หม้อน้ำและถังแรงดัน (ปรับปรุง)

Download Report

Transcript หม้อน้ำและถังแรงดัน (ปรับปรุง)

ควำมปลอดภัยในกำรทำงำนเกีย่ วกับ
หม้ อนำ้ และถังควำมดัน
หม้ อนำ้ เป็ นเครื่ องกำเนิ ดไอน้ ำหรื อน้ ำร้อนที่มีอุณหภูมิและควำมดันสู งกว่ำบรรยำกำศ
ปกติ ภำยในภำชนะปิ ดสนิ ท โดยไอน้ ำเกิดจำกน้ ำที่ได้รับกำรถ่ำยเทควำมร้อนจำกกำรเผำไหม้
ของเชื้อเพลิงจนกระทัง่ กลำยเป็ นไอ สำมำรถนำไอไปใช้ในงำนอุตสำหกรรมต่ำงๆ มำกมำย
ได้แก่ โรงไฟฟ้ ำ โรงน้ ำตำล โรงผลิตอำหำรกระป๋ อง โรงพยำบำล โรงสี ขำ้ ว โรงแรม เป็ นต้น
1. Boilers
In its simplest definition, a boiler is a vessel in which water is
heated by combustion of fuel to from steam, hot water, or high
temperature water ( HTW) under pressure.
1. กฎหมำยควำมปลอดภัยที่เกีย่ วข้ องกับหม้ อนำ้
1.1 พระรำชบัญญัตโิ รงงำน พ.ศ.2535
สำระสำคัญ : ใช้แทน พระรำชบัญญัติ เดิม 3 ฉบับ ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2512, ฉบับที่2
พ.ศ. 2518 และฉบับที่ 3 พ.ศ. 2522) เพื่อใช้ควบคุมกำรประกอบกิจกำรโรงงำนโดยรวม
1.2 ประกำศกระทรวงอุตสำหกรรม ฉบับที่ 18 (พ.ศ. 2528) เรื่องหน้ ำทีข่ องผู้รับ
ใบอนุญำต ประกอบกิจกำรโรงงำน
ตำมพระรำชบัญญัติโรงงำน พ.ศ. 2512 ประกำศ ณ วันที่ 20 กุมภำพันธ์ 2528
แบ่งออกเป็ น 7 ข้อ มีสำระสำคัญคือ :
* ข้อกำหนดเฉพำะหม้อไอน้ ำต้องติดตั้งอุปกรณ์สำคัญพื้นฐำน
* ต้องมีกำรทดสอบหม้อไอน้ ำอย่ำงน้อยปี ละครั้ง
* หม้อไอน้ ำที่มีกำลังกำรผลิตมำกกว่ำ 20 ตันต่อชัว่ โมง จะต้องมีวศิ วกรเครื่ องกลควบคุม
และอำนวยกำรใช้หม้อไอน้ ำ (หำกน้อยกว่ำ 20 ตันต่อชัว่ โมง ผูค้ วบคุมหม้อไอน้ ำประจำ จะต้อง
เป็ น ประกำศนียบัตรวิชำชีพชั้นสู ง (ปวส.) สำขำช่ำงกลโรงงำน หรื อช่ำงยนต์ หรื อผูช้ ำนำญงำน
ที่ผำ่ นกำรอบรมจำกกรมโรงงำนอุตสำหกรรม หรื อสถำบันอื่นที่รับรอง)
1.3 ระเบียบกรมโรงงำนอุตสำหกรรม พ.ศ.2528 ว่ ำด้ วยเรื่องกำรขึน้ ทะเบียนเป็ นวิศวกร
ควบคุมและอำนวยกำรใช้ หม้ อไอนำ้ วิศวกรตรวจสอบหม้อไอน้ ำหรื อหม้อต้มที่ใช้ของเหลว เป็ น
สื่ อนำควำมร้อนวิศวกรควบคุมกำรสร้ำงหรื อซ่อมหม้อไอน้ ำหรื อหม้อต้มที่ใช้ของเหลว เป็ นสื่ อ
นำควำมร้อน และผูค้ วบคุมประจำหม้อไอน้ ำหรื อหม้อต้มที่ใช้ของเหลว เป็ นสื่ อนำควำมร้อน
และผูค้ วบคุมประจำหม้อไอน้ ำหรื อหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็ นสื่ อนำควำมร้อน กระทรวง
อุตสำหกรรม แบ่งออกเป็ น 8 ข้อ มีสำระสำคัญคือ :
* กำรวำงระเบียบและวิธีกำรขึ้นทะเบียน เป็ นวิศวกรควบคุมและอำนวยกำรใช้หม้อไอ
น้ ำ วิศวกรตรวจทดสอบหม้อไอน้ ำหรื อหม้อต้มฯ วิศวกรควบคุมกำรสร้ำงหรื อซ่อมหม้อไอน้ ำ
หรื อหม้อต้มฯ
ผูค้ วบคุมประจำหม้อไอน้ ำหรื อหม้อต้มฯ
* คุณสมบัติของผูข้ อขึ้นทะเบียน วิธีกำรขึ้นทะเบียนและหน้ำที่รับผิดชอบฯลฯ
1.4 ประกำศกระทรวงมหำดไทย เรื่องควำมปลอดภัยในกำรทำงำนเกีย่ วกับ
หม้ อนำ้ ประกำศ ณ วันที่ 21 ตุลำคม พ.ศ.2534 แบ่งออกเป็ น 6 หมวด
ประกอบด้วย
หมวด 1 ข้อกำหนดทัว่ ไป
หมวด 2 กำรติดตั้งหม้อน้ ำและอุปกรณ์
หมวด 3 คณะกรรมกำรที่ปรึ กษำเกี่ยวกับหม้อน้ ำ
หมวด 4 กำรควบคุม
หมวด 5 กำรคุม้ ครองควำมปลอดภัยส่ วนบุคคล
หมวด 6 เบ็ดเตล็ด
มีสำระสำคัญคือ : กล่ำวถึงมำตรฐำนที่ใช้อำ้ งอิงเช่น ISO, ASME, JIS, DIN,
BS และอื่นๆและข้อปฏิบตั ิเมื่อเกิดอุบตั ิเหตุ
2. นิยำม
2.1 ไอนำ้ หรือสตีม (Steam) หมำยถึง ไอน้ ำที่ได้จำกกำรต้มน้ ำให้เดือดกลำยเป็ นไอ
กำรต้มน้ ำในภำชนะเปิ ดที่อุณหภูมิ 212 องศำฟำเรนไฮต์ หรื อ 100 องศำเซลเซียส น้ ำจึง
กลำยเป็ นไอ แต่ถำ้ เป็ นกำรต้มน้ ำในภำชนะปิ ด ไอน้ ำที่เกิดขึ้นไม่มีทำงออก อัดตัวกันเกิด
เป็ นควำมดันขึ้น ซึ่งจะทำให้อุณหภูมิของไอน้ ำสู งขึ้นกว่ำเดิมด้วย ดังนั้น ถ้ำต้องกำรทรำบ
ว่ำไอน้ ำ มีอุณหภูมิเท่ำใด ก็สำมำรถดูได้จำกตำรำงที่แสดงควำมสัมพันธ์ระหว่ำงควำมดัน
ไอน้ ำอิ่มตัวกับอุณหภูมิ ดังนี้
ตำรำงที่ 1 แสดงควำมสั มพันธ์ ระหว่ ำงควำมดันไอนำ้ อิม่ ตัวกับอุณหภูมิ
ควำมดันไอนำ้ อ่ำนจำกมำตรวัด
(ปอนด์ /ตำรำงนิว้ )
อุณหภูมิไอนำ้
(องศำฟำเรนไฮต์ : ºF)
(องศำเซลเซียส : ºc)
0
10
20
40
60
80
100
120
140
160
180
200
250
300
212
240
259
287
307
324
338
350
359
368
379
388
406
422
100
115
126
141
152
162
170
176
181
186
192
197
207
216
2.2 ไอดงหรือไอแห้ ง หรือซุบเปอร์ ฮีทสตีม (Superheat steam) หมำยถึง ไอ
น้ ำที่ไม่มีละอองน้ ำปะปน ได้จำกกำรเพิม่ ควำมร้อนให้กบั ไอน้ ำอิ่มตัว ทำให้ละออง
น้ ำที่ผสมอยูใ่ นไอน้ ำอิ่มตัว กลำยเป็ นไอทั้งหมด ไอน้ ำที่ได้น้ ีเรี ยกว่ำ “ไอดง” มี
อุณหภูมิสูงกว่ำเดิม แต่ควำมดันคงที่ไม่เปลี่ยนแปลง
2.3 ไอนำ้ อิม่ ตัว (Saturated Steam) หมำยถึง ไอน้ ำที่มีอุณหภูมิสูงกว่ำจุด
เดือดของน้ ำ ที่มีควำมดันนั้นๆ
2.4 ควำมดัน (Pressure) หมำยถึง แรงที่กระทำต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่ สสำรทุก
อย่ำงถ้ำถูกอัดแน่นด้วยแรงดันเท่ำกันจะมีควำมดันเท่ำกันด้วย ควำมดันที่อ่ำนจำก
มำตรวัดควำมดัน (Pressure gauge) มีหน่วยที่ใช้ตำมมำตรำต่ำงๆ ดังนี้
มำตรำอังกฤษ
เรี ยกเป็ น ปอนด์ต่อตำรำงนิ้ว (Psi or lb/in2)
มำตรำเมตริ ก
เรี ยกเป็ น กิโลกรัมต่อตำรำงเซนติเมตร (Ksc or Kg/cm2)
มำตรำเยอรมัน
เรี ยกเป็ น ปำสคำล (Pa)
มำตรำ SI
เรี ยกเป็ น นิวตันต่อตำรำงเมตร (N/m2)
มำตรำ ISO
เรี ยกเป็ น บำร์ (Bar) และ บรรยำกำศ (atm)
กำรเปรี ยบเทียบควำมดันระหว่ำงหน่วยวัดตำมมำตรำต่ำงๆ
1 บรรยำกำศ = 14.696 ปอนด์ / ตำรำงนิ้ว = 101.32 กิโลปำสคำล
1 กิโลกรัม / ตำรำงเซนติเมตร= 14.223 ปอนด์ / ตำรำงนิ้ว
1 บำร์
= 14.504 ปอนด์ / ตำรำงนิ้ว
1 ปอนด์ / ตำรำงนิ้ว
= 6,894.76 นิวตัน / ตำรำงเมตร
2.5 พิกดั หม้ อนำ้ (Boiler rating) หมำยถึง ปริ มำณไอน้ ำที่หม้อน้ ำสำมำรถผลิตได้ต่อหนึ่ง
หน่วยเวลำ หรื อคิดเป็ นอัตรำควำมร้อนที่น้ ำได้รับควำมร้อนจำกหม้อน้ ำต่อหนึ่งหน่วยเวลำ หน่วยวัดที่นิยมใช้กนั
ในปัจจุบนั มี 2 หน่วย คือ
2.5.1 ตัน / ชั่วโมง (T/h) หรื อเรี ยกสั้นๆว่ำ “ตัน” หมำยถึง ปริ มำณควำมร้อนที่สำมำรถทำให้น้ ำ
จำนวน 1 ตัน (1,000 ลิตร) ที่อุณหภูมิ 100๐C ระเหยกลำยเป็ นไอน้ ำที่อุณหภูมิ 100๐C ได้หมดภำยในเวลำ 1
ชัว่ โมง
2.5.2 แรงม้ าหม้ อนา้ (Boiler Horse Power) ซึ่งตำม ASME CODE กำหนดไว้ดงั นี้
แรงม้ำหม้อไอน้ ำ หมำยถึง ปริ มำณควำมร้อนที่ทำให้น้ ำจำนวน 34.5 ปอนด์ ที่อุณหภูมิ 212๐F
ระเหยกลำยเป็ นไอน้ ำอิ่มตัวที่อุณหภูมิ 212๐F ได้หมดภำยในเวลำ 1 ชัว่ โมง
ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงพิกดั หน่วยวัดต่ำงๆ พอสรุ ปได้คือ.
