นำเสนอ - WordPress.com

Download Report

Transcript นำเสนอ - WordPress.com

ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการเรี ยนรู ้ดว้ ยการนา
ตนเองของนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 3 โรงเรี ยนในสังกัด
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาสกลนคร
โดย
นางบุญเลิศ แก้วอุ่นเรื อน
สาขา วิจยั การศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
วิทยาเขตสกลนคร
บทนา
คุณภาพของคน
มีคุณธรรม
นวัตกรรมใหม่ๆ
คิดค้นสิ่ งประดิษฐ์
การศึกษายุค
ศตวรรษที่ 21
รักความเป็ นไทย
ทักษะการคิด วิเคราะห์
ด้านเทคโนโลยี
คิดสร้างสรรค์
วัตถุประสงค์
เพื่อพัฒนาและตรวจสอบความตรงของโมเดลปัจจัยที่มี
อิทธิพลต่อพฤติกรรมการเรี ยนรู้ดว้ ยการนาตนเองของ
นักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 3 โรงเรี ยนในสังกัดสานักงาน
เขตพื้นที่การศึกษาสกลนคร
สมมติฐานการวิจยั

โมเดลปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการเรี ยนรู ้ดว้ ยการนาตนเองของ
นักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 3 ตามสมมติฐานการวิจยั มีความ
สอดคล้องกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์
ขอบเขตการวิจยั

ประชากร
ประชากรที่ใช้ในการวิจยั ในครั้งนี้ได้แก่นกั เรี ยนที่กาลังศึกษาอยูใ่ น
ระดับชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 3 ภาคเรี ยนที่ 1 ปี การศึกษา 2553 ในจังหวัด
สกลนคร จานวน 14,041 คน

กลุ่มตัวอย่ าง
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจยั ครั้งนี้ ได้แก่นกั เรี ยนที่กาลังศึกษาอยู่
ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 3 ภาคเรี ยนที่ 1 ปี การศึกษา 2553 ใน
จังหวัดสกลนคร จานวน 48 โรงเรี ยน จานวนห้องเรี ยน 56
ห้องเรี ยน และจานวนนักเรี ยน 1,530 คน นักเรี ยนชายจานวน 705
คน นักเรี ยนหญิงจานวน 825 คน ที่ได้จากการสุ่ มแบบแบ่งชั้น
(Stratified Random Sampling)
ตัวแปรที่ใช้ในการวิจยั
การวิจยั ครั้งนี้ ดาเนินการโดยใช้กรอบแนวคิดตามรู ปแบบโมเดลความสัมพันธ์เชิง
สาเหตุ เพื่อให้ได้ขอ้ มูลที่ใช้ในการวิเคราะห์ จึงต้องเก็บข้อมูลโดยการวัดจากตัวแปรแฝง
7 ตัว ได้แก่







1. พฤติกรรมการเรี ยนรู้ดว้ ยการนาตนเอง
2. การเห็นคุณค่าในตนเอง
ตัวแปรแฝงภายใน
3. แรงจูงใจใฝ่ สัมฤทธิ์
(Endogenous
4. วินยั ในตนเอง
Latent variables)
5. สัมพันธภาพกับเพื่อน
ตัวแปรแฝงภายนอก
6. การอบรมลี้ยงดูแบบประชาธิปไตย
(Exogenous
7. ความพร้อมของแหล่งทรัพยากรการเรี ยนรู ้
Latent variables)
กรอบแนวคิดการวิจัย
ศึกษาแนวคิด ทฤษฎี เอกสาร งานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง
แนวคิด ทฤษฎีการเรี ยนรู ้ดว้ ยการนาตนเอง
ของโนลส์ (Knowl)
1.
2.
3.
4.
5.
การวิเคราะห์ความต้องการของตนเอง
การกาหนดจุดมุ่งหมายของการเรี ยนรู ้
การวางแผนการเรี ยนรู ้
การแสวงหาแหล่งวิทยาการในการเรี ยนรู ้
การประเมินผลการเรี ยนรู ้
เครื่ องมือที่ใช้ในการวิจยั



