แนวทางปฏิบัติหลังการสัมผัสเลือด

Download Report

Transcript แนวทางปฏิบัติหลังการสัมผัสเลือด

ข้อแนะนำสำหร ับสถำนพยำบำล
ั ัสเลือด/ของเหลวจำกร่ำงกำย
ในกำรป้องก ันผูส
้ มผ
ื้ ในโรงพยำบำล
งำนป้องก ันและควบคุมกำรติดเชอ
วนิดำ พงษ์ธ ัญญะวิรย
ิ ำ
ี ชำนำญกำร
พยำบำลวิชำชพ
เพือ
่
• เป็นข้อแนะนำทำงวิชำกำรทีเ่ กีย
่ วข้องก ับ
ั ัส
ื้ หล ังสมผ
กำรให้กำรป้องก ันกำรติดเชอ
เลือด หรือของเหลวจำกร่ำงกำย กรณี
บุคลำกรเกิดอุบ ัติเหตุขณะปฏิบ ัติหน้ำที่
ี่ ง
• เป็นมำตรกำรสำค ัญในกำรลดโอกำสเสย
ั ัสฯ
ื้ จำกกำรสมผ
ต่อกำรติดเชอ
• รวมถึงระบบกำรรำยงำนอุบ ัติเหตุจำกกำร
ปฏิบ ัติงำน
1
้ื HIV
ี่ งต่อกำรติดเชอ
กำรประเมินโอกำสเสย
ั ัส
ของบุคลำกรผูส
้ มผ
ั ัส
เลือดหรือของเหลวของต้นตอแหล่งสมผ
ั ัส
1.1กำรประเมินต้นตอแหล่งสมผ
( source assessment )
ั ัส : ประเมินผู ้เป็ นต ้นตอแหล่ง
• กรณีรต
ู้ น
้ ตอแหล่งสมผ
ั ผัสว่าติดเชอ
ื้ HIVหรือไม่โดยดูจากผลเลือด(antiสม
HIV)ของผู ้เป็ นต ้นตอ
ื้ HIV ให ้ดูระยะของโรค
กรณีทราบผลว่าเป็ นผู ้ป่ วยติดเชอ
้
ประวัตก
ิ ารรักษา ประวัตก
ิ ารใชยาต
้านไวรัส การตรวจระดับ
เม็ดเลือดขาว(CD4)การตรวจหาปริมาณไวรัสในเลือด
ื้ ดือ
ื้
(Viral load) การตรวจเชอ
้ ยา และการตรวจยีนสเ์ ชอ
HIV ดือ
้ ยา
ื้
ถ ้าสามารถหาผลดังกล่าวได ้ ให ้แบ่งกลุม
่ ผู ้ติดเชอ
HIV ออกเป็ น 2 กลุม
่ คือ
ื้ HIV แต่
(1) HIV Positive Class l : มีการติดเชอ
ื้ หรือมี
อยูใ่ นระยะทีไ่ ม่มอ
ี าการของการติดเชอ
ปริมาณไวรัสในกระแสเลือด< 1500 copies/ml
ื้ HIV อยูใ่ น
(2) HIV Positive Class l : มีการติดเชอ
ื้ เฉียบพลัน(acute
ระยะทีม
่ อ
ี าการของการติดเชอ
seroconversion) หรือมีปริมาณไวรัสในกระแส
เลือดสูง
Note
ั ัส ยินยอมให้ตรวจ
กรณีผเู ้ ป็นต้นตอแหล่งสมผ
เลือด : ต ัวอย่ำงเลือดเป็นลบ แต่ประเมิน
ี่ งพบว่ำเสย
ี่ งต่อกำรติดเชอ
ื้ HIV
พฤติกรรมเสย
ื้ HIV (อำจ
มำก ให้ถอ
ื ว่ำผูเ้ ป็นต้นตออำจติดเชอ
่ ง window period)
อยูใ่ นชว
ั ัสไม่ยน
กรณีผเู ้ ป็นต้นตอแหล่งสมผ
ิ ยอมให้ตรวจ
ื้ HIV
เลือด : ให้ปฏิบ ัติเสมือนผูเ้ ป็นต้นตอติดเชอ
ื้ ไวร ัสต ับอ ักเสบบี
ควรมีกำรประเมินกำรติดเชอ
(HBsAg) และไวร ัสต ับอ ักเสบซ ี (anti-HCV)ไป
พร้อมก ันด้วย โดยกำรตรวจด้วยวิธเี ร่งด่วน และ
ตรวจซำ้ ด้วยวิธม
ี ำตรฐำนต่อไป
ั ัส :
