การพัฒนาแบบมีส่วนร่วมเพื่อการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรม ไทย

Download Report

Transcript การพัฒนาแบบมีส่วนร่วมเพื่อการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรม ไทย

การพัฒนาแบบมีส่วนร่ วมเพือ่ การท่ องเที่ยว
เชิงอนุรักษ์ วฒ
ั นธรรม ไทย-กัมพูชา : ช่ องสะงา
(ช่ องเจือม)
The Participatury Development
of Eco-Tourism Between Thai and
Cambodia : Chong Sa-Ngam
(Chong Cheum)
โดย
นายไกรสิ ทธิ มานะศรีสุริยนั
นาประสพ ศรีสมบูรณ์
นายปริง เพชรล้ วน
สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตศรีสะเกษ
วัตถุประสงค์ของการวิจยั
เพื่อศึกษาการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วฒั นธรรม
ไทย- กัมพูชา : ช่องสะงา – ช่องเจือม
เพื่อศึกษากระบวนการแนวทางในการพัฒนาการท่องเที่ยง
เชิงอนุรักษ์แบบการมีส่วนร่ วม (Participation) ของ
ประชาชนไทย – กัมพูชา : ช่องสะงา (ช่องเจือม)
ขอบเขตของโครงการวิจัย
ผูว้ จิ ยั ได้กาหนดขอบเขตของการวิจยั ไว้ ดังนี้
1. ต้องการศึกษาปั ญหาและแนวทางในการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
วัฒนธรรมไทย-กัมพูชา 4 องค์ประกอบ คือ
1.1 ศักยภาพในการเป็ นแหล่งท่องเที่ยว
1.2 การจัดการด้านการใช้ประโยชน์ของพื้นที่ให้เกิดความยัง่ ยืน
1.3 การจัดการด้านความรู้และสร้างจิตสานึก
1.4 และการมีส่วนร่ วมของชุมชนในกิจกรรมการท่องเที่ยว
2. ต้องการศึกษากระบวนการในการพัฒนาแบบมีส่วนร่ วมการท่องเที่ยวเชิง
อนุรักษ์วฒั นธรรมไทย-กัมพูชา
ขอบเขตของโครงการวิจัย
3. กาหนดจุดการศึกษาในภาคสนามจังหวัดศรี สะเกษ ประเทศไทย จังหวัดเสี ยมราฐ
ประเทศกัมพูชา ที่เป็ นแหล่งโบราณสถาน โบราณวัตถุ ประเพณี วฒั นธรรมของ
ท้องถิ่น ดังนี้
3.1 ปราสาทหิ นสระกาแพงใหญ่ อาเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรี สะเกษ
3.2 ปราสาทปรางค์กู่ อาเภอปรางกู่ จังหวัดศรี สะเกษ
3.3 ปราสาทบ้านปราสาท อาเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรี สะเกษ
3.4 วัดล้านขวด อาเภอขุนหาญ จังหวัดศรี สะเกษ
3.5 พระธาตุเรื องรอง อาเภอเมือง จังหวัดศรี สะเกษ
3.6 เขาพระวิหาร อาเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรี สะเกษ
3.7 นครวัด จังหวัดเสี ยมราฐ ประเทศกัมพูชา
3.8 นครธม จังหวัดเสี ยมราฐ ประเทศกัมพูชา
ประโยชน์ ที่คาดว่ าจะได้ รับ
1. สถาบันการพลศึกษาได้ขอ้ มูลสารสนเทศที่จะนาไป
พัฒนาในการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาให้ตรงกับความ
ต้องการของสังคม ชุมชนท้องถิ่น และประเทศชาติ เพื่อเป็ น
แนวทางในการพัฒนายุทธศาสตร์การบริ หารการจัดการ
ทรัพยากรด้านต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวทีจ่ ะผลิตบัณฑิต
ของคณะศิลปะศาสตร์ สาขานันทนาการเชิงพาณิ ชย์และการ
ท่องเที่ยว Bachelor’s of Arts (Commercial Recreation and
