิชาการกุมารเวชกรรม วันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555 เวลา 12.00-12.50 น. ณ
โรงพยาบาลพญาไท 3 กรุงเทพฯ
่ “Comparison of corticosteroid nasal sprays in relation to
255 1. วิทยากรบรรยาย เรือง
50 นาที
4 concomitant use.” ในการประชุมวิชาการกลางปี สมาคมโรคภูมแิ พ้ โรคหืด และวิทยา
ภูมค
ิ ุ ้มกันแห่งประเทศไทย วันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เวลา 12.00-12.50 น. ณ โรงแรม
พลาซ่าแอททินี กรุงเทพฯ
่ “Challenge in childhood asthma management.” ในการ
2. วิทยากรบรรยาย เรือง
50 นาที
ประชุมวิชาการกุมารเวชกรรม วันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2554 เวลา 12.00-12.50 น. ณ
่
้ั
รวมเวลาท
างานบริก3ารทางวิ
ั เิ ป็ นครงคราว
ในระยะเวลา 3 ปี เท่ากับ
โรงพยาบาลพญาไท
กรุงเทพฯ ชาการทีปฏิบต
4.671.ชม.
ทาการ เรือง
่ “Comparison of corticosteroid nasal sprays in relation to
255
วิทยากรบรรยาย
50 นาที
่ สมาคมโรคภู
้ั โรคหืด และวิ
่ เท่ากับ 1.56
คิ3ดเป็concomitant
นเวลาทางานบริ
การทางวิ
าการทีปฏิ
บต
ั เิ ป็ นคร
เฉลี
ย
use.” ในการประชุ
มวิชช
าการกลางปี
มแิ พ้งคราว
ทยา
ชม. ภูทมาการต่
ปี
ค
ิ ุ ้มกันแห่งอประเทศไทย
วันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 12.00-12.50 น. ณ โรงแรม
พลาซ่าแอททิ
นี กรุงเทพฯ
รวมเวลาท
างานบริ
การทางวิชาการในระยะเวลา 3 ปี เท่ากับ 1,132.67 ชม. ทา
่ “Challenge in childhood asthma management.” ในการ
2. วิทยากรบรรยาย เรือง
50 นาที
3.4 งานกิจกรรมนักศึกษา (โปรดระบุประเภทของ
่ ใช้
่ ตอ
กิจกรรม และระยะเวลาเฉลียที
่ ปี )
พ.ศ.
ชม.ทาการต่อปี
กิจกรรม
่ าเนิ นการในแต่ละปี พ.ศ.)
(ทีด
.......... .....................................................................................
...............................
.......... .....................................................................................
...............................
รวมเวลาทางานกิจกรรมนักศึกษาในระยะเวลา 3 ปี เท่ากับ.........
ชม.ทาการ
่ เท่ากับ...........ชม.ทา
คิดเป็ นเวลาทางานกิจกรรมนักศึกษาเฉลีย
การต่อปี
ตัวอย่าง
งานกิจกรรมนักศึกษา
3.4 งานกิจกรรมนักศึกษา
ชม.ทาการ
ต่อปี
่ กษา
2555 1. อาจารย ์ทีปรึ
1
2. งานปฐมนิ เทศนักศึกษาใหม่ระดับบัณฑิตศึกษา
1
3. ร่วมงาน Extern day
1
้ งและร ับแพทย ์ประจาบ ้าน
4.ร่วมงานเลียงส่
1
่ กษา
2554 1. อาจารย ์ทีปรึ
1
2. งานปฐมนิ เทศนักศึกษาใหม่ระดับบัณฑิตศึกษา
1
3. ร่วมงาน Extern day
1
้ งและร ับแพทย ์ประจาบ ้าน
4.ร่วมงานเลียงส่
1
่ กษา
2553 1. อาจารย ์ทีปรึ
1
2. งานปฐมนิ เทศนักศึกษาใหม่ระดับบัณฑิตศึกษา
1
3. ร่วมงาน Extern day
1
้ งและร ับแพทย ์ประจาบ ้าน
4.ร่วมงานเลี
ยงส่
รวมเวลาท
างานกิ
จกรรมนักศึกษาในระยะเวลา 3 ปี1เท่ากับ 12
พ.ศ.
กิจกรรม
ชม.ทาการ
่ เท่ากับ 4 ชม.ทา
คิดเป็ นเวลาทางานกิจกรรมนักศึกษาเฉลีย
การต่อปี
3.5 งานทานุ บารุงศิลปว ัฒนธรรม (โปรดระบุประเภทของ
่ ใช้
่ ตอ
กิจกรรม และระยะเวลาเฉลียที
่ ปี )
พ.ศ.
