Transcript Document

ตอน ๔
อาหาร/วิตามิน
กับมะเร็ง
อาหารประเภทผักและผลไม้
ผลงานวิจยั เรือ่ งขิงฆ่ามะเร็ง
Not only did ginger trigger ovarian cancer cell death, it did so
in a way that may prevent tumor cells from becoming
resistant to treatment, a common problem with
chemotherapy.
The preliminary findings from researchers at the University
of Michigan Comprehensive Cancer Center were presented
Tuesday at the annual meeting of the American Association
for Cancer Research in Washington, D.C.
The Michigan team dissolved ginger powder in a solution
and applied it to ovarian cancer cells in a laboratory. Ginger
caused two kinds of cancer cell death. The first is called
apoptosis, in which the cells essentially commit suicide. The
second type of cell death is autophagy, in which cells digest
or attack themselves.
ขิงฆ่ามะเร็ง
วิธีทานข่า
งานวิจัยในห้ องทดลองของ University
of Michigan Comprehensive Cancer Center
พบว่ า ขิง (ginger) ทาให้ มะเร็งรังไข่ ๒ ชนิด
ตาย.
เราควรทานขิงเป็ นประจา ?
ควรทานหลากหลายด้ วย ?
The vitamin study was presented at an American Heart
Association conference in Chicago. Both were led by
doctors at Harvard Medical School and were aimed at
two diseases women most fear and want to prevent.
Antioxidants like vitamins C and E attach to substances
that can damage cells. Scientists have been testing
them for preventing such diseases as Alzheimer’s and
cancer.
More than 8,000 women were randomly assigned
to take vitamin C, E or beta carotene alone or in various
combinations for nearly a decade. An additional 5,442
women took folic acid and B vitamin supplements for
more than seven years.
“Overall, there was minimal evidence of any
cardiovascular benefit of any of these antioxidants,”
and people should not start or continue taking them for
that purpose, Manson said.
รจ้ ู กั ไวตามิน E, C, Follic acid, B ?
Harvard Medical School ทาวิจัยว่ ากับ
สตรี ๘,๐๐๐ คน นานเกือบ ๑๐ ปี ในเรื่ อง
ไวตามิน E กับ C และอีก ๕,๔๔๒ คน ใน
เรื่ อง Folic acid และไวตามิน B นาน ๗ ปี
พบว่ า ไม่ ช่วยในเรื่ องโรคหลอดเลือดหัวใจ
จึงไม่ จาเป็ นต้ องทานเสริม.
ยาบารุ งเลือด(เหล็ก)ทานกับวิตามินอี
ดีไหม ?
ทานวิตามินมากหรื อน้ อยเกินไป
ดีหรื อไม่ ดีหรื อไม่ ?
โภชนาการลดอัตราเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง
การบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ ต่อ
สุขภาพ สามารถป้องกันโรคมะเร็ง
เลี่ยงอาหารซา้ ซาก
เลือกอาหารให้ หลากหลายเข้ าไว้
ทานตามฤดูกาล
ควรรั บประทานอาหารจาพวก พืช
ผัก ผลไม้ ข้ าว หรื ออาหารที่มีเส้ น
ใยเป็ นประจา ผักผลไม้ สีมีคุณค่ า
บางชนิดเป็ นแหล่ งอาหารที่อุดมไป
ด้ วยวิตามิน เกลือแร่ ใยอาหารและ
คาร์ โบไฮเดรตเชิงซ้ อน
หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารซา้ ซาก
(เช่ น ผัก ผลไม้ เนือ้ สัตว์ ควรทาน....)
เลือกอาหารให้ หลากหลายเข้ าไว้
ครบถ้ วนตามหลักโภชนาการทุกมือ้
เบต้าแคโรตีน
เป็ นสารต้ านอนุมูลอิสระป้องกันมะเร็งและ
โรคหลอดเลือดอุดตันซึ่งเป็ นให้ เกิดโรค....
เป็ นตัวเริ่มต้ น
ของวิตามิน A
พบมากใน.....
สารแคโรทีนมีกว่ าห้ าร้ อยชนิด รวมกัน
เรียกว่ า แคโรทีนอยด์ (Carotenoids) ซึ่งเป็ น
สารตัง้ ต้ นของวิตามินเอ.
แคโรทีนอยด์ มีหลายชนิด เช่ น อัลฟาแคโรทีน, เบต้ า-แคโรทีน, ลูทอิ นิ ซีแซนทิน
แคโรทีนอยด์ แต่ ละชนิดต่ างก็มีประโยชน์ ท่ ี
แตกต่ างกันและทางานสนับสนุนกัน.
ดังนัน้ เราต้ องรับประทานผัก ผลไม้
มากและหลากหลายชนิด เพื่อให้ ได้ แคโรที
นอยด์ ครบทุกชนิด.
แคโรทีนนับเป็ นตัวที่มีคนรู้ จักและ
กล่ าว ถึงกันมาก.
