Transcript MAIN BANK
MAIN BANK The Myth of The Japanese Main Bank Main Bank Main Bank คือ ผลของการมี Main Bank Main Bank ในญี่ปุ่น บทบาทของภาครัฐต่อ Main Bank บทบาทของ Main Bank การติดตามตรวจสอบโดย Main Bank แนวโน้มที่จะแต่งตั้ง Bankers Main Bank ลักษณะส่วนใหญ่ของกิจการในญี่ปุ่น การเปลี่ยนแปลง Bankers ในผ่ายบริหาร ความช่วยเหลือจาก Main Bank ความเสถียรภาพของ Main Bank การแต่งตั้งนายธนาคาร ทฤษฎี Relationship-Banking Main Bank คือ ธนาคารหลักที่เป็ นทั้งผูใ้ ห้สินเชื่อ(เจ้าหนี้ ) และผูถ้ ือหุน้ (เจ้าของ) ซึ่งมีอานาจกาหนดนโยบาย และกาหนดทิศทาง ของกิจการในเครือในเวลาเดียวกัน ธนาคารหลักมุง ่ เน้นไปที่การให้กยู ้ มื เงิน และบริการด้าน ประมวลผลข้อมูล และตรวจสอบผูก้ ู ้ ผลของการมี Main Bank 1. เกิดอานาจการต่อรองกับกิจการที่กยู ้ มื เงินไป เพื่อป้องกัน ความเสี่ยงของตน โดยมีอานาจผูกขาดจากการถือหุน้ ใน สัดส่วนที่สงู ในกิจการ 2. Bank ใช้อานาจการผูกขาดในการคิดดอกเบี้ ยเงินกูก ้ บั กิจการสูงกว่าอัตราดอกเบี้ ยในตลาด 3. ในระยะยาว ธนาคารหลักกับกิจการจะมีความสัมพันธ์กน ั อย่างใกล้ชิด สามารถลดแรงจูงใจของกิจการใหม่ๆ ที่จะ เกิดขึ้ นได้ Main Bank ในญี่ปุ่น BANK Main Bank FIRM Main Bank ในญี่ปุ่น การทางานของ Main Bank 1.ใช้ขอ้ มูลในการตรวจสอบ และควบคุมกิจการ 2.เป็ นเหมือนตัวแทนในการตรวจสอบแทนเจ้าหนี้ อื่นๆ 3.จะช่วยเหลือลูกหนี้ ของตน โดยแยกลูกหนี้ เป็ นกิจการ ที่มี ปั ญหาสภาพคล่อง และกิจการที่มีแนวโน้มล้มละลาย เกิด Depression ปี 1990 สาเหตุมาจากการ Deregulation ในปี 1980 Deregulation คือ กระบวนการยกเลิกกฎระเบียบหรือ ข้อบังคับต่างๆ ทั้งที่เป็ นกฎหมายและมิใช่กฎหมายโดยตรง ของรัฐ เพื่อการปล่อยเสรีแก่เอกชนให้ดาเนิ นกิจการต่างๆ ได้ อย่างคล่องตัว และทาให้เกิดการแข่งขัน การดาเนิ นการอย่าง มีประสิทธิภาพมากขึ้ น ผลจากการ Deregulation กิจการหันมาระดมทุนในตลาดทุนมากขึ้ น ลดการพึ่งพา Main Bank กิจการลงทุนในโครงการที่มีความเสี่ยง จนเกิดหนี้ เสียระบบ เพราะกิจการไม่สามารถนาเงินมาใช้หนี้ คืนได้ ตลอดจน กลายเป็ นปั ญหาเศรษฐกิจฟองสบู่ตามมา และประสบปั ญหา รุนแรงในช่วงปี 1990 เกิดการแข่งขันทางการเงินสูง ทาให้ความสัมพันธ์ระหว่าง Main Bank และ กิจการแย่ลง บทบาทของภาครัฐต่อ Main Bank รัฐบาลสนับสนุ นความสัมพันธ์แบบ Main Bank โดยตั้ง ข้อจากัดในการแข่งขันในตลาดเงิน แต่ในปี 1980 รัฐบาลลดหย่อนข้อบังคับใน Bond Market ทาให้กิจการละทิ้ ง Main Bank ของตนเอง บทบาทของ Main Bank ถ้า Main Bank มีความประสงค์จะควบคุมการทางานของ กิจการ ผ่านการส่งตัวแทนของ Main Bank มาเป็ น คณะกรรมการในกิจการนั้นๆ ถ้าผูก ้ ยู ้ มื รอง (Bank อื่นๆ) ให้ Main Bank เป็ นตัวแทน ในการตรวจสอบ คนที่ส่งเข้ามาเป็ นคณะกรรมการในกิจการก็ ควรจะเป็ นคนของ Main Bank บทบาทของ Main Bank ถ้า Main Bank ตกลงอย่างลับๆ ว่าจะช่วยกิจการที่มี ปั ญหาทางการเงิน ดังนั้นหากกิจการมีผลประกอบการที่แย่ ลงอาจนาไปสู่ 1.