การวิจัย - วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม

Download Report

Transcript การวิจัย - วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม

จุดประกายการวิจย
ั และพัฒนาสู่การไปใช้ประโยชน์
เทคนิคการเขียนขอเสนอโครงการวิ
จย
ั
้
การกาหนดโจทย ์ คาถาม วัตถุประสงคการวิ
จย
ั สู่การไปใช้ประโยชน์
์
สาหรับคณาจารยวิ
์ ทยาลัยเทคโนโลยีสยาม
วันที่ 29 เมษายน 2557 เวลา 09.00-16.00 น.
โดย ศิลป์ชัย นิลกรณ์
กลุ่มทรัพยากรบุคคล
สานักงานคณะกรรมการวิจยั แห่งชาติ(วช.)
www.training.nrct.go.th
[email protected]
TEL:081-8465396
1
•
โจทย์
• ดูความสอดคล้ อง
1.ยุทธศาสตร์ การพัฒนา
ตามแผนฯ ฉบับที่ 11
(2555-2559)
2.นโยบายและยุทธศาสตร์
การวิจยั ของ วช.ฉบับที่ 8
3.กลุ่มเรื่ องเร่ งด่ วน ตาม
ข้ อ 2
4.นโยบายรั ฐบาล
5.แผนหน่ วยงาน พืน้ ที่วิจยั
นามาใช้ ร่วมกัน
INPUT
•โจทย์ หวั ข้ อ
•เร่ งด่ วน สาคัญ
น่ าสนใจ
•วัตถุประสงค์
รู ปธรรม จัดเจน
•ความพร้ อม
•คณะนักวิจัย/ปรึกษา
•ทบทวนวรรณกรรม
อ้ างอิง
•แผนโครงการชัดเจน
ตอบวัตถุประสงค์
• งบประมาณ
เหมาะสม
PROCESS
•กระบวนการวิจัย
•ระเบียบวิธีวิจัย
สถิติ
•ถูกต้ อง ชัด ตอบ
วัตถุประสงค์
•มีแผนการ
ถ่ ายทอด
•สู่กลุ่มเป้าหมาย
ชัด
OUTPUT
•ผลผลิต
•ชิน้ งานตอบ
โจทย์
วัตถุประสงค์
•ดัชนีชวี ้ ัดอะไร
• มีสิทธิบัตร/
อนุสิทธิบัตร
•สร้ างนักวิจัย
ใหม่ จานวน
•
OUTCOME
IMPACT
•ผลลัพธ์ /กระทบ ตอบ
•ประโยชน์ ประชาชน /ชาติ
•เกิดมูลค่ าเพิ่ม E
•สร้ างคุณค่ า S C
•ลดการนาเข้ า
•เพิ่มรายได้ /ขีด
ความสามารถ
•ผลมวลรวม สังคม
เศรษฐกิจ วัฒนธรรม
สนองตอบ
• แผนพัฒนาชาติฉบับที่ 11
•ยุทธศาสตร์ การวิจัย วช.
ฉบับที่ 8
• นโยบายรัฐบาล
•แผนปฏิบัติการหน่ วยงาน
•แผนพืน้ ที่
•นามากาหนดนโยบายได้
2
• วางแผนงานอย่ างชัดเจนเป็ นระบบ
• ออกแบบการวิจยั อย่ างน่ าเชื่อถือ
• ดาเนินการวิจัยอย่ างถูกต้ องมีจรรยาบรรณ
3
• มีประโยชน์ มีคุณค่ า สร้ างสรรค์ สร้ างมูลค่ า
1. ได้ ความรู้ , สร้ างองค์ ความรู้
2. มีแนวทางการพัฒนา
3. ชี้ทางปฏิบัติ - แก้ ปัญหา สามารถให้ ผ้ ูบริหารตัดสิ นใไได้
• มีวธิ ีการทีถ่ ูกต้ อง สมเหตุสมผล
1. วางแผนและออกแบบการวิไยั ดี
2. ข้ อมูลดี เชื่อถือได้
3. วิเคราะห์ แปลผล สรุปผลถูกต้ อง
4
• ผลน่ าเชื่อถือ
• ข้ อสรุ ป ตอบวัตถุประสงค์ ได้ ถูกต้ อง
• ข้ อผิดพลาดมีน้อยสุด
• ขยายผลได้ (External Validity)
• เป็ นจริงในขอบข่ าย ในสถานการณ์ จริง
• ข้ อมูลเก็บได้ จากตัวแทนที่ดี
กระบวนการค้ นคว้ าอย่ างมีระบบระเบียบ และกฎเกณฑ์
ในการรวบรวมข้ อมูล วิเคราะห์ แปลความหมายข้ อมูลอย่ าง
ถูกต้ องสมเหตุสมผลตามปั ญหาที่ตงั ้ ไว้
5
แหล่ งทุนวิจัย
1.ทุนที่เสนอผ่ าน วช. มี 2 ประตูใหญ่ 1 ประตูเล็ก
ประตู 1 ผ่ านระบบ NRPM ของกองมาตรฐานการวิจัย(กมว.) ดูด้านวิชาการ
สานักงบประมาณ จ่ ายเงินตรงกับหน่ วยงาน หมวดเงินอุดหนุน
ใช้ แบบฟอร์ ม ว.1 ด. และ ว.1 ช.