1 T/h
= 2,256,700
KJ
1 แรงม้ำหม้อน้ ำ
= 33,475.35
BTU
1 T/h
= 65
boiler horse power
1 แรงม้ำหม้อน้ ำ
= 13
horse power (power)
= 10
ft2 (heating surface)
2.5.3 ประสิ ทธิ ภาพหม้ อนา้ หมำยถึง อัตรำส่ วนจำนวนควำมร้อนที่
ได้รับจำกกำรถ่ำยเทควำมร้อนของน้ ำภำยในหม้อน้ ำต่อพลังงำนควำมร้อนที่จ่ำย
เข้ำไป ซึ่งเกิดจำกกำรเผำไหม้ของเชื้อเพลิง
3. ส่ วนประกอบ ประเภท และลักษณะของหม้ อนำ้
3.1 ส่ วนประกอบของหม้ อน้ำ หม้อน้ ำทุกชนิดถึงแม้วำ่ จะมีโครงสร้ำงที่
แตกต่ำงกัน แต่จะมีส่วนประกอบหลักที่เหมือนกันอยู่ 3 ส่ วน (ดังรู ปที่ 1)
ส่ วนเก็บไอน้ ำ
ส่ วนเก็บน้ ำ
ระดับน้ ำสู งสุ ด
3.1.1 เตาหรื อห้ องเผาไหม้ (Furnace) หมำยถึง ส่ วนที่ใช้เป็ นที่เผำไหม้เชื้อเพลิง
เพื่อให้เกิดควำมร้อนไปทำให้น้ ำในหม้อน้ ำระเหยกลำยเป็ นไอ จึงเป็ นส่ วนที่มี
อุณหภูมิสูงสุ ดของหม้อน้ ำ เชื้อเพลิงที่ใช้อำจจะอยูใ่ นรู ปของแข็ง ของเหลว หรื อ
ก๊ำซ เช่น ถ่ำนหิน แกลบ กำกชำนอ้อยเชื้อ น้ ำมันเตำ ก๊ำซธรรมชำติ ฯลฯ
3.1.2 ส่ วนเก็บนา้ (Water Space) หมำยถึง ส่ วนที่ทำหน้ำที่เก็บน้ ำไว้ภำยในหม้อน้ ำ
ระดับน้ ำภำยในหม้อน้ ำไม่ควรจะแตกต่ำงกันมำกกว่ำ ¾ นิ้ว โดยเฉพำะหม้อน้ ำ
แบบท่อไฟ กรณี ที่หม้อน้ ำ 2 เครื่ อง มีขนำดเท่ำกัน หม้อน้ ำที่มีส่วนเก็บน้ ำได้
น้อยจะสำมำรถผลิตไอน้ ำได้เร็ วกว่ำ จึงเหมำะสำหรับงำนที่ตอ้ งกำรใช้ไอน้ ำ
ช่วงเวลำสั้นๆ แต่ไม่เหมำะสำหรับกำรใช้งำนตลอด 24 ชัว่ โมง เพรำะน้ ำที่
เก็บมีปริ มำณน้อย โอกำสที่น้ ำแห้งจึงมีมำก
3.2 ประเภท3.1.3 ส่ วนเก็บไอน้ำ(Steam Space) เป็ นส่ วนที่ทำหน้ำที่เก็บ
ไอน้ ำ ปกติจะอยูเ่ หนือส่ วนที่เก็บน้ ำ ไอน้ ำที่หม้อน้ ำผลิตได้ จะถูกเก็บสะสมในส่ วนที่
เก็บไอน้ ำ โดยทัว่ ไปหม้อน้ ำจะผลิตไอน้ ำตลอดเวลำ แต่กำรนำไอน้ ำไปใช้ไม่แน่นอน
ดังนั้น เมื่ออัตรำกำรนำไอน้ ำไปน้อยกว่ำอัตรำกำรผลิต ไอน้ ำของหม้อน้ ำส่ วนที่เหลือก็จะ
ถูกเก็บไว้ในส่ วนเก็บไอน้ ำภำยในหม้อน้ ำ ขนำดของส่ วนเก็บไอน้ ำจะมำกหรื อน้อยขึ้นอยู่
กับกำรออกแบบหม้อน้ ำ แต่หม้อน้ ำที่ใช้คนควบคุมระดับน้ ำในหม้อน้ ำ ผูค้ วบคุมหม้อน้ ำ
จะมีควำมสำคัญที่รักษำส่ วนเก็บไอน้ ำให้มำกหรื อน้อยได้ โดยกำรควบคุมปริ มำณน้ ำที่ส่ง
เข้ำหม้อน้ ำเป็ นหลักของหม้อน้ ำที่ใช้งำน หม้อน้ ำที่ใช้กนั อยูใ่ นปั จจุบนั มีอยูด่ ว้ ยกัน
หลำยแบบตำมขนำดและวัตถุประสงค์กำรใช้งำน กำรแบ่งประเภทของหม้อน้ ำ อำจแบ่ง
ได้โดยยึดหลัก ดังนี้
1. ตำมลักษณะกำรวำงแนวแกนของเปลือกหม้ อนำ้
2. ตำมลักษณะกำรใช้ งำน
3. ตำมตำแหน่ งเตำ
4. ตำมนำ้ หรือก๊ ำซร้ อนทีอ่ ยู่ในท่ อ
5. หม้ อนำ้ ทีส่ ร้ ำงขึน้ พิเศษ
กำรแบ่ งหม้ อนำ้ เพือ่ ทีจ่ ะสำมำรถเปรียบเทียบข้ อดีและข้ อเสี ยได้ เหมำะสม นิยมแบ่ งตำม
ลักษณะกำรแลกเปลีย่ นควำมร้ อน ซึ่งแบ่ งได้ 2 ประเภท คือ หม้ อนำ้ แบบท่ อไฟ (Fire tube
boiler) และหม้ อนำ้ แบบท่ อนำ้ (Water tube boiler)
3.2.1 หม้ อนา้ แบบท่ อไฟ หรื อหลอดไฟ
3.2.2 หม้ อนา้ แบบท่ อนา้ หรื อหลอดนา้
3.3 ลักษณะหม้ อน้ำที่ดี หม้อน้ ำทุกแบบที่สร้ำงขึ้นมำใช้งำน มักมีขอ้ ดีและข้อเสี ย
แตกต่ำงกันไป ดังนั้นกำรเลือกหม้อน้ ำ ควรจะคำนึงถึงควำมต้องกำรใช้งำนเป็ นหลัก หม้อน้ ำที่ดี
ควรมีลกั ษณะดังนี้
3.3.1 ตัวโครงสร้ำงต้องเป็ นแบบง่ำยๆ มีควำมแข็งแรง และปลอดภัยต่อกำรใช้งำน
3.3.2 ต้องใช้วสั ดุและช่ำงฝี มือที่สร้ำงหม้อน้ ำให้เป็ นไปตำมมำตรฐำนที่กำหนดไว้
3.3.3 อุปกรณ์ที่ใช้เป็ นชนิดที่ใช้กบั หม้อน้ ำโดยตรง ไม่มีกำรดัดแปลงอุปกรณ์ภำยหลัง
3.3.4 กำรออกแบบกำรไหลหมุนเวียนของน้ ำและก๊ำซ ตลอดจนกำรถ่ำยเทควำมร้อนต้องทำงำนได้ดี
3.3.5 มีพ้นื ผิวนำควำมร้อนมำกและถ่ำยเทควำมร้อนได้ดี
3.3.6 สำมำรถทำกำรตรวจทดสอบ และซ่อมแซมทุกส่ วนของหม้อน้ ำได้โดยสะดวก
3.3.7 เตำหรื อห้องเผำไหม้ ต้องมีพ้นื ที่เพียงพอที่จะทำให้กำรเผำไหม้เชื้อเพลิงภำยในเตำ
ได้อย่ำงสมบูรณ์
3.3.8 มีส่วนเก็บกักไอน้ ำได้มำก
4. โครงสร้ ำง อุปกรณ์ ประกอบ และอุปกรณ์ เพือ่ ควำมปลอดภัยของหม้ อนำ้
4.1.1 โครงสร้ ำงของหม้ อนำ้
4.1.2 ผนังหน้ ำและผนังหลังของหม้ อไอนำ้ (End plates)
4.1.3
4.1.4
4.1.5
4.1.6
4.1.7
ท่ อไฟใหญ่ หรือลูกหมู (Flue tube)
ท่ อไฟเล็กหรือหลอดไฟ (Fire tube)
เหล็กยึดโยงหรือสเตย์ (Stay)
ช่ องคนลอด (Man hole)
เตำหรือห้ องเผำไหม้ (Combustion Chamber or Furnace)
4.1.8 ปล่องไฟ (Stack)
4.2 อุปกรณ์ ประกอบของหม้ อนา้
4.2.1
เครื่ องวัดระดับน้ ำ (Water level gauge) ทำหน้ำที่บอกระดับน้ ำที่แท้จริ ง
ภำยในหม้อน้ ำ ว่ำอยูใ่ นระดับสูงหรื อต่ำเพียงใดระดับน้ ำจะเพิม่ ขึ้นหรื อลดลงขึ้นอยูก่ บั ปริ มำณน้ ำที่ป้อนเข้ำ
หม้อน้ ำและอัตรำกำรผลิตไอ โดยที่ผคู้ วบคุมสำมำรถมองเห็นหรื อสังเกตได้จำกภำยนอก เครื่ องวัดระดับน้ ำ
แบ่งได้ดงั นี้ คือ
1) แบบหลอดแก้ว เป็ นแบบใช้วดั ระดับน้ ำภำยในหม้อน้ ำโดยตรง ส่ วนใหญ่ใช้กบั หม้อน้ ำที่มี
ระดับควำมดันไม่เกิน 25 กิโลกรัม/ตำรำงเซนติเมตร
2) แบบควำมดันแตกต่ำง ทำงำนโดยอำศัยควำมดันแตกต่ำงภำยในหม้อน้ ำ ส่ งผลถึงระดับ
