19.ทัศนคติ - คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

Download Report

Transcript 19.ทัศนคติ - คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

นสพ. กฤษฎา สงวนพงษ์
นสพ. ปาริชาต เจนเจริญพันธ์
นสพ. อรวรรณ มูลตรีภกั ดี
หลักการและเหตุผล

เนื่องจากสังคมปั จจุบนั ชายหญิงมีโอกาสได้ ใกล้ ชิดกัน
มากกว่ายุคที่ผ่านมา รวมทังข่
้ าวสาร สื่อทังจากภาพยนต์
้
และ
โทรทัศน์ที่เกี่ยวข้ องกับเรื่ องเพศมีมากขึ ้น ทาให้ เด็กวัยรุ่น ซึง่ เป็ น
วัยที่อยูร่ ะหว่างการเปลี่ยนผ่านจากวัยเด็กสูว่ ยั ผู้ใหญ่ ช่วง
ระยะเวลาดังกล่าวเป็ นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงทังทางร่
้
างกาย
อารมณ์ จิตใจ เป็ นอย่างมาก อีกทังยั
้ งเป็ นวัยที่คึกคะนอง ชอบ
ที่จะทดลองสิ่งแปลก ๆ ใหม่ ๆ อยูแ่ ล้ ว จึงทาให้ มีความสนใจ
เกี่ยวกับเองเพศตรงข้ ามและเพศสัมพันธ์มากขึ ้น
หลักการและเหตุผล

ปั จจุบนั พบว่าวัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานประมาณ
ร้ อยละ 301 และเป็ นการมีเพศสัมพันธ์ตงแต่
ั ้ อายุยงั น้ อยเฉลี่ย
ประมาณ 15 ปี 2 ถ้ าไม่มีการป้องกันการตังครรภ์
้
ขาดป้องกัน
การติดเชื ้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคเอดส์ ย่อมเสี่ยง
ต่อการติดเชื ้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และการตังครรภ์
้
ไม่พงึ
ประสงค์ หากวัยรุ่นต้ องเผชิญกับปั ญหาดังกล่าว ย่อมมีความ
เสี่ยงต่อสุขภาพทังทางร่
้
างกายและจิตใจ และหากต้ องทาแท้ ง
ด้ วยแล้ วย่อมมีความขัดแย้ งต่อมาตรฐานทางศีลธรรมด้ วย
คาถามการวิจัย
คาถามหลัก
ทัศนคติและพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรี ยนของ
นักเรี ยนชันมั
้ ธยมศึกษาตอนปลาย ในอาเภอเมือง จังหวัด
พิษณุโลกเป็ นอย่างไร
คาถามการวิจัย
คาถามรอง
ปั จจัยใดที่มีผลต่อการตัดสินใจมีเพศสัมพันธ์ ในวัยเรี ยน
อายุเฉลี่ยของนักเรี ยนชันมั
้ ธยมศึกษาตอนปลายที่เริ่ มมี
เพศสัมพันธ์ครัง้ แรก คือ เท่าใด
ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ ด้วย คือ บุคคลใดบ้ าง
นักเรี ยนชันมั
้ ธยมศึกษาตอนปลายมีความรู้เกี่ยวกับวิธีการ
คุมกาเนิดหรื อไม่ ( ถุงยางอนามัยและยาคุมกาเนิด )

วัตถุประสงค์
เพื่อให้ ทราบถึงทัศนคติและพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์ใน
วัยเรี ยนของนักเรี ยนชันมั
้ ธยมศึกษาตอนปลาย ในอาเภอเมือง
จังหวัดพิษณุโลก
 เพื่อให้ ทราบถึงปั จจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจมีเพศสัมพันธ์
ในวัยเรี ยน
 เพื่อให้ ทราบถึงความรู้ เกี่ยวกับวิธีการคุมกาเนิดนักเรี ยนชัน้
มัธยมศึกษาตอนปลาย
 เพื่อทราบถึงพฤติกรรมและแนวโน้ มการมีพฤติกรรมทางเพศ
ที่เสี่ยงต่อการติดโรคทางเพศสัมพันธ์

ผลที่คาดว่ าจะได้ รับ
 เพื่อใช้ เป็ นแนวทางในการให้ ความรู้ เกี่ยวกับเพศศึกษาและ
วิธีการคุมกาเนิดที่ถกู ต้ อง
ทบทวนวรรณกรรม
งานวิจัยเรื่องการเฝ้าระวังพฤติกรรมเสี่ยงต่ อ
การติดเชือ้ เอดส์ ของกลุ่มนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปี ที่ 5
สังกัดกรมสามัญศึกษาใน 20 จังหวัด รอบที่ 7 พ.ศ. 2544
โดยกองระบาดวิทยา
 เก็บตัวอย่างโดยให้ กลุม
่ ตัวอย่างตอบแบบสอบถามด้ วยตนเอง