แบบสอบถามจานวน 1 ฉบับ
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการเรี ยนรู ้ดว้ ยการนาตนเอง
เป็ นแบบมาตราส่ วนประมาณค่า 5 ระดับ Rating Scale
ตามแบบของลิเคิร์ท(Likert)
มีค่าความเชื่อมัน่ ทั้งฉบับ เท่ากับ 0.96
สถิติที่ใช้ในการวิจยั
การหาคุณภาพเครื่ องมือ
ค่าIOC
ค่าอานาจจาแนก
ค่าความเชื่อมัน่
สถิติใช้วิเคราะห์ขอ้ มูลพื้นฐาน
ค่าเฉลี่ย
ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ค่าความเบ้
ค่าความโด่ง
สถิติที่ใช้ตรวจสอบความกลมกลืนของโมเดล
ไค-สแควร์ ดัชนีวดั ความกลมกลืน(GFI) ดัชนีวดั ความกลมกลืน
ที่ปรับแก้(AGFI) ดัชนีของกาลังสองเฉลี่ยของเศษ(RMR)
เครื่ องมือ
1. แบบวัดพฤติกรรมการเรี ยนรู้ดว้ ย
การนาตนเอง
2. แบบวัดการเห็นคุณค่าในตนเอง
3. แบบวัดวินยั ในตนเอง
4. แบบวัดแรงจูงใจใฝ่ สัมฤทธิ์
5. แบบวัดสัมพันธภาพกับเพื่อน
6. แบบวัดการอบรมเลี้ยงดูแบบ
ประชาธิปไตย
7. แบบวัดความพร้อมของแหล่ง
ทรัพยากรการเรี ยนรู้
รวมข้อคาถามทั้งหมด
จานวน
ข้อคาถาม
ค่าอานาจจาแนก
ค่าความ
เชื่อมัน่
52-43-38 .637-1.225 0.902
11-13-12 .226-1.185
13-11-10 .299- .634
9-10-10 .316- .641
13-11-11 .361- .593
10-10-10 .469- .655
0.855
0.823
0.930
0.821
12-10-9
0.831
.370- .685
120-108-100
0.870
ตารางวิเคราะห์ ข้อคาถามการวิจัย
ตัวแปร
1. การเรี ยนรู้ดว้ ยการนาตนเอง(Self-Directed Learning : SDL)
1.1 การวิเคราะห์ความต้องการของตนเอง(AN)
1.2 การกาหนดจุดมุ่งหมายการเรี ยนรู ้(GO)
1.3 การวางแผนการเรี ยนรู้(PL)
1.4 การแสวงหาแหล่งวิทยาการ(SC)
1.5 การประเมินผลการเรี ยนรู้ (EV)
2. การเห็นคุณค่าในตนเอง (Self-Esteem : SE)
2.1 ความสามารถและผลงาน(AB)
2.2 ความกระตือรื อร้น(ATT)
2.3 ความเชื่อมัน่ ในตนเอง (CON)
หมายเลข
ข้อ1-38
ข้อ1-7
ข้อ8-15
ข้อ16-20
ข้อ21-30
ข้อ31-38
ข้อ39-50
ข้อ39-42
ข้อ43-46
ข้อ47-50
ตัวแปร
3. วินยั ในตนเอง(Self-Disciplines : SD)
3.1 การตรงต่อเวลา(ON)
3.2 ความรับผิดชอบ(RES)
3.3 การปฏิบตั ิตามกฎระเบียบของสังคม (REG)
4. แรงจูงใจใฝ่ สัมฤทธิ์ (Achievement Motive : AM)
4.1 ความคิดสร้างสรรค์(AMB)
4.2 ความตั้งใจและอดทนสู ง (AT)
4.3 ความกล้า (CO)
5. สัมพันธภาพกับเพื่อน(Relation : RE)
5.1 ความห่วงใย มีน้ าใจช่วยเหลือเพื่อน(WH)
5.2 การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน(OP)
5.3 การยอมรับ เป็ นที่นิยม ยกย่องจากเพื่อน(AC)
หมายเลข
ข้อ51-60
ข้อ 51-53
ข้อ 54-57
ข้อ 58-60
ข้อ 61-70
ข้อ 61-63
ข้อ 66-67
ข้อ 68-70
ข้อ 71-81
ข้อ 71-74
ข้อ 75-78
ข้อ 79-81
ตัวแปร
6. การอบรมเลี้ยงดูแบบประชาธิ ปไตย
(Democratic Rearing : DR)
6.1 ความรัก ความอบอุ่น(LO)
6.2การให้คาแนะนา เป็ นที่ปรึ กษา(AD)
6.3 ความมีเหตุผล (BE)
7. ความพร้อมของแหล่งทรัพยากรการเรี ยนรู ้
(Readiness Learning : RL)
7.1 สื่ อ อุปกรณ์การเรี ยนรู้(MAT)
7.2 บรรยากาศในการเรี ยนรู้(AL)
7.3 บุคลากร อาคารสถานที่ (MAN)
หมายเลข
ข้อ 82-91
ข้อ 82-84
ข้อ 85-88
ข้อ 89-91
ข้อ 92-100
ข้อ 92-93
ข้อ 94-96
ข้อ 97-100
การเก็บรวบรวมข้อมูล