ของเหลวในหลอดแก้วให้เพิ่มขึ้นหรื อลดลง (ของเหลวในหลอดแก้วเท่ำกับเป็ นตัวแทนของระดับน้ ำใน
หม้อน้ ำนั้นเอง) นอกจำกนี้วธิ ีวดั ระดับน้ ำในหม้อไอน้ ำโดยวิธีควำมดันแตกต่ำง ยังสำมำรถประยุกต์ใช้เป็ น
ระบบควบคุมแบบอัตโนมัติโดยมีอุปกรณ์ส่งผ่ำนสัญญำณไฟฟ้ ำหรื อลม (Transmitter) เพื่อต่อเข้ำกับวงจร
ระบบควบคุมได้อีกด้วย
Cast iron and steel tube economizer should
be equipped with at least one safety valve
( two are preferable)
4.2.2 มำตรวัดควำมดันไอน้ ำ ( Pressure gauge) มีหน้ำที่วดั หรื อแสดงระดับควำมดัน ของไอน้ ำ
ภำยในหม้อน้ ำ เพื่อให้ผคู้ วบคุมทรำบถึงระดับควำมดันที่มีอยูภ่ ำยใน ขนำดของมำตรวัดควำมดันที่ใช้กบั หม้อน้ ำ
มีเส้นผ่ำนศูนย์กลำงไม่ต่ำกว่ำ 4 นิ้ว ตัวเลขแสดงระดับควำมดันสูงสุดควรอยูใ่ นช่วง 1-1.5 เท่ำของควำมดันใช้
งำนปกติของหม้อน้ ำนั้นๆ และควรมีขีดสี แดงแสดงระดับควำมดันอันตรำยให้เห็นชัดเจน (ขีดสี แดงอยูท่ ี่ระดับ
ควำมดันไม่เกิน 10% ของควำมดันใช้งำนสูงสุ ด) ท่อที่ต่อเข้ำกับมำตรวัดควำมดัน เป็ นไส้ไก่หรื อท่อไซฟอน
(Siphon tube) เพื่อป้ องกันกำรกระแทกของไอน้ ำที่วงิ่ เข้ำไปภำยในมำตรวัด ควำมดัน โดยทัว่ ไปมำตรวัดควำม
ดันที่ใช้กนั อยูม่ ี 2 แบบ คือ แบบท่อบูร์ดอง และแบบไดอะแฟรม
4.2.3 ลิ้นหรื อวำล์ว (Valve) ที่ใช้กบั หม้อน้ ำมีอยูห่ ลำยชนิด ตำมควำมเหมำะสมของงำนที่ใช้ ในที่น้ ี
จะกล่ำวเฉพำะตัวที่สำคัญๆ เท่ำนั้น ดังนี้
(1) โกล์บวำล์ว (Glove valve) เป็ นลิ้นปิ ด - เปิ ดช้ำ มีควำมเสี ยดทำนสู ง จะใช้เป็ นลิ้นจ่ำยไอน้ ำหลัก
(Main steam valve) หรื อเรี ยกกันทัว่ ไปว่ำ ลิ้นแบ่งไอน้ ำ
(2) วำล์วกันกลับ (Check valve) ยอมให้ของเหลวไหลไปในทิศทำงเดียวไม่สำมำรถย้อนกลับมำได้
อยูท่ ี่ท่อน้ ำทำงเข้ำหม้อน้ ำ และท่อทำงออกของไอน้ ำหรื อท่อจ่ำยไอน้ ำนัน่ เอง มีหลำยชนิด เช่น แบบสวิง (Swing
check valve) แบบลูกสูบ (Piston check valve) เป็ นต้น
(3) วำล์วลดควำมดัน (Pressure reducing valve) ทำหน้ำที่ปล่อยไอน้ ำออกจำกหม้อน้ ำเพื่อให้ได้ควำม
ดันในระดับที่ตอ้ งกำรไปใช้กบั เครื่ องจักร หรื องำนอื่นๆ ได้
(4) บอลวำล์ว (Ball
valve) เป็ นวำล์วที่ปิด - เปิ ดเร็ว มีแรงเสี ยดทำนต่ำ มักใช้เป็ นวำล์วถ่ำยน้ ำทีกน้ หม้อน้ ำและทำงน้ ำเข้ำหม้อน้ ำ
(4) บอลวำล์ว (Ball valve) เป็ นวำล์วที่ปิด - เปิ ดเร็ว มีแรงเสี ยดทำนต่ำ มักใช้เป็ นวำล์วถ่ำยน้ ำทีกน้ หม้อ
น้ ำและทำงน้ ำเข้ำหม้อน้ ำ
4.2.4 เครื่ องสูบน้ ำหรื อปั๊ มน้ ำ (Feed water pump) ทำหน้ำที่ส่งน้ ำจำกถังพักน้ ำเข้ำเลี้ยง หม้อน้ ำ
ต้องมีควำมสำมำรถในกำรส่ งน้ ำเข้ำหม้อน้ ำมำกกว่ำอัตรำกำรผลิตไอของหม้อน้ ำนั้นๆ และควำมดันของเครื่ อง
สูบน้ ำต้องสูงกว่ำควำมดันภำยในหม้อน้ ำไม่นอ้ ยกว่ำ 1.5 เท่ำ จึงจะใช้ได้ดี เครื่ องสูบน้ ำแบ่งออกได้ดงั นี้
1) แบบแรงเหวีย่ ง (Centrifugal pump)
2)แบบหลำยใบพัด (Turbine pump)
3)แบบโรตำรี่ (Rotary pump)
4)แบบลูกสูบ (Reciprocating pump)
5)แบบฉี ด (Injector pump)
4.2.5 มำตรวัดปริ มำณน้ ำ (Feed water consumption indicator) ใช้วดั ปริ มำณน้ ำที่ส่งเข้ำ
เลี้ยงหม้อน้ ำ เพื่อให้ทรำบปริ มำณของน้ ำที่สำมำรถกลำยเป็ นไอน้ ำได้ในช่วงระยะเวลำหนึ่ง ทำ
ให้ทรำบกำลังกำรผลิตไอน้ ำของหม้อน้ ำนั้นๆ
4.2.6 เชื้อเพลิงและกำรเผำไหม้ สำหรับหม้อน้ ำที่ใช้เชื้อเพลิงเหลว (น้ ำมันเตำ หรื อน้ ำมัน
ดีเซล) ใช้หวั ฉี ดเป็ นตัวพ่นน้ ำมันให้เป็ นฝอยละออง เพื่อลุกไหม้ได้ง่ำย โดยแบ่งออกเป็ น 3 แบบ
ดังนี้
1)แบบใช้ลมหรื อไอน้ ำช่วยสเปรย์ให้เป็ นฝอย
2)แบบใช้แรงดันของน้ ำมันสเปรย์ให้เป็ นฝอย
3)แบบแรงเหวีย่ งหนีศนู ย์
1.อุปกรณ์ เพื่อความปลอดภัยของหม้ อนา้
กำรติดตั้งอุปกรณ์เพื่อควำมปลอดภัยของหม้อน้ ำ เป็ นสิ่ งที่มีควำมจำเป็ น
อย่ำงยิง่ ในกำรป้ องกันอันตรำยหรื อเตือนเรื่ องอันตรำยที่อำจจะเกิดขึ้น อุปกรณ์เพื่อ
ควำมปลอดภัยของหม้อน้ ำโดยทัว่ ไปมีดงั นี้
4.3.1 ลิน้ นิรภัย (Safety Valve) เป็ นอุปกรณ์เพื่อควำมปลอดภัยที่สำคัญ
ที่สุดของหม้อน้ ำ ทำหน้ำที่ระบำยหรื อลดควำมดันภำยในหม้อน้ ำที่เกินขีดจำกัด หรื อ
เกินควำมต้องกำรออก ทั้งนี้ เพื่อป้ องกันไม่ให้หม้อน้ ำระเบิด ลิ้นนิรภัยที่ใช้กบั หม้อน้ ำ
มีอยู่ 4 แบบ คือ
1) แบบน้ ำหนักทับโดยตรง แบบนี้ปัจจุบนั ไม่นิยมใช้กนั แล้ว
2) แบบคันตำชัง่ ลักษณะเป็ นคำนมีน้ ำหนักถ่วงที่ปลำย แบบนี้ส่วนใหญ่
ยังมีใช้กนั ตำมโรงสี และโรงเลื่อยจักรทัว่ ไป เหมำะสำหรับหม้อไอน้ ำที่มีควำมดันไม่
เกิน 200 ปอนด์ต่อตำรำงนิ้ว
3) แบบสปริ งปัจจุบนั เป็ นที่นิยมใช้กนั มำก และมีคนั สำหรับยกทดสอบได้
โดยทัว่ ไปสำหรับหม้อน้ ำที่มีควำมดันไม่เกิน 200 ปอนด์ต่อตำรำงนิ้ว กำรปรับตั้งให้
ไอน้ ำระบำยที่ควำมดันต่ำหรื อสูง ทำได้โดยกำรขันสกรู ดำ้ นบนของตัวลิ้น ควร
ทดสอบสภำพกำรใช้งำนที่ควำมดันประมำณ 70% ของควำมดันใช้งำน อย่ำงน้อย
อำทิตย์ละ 1 ครั้ง
4) แบบไฟฟ้ ำ เป็ นแบบใหม่ที่ยงั ใช้กนั น้อย มีใช้แต่เฉพำะหม้อน้ ำขนำด
ใหญ่มำกๆ เช่น ตำมโรงไฟฟ้ ำพลังควำมร้อนเท่ำนั้น
ปัญหำที่มกั เกิดขึ้นกับลิ้นนิรภัย
1.
2.
3.
4.