เบต้ า-แคโรทีนจึงมีบทบาทสาคัญใน
การรักษาสุขภาพ และเพิ่มระบบภูมิค้ ุมกัน
ทางสายกลางของการทานอาหาร
และวิตามินต้านมะเร็ง
สารต้ านอนุมูลอิสระ เช่ น เบต้ าแคโรตีน วิตามิน E, C
เบต้ าแคโรตีน ทานมากอันตราย ก่ อมะเร็ง
วิตามิน E ทานมากก่ อมะเร็ง
วิตามิน C ทานมาก......ผลเสีย เม็ดใหญ่ อย่ าหัก...?
ควรทาน E คู่กับ C เพื่อลดอนุมูลอิสระ ที่เกิดจากการ
ที่ E จับอนุมูลอิสระมากเกินไป จนทาให้ E กลายเป็ นอนุมูลอิสระ
ทานก่ อน/หลังอาหาร ละลายในไขมัน เฉลี่ยการดูดซึม
มะเร็งตับในประเทศไทยนัน้ มีช่ ือเสียงมากในวงการแพทย์ เรียกได้ ว่า เป็ นกรณีศึกษาในเรื่องของความชุกชุม ซึ่งหมายถึงมี โรคนีม้ ากใน
ประชากรไทยในอัตราที่สูงและจะสูงมาก ในภาคอีสาน ทัง้ นีม้ าจากอาหารเป็ นต้ น เหตุคือ อาหารที่บริโภค ไม่สะอาดถูกสุขอนามัยทาให้ เป็ นการ
นาเอาเชื ้อพยาธิใบไม้ ตบั เข้ าสูร่ ่างกาย พยาธินี ้เริ่มต้ นจากในหอย ปู ปลา เนื ้อสัตว์บกบางชนิดปรุงสุกๆ ดิบๆ ตัวอ่อนพยาธิห รื อไข่ไม่ถกู ทาลายก็บริโภคเข้ า
สูร่ ่างกายแล้ วพยาธิ จะไปเจริญเติบโตในตับตามวงชีพของพยาธิใบไม้ ในตับ ชื่อได้ มาจาก รูปร่างพยาธิใบไม้ นนั่ เอง ตัวพยาธินี ้ก็ ปล่อยไข่ออกมากับ
อุจจาระ เพราะฉะนันก็
้ สามารถจะตรวจได้ วา่ ใครมีพยาธิใบไม้ ในตับ โดยการตรวจดูไข่พยาธิในอุจจาระ เมื่ออยูใ่ นตับนานๆ เข้ า ก็จะทาให้ กลายเป็ นมะเร็ง
ได้
ในภาคอีสานของไทยเรา วัฒนธรรมอาหารเป็ นปั จจัย ที่ทาให้ ภมู ิภาคนี ้ของประเทศมีโรคนี ้เกิดมาก คนทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นับได้ วา่ เป็ นคนที่ใช้
ประโยชน์จากสิ่งมีชีวิตเป็ นอาหารได้ อย่างน่าพิศวง กินหรื อบริโภคทุกอย่างที่เคลื่อนไหวได้ เป็ นผู้ที่ทรหดอดทน ต่อสภาพแร้ นแค้ นได้ ดีมาก แม้ แต่ยิวซึง่ เป็ น
ชนชาติที่ทรหดและฉลาด ยังยอมแพ้ เมื่อไม่นานมานี ้ทางอิสราเอลถึงกับทาหนังสือมายังกระทรวง ต่างประเทศในทานองร้ องเรี ยนเนื่องจากนิวเศน์วิทยา
ของพื ้นที่ แถบทะเลทรายในอิสราเอลได้ เปลี่ยนแปลงไปมากจนเกิดผลกระทบ วงกว้ างมากขึ ้น ซึง่ ทางการอิสราเอลตรวจสอบแล้ วพบว่า เพราะแรงงานไทย
ที่ไปทางานในแถบดังกล่าวจับสิ่งมีชีวิตในทะเลทราย ซึง่ มีน้อยและหายากมาเป็ นอาหารบริโภคจนเกิดความไม่สมดุล ของนิเวศน์วิทยาในระบบ สัตว์หา
ยากบางชนิดแทบจะสูญพันธุ์ไปเลย เช่น หนูในทะเลทราย แมลงป่ อง ฯลฯ ดูความสามารถของพี่น้องเราแล้ วน่าทึง่
มะเร็งตับยังเกิดจากสาเหตุหรือปั จจัยที่สาคัญอีก 2 ปั จจัย การบริโภคสารก่อมะเร็งเข้ าสูร่ ่างกายที่แน่ชดั คือ สารที่เรี ยกว่า อะฟาลทอกซิน เป็ นสาร
ที่เชื่อว่าบางชนิดที่เกิดในเมล็ดธัญญพืช เช่น ถัว่ ลิสง พริก ฯลฯ โดยเฉพาะที่เก่าเก็บ สารนี ้ไม่มีรสชาติมองไม่เห็น เพราะออกฤทธิ์แม้ ขนาดเล็กน้ อย พบได้
ในพวกถัว่ ป่ น พริกป่ น ข้ าวโพด ซึง่ 2 อย่างแรกเป็ นเครื่ องปรุงรสอาหารประจาโต๊ ะอาหารของคนไทยเรา เชื ้อรานันจะเกิ