นาหนังสื อขอความอนุเคราะห์จากมหาวิทยาลัยไปยังโรงเรี ยนกลุม่ ตัวอย่าง
ประสานเพื่อยืนยันความพร้อมของโรงเรี ยนในการเก็บรวบรวมข้อมูล
ยืน่ หนังสื อของความอนุเคราะห์ต่อผูบ้ ริ หาร
เก็บข้อมูลด้วยตนเอง / โรงเรี ยนเก็บให้แล้วมารับข้อมูลภายหลัง
ตรวจสอบเพื่อ/คัดเลือกแบบสอบถามและบันทึกข้อมูลด้วยโปรแกรม
คอมพิวเตอร์
ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูล
WH
AMB
AT
0.59
0.63
0.76
0.60**
A
M
0.88**
0.81
OP
0.72
AC
0.55
LO
0.62
1.00
AD
R
E
DR
-0.09*
0.83
MAN
0.78
0.85
0.71
0.60**
CON
0.82
SE
E
0.09*
0.74
AN
0.24*
0.95
GO
SDL
0.74
PL
0.84
SC
0.17**
0.04*
-0.04
0.01
0.67
AL
ATT
0.32**
-0.02
0.05*
MAT
AN
0.60**
-0.03
1.00
BE
CO
RL
SD
0.81
0.02
EV
0.04
0.65
ON
0.76
RES
0.67
REG
/df =
 ==201.99,df=204,p=0.527.RMSEA=0.000,CFI=1.00,GFI=0.990,AGFI= 0.980, 
0.990
2
2
ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูล
- การตรวจสอบความสอดคล้องกลมกลืนของรู ปแบบความสัมพันธ์
ตามสมมติฐานการวิจยั พบว่า โมเดลมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์
โดยพิจารณาค่า ไค-สแควร์=201.99,df=204,p=0.527.
RMSEA=0.000,CFI=1.00,GFI=0.990,AGFI=0.980, RMR=0.016
ไค-สแควร์/df=0.990
- ค่า p มีค่ามากพอที่จะไม่ปฏิเสธสมมติฐาน
- ค่า GFI และ AGFI มีค่าเข้าใกล้ 1 จึงยอมรับสมมติฐาน
- โมเดลที่พฒั นาขึ้นสามารถอธิบายความแปรปรวนของพฤติกรรมการเรี ยนรู ้
ด้วยการนาตนเองได้ร้อยละ87
ผลการวิเคราะห์อิทธิพลรวม
อิทธิพลทางตรง
การเห็นคุณค่ าในตนเอง
อิทธิพลทางอ้อม
อิทธิพลทางตรง &อ้อม
สั มพันธภาพกับเพือ่ น
แรงจูงใจใฝ่ สั มฤทธิ์
(AM,SEE)
(SEE,SD)
ส่ วนด้ านความพร้ อมของแหล่งทรัพยากรการ
เรียนรู้ มอี ทิ ธิพลทางลบต่ อปัจจัยทีส่ ่ งผลต่ อ
พฤติกรรมการเรียนรู้ ด้วยการนาตนเอง
วินัยในตนเอง
(SEE)
(AM,SD)
การอบรมเลีย้ งดูแบบประชาธิปไตย
(AM,SD)
อภิปรายผล
เป็ นปั จจัยที่มีอิทธิ พลทางตรงต่อพฤติกรรมการเรี ยนรู ้ดว้ ยกานาตนเอง
อย่างมีนยั สาคัญทางสถิติที่ระดับ .05
การเห็นคุณค่า
ในตนเอง
แสดงว่านักเรี ยน SEE สูง จะทาให้มี SDL สูง