ทบทวนวรรณกรรม
(%)
เคยมีเพศสัมพันธ์
การใช้ ถุงยางอนามัย
อายุเฉลี่ยของการมีเพศสัมพันธ์ ครัง้ แรก
มีเพศสัมพันธ์ กับคนรัก แฟน เพื่อนสนิท
74.2(10.0)
ชาย (%)
หญิง
12.1
20.0
15
71.2(14.8)
3.4
22.8
15
ทบทวนวรรณกรรม
งานวิจัยเรื่องปั จจัยที่มีอทิ ธิพลต่ อการเลือกใช้ หรือไม่
ใช้ ถุงยางอนามัยในนิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัด
พิษณุโลก โดยนิสิตแพทยศาสตร์ ปี การศึกษา2542
 เก็บตัวอย่างโดยให้ กลุม
่ ตัวอย่างตอบแบบสอบถามด้ วยตนเอง
 เรื่ องของความรู้ ทวั่ ไปเกี่ยวกับถุงยางอนามัยพบว่า ส่วนใหญ่จะดู
วันผลิตและวันหมดอายุของถุงยางอนามัยก่อนซื ้อทุกครัง้ ร้ อยละ
98.0

ทบทวนวรรณกรรม
พบว่านิสิตชายมหาวิทยาลัยนเรศวรเคยมีเพศสัมพันธ์ คิดเป็ น
ร้ อยละ 30.0
 อายุเฉลี่ยที่มีเพศสัมพันธ์ครัง้ แรก เท่ากับ 17 ปี
 โดยส่วนใหญ่จะมีเพศสัมพันธ์ กบ
ั คูร่ ักมากที่สดุ ร้ อยละ 80.8
และ มีการใช้ ถงุ ยางเป็ นบางครัง้ ร้ อยละ 57.7
 ใช้ หอพักเป็ นสถานที่ที่มีเพศสัมพันธ์ ร้ อยละ 70.8

ทบทวนวรรณกรรม
 สาเหตุที่ใช้ ถงุ ยางอนามัยส่วนใหญ่เพื่อป้องกันการตังครรภ
้
ร้ อยละ 46.7
 สาเหตุที่ไม่ใช้ ถงุ ยางอนามัยเนื่องมาจากไม่ได้ เตรี ยมถุงยาง
อนามัยไว้ ก่อน ร้ อยละ 63.3
ทบทวนวรรณกรรม
จากการศึกษางานวิจัยเรื่องการสารวจ
พฤติกรรมทางเพศและการป้องกันโรคติดต่ อทาง
เพศสัมพันธ์ ในวัยรุ่ น โดยองกามโรค
 มีเพศสัมพันธ์ ครัง้ แรกอายุระหว่าง 15-19 ปี ร้ อยละ 29.9 โดย
อายุน้อยที่สดุ คือ 10 ปี และมากที่สดุ คือ 23 ปี

ทบทวนวรรณกรรม
บุคคลที่เพศสัมพันธ์ครัง้ แรก คือ คนรัก ร้ อยละ 41.1
ใช้ ถงุ ยางอนามัย ร้ อยละ 18.2
ส่วนสาเหตุที่ไม่ได้ ใช้ ถงุ ยางอนามัย ส่วนใหญ่ให้ เหตุผลว่า
ไม่ได้ เตรี ยมไป ร้ อยละ 22.5
 ส่วนการใช้ ถงุ ยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ กบ
ั คนรู้ จกั ผิวเผิน
ส่วนใหญ่ใช้ ทกุ ครัง้ ร้ อยละ 26.0