้
ดเมื่อมีความอับชื ้น พวกธัญญพืช
เก่าเก็บ จึงต้ องระวังบริโภคประจาก็เท่ากับตับถูกกระตุ้นด้ วยสารก่อมะเร็งทุกวี่ทกุ วัน นานเข้ าก็กลายเป็ นมะเร็งตับ 2 ปั จจัยนี ้จะเห็นว่าต้ นธารของโรคคือ
นิสยั การบริโภคการให้ ความรู้แก่ประชาชนจึงเป็ นหนทางป้องกันโรค เราเรี ยกขบวนการนี ้ว่า การป้องกันปฐมภูมิ
ในปั จจัยที่สามที่พบว่าเป็ นตัวก่อให้ เกิดมะเร็งตับได้ คือ เชือ้ ไวรัสตับอักเสบ ซึง่ เป็ นโรคที่พบในคนไทย ในอัตราสูงมากคือ พบได้ ถึง 10 เปอร์ เซ็นต์ของ
ประชากร คือ มีคนเคยมีเชื ้อโรคนี ้ในร่างกายหรื อเคยเป็ นตับอักเสบ 5 ล้ านคนโดยประมาณ เชื ้อไวรัสตับอักเสบมีการฝั งรากอาศัยอยู่ในตับมนุษย์เรานาน
จนอาจจะตลอดชีวิตถ้ าร่างกายปกติมนั จะแฝงอยูค่ อ่ ยกัดกร่อนทาลายไป เมื่อร่างกายอ่อนแอหรื อมีสารพิษเข้ าสูต่ บั ก็จะออกมาเล่นงาน ทาให้ เกิดตับ
อักเสบ ถ้ าปล่อยให้ การอักเสบเป็ นๆ หายๆ นานเข้ า ก็จะกลายได้ ไวรัสตับอักเสบนันมี
้ หลายชนิด ที่ร้ ูจกั กันดีคือ A และ B ถ้ าเป็ นกลุม่ B ก็จะเป็ นกลุม่ ที่มี
โอกาสกลายเป็ นมะเร็งตับสูงกว่ากลุม่ ที่เป็ นชนิด A เนื่องจากทังไวรั
้ สตับอักเสบ A&B สามารถติดต่อไปคนอื่นได้ อาจจะโดยการปนเปื อ้ นทางอาหาร การ
ได้ เลือด การใช้ เข็มฉีดยาที่ไม่สะอาด น ้าคัดหลัง่ หรื อพวกน ้าเหลือง น ้าลาย จึงทาให้ การแพร่ระบาดเป็ นไปได้ ง่าย จนกลายเป็ นปั ญหาสาธารณสุขจน
กระทรวงสาธารณสุขต้ องเร่งระดม วางแผนฉีดวัคซีนให้ กบั ทารกที่คลอดทุกคนเพื่อเป็ นการตัดวงจร การแพร่กระจายที่จะเกิดกับทารก ขณะเดียวกัน ก็เร่ง
ให้ ภมู ิค้ มุ กันกับประชนชนทัว่ ไปเพื่อจะลดอัตราการติดเชื ้อ เป็ นโรคไวรัสตับอักเสบซึง่ ได้ ผลดี
ปั จจุบนั ทารกที่คลอดในโรงพยาบาลแทบทุกคนได้ รับ การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบ ขณะนี ้แนวโน้ มของโรคนี ้ดีขึ ้น เพราะได้ มีการให้ ความรู้เรื่ อง
การบริโภคให้ กบั ประชาชนได้ เข้ าใจ
1990 ผู้คนกลัวความอ้ วน ถั่วลิสงจึงถูกขจัดออกจากโต๊ ะอาหาร
แต่ ปัจจุบัน ควรรับประทานถั่วลิสงที่มีไขมันไม่ อ่ มิ ตัวในปริมาณที่
เหมาะสม.
สมาคมอาหารและเครื่องดื่มของสหรัฐฯ กล่ าวว่ า “ปั จจุบัน เรา
ได้ ร้ ูว่า ถั่วลิสงมีไขมันไม่ อ่ มิ ตัวที่เป็ นผลดีต่อสุขภาพ ซึ่งไม่ เหมือน
ไขมันอิ่มตัวที่จะอุดตันเส้ นเลือดใหญ่ ตรงกันข้ าม จะช่ วยทาความ
สะอาดเส้ นเลือดใหญ่ "
แต่ มีข้อจากัดที่พงึ ระวังว่ า ไม่ ควรกินมากเกิน
ควร. ถั่วลิสงหนึ่งออนซ์ มีไขมัน 14 กรั ม และถั่วลิสง 1
กามือจะมีคาลอรี 200 คาลอรี ซึ่งเป็ นปริมาณที่พอ
เหมาะ.
ผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยบางแห่ งแสดงให้
เห็นว่ า ถั่วลิสงสามารถช่ วยป้องกันโรคหัวใจ ลดคอ เลส เตอรอลให้ ต่าลง และยังช่ วยลดความอ้ วนด้ วย.