ประตู 2 ผ่ าน กองบริหารแผนและงบประมาณการวิจัย(กบง.)
วช.จ่ ายทาสัญญากับ วช.
ใช้ แบบฟอร์ ม ภค.1 ช. และ ภค.1 ย.
ประตูเล็ก 1 ประตู ผ่ าน กองการต่ างประเทศ (กกต.)
เข้ าไปที่ www.nrct.go.th
6
ประตู 1ผ่ านระบบ NRPM กองมาตรฐานการวิจัย
(กมว.) วช.
เปิ ดรับส่ งผ่ านระบบ กรกฎาคม-1พฤศจิกายน
ประกาศผล 1 กุมภาพันธ์
ปี 54 เสนอขอ 6,199,199,432 บาท
สนับสนุน 4,065,557,587 บาท
ประตู 2 ผ่ าน วช.โดย กบง. 400-500 ล้ านบาท
รอบที่ 1 มกราคม-มีนาคม
รอบที่ 2 กรกฎาคม-สิงหาคม
รอบที่ 3 กันยายน-ตุลาคม
ประกาศผลไม่ เกิน 3 เดือน
ส่ งผ่ าน NRPM หมด
7
ข้อบกพร่องในการเขียนข้อเสนอการวิจยั
เพื่อให้ได้รบั ท ุนอ ุดหน ุนการวิจยั
จาก
ผูพ
้ ิจารณาให้ท ุน วช.ปี 2553
8
การเขียนความสาคัญของปั ญหา
1.ขาดความเชื่อมโยงอย่างเป็ นเหตุเป็ นผล
2.ไม่สอดคล้องกับชื่อเรื่ อง และวัตถุประสงค์
9
การเขียนวัตถุประสงค์
 ไม่สอดคล้องกับความสาคัญของปัญหา
 ไม่สอดคล้องกับชื่อเรื่ อง
*ไม่มีความคิดริ เริ่ มหรื อความคิดใหม่
คาถามการวิจยั หรื อว่าวัตถุประสงค์ของการวิจยั ไม่ชดั เจน
10
ขั้นของการตรวจสอบเอกสาร
ไม่ตรวจสอบเอกสารจากแหล่งปฐมภูมิ
เอกสารที่ตรวจสอบไม่เกี่ยวข้องโดยตรง
ไม่มีการสังเคราะห์
11
การเลือกตัวอย่าง
ไม่ระบุวธิ ีการเลือกตัวอย่าง
ใช้วธิ ีการเลือกตัวอย่างไม่เหมาะสม
12
เครื่ องมือในการรวบรวมข้อมูล
ไม่ระบุวธิ ีการสร้างเครื่ องมือ
ไม่ระบุรายละเอียดของวิธีการสร้างเครื่ องมือ
 ไม่มีการตรวจสอบคุณภาพของเครื่ องมือ
วิธีการตรวจสอบคุณภาพของเครื่ องมือไม่
เหมาะสม
13
การรวบรวมข้อมูล
 ไม่ระบุรายละเอียดของการรวบรวมข้อมูล
การวิเคราะห์ขอ้ มูล
 ไม่ระบุสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ขอ้ มูล
ระบุสถิ ติที่ใช้ในการวิเคราะห์ ขอ้ มูลไม่เหมาะสม
เขียนรวม ๆ หรื อใส่ สถิติทุกชนิดที่รู้จกั
14
จุดตายของข้อเสนอโครงการวิจยั
เพื่อขอรับทุนอุดหนุนการวิจยั วช.
โดย
ผูพ้ ิจารณาให้ทนุ
ดร.ธรรมชัย เชาว์ปรีชา
กรรมการสภาวิจยั แห่งชาติ
สาขาวิศวกรรมศาสตร์และอุตสาหกรรมวิจยั
15
1.ตายนา้ ตื้น?