• กรณีทไี่ ม่รต
ู้ น
้ ตอแหล่งสมผ
ให้ถือว่าเลือดและของเหลว
ติดเชื้อ HIV
ั ัส
1.2 กำรประเมินบุคลำกรผูส
้ มผ
ั ัส ชนิดของบำดแผล
จำกล ักษณะของกำรสมผ
ั ัส
และปริมำณของเลือดหรือของเหลวจำกร่ำงกำยทีส
่ มผ
้ื HIV / ไวร ัสต ับอ ักเสบบี /
(1) กำรประเมินภำวะติดเชอ
ั ัส
ไวร ัสต ับอ ักเสบซ ี ของบุคลำกรผูส
้ มผ
ั
กำรซกประว
ัติ
ตรวจหำ anti-HIV, HBsAg, anti-HCV
หำกบุคลำกรปฏิเสธกำรตรวจเลือด ให้พจ
ิ ำรณำ
ตำมควำมเหมำะสม
ั ัส
(2) ประเมินจำกล ักษณะกำรสมผ
ั้ วหน ัง(percutaneous injury)
บำดแผลทะลุชนผิ
บำดแผลทีร่ น
ุ แรง(More severe) :
- เข็มกลวงขนำดใหญ่ตำลึก
- มีเลือดติดทีบ
่ ริเวณเข็มหรือเครือ
่ งมือ
้ ำห ัตถกำรเกีย
้ เลือดผูต
ื้
- เข็มใชท
่ วก ับเสน
้ ด
ิ เชอ
บำดแผลทีไ่ ม่รน
ุ แรง(less severe) :
- เข็มทิม
่ ตำเพียงผิวเผิน
- บำดเจ็บเพียงเล็กน้อย
ั ัสโดนเยือ
กำรสมผ
่ บุ (mucous membrane)หรือ
ผิวหน ังทีเ่ ป็นแผล(non-intact skin): กำรประเมิน
ั
ั ัสเป็น
อำศยปริ
มำณของเลือด หรือของเหลวทีส
่ มผ
เกณฑ์
ปริมำณน้อย(small volume)
ั ัสหยดเลือด
- สมผ
ั ัสของเหลวเพียงเล็กน้อย
- สมผ
ปริมำณมำก(large volume)
ื้ กระเด็น
- หยดเลือดหรือของเหลวทีอ
่ ำจมีเชอ
โดนบริเวณเยือ
่ บุผวิ หน ัง หรือ mucous
membrane เป็นจำนวนมำก
2
แนวทำงกำรปฏิบ ัติ
ั ัสเลือด/ของเหลวจำกร่ำงกำย
หล ังกำรสมผ
ั ัส
ต้นตอแหล่งสมผ
3
้ งต้น
กำรตรวจทำงห้องปฏิบ ัติกำรเบือ
3.1 ผลกำรตรวจทำงนำ้ เหลืองวิทยำ(serology): ถ้ำไม่
ื้ หรือไม่ ให้สง
่ เลือดผูป
ทรำบว่ำผูป
้ ่ วยติดเชอ
้ ่ วยตรวจหำ
- anti-HIV
- HBsAg
- anti-HCV
3.2 ถ้ำผูป
้ ่ วยทีเ่ ป็นต้นตอมี anti-HIV เป็นบวก : ให้เจำะ
เลือดบุคลำกรเพือ
่ ตรวจหำ anti-HIV ท ันทีหรือภำยใน
24 ชม.หล ังได้ร ับอุบ ัติเหตุ
3.3 ผูป
้ ่ วยทีเ่ ป็นต้นตอมี HBsAg เป็นบวก : ให้บค
ุ ลำกร
ตรวจ anti-HBs ท ันทีหรือภำยใน 24 ชม.บุคลำกรทีไ่ ม่
ี หรือได้ร ับแต่ไม่มภ
เคยได้ร ับว ัคซน
ี ม
ู ค
ิ ม
ุ ้ ก ันหรือไม่ทรำบ
ี และ/หรือ
มีภม
ู ค
ิ ม
ุ ้ ก ันเพียงพอหรือไม่ พิจำรณำให้ว ัคซน
hapatitis B immunoglobulin(HBIG)ต่อไป
้ ไป)
(ภูมค
ิ ม
ุ ้ ก ันทีเ่ พียงพอมีคำ
่ ตงแต่
ั้
10 mIU/mlขึน
3.4 ผูป
้ ่ วยทีเ่ ป็นต้นตอมี anti-HCV เป็นบวก : ให้
บุคลำกรตรวจหำ anti-HCV และ Alanine
Aminotransferase(ALT) ท ันทีหรือภำยใน
24 ชม.