tourism) รับผิดชอบโดยตรงเพื่อให้สอดคล้องกับจุดเน้นของ
แนวทางการพัฒนาสถาบันการพลศึกษา
ประโยชน์ ที่คาดว่ าจะได้ รับ
2. กระทรงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ขอ้ มูลสารสนเทศที่จะ
นาไปปรับปรุ ง พัฒนามาตรฐานการท่องเที่ยว ในการส่ งเสริ มด้าน
การตลาดการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และการพัฒนาระบบ
การบริ หารการจัดการแบบบูรณาการต่อไป
3. จังหวัดศรี สะเกษ ได้ขอ้ มูลสารสนเทศที่จะนาไปจัดการ
บริ หารการดาเนินการเชิงนโยบายให้สอดคล้องกับความต้องการของผูท้ ี่
มีส่วนได้เสี ย
4. ภาคประชาชนมีความเข็มแข่งต่อการบริ หารการจัดการ
ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วฒั นธรรม
วิธีการดาเนินการวิจัย
การวิจยั นี้เป็ นศึกษาการพัฒนาการมีส่วนร่ วมของประชาชน ที่จะ
นาไปสู่การพัฒนาเชิงอนุรักษ์ วัฒนธรรมช่องสะงา ซึ่งผูว้ ิจยั ใช้วิธีการ
วิจยั เชิงคุณภาพแบบ PAR (Participatory Action Research) ในแนวทาง
ผสมผสานที่จะช่วยให้ได้ผลการศึกษาที่ชดั เจนมากขึ้น ซึ่งจะเป็ น การ
เข้าถึงข้อมูลความจริ งด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) จะ
ช่วยให้ได้ขอ้ มูลที่ลุ่มลึกมากยิง่ ขึ้นทั้งด้านความรู ้สึกนึกคิด การให้
ความหมายภายใต้บริ บทของสังคมวัฒนธรรมที่เป็ นอยูใ่ นขณะนั้น ข้อมูล
ดังกล่าวจะได้นามาวิเคราะห์เพื่อหาคาอธิบายพฤติกรรมที่เกิดขึ้นอันจะ
นาไปสู่การแสวงหาแนวทางในการปฏิบตั ิ ซึ่งใช้เป็ นกรอบในการวิจยั
ครั้งนี้ ต้องการศึกษาปัญหาและแนวทางในการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิง
อนุรักษ์วฒั นธรรมไทย - กัมพูชา ใน 4 องค์ประกอบ
วิธีการดาเนินการวิจัย
1. ศักยภาพในการเป็ นแหล่งท่องเที่ยว
2. การจัดการด้านการใช้ประโยชน์ของพื้นที่ให้เกิดความ
ยัง่ ยืน
3. การจัดการด้านความรู้และสร้างจิตสานึก
4. และการมีส่วนร่ วมของชุมชนในกิจกรรมการท่องเที่ยว
ประชากรและกลุ่มตัวอย่ างเป้ าหมายพืน้ ทีท่ ศี่ ึกษา
ประชากรเป้ าหมายและพื้นที่ที่ใช้เป็ นแหล่งในการศึกษาครั้งนี้
พิจารณาจากเกณฑ์ความเป็ นไปได้และความเหมาะสมที่จะได้ขอ้ มูลที่
หลากหลาย โดยศึกษาแหล่งเฉพาะที่อยูใ่ นเขตรอบๆ พื้นที่เขต
วัฒนธรรม ทั้งนี้เพื่อต้องการทาความเข้าใจกับการมีส่วนร่วมของภาค
ประชาชน ที่มีผลต่อการรับรู ้และความเปลี่ยนแปลงเข้ามาประกอบด้วย
ผูว้ ิจยั จึงกาหนดเป้ าหมายและพื้นที่ที่ศึกษา คือ พื้นที่ที่ใช้ในการศึกษาจะ
เป็ นสถาปัตยกรรมทางประวัติศาสตร์ โบราณสถาน โบราณวัตถุ
ประเพณี วฒั นธรรมของท้องถิ่น ประกอบด้วย ชุมชนวัดปราสาทสระ
กาแพงใหญ่ ชุมชนวัดปราสาทบ้านปราสาท ชุมชนวัดล้านขวด ชุมชน
ตาบลกู่ และชุมชนตลาดเมืองใหม่ช่องสะงา ตาบลไพรพัฒนา อาเภอภู
สิ งห์
วิธีการศึกษา
ผูว้ ิจยั ใช้วิธีการศึกษาเชิงคุณภาพในการศึกษาการ
พัฒนาการมีส่วนร่ วมของประชาชนที่จะนาไปสู่การอนุรักษ์เชิง
