ดาวน์โหลดแหล่งข้อมูลของงานนำเสนอ
Download
Report
Transcript ดาวน์โหลดแหล่งข้อมูลของงานนำเสนอ
การเตรี ยมดินสาหรับปลูกพืช
โดย อ.จาเริ ญ ยืนยงสวัสดิ์
• วัตถุประสงค์
• 1.ให้เข้าใจหลักวิธีของการเตรี ยมดินปลูกพืชและสามารถเชื่อมโยง
องค์ประกอบดินมาใช้จดั การดินปลูกพืชชนิดต่างๆได้อย่างถูกต้อง
• 2.ลาดับขั้นตอนการจัดการเตรี ยมแปลงปลูก สาหรับพืชเศรษฐกิจ
สาคัญได้
• 3.อธิบายเงื่อนไขปัจจัยในการจัดการวางระบบการปลูกพืชในเชิง
อนุรักษ์เพื่อการปลูกพืชอย่างยัง่ ยืนได้
• 4.บอกชนิดอุปกรณ์ เครื่ องมือและวิธีการที่ใช้ในการเตรี ยมแปลงปลูก
พืชได้
วัตถุประสงค์ของการเตรี ยมดิน
• เพื่อปรับปรุ งสมบัติทางกายภาพ ทางชีวะ และทางเคมีของดินให้เหมาะ
ต่อการเจริ ญเติบโตของส่ วนขยายพันธุ์พืช(เมล็ด, หัว,ต้นกิ่งพันธุ์)
ปฏิบัติการทางดินเพื่อการเตรี ยมที่ดินให้ เหมาะต่ อการปลูกพืชต้ องใช้ เครื่ องมือ
หรื อเครื่ องทุ่นแรงต่ างๆเข้ าช่ วย ทั้งนีแ้ ล้ วแต่ ยคุ สมัยของพัฒนาการ หรื อกิจการที่
ปลูกว่ าจะใช้ เครื่ องมือ อุปกรณ์ ประเภทใด ในอดีตใช้ จอบ เสี ยม คราดซึ่ งใช้ แรง
คนหรื อสั ตว์ ต่าง เป็ นต้ นกาลัง ปั จจุบันใช้ เครื่ องจักรเป็ นต้ นกาลัง เรียก
ปฏิบัตกิ ารทางดินเพือ่ การปลูกพืชนีว้ ่ า การเขตกรรม (Cultivation) หรื อ การไถ
พรวน (Tillage)
ดินป่ วย ดินไม่มีชีวติ
ปลูกเรื อนตามใจผูอ้ ยู่
ดินขาดความอุดมสมบูรณ์
ผูอ้ ยูเ่ ป็ นใคร ชอบอะไร
สสารไม่หายไปไหนเพียงแต่เปลี่ยนรู ปไปเท่านั้น
การกระทาต่ อดินโดยใช้ แรงใดๆ
ย่ อมก่อให้ เกิดการเปลีย่ นแปลง
ใน 3 องค์ประกอบ
ธาตุอาหาร
เปลีย่ นรู ปเป็ น
สารอินทรีย์ในพืช
แร่ ธาตุ
เปลีย่ นรู ปเป็ น
สารอินทรีย์ในสั ตว์
ฮิวมัส
แร่ ธาตุในฮิวมัส
แร่ ธาตุจากพืช,สั ตว์ ไม่ เป็ นประโยชน์
ทีต่ ายสะสมในดิน
กับพืช
เน่ าสลาย
ดิน
อนมูลทีเ่ ป็ นแร่ ธาตุ
ถูกดูดไว้ โดยดิน
แร่ ธาตุถูกปล่ อย เน่ าสลาย
ในรู ปอนุมูลทีเ่ ป็ น
ประโยชน์ กบั พืช
ภาพแสดงวงจรแร่ ธาตุอาหาร
ทีแ่ ปรเปลีย่ นไปในธรรมชาติ
ปัจจัยที่มีผลต่อการเสื่ อมของดิน (Soil Degradation)
Lal et al.,1989
การเสื่ อมของดิน
กระบวนการ
(ตัวปฏิกริยา และปฏิกริยาสั มพันธ์ )
กายภาพ
เคมี
ชีวะภาพ
จะปลูกพืชให้อยูไ่ ด้อย่าง
ยัง่ ยืนต้องรู ้เหตุแห่ งความเสื่ อม
ลักษณะของปัจจัย
(เงือ่ นไขและตัวเร่ ง)
กิจกรรม
ทางการเกษตร
กิจกรรมทาง
อุตสาหกรรม
การเจริญของเมือง
กระบวนการทางกายภาพทาให้เกิดการเสื่ อม
ดินเมื่อใช้ไปนานๆ ขาดการบารุ ง จะเกิดความเสื่ อมทางกายภาพ
1.สภาพการเสื่ อมทางโครงสร้างเช่น
1.1 การแน่นของดิน(Compaction)
•1.2 การแข็งตัวและแตกระแหงของผิวหน้าดิน(Crusting)
•1.3 การเร่ งการกัดกร่ อนโดยมนุษย์หรื อสัตว์(Accelerated erosion)
•1.4 การเกาะของ ดินเป็ นแผ่นแข็งของดินชั้นล่างเมื่อแห้ง(Hard - setting)
2. สภาพน้ ากับอากาศในดินขาดสมดุลย์
•2.1 สภาพฝนตกหนัก น้ าท่วมขัง(Wetness)
•2.2 สภาพแล้งขาดน้ าในดิน(Drough)
3. สภาพอุณหภูมิที่วิกฎติสาหรับพืช
3.1 ดินชั้นล่าง(subsoil) เป็ นน้ าแข็งตลอดปี (Permafrost)
3.2 อุหภูมิสูงหรื อต่าเกินระดับเหมาะสม(Supraoptimal)
กระบวนการทางเคมีทาให้เกิดการเสื่ อมของดิน
1. การชะล้างแร่ ธาตุอาหารโดยธรรมชาติ (Leaching)
น้ า, ลม, ดินเคลื่อนที่
2. การทาให้ธาตุอาหารหมดไปจากดิน (Fertility depletion)
การเก็บเกี่ยว
ผลผลิต
3 .ดินแน่นเนื่องจากมี sodium มาก (Sodification)
(Na+ เมื่อจับกับ clay micelle จานวนมากจะทาให้อนุภาคดินเหนียวฟุ้ งกระจาย
เมื่อเปี ยก แต่จะเกาะกันแน่นทึบ เมื่อดินแห้งจะแข็ง ยากต่อการไถพรวน)
4. การเกิดดินลูกรัง(Laterization) เป็ นกระบวนการสะสม เหล็กในดิน ดินชนิดนี้จะ
มีลกั ษณะเป็ นดินปนกรวด หรื อมีเศษหิ นปะปน มีสมบัตท
ิ างกายภาพและเคม
สมต่อการทาการเกษตร ดินมีความสามารถอุม้ น้ าต่าดิน ชั้นล่างมักแน่นทึบ การซึ ม
ซาบน้ าเร็ วถึงปานกลาง ความลึกของดินเห็นเป็ นข้อจากัดในการชอนไชหาอาหารของ
รากพืช
5. Toxification ของ Al+3, Mn+3 และ Heavy metal
ปฏิกิริยาแลกเปลี่ยนประจุบวกในดิน
ดินโดยทัว่ ไป
จะมีcation พวก
H+,Ca++,Mg++
K+, Na+
เกาะยึดทีผ่ วิ clayเป็ น
สั ดส่ วนมากน้ อย
ลดหลัน่ กัน
เมื่อรากพืชหายใจและคายก๊าซCO2แล้วเกิดอะไรขึ้น ?