ทาการต่อปี
กิจกรรม
ชม.
่ าเนิ นการในแต่ละปี พ.ศ.)
(ทีด
.......... .....................................................................................
...............................
.......... .....................................................................................
...............................
รวมเวลาทางานทานุ บารุงศิลปวัฒนธรรมในระยะเวลา 3 ปี เท่ากับ
........ชม.ทาการ
่ เท่ากับ........
คิดเป็ นเวลาทางานทานุ บารุงศิลปวัฒนธรรมเฉลีย
ชม.ทาการต่อปี
ตัวอย่าง
งานทานุ บารุงศิลปว ัฒนธรรม
3.5 งานทานุ บารุงศิลปวัฒนธรรม
พ.ศ.
กิจกรรม
ชม. ทาการ
ต่อปี
2555
1.
รวมกิจกรรมไหว ้ครู
2.
ร่วมกิจกรรมวันสงกรานต ์
3.
ร่วมงานวันเกษียณอายุราชการ
ของบุคลากร
2
1
1
2554
1.
รวมกิจกรรมไหว ้ครู
2.
ร่วมกิจกรรมวันสงกรานต ์
3.
ร่วมงานวันเกษียณอายุราชการ
ของบุคลากร
2
1
1
2553
1.
รวมกิจกรรมไหว ้ครู
2
2.
ร่วมกิจกรรมวันสงกรานต ์
1
่
รวมเวลาทางานเกี
ยวกับงานท
านุ
บ
ารุ
ง
ศิ
ล
ปวัฒนธรรมใน
3.
ร่วมงานวันเกษียณอายุราชการ
1
ลากร
่ั
ระยะเวลา 3 ปีของบุ
เท่าค
กับ
12 ชวโมงท
าการ
่
่
คิดเป็ นเวลาทางานเกียวกับงานท
านุ บารุงศิลปวัฒนธรรมเฉลีย
่ั
เท่ากับ 4 ชวโมงท
าการต่อปี
3.6 งานบริหาร (โปรดระบุงานทีร่ ับผิดชอบโดยตรง และ
่ ใช้
่ ตอ
ระยะเวลาเฉลียที
่ ปี )
พ.ศ.
ชม.ทาการต่อปี
..........
....
..........
....
กิจกรรม
่ าเนิ นการในแต่ละปี พ.ศ.)
(ทีด
.................................................................................
...............................
.................................................................................
...............................
รวมเวลาทางานบริหารในระยะเวลา 3 ปี เท่ากับ................
ชม.ทาการ
่ เท่ากับ..............ชม.ทาการ
คิดเป็ นเวลาทางานบริหารเฉลีย
ต่อปี
ตัวอย่าง
งานบริหาร
3.6 งานบริหาร
พ.ศ.
กิจกรรม
่ าเนิ นการในแต่ละปี พ.ศ.)
(ทีด
2555 หัวหน้าภาควิชา...
2554 หัวหน้าภาควิชา...
2553 หัวหน้าภาควิชา...
ชม.ทาการ
ต่อปี
48
48
48
รวมเวลาทางานบริหารในระยะเวลา 3 ปี เท่ากับ 144 ชม.
ทาการ
่ เท่ากับ 48 ชม.ทาการต่อ
คิดเป็ นเวลาทางานบริหารเฉลีย
ปี
่ ทีได้
่ ร ับมอบหมายจากหัวหน้าหน่ วยงาน /
3.7 งานอืนๆ
หัวหน้าส่วนงาน
่ ใช้
่ ตอ
(โปรดระบุประเภทของงาน และระยะเวลาเฉลียที
่ ปี )
พ.ศ.
กิจกรรม
ชม.ทาการต่อปี
่ าเนิ นการในแต่ละปี พ.ศ.)
(ทีด
.......... .....................................................................................
...............................
.......... .....................................................................................
...............................
่ ทีได้
่ ร ับมอบหมายจากหัวหน้าหน่ วยงาน/หัวหน้าส่วนงาน
รวมเวลาทางานอืนๆ
ในระยะเวลา 3 ปี เท่ากับ............ชม.ทาการ
่ ทีได้
่ ร ับมอบหมายจากหัวหน้าหน่ วยงาน/หัวหน้าส่วน
คิดเป็ นเวลาทางานอืนๆ
่ เท่ากับ...............ชม.ทาการต่อปี
งานเฉลีย
ตัวอย่
่ ๆ ทีได้
่ ร ับมอบหมายจาก
งานอื
น
่ ๆ ทีได้
่ ร ับมอบหมายจากหัวหน้า
3.7 งานอื
น
าง
หัวหน้าหน่ วยงาน
หน่ วยงาน
พ.