สรุป

วัยรุ่นชายและหญิงมีความแตกต่างกันในหลายกรณีตงแต่
ั ้ อายุที่มี
เพศสัมพันธ์ครัง้ แรก วัยรุ่นหญิงจะเริ่มมีเพศสัมพันธ์มากกว่าวัยรุ่นชาย และ
พบเฉพาะวัยรุ่นชายเท่านันที
้ ่มีเพศสัมพันธ์ครัง้ แรกอายุน้อยกว่า 15 ปี และ
สัดส่วนของวัยรุ่นหญิงที่มีประสบการณ์การมีเพศสัมพันธ์มีสดั ส่วนน้ อยกว่า
วัยรุ่นชายแต่ในด้ านพฤติกรรมการป้องกันโรคกลับพบว่าวัยรุ่นหญิงมีการใช้
ถุงยางอนามัยในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์น้อยกว่าวัยรุ่นชายทัง้
ในโอกาสของการมีเพศสัมพันธ์ครัง้ แรกและการมีเพศสัมพันธ์โอกาสอืน่ ซึง่
อาจเป็ นเหตุให้ วยั รุ่นหญิงเสี่ยงต่อการติดเชื ้อโรคทางเพศสัมพันธ์ โรคเอดส์
รวมทังการตั
้
งครรภ์
้
ที่ไม่พงึ ประสงค์ เมื่อสอบถามสาเหตุที่ไม่ได้ ใช้ ถงุ ยาง
อนามัย ส่วนใหญ่ให้ เหตุผลว่าไม่ได้ เตรี ยมไว้ ด้ วยเหตุผลนี ้จึงเป็ นสิง่ ที่น่าคิด
ว่าการรณรงค์เพื่อให้ วยั รุ่นมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยเป็ นสิง่ ที่สาคัญ
ระเบียบวิธีวิจัย
กลุ่มประชากร
Inclusion criteria : นักเรี ยนชันมั
้ ธยมศึกษา
ตอนปลายใน 4 โรงเรี ยน ในอาเภอเมือง จังหวัด
พิษณุโลก
ระเบียบวิธีวิจัย
วิธีการวิจัย
Cross - sectional descriptive design โดยให้ ทา
แบบสอบถามที่ตอบด้ วยตัวเอง ( Confidential self
administered questionnaires )
ระเบียบวิธีวิจัย
ขนาดประชากรที่ศึกษา
:
505 ตัวอย่าง
วิธีการคานวณขนาดตัวอย่ าง
n
=
Za 2 P( 1 – P )
d2
n
Za 2
=
=
ขนาดตัวอย่าง
ค่า Standard normal deviation เมื่อมีระดับ
ความเชื่อมัน่ ในการทานายค่าสัดส่วนใน
ประชากร (P) จากค่าสถิติเท่ากับ (100- a) %
ระเบียบวิธีวิจัย
P
=
ค่าสัดส่วนของประชากรที่คาดว่าจะเป็ น
d
=
ค่าที่ผ้ วู ิจยั ยอมให้ คา่ สถิติหรื อค่าสัดส่วนที่ประมาณได้
จากตัวอย่างการวิจยั (P) คลาดเคลื่อนไปจากค่าสัด
ส่วนจริงในประชากรได้ มากที่สดุ
Za 2
P
d
=
=
=
 กาหนดค่ า
Z statistics ที่ระดับความเชื่อมัน่ 95 % = 1.96
0.3
0.10
ระเบียบวิธีวิจัย
แทนค่ าสูตร
n
=
=
(1.96)2 ( 0.7) ( 0.3 )
( 0.10 )2
80.67
ระเบียบวิธีวิจัย
 วิธีการคัดเลือกกลุ่มประชากร
ทาการคัดเลือกกลุม่ ประชากรด้ วยการสุม่ โดยนักเรี ยนชัน้
มัธยมศึกษาตอนปลายทุกคนมีสิทธิ์ในการถูกคัดเลือก โดย
คัดเลือกกลุม่ ตัวอย่างอย่างน้ อยโรงเรี ยนละ 100 ตัวอย่าง
การกาหนดตัวแปร
ตัวแปรต้ น (Independent)
 เพศ
 สถานภาพของบิดามารดา
 รายได้
 ที่อยูป
่ ั จจุบนั
 สถานภาพ
 อุปนิสย
ั
 ความรู้ เกี่ยวกับการคุมกาเนิด
 ความรู้ เกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ระเบียบวิธีวิจัย
ตัวแปรตาม
(Dependent)
ทัศนคติตอ่ การมีเพศสัมพันธ์
พฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์
ตัวแปรควบคุม
อายุ
สถานภาพสมรส
การศึกษา
ภูมิลาเนา
กรอบความคิด
นักเรี ยนชันมั
้ ธยมศึกษาตอนปลาย
ในอาเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก
ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์
- ทัศนคติเกี่ยวกับการมี
เพศสัมพันธ์
- ปั จจัยที่มีผลต่อการ
ตัดสินใจมีเพศสัมพันธ์
- ความรู้ความเข้ าใจ
เกี่ยวกับการคุมกาเนิด
เคยมีเพศสัมพันธ์
- พฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์
- พฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติด
โรคทางเพศสัมพันธ์
-
ปั จจัยที่สง่ ผลให้ ใช้ และไม่ใช้
การคุมกาเนิด
กรอบความคิด
สถานภาพของบิดามารดา
เพศ
รายได้
นักเรี ยนชัน้
มัธยมศึกษา
ตอนปลาย
ที่อยู่ปัจจุบนั
สถานภาพ
อุปนิสยั
บุคคลที่มีเพศสัมพันธ์ ด้วย
ความรู้เกี่ยวกับโรคติดต่อ
ทางเพศสัมพันธ์
ความรู้เกี่ยวกับการคุมกาเนิด
ทัศนคติและ
พฤติกรรมของการ
มีเพศสัมพันธ์
อคติในการวิจัย

