Transcript สมมติฐาน
ระเบียบวิธวี จ ิ ัย RESEARCH METHODOLOGY : การกาหนดสมมติฐานและทดสอบ Hypothesis and Test of Hypothesis ครงที ั้ ่ 8 : ก.ค.-54 ้ ฐานสมมติฐาน พืน • Sir Karl Popper นักปรัชญาว่ าด้ วย ทฤษฎีความรู้ ชาวอังกฤษ กล่ าวว่ า “สมมติฐานก็คล้ ายๆ กับอวนจับปลา คนที่ใช้ อวนเท่ านั้นที่จะจับปลาได้ ” = มุ่งให้ ผ้ ูศึกษาเรี ยนรู้ ถึงการใช้ สมมติฐานที่คุณภาพสู ง (อวน) เพื่อจับความรู้ ทางศาสตร์ ใหม่ ๆ เยีย่ งการใช้ อวนจับปลา การกาหนดสมมติฐาน • สมมติฐานเป็ นแหล่ งทีม่ าของความรู้ ทางศาสตร์ ซึ่งจะเป็ น การคาดการณ์คาตอบปัญหา สามารถนามาตรวจสอบ ความถูกต้ องได้ โดยหลักฐานเชิงประจักษ์ • สมมติ ิฐานเป็ นแนวทางเบือ้ งต้ นที่จะแปลความหมายของ ธรรมชาติ หรือระเบียบกฎเกณฑ์ แห่ งธรรมชาติ และเป็ น สิ่ งทีเ่ ชื่อมทฤษฎีทเี่ ป็ นนามธรรมกับประสบการณ์ จริงที่ เป็ นรูปธรรมเข้ าด้ วยกัน ความหมายของสมมติฐาน • คาว่ า “สมมติฐาน” มาจากศัพท์ ภาษาอังกฤษคาว่ า Hypothesis ซึ่งเป็ นภาษาลาตินมี รากศัพท์ มาจากภาษากรีก “hypo” คือ “hupotithenai” คือ ข้ อเสนอ/ข้ อเสนอแนะ ใส่ ไว้ ข้างล่ าง • สมมติฐาน คือ ข้ อความที่สมมติว่าเป็ นจริ งในประเด็นที่ต้องการพิสูจน์ ตรวจสอบหรื อเป็ น ความคิดทีก่ ้ าวหน้ าในการอธิบายหรือทานายปรากฏการณ์ ท้งั หลาย ความหมายของสมมติฐาน • Selltiz และคณะ (1959) : - ข้ อ เสนอ เงื่อ นไขหรื อ หลัก การที่ส มมติ ขึ้นมาระบุ ค วามสั ม พัน ธ์ กัน เชิ ง เหตุ ผ ลเพื่อ ทดสอบกับข้ อเท็จจริง • Keriinger (1973) : - ข้ อความเชิงคาดคะเนเกีย่ วกับความสั มพันธ์ ระหว่ างตัวแปร 2 หรือมากกว่ า 2 ตัว • ราชบัณฑิตยสถาน (2542) : - ข้ อคิดเห็นหรือถ้ อยแถลงทีใ่ ช้ เป็ นมูลฐานแห่ งการหาเหตุผลในการทดลอง/การวิจัย ความหมายของสมมติฐาน ประเด็นความหมายสมมติฐาน ข้อความทีเ่ ป็นการคาดคะเนหรือบอกถึงต ัวแปรตงแต่ ั้ ั ันธ์เชอ ื่ มโยงก ัน ทงนี ้ ไป มีความสมพ 2 ต ัว ขึน ั้ เ้ พือ ่ อธิบาย ้ ข้อเท็จจริง เงือ ่ นไข พฤติกรรมหรือปรากฏการณ์ทเี่ กิดขึน หรือ ข้อความทีค ่ าดคะเนคาตอบของปัญหาการวิจ ัย โดย คาตอบนีเ้ ป็นการสรุปสาระจากการค้นคว้าเอกสาร และ งานวิจ ัยทีเ่ กีย ่ วข้องทีอ ่ า้ งอิงจากแนวความคิดและทฤษฎี ล ักษณะสาค ัญของสมมติฐาน ล ักษณะสาค