ควรทานถั่วลิสงแบบไหน ? จึงจะปลอดภัย
องค์ การอาหารและยาของสหรั ฐฯ ได้ กาหนด
ผ่ านการพิจารณาตรวจสอบว่ า ถั่วลิสงและลูกนัทบาง
อย่ างเป็ นอาหาร บารุ งสุขภาพที่ดี โดยอนุมัตใิ ห้ ผ้ ูผลิต
อาหารประเภทถั่วลิสง ต้ องพิมพ์ คาอธิ บายในหีบห่ อ
ว่ า การกินถั่วลิสงจานวน 1.5 ออนซ์ ต่อวัน จะสามารถ
ลดอัตราเสี่ยงในการเป็ นโรคหัวใจได้ . >
๑ ออนซ์ = ๓๐ ซีซี, ๒ ออนซ์ = ๖๐ ซีซี
ไข่ ไก่ จัมโบ้ = ๕๐ กรั ม = ๕๐ ซีซี
มันเทศป้องกันโรคมะเร็งและเป็นผลดีต่อหัวใจ
มันเทศรสชาติดี มีส่วนประกอบของคาร์
โบไฮเดรต เซลลูโรส แคโรทีน วิตามินและโป
แตสเซี่ยม แมกนีเซี่ยม ทองแดง เซลีเนียม
และแคลเซียมเป็ นต้ นกว่ า 10 ชนิด.
วิตามินซี วิตามินบี11 และ
วิตามินบี6 เป็ นสารอาหารที่มี
บทบาทป้องกันโรคมะเร็งดีท่ สี ุด
สารเบต้ าแคโรทีน ในมันเทศนา้ หนักประมาณ
100 กรัม จะให้ ปริมาณวิตามินเอที่ร่างกายต้ างการใน 1
วันได้ ถงึ 2 เท่ า ให้ 1/3ของปริมาณวิตามินซีท่ รี ่ างกาย
ต้ องการใน 1 วัน และให้ วติ ามินบี11 ในปริมาณ 50
ไมโครกรัม
มันเทศจึงมีคุณประโยชน์ ต่อสุขภาพอย่ างอเนก
อนันต์ มันเทศมีบทบาทป้องกันโรคมะเร็ง.
ช่ วยการเคลื่อนตัวของลาใส้ ป้องกันอาการท้ อง
ผูกและโรคมะเร็งลาใส้ ใหญ่ มันเทศเป็ นผลดีต่อหัวใจ
(ป้องกันโรคเส้ นเลือดหัวใจ) มันเทศมีบทบาทต้ านทาน
โรคเบาหวาน.
นักวิจัยญี่ปุ่นพบว่ า เมื่อป้อนมันเทศเปลือกขาวให้
กับหนูตัวอ้ วนที่เป็ นโรคเบาหวานกินเป็ นเวลา 4 สัปดาห์
และ 6 สัปดาห์ แล้ ว สารอินซูลินในเลือดลดลง 26% และ
60% และพบว่ า มันเทศสามารถป้องกันไม่ ให้ นา้ ตาลใน
เลือด ของหนู่ตัวอ้ วนสูงขึน้ หลังกินกลูโคส ผลการวิจัย
แสดงให้ เห็นว่ า มันเทศเปลือกขาวมีบทบาทป้องกันโรค
เบาหวานไม่ มากก็น้อย. (หมายเหตุ...ยังไม่ ได้ ทดลองในคน)
นักโภชนาการรับรองว่า
มันเทศเป็ นได้ ทงั ้ อาหารและยา.
คาลอรีของมันเทศ = 1/3 ของข้ าวสวยธรรมดา และ
เกือบไม่ มีไขมันและคอเลสเตอรอล. (น ้ามันพืชมีโคเลสเตอรอล ? PBM)
รับประทานมันเทศบ่ อยๆ เป็ นผลดีต่อสุขภาพ และ
จะสามารถช่ วยลดความอ้ วนได้ บ้าง แต่ มีข้อระวังคือ อย่ า
กินมากเกินควรในครัง้ เดียว เพราะจะเกิดอาการแสบอก
มีกรดในกระเพาะอาหารล้ นขึน้ หรือท้ องเฟ้อเป็ นต้ น
(แสดงว่า ย่อยช้ า ?)
การรั บประทานมั่นเทศบ่ อยๆ จะมีส่วนช่ วย
รั กษาความสมดุลของวิตามินบี 11 ในร่ างกาย ลด
ความเสี่ยงในการเป็ นโรคมะเร็ง ส่ วนสารเซลลูโรส
ในมันเทศ มีผลดีในการมันเทศมีสารโปรแตสเซียม
เบต้ าแคโรทีน สาร 5 ชนิดดังกล่ าวต่ างก็มีบทบาท
ปั จจุบัน
มะเขือเทศ
อาหารที่มีคุณค่ าอีกอย่ างหนึ่ง ซึ่ง
สามารถขจัดสารพิษออกจากร่ างกาย
และป้องกันโรคได้ .
สารสาคัญในมะเขือเทศ
ไลโคพีน(licopene)มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกัน
มะเร็งลาใส้ ใหญ่ ต่ อมลูกหมาก เต้ านม ปอด ตับอ่ อน เป็ นต้ น.