 ไม่ถูกต้องตามเงือ่ นไข
 ส่งเอกสารไม่ครบในส่วนประกอบต่างๆ
 เอกสารบางหน้าขาดหายไป
 พิมพ์ผดิ ในส่วนที่สาคัญ
 ไม่ทนั กาหนดเวลา
16
2.ตาย...แบบไม่รูต้ วั
 ไม่เข้าใจ TOR
 ไม่ใช่โครงการวิจยั
 ไม่เข้าใจ นิยาม หรือ ความหมาย คาสาคัญที่ใช้
17
3.ตาย...แบบไร้ความหมาย
 ความสาคัญของปั ญหา(ที่มา) ไม่ชดั เจน
 ที่มา ความสาคัญของปั ญหาไม่สมั พันธ์กบั โจทย์
 โจทย์วิจยั ไม่ชดั เจน
 ผลที่คาดว่าจะได้รบั ไม่ชดั เจน
 การนาไปใช้ประโยชน์ไม่ชดั เจน
 การถ่ายทอดเทคโนโลยีไม่ชดั เจน
18
4.ตายซา้ ...ตายซาก
 ทาซา้ ซ้อนกับคนอืน่
 ไม่ได้ทบทวนวรรณกรรมให้ดี
 ทาในเรือ่ งที่ไม่จาเป็ นต้องวิจยั
 ทาซา้ ต่างแค่รายละเอียดเล็กน้อย
19
5.ตาย...เพราะมือไม่ถึง
 พื้นฐาน ประสบการณ์ ไม่สอดคล้องกับความยาก
 ทาคนเดียว ขาดทีมงานเสริม แก้จุดอ่อน
 ไม่ติดตามความก้าวหน้าทางวิชาการ
 เอกสารอ้างอิงน้อย เชย ล้าสมัย มีแต่ภาษาไทย
20
6.ตาย...เพราะไม่เข้าใจ
 กรอบการวิจยั ตัวแปร สับสน
 ระเบียบวิธีวิจยั ไม่เหมาะสม
 การใช้สถิติวิจยั การสุ่มต้วอย่าง ไม่เหมาะสม/ไม่
สอดคล้องกับโจทย์
21
7.ตาย...เพราะแผนการการดาเนินงาน
 แผนการดาเนินงาน ไม่สอดคล้องกับ เงือ่ นเวลา
 แผนการดาเนินงาน เป็ นแบบหยาบ ไม่ชดั เจน
 แผนการดาเนินงาน มีขนั้ ตอนไม่เหมาะสม
 ไม่มีคาอธิบายประกอบ แผนการดาเนินงาน ให้ชดั เจน
22
8.ตาย...เพราะเงิน
 จัดทารายการไม่จาเป็ น มาเป็ นค่าใช้จา่ ย
 ไม่มีคาอธิบายประกอบ ให้เข้าใจ
 มีการจัดซื้อครุภณั ฑ์ สานักงาน เช่น PC เครือ่ งพิมพ์
 ค่าใช้จา่ ยที่ไม่ใช่เรือ่ งหลัก สูงมาก
 ค่าใช้จา่ ย โดยรวม สูงเกินไป
23
เขียนอย่างไรจึงจะได้รบั ทุน?
 ใช้หลักหัวใจนักปราชญ์
 หลักการเรียนรูข้ องมนุษย์
 หลักการมีส่วนร่วม
 หลักฝึ กปฏิบตั ิ แบ่งกลุ่ม ร่วมคิด ร่วมทาจากตัวอย่าง
 หลักการนาเสนอ วิพากษ์และปรับแก้ กาจัดจุดอ่อน
 หลักเข้าใจ มัน่ ใจ ทางานวิจยั ด้วยความชอบ มีความสุข
 ได้ประสบการณ์ ได้เครือข่ายนักวิจยั ได้ทุนผลพลอยได้
24
25
• ช่ องทางการรั บร้ ูของเรา
1. ทางสายตา 75%
2. ทางหู 13%
3. ทางจมูก 3%
4. ทางลิ้น 3%
5. ทางกาย 6%
 ทาให้ เกิดการเรี ยนร้ ู = การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
26
*พระพุทธเไ้ าได้ ทรงสอนไว้ ไม่ ให้ เราเชื่อ
โดยอาการ 10 อย่ าง ดังนี้
1. อย่ าได้ เชื่อถือ โดยการฟังตามกันมา
2. อย่ าได้ เชื่อถือ โดยการถือสื บๆ กันมา
3. อย่ าได้ เชื่อถือ โดยการเล่าลือ
4. อย่ าได้ เชื่อถือ โดยการอ้างตารา
27
5. อย่าได้เชื่อถือ โดยตรรกะ
6. อย่าได้เชื่อถือ โดยการอนุมาน
7. อย่าได้เชื่อถือ โดยการคิดตรองตามแนวเหตุผล
8. อย่าได้เชื่อถือ เพราะเข้ากันได้กบั ทฤษฎีของตน
9. อย่าได้เชื่อถือ เพราะมองเห็นรู ปลักษณะน่าเชื่อถือ
10.อย่าได้ เชื่อถือ เพราะนับถือว่าท่าน (สมณะ) นี ้ เป็ น
ครูของเรา
(ที่มา : พุทธธรรม ฉบับปรับปรุงและขยายความ หน้ า 651)
28
ต้ องทดลองปฏิบัติด้วยตนเองให้ ได้ ผลก่ อน
1.โดยเริ่ มจากสิ่ งที่เรามี เห็น และทาอยู่
2. มองว่าอะไรคือปั ญหา
3. หรื อสิ่ งใดควรปรับปรุ ง หรื อพัฒนาให้ดีกว่า
4. ต้อ งตอบโจทย์ องค์ ก รเรา คื อ วิ สั ย ทัศ น์
ภารกิจต่างๆที่เรามี เราเห็น เราทา
29
คุณลักษณะสาคัญของทรัพยากรมนุษย์ ในวิวฒ
ั นาการทางสั งคม โดย
รศ.ดร.สุ ธี อักษรกิตติ์
สังคม
(1) สังคมข้ อมูล
คุณลักษณะของทรั พยากรมนุษย์
- รั บฟั ง
- จดจา
(2) สังคมสารสนเทศ
- รั บรู้
- เข้ าใจ
(3) สังคมการเรี ยนรู้
- นาไปใช้
- วิเคราะห์
(4) สังคมนวัตกรรม
- สังเคราะห์
- ประเมินคุณค่ า
อุปมากับบัว
ในตม
ในนา้
ปริ่มนา้
เหนือนา้
30
ความรูอ้ ยูท่ ไี่ หน ?