1. Selection bias :
non response ( ความอาย,
ความลับส่วนตัว )
- แก้ ไขโดย จัดให้ นกั เรี ยนนัง่ รวมกันในห้ องประชุม โดยจัดที่นงั่ ห่างกัน
พอสมควรขณะตอบแบบสอบถาม และไม่ให้ ครูผ้ ดู แู ลเข้ าไปภายในห้ องทีท่ า
แบบสอบถาม เมื่อตอบคาถามเสร็จแล้ ว ผู้ตอบพับแบบสอบถามและนามาใส่
กล่องรับแบบสอบถามด้ วยตนเอง เพื่อให้ นกั เรี ยนมัน่ ใจในการรักษาความลับ
ของตน
อคติในการวิจัย
choice of sampling frame (กลุม่ ที่เลือกมาอาจไม่ได้
เป็ นตัวแทนของนักเรี ยนทังหมด)
้
- แก้ ไขโดย เลือกตัวอย่างโดยการสุม่ โดยทุกคนมีสิทธ์ที่จะ
ถูกเลือก (Probability sampling)
Information bias : omission / imprecision of
record data ( อาจได้ ข้อมูลไม่ตรงตามความเป็ นจริ ง )
2.
การวิเคราะห์ ข้อมูล
เก็บรวบรวมข้ อมูลด้ วย epiData และ
วิเคราะห์ข้อมูลด้ วย SPSS
 Pearson Chi-square Test
 Fisher’s Exact Test

