ไฟล์เอกสารแนบ

Download Report

Transcript ไฟล์เอกสารแนบ

วิทยาการระบาดเกีย่ วกับโรคความดันโลหิตสู งใน
ประเทศไทย
รายวิชา NUR-301วิทยาการระบาดและสมดุลสุ ขภาพชุมชน
กลุ่มที่ 2
ความเป็ นมาและความสาคัญ

สถานการณ์
โรคความดัน โลหิ ตสู งเป็ นโรคเรื้ อรังที่เป็ นปั ญหาสาธารณสุ ขที่สาคัญของ
ประเทศและมีแนวโน้มเพิม่ ขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจกล่าวได้วา่ โรคความดันหิ ตสู งเป็ น
“ฆาตกรเงียบ” ที่สามารถคร่ าชีวติ ผูค้ นได้โดยไม่มีอาการใดๆมาก่อนและเมื่อมีความ
ดันสู งมากๆก็จะก่อให้เกิดความเสี ยหายต่ออวัยวะสาคัญต่างๆเช่น หัวใจ สมอง
หลอดเลือด หรื อไต เป็ นต้น ความดันโลหิ ตสู งเป็ นภาวะที่พบบ่อยในประเทศที่พฒั นา
แล้ว ประเทศไทยเป็ นประเทศที่กาลังพัฒนาจากการเป็ นประเทศเกษตรกรรม มาสู่
อุตสาหกรรม รวมทั้งประชากรไทยเปลี่ยนวิถีการดาเนินชีวิตตามประเทศทาง
ตะวันตก ทาให้ภาวะความดันโลหิ ตสู งมีความสาคัญขึ้นเรื่ อย ๆ
ความเป็ นมาและความสาคัญ

อุบตั ิการณ์และความชุก
สถานการณ์ดงั กล่าว ประเทศไทย โดยสานักนโยบายและยุทธศาสตร์
กระทรวงสาธารณสุ ข พบว่าผูป้ ่ วยโรคความดันโลหิ ตสู งนอนรักษาตัวที่สถาน
บริ การสาธารณสุ ขเพิ่มขึ้น 3.8 เท่า ในรอบ 10 ปี (พ.ศ.2543-2552 ) ซึ่ งข้อมูลจากปี
2552 พบว่า ประชากร 1 แสนคน จะมีผเู้ ป็ นโรคความดันโลหิ ตสู งและนอนรักษาตัว
ที่สถานบริ การสาธารณสุ ขถึง 981 คน
ความเป็ นมาและความสาคัญ

อุบตั ิการณ์และความชุก
พบผูม้ ีภาวะความดันโลหิ ตสู งต่อแสนประชากรสู งเรี ยงตามลาดับดังนี้
ภาคเหนือ ภาคกลาง(ไม่รวมกรุ งเทพมหานคร) พบสู งใกล้เคียงกัน ตามด้วยภาคใต้
และภาคตะวันออกเฉี ยงเหนือน้อยสุ ด (1,225 , 1,211 , 1,019 , และ 664 ตามลาดับ )
และข้อมูลจากการสารวจสุ ขภาพประชาการไทยโดยการตรวจร่ างกายครั้งที่ 4 ปี
2551-2552 ในประชาการไทย อายุ 15 ปี ขึ้นไปพบดังนี้
ความเป็ นมาและความสาคัญ

อุบตั ิการณ์และความชุก
ความชุกของโรคความดันโลหิ ตสู ง เท่ากับ ร้อยละ 21.4 หรื อ กล่าวได้วา่ มีคน
ไทยอายุ 15 ปี ขึ้นไปเป็ นโรคความดันโลหิ ตสู ง 11.5 ล้านคนแล้ว ซึ่ ง
 ชายร้อยละ 21.5 และหญิงร้อยละ 21.3
 ในกลุ่มอายุ 15 – 29 ปี ร้อยละ 2.9 และกลุ่มอายุ 80 ปี ขึ้นไป ร้อยละ 55.9
 เขตเทศบาล ร้อยละ 26.8 และนอกเขตเทศบาล ร้อยละ 19
ความเป็ นมาและความสาคัญ