วัฒนธรรมช่องสะงา โดยใช้มิติวฒั นธรรมเป็ นฐานของการ
พัฒนาของท้องถิ่น ร่ วมกับความสัมพันธ์ประเทศกัมพูชาซึ่งเป็ น
เพื่อนบ้าน โดยนาเทคนิคการวิจยั ผสมผสานหลากหลายรู ปแบบ
มาประยุกต์ใช้ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพชุมชนในแต่ละพื้นที่
ในกระบวนการ วิจยั แบบ PAR (Participatory Action
Research)
วิธีการศึกษา
ขั้นตอนที่ 1 การเตรี ยมแกนนาและพื้นที่
1.1 การเตรี ยมแกนนาและวิทยากรในการสร้างกระบวนการ
เรี ยนรู ้ร่วมกันของคนในชุมชน ต้องมีการเตรี ยมผูท้ จี่ ะเป็ นผูน้ า
ชุมชนหรื อแกนนาชุมชน ซึ่งเป็ นกลุ่มคนที่มีความมุ่งหวังที่จะ
พัฒนาชุมชน ไม่จากัดฐานะ ได้แก่ กานัน ผูใ้ หญ่บา้ น พัฒนา
กร เจ้าอาวาส ผูน้ ากลุ่มชาวบ้านแม่บา้ น อสม. อปพร. สมาชิก
อบต. โดยกลุ่มแกนนาต้องทาความเข้าใจร่ วมกัน
วิธีการศึกษา
ขั้นตอนที่ 2 เวทีสร้างความเข้าใจ
2.1 คณะทางานเลือกชุมชนแล้ว จึงได้กาหนดจัดเวทีในชุมชน
2.2 กลุ่มเป้ าหมายที่เข้าร่ วมเวที ควรมีความหลากหลายกลุ่มอาชีพหรื อ
กลุ่มผลประโยชน์ โดยให้ตวั ละกลุ่มส่ งตัวแทนเข้าร่ วมเวทีตามสัดส่ วน
เป็ นบุคคลที่มีทศั นคติเชิงบวก มีความปรารถนาที่จะพัฒนาชุมชนเพื่อ
การพึ่งตนเอง
2.3 กาหนดการประชุม ควรจะเป็ นวันเดียว มีระยะเวลาที่สอดคล้อง
กับวิถีชีวิตชุมชน
2.4 เนื้อหาการประชุม คือ ความจาเป็ นที่ตอ้ งมีแผนชุมชนพึ่งตนเอง
ความหมายและสาระสาคัญของแผนชุมชน
วิธีการศึกษา
ขั้นตอนที่ 3 การเก็บข้อมูลชุมชนเพื่อจัดทาแนวทางการ
พัฒนาชุมชน ในกรอบการมีส่วนร่ วมของภาคประชาชน
ในชุมชน ในการส่ งเสริ มพื้นที่การท่องเที่ยว
ขั้นตอนที่ 4 เวทีวเิ คราะห์ขอ้ มูลชุมชน
เป็ นขั้นตอนที่ให้ชุมชนย่อยแต่ละชุมชนเสนอผล
การศึกษา เพื่อให้แต่ละกลุ่มอภิปรายให้เห็นเพิม่ เติมเพื่อ
ระดมความคิด
วิธีการศึกษา
ขั้นตอนที่ 5 วิเคราะห์โครงการและกิจกรรมการทางาน
ขั้นตอนนี้คณะทางานผูร้ ับผิดชอบแต่ละโครงการ นาเสนอ
โครงการต่อที่ประชุม พร้อมทั้งกาหนดบุคคลผูร้ ับผิดชอบแต่ละ
โครงการเพื่อดาเนินการต่อไป
ขั้นตอนที่ 6 การจัดทาเอกสารแผนชุมชนพึ่งตนเองและการสนับสนุน
งบประมาณโครงการที่ได้รับบรรจุในแผน คณะทางาน ผูร้ ับผิดชอบ
โครงการ และแกนนาชุมชนต้องมีความสามารถในการนาเสนอ
โครงการให้เป็ นที่ยอมรับของหน่วยงานต่างๆ ที่มีทุนสนับสนุน
วิธีการศึกษา
ขั้นตอนที่ 7 การติดตามผล
การติดตามผลเป็ นขั้นตอนสุ ดท้ายเพื่อจะสรุ ปบทเรี ยนการ
ทางานตั้งแต่ข้นั ตอนที่ 1 จนถึงขั้นตอนสุ ดท้าย และมีการ
ติดตามผลการดาเนินงาน และแก้ไขปรับปรุ งข้อบกพร่ องต่างๆ
ที่เกิดขึ้น เพื่อให้โครงการต่างๆ ที่ดาเนินการตอบสนองความ
ต้องการของชุมชน สนับสนุนให้ชุมชนพัฒนาและพึ่งตนเองได้
อย่างยัง่ ยืน
วิธีการเก็บรวบรวมข้ อมูล
จากการศึกษางานวิจยั เชิงคุณภาพนั้นจาเป็ นจะต้องเอาแนว
การศึกษาผสมผสาน (Integrated study) วิธีการเก็บข้อมูลถูกแบ่ง