ผลการศึกษา
แผนภูมวิ งกลม
ศึกษา
แสดงจำนวนประชำกรที่
นักเรียนชั ้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
นักเรียนชาย
36%
นักเรียนหญิง
64%
แผนภูมิแท่ ง แสดงทัศนคติของนักเรียน ม.ปลาย ต่อ
การมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรี ยน
เห็นด้ วย
80%
68%
60%
60%
45%46%
40%
20%
35%
29%
9%
0%
ชาย
3%
หญิ ง
5%
รวม
ไม่เห็นด้ วย
เฉยๆ
แผนภูมิแท่ ง แสดงควำมคิดของนักเรียนม.ปลาย
เกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์
เคยคิดจะมีเพศสัมพันธ์
100%
86%
ไม่เคยคิดจะมีเพศสัมพันธ์
80%
60%
72%
55%
45%
40%
29%
20%
14%
0%
ชาย
หญิ ง
รวม
แผนภูมิแท่ ง แสดงควำมสั มพันธระหว
ำงเพศของ
่
์
นักเรี ยนมัธยมศึกษาตอนปลายถามกับการมีเพศสัมพันธ์
เคยมีเพศสัมพันธ์
30%
p value = 0.003
23%
20%
13%
10%
0%
ชาย
หญิ ง
แผนภูมิแท่ ง แสดงความสัมพันธ์ระหว่างสถานภาพของบิดา
มารดากับการมีเพศสัมพันธ์ของนักเรี ยนมัธยมศึกษาตอนปลาย
22%
25%
20%
P = 0.350
18%
16%
15%
10%
5%
0%
อยู่ด้วยกัน
แยกกันอยู่/หย่าร้ าง
บิดาหรือมารดาเสียชีวิต
แผนภูมแิ ท่ ง แสดงความสัมพันธ์ระหว่างรายได้ กบั การมีเพศสัมพันธ์
ของนักเรี ยนมัธยมศึกษาตอนปลาย
25%
22%
20%
15%
10%
P value = 0.062
16%
11%
8%
5%
มา
กว
่า40
00
300
1-4
000
200
1-3
000
100
1-2
000
มา
กก
ว่า1
000
0%
12%
แผนภูมแิ ท่ ง แสดงความสัมพันธ์ระหว่างความพอเพียงของรายได้ กบั
การมีเพศสัมพันธ์ของนักเรี ยนมัธยมศึกษาตอนปลาย
P value = 0.226
30%
20%
22%
15%
10%
0%
พอใช้
ไม่ พอใช้
แผนภูมิแท่ งแสดง ควำมสั มพันธระหว
ำงที
อ
่ ยูของ
่
่
์
นักเรี ยนกับการมีเพศสัมพันธ์
20%
P value = 1.000
17%
15%
15%
17%
10%
5%
0%
0%
บ้านตนเอง
บ้านญาติ
หอพัก
อื่นๆ
แผนภูมิแท่ งแสดง ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่อาศัยอยูด่ ว้ ยกับการมี
เพศสัมพันธ์
P value = 0.755
30%
20%
16%
18%
29%
20%
10%
0%
0%
บิดามารดา
ญาติ
เพื่อน
คู่รัก
อื่นๆ
แผนภูมแิ ท่ ง แสดงความสัมพันธ์ระหว่างสถานภาพของนักเรี ยน
กับการมีเพศสัมพันธ์
40%
P = 0.000
38%
30%
20%
8%
10%
0%
มีค่ ูรัก
ไม่ มีค่ ูรัก
แผนภูมิแท่ งแสดงอายุที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกของนักเรี ยน ม.ปลาย
60%
51%
50%
30%
20%
10%
0%
12
13
38%
40%
10
14
26%
15
16
12%
7%
2%2%
ชาย
10%
2%
12% 15%12%
7%
2%
0%0%
หญิง
17
18
แผนภูมิแท่ งแสดงอายุที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกของนักเรี ยน ม.ปลาย
50%
10
45%
12
40%
13
14
30%
19%
20%
10%
0%
15
1% 1%
5%
10%
รวม
12%
16
7%
17
18
แผนภูมิแท่ ง แสดงบุคคลทีม
่ เี พศสั มพันธด
้
์ วยของ
นักเรี ยนม.ปลาย
100%
93%
คู่รกั
80%
74%
เพือ่ นต่างเพศ
60% 55%
เพือ่ นเพศเดี ยวกัน
40%
หญิ ง/ชายรักสนุก
20%
0%
ผู้ให้ บริการทางเพศ
24%
12%
5%5%
ชาย
7%
0%0%0%
หญิ ง
16%
6%2%2%
รวม
แผนภูมิแท่ ง แสดงกำรใช้กำรคุมกำเนิดใน
นักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