ั ัสเป็น
3.5 กรณีไม่ทรำบว่ำผูท
้ เี่ ป็นต้นตอแหล่งสมผ
ใคร หรือไม่สำมำรถเจำะเลือดผูป
้ ่ วยได้ : ให้เจำะ
เลือดบุคลำกรตำมข้อ 3.2, 3.3 และ 3.4
3
ข้อแนะนำกำรให้ยำต้ำนไวร ัส
ั ัส
ื้ HIV หล ังกำรสมผ
สำหร ับกำรป้องก ันกำรติดเชอ
ในบุคลำกร
Note
ื้ HIV จำก
กำรเลือกยำต้ำนไวร ัสในกำรป้องก ันกำรติดเชอ
ั ำผูเ้ ป็นต้นตออำจ
อุบ ัติเหตุในขณะปฏิบ ัติงำน กรณีสงสยว่
ื้ ดือ
ิ ใจเลือกสูตรยำ ไม่
้ ยำ และหำกขณะต ัดสน
มีปญ
ั หำเชอ
ื้ ดือ
้ ยำของผูป
มีผลกำรตรวจเชอ
้ ่ วยประกอบกำรพิจำรณำ
อย่ำงท ันท่วงที แพทย์ผใู ้ ห้กำรดูแลอำจพิจำรณำใช ้
้
ข้อมูลทำงคลินก
ิ ของผูป
้ ่ วย และควำมรูเ้ รือ
่ งแบบแผนดือ
ื้ HIV ประกอบกำรพิจำรณำเลือกสูตรยำ(เชน
่
ยำของเชอ
ื้ HIV, กำรตรวจหำปริมำณไวร ัสว่ำ
ระยะเวลำกำรติดเชอ
้ หรือมีระด ับ CD4 ลดตำ
เพิม
่ ขึน
่ หรือไม่)
้ ำต้ำนไวร ัส จึงควรเลือกใชเ้ สมือนกำร
กำรเลือกใชย
ื้ ดือ
้ ยำ ทงนี
้ วรมีกำร
ร ักษำผูป
้ ่ วยทีม
่ ป
ี ญ
ั หำเชอ
ั้ ค
ื้ ดือ
้ ยำในผูป
ตรวจหำกำรติดเชอ
้ ่ วย ร่วมก ับปรึกษำ
ี่ วชำญเพือ
ผูเ้ ชย
่ ให้กำรดำเนินกำรป้องก ันฯเป็นไป
ิ ธิภำพ
อย่ำงมีประสท
ระบบกำรรำยงำน
ั ัส
ื้ จำกกำรสมผ
กำรป้องก ันกำรติดเชอ
เพือ
่ ?
่ ย
กำรจ ัดให้มก
ี ำรบ ันทึก และกำรรำยงำนข้อมูล จะชว
ให้แพทย์สำมำรถให้คำแนะนำ และพิจำรณำให้กำร
้ื
ี่ งต่อกำรติดเชอ
ดูแลทีเ่ หมำะสมเพือ
่ ลดโอกำสเสย
้ ำหร ับกำรพิจำรณำกำรชว
่ ยเหลือหรือ
เป็นข้อมูลทีใ่ ชส
ั ัส
ี่ งต่อกำรติดเชอ
ื้ จำกกำรสมผ
ชดเชยให้แก่ผท
ู ้ เี่ สย
มีประโยชน์ตอ
่ กำรนำไปวิเครำะห์เชงิ กำรบริหำรระบบ
ในภำพรวมทงของสถำนพยำบำลและหน่
ั้
วยงำนที่
เกีย
่ วข้อง เพือ
่ กำรพ ัฒนำระบบเฝ้ำระว ังอุบ ัติกำรณ์
้ื จำกกำรสมผ
ั ัสและดูแลร ักษำบุคลำกรหล ัง
กำรติดเชอ
ได้ร ับอุบ ัติเหตุ
ใชใ้ นกำรจ ัดสรรทร ัพยำกร
สงิ่ ทีค
่ วรมีในกำรรำยงำนสำหร ับ
ั ัสเลือด หรือของเหลวจำกร่ำงกำย
บุคลำกรผูส
้ มผ
1.
2.
3.
4.
5.
6.