ลิ้นมีไอน้ ำรั่วออกมำตลอดเวลำ มักเกิดจำกปำลิ้นสึ ก หรื อมีสิ่ง
สกปรกติดค้ำงอยู่ เช่น ฝุ่ น สนิม ตะกรัน ฯลฯ เป็ นเหตุให้หน้ำลิ้น
ไม่สนิท
ลิ้นนิรภัยไม่ทำงำน อำจจำกสปริ งติดตำยเพำะเกิดสนิม แกนลิ้นขด
ตัวหรื อคดงอ
ลิ้นนิรภัยใช้สปริ งขนำดไม่เหมำะสมกับกำรใช้งำน
เปลี่ยนลิ้นนิรภัยใหม่ โดยมีขนำดและรู ปร่ ำงเท่ำของเดิม แต่อตั รำ
กำรระบำยไอน้ ำไม่เท่ำเดิม เป็ นต้น
4.3.2 ปลัก๊ หลอมละลำยหรื อสะดือหม้อน้ ำ (Fusible plug) ปกติอยูบ่ ริ เวณห้องเผำไหม้
หรื อบริ เวณที่มีอุณหภูมิสูง ปลัก๊ หลอดละลำยจะทำงำนเมื่อระดับน้ ำต่ำจนเกือบถึงจุดอันตรำย
ปลัก๊ หลอมละลำย มีจุดหลอมละลำยต่ำประมำณ 235 °C จะหลอมละลำย ทำให้ไอน้ ำหรื อ
น้ ำภำยในหม้อน้ ำไหลออกมำดับไฟได้ ปลัก๊ หลอมละลำยบำงแบบติดไว้สำหรับพ่นน้ ำออกไป
ภำยนอกเพื่อลดควำมดัน หรื อต่อเข้ำกับนกหวีด เพื่อส่ งสัญญำณเตือนผูค้ วบคุมหม้อน้ ำให้รีบ
หยุดหม้อน้ ำก่อนที่หม้อน้ ำจะเกิดอันตรำยหรื อระเบิดได้ โดยทัว่ ไปจะต้องเปลี่ยนปลัก๊ หลอม
ละลำยทุก ๆ ปี ปลัก๊ หลอดละลำยที่ใช้มีหลำยชนิ ดดังนี้
ก. แบบใส่ ทำงด้ำนในหรื อด้ำนน้ ำ(Inside Type)
ข. แบบใส่ ทำงด้ำนนอกหรื อด้ำนไฟ (Outside Type)
ค. แบบทำหน้ำที่เป็ นฟิ วส์เมื่อละลำยจะมีสัญญำณ (Fuse Alarm)
ควบคุมระดับน้ ำ (Water level control) ทำหน้ำที่ควบคุมกำรจ่ำยน้ ำเข้ำหม้อน้ ำเพื่อรักษำ
ระดับน้ ำภำยในให้คงที่อยูต่ ลอดเวลำที่ทำงำน หลักกำรทำงำนอำศัยควำมแตกต่ำงของระดับน้ ำ
เพื่อตัดต่อสัญญำณไปควบคุมกำรทำงำนของปั๊ มน้ ำ และสัญญำณเสี ยงแจ้งเหตุเมื่อน้ ำแห้ง เครื่ อง
ควบคุมระดับน้ ำ แบ่งเป็ นหลำยแบบ ดังนี้
1) แบบลูกลอย (Float type) หลักกำรทำงำนอำศัยลูกลอย แกนลูกลอย สวิตช์ปรอทเป็ นตัวต่อ
วงจรไฟฟ้ ำ อำศัยกำรพลิกตัวของหลอดแก้วสวิทช์ปรอท
2) แบบอิเลคโทรด (Electrode type) แท่งอิเลคโทรดเป็ นสื่ อไฟฟ้ ำ และน้ ำเป็ นสื่ อนำไฟฟ้ ำสำหรับตัด
ต่อสัญญำณควบคุมกำรทำงำนของปั๊มน้ ำ หัวฉี ด หรื อสัญญำณเสี ยงอีกต่อหนึ่ง ข้อควรระวังคือไม่ควรมีตะกรัน
จับที่แท่งอิเลคโทรดมำก เพรำะจะทำให้กำรควบคุมทำงไฟฟ้ ำ เกิดควำมผิดพลำดได้ง่ำย
3) แบบเทอร์โมสแตติก(Thermostatic expansion) หลักกำรทำงำนอำศัยกำรขยำยตัวของโลหะเมื่อ
ได้รับควำมร้อน เป็ นตัวปิ ดเปิ ดน้ ำเข้ำหม้อน้ ำโดยตรง แต่ปัจจุบนั ยังไม่เป็ นที่แพร่ หลำย
4.3.4 สวิตช์ควบคุมควำมดัน(Pressure control switch) ทำหน้ำที่ควบคุมควำมดันของไอน้ ำ
ภำยในหม้อน้ ำให้คงที่ โดยส่ งสัญญำณไปตัดน้ ำมันที่หวั ฉี ดเมื่อมีควำมดันถึงกำหนด และต่อวงจรเมื่อมีควำมดัน
ลดต่ำลง กำรทำงำนดังกล่ำวอำศัยควำมดันไอน้ ำไปกระทำต่อเบลโลวล์ ซึ่ งติดกับหลอดแก้วสวิตช์ปรอท เมื่อมี
ควำมดันสูงขึ้นถึงที่กำหนดจะดันหลอดแก้วให้พลิกกลับไปอีกด้ำนหนึ่ง ปรอทภำยในหลอดแก้ววิง่ ไปทำงด้ำน
ตรงข้ำมเป็ นกำรตัดวงจร หัวฉี ดน้ ำมันหยุดทำงำน
4.3.5 สัญญำณเตือนภัยอัตโนมัติ (Automatic alarm) เป็ นอุปกรณ์แจ้งเตือนอันตรำย
เมื่อน้ ำในหม้อน้ ำ มีปริ มำณน้อยกว่ำปกติหรื อต่ำถึงจุดอันตรำยที่กำหนดไว้ เป็ นสัญญำณเสี ยง
หรื อแสงก็ได้ และสำมำรถต่อเข้ำกับระบบเพื่อเตือนภัยโดยอัตโนมัติร่วมกับเครื่ องควบคุมควำม
ดันด้วยก็ได้
4.3.6 ฝำนิรภัย (Access door) นิยมใช้มำกโดยเฉพำะหม้อน้ ำที่ใช้เชื้อเพลิงเหลว เพื่อ
ช่วยป้ องกันแรงกระแทกขณะเริ่ มติดไฟในห้องเผำไหม้ มิให้กระทำอันตรำยต่อห้องเผำไหม้
โดยทัว่ ไปอยูด่ ำ้ นหลังของหม้อน้ ำ
นำ้ สำหรับหม้ อนำ้
น้ ำเป็ นองค์ประกอบที่สำคัญอีกอย่ำงหนึ่ งของหม้อน้ ำ เพื่อให้น้ ำกลำยเป็ นไอ และนำไอ
น้ ำนั้น ไปใช้งำนตำมวัตถุประสงค์ หำกน้ ำมีคุณภำพไม่ดี หลังจำกน้ ำระเหยไปคงเหลือสำรที่
ปนมำกับน้ ำตกค้ำงอยูภ่ ำยในหม้อน้ ำ ถ้ำน้ ำยิง่ กลำยเป็ นไอมำกๆ สิ่ งสกปรกตกค้ำงภำยในหม้อ
น้ ำมำก ทำให้เกิดผลเสี ยหำยต่อหม้อน้ ำอย่ำงใหญ่หลวง
55.1 สสำรที่เจือปนมำกับน้ ำสำมำรถแยกออกได้ดงั นี้
1) สำรแขวนลอยมำกับน้ ำ สำรประเภทนี้จะมีโมเลกุลที่มีขนำดใหญ่กว่ำ ถ้ำปนมำกับน้ ำ
มำกๆ ทำให้เกิดโคลน ตะกรัน ขึ้นในหม้อน้ ำ และบำงลักษณะเกิดกำรครู ดเปลือกหม้อน้ ำให้บำงลง
ได้ ลักษณะนี้ เกิดขึ้นได้ เนื่องจำกกำรหมุนวนของน้ ำภำยในหม้อน้ ำ ซึ่ งเป็ นไปโดยธรรมชำติ
2) สำรละลำย สำรที่ปนมำกับน้ ำชนิดนี้ได้แก่ เกลือแร่ กรด ด่ำง และก๊ำซต่ำงๆ เป็ นต้น
เป็ นสำเหตุกำรผุกร่ อนภำยในหม้อน้ ำ เนื้อเหล็กจะบำงลง หรื อตะกรันที่แข็งมำกเกำะติดแน่นไม่
สำมำรถกำจัดออกได้โดยง่ำย
.2 คุณสมบัติของน้ ำที่เหมำะสมกับหม้อน้ ำ
น้ ำที่เข้ำหม้อน้ ำควรเป็ นน้ ำบริ สุทธิ์ ไม่มีสิ่งอื่นเจือปนใดๆ ในทำงปฏิบตั ิน้ ำที่มีควำม
บริ สุทธิ์ 100% ทำได้ยำกและค่ำใช้จ่ำยสู งมำก แม้ปัจจุบนั จะมีเครื่ องมือปรับคุณภำพน้ ำที่ทนั สมัยก็ยงั
ไม่สำมรถทำได้ สิ่ งที่ควรรู ้เกี่ยวกับคุณสมบัติของน้ ำที่เข้ำหม้อน้ ำ คือ
5.2.1 ต้องควบคุมน้ ำให้มีควำมกระด้ำงและควำมขุ่นน้อยที่สุด (ต้องเป็ นน้ ำอ่อน)
5.2.2 ต้องปรับให้มีควำมเป็ นกรด- ด่ำง (pH) อยูร่ ะหว่ำง 9-11
(วัดเมื่ออยูใ่ นหม้อน้ ำ)
5.2.3 ต้องควบคุมค่ำปริ มำณสำรละลำยในน้ ำทั้งหมด (Total Dissolved Solids-TDS) มี
ค่ำไม่เกิน 3,500 ส่ วนในล้ำนส่ วนโดยปริ มำตร
5.3 กำรปรับคุณภำพน้ ำ สำมำรถกระทำได้ 2 แบบ คือ
5.3.1 กำรปรับคุณภำพน้ ำก่อนเข้ำหม้อน้ ำ มีวิธีกำรดังนี้
1) วิธีใส่ ปูนขำวและโซดำแอช กำรใส่ ปูนขำวสำมำรถขจัดควำมกระด้ำงชัว่ ครำวของ
น้ ำ ให้ตกตะกอนได้หมด ส่ วนโซดำแอชขจัดควำมกระด้ำงถำวรของน้ ำให้ตกตะกอนไปให้หมด
2) วิธีกำรแลกเปลี่ยนประจุ เป็ นกำรใช้เรซิ นชนิดแยกประจุบวกอย่ำงเดียว บำงครั้ง
เรี ยกกำรปรับปรุ งน้ ำนี้วำ่ “กำรทำน้ ำอ่อน” โดยเรซิ นจะดึงประจุบวกของสำรที่ละลำยอยูใ่ นน้ ำ
ออกมำ ทำให้สำรชนิดนั้นแตกตัว ไม่สำมำรถจับตัวเป็ นตะกรันได้
3) ดิมินเนอร์ไลเซชัน่ (Deminerlization of water) โดยกำรใช้เรซินชนิดแลกเปลี่ยน
ประจุบวกและประจุลบกับสำรเจือปนในน้ ำ กำรทำวิธีน้ ีใช้เรชินชนิดบวกและลบใส่ อยูใ่ นถังเดียวกัน
เรี ยกว่ำ MIXED BED ED-CHANGER กำรปรับคุณภำพน้ ำของอุปกรณ์ชนิดนี้สำมำรถลดปริ มำณ
สำรละลำยในน้ ำลงเหลือประมำณ 0 ถึง 20 ppm.