60%
50%
40%
56%
48%
43%
52%
41%
39%
30%
20%
10%
10%
5%
7%
0%
ชาย
หญิ ง
รวม
จาไม่ได้ /ไม่แน่ใจ
ใช้
ไม่ใช้
แผนภูมิแท่ ง แสดงเหตุผลทีม
่ เี พศสั มพันธโดย
์
ไม่ได้ใช้การคุมกาเนิด
ไม่ได้ เตรี ย มไว้
100%
88%
80% 78%
ไม่ชอบ/ไม่เป็ นธรรม
ชาติ
คู่นอนไม่ย อมใช้ /
ไม่ย อมให้ ใ ช้
60%
40%
20%
กลัวเพือ่ นว่าไม่แน่จริ ง
39%
28%
22%
17%
11%
11%
0%
ชาย
ไม่ก ล้ าซื ้อ
12%
6%
18%
18%
หญิ ง
6%
0%
กลัวคู่นอนจะเข้าใจ
ว่าไม่ไว้ วางใจ
เมาสุราหรื อ สารเสพย์
ติดก่ อ นมีเพศสัมพันธ์
อื่ น ๆ
แผนภูมิแท่ ง แสดงเหตุผลทีม
่ เี พศสั มพันธโดย
์
ไม่ได้ใช้การคุมกาเนิด
100%
ไม่ได้ เตรี ย มไว้
85%
ไม่ชอบ/ไม่เป็ นธรรม
ชาติ
80%
คู่นอนไม่ย อมใช้ /
ไม่ย อมให้ ใ ช้
60%
40%
20%
0%
กลัวเพือ่ นว่าไม่แน่
จริ ง
26%
9%
ไม่ก ล้ าซื ้อ
21% 18%
3%
รวม
18%
6%
กลัวคู่นอนจะเข้า
ใจว่าไม่ไว้วางใจ
เมาสุราหรื อ สาร
เสพย์ ติดก่ อ นมีเพศ
สัมพันธ์
อื่ น ๆ
แผนภูมิแท่ ง แสดงเหตุผลทีม
่ เี พศสั มพันธครั
์ ง้
แรกของนักเรี ยนชาย
80%
71%
แสดงความเป็ นชาย
60%
ตามแฟชัน่ /ตามเพือ่ น
อยากลอง
38%
40%
ความรั ก
เมาสุรา/สารเสพย์ ติด
20%
0%
12%
7% 10%
2%
14%
5%
รู้ เท่าไม่ถึ งการณ์ถูก
ล่อ ลวง
เหงา
อื่ นๆ
ชาย
แผนภูมิแท่ ง แสดงเหตุผลทีม
่ เี พศสั มพันธครั
์ ง้
แรกของนักเรี ยนหญิง
78%
80%
60%
แสดงความเป็ น
ชาย
ตามแฟชัน่ /ตาม
เพือ่ น
อยากลอง
40%
ความรั ก
27%
20%
0%
15%
0%
5%
2%
7% 5%
เมาสุร า/สารเสพย์
ติด
รู้ เท่าไม่ถึ งการณ์
ถูก ล่อ ลวง
เหงา
อื่ นๆ
หญิ ง
แผนภูมิแท่ ง แสดงเหตุผลทีม
่ เี พศสั มพันธครั
์ ง้ แรก
ของนักเรี ยนม.ปลาย
59%
60%
แสดงความเป็ น
ชาย
ตามแฟชัน่ /ตาม
เพือ่ น
อยากลอง
49%
40%
ความรั ก
20%
6% 4%
5%
0%
รวม
12% 11%
5%
เมาสุร า/สาร
เสพย์ ติด
รู้ เท่าไม่ถึ งการณ์
ถูก ล่อ ลวง
เหงา
อื่ นๆ
แสดงสถำนทีท
่ ม
ี่ เี พศสั มพันธ ์
แผนภูมแิ ท่ ง
ครั้งแรก
50%
44%
40%
30%
บ้ านตนเอง
บ้านเพื่ อน
35%
33%
26%
27%
30%
20%
10%
0%
ชาย
หญิง
รวม
โรงแรม
สถานบริ การทางเพศ
หอพัก
สถานเริ งรมย์
อืน่ ๆ
แผนภูมแิ ท่ ง เปรียบเทียบจำนวนคูนอนของ
่
นักเรี ยนชาย-หญิง
80%
73%
1
60%
2
3
40%
4
36%
5
20%
0%
17% 17%
12%
2% 2%
ชาย
7
15%
5%
2% 2%
2% 0% 0% 0% 0%
หญิง
5%
0%
10
11
12
แผนภูมแิ ท่ ง แสดงจำนวนคูนอนของนั
กเรียน
่
ชาย-หญิง
60%
54%
1
50%
2
40%
3
4
30%
20%
10%
0%
5
16%
7
7% 8%
1% 1% 2% 4% 1%
รวม
10
11
12
แผนภูมแิ ท่ ง
ต่อมา
แสดงสาเหตุที่ทาให้มีเพสสัมพันธ์ในครั้ง
แสดงความเป็ นชาย
100%
ตามแฟชัน่ /ตามเพือ่ น
87%
80%
60%
40%
อยากลอง
ความรัก
เมาสุรา/สารเสพย์ติด
58%
43%
รู้เท่าไม่ถงึ การณ์ ถกู ล่อลวง
ขายบริการ
เหงา
อืน่ ๆ
20%
5%
0%
ชาย
หญิง
แผนภูมแิ ท่ ง
ครั้งต่อมา
แสดงสาเหตุที่ทาให้มีเพสสัมพันธ์ใน
80%
60%
แสดงความเป็ นชาย
ตามแฟชัน่ /ตามเพือ่ น
61.4%
อยากลอง
ความรัก
40%
เมาสุรา/สารเสพย์ติด
30.1%
รู้เท่าไม่ถงึ การณ์ ถกู ล่อลวง
20%
14.5%
ขายบริการ
เหงา
0%
อืน่ ๆ
รวม