ศ.
กิจกรรม
ชม.ทา
การต่อปี
255 1.
กรรมการประกันคุณภาพการศึกษาของ
1
5
ภาควิชา... คณะ...
1
2.
คณะกรรมการพัฒนาการเรียนการสอน
1
คณะ...
1
3. คณะกรรมการจริยธรรมการวิจยั ในคน คณะ...
1
4. คณะกรรมการบริหารหลักสูตร...
5. คณะกรรมการประเมินผลการปฏิบต
ั งิ านของ
บุคลากร ภาควิชา...
255 1.
กรรมการประกันคุณภาพการศึกษาของ
1
4
ภาควิชา... คณะ...
1
2.
คณะกรรมการพัฒนาการเรียนการสอน
1
คณะ...
1
3. คณะกรรมการจริยธรรมการวิจยั ในคน คณะ...
1
4. คณะกรรมการบริหารหลักสูตร...
5. คณะกรรมการประเมินผลการปฏิบต
ั งิ านของ
บุคลากร ภาควิชา...
255 1.
กรรมการประกั
นคุณภาพการศึกษาของ
1
่
่
รวมเวลาท
างานอื
นๆ
ที
ได้
ร
ับมอบหมายจากหั
ว
หน้
า
หน่
ว
ยงานใน
3
ภาควิชา... คณะ...
1
่ั
2. 3 ปี เท่คณะกรรมการพั
ฒนาการเรี
1
ระยะเวลา
ากับ 15 ชวโมงท
าการ ยนการสอน
คณะ...
่ ทียได้
่ ธรรมการวิ
่ เท่ากับ 5 ชม. ท1
คิดเป็ นเวลาท
างานอืนๆ
ร ับมอบหมายเฉลี
ย
3. คณะกรรมการจริ
จยั ในคน คณะ...
1าการต่อ
้
รวมภาระงานทังหมดในระยะเวลาสามปี
เท่ากับ......ชม.ทาการ
(รวม ชม.ทาการของภาระงานสอน)
้
่
คิดเป็ นภาระงานทังหมดเฉลี
ยเท่
ากับ..........ชม.ทาการต่อปี (ไม่
น้อยกว่า 1,380 ชม.ทาการ)
่ั
ควรตรวจสอบการคิดจานวนชวโมงรวมเวลาการ
ทางานทุกหัวข้อให้ถูกต้อง
่ั
(มักคานวณชวโมงผิ
ด)
่
่
4. ผลงานทางวิชาการทีเสนอเพื
อประกอบการพิ
จารณา
้ ดารงตาแหน่ ง
แต่งตังให้
.......ผู ช
้ ว
่ ยศาสตราจารย ์ ........รองศาสตราจารย ์
...........ศาสตราจารย ์
้ ับผลงานทีได้
่ เคยใช้สาหร ับการพิจารณา
(ต้องไม่ซาก
้ั ดารงตาแหน่ งทางวิชาการของตนเองทีได้
่ ร ับมาแล้ว
แต่งตงให้
่ นหลั
้
้ั ดารงตาแหน่ ง
และจะต้องมีผลงานเพิมขึ
งจากได้ร ับแต่งตงให้
ดังกล่าว)
ให้เสนอโดยเขียนตามระบบ Vancouver สาหร ับผลงาน
ทางสาขาวิทยาศาสตร ์และเทคโนโลยี หรือระบบ American
่
Psychological Association สาหร ับผลงานทางสาขาอืน
กรณี มผ
ี ู ร้ ว่ มงานหลายคน ให้ผูร้ ว่ มงานทุกคนลงนาม
ร ับรองการมีส่วนร่วมในผลงานตามแบบแสดงหลักฐานการมีส่วน
ร่วม แบบ ม.ม.003/1)
4.1 ผลงานทางวิชาการ
4.1.1 งานวิจ ัย (ดู คาจากด
ั ความและเงื่อนไข)
4.1.1.1.
.............................................................................. (มีส่วนร่วม
ร ้อยละ............)
้
้ั าแหน่ ง
งานวิจ ัยนี เคยใช้
สาหร ับการพิจารณาแต่งตงต
่
้ั
้ั )........................มาแล้
้
...(ระบุชอต
ื่ าแหน่ งทีขอแต่
งตงคร
งนี
ว
หรือไม่
..........ไม่เคยใช้
่ พ.ศ................... คุณภาพอยู ่ใน
...........เคยใช้ เมือ
ระด ับ..........