ความสาคัญ
จากสถานการณ์ดงั กล่าวโรคความดันโลหิ ตสู งซึ่ งเป็ นปั ญหาสาธารณสุ ขที่
สาคัญของประเทศและมีแนวโน้มเพิม่ ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทาให้สิ้นเปลืองงบประมาณ
ในการดูแล บางกลุ่มไม่รู้ตวั ว่าเป็ นโรคทาให้ไม่ได้รับการรักษา ไม่ได้รับคาแนะนา
ในการปฏิบตั ิตนอย่างถูกต้อง จึงทาให้เกิดภาวะแทรกซ้อนมากมาย ดังนั้นทางกลุ่ม
จึงให้ความสาคัญในการป้ องกันโรคในระดับต่างๆและการคัดกรองโรคเบื้องต้น
เพื่อที่จะได้ส่งต่อให้ได้รับการวินิจฉัยและรักษาต่อไป
ความเป็ นมาและความสาคัญ

วัตถุประสงค์
1.เพื่อศึกษาถึงสถานการณ์ของปั ญหา สถิติเกี่ยวกับอุบตั ิการณ์และความชุกของการ
เกิดโรค และธรรมชาติของการเกิดโรคความดันโลหิ ตสู งในประเทศไทย
2.เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยที่ก่อให้เของการเกิดโรคเกิดโรคตามแนวคิดธรรมชาติของโรค
และปั จจัยการเกิดความดันโลหิ ตสู ง
3. วิเคราะห์แนวทางการแกปัญหาและการจัดการปัญหาสุ ขภาพ
ปัจจัยที่ก่อให้ เกิดโรค
A
H
E
จากภาพดังกล่าวสามารถอธิ บายได้วา่ Host มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่
เสี่ ยงต่อการเกิดโรคมากขึ้น ได้แก่ประชาชนที่มีอายุเพิ่มมากขึ้น จึงทาให้มีโอกาส
เสี่ ยงต่อโรคต่างๆมากขึ้น
ปัจจัยที่ก่อให้ เกิดโรค



ปั จจัยก่อโรค(Agent) ได้แก่สิ่งที่ทาให้เกิดโรค
 ปั จจัยด้านอาหาร ได้แก่ อาหารไขมันสู ง อาหารที่มีรสเค็ม การดื่มเครื่ องดื่มที่มี
แอลกอฮอล์
ปัจจัยด้าน Host หมายถึง คน องค์ประกอบของโฮสท์ที่มีผลต่อการเกิดโรค
 ปั จจัยทางชีววิทยา ได้แก่ โครงสร้างทางด้านร่ างกาย อายุ เพศ พันธุ กรรม สภาวะ
โภชนาการ ความเครี ยด องค์ประกอบทางด้านจิตใจ
 ปั จจัยทางพฤติกรรม ได้แก่ การบริ โภคอาหาร การออกกาลังกาย การสู บบุหรี่
ปั จจัยด้านสิ่ งแวดล้อม (Environment) สิ่ งแวดล้อมที่ทาให้เกิดโรค
 สิ่ งแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคม ได้แก่ ชุมชนแออัด รายได้ อาชีพ การศึกษา
การคมนาคมขนส่ ง สถานบริ การทางการแพทย์
วิเคราะห์ แนวทางการแก้ ปัญหา
หากพิจารณาตามปัจจัยที่เกิด สามารถแก้ปัญหาได้โดย
 ปั จจัยก่อโรค(Agent)
 ปั จจัยด้านอาหาร ได้แก่ การลดการรับประทานอาหารที่มีไขมันสู ง อาหารที่มีรสเค็ม เครื่ องดื่มที่มี
แอลกอฮอล์ เพิ่มการรับประทานผักและผลไม้มากขึ้น
 ปั จจัยด้าน Host
 ปั จจัยทางชีววิทยา ได้แก่ ลดปั จจัยที่ทาให้เกิดความเครี ยด โดยใช้เทคนิ คการผ่อยคลาย เช่น การนัง่
สมาธิ การฟังเพลง เป็ นต้น
 ปั จจัยทางพฤติกรรม ได้แก่
1.การออกกาลังกาย อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละประมาณ 30 นาที เช่น การเดิน การวิง่
ปั่นจักรยาน เป็ นต้น
2.ลดหรื อเลิกการสูบบุหรี่ อาจลดลงวันละ 1 มวนหรื อ 2 มวนลงเรื่ อย ๆ จนเลิกได้
3.ควบคุมน้ าหนักไม่ไห้มีน้ าหนักเกิน
 ปั จจัยด้านสิ่ งแวดล้อม (Environment) โดยการเข้าถึงแหล่งบริ การและร่ วมคัดกรองโรคเบื้องต้น
การจัดการปัญหาสุ ขภาพ