4.) กำรกำจัดด่ำง (Dealkali) เป็ นกำรใช้เรซิ นชนิดแลกเปลี่ยนประจุลบ เพื่อใช้
กำจัด ควำมเป็ นด่ำงที่มีมำกเกินไป ปกติมกั จะติดตั้งไว้หลังถังกรองเรซิ นชนิ ดแลกประจุบวก ใน
กรณี ที่น้ ำมีสภำพเป็ นด่ำงแก่มำกเกินไป คือ ค่ำpH สูงมำก จะทำให้เหล็กเปรำะและแตกร้ำวได้
ง่ำย
5) กำรกำจัดก๊ำซละลำยในน้ ำ (Deaeration) เพื่อกำจัดออกซิ เจนที่ละลำยในน้ ำ
สำหรับเลี้ยงหม้อน้ ำ กำรกำจัดออกซิ เจนด้วยสำรเคมี เช่น โซเดียมซัลไฟต์ หรื อ ไฮดรำซิ น อำจมี
ค่ำใช้จ่ำยที่แพง ดังนั้น กำรใช้เครื่ องแยกออกซิ เจนออกจำกน้ ำหรื อเรี ยกว่ำ “ ดีแอเรเตอร์” จะ
ประหยัดกว่ำและไม่ยงุ่ ยำก โดยเอำน้ ำที่จะเข้ำหม้อน้ ำผ่ำนหม้ออุ่นน้ ำเลี้ยงที่ใช้เป็ นดีแอเรเตอร์
ด้วย โดยอุ่นให้มีอุณหภูมิสูงถึง 82 - 88 °C ออกซิ เจนจะแยกตัวออกจำกน้ ำไปจนเกือบหมด
ส่ วนที่เหลือจึงใช้สำรไฮดรำซี น ทำปฏิกิริยำกับออกซิ เจนส่ วนที่เหลือต่อไป
5.3.2
กำรปรับคุณภำพน้ ำภำยในหม้อน้ ำ สำมำรถทำได้ 2 วิธีคือ
1) กำรเติมสำรเคมี ในกำรปฏิบตั ิทวั่ ไปจะเติมสำร “ คอลลอยด์” ซึ่ งมี
คุณสมบัติ แขวนลอยในน้ ำโดยไม่ตกตะกอน เช่น พวกแทนนิน เมื่อควำมกระด้ำงของน้ ำ ทำ
ปฏิกิริยำกับแทนนิน จะเกิดเป็ นตะกอน (หิ นปูน) ตะกอนนี้จะไปเคลือบที่ผวิ ของคอลลอยด์แทน
กำรจับที่ท่อของหม้อน้ ำ สำรคอลลอยด์เมื่อถูกหิ นปูนจับมำกเข้ำมีขนำดใหญ่ข้ ึนตกลงก้นหม้อ
น้ ำ และโบลดำวน์(Blowdown) ทิ้งไป
2) กำรโบลดำวน์ กำรปล่อยน้ ำออกจำกใต้หม้อน้ ำบ่อยๆ ช่วยให้สิ่งเจือปน
ในหม้อน้ ำที่ตกตะกอนถูกไล่ออกมำก่อนที่จะไป ทำปฏิกิริยำให้เกิดเป็ นตะกรันขึ้นจับตำมท่อ
ภำยในต่ำง ๆ
5.4 ปั ญหำที่เกิดจำกน้ ำ ตำมที่กล่ำวมำแล้วจะเห็นว่ำ น้ ำที่ใช้กบั หม้อน้ ำมักจะ
ก่อให้เกิดปั ญหำเกี่ยวกับตะกรัน สิ่ งแปลกปลอมและกำรกัดกร่ อนภำยในหม้อน้ ำ นอกจำก
ปั ญหำดังกล่ำวแล้ว น้ ำที่ใช้ยงั อำจก่อให้เกิดปั ญหำภำยในหม้อน้ ำได้ดีอีก ดังนี้
5.4.1 กำรเกิดน้ ำปะทุและเป็ นฟองในหม้อน้ ำ
1) น้ ำปะทุภำยในหม้อน้ ำ หมำยถึง ลักษณะกำรเดือดอย่ำงรุ นแรงและผิดปกติของ
น้ ำ ภำยในหม้อน้ ำ ทำให้ระดับน้ ำภำยในหม้อน้ ำแปรปรวนมำก และกำรควบคุมระดับน้ ำของ
หม้อน้ ำทำได้ยำก กำรปะทุเป็ นเหตุให้น้ ำกระเด็นเป็ นฝอย และหลุดปะปนไปกับไอน้ ำมำกขึ้น
2) น้ ำเป็ นฟองภำยในหม้อน้ ำ หมำยถึง กำรเกิดเป็ นฟองขนำดเล็กมำกมำยขึ้นบน
ผิวน้ ำ คล้ำยกับฟองผงซักฟอกในอ่ำงซักผ้ำ ปั ญหำกำรเกิดฟองจะรุ นแรงน้อยกว่ำกำรเกิดน้ ำปะทุ
แต่จะก่อให้เกิดควำมยุง่ ยำกในลักษณะเดียวกัน คือ ทำให้ไอน้ ำสกปรก เนื่องจำกฟองที่เกิดขึ้น
หลุดติดไป กับไอน้ ำ
สำเหตุที่ทำให้เกิดน้ ำปะทุและเป็ นฟอง มีดงั นี้
(1) น้ ำที่ใช้มีสิ่งสกปรก เช่น น้ ำมันหรื อสิ่ งแปลกปลอมอื่นๆอยูเ่ ป็ นจำนวนมำก
(2) น้ ำที่ใช้ มีสำรละลำยในน้ ำสู ง(TDS) ทั้งอำจเนื่องมำจำกสำเหตุต่ำงๆ เช่น มีกำร
ระบำยน้ ำทิ้งน้อยเกินไป หรื อน้ ำมีควำมเป็ นด่ำงสู งเกินไป ใส่ สำรเคมีเพื่อป้ องกันสนิมหรื อ
ป้ องกันกำรเกิดตะกรันมำกเกินไป ทำให้ในน้ ำมีควำมเข้มข้นสู ง เหล่ำนี้เป็ นต้น
5.4.2 กำรเกิดแครี โอเวอร์ ในหม้อน้ ำ คือ กำรที่มีสิ่งแปลกปลอกปนอยูใ่ นไอน้ ำ
สำเหตุเกิดจำก มีกำรสัมผัสโดยตรงระหว่ำงละอองน้ ำเดือดกับไอน้ ำหรื อไอระเหยของสำรกับไอ
น้ ำ กำรเกิดแครี่ โอเวอร์ จึงแบ่งออกได้ 2 ประเภทคือ
1) แครี โอเวอรที่เกิดจำกละอองน้ ำ เกิดขึ้นได้เนื่องจำกละอองน้ ำที่กระเด็นจำกผิว
น้ ำที่เดือดแล้วสัมผัสกับไอน้ ำที่มีอยู่ ทำให้ละอองน้ ำถูกพัดพำไปกับไอน้ ำ ถ้ำละอองน้ ำมีสำร
จำพวกไบคำร์ บอเนต หรื อเป็ นตะกอนของแข็ง เช่น ทรำยทำให้เกิดผลเสี ยแก่อุปกรณ์ที่ใช้ไอน้ ำ
2) แครี่ โอเวอร์ ที่เกิดจำกไอระเหยของสำร เกิดขึ้นเฉพำะกับหม้อน้ ำที่มีควำมดันสู ง
เกินกว่ำ 600 ปอนด์ต่อตำรำงนิ้ว ที่ควำมดันสู งอุณหภูมิของน้ ำสู งตำมด้วย ถ้ำสูงพอที่ทำให้
สำรละลำยในน้ ำ เช่น ซิ ลิกำ้ เกิดกำรระเหยกลำยเป็ นก๊ำซก็จะทำให้ถกู พัดพำไปกับไอน้ ำ
ก่อให้เกิดปั ญหำกับท่อส่ งไอน้ ำและอุปกรณ์ต่ำงๆที่ใช้ไอน้ ำ เช่น เครื่ องกังหันไอน้ ำที่ใช้เป็ น
เครื่ องต้นกำลังฉุ ดเครื่ องกำเนิ ดไฟฟ้ ำ ตำมโรงไฟฟ้ ำพลัง ควำมร้อน เป็ นต้น
สำเหตุทที่ ำเกิดแครี่โอเวอร์ มีดงั นี้
1) กำรเกิดน้ ำปะทุและน้ ำเป็ นฟอง
2) หม้อน้ ำถูกใช้งำนผลิตไอน้ ำสู งกว่ำที่ออกแบบไว้
3) ระดับน้ ำในหม้อน้ ำสูงเกินไป
4) ไม่มีกำรแยกน้ ำที่กลัน่ ตัวแล้วออกกำรถังพักไอ
5) มีกำรนำไอน้ ำไปใช้อย่ำงกะทันหัน จนไม่สำมำรถผลิต
ไอน้ ำทดแทนได้ทนั เป็ นเหตุให้มีละอองน้ ำหลุดออกไปด้วย
6. กำรตรวจสอบหม้ อน้ำ
6.1 กำรตรวจสอบประจำวัน (Daily check)
6.1.1
ก่อนกำรเดินเครื่ อง
1) ดูระดับน้ ำภำยในหม้อน้ ำต้องอยูใ่ นระดับปกติ
2) ตรวจสอบปั๊ มน้ ำ ท่อทำงเดินน้ ำและลิ้นน้ ำเข้ำ ต้องอยูใ่ นตำแหน่งเปิ ด
3) ตรวจสอบลูกลอยชุดควบคุมระดับน้ ำ
4) ทำงระบำยน้ ำฉุ กเฉิ น (โบล์วดำวน์)
5) ลิ้นระบำยน้ ำและไอ
6) ระดับน้ ำมันและโบลเวอร์
7) ตรวจดูควำมเรี ยบร้อยโดยรอบ
8) จดบันทึกประจำวัน
6.1.2 ตรวจหลังกำรเดินเครื่ องแล้ว
1) ตรวจสอบระดับน้ ำและทำงเดินน้ ำเข้ำหลอดแก้ววัดระดับน้ ำอีก
ครั้งหนึ่ง
2) ตรวจสอบลิ้นนิรภัยโดยกำรยกทดสอบที่ควำมดันภำยในหม้อ
น้ ำประมำณ 70% ของควำมดันใช้งำน
3) สังเกตมำตรวัดควำมดัน ถ้ำมี 2 ตัว จะต้องขึ้นเท่ำกัน
4) ทดสอบปล่อยน้ ำออกที่วำล์วระบำยใต้หม้อน้ ำ
5) เมื่อควำมดันไอน้ ำถึงระดับใช้งำน จึงค่อยๆเปิ ดไอไปใช้งำน
6.2 กำรตรวจสอบประจำปี
จะต้องทำกำรตรวจสอบอุปกรณ์ที่สำคัญของหม้อน้ ำ ดังนี้
1) ตรวจสอบลิ้นนิรภัยและปรับตั้งระดับควำมดันปล่อยไอน้ ำให้ถูกต้อง
2) ตรวจสอบมำตรวัดควำมดัน โดยใช้เทียบกับมำตรมำตรฐำนหรื อเทียบกับน้ ำหนัก
มำตรฐำน
3) ตรวจสอบระบบท่อทำงเดินที่ไปยังหลอดแก้ววัดระดับน้ ำและไอ รวมถึงลิ้นปิ ดเปิ ด ที่
อยูใ่ นระบบทุกตัวต้องไม่มีกำรอุดตัน
4) ตรวจสอบระบบสัญญำณแจ้งเหตุฉุกเฉิ น รวมถึงชุดควบคุมระดับน้ ำ และชุดควบคุม
ระดับควำมดัน
5) ตรวจสอบตะกรันหม้อน้ ำ มีควำมหนำไม่ควรเกิน 1/16 นิ้ว (~1.6 มิลลิเมตร)
6) ตรวจสอบทำงระบำยฉุ กเฉิ น ไม่ให้มีตะกรันเกำะติดมำก
7) ทดสอบควำมแข็งแรงโดยอัดควำมดันด้วยน้ ำ (Hydrostatic test) ตำมข้อกำหนดของ
กรมสวัสดิกำรและคุม้ ครองแรงงำน และกระทรวงอุตสำหกรรม หลังกำรอัดน้ ำทดสอบต้องส่ ง