ออกเป็ นกลุ่มหลักตามลักษณะของการเก็บได้ 4 แบบ คือ
1. ทบทวนข้ อมูลเดิม (secondary data)
2. สั งเกต (observation)
3. สั มภาษณ์ (interview)
4. การสนทนากลุ่ม (Focus Group)
สรุปผลการวิจัย
1. ด้านศักยภาพในการเป็ นแหล่งท่องเที่ยว จังหวัดศรี สะเกษ มี
โบราณสถานหลายแห่ง เพียงแต่จงั หวัดไม่ได้ส่งเสริ มศักยภาพเท่าที่ควร
หากมีการร่ วมมือจากภาครัฐหลายแห่งมาร่ วมทางานแบบเชิงบูรณาการ
ร่ วมกันกับภาคประชาชน เป็ นการส่ งเสริ มให้ภาคประชาชนเข้มแข็งตาม
ไปด้วย จะเห็นได้วา่ ศักยภาพด้านแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดศรี สะเกษ
จะมีมาก เช่น ปราสาทปรางค์กู่ ปราสาทสระกาแพงใหญ่ ปราสาทสระ
กาแพงน้อย ปราสาทบ้านปราสาท ขาดการสนับสนุนงบประมาณของ
จังหวัด และส่ วนกลาง การบูรณะ ปฏิสงั ขรณ์ เป็ นไปอย่างเชื่องช้า
ขณะนี้บางสถานที่กาลังได้รับงบประมาณปรับปรุ งบูรณะเฉพาะตัว
ปราสาท แต่ขาดการปรับปรุ งพื้นที่อาณาเขตบริ เวณรอบๆพื้นที่ ในการ
จัดตกแต่งภูมิทศั น์ให้ดูสวยงาม
สรุปผลการวิจัย
2. ด้านการจัดการใช้ประโยชน์ของพื้นที่ให้เกิดความยัง่ ยืน ควรจะ
อยูใ่ นรู ปขององค์กรปกครองส่ วนท้องถิ่น ร่ วมประสานงานแบบมีส่วน
ร่ วมกับชุมชนในพื้นที่ โดยทางานร่ วมกับเจ้าหน้าที่ทอ้ งถิ่น ให้มองเห็น
ประโยชน์ร่วมกัน มีความรับผิดชอบต่อสังคมร่ วมกัน ในการส่งเสริ ม
ศักยภาพ สร้างกระบวนการการมีส่วนร่ วมอย่างต่อเนื่องให้ชุมชน
เข้มแข็ง เพื่อความยัง่ ยืนต่อไป
สรุปผลการวิจัย
3. ด้านการจัดการความรู ้และสร้างจิตสานึกนั้น จะต้องใช้
ระยะเวลาและการให้การศึกษาด้านวัฒนธรรมและแหล่งท่องเที่ยวให้
มากขึ้น หากได้ผนู ้ าที่ดีมีแนวคิดการส่ งเสริ มด้านการท่องเที่ยว จะนาพา
แนวคิดในสิ่ งต่างๆ โดยการส่ งเสริ มปรับปรุ งกิจกรรมแนวทางใน
การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้ยงั่ ยืนถาวรต่อเนื่อง จัดกิจกรรมเทศกาล
มหกรรมงานแสงสี ประเพณี รณรงค์ประชาสัมพันธ์ ส่ งเสริ มการเรี ยนรู ้
หรื ออบรมมัคคุเทศก์ ปลุกจิตรสานึก รักและหวงแหน และทาให้พ้นื ที่
เป็ นที่รู้จกั กับนักท่องเที่ยว
สรุปผลการวิจัย
4. ด้านการมีส่วนร่ วมของชุมชนในกิจกรรมการท่องเที่ยว ภาครัฐ
ควรสนับสนุน ส่ งเสริ ม สร้างความเชื่อมัน่ และปลูกฝังให้คนท้องถิ่น
ตระหนักถึงความรู ้เพื่อเป็ นรากฐานของการพัฒนาด้านต่างๆ อย่างจริ งจัง
โดยเฉพาะด้านการมีส่วนร่ วมในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว
กาหนดคุณลักษณะ ตลอดจนการผลิตกาลังคนที่สามารถตอบสนอง
ความต้องการของท้องถิ่นได้หรื อดึงศักยภาพผูท้ ี่มีความรูค้ วามสามารถที่
มีอยูใ่ นแต่ละท้องถิ่นทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนเข้ามาช่วยในการ
พัฒนา และมีการจัดการที่ดีในลักษณะเน้นการเรี ยนรู ้วฒั นธรรมท้องถิ่น
เพื่อเป็ นการสื บสานและต่อยอดให้เป็ นฐานในการพัฒนาที่ยงั่ ยืนต่อไป