้ ใช่งานวิจย
่ นส่วนหนึ่งของ
……....งานวิจย
ั นี มิ
ั ทีเป็
วิทยานิ พนธ ์
ตัวอย่
งานวิจ ัย
าง 4.1.1.1 Laohapitakworn
S, Thongbunchoo J,
Nakkrasae L, Krishnamra N, Charoenphandhu N.
Parathyroid hormone (PTH) rapidly enhances CFTRmediated HCO3– secretion in intestinal epithelium-like
Caco-2 monolayer: a novel ion regulatory action of PTH.
Am J Physiol Cell Physiol. 2011;301(1):C137–49.
(Impact Factor 2010: 3.817)
(มีส่วนร่วมร ้อยละ 60
และเป็ น Corresponding
author)
้
้ั าแหน่ ง
งานวิจ ัยนี เคยใช้
สาหร ับการพิจารณาแต่งตงต
่
..(ให้ระบุชอต
ื่ าแหน่ งทีเสนอขอ)...
มาแล้วหรือไม่
...ไม่เคยใช้
่ พ.ศ. ……… คุณภาพอยู ่ในระดับ...
...เคยใช้เมือ
้ ใช่งานวิจ ัยทีเป็
่ นส่วนหนึ่ งของวิทยานิ พนธ ์
...งานวิจ ัยนี มิ
่ (ดูคา
4.1.2 ผลงานทางวิชาการในลักษณะอืน
จาก ัดความและเงื่อนไข)
4.1.2.1........................................................................
.......(มีส่ ว นร่ว มร อ
้ ยละ............) ได้เ ผยแพร่สู่ ส าธารณชน
้ั
ต งแต่
.....(อย่ า งน้ อ ย 4 เดือ นมาแล้ว )....................................
และคณะกรรมการของ..(ระบุ มหาวิทยาลัยมหิดล/ส่วนงาน/
สถาบัน ทางวิช าการที่เกี่ยวข้อ งกับ สาขาวิ ช าที่ขอแต่ ง ต ง้ั
่ นที่
..................) ได้ตรวจสอบและร ับรองการเผยแพร่แล้ว เมือวั
......... เดือน.....................พ.ศ..................... (ให้ส่งหลักฐาน
มาประกอบการพิจารณาด้วย)
่ ้เคยใช้สาหร ับการ
ผลงานทางวิชาการในลักษณะอืนนี
้ั าแหน่ ง…..... (ระบุชอต
่
พิจารณาแต่งตงต
ื่ าแหน่ งทีขอแต่
งตง้ั
้ั )...............มาแล้
้
ครงนี
วหรือไม่
..........ไม่เคยใช้
่ พ.ศ................... คุณภาพอยู ่ใน
...........เคยใช้ เมือ
4.1.3 ตารา (ดูคาจาก ัดความและเงื่อนไข)
4.1.3.1 ….................................................................(มี ส่ ว น ร่ ว ม
ร ้ อ ย ล ะ ................) ไ ด้ ใ ช้ ใ น ก า ร เ รี ย น ก า ร ส อ น ร า ย วิ ช า
............................................รหัส ......................หลัก สู ตร..........................
้
ตังแต่
...................(อย่างน้อย 1 ภาคการศึกษามาแล้ว) ................. มีจานวน
พิมพ ์........เล่ม และคณะกรรมการของ.....(ระบุ มหาวิท ยาลัย มหิด ล/ส่วน
่ ยวข้
่
่
้
งาน/สถาบัน ทางวิช าการทีเกี
อ งกับ สาขาวิช าทีขอแต่
ง ตัง...............)
่ นที......................เดื
่
......ได้ตรวจสอบและร ับรองการเผยแพร่แล้ว เมือวั
อน
................................พ.ศ...................
(ให้ส่ ง หลัก ฐานมาประกอบการ
พิจารณาด้วย)
้
้ าแหน่ ง...(ระบุชอ
ตารานี เคยใช้
สาหร ับการพิจารณาแต่งตังต
ื่
่
้
้ั )........................มาแล้
้
ตาแหน่ งทีขอแต่
งตังคร
งนี
วหรือไม่
..........ไม่เคยใช้
่ พ.ศ................... คุณภาพอยู ่ในระดับ..........