รำยงำนผลกำรทดสอบพร้อมเอกำรกำรรับรองของวิศวกรเครื่ องกล ซึ่ งมีใบ ก.ว. ประเภทสำมัญ
วิศวกร
8) ตรวจสอบสภำพรอยรั่ว เหล็กยึดโยงภำยใน และสภำพทัว่ ๆ ไปโดยรอบ
9) ตรวจสอบระบบเผำไหม้ เช่น หัวฉี ด พัดลม เครื่ องอุ่นน้ ำมัน เป็ นต้น
10) ตรวจสอบสภำพฉนวนรอบตัวหม้อน้ ำและท่อจ่ำยไอน้ ำ
7. กำรบำรุงรักษำหม้ อนำ้
กำรบำรุ งรักษำหม้อน้ ำโดยทัว่ ไป มักแบ่งออกเป็ น 2 ลักษณะใหญ่ คือ กำรบำรุ งรักษำหม้อน้ ำด้ำน
สัมผัสน้ ำและกำรบำรุ งรักษำหม้อน้ ำด้ำนสัมผัสไฟ
7.1 การบารุงรั กษาหม้ อนา้ ด้ านสัมผัสนา้ ตามปั ญหาและสาเหตุที่เกิดขึน้ ดังตารางที่ 2
ปัญหำ
สำเหตุ
กำรแก้ไข - ป้ องกัน
1. มี ตะกรั น จั บ ตำม 1.1 น้ ำที่ป้อนเข้ำหม้อน้ ำมีควำมกระด้ำง 1.1 ปรั บ สภำพน้ ำให้ เ ป็ นน้ ำอ่ อ น,เติ ม
ผิวสัมผัสไฟเช่น ท่อน้ ำ สู ง มี ส ำรละลำย เช่ น Ca, Mg, สำรเคมี, ใช้ Condensate ป้ อนเข้ำหม้อ
ท่อไฟ ผนังเตำ
CaCO3,CaSO4 ละลำยปนอยูม่ ำก
น้ ำขจัด ตะกรั น ออกโดยกำรเคำะ ขัด
หรื อล้ำงด้วยน้ ำยำเคมี
1.2 ขำดกำรบำรุ งรักษำเครื่ องทำน้ ำอ่อน 1.2 ปรั บ สภำพเครื่ อง Softener ตำม
(Softener) ที่ถูกต้อง เหมำะสม
ระยะเวลำที่ เหมำะสม
2. มีตะกอนมำก น้ ำขุ่น 2.1 มีสำรแขวนลอย เช่น ตะไคร่ น้ ำหรื อ 2.1 กำรระบำยน้ ำทิ้งให้เหมำะสม (ครั้ ง
ละ 5 วิ น ำที ไม่ เ กิ น 8 ชม./ครั้ ง) และ
เกิ ด ฟอง หรื อ เกิ ด กำร สำหร่ ำย หรื อโคลน สี หรื อสิ่ งสกปรกเจือ ปรั บ สภำพน้ ำให้ เ หมำะสม ปล่ อ ยให้
เดื อดพล่ ำ น ภำยใน ปนในน้ ำ มำก
ตกตะกอน กำรกรอง กำรดูดซึ มด้วยผง
ถ่ำน กำรทำน้ ำอ่อน กำรปรับปรุ งสภำพ
หม้อน้ ำ
น้ ำด้วยวิธี Deminerization และใช้น้ ำ
Condensate ให้มำกที่สุด
ปัญหำ
สำเหตุ
กำรแก้ไข - ป้องกัน
3. ส่ วนที่ สั ม ผัส น้ ำผุ 3.1 สภำพน้ ำเป็ นกรด pH ต่ ำกว่ำ 7มี 3.1 ท ำให้ น้ ำเป็ นด่ ำ ง โดยกำรเติ ม สำร
กร่ อนหรื อกัด กร่ อน HCI, H2SO4 ละลำยอยูใ่ นน้ ำ
ปรับ pH ให้มีค่ำระหว่ำง 9 - 11
เป็ นรู พรุ น
3.2 มี CO2 ละลำยอยูใ่ นน้ ำ
3 . 2 แ ย ก แ ก๊ ส ที่ ป ะ ป น อ อ ก โ ด ย วิ ธี
Dearation หรื อทำให้เป็ นกลำงโดยเติม
ด่ำงหรื อแอมโมเนีย
3.3 มี Oxygen ละลำยในน้ ำ
3.3 แยกแก๊สเจื อปนออกโดยวิธี De aration
หรื อ เติ ม โซเดี ย มซั ล ไฟต์ ,
ไฮดรำซี น
3.4 มีแร่ ธำตุในน้ ำ
3.4 แยกออกโดยวิธี Aeration, Cation
exchange, ปล่ อ ยให้ต กตะกอนหรื อ
กรองน้ ำ
ปัญหำ
สำเหตุ
4. เกิ ด กำรแตกร้ ำวใน 4.1 น้ ำเป็ นด่ำงมำกเกินไปมี
เนื้อโลหะ
NaCO3,Na(HCO3),Na(OH3) มำก
กำรแก้ไข - ป้ องกัน
4.1ใช้กรรมวิธีปรับสภำพน้ ำด้วย LimeSoda Softening,Demineri-zation,
Anionexchange
4.2 โครงสร้ำงสำหรับรับแรงงำนดันไม่ 4.2 เสริ มโครงสร้ำงให้แข็งแรง
แข็งแรง
ปัญหำ
สำเหตุ
5. ไอน้ ำมีน้ ำปนมำก (เกิด 5.1 น้ ำในท่อไอน้ ำสกปรก
กำร Carry Over)
มีสิ่งเจือปนมำก
5.2 ท่อจ่ำยไอน้ ำเล็กเกินไป
5.3 มีกำรสู ญเสี ยควำมร้อนที่ท่อ
จ่ำยไอมำก
5.4 มีน้ ำกลัน่ ตัวในท่อพักรวม
(Steam Header)
5.5 มีกำรใช้ไอน้ ำอย่ำงทันทีทนั ใด
5.6 หม้อไอน้ ำเล็กเกินไป ผลิตไอน้ ำ
ได้ไม่เพียงพอต่อควำมต้องกำร
5.7 รักษำระดับน้ ำในหม้อน้ ำสู ง
เกินไป
กำรแก้ ไข - ป้ องกัน
5.1 ถ่ำยน้ ำทิ้งและเติมใหม่ กรองน้ ำ
ให้สะอำด
5.2 เปลี่ยนท่อจ่ำยไอให้ใหญ่ข้ ึน
5.3 หุม้ ฉนวน
5.4 ระบำยน้ ำทิ้ง ติดตั้ง Steam Trap
5.5 เปิ ดวำล์วจ่ำยไอช้ำๆ
5.6 ลดปริ มำณกำรใช้ไอน้ ำ หรื อ
สลับกันใช้ไอน้ ำ
5.7 ระบำยน้ ำทิ้ง ป้ อนน้ ำเข้ำหม้อน้ ำ
ในระดับที่พอดี ติดตั้งสัญญำณ
เตือน ระดับน้ ำสู งเกินกว่ำปกติ
ปัญหำ
สำเหตุ
กำรแก้ ไข - ป้ องกัน
6. ท่อไฟใหญ่ เพดำนเตำหรื อผิว 6.1 น้ ำในหม้อไอน้ ำแห้ง
6.1 ติดตั้งสัญญำณเตือน
ที่สัมผัสไฟเกิดกำรชำรุ ด
6.2 มีตะกรันจับตำมผิวสัมผัส
เมื่อระดับน้ ำต่ำกว่ำปกติ
บวม (เสี ยรู ป)
ไฟหนำ
6.2 ขจัดตะกรันออก, ปรับปรุ ง
6.3 มีโคลน ตะกอน สะสมอยูใ่ น
คุณภำพน้ ำให้เหมำะสม
หม้อไอน้ ำมำก
6.3 ระบำยน้ ำทิ้งให้บ่อยขึ้น
6.4 กำรออกแบบโครงสร้ำงไม่
(ครั้งละ 5 วินำที ไม่เกิน
ถูกต้องเหมำะสม
8 ชม./ครั้ง)
6.4 แก้ไขโครงสร้ำงใหม่ ปรึ กษำ
โรงงำนผูผ้ ลิตหรื อวิศวกร
7.2 กำรบำรุงรั กษำหม้ อน้ำด้ ำนสัมผัสไฟ
เขม่ำบนผิวสัมผัสทำให้ควำมสิ้ นเปลืองเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น นอกจำกนี้เชื้อเพลิงมีกำมะถัน
ปนอยูม่ ำก เช่น น้ ำมันเตำจะมีกำมะถันปนอยูก่ บั เขม่ำ ถ้ำรวมตัวกับน้ ำหรื อไอน้ ำก็จะกลำยเป็ น
กรดกัดกร่ อนเหล็กได้ กำรป้ องกันกำรกัดกร่ อนอำจทำได้โดยใช้หวั เชื้อน้ ำมันเตำผสมลงไป จะ
ช่วยให้กำมะถันถูกเผำไหม้กลำยเป็ น ไอระเหยออกไป หรื อกำรรักษำอุณหภูมิของปล่องไฟให้
สู งกว่ำ 160 องศำเซลเซี ยส เป็ นกำรลดกำรรวมตัวของกำมะถันกับไอน้ ำได้
วิธีกำรตรวจสอบอย่ำงง่ำยๆว่ำ พื้นที่แลกเปลี่ยนควำมร้อนมีเขม่ำเกำะติดมำกน้อย
สมควร ที่จะทำควำมสะอำดหรื อไม่ โดยกำรตรวจดูเทอร์ โมมิเตอร์ ที่ปล่องไอเสี ยปกติอุณหภูมิ
ของปล่องไอเสี ยเมื่อเดินเครื่ องตำมปกติ จะมีอุณหภูมิประมำณ 200 องศำเซลเซี ยสและไม่เกิน
250 องศำเซลเซี ยส ถ้ำอุณหภูมิ สู งมำกกว่ำ 250 องศำเซลเซี ยส ขึ้นไป แสดงว่ำมีเขม่ำเกำะติดอยู่
พอสมควร ควรที่จะทำควำมสะอำดได้แล้ว
เนื่องจำกเขม่ำเป็ นฉนวนกันควำมร้อนที่ถ่ำยเทจำกไฟไปสู่ น้ ำ ถ้ำเขม่ำหนำ 1/32 นิ้ว
อำจทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพิม่ ขึ้น 6.25%
โดยปกติอุณหภูมิของน้ ำหรื อไอน้ ำภำยในหม้อน้ ำ จะต่ำกว่ำอุณหภูมปิ ล่องไอเสี ยไม่เกิน
80 องศำเซลเซี ยส ถ้ำเกินกว่ำนี้ แสดงว่ำหม้อน้ ำมีเขม่ำหรื อตะกรันหนำแล้ว
7.2.1 กำรผุกร่ อนของท่อและส่ วนประกอบที่เป็ นโลหะในเตำ กำรผุกร่ อนมี 2 ลักษณะ
คือ
1) กำรผุกร่ อนที่อุณหภูมิต่ำ มักพบในส่ วน Convection Section ของเตำเผำและที่ปล่อง
ไฟ สำเหตุเกิดจำกมีซลั เฟอร์ ไดออกไซด์ในไอเสี ย อันเนื่องมำจำกอำกำศสำหรับกำรเผำไหม้มี
มำกเกินไป และอุณหภูมิของแก๊สเสี ยลดต่ำกว่ำจุดกลัน่ ตัวของกรดกำมะถัน ไอของกรดจึงกลัน่
ตัวลงบนผิวโลหะเกิดกำรกัดกร่ อนขึ้น แก้ไขได้โดยลดปริ มำณอำกำศสำหรับกำรเผำไหม้ลง และ
หุ ม้ ปล่องไฟ เพื่อป้ องกันกำรสู ญเสี ยควำมร้อนออกไป อันจะทำให้ผวิ ปล่องไฟเย็นกว่ำจุดกลัน่ ตัว
ของไอกรดหรื อทำด้วยสำรกันกำรกัดกร่ อนทั้งด้ำนในและด้ำนนอก ตรงส่ วนปลำยของปล่อง ซึ่ ง