 ตารา
 ห้องสมุด
 คอมพิวเตอร์
 ประชุมวิชาการ
 ผูเ้ ชีย่ วชาญ
 คนทางาน
 ถูกทุกข้อ
31
สุภาษิตจีน
“ถ้ าวางแผนปี เดียว จงปลกู ข้ าวโพด
ถ้ าวางแผนสิบปี จงปลกู ต้ นไม้
 แต่ ถ้าวางแผนตลอดชีวิต
จงอบรมพัฒนาคน”

32
1. ครูทวั่ ๆไป บอกเล่ า
2. ครูทดี่ ี อธิบายเสริ ม
3. ครูชั้นเยีย่ ม
แสดงตัวอย่ างให้ เห็น
4. ครูทยี่ อดเยีย่ ม
สร้ างแรงบันดาลใจ
33
1. การพัฒนาตัวผู้วจิ ยั ให้ ความรู้ ความชานาญ ความชอบ
ผลลั
พ
ธ์
ไ
ม่
ห
วั
ง
แค่
ผ
ลงาน
แต่
เ
พื
อ
่
น
าผลวิ
ไ
ย
ั
ไปพั
ฒ
นาการ
2.
เรียนการสอน
3. เกิดโครงการต่ อยอด ไัดทาชุดโครงการร่ วมกับทีมงาน
3.
44. ได้ผลงานแบบบูรณาการ สหสาขา สหองค์ กร ตอบโไทย์วไิ ยั
34
1. รู้ วไิ ยั (การกาหนดโไทย์ วไิ ยั คาถามวิไยั วัตถุประสงค์ )
รู้ การออกแบบการวิไยั วิธีการวิไยั เชิงปริมาณ และ
2. เชิงคุณภาพ ประชากร การสุ่ มตัวอย่ าง
3. ตัวแปร ค่าตัวแปร/ข้ อมูล ระดับการวัดค่ าคัวแปร
4. สถิติ ชนิด ประเภท และการเลือกใช้ สถิติทเี่ หมาะสม
35
5. คอมพิวเตอร์ โปรแกรม R โปรแกรม SPSS
การออกแบบตารางวิเคราะห์ ตามวัตถุประสงค์
6. คาถามวิไยั สมมติฐาน
7. อ่าน และแปลผลลัพธ์ เขียนรายงานผล
36
Knowledge-Based Society and Economy
สภาวะแวดล้อม
ภายนอก
สภาวะแวดล้อม
ภายใน
ต้องมีความสามารถนา ความรู้ มาสร้าง นวัตกรรม
เพื่อใช้เป็ นพลังขับเคลื่อนการพัฒนาสังคม
องค์กรที่เป็ นเลิศตามมาตรฐานสังคม
37
 เป็ นองค์ การทีไ่ ิ๋วแต่ แไ๋ ว (small)
 องค์ การทีฉ่ ลาดทรงภูมปิ ัญญา มีความแปลกใหม่ (smart)
 เป็ นองค์ การทีม่ คี วามสุ ข ยิม้ แย้ มแไ่ มใส (smile)
 เป็ นองค์ การทีม่ คี วามร่ วมมือไร้ ความขัดแย้ ง (smooth)
 เป็ นองค์ การทีท่ าเรื่องยากให้ เป็ นเรื่องง่ ายและรวดเร็ว
(simplified)
38
การวิไัย (research) โดย วช.
การศึกษาค้ นคว้ า วิเคราะห์ หรือทดลองอย่ างมี ระบบ
โดยอาศั ยอุปกรณ์ หรื อวิธีการ เพื่อให้ พบข้ อเท็ไไริ ง
หรือหลักการไปใช้ ในการตั้งกฎ ทฤษฏี หรือแนวทาง
ในการปฏิบัติ
39
re+search
Re=ทาอีก
Search=ค้ นหา
-ค้ นหาแล้ วค้ นหาอีก จนตอบโจทย์ วิจัย
วิธีการเดียวกัน ผลลัพธ์ เหมือนกัน
-มีระบบหรือวิธีการ เพื่อพบข้ อเท็จจริง
-ข้ อเท็จ 1% หรือ 5% หรือ 0%
40
จุดมุ่งหมายโจทย์ การวิจัย
1. รู้ เข้ าใไเพือ่ อธิบายปรากฏการณ์
2. รู้ เข้ าใไความรู้ ทซี่ ่ อนเร้ น ไม่ มที ใี่ ดทราบมาก่ อน
3. เพือ่ แก้ ปัญหา หรือพัฒนาต่ อยอด
41
การคัดเลือกหัวข้อในการวิจยั
1. (Selection of Problem Area)
2.
วิธีการเก็บและการรวบรวมข้อมูล
(Method of Gathering Data)
การวิเคราะห์และการตีความข้อมูล
3. (Analysis and Interpretation of the Data)
4.