CO2 + H2O
H2CO3
H+ + HCO3 -
H+ + H+ + CO32-
แล้วประจุธาตุสาคัญอื่นๆเช่น NO3,SO42-,PO43- อยูห่ รื อปรากฏอย่างไรในดิน(soil solution)
ความเป็ นประโยชน์ของแร่ ธาตุกบั ความเป็ นกรดด่างของดิน
และการเจริ ญเติบโตของพืช
ไนโตรเจน
แคลเซี่ ยม
เหล็ก
pH
1. การแลกเปลี่ยนประจุบวก
2 .การผลักกันของประจุลบและการ
ชะล้างออกไปจากสารละลายดิน
(เช่น NO-3,SO42-)
3.Fe Mn Al เพิ่มขึ้นเมื่อ pH ลดลง
Al เป็ นพิษกับพืชได้ ถ้ามีมากใน
สารละลายดิน
4.Ca , Mg จะละลายได้มากขึ้นเมื่อ
pH เพิ่มขึ้น
กระบวนการทางชีวะที่เป็ นเหตุของความเสื่ อมของดิน
1.ชีวะมวลที่เป็ นคาร์บอนลดลง
2.การลดลงของอินทรี ยว์ ตั ถุ
3.การลดลงของพืชและสัตว์ขนาดเล็กในดิน
4.เปลี่ยนแปลงสภาพโดยรวมในดินในทางเสื่ อมที่สิ่งมีชีวิต
ไม่สามารถทนอยูไ่ ด้
กระบวนการทางกายภาพ เคมีและชีวะ
สัมพันธุ์ต่อเนื่องกันเป็ นระบบรวม
ลักษณะกิจกรรมด้านการเกษตรทาให้เกิดการเสื่ อม
(Agricultural activities)
1.การตัดไม้ทาลายป่ าไปใช้ประโยชน์(deforestation)
2.การไถพรวนไม่เหมาะสม
3.ใช้ดินมากเกินไป(intensive) และ
การปลูกพืชชนิดเดียว(monoculture)
4..ใช้สารเคมีไม่เหมาะสมและมากเกินไป
5.อัตราการเอาออกของมวลมากกว่าการคืนกลับของชีวมวล
ลักษณะกิจจกรรมด้านอุตสาหกรรมและความเจริ ญ
ของเมืองทาให้เกิดการเสื่ อม
สาเหตุด้านอุตสาหกรรม
1.ของเสี ยจากโรงงาน
2. ฝนกรด(acid rain)
สาเหตุความเจริญของเมือง
(Urbanization)
1. ของเสี ยจากเมือง(city waste)
2. ทีท่ าการเกษตรลดลง
การปลูกพืชเริ่ มด้วยการเตรี ยมดิน
ชนิดพืชกับขั้นตอนการเตรี ยมดิน
• ชนิดพืช
– พืชสวน
•ระบบการปลูกในที่ลุ่ม
• ระบบการปลูกในท
• ไม้ผล(มะม่วง ฝรั่ง ชมพู)่
• ผัก(กินใบ กินผล กินดอก กินทั้งต้น แบ่งตามอายุ
•
ไมดอก(เมล็
ดเล็กมาก เมล็ดเล็ก เมล็ดใหญ่การวางผั
)
้
งระบายน้ า
– พืชไร่ (ล้มลุก,พืชยืนต้น)
• พืชในที่ลุ่มมีน้ าท่วมขังเช่น ข้าว
• พืชในที่ดอน เช่น ข้าวโพด อ้อย
•แบบหลังเต่า
•แบบไร้รูปแบบ
•แบบก้างปลา
•แบบผสม
การเตรียมดินปลูกสาหรับปลูกพืชสวนบางชนิด
ข้ อพิจารณา:
สมบัตทิ ดี่ ขี องเครื่องปลูก(media)
• 1.Stability of organic matter
อืน่ ๆ:
•
หางาย
• 2.Carbon:Nitrogen Ratio
่
•
ไมมี
่ โรค
• 3.Bulk density
• 4.Moisture Retention and Aeration
• 5.Cation Exchange Capacity
• 6.pH
• 7.Fertilizer Content
ราคาถ
แมลง
สมบัติสาคัญของดินผสมสาหรับไม้กระถางบางชนิด
Mix Total pore
ID
space
% volume
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
79
66
89
87
71
68
77
75
73
58
85
67
88
67
60
Air@Con.