ทามะเขือเทศให้ สุก จะป้องกันมะเร็งต่ อมลูก
หมาก และลดความเสี่ยงได้ ๑๙ % ถ้ าดิบ(ไม่สุก)ลด
ได้ ๑๑ %
ดื่มนา้ มะเขือเทศ วันละ ๓ ออนซ์ ลดอัตตรา
เสี่ยง ได้ ๓ %
รั บประทานมะเขือเทศ สุกวันละ1-2
ลูกสามารถที่จะป้องกัน และช่ วยรั กษา
โรคมะเร็ง.
เอามะเขือเทศและแอปเปิ ้ น อย่ าง
ละหนึ่งลูก และงา 15 กรั ม.
กินให้ หมดในครั ง้ เดียว วันละ 1 2 ครั ง้ จะสามารถรั กษาโรคโลหิตจาง.
สาหรับผู้ป่วยโรคแผลในกระเพาะอาหาร
อาการเบา ให้ นานา้ มะเขือเทศและนา้ มันฝรั่ง
อย่ างละครึ่งแก้ วผสมกันดื่มทุกวัน เวลาเช้ าเย็น
ครัง้ ละ 1 แก้ ว กินต่ อเนื่องกัน 10 ครัง้ จะ
สามารถรักษาแผลให้ หาย. (?)
นอกจากนี ้ ยังสามารถนานา้ มะเขือเทศ
กับนา้ แตงโมอย่ างละครึ่งแก้ วผสมกัน รับประ
ทานชั่วโมงละครั ง้ จะสามารถรั กษาอาการไข้ สูง.
วิตามินซี พบใน
พวกผลไม้ ท่ มี ีรส
เปรีย้ ว ได้ แก่ ส้ ม
ฯลฯ
ซิลิเนียม อยู่ในจมูกข้ าว ราข้ าว ปลาทูน่า หัวหอม กระเทียม
และเห็ด ใช้ ต้านมะเร็ง
ใยอาหาร มีมากในผัก ผลไม้ และพวกเมล็ดธัญพืชต่ างๆ
คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน พบในขนมปั งธัญพืชและถั่วต่ างๆ
กะหล่าดอกช่วยลดมะเร็งต่อมล ูกหมาก
คณะนักวิจัยจากสถาบันมะเร็งแห่ งชาติสหรัฐ
พบว่ า การรับประทานผักใบเขียวเข้ มทุกสัปดาห์
ช่ วยยับยัง้ ไม่ ให้ มะเร็งต่ อมลูกหมากลุกลาม โดย
ในบร็อคโคลีลดความเสี่ยงที่มะเร็งต่ อมลูกหมาก
จะลุกลามลงได้ ร้อยละ45 และ
กระหล่าดอกลดได้ ถงึ ร้ อยละ
52 ส่ วนผักโขมนัน้ ลดได้ ใน
ปริมาณไม่ มากนัก
ด้ านมูลนิธิวจิ ัยมะเร็งอังกฤษเผยว่ า มะเร็ง
ต่ อมลูกหมากคร่ าชีวติ ผู้ชายอังกฤษชั่วโมงละ 1
คน และแต่ ละปี ตรวจพบผู้ป่วยรายใหม่ 32,000
คน พร้ อมกับแนะว่ าวิธีท่ ดี ีท่ สี ุดในการลดความ
เสี่ยงเป็ นมะเร็ง คือ รับประทานอาหารที่เป็ น
ประโยชน์ อย่ างสมดุล รับประทาน ผักผลไม้
หลากหลายชนิดอย่ างน้ อยวันละ 5 ชิน้ เพราะ
ไม่ มีผักผลไม้ ชนิดใดที่มีคุณสมบัตใิ นการป้องกัน
มะเร็งได้ เป็ นพิเศษ.
การรั บประทานพริกเป็ นประจา
ทุกวัน สามารถช่ วยป้องกันโรค
มะเร็งและโรคอื่นๆ อีกหลายโรค
เนื่องจากสารแคปไซซิน ที่ทาให้
พริกมีรสเผ็ด สามารถใช้ ฆ่าเนือ้
งอกได้ โดยไม่ มีผลข้ างเคียง
ต่ อคนไข้ หรื อถ้ ามีกน็ ้ อยมาก และการวิจัยล่ าสุดระบุว่า
สารแคปไซซินที่ทาให้ พริกมีรสเผ็ดเป็ นกุญแจสาคัญกับ
ยาต้ านมะเร็งในยุคหน้ านพ.ทิโมธี เบทส์ ชาวอังกฤษ
ค.วิทยาศาสตร์ ม.ศรีนครินทร์ ฯ ทดลองใช้
สารสกัดเปลือกมังคุดเล็กน้ อยสามารถทาลาย
ลายเซ็ลมะเร็งลาใส้ ใหญ่ และตับได้
สารที่มีเบต้ าแคโรทีนสูง ได้ แก่ ผัก ผลไม้ ที่มีสี
เหลืองสดหรื อส้ ม จาพวกฟั กทอง มะละกอ มะม่ วงสุก
แตงโม แครอท และผักใบเขียวเข้ ม เช่ น ตาลึง คะน้ า
ผักขม บรอคโคลี่ เป็ นต้ น.