กิจการจะเปลี่ยน Main Bank ของตัวเองลดลง 2.สัดส่วนการกูย้ มื เงินจาก Main Bank มีแนวโน้ม สูงขึ้ น บทบาทของ Main Bank การเกิด Deregulation ทาให้ลดบทบาทด้านการ ตรวจสอบของ Main Bank ดังนั้นกิจการที่เป็ นอิสระจาก การเป็ นหนี้ ของ Bank จึงเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงปี 1980 และกิจการที่เติบโตอย่างรวดเร็วเหล่านี้ ก็ขาดทุน อย่างรุนแรงในปี 1990 การติดตามตรวจสอบโดย Main Bank จาการสารวจในช่วง 1980 ,1985,1990 และ1995 พบว่า 92-96% ของกิจการไม่มีคนของ Main Bank อยูใ่ นคณะกรรมการของกิจการ 53-56% ของกิจการมีคนของ Bank ที่เกษี ยณแล้วอยูใ่ น คณะกรรมการของกิจการ 38-40% เป็ นคนของ Main Bank ที่เกษี ยณแล้วอยูใ่ น คณะกรรมการของกิจการ การติดตามตรวจสอบโดย Main Bank แนวโน้มที่จะแต่งตั้ง Bankers 1.ผลตอบแทนจากหุน้ ของกิจการตา่ 2.ถ้ากิจการมีการขาดทุนกาไรก่อนภาษี * แต่ในความจริงแล้ว ผูถ้ ือหุน้ ที่มีเหตุผลจะไม่เปลี่ยนโครงสร้างการ บริหารเลยทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์ราคาหุน้ ตก แต่จะพยายามทา ให้ผลประโยชน์ของผูบ้ ริหารเป็ นไปในทิศทางเดียวกันกับ ประโยชน์ของผูถ้ ือหุน้ เพื่อหลีกเลี่ยงปั ญหา Agency Problem ลักษณะส่วนใหญ่ของกิจการในญี่ปุ่น ภายในกิจการจะมีขอ้ มูลที่เชื่อถือได้เกี่ยวกับความพยายาม และความสามารถของผูบ้ ริหาร กิจการจะเลือกผูบ ้ ริหารส่วนใหญ่ผ่านการแข่งขันจากภายใน มากกว่าการรับสมัครจากภายนอก เพราะการมีขอ้ มูล เกี่ยวกับความสามารถ และนิ สยั การทางานของผูบ้ ริหารเป็ น ส่วนสาคัญอย่างมากในการเลือก การเปลี่ยนแปลง Bankers ในฝ่ ายบริหาร การเปลี่ยนแปลง Bankers ในฝ่ ายบริหาร ในอุตสาหกรรมหนักพบว่า การเปลี่ยนแปลงคนในฝ่ าย บริหารมีอตั ราการหมุนเวียนของคนที่เข้ามาสูง แต่ไม่มีการ แต่งตั้ง Bankers เข้ามาเพิ่ม เช่นอุตสาหกรรมต่อเรือ ความช่วยเหลือจาก Main Bank Main Bank ตกลงจะให้ความช่วยเหลือกับกิจการที่มี ความสัมพันธ์กบั ตนเอง ในขณะที่ Bank อื่นๆ ปฏิเสธที่จะ ให้กยู ้ มื (ให้ความช่วยเหลือ) มีความเป็ นไปได้วา ่ Main Bank ต้องเข้าไปช่วยเหลือ กิจการเพื่อต้องรักษาความสัมพันธ์ในระยะยาวกับกิจการ ความช่วยเหลือจาก Main Bank สมมติวา่ Main bank ให้นโยบายการประกันการเงิน หรือปั