แสดงสถานที่ที่เคยมีเพศสัมพันธ์
แผนภุมแิ ท่ ง
60%
60%
50%
40%
44%
40%38%
30%
44%
26%
20%
10%
0%
ชาย
หญิง
บ้ า นตนเอง
บ้ า นเพื่อน
โรงแรม
สถานบริ การทางเพศ
หอพัก
สถานเริ งรมย์
อืน่ ๆ
แผนภูมแิ ท่ ง
แสดงสถานที่ที่เคยมีเพศสัมพันธ์
49.4%
50%
40%
30%
20%
10%
0%
บ้ า นตนเอง
บ้ า นเพื่อน
โรงแรม
สถานบริ การทางเพศ
หอพัก
สถานเริ งรมย์
อืน่ ๆ
38.6%
31.3%
12.0%
1.2%
รวม
2.4%
6.0%
แผนภูมแิ ท่ ง แสดงช่วงคะแนนความรู้ทวั่ ไปเกี่ยวกับถุงยางอนามัย
80%
60%
40%
62%
55%
43%
51%
ชาย
41%
36%
20%
หญิง
7%
0%
0-5
.6-10
รวม
2% 4%
.11-15
แผนภูมิแท่ ง แสดงความสัมพันธ์ระหว่างความรู้เรื่ องการใช้ถุงยาง
อนามัยกับการใช้ถุงยางอนามัยของนักเรี ยนชาย
80%
64%
60%
48%
40%
20%
18%18%
50%50%
ใช้ บางครัง้
24% 28%
ไม่ใช้
0%
0%
0-5
ใช้ ทกุ ครัง้
.6-10
.11-15
แผนภูมิแท่ ง แสดงความสัมพันธ์ระหว่างความรู้เรื่ องการใช้ ถงุ ยาง
อนามัยกับการใช้ ถงุ ยางอนามัยของนักเรี ยนหญิง
80%
67%
67%
60%
40%
ใช้ ทกุ ครั ง้
35%35%
30%
33%
17% 17%
20%
ไม่ ใช้
0%
0%
0-5
.6-10
ใช้ บางครั ง้
.11-15
แผนภูมิแท่ ง แสดงช่วงคะแนนความรู้ทวั่ ไปเกี่ยวกับยาคุมกาเนิด
ชนิดรับประทาน
60%
40%
49.1%
36.0%
0-3
14.9%
20%
0%
นักเรียนหญิง
.4-6
.7-9
แผนภูมิแท่ ง แสดงควำมสั มพันธของควำมรู
เรื
่ ง
้ อ
์
ยาคุมกาเนิดชนิดกินกับการใช้ยาคุมกาเนิดชนิดกินของนักเรี ยนหญิง
80%
63%
60%
40%
20%
46%
36%
ใช้ ทกุ ครั ง้
50%
ใช้ บางครั ง้
35%
25%
18%
15%
13%
0%
0-3
.4-6
.7-9
ไม่ ใช้
ตารางแสดงการตั้งครรภ์ของนักเรี ยนหญิงที่เคยมีเพศสัมพันธ์
การตัง้ ครรภ์
- ไม่เคย
- เคย
- 1 ครั ้ง
- 2 ครั ้ง
- 3 ครั ้ง
N
%
31
10
7
2
1
75.6
24.4
70
20
10
ตารางแสดง กำรปฏิบต
ั เิ มือ
่ ตัง้ ครรภ ์
เมื่อตัง้ ครรภ์ ทาอย่ างไร
N
%
- ตัง้ ครรภ์ครบกาหนด
- ทาแท้ ง
- ซื ้อยามากินเอง
- แพทย์ปริญญา
- หมอเถือ่ น
2
8
4
1
3
20.0
80.0
50.0
12.5
37.5
ตารางแสดงจานวนนักเรี ยนกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ท่านเคยเป็ นโรคติดต่ อทางเพศสัมพันธ์ หรื อไม่
ชาย
คน (%)
จานวน
หญิง
คน (%)
- ไม่เคย
- เคย
- ไม่แน่ใจ
41(97.6)
1(2.4)
-
40(97.6) 81(97.6)
1(1.2)
1(2.4)
1(1.2)
รวม
คน (%)
ตารางแสดง กำรรักษำเมือ
่ เป็ นโรคติดตอ
่
ทางเพศสัมพันธ์
ถ้ าเคยเป็ นหรื อมีอาการที่คดิ ว่ าเป็ นท่านรั กษาที่ใด
- สถานบริการสาธารณสุขของรัฐ ฯ
- โรงพยาบาลเอกชน
- คลินิก
- ซื ้อยากินเอง
- อืน่ ๆ
ชาย
คน (%)
จานวน
หญิง
คน (%)
รวม
คน (%)
1(100)
-
1(100)
-
1(50)
1(50)
-
สรุ ปและวิจารณ์ ผลการศึกษา
ทัศนคติต่อการมีเพศสัมพันธ์ ในวัยเรี ยน
60% ไม่เห็นด้ วยกับการมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรี ยน
เนื่องจากอาจส่งผลกระทบในทางลบต่อการศึกษาเล่าเรี ยน
พฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์ ของนักเรี ยนมัธยมศึกษา
ตอนปลาย
เคยมีเพศสัมพันธ์ร้อยละ 16.4
นักเรี ยนชายร้ อยละ 23.0
นักเรี ยนหญิงร้ อยละ 12.7