ข้อสรุ ปและการเสนอผลการวิจยั
(Conclusions and Report)
42
เป็ นการค้ นคว้ าอย่ างเป็ นระบบเพื่อให้ ได้
ข้ อ ความรู้ ต่ า ง ๆ ที่ จ ะสร้ างทฤษฎี ห รื อ เพื่ อ
เพิ่มพูนความรู้ ใหม่ โดยมิได้ ม่ ุงเน้ นที่จะนาทาง
ไปแก้ ปัญหาใด ๆ
43
เป็ นการค้ นคว้ าหาความรู้
อย่ า งเป็ นระบบ เพื่อ ให้ ไ ด้ ม า
ซึ่ ง ความรู้ อั น ไะน าไปสู่ การ
แก้ ปัญหาหรื อพัฒนาสิ่ ง ต่ าง ๆ
ให้ ดขี นึ้
44
เป็ นการวิจยั ที่ มุ่งค้นหารูปแบบ วิธีการหรือ
แนวความคิดใหม่ ๆ เพื่อสนองความจาเป็ น
หรือความต้องการให้เกิดประสิทธิภาพสูงขึ้น
ในการดาเนินกิจกรรมใด ๆ
45
สารวจ
พัฒนา
ประเมิน
NO
YES
เผยแพร่
46
• สภาพปั ญหาที่ปฏิบัติจริงต้ องการเพิ่มคุ ณภาพหรื อ
ผลที่ต้องการ
ประสิทธิภาพ
• ใช้ การสารวจจากเอกสารจากตัวอย่ างเพื่อหาข้ อมูล
พืน้ ฐาน กฎหรือทฤษฎีต่าง ๆ มาเป็ นแนวทางการ
เลือกวิธีการพัฒนา ภายใต้ ข้อจากัดและปั จจัยเอือ้
เลือกแนวการพัฒนา
ดาเนินการพัฒนา
• พัฒนาตามแนวทางที่เหมาะสมที่สุดและมีโอกาส
เป็ นไปได้ สูงสุด
ทดลองใช้ ส่ งิ ที่พัฒนา
ไม่ พงึ พอใจ
• ได้ แ ผนแบบการวิ จั ย เชิ ง ทดลองในการทดสอบ
ประสิทธิภาพ หรือคุณภาพของสิ่งที่พฒ
ั นาขึน้ มา
พึงพอใจ
• ประเมินผลตรวจสอบและเทียบกับเกณฑ์ ท่ กี าหนด
ไว้ ถ้ าต่ากว่ าเกณฑ์ ให้ ทาการปรับปรุ ง
สรุ ปผล
ยุตแิ ละเผยแพร่
47
 การค้นคว้า หรือการศึกษาที่ ตอ้ งการข้อมูล จากหลาย
สาขาวิ ช าการ เพื่ อ ให้ไ ด้ม าซึ่ ง การพัฒ นาองค์ค วามร ้ ู
ใหม่ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการ
 ทาให้เกิดการเพิ่ มขี ดความสามารถในการแข่งขันของ
ประเทศ เพิ่มค ุณภาพผลิตภัณฑ์หรือค ุณภาพชีวิต
 เป็นการร่วมมือระหว่างหน่วยงานวิ จยั หลายหน่วยงาน
ผูป้ ระสานการวิ จยั จะต้องเป็นศนู ย์กลางของวิ ทยาการ
นัน้ ๆ
48
P
2
P
1
P
4
P
5
49
P
6
P
3
P7
P = โครงการวิจยั
P
1
P
6
P
2
P7
P5
P4
P3
P = โครงการวิจยั
50
การที่ผวู้ ิจยั มีจิตใจร่ วมกับการทาวิจยั โดยนาสิ่ งต่าง ๆ ที่เข้ามา
ในชีวิตส่ วนตัว ชีวิตครอบครัว ชีวิตในการทางาน มาปรับใช้
กับกระบวนการวิจยั เข้ามาหาคาตอบร่ วมแก้ปัญหาและพัฒนา
สิ่ งต่างๆ ในการดาเนินชีวติ เป็ นการทาวิจยั หมด โดยมิตอ้ งหา
เงินทุนทาจากแหล่งใด ๆ
51
เลือกปัญหา
(Selecting the Problem)
ตั้งสมมุติฐาน
( Hypotheses )
รวบรวมข้ อมูล
(Data Collection)
วิเคราะห์ ข้อมูล
(Data Analysis)
แปลความหมายข้ อมูล
(Data Interpretation)
52
กลมุ่ เรือ่ งวิจยั ที่ควรมุง่ เน้น (พ.ศ.2555-2559)
1. การประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอเพียง
2. ความมันคงของรั
่
ฐและการเสริมสร้างธรรมาภิบาล
3. การปฏิรปู การศึกษาและสร้างสรรค์การเรียนรู้
4. การจัดการทรัพยากรน้า
5. ภาวะโลกร้อนและพลังงานทางเลือก
6. การเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรเพื่อการส่งออกและลดการนาเข้า
7. การส่งเสริมสุขภาพ การป้ องกันโรค การรักษาและการฟื้ นฟู
สุขภาพ
8. การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาคุณค่า
หลากหลายทางชีวภาพ
9. เทคโนโลยีใหม่และเทคโนโลยีที่สาคัญเพื่ออุตสาหกรรม
10. การบริหารจัดการการท่องเที่ยว
11. สังคมผูส้ งู อายุ
12. ระบบโลจิสติกส์
13. การปฏิรปู ระบบวิจยั ของประเทศ
ความ
53
WORK SHOP
จุดเริ่มต้นของการวิจยั อยู่ที่ใด
อยู่ที่
54
1. เขียนให้ ส้ั น กะทัดรัด ชัดเจน
เข้ าใจง่ าย + ได้ ใจความ
2. เขียนให้ สื่อความหมาย
3. เขียนให้ น่าสนใจ + ทันสมัย
4. ใช้ ภาษาหนังสื อ
5. ความยาวไม่ เกิน 2 บรรทัด
55






เพื่อบรรยาย (describe) เพื่อสารวจ (survey)
เพื่อเปรียบเทียบ (compare)
เพื่ออธิบาย (explain)
เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ เพื่อทานาย (predict)
เพื่อสังเคราะห์ (synthesize)
เพื่อประเมิน และตรวจสอบ( evaluate)
56
เริม
่ เขียนจาก
1.