...........เคยใช้ เมือ
่
4.1.3 ตารา กรณี เขียน 1 เรือง
จาก 1 เล่ม
ตัวอย่4.1.3.1
าง ตฉวีารา
ว รรณ บุ น นาค, พีร พัน ธ ์ เจริญ ชาศรี. การ
ตรวจประเมินอาการคัดแน่ นจมู ก. ใน : ปกิต วิชยานนท ์, สุกญ
ั ญา
โพธิกาจร, เกียรติ ร ักษ ์รุง่ ธรรม, บรรณาธิการ. Allergy 2000’s :
ตาราโรคภู มแ
ิ พ้. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ ์ชวนพิมพ ์ ; 2541. หน้า
315-326. (มีส่วนร่วมร ้อยละ 50)
ได้ใ ช้ใ นการเรีย นการสอนรายวิช า โสต นาสิก ลาริง ซ ์
้ั
วิทยา รหัสวิชา ศรสน 511 หลักสู ตรแพทยศาสตรบัณฑิตตงแต่
ปี การศึกษา พ.ศ.2548
มีจานวนพิมพ ์ 2,000 เล่ ม และ
คณ ะ ก ร ร ม ก า ร ข อ ง ภ า ค วิ ช า โส ต น า สิ ก ล า ริง ซ ์ วิ ท ย า ไ ด้
ตรวจสอบและร บ
ั รองการเผยแพร่แ ล้ว เมื่อวัน ที่ 15 มิถุ น ายน
2553 (แนบหลักฐานมาด้วย)
้
้ั าแหน่ งรอง
ตารานี เคยใช้
สาหร ับการพิจารณาแต่งตงต
ศาสตราจารย ์มาแล้วหรือไม่
…... ไม่เคยใช้
่ พ.ศ. ............คุณภาพอยู ่ในระดับ
..............เคยใช้ เมือ
....................
ตัวอย่าง
ตารา (ต่อ)
่
้
กรณี เขียน 2 เรืองขึ
นไปจาก
1 เล่ม
่ ารา Allergy 2000’s : ตาราโรค
ชือต
ภู มแ
ิ พ้
่ จานวน 24 หน้า)
(รวม 2 เรือง
4.1.3.2 ตัวอย่างเช่นข้อ 4.1.3.1
4.1.3.3 พีรพันธ ์ เจริญชาศรี, ฉวีวรรณ
่
บุนนาค. โรคจมู กอ ักเสบชนิ ดไม่แพ้. ใน : ตาราเรือง
เดียวกัน. หน้า 355 – 366. (มีส่วนร่วมร ้อยละ 40)
4.1.4 หนังสือ (ดูคาจาก ัดความและเงื่อนไข)
4.1.4.1.................................................................. (มี
้ั
ส่ ว นร่ว มร อ
้ ยละ............) ได้เ ผยแพร่ สู่ ส าธารณชนต งแต่
.....(อ ย่ า ง น้ อ ย 4 เ ดื อ น ม า แ ล้ ว )...................................มี
จานวนพิมพ ์......เล่ม และคณะกรรมการของ…..............(ระบุ
่ ยวข้
่
มหาวิทยาลัยมหิดล/ส่วนงาน/สถาบันทางวิชาการทีเกี
อง
้ั
กับ สาขาวิช าที่ขอแต่ ง ต ง)…..ได้
ต รวจสอบและร บ
ั รองการ
เผยแพร่แ ล้ว เมื่อวัน ที่.........เดือ น..................พ.ศ..............
(ให้ส่งหลักฐานมาประกอบการพิจารณาด้วย)
้ั าแหน่ ง
หนังสือ นี ้เคยใช้ส าหร ับการพิจ ารณาแต่ง ต งต
่
้ั
้ั ้)........................มาแล้ว
...(ระบุ ช อต
ื่ าแหน่ งทีขอแต่
ง ต งคร
งนี
หรือไม่
..........ไม่เคยใช้
่ พ.ศ................... คุณภาพอยู ่ใน
...........เคยใช้ เมือ
ระด ับ..........
4.1.4 หนังสือ
ตัวอย่าง หนังสือ
4.1.4.1 ฉวีวรรณ บุนนาค. ไซนัสอก
ั เสบและโรคจมู ก
อก
ั เสบภู มแ
ิ พ้. ใน : พีรพันธ ์
เจริญชาศรี, สงวนศ ักดิ ์ ธนาวิร ัต
นานิ จ ,
ฉวีวรรณ บุ นนาค,
บรรณาธิการ. ไชนัส อ ก
ั เสบ
Rhinosinusitis. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ ์ Pentagon Advertising
Limited Partnership ; 2553. หน้า 271–284. (มีส่วนร่วมร ้อย
ละ 100)
้ั
ได้เ ผยแพร่สู่ ส าธารณชน ต งแต่
1 มกราคม 2553. มี
จ านวนพิม พ ์ 1,000 เล่ ม และคณะกรรมการของภาควิช าโสต
นาสิก ลาริง ซ ์ วิท ยา ได้ต รวจสอบและร บ
ั รองการเผยแพร่แ ล้ว
่ นที่ 15 มิถุนายน 2553 (แนบหลักฐานมาด้วย)
เมือวั
้
้ั าแหน่ งรอง
หนังสือนี เคยใช้
สาหร ับการพิจารณาแต่งตงต
ศาสตราจารย ์................มาแล้วหรือไม่
.................ไม่เคยใช้
่ พ.ศ. ............คุณภาพอยู ่ในระดับ
..............เคยใช้ เมือ
..................