capacity
% volume
water
%
pH
12
9
13
19
6
8
12
13
10
9
13
12
20
9
12
34
135
67
38
80
49
248
84
59
67
91
121
164
152
87
6.1
5.9
4.3
6.7
4.4
6.2
4.4
4.9
6.4
4.5
5.8
6.7
7.2
7.5
6.3
1.Supersoil, 2.Perma-Gro All-Purpose,
6.Power-O-Pear,
9.Uniguow African Violet Mix,
13.Roger,s Potting Soil Mix,
EC Organic Nitrate Ammonium
DS/m matter (NO3)
(NH4)
%
ppm
ppm
2.8
0.85
4.0
6.0
9.1
2.1
0.3
11.5
1.0
9.2
1.8
1.6
1.4
0.7
1.4
39
97
50
51
50
41
93
45
38
52
48
95
90
88
68
355
1
360
2
16
3
49
1,770
4
28
710
8
9
6
68
6
43
32
25
43
32
6
359
23
61
21
407
27
37
261
3.Bandini Potting Soil,
4.Good Earth Potting Soil, 5.Vita-Hume Outdoor,
7.Gromulcg Planting Mix, 8.Hyponex Professional Mix
10.Hyponex Professional Mix, 11.Jiffy Mix,
12.Jungle Hrowth House Plant
14.Black Magic House,
15.K-Mart Potting Soil
ลักษณะการเจริ ญของต้นมะเขือเทศในดินผสมสูตรต่างๆ
ชนิดดิน
Supersoil
Perma-Gro All-Purpose Potting
Bandini Potting S.
Good Earth Potting Soil
Vita-Hume Outdoor Planting Mix
UniGrow Potting Soil
Power-o-Peat
Gromulch Planting Mix
Unigrow African Violet Mix
Hyponex Pro.Mix Potting Soil
Jiffy Mix
Jungle Growth House Plant
P.Mix
Roger,s Pottig Mix
Black Magic House Plant
K-Mart Potting Soil
UC mix
การงอกที่
อายุ14 วัน
(%)
79
46
67
79
71
50
92
83
83
92
67
67
83
87
83
83
ความสูงกล้ า
ค่ าความ
เฉลี่ย(ซ.ม.)
แข็งแรงกล้ า
(อายุ 1 เดือน)
10.6
Exellent
6
Poor
10.1
Exellent
6.3
Poor
6.7
Satisfactory
9.4
Good
7.1
Satisfactory
8.6
Good
6.3
Poor
8.1
Satisfactory
8.6
Good
6.3
Satisfactory
6.9
4.7
7.6
6.8
Satistactory
Poor
Satisfactory
Satisfactory
พื ้นที่
ป่าไผ่
ความลึ ก particle size
(cm)
sand
silt
0-5
5-15
15-30
30-60
60+
ป่าเต็งรั ง
0-5
5-15
15-30
30-60
60+
กระถิ น ยัก ษ์ 0-5
5-15
15-30
30-60
60+
ป่าสั ก
0-5
5-15
15-30
30-60
60+
distribtiontextural
clay
class
(------------g kg -1----------------)
52
23
25
47
21
32
46
20
34
48
14
38
39
16
45
66
24
10
68
22
10
65
24
11
72
18
10
68
22
10
48
24
28
42
20
38
38
20
42
40
19
41
36
21
43
54
18
28
50
19
31
49
18
33
46
18
36
44
16
40
SCL
SCL
SCL
SC
C
SL
SL
SL
SL
SL
SCL
CL
C
C
C
SCL
SCL
SCL
SC
C
bulk
density
particle porosity
density (%)
(-----------Mg
1.14
1.18
1.37
1.38
1.42
1.12
1.43
1.27
1.91
1.4
1.24
1.39
1.36
1.33
1.4
1.14
1.18
1.21
1.34
1.33
m-3------)
2.47
53.85
2.71
56.45
2.64
48.11
2.67
48.31
2.71
47.6
2.55
56.08
2.57
44.36
2.62
51.34
2.65
27.92
2.63
46.77
2.55
51.37
2.6
46.54
1.62
48.09
1.6
48.85
1.63
46.17
2.54
55.12
2.61
54.79
2.63
53.99
2.62
48.85
2.62
49.24
พื ้นที่
ความลึก particle size
(cm)
sand
silt
distribtiontextural bulk
particle porosity
clay
class
density density (%)
-1
ไร่ ร้ าง
0-5
5-15
15-30
30-60
60+
ไร่ ข้ าวโพด 0-5
5-15
15-30
30-60
60+
สวนเงาะ
0-5
5-15
15-30
30-60
60+
(------------g kg ----------------)
53
22
25
54
18
25
46
15
28
32
18
35
31
18
47
41
34
25
38
37
25
35
37
28
32
33
35
24
19
47
27
42
31
23
38
39
30
38
32
20
36
44
21
34
45
-3
SCL
SCL
SC
C
C
L
L
CL
CL
C
CL
CL
CL
C
C
(-----------Mg m ------)
1.09
2.53
56.92
1.18
2.58
54.26
1.28
1.62
51.14
1.36
1.69
49.44
1.39
1.68
48.13
1.26
2.61
51.72
1.22
2.61
53.26
1.3
2.6
53.85
1.48
2.66
44.36
1.49
2.68
44.4
1.17
2.58
54.65
1.14
2.6
56.15
1.2
2.65
54.72
1.24
2.68
53.73
1.51
2.66
43.23
John Innes compost. Loam selected should have enough clay to
be slightly greasy when smeared without stickiness. from a
good pasture, 2-7% humus. This is to be composted in
alternating layers of 4-1/2 in loam and 2 in strawy manure,
allowing 6 month’s time before using.
Ingredients,
Fertilizer ingredients.
Parts by volume
( Per m3)
Seed compost
2 loam
1 peat mossa
1 sandb
1.2 kg 20%
superphosphate
0.6 kg calcium
carbonate
Potting compost 7 loam
1.2 kg 20%
3 peat moss
superphosphate
2 sand
0.6 kg potassium
sulfate
0.6 kg calcium
carbonate
A
Canadian of German sphagnum or equivalent.