2.
3.
4.
5.
สิ่ง หรือ ตัวแปรที่วิจัย (Variables) = V.
ของ, ต่ อ, ในประชากร (Population) = P.
สถานที่ (Area) = A. ต. อ. จ.
เวลา (Time) = T. ว.ด.ป.
วิธีการวิจัย (Method) = M
สรุป
1. ทาวิจัยอะไร
2. ทาวิจัยกับใคร
3. ทาวิจัยที่ไหน และ
4. เมื่อไร
5. อย่ างไร
* พัฒนารูปแบบการมีส่วนร่ วมของผู้ค้าส่ งผู้ค้าปลีกและลูกค้ าในการไัดการสิ่ งแวดล้ อมของตลาดไท”57
1.
2.
3.
4.
ประชากร (P)= ผู้ค้าส่ ง ผู้ค้าปลึก ลูกค้ า เจ้ าหน้ าที่ ตลาดไท ทัง้ หมด
ตัวแปร (V)= การมีส่วนร่ วม การจัดการสิ่งแวดล้ อม รู ปแบบ
สถานที่ (A) = ตลาดไท
วิธีการวิจัย (M) = R&D ทดลองพัฒนา
58
เริ่มไาก
1.ประชากร เช่ น ผู้ค้าส่ ง ผู้ค้าปลีก และลูกค้ าประชาชน , ข้ าราชการ,
นักเรียน (ประธาน)
ต่ อด้ วย
2. มี (กริยา)
ตามด้ วย
3. สิ่ ง / ตัวแปร / ปัญหา (กรรม)
ปิ ดท้ ายด้ วย
4. คาถาม ?
1. ผู้ค้าส่ ง ผู้ค้าปลีก และลูกค้ ามีส่วนร่ วมในการไักการสิ่ งแวดล้ อมตลาดไทระดับใด
2. ปัไไัยใดที่มคี วามสั มพันธ์ กบั การไัดการสิ่ งแวดล้อมตลาดไท
3. รู ปแบบการมีส่วนร่ วมทีเ่ หมาะสมในการไัดการสิ่ งแวดล้ อมตลาดไท ควรเป็ น
อย่างไร
59
1.
2.
3.
4.
ตั้งให้ สอดคล้ องกับชื่อ + ปัญหา
เขียนให้ ชัดเจน
เขียนแล้ วต้ องหาคาตอบ
ให้ ด้วยคาว่ า
1.เพื่อศึกษาระดับการมีส่วนร่ วมของผู้ค้าส่ ง ผู้ค้าปลีก และลูกค้ าในการ
จัดการสิ่งแวดล้ อมของตลาดไท
2.เพื่อศึกษาปั จจั ยที่ มีความสั มพัน ธ์ ต่ อการมี ส่วนร่ วมของผู้ ค้า ส่ ง ผู้ ค้า
ปลีก และลูกค้ าในการจัดการสิ่งแวดล้ อมของตลาดไท
3.เพื่อพัฒนารู ปแบบการมีส่วนร่ วมในการจัดการสิ่งแวดล้ อมตลาดไท
60
“The formulation of the
problem is often more
essential than its
solution.”