อุณหภูมิจะเย็นกว่ำจุดกลัน่ ตัวของไอกรด
2) กำรผุกร่ อนที่อุณหภูมิสูง มักพบใน Radiant Section เกิดจำกกำรสะสมตัวของ
สำรประกอบของวำนำเดียมและโซเดียมบนผิวโลหะที่ร้อน (อุณหภูมิรำว 540 - 590 องศำ
เซลเซียส) กำรเกิดกำรผุกร่ อนขึ้นนั้น เนื่องมำจำกไอของสำรประกอบโซเดียมพอกตัวขึ้น
ก่อนบนผิวร้อน เกิดเป็ นสำรเหนียว จำกนั้นไอของสำรประกอบของวำนำเดียมและ
โซเดียมจะสะสมตัวตำมมำ เกิดเป็ นสำรที่สำมำรถกัดกร่ อนได้ สำมำรถป้ องกันได้ โดย
พยำยำมถ่ำยน้ ำออกจำกถังเก็บน้ ำมันเตำเป็ นประจำ น้ ำสำมำรถละลำยพวกเกลือโซเดียม
ออกมำได้ ดังนั้นไม่ควรปล่อยให้น้ ำมีโอกำสเข้ำสู่ หวั ฉี ด นอกจำกนั้นยังควรตรวจสอบ
จำนวนอำกำศที่เข้ำหัวฉี ดต้องไม่มำกเกินไป กำรฉี ดพ่นละอองน้ ำมันควรจะดีเยีย่ มเป็ น
ฝอยเสมอกัน เพื่อให้คลุกเคล้ำอำกำศได้ทวั่ ถึง
7.2.2 ปัญหำที่พบบ่อยในกำรใช้น้ ำมันเตำ กำรเกิดเป็ นถ่ำนแข็งเกำะติดตำม
ผนังหรื อท่อ มีสำเหตุดงั นี้
1) เปลวไฟถูกทำให้ เย็นลงอันเนื่องมำจำก
(1) เปลวไฟหรื อไอน้ ำมันชนปะทะผนังเตำ ผิวท่อซึ่ งเย็นจะทำให้อุณหภูมิผิวท่อ
ลดต่ำกว่ำจุดติดไฟ เกิดเป็ นเขม่ำจับตัวแข็ง
(2) ตำแหน่งหัวฉี ดไม่ได้ศนู ย์กลำงในห้องเผำไหม้ (Miss alignment) ทำให้เปลว
เอียงไปด้ำนใดด้ำนหนึ่งและชนขอบผนังเตำ
(3) ช่องบังคับทำงลมชำรุ ด ผุกร่ อน เคลื่อนตัวหรื อบิดงอจำกสภำพเดิม ทำให้
อำกำศไม่สำมำรถผสมเข้ำกับไอน้ ำมันได้ดี กำรเผำไหม้จึงไม่สมบูรณ
(4) กำรกระจำยของอำกำศรอบๆหัวฉี ดไม่สม่ำเสมอ ด้ำนหนึ่งขำดอำกำศอีกด้ำน
หนึ่งกลับมีอำกำศมำกเกินไป
2) กำรฉีดพ่นฝอยของหัวฉีดไม่ดีพอ ละอองน้ ำมันมีลกั ษณะเม็ดโตเกินไปและขนำดไม่
สม่ำเสมอทั้งนี้เกิดจำก
(1) ควำมข้นใสของน้ ำมันไม่ได้ตำมข้อกำหนด เช่น สำหรับหัวฉี ดอำจจะสูง
เกินไปหรื อต่ำเกินไป เนื่องจำกกำรควบคุมอุณหภูมิน้ ำมันไม่ได้ที่ ทั้งนี้ควรตรวจดูหม้ออุ่นน้ ำมัน
และตัวควบคุมอุณหภูมิของน้ ำมัน
(2) ควำมดันของน้ ำมันเตำหรื อควำมดันของไอน้ ำ/ ลมต่ำไป ไม่ได้ตำม
ข้อกำหนด จึงควรตรวจดูปั๊มน้ ำมัน หม้อกรองน้ ำมันว่ำอุดตันหรื อไม่
(3) หัวฉี ดสึ กกร่ อน ชำรุ ด หรื ออุดตัน โดยเฉพำะอย่ำงยิง่ หัวฉี ดประเภทใช้ควำม
ดันสำหรับตัวน้ ำมันเตำเองนั้น ร่ องบนหัวฉี ดมีควำมสำคัญต่อกำรพ่นฝอยของน้ ำมันมำก เพรำะ
หำกร่ องนี้เกิดชำรุ ดหรื อบิดเบี้ยว หัวฉี ดจะไม่สำมำรถพ่นเป็ นฝอยละเอียดตำมต้องกำรได้ กำร
ล้ำงหัวฉี ดจึงต้องระวังอย่ำใช้ของแข็งขูดหรื อแคะ จนเป็ นรอยหรื อเสี ยรู ปได้
3) อำกำศสำหรับเผำไหม้ ไม่ พอเพียงเกิดจำก
(1) ช่องทำงอำกำศเข้ำเตำเกิดอุดตัน
(2) อิฐทนไฟรอบๆ ชุดหัวฉี ดพังลงมำปิ ดกั้นทำงลม
(3) ทำงดูดข้ำวของพัดลมที่ใช้เป่ ำอำกำศเข้ำชุดหัวฉี ดเกิดอุดตัน
4) มีน้ำและของแข็งทีเ่ ผำไหม้ ไม่ ได้ ปะปนอย่ ใู นน้ำมันเตำมำก
7.3 กำรบำรุ งรักษำฝำหอยหรื อช่องคนลอด
กำรรั่วซึ มที่ช่องคนลอดและช่องมือลอด อำจเป็ นเหตุให้เกิดกำรผุกร่ อนอย่ำงรวดเร็ วที่
บริ เวณ ฝำปิ ดช่องคนลอดและฝำปิ ดช่องมือลอด สำหรับสำเหตุของกำรรั่วซึ ม โดยทัว่ ๆไปมี
ดังนี้
7.3.1 ปิ ดฝำหอยไม่แน่น โดยปะเก็นไม่สำมำรถยืดหยุน่ ตัวได้ จึงกันรั่วไม่ได้
7.3.2 นำปะเก็นเก่ำมำใช้อีก จึงมีกำรรั่วซึ มบริ เวณรอยต่อ
7.3.3 ต่อปะเก็นไม่ถกู ต้อง จึงมีกำรรั่วซึ มบริ เวณรอยต่อ
7.3.4 ใช้ปะเก็นไม่เหมำะสมกับหม้อน้ ำ
7.3.5 ใส่ ฝำหอยไม่ตรง ทำให้ขอบฝำหอยติดค้ำง ไม่สำมำรถขันน๊อตให้ฝำหอย
แนบสนิทกับปะเก็นได้
7.3.6 ไม่ได้ทำควำมสะอำดฝำหอยก่อนใส่ ปะเก็นใหม่ ทำให้มีเศษผงค้ำงคำบริ เวณ
ผิวหน้ำสัมผัส ไม่สำมำรถขันน๊อตให้ฝำหอยแนบสนิทกับปะเก็นได้
7.4 การเก็บรั กษาหม้ อนา้ เมื่อไม่ ได้ ใช้ งาน
หม้อน้ ำที่ไม่ได้ใช้งำนเป็ นเวลำนำนๆ จำเป็ นต้องมีกำรเก็บรักษำให้ถูกวิธี ทั้งทำงด้ำน
สัมผัสไฟและด้ำนสัมผัสน้ ำ และต้องตัดแยกสวิทช์ไฟฟ้ ำทั้งหมด ดังนี้
7.4.1 กำรรักษำผนังด้ำนสัมผัสไฟ เพื่อป้ องกันกำรผุกร่ อนผนังด้ำน
สัมผัสไฟ จะต้องจัดเขม่ำ ที่จบั อยูใ่ นห้องเผำไหม้ผวิ สัมผัสท่อไฟ และวัสดุทนไฟทั้งหมดออก
เพื่อป้ องกันปฏิกิริยำกัดกร่ อน
7.4.2 กำรรักษำผนังด้ำนสัมผัสน้ ำ แบ่งได้ 2 แบบคือ
1) กำรเก็บรักษำแบบแห้ง ถ้ำต้องกำรเก็บหม้อน้ ำเกินกว่ำ 3 เดือน จะต้อง
ระบำยน้ ำทิ้ง เคำะล้ำงตะกรันออกให้หมดและเป่ ำด้วยอำกำศจนแห้ง แล้วใส่ สำรที่ดูดควำมชื้น
เช่น ปูนขำว ซิ ลิกำเจล (Silica gel) หรื อแอกติเวกเต็ด อลูมินำ (Activated alumina) ลงในถำด
แล้วใส่ ไว้ขำ้ งในหม้อน้ ำพร้อมกับปิ ดฝำต่ำงๆ ที่เปิ ดอยู่ เพื่อป้ องกันควำมชื้นและอำกำศเข้ำไป ใน
กรณี หม้อน้ ำขนำดใหญ่ใช้ควำมดันสู ง กำรเก็บแบบแห้งจะอัดก๊ำซไนโตรเจนเข้ำไปในหม้อน้ ำ
โดยเปิ ดวำล์วระบำยใต้เตำ เพื่อให้ก๊ำซไนโตรเจนไล่ก๊ำซอื่นออกไปให้หมด และไล่ควำมชื้น
ออกไปด้วย จำกนั้นปิ ดวำล์ว แล้วอัดก๊ำซไนโตรเจนเข้ำหม้อน้ ำจนได้ควำมดันประมำณ 5 ปอนด์
ต่อตำรำงนิ้ว และพยำยำมรักษำควำมดันนี้ ให้คงที่ตลอดเวลำ
2) กำรเก็บรักษำแบบเปี ยก ถ้ำต้องกำรเก็บหม้อน้ ำไม่เกิน 3 เดือนให้เติมน้ ำจนเกือบเต็ม
แล้วปิ ดวำล์วระบำย ที่อยูส่ ูงที่สุดของหม้อน้ ำ จำกนั้นให้เดินเครื่ องจนเกิดไอน้ ำขึ้นชัว่ ขณะ จำกนั้นเติมน้ ำให้เต็ม
หม้อน้ ำ แล้วเติมโซเดียมซัลไฟต์ (Na2SO3) และไฮดรำซีน (N2H4) ลงในน้ ำ ให้มีควำมเข้มข้น 100 ppm (1.5
ปอนด์ของ Na2SO3 หรื อ N2H4 ต่อ 100 แกลลอนของน้ ำที่เติมเข้ำไป) แล้วเติมโซดำไฟ (NaOH) เพื่อให้เกิดสภำพ
ควำมเป็ นด่ำง มีควำมเข้มข้นประมำณ 400 ppm. (3 ปอนด์ของโซดำไฟ ต่อ 1,000 แกลลอนของน้ ำ) ทั้งนี้ เพื่อไล่
ออกซิเจนในน้ ำออกให้หมด
7.5 ข้ อควรระวังและพึงปฏิบัติในกำรซ่ อมหม้ อน้ำ
•
7.5.1 พึงระลึกเสมอว่ำ หม้อน้ ำมีพลังงำนควำมร้อนและควำมดัน สะสมอยูเ่ ป็ นจำนวนมำก ดังนั้น
ก่อนซ่อมใหญ่ ต้องไม่ดำเนินกำรภำยใต้อุณหภูมิและควำมดันที่ใช้งำนอย่ำงเด็ดขำด
7.5.2 พึงระลึกเสมอว่ำ ภำยในเตำหรื อหม้อน้ ำ ถังพักไอ จะมีลกั ษณะเป็ นที่อบั อำกำศ จึงต้อง
ดำเนินมำตรกำรด้ำนควำมปลอดภัยอย่ำงเต็มที่ ในเรื่ องที่เกี่ยวกับกำรปฏิบตั ิงำนในที่อบั อำกำศ (Confined space)
นอกจำกนี้ ภำยในเตำอำจมีเชื้อเพลิงตกค้ำงหรื อมีไอเชื้อเพลิงสะสมอยูต่ ำมมุมอับ ซึ่งพร้อมที่จะติดไฟหรื อระเบิด