Influence of particle size on bulk density in soil
mixtures and when sand added. ( Richards et
al.,1964)
Soil composition
Sand (%) Silt
Clay
(%)
(%)
Bulk density (g/ cc )
Soil alone Mixed with 60%
Sand by volume
74
58
43
1.53
1.45
1.36
18
25
34
8
17
23
1.56
1.55
1.52
SOME OF THE COMMON CHEMICAL ELEMENTS
FOUND IN PLANTS
Element
Symbol
Approximate
Atomic Weight
Elements Essential for Plant Growth
Common Valence
Numbers
Common lons in Which
Elements Are Found
Carbon
Hydrogen
Oxygen
Phosphorus
Potassium
Nitrogen
Sulfur
Calcium
lron
Magnesium
Boron
Zine
Manganese
Molybdenum
Chlorine
Copper
C
H
O
P
K
N
S
Ca
Fe
Mg
B
Zn
Mn
Mo
CI
Cu
-4,+4
+1
-2
-5
+1
-3,+5
+6,-2
+2
+2,+3
+2
+3
+2
+2,+3
+3,+5
-1
+1,+2
CO23, HCO32H+, H3O+, OHOH-, NO-3
H2PO-4, HPO4-, PO3-4
K+
NH+4, NO-3
SO24Ca2+
Fe2+, Fe3+
Mg2+
BO3-3
Zn2+
Mn2+
Mo3+, MoO+2
ClCu+, Cu2+
12
1
16
31
39.1
14
32.1
40.1
55.9
24.3
10.8
65.4
54.9
96
35.5
63.6
Some Other Element
Sodium
Na
Silicon
Si
Aluminum Al
23
28.1
27
+1
+4
+3
Na+
SiO3-4
Al3+
อินทรี ยว์ ตั ถุกบั การเตรี ยมดิน
• ความสาคัญ
• บทบาทของอินทรี ยว์ ตั ถุ
• การจัดการ และ
• แหล่งของอินทรี ยว์ ตั ถุ
ลักษณะของอินทรี ยว์ ตั ถุในดินของประเทศไทย
• ประเทศไทยมีปัญหาดินเสื่ อมโทรม~224.9ล้านไร่ (หรื อ 70.13
%ของพื้นที่ทวั่ ประเทศและพื้นที่ที่มีอินทรี ยวัตถุต่ากว่า 2 %ไม่
น้อยกว่า 191 ล้านไร่ (~60%ของพื้นที่ประเทศ)
• ปัจจัยที่มีผลต่ออินทรี ยว์ ตั ถุ
– สภาพภูมิอากาศร้อน ชื้น มีผลทาให้ OM สลายตัวเร็ ว(< เขตอบอุน่ 8เท่า)
– การทาการเกษตรติดต่อกันนานโดยไม่ใส่ เพิ่มเติมให้หรื ออัตราการใส่ นอ้ ย
กว่าอัตราการสลายตัว
– พื้นที่ลาดเอียงเกิดกษัยการ(erosion)มาก
– การใช้ที่ดินไม่ถกู ต้องตามหลักการอนุรักษ์ดิน
– หน้าดินตื้นและพื้นที่ดินนั้นเกิดจากต้นกาเนิ ดดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่า
บทบาทของอินทรี ยว์ ตั ถุในดิน
• เป็ นตัวควบคุม กาหนดคุณสมบัติทางเคมีกายภาพ และชีวภาพของดิน
–
–
–
–
–
–
การปลดปล่อยแร่ ธาตุอาหาร(Cation exchang capacity)
ลดความเป็ นพิษของธาตุบางชนิด(Buffer capacityของAl, Mn)
การช่วยให้ดินเกาะตัวกันเป็ นโครงสร้าง
ช่วยการดูดยึดน้ าในดิน การระบายอากาศ
การลดอัตราการชะล้างพังทลาย
การส่ งเสริ มกิจกรรมของจุลินทรี ยด์ ิน เกิดการปลดปลอยธาตุ
่
อาหารมากขึ้น(Mineralization) กรดบางตัวที่ปล่อยออกมามีประโยชน์กบั พืช
ลดปริ มาณไส้เดือยฝอย ลดปริ มาณเชื้อโรคพืช เพิ่มไมโครไรซาบริ เวณราก
พืช
ที่มาของอินทรี ยว์ ตั ถุ
แต่ละชนิดของอินทรี ยว์ ตั ถุมีแร่ ธาตุอาหารแตกต่างกัน
ปริมาณแร่ ธาตุอาหารบางชนิดจากวัสดุอนิ ทรีย์ทยี่ ่ อยสลายง่ าย
ชนิดวัสดุ
ฟางข้ าว
ผักตบชวา
หญ้ าขน
ต้ นข้ าวโพด
N%
P2O5%
K2O%
C%
0.55
1.27
1.38
0.53
0.99
0.71
0.34
0.15
2.39
4.84
3.69
2.21
48.82
43.56
48.66
33.00
C/N
Ratio
89
34
35
62
0.60
0.59
1.48
0.22
0.19
0.48
0.67
0.77
1.01
48.85
31.52
54.49
81
53
37
1.79
1.12
0.82
0.85
0.48
-
5.46
2.64
-
46.80
53.84
49.95
26
48
61
2.30
0.93
0.73
0.83
0.54
0.14
0.19
2.94
6.22
2.15
53.49
65.05
58.36
50.63
42
70
75
61
1.07
0.37
2.92
49.07
55.29
มันสาปะหลัง
เปลือก(เปี ยก)
เปลือก(แห้ ง)
เหง้ า
สับปะรด
เปลือก(โรงงาน)
ใบ(สด)
เศษ(สด)
ส่ วนของเปลือก
ถั่วคาโลโปโกเนียม
เมล็ดกาแฟ
ถั่วลิสง
ทุเรี ยน