ัญ 3 ประการ ั ษฐาน : 1. เป็นข้อความเชงิ สนนิ ้ หา ข้อความ/ใจความทีเ่ ขียนมีล ักษณะเชงิ คาดเดา : เนือ ้ : 2. เป็นเรือ ่ งหรือผลทีจ ่ ะเกิดขึน ้ หา ข้อความหรือใจความเกีย - เนือ ่ วก ับผลของการหา คาตอบ 3. เป็นเรือ ่ ง/ผลทีเ่ กีย ่ วก ับล ักษณะประชากรเป้าหมายที่ ึ ษา ศก ้ หา ข้อ ความหรือ ใจความทีเ่ ขีย นเป็ นผลหรือ - เนือ ค าตอบที่บ อกล ก ั ษณะของประชากร ไม่ ใ ช่ ล ก ั ษณะ ต ัวอย่าง คาที่มีความหมายใกล้เคียงกับสมมติฐาน • ข้ อความเชิงตรรกะ : ประโยคตรรกะมีความหมาย 2 นัย - นัยที่ 1 ข้ อความเป็นเชิงบอกเล่ า (declarative statement) - นัยที่ 2 เน้ นเงือ่ นไขและผลทีจ่ ะเกิดขึน้ เมือ่ นามาทดสอบและยืนยันความถูกต้ อง โดยหลักฐานเชิงประจักษ์ เรียกข้ อความนั้นว่ า “สมมติฐาน” คาที่มีความหมายใกล้เคียงกับสมมติฐาน • กฎ (laws) สมมติฐานทีใ่ ห้ ความหมายกว้ างขวางและได้ รับการ ยืนยันแล้ ว ซึ่งกฎต้ องเป็ นข้ อสรุปทัว่ ไปทีเ่ ป็ นสากลทว่ ั ไป (universal) เนื่องจากกฎนิรนัยมาจากข้ อสรุปทัว่ ไปทีอ่ ยู่ในระดับสู ง กว่ า และใช้ สาหรับการนิรนัยข้ อสรุ ปทัว่ ไปในระดับต่ากว่ า ต่ อไปอีกได้ คาที่มีความหมายใกล้เคียงกับสมมติฐาน • ข้ อสรุปทัว่ ไป (generalizations) ข้ อความทั้งหลายที่เป็นล ักษณะชื่อทัว่ ไป (common names) และแนวความคิดใดความคิดหนึ่งอยู่ในข้ อความ โดยแตกต่ างจากสมมติฐานทีส่ มมติฐานมักจะระบุเงือ่ นไขที่ อยู่ในลักษณะของการคาดคะเน (conjecture) หน้ าที่สมมติฐาน กระบวนการค้ นหาความรู้ทางศาสตร์ สมมติฐานทาหน้ าที่ สาคัญ ประการคือ ประการที่ 1 : สมมติฐานทาให้ เกิดความสาคัญเชิง ระบบ (Systemic import) คือ ทาให้ แนวความคิดเกีย่ วกับ เรื่องต่ างๆ ทั้งหลายเชื่อมเข้ ากันอย่ างเป็ นระบบ หน้ าที่สมมติฐาน ประการที่ 2 : สมมติฐานช่ วยอานวยความสะดวกในการทดสอบทฤษฎีทางศาสตร์ (theoretical testability) สรุ ปได้ ดงั นี้ 1. ช่ วยจากัดขอบเขตของปัญหาวิจัย 2. ช่ วยให้ ผู้วจิ ัยมีความคิดชัดเจนในปัญหาทีจ่ ะทาการวิจัย ประการที่ 3 : ช่ วยชี้แนวทางในการออกแบบวิจัย (research design) และวางแผนการวิจัย หน้ าที่สมมติฐาน ประการที่ 4 : ช่ วยเสริมช่ องว่ างระหว่ างความรู้ใหม่ กบั ความรู้ทไี่ ด้ ค้นพบ ประการที่ 5 : สมมติฐานจะช่ วยชี้แนวทางใชใ้ นการ สรุปผลทีไ่ ด้ จากการวิเคราะห์ ข้อมูลให้ แก่ ผ้ ูวจิ ัย ประการที่ 6 : ช่ วยประหยัดทร ัพยากรทงเวลา ั้ แรงงาน และค่ าใช้ จ่ายในการทาวิจัย แบบสมมติฐาน 1. สมมติฐานประเภทผันแปรเดีย่ วและผันแปรหลากหลาย - ประเภทผันแปรเดีย่ ว (univariate hypotheses) คือ สมมติฐานทีม่ ุ่งพรรณนาคุณสมบัติของตัวแปรตัวใดตัวหนึ่งในแบบต่ างๆ อาจเกีย่ วกับบุคคล กลุ่ม เหตุการณ์ หรือสิ่ งของก็ได้ - ประเภทผันแปรหลากหลาย (multivariate hypotheses) คือ ข้ อความทีม่ ฐี านทางทฤษฎีทรี่ ะบุความสั มพันธ์ ของ ตัวแปรตั้งแต่ 2 ตัวขึน้ ไป แบบสมมติฐาน 2. สมมติฐานประเภทระบุความเกีย่ วพันกับไม่ ระบุความ เกีย่ วพัน - ประเภทระบุความเกีย่ วพัน (associational hypotheses) ระบุความเกีย่ วพันตั้งแต่ 2 ตัวแปรขึน้ ไป ในแง่ ใดแง่ หนึ่ง โดยระบุทศิ ทาง (directional hypotheses) หรือไม่ ระบุทศิ ทาง (non-directional hypotheses) ก็ได้ - ประเภทไม่ ระบุความเกีย่ วพัน (Non-associational hypotheses) ตรงกันข้ ามประเภทแรก แบบสมมติฐาน 3. สมมติฐานประเภทสากลและสมมติฐานประเภทสถิติ - ประเภทสากล (universal hypothesis) ในทาง รัฐศาสตร์ และสั งคมศาสตร์ เกือบจะไม่ มสี มมติฐานประเภทเลย สมมติฐานนีอ้ ยู่ในตัวแบบ “ถ้ า ก. แล้ วจะต้ อง ข. เสมอ” - ประเภทสถิติ (statistical hypotheses) นั้นอยู่ใน ตัวแบบ “ถ้ า ก. แล้ วอาจจะ ข.” แบบสมมติฐาน 4. สมมติฐานประเภทกาละและเทศะ - ประเภทกาละ (temporal hypotheses) คือ สมมติฐานทีร่ ะบุว่ามีตัวแปรตัวหนึ่งเกิดขึน้ ก่ อนตัวแปรอีกตัว หนึ่ง - ประเภทเทศะ (cross-sectional hypotheses) นั้น ระบุถึงการเกิดสิ่ งใดสิ่ งหนึ่งขึน้ ในจุดเดียวหรือทีเ่ ดียวในเวลา ใดเวลาหนึ่ง กล่ าวคือ ไม่ ระบุถึงสาเหตุและผลทีต่ ามมา แบบสมมติฐาน 5. สมมติฐานแบบบรรยายกับสมมติฐานแบบสถิติ - แบบบรรยาย คือ สมมติฐานทีเ่ ป็ นข้ อความรูปแบบ เชิงพรรณนา ซึ่งระบุความเกีย่ วพันหรือไม่ เกีย่ วพันของ ตัวแปรทั้งแบบมีทศิ ทางและไม่ มที ศิ ทาง - แบบสถิติ คือ สมมติฐานทีม่ ุ่งทดสอบเงือ่ นไขตามที่ ระบุไว้ ในสมมติฐานโดยใช้ เทคนิคทางสถิติ โดยเขียน สมมติฐานในรูปของสั ญลักษณ์ ทางคณิตศาสตร์ สมมติฐานสถิต ิ สมมติฐานประเภทสถิติ (statistical hypotheses) แบ่งเป็น 2 ประเภท 1. สมมติฐานศูนย์ (Null Hypothesis) เป็นข้อความ หรือสมการระบุความเป็นกลางใช ้ “ไม่แตกต่างก ัน เท่าก ัน หรือ เท่าก ับ 0” ความแตกต่างระหว่างค่าพารามิเตอร์ก ับค่าทีก ่ าหนด หรือระหว่างค่าพารามิเตอร์ 2 ค่าหรือมากกว่า สมมติฐานสถิต ิ สมมติฐานประเภทสถิติ (statistical hypotheses) แบ่งเป็น 2 ประเภท 2. สมมติฐานเลือก (Alternative Hypothesis) เป็น ข้อความหรือสมการระบุความแตกต่างใช ้ “แตกต่างก ัน ไม่เท่าก ัน หรือ ไม่เท่าก ับ 0” ระหว่างค่าพารามิเตอร์ก ับค่าทีก ่ าหนด/ระหว่าง ค่าพารามิเตอร์ 2 ค่า/มากกว่า เป็นทางเลือกของโอกาสที่ ้ หากปฎิเสธสมมติฐาน จะเกิดขึน ประเภทการเขียนสมมติฐาน 1. สมมติฐานทีก ่ ล่าวถึงความจริงเชงิ พรรณา ข้อเท็จจริง ั ันธ์ระหว่าง ้ โดยไม่ได้กล่าวถึงความสมพ ทีป ่ รากฏขึน ต ัวแปรใดๆ EX : นิสติ สาขา………….สอบวิชาวิจ ัยไม่ผา่ นน้อยลง ้ เยาวชนไทยในเขตเมืองไม่สนใจประเพณีว ัฒนธรรมมากขึน ประเภทการเขียนสมมติฐาน 2. สมมติฐานทีก ่ ล่าวถึงปรากฏการณ์ เหตุการณ์หรือ ้ สมา พฤติกรรมอย่างใดอย่างหนึง่ ทีเ่ กิดขึน ่ เสมอ ซงึ่ เป็น ปรากฏการณ์ทว่ ั ไป EX : ประชาชนในเมืองมีขนาดครอบคร ัวเล็กมากกว่าประชาชน ในชนบท ธุรกิจขนาดเล็กม ักมีความมน ่ ั คงน้อยกว่าธุรกิจขนาดใหญ่ ประเภทการเขียนสมมติฐาน ั ันธ์ระหว่างองค์ประกอบ 3. สมมติฐานทีก ่ ล่าวถึงความสมพ ั ันธ์เป็นเหตุเป็นผล (Factor)/ ต ัวแปรทีม ่ ค ี วามสมพ (Causal Relationship) ซงึ่ เป็นสมมติฐานทีก ่ ล่าวถึง คุณล ักษณะ/ปรากฏการณ์ทเี่ ป็นสาเหตุ (Determine) EX : ิ มีความรอบรูท ึ ษา นิสต ้ างวิชาการน้อยเพราะไม่ขย ันศก ิ ค้าฟุ่มเฟื อย ประชาชนชาวไทยรายได้ตา ่ ลงทาให้บริโภคสน น้อยลง แหล่งทีม ่ าสมมติฐาน 1. ความรูผ ้ ว ู้ จ ิ ัยเอง ปกติผว ู้ จ ิ ัยต้องมีความรู ้ ความ เข้าใจหรือความ สนใจในเรือ ่ งทีจ ่ ะทาเป็นอย่างดี ึ ษาค้นคว้า 2. ข้อค้นพบงานวิจ ัยทีผ ่ า ่ นมา โดยศก งานวิจ ัยทีบ ่ ค ุ คลอืน ่ ทาไว้กอ ่ นหน้า การทดสอบสมมติฐาน การทดสอบสมมติฐาน : ้ เพือ - การกระทาขึน ่ ทีจ ่ ะประเมินผลทีไ่ ด้มาจากการ ่ ต ัวอย่างหรือเพือ ื่ ถือได้มาก สุม ่ หาผลทีไ่ ด้นนว่ ั้ าจะมีความเชอ น้อยขนาดไหน ้ อ - การใชข ้ ความรูท ้ างสถิตใิ นการทดสอบสมมติฐาน จากข้อมูลทีเ่ ก็บรวบรวมมาได้จากกลุม ่ ต