4.1.5 บทความทางวิชาการ (ดูคาจาก ัด
ความและเงื่อนไข)
4.1.5.1..........................................................
..........(มีส่วนร่วมร ้อยละ...................................)
้
สาหร ับการ
บทความทางวิชาการนี เคยใช้
้ าแหน่ ง…… ….. (ระบุชอต
พิจารณาแต่งตังต
ื่ าแหน่ งที่
้
ขอแต่งตัง)............มาแล้
วหรือไม่
..........ไม่เคยใช้
่ พ.ศ................... คุณภาพ
...........เคยใช้ เมือ
อยู ่ในระดับ..........
4.1.5 บทความทางวิชาการ (ดูคาจากัด
ความและเงื่อนไข)
่ แ
4.1.5.1 ชือผู
้ ต่ง. Bleeding disorder in
dengue patients. J Trop Med Parasitol. 2012
; 35 (1) : 27-36. (มีส่วนร่วมร ้อยละ 100)
้
บทความทางวิชาการนี เคยใช้
สาหร ับการ
้ าแหน่ ง… …….. (ระบุชอ
พิจารณาแต่งตังต
ื่
่
้
ตาแหน่ งทีขอแต่
งตัง)............มาแล้
วหรือไม่
.........ไม่เคยใช้
่ พ.ศ...................
...........เคยใช้ เมือ
คุณภาพอยู ่ในระดับ..........
่
้
่
5. ผลงานทางวิชาการทีเคยเสนอ
(ทังหมด)
เพือประกอบการ
้ั าแหน่ งทางวิชาการ
พิจารณาแต่งตงต
(ให้เสนอโดยเขียนตามระบบ Vancouver สาหร ับผลงานทางสาขา
วิทยาศาสตร ์และเทคโนโลยี หรือระบบ American Psychological
่
Association สาหร ับผลงานทางสาขาอืน)
่
่
5.1 ผลงานทางวิชาการทีเคยเสนอเพื
อประกอบการพิ
จารณาตาแหน่ งผู ช
้ ว
่ ย
ศาสตราจารย ์
5.1.1 งานวิจย
ั
5.1.1.1 .......................................
5.1.1.2 .......................................
่
5.1.2 ผลงานทางวิชาการในลักษณะอืน
5.1.2.1 .......................................
5.1.2.2 .......................................
5.1.3 ตารา
5.1.3.1.......................................
5.1.3.2.......................................
5.1.4 หนังสือ
5.1.4.1 .......................................
5.1.4.2 .......................................
5.1.5 บทความทางวิชาการ
5.1.5.1 .......................................
่
่
5.2 ผลงานทางวิชาการทีเคยเสนอเพื
อประกอบการพิ
จารณา
ตาแหน่ งรองศาสตราจารย ์
5.2.1 งานวิจ ัย
5.2.1.1 …..........................................
5.2.1.2 …..........................................
่
5.2.2 ผลงานทางวิชาการในลักษณะอืน
5.2.2.1 …..........................................
5.2.2.2 …..........................................
5.2.3 ตารา
5.2.3.1 …..........................................
5.2.3.2 …..........................................
5.2.4 หนังสือ
5.2.4.1 …..........................................
5.2.4.2 …..........................................
5.2.5 บทความทางวิชาการ
5.2.5.1.............................................
่
่
6. เอกสารการสอนทีเสนอเพื
อประกอบการ
้ั ดารงตาแหน่ ง
พิจารณาแต่งตงให้
.......ผู ช
้ ว
่ ยศาสตราจารย ์ ........รอง
ศาสตราจารย ์
้ั าแหน่ งผู ช
6.1 เอกสารประกอบการสอน (เฉพาะการขอแต่งตงต
้ ว
่ ย
้ ดู คาจากด
ศาสตราจารย ์เท่านัน
ั ความและเงื่อนไข)
่
6.1.1 เรือง.................................................รายวิ
ชา
.....................................รหัสวิชา.............. หลักสู ตร
้ั ที่
.......................สาหร ับนักศึกษาระดับ......................ชนปี
้ั
............. ใช้ในการเรียนการสอนตงแต่
ภาคการศึกษาที่
..................ปี การศึกษา พ.ศ. ......... (มีส่วนร่วมร ้อยละ..........)