เฉลี่ย
ปริมาณธาตุอาหารบางชนิดจากวัสดุอนิ ทรีย์ทยี่ ่ อยสลายตัวยาก
ชนิดวัสดุ
ขี ้เลื่อย
ไม้ เบญจพรรณ
ไม้ ยางเก่ า
ไม้ ยางใหม่
อ้ อย
ใบอ้ อย
กากอ้ อย
อื่นๆ
ขุยมะพร้ าว
แกลบ
ต้ นปอกระเจา(โรงงาน)
เปลือกเมล็ดปาล์ ม
ถ่ านแกลบ
ขี ้กบ
กากเป๊ปซี่
ปุ๋ยเทศบาล 901
N%
P2O5%
K2O%
C%
C/N
Ratio
0.32
0.25
0.19
0.49
0.40
0.16
0.15
0.36
0.21
0.15
2.45
0.53
0.40
0.58
0.44
62.70
56.37
58.41
51.52
57.69
196
225
307
105
146
0.36
0.36
0.45
0.52
0.05
0.09
0.03
2.94
61.08
0.03
60.13
54.72
51.83
60.95
167
152
115
117
0.07
0.06
5.94
0.95
0.19
0.12
3.08
1.05
0.13
0.05
0.88
0.99
9.26
63.71
37.81
17.52
132
1,062
6
8
ชนิดของเชื้อจุลินทรี ยใ์ นกองปุ๋ ยหมัก
• เชื้อรา แบททีเรี ย และแอคติโนมัยซีส
• เชื้อราจะเจริ ญได้ดีบริ เวณผิวนอกของกองปุ๋ ย ซึ่งมีอุหภูมิไม่เกิน 50
องศาเซลเซียส หากอุหภูมิมากกว่า 60 องศาจะไม่พบการเจริ ญของ
เชื้อรา
• แบททีเรี ยเจริ ญได้เมื่อมีความชื้นสูง ที่เหมาะสม อยูใ่ นช่วง 50-75
เปอร์เซ็นต์ pH ค่อนข้างเป็ นกลาง ถ้าต่าไปจะหยุดเจริ ญและอุณหภูมิ
สูงมักเจริ ญอยูภ่ ายในกอง
อัตราส่ วนสารประกอบคาร์บอนต่อไนโตรเจน(C/N RATIO)
• เป็ นค่าที่ใช้บ่งบอกความยากหรื อง่ายต่อการย่อยสลายและใช้เป็ น
ตัวกาหนดระดับการเป็ นปุ๋ ยหมักที่สมบูรณ์
– ค่าสู ง อัตราการย่อยสลายจะเกิดช้า
– อัตราเหมาะสม ประมาณ 10 ต่อ 1
– วัสดุที่มีอตั ราส่ วน C/N = 25 ต่อ 1 จะเหมาะสมต่อการทาปุ๋ ยหมัก หากไม่ได้
ควรเติม ไนโตรเจนเสริ มให้ไป
– หาก C/N ต่าเกินไป จะเกิดการสู ญเสี ยไนโตรเจนได้ง่าย ในรู ป แอมโมเนีย (
ammonia volatilization)
– อัตราส่ วนที่แนะนาควรอยูใ่ นช่วง C/N ในช่วง 20-40:1
– แบ่งชนิดวัสดุตามค่า C/N ที่พบทัว่ ไปเป็ น 2พวกคือ
• พวกย่อยสลายง่าย C/N ต่ากว่า 100:1
• พวกย่อยสลายยากมี C/N มากกว่า 100:1
หลักในการพิจารณาปุ๋ ยหมักที่เสร็ จสมบูรณ์แล้ว
– 1. สี ของวัสดุพืช น้ าตาล
ดา
– 2. ลักษณะของวัสดุเศษพืช
อ่อนนุ่ม ยุย่ ขาดออกจากกันง่าย ไม่แข็งกระด้าง
เหมือนวัสดุเริ่ มแรก
– 3. กลิ่นของวัสดุปุ๋ยหมักที่สมบูรณ์
จะไม่มีกลิ่นเหม็น หากมีแสดงว่าไม่สมบูรณ์
– 4. ความร้อนในกองปุ๋ ยจะ 2-3 วันโดย T สูง 50- 60 0 ซ.แล้วจะลดลงใกล้กบั Tภายนอก
– 5. ลักษณะพืชที่เจริ ญบนกองปุ๋ ยหมัก หากมีพืชขึ้นที่ผวิ ได้แสดงว่าใช้ได้แล้ว
– 6. การวิเคราะห์ทางเคมี พิจารณาความสมบูรณ์โดยเก็บตัวอย่างไปวิเคราะห์ทางเคมีดู
อัตราส่ วน C/N
คุณภาพและมาตรฐานที่ดีของปุ๋ ยหมัก
• ตามมาตรฐานของกรมพัฒนาที่ดินได้กาหนดคุณภาพและมาตรฐานไว้
ดังนี้
– 1. อัตราส่ วนสารประกอบคาร์ บอนต่อไนโตรเจน(C/N ratio)ไม่มากกว่า
20:1
– 2. เกรดปุ๋ ยไม่ควรต่ากว่า 0.5-0.5-1.0(เปอร์เซ็นต์ ของ N P2O5 K2O
ตามลาดับ
– 3. ความชื้นของปุ๋ ยหมักไม่ควรมากกว่า 35- 40 เปอร์เซ็นต์ (โดย
น้ าหนัก)
– 4. ปริ มาณอินทรี ยว์ ตั ถุประมาณ 25- 50 เปอร์เซ็นต์ (โดยน้ าหนัก)
– 5. ความเป็ นกรดเป็ นด่าง (pH) ประมาณ 6.0-7.5
่
การเตรี ยมดินกับค่าความสามารถในการแลกเปลี่ยน
ประจุ(C.E.C.)ของวัสดุปรับปรุ งดิน
•
Material
Relative
Cation-exchange capacity
Montmorillonite
Clay
Illite
Kaolinite
Silt
Sand
Vermiculite
Humus
Peatmoss
Redwood sawdust
10
3
1
½ or less
0
15
20
14
3
ความหนาแน่นและความ พรุ นรวมของดิน
(Density & Porosity of Soil)
• ความหนาแน่น = มวล / ปริ มาตร
– 1 .ความหนาแน่นรวม(Bulk Density) หมายถึงสัดส่ วนระหว่างมวลของดิน