ั ัสถูกเลือด หรือของเหลว
ว ัน เวลำ และสถำนทีท
่ ส
ี่ มผ
่ สำเหตุกำรเกิด
รำยละเอียดกำรเกิดอุบ ัติเหตุ เชน
ั ัสถูกเลือด หรือของเหลว เชน
่
รำยละเอียดกำรสมผ
ั ัส, ล ักษณะของกำรสมผ
ั ัส(ทะลุผำ
ประเภทของสงิ่ สมผ
่ น
ผิวหน ังหรือถูกเยือ
่ บุ), ปริมำณเลือดหรือของเหลว
ั ัส เชน
่ สถำนกำรณ์ตด
ื้
รำยละเอียดต้นตอแหล่งสมผ
ิ เชอ
HIV, HBV หรือ HCV
ั ัสเลือดหรือของเหลว
รำยละเอียดของบุคลำกรทีส
่ มผ
่ สถำนกำรณ์มภ
เชน
ี ม
ู ค
ิ ม
ุ ้ ก ัน HBV
ั ัส
รำยละเอียดกำรให้คำแนะนำปรึกษำแก่บค
ุ ลำกรทีส
่ มผ
เลือด หรือของเหลว
ต ัวอย่ำงแบบบ ันทึก/รำยงำนสำหร ับบุคลำกร
กรณีเกิดอุบ ัติเหตุถก
ู เข็ม ของมีคมทิม
่ ตำ/บำด
ั ัสเลือด/ของเหลวของผูป
หรือสมผ
้ ่ วยขณะปฏิบ ัติหน้ำที่
ึ ษำ
กรณีศก
ั ัสเชอ
ื้ ไวร ัสต ับอ ักเสบบี ไวร ัสต ับอ ักเสบซ ี และHIV
กำรสมผ
ขณะปฏิบ ัติงำน
ึ ษำที่ 1
กรณีศก
ิ แพทย์ ก ชว
่ ยแพทย์ประจำบ้ำนกูช
นิสต
้ วี ต
ิ
่ อ
่ ยหำยใจ
ผูป
้ ่ วยทีห
่ อ
้ งฉุกเฉิน ขณะใสท
่ ชว
เสมหะปนเลือดของผูป
้ ่ วยกระเด็นถูกมือ
และแขนขวำ ซงึ่ ไม่มแ
ี ผลหรือรอยถลอก
ั ัส
ิ แพทย์ ก รีบล้ำงบริเวณทีส
ใดๆ นิสต
่ มผ
ด้วยนำ้ และสบูท
่ ันที
แหล่งสัมผัส
์ น
ผู ้ป่ วยเอดสก
ิ ยา GPO-VIR Z 250 มาแล ้วประมาณ 2 ปี และ
ื้ HBV ร่วมด ้วย ไม่ทราบข ้อมูลระดับ CD4 และปริมาณ
ติดเชอ
HIV RNA ในพลาสม่า
บ ุคลากรผู้
สัมผัส
ิ แพทย์ ก ไม่มโี รคประจาตัว เคยได ้รับวัคซน
ี ป้ องกัน
นิสต
HBV ครบ 3 เข็ม ผลการตรวจ anti-HBs ให ้ผลบวก ผลการ
ั ผัสให ้ผลลบ
ตรวจ anti-HIV และ anti-HCV หลังสม
ั ัส
แนวทำงกำรปฏิบ ัติในกำรป้องก ันหล ังสมผ
ี่ งต่อกำรติดเชอ
ื้
1. กำรประเมินควำมเสย
ั ัส : เป็ นการสม
ั ผัสผิวหนังปกติ
ล ักษณะกำรสมผ
ั ัส : เสมหะปนเลือด สามารถแพร่เชอ
ื้
ชนิดของสงิ่ สมผ
HBV, HCV และ HIV ได ้
ั ัส : ผู ้ป่ วยติดเชอ
ื้ HIV ได ้รับยาต ้านรีโทรไวรัส
แหล่งสมผ
ื้ HBV ร่วมด ้วย
และ ติดเชอ
ั ัส : เคยได ้รับวัคซน
ี HBV
กำรประเมินบุคลำกรผูส
้ มผ
ครบ มีภม
ู ค
ิ ุ ้มกันตอบสนอง ตรวจร่างกายมือขวาและ
ี่ งต่อ
แขนขวาไม่มแ
ี ผลหรือรอยถลอก สรุปว่า ไม่มค
ี วามเสย
ื้ HIV และ HBV เนือ
ั ผัสครัง้ นีเ้ ป็ น
การติดเชอ
่ งจากการสม
ั ผัสผิวหนังปกติ
การสม
ั ัส
2. แนวทำงกำรป้องก ันหล ังกำรสมผ
ิ แพทย์ ก ไม่มข
ื้
นิสต
ี ้อบ่งชใี้ นการได ้รับการป้ องกันการติดเชอ
ั ผัส เนือ
ั ผัสผิวหนัง
HBV และ HIV หลังสม
่ งจากเป็ นการสม
ปกติ
ั ัส
3. กำรติดตำมบุคลำกรหล ังสมผ
ี่ งต่อการติดเชอ
ื้ แต่
ไม่ต ้องติดตาม เนือ
่ งจากไม่มค
ี วามเสย
ควรให ้คาปรึกษาแก่บค
ุ ลากร เพือ
่ ลดความวิตกกังวล และให ้
ั ผัสในอนาคต
คาแนะนาในการป้ องกันการสม
ึ ษำที่ 2
กรณีศก
ั
่ ยศลยแพทย์
พยำบำล ข. อำยุ 25 ปี ชว
ผำ่ ต ัด
่ งท้องจำกอุบ ัติเหตุ
ผูป
้ ่ วยเลือดออกในชอ
้ ับผูป
ขณะผ่ำต ัดถูกเข็มเย็บแผลทีใ่ ชก
้ ่ วยแล้ว
ตำทีน
่ วิ้ มือขวำ พยำบำล ข.รีบถอดถุงมือออก
ี้ อ
พบว่ำมีแผลถูกเข็มตำ มีเลือดออกทีน
่ วิ้ ชม
ื
ั ัส
ขวำ จึงรีบล้ำงมือท ันที และรำยงำนกำรสมผ
แก่ห ัวหน้ำห้องผ่ำต ัด
แหล่งสัมผัส
ื้ HIV โดยทราบมาประมาณ 1 ปี ระดับ CD4 เมือ
ผู ้ป่ วยติดเชอ
่
3 เดือนก่อน เท่ากับ 180 เซลล์/มล. ยังไม่ได ้เริม
่ ยา การตรวจ
HBsAg และ anti-HCV ให ้ผลลบ
บ ุคลากรผู้
สัมผัส
ี ป้ องกัน HBV
พยาบาล ข ไม่มโี รคประจาตัว เคยได ้รับวัคซน
ครบ 3 เข็ม ผลการตรวจ anti-HBs ให ้ผลบวก ผลการตรวจ
ั ผัสให ้ผลลบ
anti-HIV และ anti-HCV หลังสม
ั ัส
แนวทำงกำรปฏิบ ัติในกำรป้องก ันหล ังสมผ
1.