การตรวจคัดกรองเบื้องต้น แยกผูป้ ่ วยกลุ่มที่เป็ นโรคและกลุ่มที่ไม่เป็ นโรค
ติดตาม ประเมิน และให้คาแนะนาในกลุ่มผูป้ ่ วยแต่ละกลุ่ม ดังนี้
-กลุ่มปกติ ให้คาแนะนาในการสร้างเสริ มสุ ขภาพ ตรวจสุ ขภาพ 1 ครั้ง/ปี
-กลุ่มเสี่ ยง ให้คาปรึ กษาในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุ ขภาพ ตรวจสุ ขภาพทุก 6
เดือน
-กลุ่มผูป้ ่ วย ให้คาแนะนาด้านพฤติกรรมสุ ขภาพ การกิน การออกกาลังกาย
ความเครี ยด เป็ นต้น ตรวจวัดความดันโลหิ ตและประเมินอาการแทรกซ้อน
วินิจฉัยและให้การรักษาตามระดับความรุ นแรงของโรคและภาวะแทรกซ้อน
สรุปผล ข้ อจากัด ข้ อเสนอแนะ

สรุ ปผล
โรคความดันโลหิ ตเป็ นโรคเรื้ อรังที่พบมากและเป็ นปั ญหาที่สาคัญของ
ประเทศโรคหนึ่งไม่แพ้โรคเรื้ อรังอื่น ซึ่ งโรคความดันโลหิ ตสู งมีความชุกของการเกิด
โรคในผูช้ ายมากกว่าผูห้ ญิง คนสู งอายุมากว่าวัยหนุ่ม ในเขตเทศบาลมากกว่าเขต
ชนบท ปั จจัยที่ทาให้เกิดโรคคือ ด้าน Agent ได้แก่ การรับประทานอาหารที่มีไขมัน
สูง การรับประทานอาหารทีมีรสเค็ม การดื่มแอลกอฮอล์ เป็ นต้น ด้านHost ได้แก่
พฤติกรรมการรับประทานอาหาร การออกกาลังกาย น้ าหนักเกิน ความเครี ยด เป็ น
ต้น ด้านEnvironment ได้แก่ชุมชนแออัด รายได้ อาชีพ การศึกษา การคมนาคมขนส่ ง
สถานบริ การทางการแพทย์ เป็ นต้น แนวทางการแก้ไขปั ญหาก็ข้ ึนกับปั จจัยที่ทาให้
เกิดโรคและระดับของความรุ นแรงของการเกิดโรคตามธรรมชาติการเกิดโรค การ
จัดการปั ญหาสุ ขภาพโดยการตรวจคัดกรองเบื้องต้น ติดตาม ประเมิน และให้
คาแนะนาในกลุ่มผูป้ ่ วยแต่ละกลุ่ม วินิจฉัยและให้การรักษาตามระดับความรุ นแรง
ของโรคและภาวะแทรกซ้อน เป็ นต้น
สรุปผล ข้ อจากัด ข้ อเสนอแนะ

ข้อจากัด
เนื้อหาหรื อข้อมูลของโรคที่ได้รับนั้นมีมาก ถ้าดึงเฉพาะเนื้อหาที่สาคัญหรื อ
เนื้อหาบางส่ วน ทาให้ได้เนื้อหาหรื อดึงเนื้อหามาได้ไม่ครบถ้วน

ข้อเสนอแนะ
อยากให้ทางกลุ่มได้ศึกษารายละเอียดของโรคแต่ละหัวข้อให้มากกว่านี้ เมื่อแบ่ง
งานให้แต่ละคนรับผิดชอบ แต่ละคนก็จะรู ้แค่เฉพาะหัวข้อที่ตนเองรับผิดชอบ
 การอ่านงานวิจยั ยังมีความบกพร่ องทาให้การแปลชื่อเรื่ องก็ผด
ิ ไปด้วยแต่การ
อ่านวิจยั ทาให้ถา้ จับประเด็นได้ ก็ทาให้เป็ นประโยชน์ต่อการนาไปประยุกต์ใช้
ในทางพยาบาล