ญหาอย่างรุนแรงทางทางเศรษฐกิจ กิจการส่วนใหญ่มี แนวโน้มอย่างมากที่จะ “รวบรวม" วิถีทางที่จะเป็ นผูท้ ี่ใกล้ชิด กับการล้มละลาย ถ้าเป็ นเช่นนั้ นโดยเฉลี่ยกิจการที่เกือบล้มละลาย ควรจะยืม เงินที่ให้กจู ้ าก Main Bank ในความเป็ นจริง กิจการที่ทากาไรได้น้อยไม่ได้ยืมจาก ธนาคารผูน้ ากิจการของตน เสถียรภาพของ Main Bank ถ้าธนาคารหลักให้นโยบายการประกันการประสบปั ญหาอย่าง รุนแรงทางการเงินแล้ว กิจการที่ประสบปั ญหามีการจ่ายเบี้ ยประกันให้กบ ั Main Bank ของตนเองในทุกๆปี กิจการที่มีความเป็ นไปได้วา ่ ล้มละลายควรจะมีความสัมพันธ์ที่ มัน่ คงที่สุดกับ Main Bank ของพวกเขา หลังจากนั้ นคนที่อยูใ่ นช่วงวัยสุขภาพดี 35 ปี อาจสลับประกันชีวต ิ ไปกิจการอื่น แต่ช่วงวัยบั้นปลายชีวติ นั้นจะไม่เปลี่ยน ข้อสรุป ทฤษฎีอาจจะอธิบายรูปแบบการจัดหาเงินทุนบางส่วนของ กิจการญี่ปุ่นที่มีขนาดเล็ก เช่นเดียวกันอาจจะอธิบายบาง กิจการที่มีการเงินขนาดเล็กในฝัง่ ตะวันตกได้ อย่างไรก็ตามก็ ยังไม่ใช่วธิ ีที่นักวิชาการนาไปใช้กบั ประเทศญี่ปุ่นพวกเขากลับ ใช้มนั ผ่านเรื่องเล่าของ กิจการขนาดใหญ่ที่ใช้ “ Main Bank System ” โชคร้ายของนักวิชาการ แต่โชคร้ายสาหรับนักทฤษฎีความสัมพันธ์ของธนาคารที่วา่ "ระบบ" ไม่มีอยูจ่ ริง และอย่างน้อยนาไปใช้กบั ญี่ปุ่นผ่านแนวคิดของว่า “Main Bank System" ทฤษฎีความสัมพันธ์ของธนาคารไม่ได้อธิบายถึง การเพิ่มขึ้ นของราคาสินทรัพย์ญี่ปุ่นในปี 1980 ภาวะเศรษฐกิจถดถอยปี 1990 หรือ ไม่ได้ปรากฏในการแทรกแซงใด ๆ ผ่านทางคณะกรรมการ หรือไม่ได้จบ ั กุม คณะผูแ้ ทนของการตรวจสอบการปฏิบตั ิหน้าที่ของธนาคาร ไม่ได้สะท้อนใด ๆ ในสัญญาที่บอกเป็ นนัยว่าจะช่วยเหลือผูก ้ ูย้ มื ที่ลาบาก โชคร้ายของนักวิชาการ นิ ทาน ความเท็จ : โดยส่วนรวมของนักวิชาการเรื่องนี่ จะพูด ยา้ เพราะพวกเขาอยากให้มนั เป็ นจริงขึ้ นมา พวกเขาต้องการ มันเป็ นความจริงเพราะวิธีที่จะแสดงให้เห็นหรือทาให้เข้าใจถึง เศรษฐศาสตร์ของข้อมูลและสิ่งที่เกี่ยวข้องสาหรับทฤษฎีการ ธนาคารที่ทนั สมัยและ การเปรียบเทียบทางกฎหมายและ ทฤษฎีเศรษฐกิจการเมืองมากกว่าปกติ At root รากฐาน ทฤษฎี “Main Bank System" ของญี่ปุ่น เป็ นทฤษฎีปราศจากข้อเท็จจริง ที่รากฐาน แหล่งที่มา การชี้ แจงอย่างใจบุญ เอื้ อเฟื อเผื่อแผ่ของระบบนั้นไม่มีอยูจ่ ริง และไม่เคยเป็ น ไม่เคยทาสาเร็จ คิดว่ามันเป็ นตานานเมือง การแต่งตั้งนายธนาคาร ญี่ปุ่นบางครั้งแต่งตั้งนายธนาคารเกษียณของพวกเขาให้เป็ นบอร์ด บริหาร แต่ส่วนใหญ่ไม่มีใครแต่งตั้งกับงานธนาคารพร้อมกัน ครึ่งหนึ่ งไม่มี นายธนาคาร ส่วนน้อยก็มีมากกว่าหนึ่ งหรือสองและผูท้ ี่อยูใ่ น อุตสาหกรรมบริการทางการเงินมีแนวโน้มที่จะแต่งตั้งตนเอง