้ั าแหน่ งรอง
6.2 เอกสารคาสอน (เฉพาะการขอแต่งตงต
้ ดู คาจากด
ศาสตราจารย ์เท่านัน
ั ความและเงื่อนไข)
่
6.2.1 เรือง.................................................รายวิ
ชา
.....................................รหัสวิชา.............. หลักสู ตร
้ั ที่
.......................สาหร ับนักศึกษาระดับ......................ชนปี
ตัวอย่าง
เอกสารคาสอน
6.2 เอกสารคาสอน
่
6.2.1 เรืองจมู
กอก
ั เสบภู ม ิแ พ้ รายวิช า
โสต นาสิก ลาริงซ ์วิทยา
รหัสวิชา ศร
สน. 511 หลักสู ตรแพทยศาสตรบัณฑิต
้ั ที่ 5
สาหร ับนักศึกษาระดับปริญญาตรี ชนปี
ใช้ในการ
้
เรียนการสอนตังแต่
ภาคการศึกษาที่ 1
ปี การศึกษา พ.ศ.
2548 (มีส่วนร่วมร ้อยละ 100)
ข้
า
พ
เ
จ้
า
(ชื่
อ
นามสกุ ล )..................................................................................ขอร บ
ั รองว่ า
ข้อความดังกล่าวข้างต้นเป็ นความจริงทุกประการ และข้าพเจ้าร ับทราบแล้วว่า
ห า กต ร วจ พ บ เ มื่ อใ ด ก็ ต า ม ว่ า ข้า พ เ จ้า กร ะ ท า ก า ร อ ัน ทุ จ ริตใ น กา ร แ จ้ง
คุณสมบัตเิ ฉพาะสาหร ับตาแหน่ ง หรือระบุการมีส่วนร่วมในผลงานไม่ต รงกับ
ความเป็ นจริง หรือข้าพเจ้าลอกเลียนผลงานของผู อ
้ น
ื่ หรือนาเอาผลงานของ
่
ผู อ
้ นมาอ้
ื่
างว่าเป็ นผลงานของข้าพเจ้าเองแม้แต่บางส่วน หรือผลงานทีเสนอมา
้ นการกระทาอน
นี เป็
ั เป็ นการละเมิดทร ัพย ์สินทางปั ญญาอน
ั กฎหมายระบุวา
่ เป็ น
่ ประเมินผลการสอน
ความผิด ไม่วา
่ จะเป็ นผลงานทางวิชาการหรือเอกสารทีใช้
ข้าพเจ้ายินดีร ับการลงโทษตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัยมหิดล และข้าพเจ้า
่
....................มีความประสงค ์ขอทราบชือคณะกรรมการผู
ท
้ รงคุณวุฒ ิ
่
ผู ท
้ าหน้ า ทีประเมิ
น ผลงานทางวิช าการ และจริย ธรรมและจรรยาบรรณทาง
่ ต้
้ องได้ร ับความยินยอมจาก
วิชาการ ข้าพเจ้าร ับทราบแล้วว่า การเปิ ดเผยชือนี
้
กรรมการผู ท
้ รงคุณวุฒก
ิ อ
่ น และการแต่งตังกรรมการผู
ท
้ รงคุณวุฒผ
ิ ูท
้ าหน้าที่
ประเมินผลงานทางวิชาการ และจริยธรรมและจรรยาบรรณทางวิชาการจะต้อง
้
่
้
แต่งตังจากผู
ท
้ ยิ
ี่ นยอมให้เปิ ดเผยชือเท่
านัน
.....................ไ ม่ มี ค ว า ม ป ร ะ ส ง ค ์ข อ ท ร า บ ชื่ อ ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร
ผู ท
้ รงคุ ณ วุ ฒ ิผู ท
้ าหน้ า ที่ประเมิน ผลงานทาง วิช าการ และจริย ธรรมและ
จ ร ร ย า บ ร ร ณ ท า ง วิ ช า ก า ร แ ล ะ จ ะ ไ ม่ เ รี ย ก ร ้อ งใ ห้ ม ี ก า ร เ ปิ ด เ ผ ย ชื่ อ
คณะกรรมการผู ้ท รงคุ ณ วุ ฒ ิฯ ไม่ ว่ า กรณี ใดๆ และขอสละสิท ธิใ นการ
้ กประการ
เรียกร ้องนี ทุ
่
ลงชือ.......................................................เจ้
าของประวัติ
ส่วนที 2 แบบประเมินคุณสมบัตโิ ดยผู บ
้ งั คับบัญชา
้ั ดารงตาแหน่ ง ........ผู ช
แบบประเมินแต่งตงให้
้ ว
่ ยศาสตราจารย ์..........รองศาสตราจารย ์
โดย..........วิธป
ี กติ ........... แบบที่ 1 ............ แบบที่ 2
.........วิธพ
ี เิ ศษ ........... แบบที่ 1 ............ แบบที่ 2
.............ศาสตราจารย ์ โดย..........วิธป
ี กติ ......วิธท
ี ี่ 1
......วิธท
ี ี่ 2
.........วิธพ
ี เิ ศษ
ในสาขาวิชา........................................................