ี่ งต่อกำรติดเชอ
ื้
กำรประเมินควำมเสย
ั ัส : เป็ นการสม
ั ผัสผ่านผิวหนังโดยถูกเข็มตา ลึก
ล ักษณะกำรสมผ
ั ผัสได ้ทาความสะอาดบริเวณสม
ั ผัสทันที
ปานกลางผ่านถุงมือ หลังสม
ั ัส : สม
ั ผัสเลือดซงึ่ สามารถแพร่เชอ
ื้ HIV ได ้
ชนิดของสงิ่ สมผ
ั ผัสไม่มาก เนือ
ปริมาณเลือดทีส
่ ม
่ งจากเข็มทีต
่ าเป็ นเข็มตัน และตาผ่าน
ถุงมือจึงชว่ ยลดปริมาณเลือดลงได ้ประมาณ 50%
ั ัส : เป็ นผู ้ป่ วยเอดส(์ ระดับ CD4< 200) ยังไม่เคยได ้รับยา
แหล่งสมผ
ื้ ในเลือดน่าจะสูง แต่มโี อกาสน ้อยทีเ่ ชอ
ื้ จะดือ
ปริมาณเชอ
้ ยา แหล่ง
ั ผัสไม่ตด
ื้ HBV และ HCV
สม
ิ เชอ
ั ัส : เคยได ้รับวัคซน
ี HBV ครบ มีภม
บุคลำกรผูส
้ มผ
ู ค
ิ ุ ้มกันตอบสนอง
ื้ HBVและ HCV อยูก
ไม่มก
ี ารติดเชอ
่ อ
่ น สรุปได ้ว่า พยาบาล ข มีความ
ี่ งต่อการติดเชอ
ื้ HIV จากการสม
ั ผัสครัง้ นี้ โดยมีความเสย
ี่ งประมาณ
เสย
ร ้อยละ 0.3
ั ัส
2. แนวทำงกำรป้องก ันหล ังกำรสมผ
พยาบาล ข มีข ้อบ่งชใี้ นการได ้รับ HIV PEP เนือ
่ งจากการ
ั ผัสเกิดขึน
สม
้ ไม่เกิน 72 ชม. บุคลากรไม่เคยทราบมาก่อนว่า
ื้ HIV แหล่งสม
ั ผัสเป็ นผู ้ป่ วยเอดส ์ สงิ่ สม
ั ผัสเป็ นเลือด
ติดเชอ
ั ผัสผ่านผิวหนัง สูตรยาพิจารณาตามแนวทางปฏิบัต ิ
และสม
ั ัส
3. กำรติดตำมบุคลำกรหล ังสมผ
ั ผัสเพือ
ั ดาห์
ติดตามบุคลากรผู ้สม
่ ตรวจ anti-HIV ซ้าที่ 6 สป
ั ดาห์ และ 6 เดือนหลังการสม
ั ผัส
- 12 สป
ึ ษำที่ 3
กรณีศก
แพทย์ประจำบ้ำน ค อำยุ 30 ปี เจำะหล ัง
์ ละมีเยือ
ผูป
้ ่ วยเอดสแ
่ หุม
้ สมองอ ักเสบจำก
ื้ รำคริปโตคอคค ัส ขณะดึง Stylet ออก
เชอ
ั
่ งสมองและไขสนหล
ถูกของเหลวในชอ
ัง
กระเด็นเข้ำตำ แพทย์ประจำบ้ำน ค รีบไป
ล้ำงตำท ันทีและรำยงำนห ัวหน้ำแพทย์
ประจำบ้ำนทรำบ
แหล่งสัมผัส
ผู ้ป่ วยเอดสไ์ ด ้รับยาต ้านรีโทรไวรัส GPO-VIR S มาประมาณ 2
ปี มีประวัตก
ิ น
ิ ยาไม่สมา่ เสมอและหยุดยามาประมาณ 6 เดือน ไม่
ั ผัส
เคยตรวจ HBsAg และ anti-HCV การตรวจ HBsAgหลังสม
ั ผัสให ้ผลลบ
ให ้ผลบวก สว่ น anti-HCV หลังสม
บ ุคลากรผู้
สัมผัส
ี ป้ องกัน HBV ครบ 3
แพทย์ประจาบ ้าน ค มีประวัตไิ ด ้รับวัคซน
เข็ม แต่ไม่เคยตรวจ anti-HBs การตรวจ HBsAg, anti-HIV
ั ผัสให ้ผลลบ