61
62
research is 1% inspiration
(แรงบันดาลใจ)
and 99% perspiration
(อาบเหงือ่ ต่างน้ า)
ต้องฝึ กปฏิบตั จิ งึ เก่ง เปรียบเช่นว่ายน้ า ขี่จกั รยาน
63
-
แบบวิจัยคือ
วิจัยและพัฒนา (Research & Development)
การทดลองพัฒนา
- วางแผนวิจัยคือ
การเขียนข้ อเสนอโครงการวิจัย
64
ศึกษาผลงานวิชาการทีม่ ีเนื้อหาเชื่อมโยงกับ เรื่องทีจ่ ะทาวิจัย
และนาเสนอเป็ นรายงานโดย มีวัตถุประสงค์ ดังนี้
• เพื่อแสวงหาแนวทางดาเนินการวิจัย
– เพื่อให้ ทราบสภาพปั ญหา และความเป็ นมาของการวิจัย
– เพื่อกาหนดปั ญหาวิจัยให้ ชัดเจน
– เพื่อเข้ าใจจริง แนวติด ทฤษฎี เพื่อพัฒนากรอบความคิดในการ
วิจัย และสมมุตฐิ าน
– เพื่อให้ ได้ แนวทางรวบรวม วิเคราะห์ ข้อมูล อภิปรายผล
•
•
เพื่อแสดงคุณภาพของงานวิจัยทีจ่ ะทา
เพื่อเชื่อมโยงความรู้ทางวิชาการ
65
66
1. ชื่อหัวข้ อเรื่อง
2. ความสาคัญที่มาของปั ญหาที่วิจัย
นั กวิ จั ยต้ องระบุแ นวความคิด พืน้ ฐาน หรื อปั ญหาที่มีความสาคัญหรื อมีความ
จาเป็ นที่ต้องทาวิจัยเรื่องนี ้
– ออกเป็ น 4 ตอน หรือ 4 ย่ อหน้ า ดังนี ้
• P1 เป็ นการกล่ าวนาในภาพกว้ าง โดยอ้ างถึงความจาเป็ นและความสาคัญ ที่
ต้ อ งท าวิ จั ย มี น โยบายและแผนพั ฒ นาชาติ ฯ แผนยุ ท ธศาสตร์ การวิ จั ย ที่
เกี่ยวข้ อง แผนพัฒนาจังหวัด หรื อพืน้ ที่ หรื อมติ ค.ร.ม. นโยบายรั ฐบาล ที่ให้
ไว้ หรือเริ่มจากผลงานวิจัยก็ได้
• P2 เป็ นการกล่ าวถึงภูมิหลัง (ที่มา) ของปั ญหาที่จะทาวิจัยว่ ามี อะไรบ้ าง มี
สถิตติ ัวเลขให้ อ้างด้ วย
• P3 เป็ นกล่ า วถึง ผลกระทบปั จ จุ บั น อนาคต (ที่ไ ป) ของปั ญ หาว่ า มี ต่ อ
ประชาชน ชุ ม ชน หรื อ หน่ วยงานมากน้ อยเพี ย งใด ซึ่ ง ถ้ า ไม่ ท าวิ จั ย ผล
เสียหายก็จะเกิดแก่ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้ อม วัฒนธรรม
• P4 เป็ นการสรุ ป ขมวดว่ ามีความจาเป็ นจาเป็ นที่ต้องทาวิจัยเพื่อหาคาตอบ
67
3. ปั ญหา(คาถาม)วิจัย
3.1 ..............
3.2 ..............
3.3 ..............
4. วัตถุประสงค์ ของการวิจัย
4.1 เพื่อศึกษา .........................
4.2 เพื่อ....................................
4.3 เพื่อพัฒนา ........................
68
5. นิยามศัพท์ /ตัวแปร
5.1 การมีส่วนร่ วม หมายถึง .............................................
5.2 การจัดการสิ่งแวดล้ อม หมายถึง...........................
5.3 ผู้ค้าส่ ง ผ้ าค้ าปลีก ลูกค้ า หมายถึง ............................
5.3 รู ปแบบการพัฒนา หมายถึง
6. ประโยชน์ ท่ คี าดว่ าจะได้ รับ
6.1 จะนา ..................................................
6.2 จะนา ..................................................
6.3 จะนา ..................................................
7. วรรณกรรมที่เกี่ยวข้ อง
7.1 การพัฒนาระบบงาน................................
7.2 ทฤษฎีและแนวคิดต่ าง ๆ .......................
7.3 งานวิจยั ที่เกี่ยวข้ อง ..................................
7.4 สรุ ป ............................................................
69
8. ระเบียบวิธีวจิ ัย
การศึกษาครั ง้ นีเ้ ป็ นการวิจัยและพัฒนา (Research & Development)
มีขนั ้ ตอนการดาเนินงานดังนี ้
8.1 ประชากรที่ศึกษาได้ แก่ ..........................................................
8.2 การสุ่มตัวอย่ าง ......................................................................
8.3 เครื่ องมือวิจัย คือ ..................................................................
8.4 การเก็บรวบรวมข้ อมูล ...........................................................
8.5 การวิเคราะห์ ข้อมูล ............................. ( Program R)
8.6 สถิตทิ ่ ีใช้ ได้ แก่ ......................................................................
8.7 การนาเสนอ ...........................................................................
70
9. ขอบเขตของการวิจัย
การวิจัยเรื่ องนีไ้ ด้ กาหนดขอบเขตของการศึกษาไว้ ดังนี ้
9.1 เนือ้ หาที่วจิ ัยได้ แก่
9.2 ประชากรที่ศึกษาได้ แก่
9.3 สถานที่ศึกษาได้ แก่
9.4 ระยะเวลาที่ เ ก็ บ ข้ อ มู ล ระหว่ า งวั น ที่ ..........................
เท่ านัน้
10. สถานที่ทาการวิจัย
10.1 เก็บข้ อมูลที่ ...........................................................
10.2 วิเคราะห์ ข้อมูลและเขียนรายงานที่ ........................
11. ระยะเวลาทาการวิจัย
ใช้ เวลา ....... วัน ระหว่ างวันที่ ............................................
12. แผนการดาเนินงานวิจัยตลอดโครงการ
71
1.
2.
3.
4.
5.
6.
7.