อันจะเป็ นอันตรำยต่อผูป้ ฏิบตั ิงำนได้ จึงต้องทำกำรตรวจวัดเสี ยก่อน หำกพบต้องทำกำรไล่ให้หมด
7.5.3 กำรใช้อุปกรณ์ไฟฟ้ ำ เพื่อกำรซ่อมแซมหม้อน้ ำ เช่น ไฟแสงสว่ำงหรื อ
เครื่ องมือกลต่ำงๆ เพื่อควำมปลอดภัยจำกกำรถูกไฟฟ้ ำดูดหรื อลัดวงจร จึงแนะนำให้ใช้อุปกรณ์
ประเภทกระแสตรงแรงดันต่ำ หำกเป็ นเครื่ องมือกล ควรจะเลือกใช้อุปกรณ์ที่ขบั ด้วยลม (Air
tools) แทนขับด้วยไฟฟ้ ำจะดีที่สุด
7.5.4 ระยะเวลำในกำรตรวจสอบและบำรุ งรักษำหม้อน้ ำที่เหมำะสม จะเป็ น
เครื่ องมือสำคัญที่จะลดควำมเสี่ ยงต่ออุบตั ิเหตุได้เป็ นอย่ำงมำก ทั้งนี้เพรำะ “อุบตั ิเหตุป้องกันได้
ถ้ำไม่ประมำท” ในกำรปฏิบตั ิงำนของผูค้ วบคุมหม้อน้ ำ จึงจำเป็ นจะต้องวำงแผนและกำหนด
ระยะเวลำในกำรตรวจสอบและบำรุ งรักษำ
ทั้งโครงสร้ำงส่ วนประกอบ และอุปกรณ์
สำคัญต่ำงๆของหม้อน้ ำ ดังตัวอย่ำงตำรำงที่ 3 แสดงระยะเวลำสำหรับตรวจสอบและบำรุ งรักษำ
หม้อน้ ำ ซึ่ งสำมำรถใช้เป็ นแนวทำงปฏิบตั ิได้ ดังนี้
7.5.5 สำหรับระยะเวลำในกำรตรวจสอบและบำรุ งรักษำหม้อน้ ำและอุปกรณ์ต่ำงๆ
ของแต่ละโรงงำนอำจไม่เท่ำกัน ทั้งนี้ ขึ้นอยูก่ บั คุณภำพของอุปกรณ์ คุณภำพของน้ ำที่ใช้ป้อนเข้ำ
หม้อน้ ำ สภำพกำรใช้งำน ควำมดัน อุณหภูมิและชนิดเชื้อเพลิง เป็ นต้น สำหรับหม้อน้ ำที่มี
คำแนะนำจำกบริ ษทั ผูผ้ ลิต ให้ถือปฏิบตั ิตำมคำแนะนำของบริ ษทั ผูผ้ ลิตเป็ นสำคัญ
8. อันตรำยของหม้ อนำ้
8.1 อุบตั ิเหตุเกี่ยวกับหม้อน้ ำ ที่เกิดขึ้นมำกที่สุด คือ น้ ำแห้ง (Water level low-low) ซึ่ ง
เป็ นผลมำจำกท่อไฟใหญ่หรื อห้องเผำไหม้ได้รับควำมร้อนสู งเกินขีดจำกัด ทำให้เกิดกำรบวม
หรื อกำรฉี กขำด ในกรณี ที่น้ ำแห้งหม้อน้ ำบำงชนิ ดยังคงเดินเครื่ องทำงำนต่อไปได้ เช่น หม้อน้ ำ
ชนิดท่อน้ ำ แต่สำหรับหม้อน้ ำบำงชนิ ด เช่น หม้อน้ ำชนิดท่อไฟ เมื่อเกิดน้ ำแห้งแล้ว อำจ
ก่อให้เกิดกำรระเบิดอย่ำงรุ นแรงและสร้ำงควำมเสี ยหำยที่ใหญ่หลวงได้
กำรเกิดอุบตั ิเหตุเกี่ยวกับหม้อน้ ำในสหรัฐอเมริ กำ เมื่อปี ค.ศ.1979 มีอุบตั ิเหตุเกี่ยวกับ
หม้อน้ ำเกิดขึ้นกว่ำ 3,000 ครั้ง มีผเู ้ สี ยชีวติ 5 คน บำดเจ็บ 44 คน ทรัพย์สินเสี ยหำยมำกมำย
อุบตั ิเหตุที่เกิดขึ้นมีลกั ษณะหรื อสำเหตุที่สำคัญๆ ดังนี้
8.1.1 นำ้ แห้ ง (Water level low-low)
8.1.2 ท่ อไฟเล็กฉีกขำด (Tube rupture)
8.1.3 ท่ อไฟใหญ่ ระเบิด (Furnace explosions)
8.1.4 เปลือกฉีกขำดหรือร้ ำว (Shell rupture or crack)
8.1.5 ผนังหน้ำ – หลังร้ำว (End plate or tube sheet crack)
8.1.6 กำรระเบิดของแก๊สในห้องเผำไหม้ (Gas explosion)
8.1.7 ควำมบกพร่ องของผูค้ วบคุม (Human error)
8.1.8 ลิ้นนิรภัยระบำยไอไม่เพียงพอ (Inadequate safety valve)
8.2 สำเหตุที่หม้อน้ ำระเบิด จำกข้อมูลที่ได้จำกกำรตรวจสอบบริ เวณที่เกิดเหตุหม้อน้ ำ
ระเบิด ทำให้ ทรำบว่ำสำเหตุของหม้อน้ ำระเบิดนั้น อำจเกิดขึ้นด้วยสำเหตุหนึ่ งหรื อหลำยสำเหตุ
ประกอบกัน ดังนี้
8.2.1 ควำมบกพร่ องในกำรออกแบบ กำรสร้ำง กำรติดตั้ง และกำรซ่อมแซมหม้อน้ ำ
8.2.2 วัสดุที่นำมำใช้สร้ำงไม่เหมำะสม
8.2.3 ใช้อุปกรณ์ต่ำงๆไม่ถกู ต้อง ตำมข้อกำหนดของอุปกรณ์น้ นั ๆ
ข้ อพิจำรณำ
โดยทัว่ ไปในกำรติดตั้ง หรื อกำรบำรุ งรักษำต้องทำตำม
กำหนดเวลำในคู่มือของเครื่ องนั้นๆ ผูค้ วบคุมต้องได้รับ
กำรฝึ กปฏิบตั ิไม่ใช่ช่ำงทัว่ ไป แต่จะต้องทำตำม
กำหนดเวลำ Safety checks และต้องรู้จกั ชื่อ
ของอุปกรณ์
ข้ อแนะนำของกำรผิดพลำด
1.
2.
3.
4.
5.
6.
7.
8.
ออกแบบผิดพลำด เช่ น กำรก่อสร้ ำงและกำรติดตั้ง
กำรปฏิบัติ เช่ น พฤติกรรมของบุคคลและไม่ มีควำมรู้เพียงพอในกำรปฏิบัติ
กำรสึ กหรอ หรือกำรกัดกรอนของโลหะ
ระบบเครื่องกลล่ม หรือสวิตช์ หรือสวิตช์ safety ไม่ ทำงำน
ระบบนำ้ หรือกำรหมุนเวียนของวัสดุ
ผิดพลำดในกำรตรวจสอบ อุปกรณ์ และควำมถี่
ควำมบกพร่ องต่ อระบบอุปกรณ์
บกพร่ องต่ อกำรวำงแผน ป้องกัน บำรุงรักษำ
กำรป้ องกันไฟฟ้ ำช๊ อต
• โดยทัว่ ไปอนุญำตให้ใช้ไฟฟ้ ำได้ 6 หรื อ 12 โวล์ว รวมทั้ง
เครื่ องมือในหม้อน้ ำ เครื่ องมือทุกชนิดจะต้องต่อสำยดิน
• เมื่อทำควำมสะอำดหม้อน้ ำต้องสวมใส PPE หมวก
safety แว่นตำ เครื่ องปิ ดจมูก และงำนหนักต้องใช้ถุงมือหนัง
ต้ องมีผ้ ูควบคุมอยู่ข้ำงนอก
เรื่องที่ 2 ควำมปลอดภัยในกำรทำงำนเกีย่ วกับถังควำมดัน
ถังควำมดัน เป็ นภำชนะที่มีควำมดันอยูภ่ ำยใน ควำมดันเกิด
จำกสำรหรื อสิ่ งต่ำงๆ ที่อดั กันแน่นอยูภ่ ำยในถัง หรื อำจเกิดจำก
ปฏิกิริยำทำงเคมี ที่เกิดจำกกำรต้มน้ ำให้เดือดเป็ นไอดังเช่นหม้อน้ ำ
ถังควำมดันที่ใช้ในประเทศไทย มีหลำยชนิด เพื่อใช้บรรจุ เช่น
ก๊ำซหุ ม้ ต้ม ออกซิ เจน สำรที่ใช้ดบั เพลิง สำรทำควำมเย็น สำรเคมี
ต่ำงๆ ฯลฯ
กำรตรวจสภำพถังควำมดัน ถังควำมดัน เป็ นภำชนะที่มีอำยุกำรใช้งำนเช่นเดียวกับ
ภำชนะอื่นๆ ดังนั้นจึงต้องมีกำรตรวจสอบและบำรุ งรักษำอย่ำงถูกต้องและเหมำะสมอยูเ่ สมอ
โดยหลักกำรแล้ว ถังควำมดันทั้งหลำยจะต้องได้รับกำรตรวจสภำพและทดสอบควำมดันเป็ น
ประจำโดยผูช้ ำนำญกำร นอกจำกนี้จะต้องมีกำรเก็บประวัติของถังควำมดันแต่ละลูกตั้งแต่เริ่ มใช้
งำน อำจจะเก็บข้อมูลประวัติไว้ที่แผนกซ่อมบำรุ งก็ได้ แต่ท้ งั นี้ให้มีเอกสำรเกี่ยวกับรำยละเอียด
ของถังควำมดันนั้นจำกผูผ้ ลิตหรื อผูอ้ อกแบบ และให้ระบุถึงจุดที่จะต้องตรวจสอบเป็ นประจำ
รวมถึงกำรติดตั้งและกำรซ่อมแซม เป็ นต้น
ถังควำมดันที่บรรจุสำรเคมีอนั ตรำยต่ำงๆ สำรกัดกร่ อน สำรพิษหรื ออื่นๆ แล้วมีกำรใช้
ในสถำนประกอบกิจกำรนั้น ผูป้ ฏิบตั ิงำนหรื อพนักงำน วิศวกรเคมีหรื อนักเคมีและเจ้ำหน้ำที่
ตรวจสอบควรทรำบรำยละเอียดของถังควำมดันเหล่ำนั้น
อย่ำงไรก็ตำม กำรตรวจสภำพถังควำมดัน ควรปฏิบตั ิตำมมำตรฐำนของสำนักงำน
มำตรฐำนผลิตภัณฑ์อุตสำหกรรม กระทรวงอุตสำหกรรม ได้แก่ มอก.151-258 กำหนดกำร
ตรวจสภำพถัง กำรใช้และซ่อมบำรุ งถังบรรจุก๊ำซปิ โตรเลียมเหลว เครื่ องดับเพลิงแบบมือถือ
ชนิดผงเคมีแห้งตำม มอก. 332 - 2537 และ
ชนิดโฟมตำม มอก. 882 - 2532 เป็ นต้น และเพื่อเป็ นข้อมูล เพิม่ เติม
เกี่ยวกับวิธีกำรตรวจและกำรทดสอบที่เกี่ยวกับเรื่ องนี้ อำจทำได้หลำยวิธี
คือ
1) กำรใช้ รังสี
2) วิธีอุลตรำโซนิค
3) วิธีอนุภำคแม่ เหล็ก
4) วิธีใช้ สำรแทรกซึม
5) วิธีกระแสเอ็ดดี้
6) วิธีอดั นำ้ ทดสอบควำมดันที่ 1.5 เท่ ำของควำมดันใช้ งำนสู งสุ ด