สรุ ปและวิจารณ์ ผลการศึกษา
ความสัมพันธ์ ของปั จจัยต่ างๆ
กับการมีเพศสัมพันธ์
พบว่า สถานภาพของนักเรี ยน (มีครู่ ักหรื อไม่มีครู่ ัก) และเพศ
ของนักเรี ยน มีความสัมพันธ์กบั การมีเพศสัมพันธ์อย่างมี
นัยสาคัญทางสถิติ (p < 0.05)
อายุเฉลี่ยของนักเรี ยนมัธยมศึกษาตอนปลายที่มีเพศสัมพันธ์
ครัง้ แรกเท่ากับ 15.6 ปี โดยนักเรี ยนที่มีเพศสัมพันธ์ครัง้ แรก
อายุน้อยที่สดุ 10 ปี
สรุ ปและวิจารณ์ ผลการศึกษา
นักเรี ยนหญิงเกือบทังหมดมี
้
เพศสัมพันธ์กบั คู่รัก แตกต่างจากนักเรี ยนชายที่มีเพศสัมพันธ์ก
คู่รัก เพื่อนต่ างเพศ และเพื่อนเพศเดียวกันเป็ นส่วนใหญ่
พฤติกรรมกรรมการมีเพศสัมพันธ์ ของนักเรี ยนก็ยงั ไม่ปลอดภัย
เนื่องจากพบว่าในนักเรี ยนชายมีการใช้ ถุงยางอนามัยกับคูร่ ัก
ทุกครัง้ เพียงร้ อยละ 17.9 และนักเรี ยนหญิงมีการใช้ เพียงร้ อยละ
13.9 โดยเหตุผลส่วนใหญ่ที่ไม่ได้ ใช้ นนเนื
ั ้ ่องมาจากไม่ได้
เตรี ยมไว้
บุคคลที่เคยมีเพศสัมพันธ์์
สรุ ปและวิจารณ์ ผลการศึกษา
การมีเพศสัมพันธ์ สว่ นใหญ่เกิดขึ ้นที่หอพัก
การตังครรภ์
้
และการทาแท้ งในกลุม่ นักเรี ยนหญิง
นักเรี ยนชายส่วนใหญ่มีความรู้ ปานกลางเกี่ยวกับการใช้
ถุงยางอนามัย แต่ในนักเรี ยนหญิงนันพบว่
้
าส่วนมากยังมี
ความรู้น้อยในการใช้ ถงุ ยางอนามัย
นักเรี ยนชายที่มีความรู้ มากมีการใช้ ถงุ ยางอนามัยในอัตรา
ที่สงู กว่านักเรี ยนที่มีความรู้ปานกลางหรื อความรู้น้อย
สรุ ปและวิจารณ์ ผลการศึกษา
นักเรี ยนหญิงที่มีความรู้ มากมีการใช้ ถงุ ยางอนามัยแค่เพียง
บางครัง้ นักเรี ยนที่มีการใช้ ถงุ ยางอนามัยทุกครัง้ เป็ นส่วน
ใหญ่กลับเป็ นนักเรี ยนที่มีความรู้น้อย
นักเรี ยนหญิงส่วนใหญ่มีความรู้ ปานกลางเกี่ยวกับการใช้ ยา
คุมกาเนิดชนิดกิน และเมื่อศึกษาถึงการใช้ ยาคุมกาเนิดชนิด
กิน จะเห็นว่าไม่วา่ จะมีความรู้ระดับไหนส่วนใหญ่มีการใช้
เป็ นบางครัง้ เท่านัน้ ดังนันควรมี
้
การรณรงค์เรื่ องการใช้ ยา
คุมกาเนิดเพื่อลดอุบตั ิการณ์การตังครรภ์
้
ก่อนวัยอันควร
ข้ อเสนอแนะ
ในการศึกษาทัศนคติและพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์
ของนักเรี ยนมัธยมศึกษาตอนปลายในครัง้ นี ้ เครื่ องมือที่ใช้ ใน
การศึกษาคือ แบบสอบถาม ข้ อมูลที่ได้ จากการศึกษาเป็ น
ข้ อมูลเชิงปริ มาณ ซึง่ สามารถสะท้ อนปั ญหาในลักษณะ
ตัวเลข และบอกปั ญหาได้ ในระดับหนึง่ ดังนันหากต้
้
องการ
รายละเอียดของพฤติกรรมที่เป็ นปั ญหานันๆ
้ ควร
ทาการศึกษาเพิ่มเติม โดยการศึกษาเชิงคุณภาพ อาทิเช่น
การสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth interview) หรื อการสนทนา
กลุม่ (Focus group discussion) เป็ นต้ น
ข้ อเสนอแนะ(ต่ อ)
นอกจากนี ้ควรจดบันทึกกระบวนการในขณะเก็บข้ อมูล
ซึง่ ได้ จากการสังเกต เช่นสถานที่ที่ใช้ ตอบแบบสอบถาม
บรรยากาศในขณะเก็บข้ อมูล ลักษณะของนักเรี ยนที่ตอบ
แบบสอบถามเป็ นเด็กเรี ยนดี หรื อเป็ นเด็กมีปัญหาในการ
เรี ยน เช่นเด็กเกเร หรื อประเภทของสายการเรี ยน เช่นสาย
วิทย์ สายศิลป์ เป็ นต้ น ซึง่ ข้ อมูลพื ้นฐานเหล่านี ้ จะช่วยให้ การ
อธิบายผลการศึกษามีความน่าเชื่อถือมากขึ ้น
กิตติกรรมประกาศ
1.
ขอขอบพระคุณ อาจารย์นายแพทย์พินิจ ฟ้าอานวยผล, รศ.นพ.
ศุภสิทธิ์ พรรณารุโนทัย และอาจารย์นายแพทย์ ปั ตพงษ์
เกษสมบูรณ์ ……..
ที่ช่วยให้ คาปรึกษาและคาแนะนาในการทางานวิจยั ชิ ้นนี ้
2. ขอขอบพระคุณผู้อานวยการโรงเรี ยนทุกท่านที่อนุญาตให้ ทาการ
เก็บตัวอย่าง
3. ขอขอบพระคุณคณาจารย์ทกุ ท่านที่อานวยความสะดวกในการเก็บ
ตัวอย่าง
4. ขอขอบคุณนักเรี ยนทุกคนที่ตอบแบบสอบถามอย่างตังใจ
้ และตอบ
ตามความเป็ นจริ ง
เอกสารอ้ างอิง
1. กัลยา วาณิชย์ปัญญา. “การใช้ SPSS for Windows ในการวิเคราะห์ข้อมูลเวอร์
ชัน่ 7-10”, ห้ างหุ้นส่วนจากัด ซีเค แอนด์ เอสโฟโต้ สตูดิโอ, กรุงเทพฯ, พิมพ์ครัง้ ที่
4, 2544
2. ประทักษ์ โอประเสริฐสวัสดิ.์ “วิจยั ทางคลินิก Clinicla Research”, บริ ษัท
โฮลิสติก พับลิชชิ่ง จากัด, กรุงเทพฯ, พิมพ์ครัง้ ที่ 1, 2538, หน้ า 95-102
3. รวมผลงานวิจยั คลินิกนิสยั แพทย์ รุ่นที่ 2 ปี การศึกษา 2542, “งานวิจยั เรื่ อง
ปั จจัยที่มีอิทธิพลต่อ การเลือกใช้ หรื อไม่ใช้ ถงุ ยางอนามัยในนิสิตมหาวิทยาลัย
นเรศวรจังหวัดพิษณุโลก” ,โรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก,2542
4. www.epid.moph.go.th
5. www.thai-sir.org