ที่นิยมมี 6 วิธี
เก็บจากเอกสารต่ างๆ (Document)
เก็บจากการสังเกตการณ์ (Observation)
การประชุมกลุ่ม (Focus group discussion)
การสัมภาษณ์ เชิงลึก (Indepth Interview)
เก็บจากการสัมภาษณ์ (Interview)
เก็บจากแบบสอบถาม (Questionnaire)
วิธีอ่ นื ๆ เช่ น (ใน Internet)
72
หัวข้ อ พัฒนารู ปแบบการมีส่วนร่ วมในการจัดการสิ่งแวดล้ อมของตลาดไท
คาถามวิจัย
–
–
–
ผู้ค้าส่ ง ผู้ค้าปลีก ลูกค้ ามีส่วนร่ วมในการจัดการสิ่งแวดล้ อมของตลาดไท ระดับใด
มีปัจจัยใดบ้ างที่มีความสัมพันธ์ กับการการจัดการสิ่งแวดล้ อมของตลาดไท
รูปแบบการพัฒนาการมีส่วนร่ วมในจัดการสิ่งแวดล้ อมของตลาดไท ควรเป็ นอย่ างไร
วัตถุประสงค์ การวิจัย
–
–
–
เพื่อศึกษาระดับการมีส่วนร่ วมในการจัดการสิ่งแวดล้ อมของตลาดไท
เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ ปัจจัยที่มีกับการมีส่วนร่ วมของผู้ค้าส่ ง ผู้ค้าปลีก ลูกค้ ามีส่วนร่ วมในการ
จัดการสิ่งแวดล้ อมของตลาดไท
เพื่อศึกษารูปแบบการพัฒนาการมีส่วนร่ วมในจัดการสิ่งแวดล้ อมของตลาดไท
73
หัวข้ อ การมีส่วนร่ วมของผู้ค้าส่ ง ผู้ค้าปลีก ลูกค้ าในการจัดการสิ่งแวดล้ อมของ
ตลาดไท
1. แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับการมีส่วนร่ วม การจัดการสิ่งแวดล้ อม
1.1 ความหมายของการมีส่วนร่ วม
1.2 แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับการมีส่วนร่ วม
1.3 ความหมายของการจัดการสิ่งแวดล้ อม
1.4 นโยบายและแนวทางการพัฒนาการตลาดไท
1.5 การรั บรู้ ข่าวสารเกี่ยวกับการมีส่วนร่ วมในการจัดการสิ่งแวดล้ อม
1.6 ความรู้ เกี่ยวกับการจัดการสิ่งแวดล้ อม
1.7 บทบาทผู้ค้าส่ ง ผู้ค้าปลีก ลูกค้ าในการมีส่วนร่ วมในการจัดการสิ่งแวดล้ อม
1.8 การได้ รับประโยชน์ จากการมีส่วนร่ วมในการจัดการสิ่งแวดล้ อม
74
2. ผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้ อง
2.1 ปั จจัยที่เกี่ยวข้ องกับการมีส่วนร่ วม
2.2 ปั จจัยที่เกี่ยวข้ องกับการจัดการสิ่งแวดล้ อม
2.3 รูปแบบการมีส่วนร่ วมในการจัดการสิ่งแวดล้ อม
75
ปัไไัยด้ านประชากร
• เพศ
• อายุ
• การศึกษา
• สถานภาพทางสั งคม
• ระยะทางที่พกั อาศัย
• อาชีพ
• รายได้
ปัไไัยกระตุ้น
•การรับรู้ ข่าวสารการมีส่วนร่ วม การไัดการ
•ความรู้ เกีย่ วกับการไัดการ
•การรับรู้ บทบาทผู้ค้าส่ ง ผู้ค้าปลีก ลูกค้ า
•การได้ รับผลประโยชน์ ไากมีส่วนร่ วม
การมีส่วนร่ วมในการไัดการตลาด
•การให้ ความร่ วมมือ
•การเข้ าร่ วมกิไกรรม
•การรับรู้ ให้ ข้อมูล
•การปฎิบัตติ าม
•การรับรู้ ประโยชน์
แนวทางการพัฒนารู ปแบบ
การมีส่วนร่ วมในไัดการ
สิ่ งแวดล้ อมของตลาดไท
76
ปัไไัยแห่ งความสาเร็ไ
การสร้ างต้ นแบบชุมชนแห่ งการเรียนรู้ วช.
1.
2.
3.
4.
ผูน้ าที่ดี
คณะกรรมการมีจริ ยธรรม, บริ หารจัดการที่ดี
สมาชิกมีส่วนร่ วม, จิตสานึก, ทัศนที่ดีชุมชน
มี ร ะบบที่ ดี ใ นการจัด เก็ บ และน ามาใช้ ข้อ มู ล อื่ น ๆ องค์ค วามรู ้ ,
ภูมิปัญญา
5. มีกระบวนการเรี ยนรู ้เพื่อแก้ปัญหา, พัฒนาชุมชนอย่างต่อเนื่อง
6. มีศกั ยภาพความพร้อมเรื่ องพื้นฐานอาชีพ
7. มีเครื อข่ายความร่ วมมือทั้งในและนอกชุมชน
77
สถานที่ติดต่ อ
กลุ่มทรัพยากรบุคคล
สานักงานคณะกรรมการวิไัยแห่ งชาติ
• โทรศัพท์ 0 2561 2445 ต่ อ 416
• โทรสาร 0 2940 6289
• http://www.nrct. go.th
• http://training.nrct.go.th
78
79