ของ ……...................................................
สังก ัดภาควิชา/สาขาวิชา.......................................................
คณะ..................................................................มหาวิทยาลัยมหิดล
.............................................................
ผู บ
้ งั ค ับบัญชาระด ับหัวหน้าภาควิชาหรือเทียบเท่า
ข้าพเจ้า...............................................................................................................
ตาแหน่ ง.............................................................................................................
ได้ตรวจสอบคุณสมบัตเิ ฉพาะตาแหน่ ง …..ผู ช
้ ว
่ ยศาสตราจารย ์ .....รองศาสตราจารย ์ .....
่ ข
้ั
ศาสตราจารย ์ แล้ว เห็นว่า........(ชือผู
้ อแต่งตง).............
่
1. เป็ นผู ม
้ ค
ี ณ
ุ สมบัต ิ …..ครบถ้วน .....ไม่ครบถ้วน ตามคุณสมบัตเิ ฉพาะสาหร ับตาแหน่ งทีขอ
้ั
แต่งตงตาม
่ าหนด
หลักเกณฑ ์ทีก
่ าหนดในมาตรฐานตาแหน่ งได้ครบถ้วน และมีชวโมงปฏิ
่ั
2. ปฏิบต
ั ภ
ิ าระงานตามทีก
บต
ั ภ
ิ าระงาน
่ั
ด ังกล่าวรวมไม่น้อยกว่าปี ละ 1,380 ชวโมงท
าการ
่ั
่ั
โดยมีจานวนชวโมงตามภาระงานสอนไม่
น้อยกว่า 180 ชวโมงท
าการ
3. มีคณ
ุ ธรรม และประพฤติตามจรรยาบรรณของอาจารย ์
่
4. แบบคาขอแต่งตง้ั และผลงานทางวิชาการทีเสนอถู
กต้อง
่
ลงชือ.................................................................
(....................................................)
ตาแหน่ ง...............................................................................
่
ความเห็นผู บ
้ งั คับบัญชาระดับหัวหน้าส่วนงานหรือ
เทียบเท่า
ข้าพเจ้า..........................................................................................................
.
ตาแหน่ ง........................................................................................................
่
ได้ตรวจสอบแบบคาขอแต่งตัง้ ผลงานทางวิชาการทีเสนอ
และผลการ
้ั นแล้ว
ประเมินผลการสอนในชนต้
่ ข
้
........(ชือผู
้ อแต่งตัง)......................................................
เป็ นผู ม
้ ผ
ี ลการสอน
ในระดับดังนี ้
่
การสอน อยู ่ในระดับ
.........ตากว่
าชานาญ ........ชานาญ .......
่
ชานาญพิเศษ ......เชียวชาญ
เอกสารการสอน
จานวน
........อยู ่ในเกณฑ ์ ......ไม่อยู ่ในเกณฑ ์
่
คุณภาพอยู ่ในระดับ ........ตากว่
าดี
.......ดี
.......ดีมาก
......ดีเด่น
่ ข
้
เห็นว่า........(ชือผู
้ อแต่งตัง)......................................................
เป็ นผู ม
้ ี
่
้ ดารงตาแหน่ ง …..
คุณสมบัต ิ …..เข้าข่าย .....ไม่เข้าข่าย ทีจะได้
ร ับแต่งตังให้
ผู ช
้ ว
่ ยศาสตราจารย ์ .....รองศาสตราจารย ์ .....ศาสตราจารย ์ และสมควรให้
คณะกรรมการพิจารณาตาแหน่ งทางวิชาการ มหาวิทยาลัยมหิดลดาเนิ นการ
ต่อ
่
ขอให้ประสบ
ความสาเร็จทุกท่าน
ขอบคุ
ณค่ะ