ขณะที่ดินแห้งสนิทกับปริ มาตรทั้งหมด(ปริ มาตรของส่ วนประกอบทุกๆส่ วน
รวมกัน)
– 2. ความหนาแน่นของอนุภาค(Particle Density) หมายถึงสัดส่ วนระหว่างมวล
ของดินขณะที่ดินแห้งสนิทกับปริ มาตรของอนุภาคของดิน
– ** ปริ มาตรทั้งหมด =ปริ มาตรของสิ่ งที่เป็ นของแข็ง+ ปริ มาตรของสิ่ งที่
ไม่ใช่ของแข็ง
ความพรุนรวมทั้งหมด(Total Porossity)
ความพรุนรวมทั้งหมด =
ปริมาตรสว
่ นทีไ่ มใช
่ ่ ของแข็ง
ปริมาตรทังหมด
้
ความพรุนกับสั ดส่ วนของช่ อง(void ratio)ของดิน
สั ดส่ วนของช่ อง
=
ปริมาตรของสิ่ งทีไ่ ม่ ใช่ ของแข็ง
ปริมาตรของสิ่ งทีเ่ ป็ นของแข็งในดิน
ความพรุ นทั้งหมดและสัดส่ วนของช่องของดิน ผันแปรโดยตรงกับปริ มาณ
อินทรี ยว์ ตั ถุในดิน ส่ วนความหนาแน่นรวมของดินกับปริ มาณอินทรี ยว์ ตั ถุใน
ดินจึงเป็ นไปในทางกลับกัน
การใช้ดินทาการเพาะปลูกส่ งเสริ มการสู ญเสี ยอินทรี ยว์ ตั ถุไปจากดิน
ทาให้ความพรุ นทั้งหมด และสัดส่ วนของช่องของดินน้อยลง
ตลอดทั้งทาให้ความหนาแน่นรวมของดินมากขึ้น
ดินยิง่ ลึกความหนาแน่นรวมจะมากขึ้นและความพรุ นทั้งหมดกับ
สัดส่ วนของช่องจะน้อยลง
หน้าที่ของช่องที่ปรากฏในดิน
• 1. เป็ นที่เก็บน้ า แก๊ซชนิดต่างๆ ไอออนและสารเคมีต่างๆที่อยูใ่ น
สารละลายดิน
• 2. เป็ นทางผ่านของน้ าและแก๊ซชนิดต่างๆเมื่อน้ าและแก๊ซเคลื่อนที่
ภายในดิน
• (*** น้ า แก๊ซ และธาตุอาหารที่อยูใ่ นสภาวะละลาย)
• water -retaining pore หรื อ capillary pore = ?
• drainage pore หรื อ aeration pore = ?
แบบการเตรี ยมดินผสมชนิดต่างๆ
(Soil Mixtures)
• 1. Soil - Based Media
– John Innes Compost(1950)
• Seed Compost
• Potting Compost
– K.U. Soil Mixes
3.เครื่ องปลูกสาเร็ จในต่างประเทศ
Jiffy Mix
Choice mix
Ball Growing mix
4.ดินขุยไผ่, ดินลาดวน,ดินเกษตร
ของนายเด่น ดอกประดู่ อื่นๆ
• สาหรับไม้ดอกทัว่ ไป
• ไม้หวั และไม้ดอกที่ตอ้ งการความชื้นสูง และสู ตรอื่นๆ
• 2.Soiless Media
– U.C. Mixes : sand + peat moss
– Peat - lite, Cornell mixes(สูตร A, B และสูตรสาหรับ ไม้ใบ(Foliage plants)
และพวกรากอากาศ(Epiphytic mix)
วิธีการไถพรวน (Tillage Method)เพือ่ เตรียมแปลงปลูกพืช
คุณสมบัตดิ นิ
ฟ้าอากาศ
• การกัดกร่ อน
• อุณหภูมิ
• นา้ ฟ้า
•
•
•
•
•
•
•
•
•
•
เนือ้ ดิน
โครงสร้ างดิน
กษัยการ
ความลึกราก
ความลาดชันของพืน้ ที่
อินทรีย์วตั ถุ
แร่ ดนิ เหนียว
เหล็กและอลูมนิ ัม
ออกไซด์
ผิวหน้าดิน+
วัสดุคลุม
ลักษณะพืชปลูก
•
•
•
•
•
ทรงพุ่ม
ช่ วงอายุ
ระบบราก
การจัดการนา้
ชนิดพืชกับการ
อนุรักษ์ ดนิ
• การปลูกพืช
หมุนเวียน
• การอ่อนแอต่ อ
โรค-แมลง
ปัจจัยทาง
เศรษฐกิจ-สั งคม
•ขนาดฟาร์ ม
•โครงสร้ างพืน้ ฐาน
•ตลาด
•แรงงาน
•เทคโนโลยี
•ทรัพยากร
•ธรรมเนียมประเพณี
ความหนาแน่นดินรวม(Critical bulk density)วิกฤติ
ในการผลิตพืชบางชนิด(Lal ,1986b)
พืชปลูก
ข้ าวโพด
ข้ าวไร่
ข้ าวฟ่ าง
ถั่วลิสง
Cowpea
มันสาปะหลัง
ไนจีเรย
ความหนาแน่ น
ดินรวม(g/cm3)
1.38-1.43
1.40
1.40-1.50
1.48
1.38-1.44
1.35-1.50
ประเทศ
ไนจีเรีย
เซลนิกัล
บอทวานา
เซลนิกัล
ไนจีเรีย
ไนจีเรีย
ขั้นตอนในการเตรี ยมดิน
• ข้อพิจารณา
– ลักษณะของพื้นที่
– ชนิดพืชที่จะปลูก
– พืชปลูกมาก่อน
– ปริ มาณและชนิดวัชพืช
– ชนิดของดิน ความชื้นของดิน
– สภาพฟ้ าอากาศ
– เครื่ องมือ เครื่ องทุ่นแรงที่มี
– อื่นๆ
ลักษณะของพื้นที่ดินที่เหมาะสมต่อการปลูกพืชในเขตร้อนชื้น
(Humid Tropics)
ระดับความ
เหมาะสมของ
พืน้ ที่
1
2
ความชัน
สู งสุ ด
(องศา)
7
15
ความลึกชั้น
ดินขั้นต่า
(ม.ม.)