ัวอย่างจะต้องเลือก ให้เหมาะสมก ับข้อมูลนนๆ ั้ ว่าต้องการทดสอบอะไร มีจานวน กลุม ่ ทีต ่ อ ้ งการทดสอบกีก ่ ลุม ่ เป็นต้น - พยายามหาหล ักฐานให้มากพอทีม ่ อ ี ยูใ่ นต ัวอย่า งมา ิ ใจก ับสมมติฐานทีต ใชใ้ นการ ต ัดสน ่ งั้ การทดสอบสมมติฐาน การกาหนดสมมติฐาน ้ มา 2 สมมติฐาน : การทดสอบสมมติฐานจะตงสมมติ ั้ ฐานขึน 1. สมมติฐานหล ัก (Null Hypothesis) หรือ เพือ ่ ต้องการหล ักฐานในการห ักล้าง H 0ถูกกาหนดขึน้ 2. สมมติฐานทางเลือก (Alternative Hypothesis) หรือเป็น ้ เพือ สมมติฐานทีต ่ งขึ ั้ น ่ ทีจ ่ ะเป็นทางเลือกเมือ ่ มีการลบล้างสมมติฐานหล ัก H a H1 ขนตอนการทดสอบสมมติ ั้ ฐาน 1. กาหนดสมมติฐานทีต ่ อ ้ งการทดสอบ ซงึ่ จะเป็น สมมติฐานทางสถิต ิ (Statistical Hypothesis) คือ กาหนด สมมติฐานหล ัก และสมมติฐานทางเลือก 2. กาหนดระด ับน ัยสาค ัญ 0.05 หรือระด ับความ ื่ มน เชอ ่ ั (level of confidence) 3. กาหนดวิธท ี างสถิตท ิ ใี่ ชใ้ นการทดสอบ พร้อมทงั้ หาเขตวิกฤติ (critical region) หรือเขตปฏิเสธสมมติฐาน 4. คานวณหาค่าทางสถิตต ิ ามวิธท ี างสถิตท ิ จ ี่ ะใชใ้ น การทดสอบ ขนตอนการทดสอบสมมติ ั้ ฐาน 5. สรุปผลการทดสอบ โดยพิจารณาค่าทีค ่ านวณได้ จากข้อ 4. ว่าตกอยูใ่ นเขตวิกฤติหรือไม่ ถ้าค่าสถิตท ิ ี่ H1 ับ คานวณได้ตกอยูน ่ อกเขตวิกฤติก็จะยอมร ในทาง Hา0มถ้าค่าสถิตท ตรงก ันข้ ิ ค ี่ านวณได้ตกอยูใ่ นเขตวิกฤตก็จะ H 0 และไปยอมร ับ ิ หาก ปฏิเสธ และจะไม่ต ัดสน ค่าสถิตเิ ท่าก ับเขตวิกฤต สถิตท ิ ใี่ ชใ้ นการทดสอบสมมติฐานมีหลายล ักษณะ คล้ายก ับการอนุมานประชากร ซงึ่ จะมีความสอดคล้องก ัน การวิเคราะห์ สมมติฐาน หลักเกณฑ์ สาคัญที่ใชพ้ จิ ารณาเพิม่ เติมในการวิเคราะห์ สมมติฐานคือ ความเหมาะสมของสมมติฐานต่ อการวิจัย : ประเด็น 1. การนิรนัยได้ (deductibility) 2. การทดสอบได้ (testability) เทคนิคการค้ นพบความรู้ทางศาสตร์ 1. การทาความเข้ าใจให้ แจ่ มแจ้ ง (insight) 2. การเก็บรักษาบันทึก เอกสาร ข้ อมูล (record maintenance) 3. การจาแนกประเภทโดยการไขว้ ตัวแปร (cross-classification) 4. การใช้ สมมติฐานแบบสลับ (alternative hypotheses) 5. การนิรนัย (deduction) รูปที่ 1 /2 /2 H0 : 0 Ha : 0 รูปที่ 3 0 H0 : 0 หรือ Ha : 0 รูปที่ 2 0 H0 : 0 หรือ Ha : 0