ประเมินจากความรู้ ความสามารถและผลงาน
เชื่อมัน่ ในตนเอง ปรับตัวได้ดี มีความกระตือรื อร้น
สามารถใช้ศกั ยภาพของตนเองได้เต็มที่ในการดาเนินชีวิต
นักการศึกษา/งานวิจยั - Coopersmith
- หทัยกาญจน์ บัวหนอง
- ศรันย์ ฟูงาม
อภิปรายผล(ต่อ)
เป็ นปัจจัยที่มีอิทธิพลทั้งทางตรง&ทางอ้อมต่อพฤติกรรมการเรี ยนรู้ดว้ ยการนตนเอง
ส่ งผลทางอ้อมผ่านการเห็นคุณค่าในตนเองและความมีวนิ ยั ในตนเอง
เป็ นการส่ งผลทางบวกอย่างมีนยั สาคัญทางสถิติที่ระดับ .01
ผูท้ ี่มีแรงจูงใจใฝ่ สมั ฤทธิ์สูง นอกจากจะเป็ นผูท้ ี่มีพฤติกรรม
แรงจูงใจใฝ่
การเรี ยนรู้ดว้ ยตนเองสูงแล้ว ยังเป็ นผูท้ ี่มีวนิ ยั ในตนเองสูง
สัมฤทธิ์
และยังส่ งผลให้เกิดพฤติกรรมการเรี ยนรู ้ดว้ ยตนเองด้วย
ผูท้ ี่มีแรงจูงใจใฝ่ สมั ฤทธิ์เป็ นผูท้ ี่มีความมุ่งมัน่ ตั้งใจ มีวริ ิ ยะ อุตสาหะ
มีความเพียรพยายามในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆอย่างไม่ยอ่ ท้อ
นักการศึกษา/งานวิจยั
McClelland / กนกวรรณ ศรี ลาเลิศ ,สุ รีรัตน์ ศรี บุญเรื อง
อภิปรายผล(ต่อ)
มีอิทธิพลทางตรงและทางอ้อมต่อพฤติกรรมการเรี ยนรู ้ดว้ ยการนาตนเอง
ส่ งผลทางอ้อมผ่านแรงจูงใจใฝ่ สมั ฤทธิ์ และการเห็นคุณค่าในตนเอง
ส่ งผลทางบวกต่อพฤติกรรมการเรี ยนรู้ดว้ ยการนาตนเอง
อย่างมีนยั สาคัญทางสถิติที่ระดับ .01
แสดงว่านักเรี ยนที่มีสมั พันธภาพกับเพื่อนที่ดี
สัมพันธภาพกับเพื่อน
จะมีพฤติกรรมการเรี ยนรู้ดว้ ยการนาตนเองสูง
กลุ่มเพื่อนช่วยเชื่อมโยงชีวติ ภายในครอบครัว ชีวติ การเรี ยน
และกาหนดเป้ าหมายในการเรี ยน
ช่วยเป็ นกาลังใจ ช่วยเหลือเกื้อกูล ให้การยอมรับ ยกย่องในกลุ่มเพื่อน
นักการศึกษา/งานวิจยั
McClelland /สุ ทธินี ทองหล่อ,มรุ ต ก้องวิริยะไพศาล,ปริ นดา ตาสี
อภิปรายผล (ต่อ)
มีอิทธิพลทางตรงและทางอ้อมต่อพฤติกรรมการเรี ยนรู ้ดว้ ยการนาตนเอง
โดยส่ งผ่านแรงจูงใจใฝ่ สัมฤทธิ์ และวินยั ในตนเอง
ส่ งผลในทางบวกผ่านตัวแปรทั้งสองอย่างมีนยั สาคัญทางสถิติที่ระดับ .01
การอบรมเลี้ยงดู
แบบ
ประชาธิปไตย
นักเรี ยนที่มีแรงจูงใจใฝ่ สมั ฤทธิ์ และมีวนิ ยั ในตนเองนั้นมาจาก
การได้รับการอบรมเลี้ยงดูจากครอบครัวในลักษณะแบบประชาธิปไตย