ไม่ ระบุ
1000
3
20
500
4
25
500
การจัดการเชิง
อนุรักษ์
ลักษณะการใช้ ที่ดนิ
0-2 0Contour
cultivation
Bench
terraces
พืชทุกชนิด
พืชคลุมดินและพืชกึง่
ยืนต้ น
ไม้ ยนื ต้ น + พืชคลุม
ดิน
Step terraces or
hillsede ditches
Step terraces or ไม้ ยนื ต้ น + พืชคลุม
hillsede ditches
ดิน
5
33
250
Orchard terraces ไม้ ยนื ต้ น+พืชคลุมดิน
or platforms
ห้ ามไถพรวน
6
มากกว่ า 33
None
ป่ าไม้ เท่ านั้น
หมายเหตุ: 1.เทียบเท่ ากับความชันที่ 12,27,36,42, และ 65 เปอร์ เซนต์
ชนิดพืชกับขั้นตอนการเตรี ยมดิน
• ชนิดพืช
– พืชสวน
•ระบบการปลูกในที่ลุ่ม
• ระบบการปลูกในท
• ไม้ผล(มะม่วง ฝรั่ง ชมพู)่
• ผัก(กินใบ กินผล กินดอก กินทั้งต้น แบ่งตามอายุ
•
ไมดอก(เมล็
ดเล็กมาก เมล็ดเล็ก เมล็ดใหญ่ )
้
– ระบบการปลูกในที่ลุ่ม
– ระบบการปลูกในที่ดอน
– พืชไร่ (ล้มลุก,พืชยืนต้น)
• พืชในที่ลุ่มมีน้ าท่วมขังเช่น ข้าว
• พืชในที่ดอน เช่น ข้าวโพด อ้อย
ดูวธิ ีการปลูกพืชในหนังสื อหน้ า 103 ประกอบ
การวางผังระบายน้ า
•แบบหลังเต่า
•แบบไร้รูปแบบ
•แบบก้างปลา
•แบบผสม
การปลูกพืชเพื่ออนุรักษ์ดิน
• 1.ระบบการปลูกพืชเดี่ยว(monocrop)
– 1.1 การทาทุ่งหญ้า
– 1.2 การปลูกพืชตระกูลถัว่ คลุมดิน
• การใช้ระบบการปลูกพืชมากกว่า 1 ชนิด(double/multiple crop)
– 2.1 การปลูกพืชหมุนเวียน(Crop rotation)
– 2.2 การปลูกพืชแซม(Intercroping) 2 ประเภท
• การปลูกพืชผสม(mixed intetcropping) ไม่มีระเบียบ
• การปลูกพืชแซมเป็ นแถว(row interctopping) มีระเบียบ
– 2.3 การปลูกพืชสลับป็ นแถบ(strip intercropping)
– 2.4 การปลกพืชเหลื่อมฤดู(Relay intercroping)
– 2.5 การปลูกพืชระหว่างแถวไม้ยนื ต้น (Alley cropping)
ความสาคัญของการจัดการผิวหน้าดิน
(Soil surface management)
• ทาให้ การซึมนา้ เพิม่ ขึน้
• ทาให้ รากเจริญหากินได้ ลกึ ขึน้
• ปรับปรุ งการจัดการนา้ โดยรวม
กลยุทธ์ในการทาให้น้ าซึ มได้มากขึ้น
กลยุทธ์ในการทาให้น้ าซึมได้มากขึ้น
(Strategies to enhance water infiltration)
การเพิ่มการซึ มน้ า
ส่ งเสริ ม
ความสามารถ
ในการซึ มน้ า
ลดการแตกระแหง
(Reduce crusting)
Mulch farming
Cover crops
เพิ่มเวลาในการซึ ม
เพิ่มจานวนขนาดช่อง
Strip cropping
Conservation tillage
Vertical mulching
Cropping sydtems
•Rough seedbed
•Ridgd tillage
•Tied ridges
•Terracing
Deep ploughing
ขั้นตอนและเครื่ องมือในการเตรี ยมดิน
• การไถครั้งแรก(Primary tillage)
– เรี ยกกันทัว่ ไปว่า ไถบุกเบิกและไถดะชนิดอุปกรณ์เครื่ องมือที่ใช้ได้แก่
ไถหัวหมู(Moldboard plough) ไถจาน หรื อไถกระทะ(Disk plough)และ
อุปกรณ์ประเภท Tinesเช่น ไถดินดาน(Subsoiler) ไถสิ่ ว(Chisel Plough)
เป็ นต้น
• การไถครั้งที่สอง(Secondary tillage)
– เรี ยกกันทัว่ ไปว่า ไถแปร ไถพรวน ชนิดอุปกรณ์เครื่ องมือที่ใช้ได้แก่จาน
พรวน(disk harrow), ไถพรวนจาน(disk tiller), พรวนจอบหมุน(rotary
cultivator) และไถพรวนเหล็กแหลม (tooth harrow )
ลักษณะและวิธีการใช้เครื่ องมือในการเตรี ยมดิน
• เครื่ องมือในการเตรี ยมดินครั้งที่ 1
– ไถหัวหมู
• ข้อดีคือพลิกดินคลุกเคล้าได้ดี และไถดินได้ลึกมากถึง 60-100 เซนติเมตร
• ข้อเสี ย เหมาะกับดินที่ไม่มีกอ้ นหิน รากไม้ หรื อเศษไม้อยูใ่ นดินเพราะหากเจอราก
ไม้ ตอไม้เข้า ส่ วนข้อต่อ จุดเชื่อมของหัวไถจะหักได้ง่ายเมื่อเจอแนวประทะ
– ไถจาน
• สามารถติดจานได้มากถึง 7 จาน ขึ้นอยูก่ บั ความลึกของการไถ จานน้อยจะไถดิน
ได้ลึกมากกว่า จานมาก สาหรับการไถครั้งที่ 1 มักต้องการไถพลิกดินให้ลึก จึง