และ anti-HCV หลังสม
ั ัส
แนวทำงกำรปฏิบ ัติในกำรป้องก ันหล ังสมผ
ี่ งต่อกำรติดเชอ
ื้
1. กำรประเมินควำมเสย
ั ัส : เป็ นการสม
ั ผัสเยือ
ล ักษณะกำรสมผ
่ บุ(ตา)
ั ัส : สม
ั ผัสของเหลวในชอ
่ งสมองและไข
ชนิดของสงิ่ สมผ
ั หลัง ซงึ่ สามารถแพร่เชอ
ื้ HIV และ HBVได ้ ปริมาณ
สน
ั ผัสไม่มาก
ของเหลวทีส
่ ม
ั ัส : เป็ นผู ้ป่ วยเอดส ์ ซงึ่ จากประวัตน
แหล่งสมผ
ิ ่าจะมี
ื้ ดือ
ปริมาณ HIV ในเลือดสูง และมีโอกาสสูงทีจ
่ ะเป็ นเชอ
้ ยา
เนือ
่ งจากผู ้ป่ วยเคยกินและหยุดยามานาน และผู ้ป่ วยติด
ื้ HBV แต่ไม่ตด
ื้ HCV
เชอ
ิ เชอ
ั ัส : เคยได ้รับวัคซน
ี HBV ครบ แต่ไม่
บุคลำกรผูส
้ มผ
ื้
ทราบว่ามีภม
ู ค
ิ ุ ้มกันตอบสนองหรือไม่ ไม่มก
ี ารติดเชอ
HBV,HCVและHIV อยูก
่ อ
่ น สรุปได ้ว่า แพทย์ ค มีความ
ี่ งต่อการติดเชอ
ื้ HBV จากการสม
ั ผัสเยือ
เสย
่ บุ ไม่ทราบ
ี่ งทีแ
ั ผัสทาง
อัตราเสย
่ น่นอน แต่คาดว่าน่าจะตา่ กว่าการสม
ี่ งต่อการติดเชอ
ื้ HIV
ผิวหนัง จากถูกเข็มตา และมีความเสย
ี่ ง 0.09%
โดยมีอต
ั ราเสย
ั ัส
2. แนวทำงกำรป้องก ันหล ังกำรสมผ
ี ครบแต่ไม่ทราบว่า
แพทย์ประจาบ ้าน ค อยูใ่ นกลุม
่ ได ้รับวัคซน
ั ผัสพบว่าระดับของ
มีภม
ู ค
ิ ุ ้มกันหรือไม่ การตรวจหลังการสม
ั ผัสมีการติดเชอ
ื้ HBV จึง
anti-HBs ในเลือดไม่พอแต่แหล่งสม
ี ป้ องกัน HBV
แนะนาให ้อิมมูโนโกลบูลน
ิ 1 ครัง้ และให ้วัคซน
ซ้า 1 ครัง้ ทันทีและตรวจหา anti-HBs ซ้าอย่างน ้อย4-6เดือน
ื้ HIVมีข ้อบ่งชใี้ นการได ้รับ HIV PEPเนือ
กรณีเชอ
่ งจากการ
ั ผัสเกิดไม่เกิน 72 ชม. ไม่ทราบว่าติดเชอ
ื้ HIV,ผู ้ป่ วยเป็ น
สม
ั ผัสเป็ นเลือด, สม
ั ผัสบริเวณเยือ
เอดส,์ สงิ่ สม
่ บุ สูตรยาให ้
พิจารณาตามแนวทางการปฏิบต
ั ิ
ั ัส
3. กำรติดตำมบุคลำกรหล ังสมผ
ั ผัสเพือ
ติดตามบุคลากรผู ้สม
่
ั ดาห์ - 12 สป
ั ดาห์ และ 6 เดือน
- ตรวจ anti-HIV ซ้าที่ 6 สป
ั ผัส
หลังการสม
- ตรวจ HBsAg และ anti-HBc ทีร่ ะยะเวลา 3และ6 เดือนหลัง
ั ผัสร่วมกับตรวจanti-HBs ทีเ่ วลา4-6 เดือนหลังรับ Immune
สม
ึ ษำที่ 4
กรณีศก
่ ยพยำบำล D อำยุ 30ปี ถูกเข็มตำทะลุถง
ผูช
้ ว
ุ มือ
บริเวณนิว้ ห ัวแม่มอ
ื ซำ้ ย ขณะเก็บเข็มฉีดยำขนำด
่ ยพยำบำลรีบ