อาหารที่มีวติ ามินซีสูง ได้ แก่ ผักสด และผลไม้
เช่ น ฝรั่ ง ส้ ม ขนุน และมะละกอสุก
ผลการวิจัยของ
นักวิจัยจาก
มหาวิทยาลัยคอร์
เนลสหรัฐอเมริกา
พบว่ า หัวหอมใหญ่
ช่ วยป้องกันโรคมะเร็งตับและลาไส้ ได้ เพราะในหัวหอม
จะมีสารแอนตีอ้ อกซิแดนต์ สูงมาก จึงช่ วยป้องกันและยับยัง้
การเจริญเติบโตของเซลล์ มะเร็งได้ .
กล้วย
มีแป้งมาก ?
เบาหวานควรทานมาก ?
มีพลังงานมาก ?
มีสีเหลือง ?
ควรกินผลไม้สีไหน ?
คุณจะได้ รับประโยชน์ มากกว่ า
ถ้ าคุณรู้ ว่าควรจะกินอย่ างไร ?
ถ้ าคุณกินผลไม้ ในขณะท้ องว่ าง มันจะช่ วยคุณในการ
ล้ างพิษจากร่ างกาย ให้ พลังงานสาหรับช่ วงลดนา้ หนัก
และกิจกรรมอื่นในชีวิตประจาวัน.
เนื่องจากผลไม้ ย่อยได้ เร็วกว่ าขนมปั ง ชิน้ ผลไม้ จะถูกย่ อย
อย่ างรวดเร็วและพร้ อมที่ผ่านกระเพาะไปสู่ลาไส้ แต่ เส้ นทาง
ของมันถูกขวางไว้ โดยขนมปั งซึ่งใช้ เวลาย่ อยนานกว่ า….
จะเป็ นการดีกว่ าถ้ าเรากินผลไม้ ใน
ขณะท้ องว่ างหรื อก่ อนมือ้ อาหาร!
การกินเนือ้ ผลไม้ หรือผลไม้ ทงั ้ ลูก จะดีกว่ าการดื่ม
นา้ ผลไม้ เพราะเส้ นใยจากเนือ้ ผลไม้ จะดีสาหรั บคุณ
เมื่อคุณต้ องการดื่มนา้ ผลไม้ ให้ ด่ มื นา้ ผล
ไม้ สดเท่ านัน้ อย่ าดื่มนา้ ผลไม้ กระป๋อง
อย่ าดื่มนา้ ผลไม้ ท่ ผี ่ านความร้ อน
อย่ ากินผลไม้ ท่ ถี กู ปรุ งเป็ นอาหาร เพราะคุณจะ
ไม่ ได้ คุณค่ าทางโภชนาการเลย
คุณสามารถกินผลไม้ ได้ หลากหลายในเวลา
ต่ างๆ แม้ แต่ สลัดผลไม้ ซึ่งเป็ นเมนูท่ นี ่ าสนใจ.
ถ้ าคุณกินผลไม้ อย่ างถูกวิธีเป็ นประจา คุณก็จะมี
เคล็ดลับของสุขภาพ และนา้ หนักตัวที่เป็ นปกติ.
ถ้ าคุณดื่มนา้ ผลไม้ ให้ ด่ มื (จิช้บา) ๆ ทีละคา เพื่อให้
นา้ ผลไม้ รวมกับนา้ ลายของคุณก่ อนที่จะกลืนลงไป
☺ฉันเรอทุกครัง้ ที่กินแตงโม.
☺เวลาฉันกินทุเรียน กระเพาะฉันพองขึน้ .
☺เวลาฉันกินกล้ วย ฉันรู้สึกอยากวิ่งไปห้ องนา้ เป็ นต้ น.
คนน้าหนักเกินมีความเสี่ยง
จากงานวิจัยของสมาคมมะเร็งแห่ งประ
เทศสหรัฐอเมริกา ที่ใช้ เวลาศึกษานานถึง ๑๖
ปี ระบุว่า การมีนา้ หนักเกินมีส่วนในการก่ อให้
เกิดมะเร็งทุกชนิด ยกเว้ นมะเร็งปอด กระเพาะ
ปั สสาวะ และสมอง.
(งานวิจัยมีคนตายด้ วยมะเร็ง ๙ หมื่นคน ในจานวนนี ้
ร้ อยละ ๑๔ เป็ นชายอ้ วน และร้ อยละ ๒๐ เป็ นหญิงอวบ)
สาเหต ุที่คนอ้วนเป็นมะเร็ง
ที่คนอ้ วนมีโอกาสเป็ นมะเร็งสูงนัน้
เนื่องจากการมีนา้ หนักมาก มีส่วนทาให้
ร่ างกายผลิตฮอร์ โมนต่ าง ๆ ออกมามาก
เกินไป อาทิ สเทียรอยด์ อินซูลินง
ยังเสี่ยงต่ อการเป็ นนิ่วในถุงนา้ ดีและ
นิ่วอาจเป็ นสาเหตุท่ กี ่ อให้ เกิดมะเร็งในถุง
นา้ ดี.