ติดจานไถไว้ไม่เกิน 3-4 จาน
• ไถดินได้ต้ืนกว่าไถหัวหมูแต่มีขอ้ ดีคือไถดินแข็ง เหนียวมากได้ดี แปลงเปิ ดใหม่ที่มี
รากไม้ ตอไม้มากใช้ไถหัวหมูไม่ได้ ไถจานจะช่วยพลิก ตัดราก ตอไม้ได้ดี
เครื่ องมือในการเตรี ยมดินครั้งที่ 2
•
•
•
•
•
เป็ นการย่อยดินที่ถูกพลิกในการไถครั้งแรกให้แตกออกจากกัน
ทาให้ดินร่ วนละเอียดเพียงพอเหมาะสมกับขนาดเมล็ด
สับเศษพืชหรื อหญ้า
กาจัดวัชพืช
ทาให้แปลงปลูกเรี ยบ สม่าเสมอมีผลต่อการระบายน้ าผิวหน้าดิน
แนวคิดวิธีไถพรวน(Concept of tillage)
• ไถพรวนมาตรฐาน(Conventional tillage (CT)หรื อ Plough - till)
– ไถดะ+ไถแปร+คราด หรื อ พรวนให้ละเอียดอีกครั้ง
• ไถพรวนเชิงอนุรักษ์(Conservation tillage)
เป็ นวิธีการไถเพื่อลดความสู ญเสี ยของดินและน้ าอันเนื่องมาจากการไถตาม
แบบวิธีมาตรฐาน
ข้ อควรปฎิบัต:ิ
1. อย่ าไถพรวนเกินความจาเป็ น
– ไม่ไถพรวน(No tillage)
2. ไถพรวนเมื่อดินมีความชื้นพอเหมา
– ไถน้อยครั้งที่สุด(Minimum tillage)
3. ใช้ สารเคมีกาจัดวัชพืชตามที่จาเป็ น
4. ไถพรวนด้ วยความลึกที่แตกต่ างกัน
– ไถไม่กลบเศษพืช(Mulch tillage หรื อ Stubble tillage)
สรุ ปวัตถุประสงค์ของการเตรี ยมแปลงปลูกพืช
วัตถุประสงค์
ระยะสั้น
ระยะยาว
ปฎิบตั ิการทางดินเพื่อหวังผลด้าน
เพื่อสงวนและรักษา
อากาศในดิน
ความชื้นดิน
อุณหภูมิดิน
เร่ งปฎิกริ ยาเคมีดิน
กาจัดวัชพืช
โรคแมลงศัตรู พืช
สิ่ งมีชีวติ ในดิน
โครงสร้างดิน
อินทรี ยว์ ตั ถุ
สุ มดุลย์นิเวศในดิน
แบบการเตรี ยมดินผสมชนิดต่างๆ
(Soil Mixtures)
• 1. Soil - Based Media
– John Innes Compost(1950)
• Seed Compost
• Potting Compost
– K.U. Soil Mixes
3.เครื่ องปลูกสาเร็ จในต่างประเทศ
Jiffy Mix
Choice mix
Ball Growing mix
4.ดินขุยไผ่, ดินลาดวน,ดินเกษตร
ของนายเด่น ดอกประดู่ อื่นๆ
• สาหรับไม้ดอกทัว่ ไป
• ไม้หวั และไม้ดอกที่ตอ้ งการความชื้นสูง และสู ตรอื่นๆ
• 2.Soiless Media
– U.C. Mixes : sand + peat moss
– Peat - lite, Cornell mixes(สูตร A, B และสูตรสาหรับ ไม้ใบ(Foliage plants)
และพวกรากอากาศ(Epiphytic mix)
วัสดุปรุงดินชนิดอินทรีย์ทยี่ ่ อยสลายง่ าย
ชนิดวัสดุ
ฟางข้ าว
ผักตบชวา
หญ้ าขน
ต้ นข้ าวโพด
N%
P2O5%
K2O%
C%
0.55
1.27
1.38
0.53
0.99
0.71
0.34
0.15
2.39
4.84
3.69
2.21
48.82
43.56
48.66
33.00
C/N
Ratio
89
34
35
62
0.60
0.59
1.48
0.22
0.19
0.48
0.67
0.77
1.01
48.85
31.52
54.49
81
53
37
1.79
1.12
0.82
0.85
0.48
-
5.46
2.64
-
46.80
53.84
49.95
26
48
61
2.30
0.93
0.73
0.83
0.54
0.14
0.19
2.94
6.22
2.15
53.49
65.05
58.36
50.63
42
70
75
61
1.07
0.37
2.92
49.07
55.29
มันสาปะหลัง
เปลือก(เปี ยก)
เปลือก(แห้ ง)
เหง้ า
สับปะรด
เปลือก(โรงงาน)
ใบ(สด)
เศษ(สด)
ส่ วนของเปลือก
ถั่วคาโลโปโกเนียม
เมล็ดกาแฟ
ถั่วลิสง
ทุเรี ยน
เฉลี่ย
วัสดุปรุงดินชนิดอินทรีย์ทยี่ ่ อยสลายตัวยาก
ชนิดวัสดุ
ขี ้เลื่อย
ไม้ เบญจพรรณ
ไม้ ยางเก่ า
ไม้ ยางใหม่
อ้ อย
ใบอ้ อย
กากอ้ อย
อื่นๆ
ขุยมะพร้ าว
แกลบ
ต้ นปอกระเจา(โรงงาน)
เปลือกเมล็ดปาล์ ม
ถ่ านแกลบ
ขี ้กบ
กากเป๊ปซี่
ปุ๋ยเทศบาล 901
N%
P2O5%
K2O%
C%
C/N
Ratio
0.32
0.25
0.19
0.49
0.40
0.16
0.15
0.36
0.21
0.15
2.45
0.53
0.40
0.58
0.44
62.70
56.37
58.41
51.52
57.69
196
225
307
105
146
0.36
0.36
0.45
0.52
0.05
0.09
0.03
2.94
61.08
0.03
60.13
54.72
51.83
60.95
167
152
115
117
0.07
0.06
5.94
0.95
0.19
0.12
3.08
1.05
0.13
0.05
0.88
0.99
9.26
63.71
37.81
17.52
132
1,062
6
8