เบอร์ 20 ซงึ่ มีเลือดติดอยูไ่ ปทิง้ ผูช
้ ว
ถอดถุงมือออก พบมีรอยแผลถูกเข็มตำเป็นรูและ
ึ ออกจำกแผล จึงรีบล้ำงแผลด้วยสบูแ
มีเลือดซม
่ ละ
้ ำ้ ยำเบต้ำดีนทำควำมสะอำด
นำ้ ท ันที และใชน
ั ัสแก่ห ัวหน้ำหอผูป
รำยงำนกำรสมผ
้ ่ วยนอก และมำ
ั ัส
พบแพทย์ในเวลำประมำณ 30 นำทีหล ังกำรสมผ
แหล่งสัมผัส
ั ผัสได ้ เนือ
ไม่สามารถติดต่อแหล่งสม
่ งจากผู ้ป่ วยทีเ่ ป็ นแหล่ง
ั ผัสกลับไปแล ้ว จากประวัตใิ นเวชระเบียน พบว่าผู ้ป่ วยมี
สม
้
ประวัตก
ิ ารใชยาเสพติ
ดชนิดฉีดเข ้าหลอดเลือด ไม่มป
ี ระวัตก
ิ าร
เจาะเลือดตรวจ HBsAg, anti-HCV และ anti-HIV
บ ุคลากรผู้
สัมผัส
ี
ผู ้ชว่ ยพยาบาล D ปฏิเสธโรคประจาตัว 3ปี กอ
่ นเคยได ้รับวัคซน
ป้ องกัน HBV แต่ได ้เพียง 2 เข็ม ไม่เคยตรวจหา anti-HBs หลัง
ี สว่ นการตรวจHBsAg, anti-HCV และ anti-HIVหลัง
ได ้รับวัคซน
ั ผัสให ้ผลลบ ตรวจ UPT ให ้ผลลบ
สม
ั ัส
แนวทำงกำรปฏิบ ัติในกำรป้องก ันหล ังสมผ
ี่ งต่อกำรติดเชอ
ื้
1. กำรประเมินควำมเสย
ั ัส : เป็ นการสม
ั ผัสผ่านผิวหนัง เข็มตา
ล ักษณะกำรสมผ
ลึกปานกลาง ผ่านถุงมือ
ั ัส : สม
ั ผัสเลือดปริมาณมาก เนือ
ชนิดของสงิ่ สมผ
่ งจาก
ถูกเข็มกลวงขนาดใหญ่ และเข็มมีเลือดติดอยู่
ั ัส : ไม่ทราบสถานการณ์ตด
ื้ ของแหล่ง
แหล่งสมผ
ิ เชอ
ั ผัส แต่จากประวัตเิ วชระเบียนมีประวัตใิ ชยาเสพติ
้
สม
ดชนิด
ฉีดเข ้าหลอดเลือด จากข ้อมูลการสารวจพบว่าอัตราความ
ื้ HBV มีประมาณ 20%, HCV มีประมาณ
ชุกของการติดเชอ
ั ผัส
90% และ HIV มีประมาณ 40% ผู ้ป่ วยทีเ่ ป็ นแหล่งสม
ื้ ดังกล่าว ดังนัน
จึงมีโอกาสติดเชอ
้ ผู ้ชว่ ยพยาบาลจึงมี
ื้ ทัง้ 3 ชนิด ถ ้าเป็ นไปได ้ควรติดตาม
โอกาสสูงทีจ
่ ะติดเชอ
ั ผัสให ้กลับมารับการตรวจเลือดเพือ
ผู ้ป่ วยทีเ่ ป็ นแหล่งสม
่
ื้ โดยเร็วทีส
ยืนยันการติดเชอ
่ ด
ุ
ั ัส : ผู ้ชว่ ยพยาบาล Dได ้รับวัคซน
ี HBV ไม่
บุคลำกรผูส
้ มผ
ื้ HBV, HCV
ครบ และไม่มภ
ี ม
ู ค
ิ ุ ้มกัน บุคลากรไม่มก
ี ารติดเชอ
และ HIV อยูก
่ อ
่ น จากการประเมินสรุปว่า ผู ้ชว่ ยพยาบาล D
ี่ งต่อการติดเชอ
ื้ HBV, HCV และ HIV
มีความเสย
ั ัส
2. แนวทำงกำรป้องก ันหล ังกำรสมผ
ี ไม่ครบ แหล่งสม
ั ผัสไม่ทราบว่า
ผู ้ชว่ ยพยาบาล D ได ้รับวัคซน