การผลิตฮอร์ โมนในระดับที่มาก
เกินไป อาจจะไปกระตุ้นให้ เกิดเซลล์
ผิดปรกติขนึ ้ ในอวัยวะของร่ างกายและ
พัฒนาต่ อมากลายเป็ นเซลล์ มะเร็ง อาทิ
ฮอร์ โมนเอสโตร เจนในเพศหญิง อาจไป
กระตุ้นให้ เกิดมะเร็งเต้ านม หรือมะเร็ง
ปากมดลูก.
สาวขนาด XXL จึงมีโอกาส
เสี่ยงเป็ นมะเร็งเต้ านม
มากกว่ าสาวขนาด SSS
ยาต้านโรคเอดส์ที่ใช้กนั ทัว่ ไปอาจใช้ป้องกัน
มะเร็งปากมดล ูกได้
นักวิจัยผู้ดเี ชื่อว่ า ภายหลังจากผล
ทดลองเบือ้ งต้ นในห้ องทดลองปฏิบัติการ
พบว่ า ยา "โลปิ นาเวียร์ " นอกจากต้ านไวรั ส
เอชไอวีท่ เี ป็ นสาเหตุของโรคเอดส์ แล้ ว ยัง
สามารถต้ านไวรั สเอชพีวี ที่เป็ นสาเหตุของ
มะเร็งปากมดลูกด้ วย
๑. อาหารและโภชนาการบาบัด
มีอาหารที่กาลังเป็ นที่สนใจวิจยั และจับตาม
องว่ า จะมีศักยภาพในการรักษามะเร็ง เพราะ
มะเร็งบางชนิดอย่ าง เช่ น มะเร็งเต้ านมในหญิงที่
หมดประจาเดือนแล้ ว มะเร็งมดลูกและมะเร็ง
ต่ อมลูกหมาก อาจชะลอการเติบโตได้ ถ้าเลือก
บริโภคอาหารได้ ถูกต้ อง อาหารที่ว่านีก้ ย็ ังอยู่ใน
ระหว่ างการศึกษาวิจัย เช่ น อาหารจากถั่วเหลือง,
เห็ดชิตาเกะ
งานวิจยั จากศูนย์มะเร็ง เมโมเรียล สโลน
เค็ทเทอริง่ ในกร ุงนิวยอร์ค
วิตามิเอ ร่ วมกับเคมีบาบัดสามารถทาให้
คนไข้ มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด Promyelocytic
หายชั่วคราวได้ ในผู้ป่วย 70% ขณะเดียวกันการ
รับประทานวิตามินอี วันละ 200 หน่ วย
(INTERNATIONAL UNIT) จะชะลอการลุกลาม
ของมะเร็งต่ อมลูกหมาก และอาจรวมถึงมะเร็ง
เต้ านมด้ วย
นา้ มันปลาซึ่งมีกรดไขมันโอ
เมก้ า 3 เห็ดชิตาเกะและไมตาเกะ
ช่ วยชะลอการเติบโต ของมะเร็ง
โดยเสริมภมู คิ ้ ุม กันให้ ร่างกายนี่
เป็ นรายงานจากญี่ปุ่น.
ชาเขียว (ในวารสารการวิจยั โรคมะเร็งญี่ป่ น)ุ
คนไข้ มะเร็งเต้ านม ซึ่งดื่มชาเขียววันละ
5 แก้ วขึน้ ไปจะมีการกาเริบของมะเร็ง น้ อย
กว่ าคนที่ไม่ ด่ มื .
ถ้ าได้ เคยดื่มมาก่ อน เมื่อเป็ นมะเร็ง ชาเขียวจะไปเสริมฤทธิ์ของเคมีบาบัด.
เมลาโตนิน
ฮอร์ โมนธรรมชาติตัวนี ้ ช่ วยในการนอนหลับ
และมีผ้ ูอ้างว่ าเป็ นยาอายุวัฒนะ
งานวิจัยจากประเทศอิตาลีเมื่อเร็วๆ นี ้ ราย
งานว่ าร้ อยละ 40 ของคนไข้ มะเร็ง ที่รับประ ทานเมลาโตนินวันละ 10 มิลลิกรัม จะมีขนาด
มะเร็งคงที่หลังจากนัน้ 3 เดือน.
กระด ูกอ่อนฉลาม ไม่ได้ผล
มีหลักฐานว่ ากระดูกอ่ อนจากครีบฉลาม
สามารถยับยัง้ การเกิดเส้ นเลือดในสัตว์ ทดลอง
ตามทฤษฎีจงึ อาจใช้ รักษามะเร็ง โดยทาให้
มะเร็งอดอยากจนการขาดเลือดหล่ อเลีย้ ง
งานวิจัยที่ใช้ ลองรับประทานกระดูกอ่ อน
ฉลาม ในคนไข้ มะเร็งระยะสุดท้ ายเป็ นเวลา12
สัปดาห์ ไม่ เกิดผล.