ได้รับความอิสระในการกระทา ความคิด ความอ่าน การตัดสิ นใจ
ด้วยตนเอง การปฏิบตั ิตนของพ่อ แม่ ด้วยความยุติธรรม
ไม่เข้มงวดจนเกินไป
ลูกมีความมัน่ ใจในตนเอง มีกาลังใจ อบอุ่นใจในการคิด
มีระเบียบปฏิบตั ิ
นักการศึกษา/งานวิจยั
/พัชรี แสงมะสม
อภิปรายผล(ต่อ)
มีอิทธิพลทางตรงและทางอ้อมต่อพฤติกรรมการเรี ยนรู ้ดว้ ยการนาตนเอง
โดยส่ งผลทางอ้อมผ่านการเห็นคุณค่าในตนเอง และวินยั ในตนเอง
ส่ งผลทางบวกต่อพฤติกรรมการเรี ยนรู ้ดว้ ยการนาตนเอง
อย่างมีนยั สาคัญทางสถิติที่ระดับ .05
วินยั ใน
ตนเอง
ความมีวนิ ยั ในตนเองเป็ นลักษณะการนาตนเอง
การควบคุมหรื อการบังคับตนเอง
เป็ นบุคคลที่ตรงต่อเวลา ปฏิบตั ิตนตามกฎระเบียบของสังคม
มีความรับผิดชอบ มีความมัน่ ใจ มีความจริ งใจ มีความซื่ อสัตย์
นักการศึกษา/งานวิจยั
ดวงเดือน พันธุมนาวิน/ มรุ ต ก้องวิริยะไพศาล
อภิปรายผล(ต่อ)
ส่ งผลทางอ้อมผ่านแรงจูงใจใฝ่ สมั ฤทธิ์ และความมีวนิ ยั ในตนเอง
อย่างมีนยั สาคัญที่ระดับ .05
ส่ งผลทางลบต่อพฤติกรรมการเรี ยนรู ้ดว้ ยการนาตนเอง
ความพร้ องของแหล่ ง
ทรัพยากรการเรียนรู้
แสดงว่านักเรี ยนที่ขาดความพร้อมของแหล่งทรัพยากรการเรี ยนรู ้
ส่ งผลให้นกั เรี ยนมีพฤติกรรมการเรี ยนรู้ดว้ ยการนาตนเองต่า
เป็ นโรงเรี ยนขยายโอกาสทางการศึกษาระดับตาบลและหมู่บา้ น
ร้อยละ 61.7 โรงเรี ยนขนาดเล็กและขนาดกลาง ร้อยละ79.8
ซึ่ งผูป้ กครองมีอาชีพทาไร่ ทานา ร้อยละ 68.3
เป็ นกลุ่มที่ขาดความพร้อม/ที่มีอยูไ่ ม่เพียงพอ/ขาดคุณภาพ/
ผูป้ กครองไม่สามารถสร้างความพร้อมในส่ วนนี้ทดแทนให้ได้
ข้ อเสนอแนะ
ข้ อเสนอแนะในการนาผลการวิจัยไปใช้
- พ่อแม่ ผู้ปกครองควรตระหนักถึงความสาคัญ ช่ วยกันดูแลและส่ งเสริมเด็กในทางทีถ่ ูกต้ อง
และมีพฤติกรรมการเรียนรู้ ทดี่ ตี ่ อไป
- ครู อาจารย์ ผูบ้ ริ หารและผูท้ ี่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาให้เด็กเกิดพฤติกรรมการเรี ยนรู ้ที่ถาวร
ยัง่ ยืน เป็ นการเรี ยนรู้ตลอดชีวติ
ข้ อเสนอแนะเพือ่ การทาวิจัยครั้งต่ อไป
- ควรศึกษา ปัจจัยทางจิต ปัจจัยทางสั งคม และปัจจัยทางสภาพแวดล้ อม ให้ ครอบคลุม
- ควรศึกษาลักษณะของกลุ่มตัวอย่ างในระดับอืน่ ๆ