มากกว่าบริษัทอื่นๆ ธนาคารหลายแห่งบางครั้งอาจจะผลัดกันตรวจสอบลูกหนี้ ร่วมกัน แต่ถา้ พวกเขาทา จะไม่มีร่องรอยปรากฏในรูปแบบที่ได้รบั การ แต่งตั้งเป็ นคณะกรรมการ การแต่งตั้งนายธนาคาร ธนาคารญี่ปุ่นหลายแห่งบางครั้งก็จะช่วยกิจการที่ทุกข์ยาก หรือเป็ นภาวะให้หลุดพ้นจากภาวะยากลาบากหรือประกัน ออกไป ธนาคารญี่ปุ่นในช่วงปี 1980 อาจจะมีการใช้จา ่ ยทรัพยากร น้อยลงตรวจสอบผูก้ ผู ้ ทู้ ี่หนั ไปหาตลาดพันธบัตร ถึงอย่างนั้น พวกที่หนั ไปหาตลาดพันธบัตรก็ไม่ใช่กิจการที่ลม้ เหลว ทฤษฎี Relationship-Banking อาจจะอธิบายถึงความหลากหลายของรูปแบบการจัดหา เงินทุน ในหมูก ่ ิจการขนาดเล็กของญี่ปุ่นในพื้ นที่โดดเดี่ยวอาจอธิบาย ได้ถึงความหลากหลายของรูปแบบระหว่างกิจการเล็กๆ ในแถบภูมิภาคตะวันตก แต่ดว ้ ยความสนใจที่มีต่อ "อานาจผูกขาด" ธนาคารที่มี ความสัมพันธ์จึงได้เข้ามาถือสิทธิ์ผ่านการลงทุนในข้อมูล เฉพาะของกิจการ ทฤษฎี Relationship-Banking เป็ นทฤษฎีของเงินทุนขนาดเล็ก Small Firm ในตลาด การเงินที่ไม่มีการแข่งขัน นั กวิชาการพยายามที่จะใช้ทฤษฎีกบ ั ประเทศญี่ปุ่น นักวิชาการให้ความสาคัญอย่างมากกับกิจการที่จดทะเบียน ในการแลกเปลี่ยนและความสัมพันธ์ของตานาน “Main Bank”ของพวกเขา ในผลที่ได้ พวกเขาได้นาทฤษฎีที่วา ่ มาใช้กบั ปรากฏการณ์ที่ ไม่มีอยูจ่ ริง สรุปสั้นๆ เพื่อความเข้าใจ “Main Bank System” เกิดขึ้ นจากนโยบายการแบ่งแยกระดมเงิน ออมในช่วงทศวรรษ 1950 ทาให้ธนาคารพาณิชย์เป็ นสถาบัน การเงินที่สาคัญในการนาเงินออมจากภาคครัวเรือนมาสู่นักลงทุน ในภาคอุตสาหกรรม ในขณะที่มีขอ้ ห้ามหรือกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดทา ให้ตลาดตราสารหนี้ (ระยะยาว) ตลาดทุน และการกูย้ มื จาก ต่างประเทศทาได้ยากลาบาก ธนาคารพาณิชย์จึงเป็ นแหล่งเงินทุน ที่สาคัญของระบบเศรษฐกิจญี่ปุ่นในช่วงนี้ ความสัมพันธ์จะเป็ นไปในลักษณะความสัมพันธ์ระยะยาวที่ ถอ ้ ยที ถ้อยอาศัยกันมากกว่า ในลักษณะของลูกค้ากับธนาคารโดยทัว่ ไป สรุปสั้นๆ เพื่อความเข้าใจ เมื่อมีการยกเลิกการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศในช่วงต้น ทศวรรษที่ 1960 กิจการต่างเกรงกลัวการถูกฮุ บกิจการ(hostile takeover)จากเงินทุนต่างประเทศ การถือหุน้ ไขว้(cross shareholdings) ระหว่างกิจการหรือระหว่างลูกค้ากับธนาคารที่ให้กจู ้ ึงได้รบั ความนิ ยม ผลจากการถือหุน ้ ไขว้ดงั กล่าวทาให้เกิดข้อเสีย 2 ประการที่สาคัญคือ มีผลประโยชน์ทบ ั ซ้อนซึ่งนามาซึ่งการเสียควบคุมลูกหนี้ (monitoring function) การจ่ายเงินปั นผลตา่ กว่าที่ควรจะเป็ นเพราะไม่มีจุดประสงค์ตอ้ งการ ดึงดูดคนนอกมาถือหุน้ ร่วม