กลุ่มของสารอาหารที่ช่วยลดการเสี่ยง ๕ กลุ่ม
เบต้ า-แคโรทีน พบในผักและผลไม้ สีเขียว หรือเหลือง
เข้ ม ได้ แก่ มะม่ วง ผักขม แครอท บรอคโคลี่ และมะ- เขือ
เทศ. (อย่ าทานมากเกินไป ! ให้ วเิ คราะห์ แต่ ละชนิด.)
วิตามิน พบในพวกผลไม้ ท่ มี ีรสเปรีย้ ว ได้ แก่ สตรอ
เบอรี่ แตงโม ส้ ม ชะเอม ฯลฯ
ซิลิเนียม อยู่ในจมูกข้ าว ราข้ า ปลาทูน่า หัวหอม กระ
–เทียมและเห็ด.
ใยอาหาร มีมากในผัก ผลไม้ และพวกเมล็ดธัญพืช
ต่ างๆ.
คาร์ โบไฮเดรตเชิงซ้ อน พบในขนมปั งธัญพืชและถั่ว
ต่ างๆ.
อาการระยะเริ่มต้น
ระบบขับถ่ ายอุจจาระและปั สสาวะผิดปกติ
กลืนอาหารลาบาก แน่ นท้ อง ปวดท้ อง
เสียงแหบ ไอเรือ้ รัง
การเปลี่ยนแปลงของหูด หรือไฝตามร่ างกาย
มีก้อนที่เต้ านม มีเลือดหรือตกขาวผิดปกติออก
ทางช่ องคลอด มีแผลเรือ้ รัง
หูออื ้ เลือดกาเดาไหล (อาการขึน้ อยู่กับอวัยวะที่เป็ น)
หลีกเลี่ยงอาหารที่อาจก่อมะเร็ง
อาหารไขมันสูง.
อาหารที่มีสารก่ อมะเร็งเช่ น อะฟลาท็อกซิน ยาฆ่ า
แมลง. อาหารที่มีไนเตรต ไนเตรตผสมอยู่.
อาหารที่เก็บไว้ นาน ลดอาหารเค็ม เช่ น เกลือ ซอส
ทัง้ หลาย อาหารหมักดอง อาหารกระป๋องที่ใส่ เกลือ
มาก.
อาหารประเภทเนือ้ ปรุ ง เช่ น แฮม เบคอน ไส้ กรอก
หมูยอ แหนม ซึ่งอาจมีสารเจือปนอยู่ การปรุ ง
อาหาร.
การแพทย์แผนไทย กับโรคมะเร็ง
พ.ญ.เพ็ญนภา ทรั พย์ เจริญ
การแพทย์แผนไทยเป็นทางเลือก
สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง ที่สาคัญ เกิดจาก:
โภชนาการ ที่ไม่ ถูกต้ อง เต็มไปด้ วยสารพิษ
ไม่ ออกกาลังกาย
อยู่ในสิ่งแวดล้ อม ที่เป็ นพิษ และอื่น ๆ
ควรมีพฤติกรรม ด้านส ุขภาพ ที่ถ ูกต้อง
ทานอาหารที่มีเส้ นใย/มีวิตามิน เอ ซี, อี, สูง
ลดอาหารไขมันจากสัตว์
ลดอาหารกระป๋อง อาหารที่มีสีสังเคราะห์
ไม่ มีสารกันบูด เจือปน และปลอดสารพิษ
เลี่ยงอาหารปิ ้ ง ย่ าง อบ รมควัน. เลี่ยงอาหาร
หมัก ดอง ใส้ กรอก แหนม เพราะมีสาร nitrosamine
เลือกรั บประทานอาหารที่สด สะอาด
รั บประทานผัก ผลไม้ อาหารสมุนไพร.
ผัก ผลไม้ หลายชนิด จะมีคุณสมบัติ เป็ น
แอนตีอ้ อกซิแดนท์ และสารที่ฆ่าเซลล์ มะเร็งได้ .
ในวันหนึ่งควรได้ ผัก 25- 30% ผลไม้ 10 %
เนือ้ ปลา หรือถั่ว 10%.
อีก 50% ควรเป็ นข้ าวกล้ อง หรือเผือก พืช
ผักผลไม้ โดยการปรุ งด้ วยวิธีธรรมดา เช่ น ต้ ม
ลวก แกง หรือรับประทานดิบ.
ไม่ ควรเติมนา้ ตาล นา้ ผึง้ จนเกินความจาเป็ น
เพราะจะทาให้ ร่างกาย ได้ รับนา้ ตาล มากเกินไป.
ผักและผลไม้ ซึ่งเป็ นพืช สมุนไพร ที่มีสารต้ าน
เซลล์ มะเร็ง ได้ แก่ มะกรู ด ผักแขยง คื่นฉ่ าย บัวบก
ผักชีฝรั่ ง กระชาย ข่ าใหญ่ มันเทศ ใบมะม่ วง มะกอก
เบญจมาศ แขนงกะหล่า แตงกวา พริกไทย ดีปลี
โหระพา กระเพรา ใบตะไคร้ ถั่ว ผักแว่ น ผักขวง
เพกา ชะพูล ลูกผักชี เร่ ว เหงือกปลาหมอ ขมิน้ อ้ อย
หัวหอมแดง หอมใหญ่ กระเทียม ฯลฯ