ื้ HBV หรือไม่ แต่มค
ี่ งต่อการติดเชอ
ื้ HBV จึง
ติดเชอ
ี วามเสย
ี ป้ องกัน HBV
แนะนาให ้อิมมูโนโกลบูลน
ิ 1 ครัง้ และให ้วัคซน
ี ครบ และหลังให ้Immune 4-6
จนครบ 3 เข็มหลังให ้วัคซน
ี และImmuneให ้เจาะเลือดหาHBsAg
เดือน แต่กอ
่ นให ้วัคซน
เป็ นพืน
้ ฐานไว ้ก่อน
ื้ HIVมีข ้อบ่งชใี้ นการได ้รับ HIV PEPเนือ
กรณีเชอ
่ งจากการ
ั ผัสเกิดไม่เกิน 72 ชม. ไม่ทราบว่าติดเชอ
ื้ HIV,แหล่งสม
ั ผัส
สม
ื้ หรือไม่,สม
ั ผัสเลือดผ่านผิวหนัง ก่อนให ้ยา
ไม่ทราบว่าติดเชอ
ให ้เจาะเลือดตรวจ anti-HIVเป็ นพืน
้ ฐานไว ้ก่อน สูตรยาให ้
พิจารณาตามแนวทางการปฏิบต
ั ิ
ั ัส
3. กำรติดตำมบุคลำกรหล ังสมผ
ั ผัสเพือ
ติดตามบุคลากรผู ้สม
่
ั ดาห์ - 12 สป
ั ดาห์ และ 6 เดือน
- ตรวจ anti-HIV ซ้าที่ 6 สป
ั ผัส
หลังการสม
- ตรวจ HBsAg และ anti-HBc ทีร่ ะยะเวลา 3และ6 เดือนหลัง
ั ผัสร่วมกับตรวจanti-HBs ภายในเวลา1-2 เดือน หลังได ้
สม
ี เข็มที่ 3และหลังได ้ Immune อย่างน ้อย 4-6 เดือน
วัคซน
ั ผัส ถ ้าทาไม่ได ้
- ตรวจ HCV RNA ทีร่ ะยะเวลา 4-6 เดือนหลังสม
ั ผัส ถ ้าให ้ผล
ให ้ตรวจ ALT และ anti-HCV ที่ 4-6 เดือนหลังสม
บวก ให ้ตรวจ HCV RNA ยืนยัน และถ ้า HCV RNA ให ้ผลบวก
ื้ HCV หลังสม
ั ผัส
แสดงว่าติดเชอ
ึ ษำที่ 5
กรณีศก
แม่บำ้ นประจำโรงพยำบำล เก็บถุงขยะจำก
หอผูป
้ ่ วย และถูกเข็มฉีดยำขนำดเบอร์ 23
่ ง
ในถุงขยะแทงทะลุฝ่ำมือขวำ ซงึ่ ไม่ได้ใสถ
ุ
มือ ทำให้มเี ลือดออก โดยแม่บำ้ นล้ำงมือ
ท ันที และรำยงำนพยำบำลห ัวหน้ำหอผูป
้ ่ วย
ทรำบ
แหล่งสัมผัส
ไม่ทราบ
บ ุคลากรผู้
สัมผัส
ี ป้ องกัน
แม่บ ้านประจาโรงพยาบาล ปกติแข็งแรงดี ไม่เคยฉีดวัคซน
ั ผัส
HBV สว่ นการตรวจHBsAg, anti-HCV และ anti-HIVหลังสม
ให ้ผลลบ
ั ัส
แนวทำงกำรปฏิบ ัติในกำรป้องก ันหล ังสมผ
ี่ งต่อกำรติดเชอ
ื้
1. กำรประเมินควำมเสย
ั ัส : เป็ นการสม
ั ผัสผ่านผิวหนังโดยถูก
ล ักษณะกำรสมผ
่ งุ มือ
เข็มตา ลึกปานกลาง ไม่ได ้ใสถ
ั ัส : ไม่ทราบชนิดของสงิ่ สม
ั ผัส
ชนิดของสงิ่ สมผ
ั ัส : ไม่ทราบแหล่งสม
ั ผัสทาให ้ไม่สามารถ
แหล่งสมผ
ประเมินได ้ ในทางปฏิบต
ั ใิ ห ้พิจารณาความชุกของการติด
ื้ ในผู ้ป่ วยทีม
เชอ
่ ารับการตรวจในสถานพยาบาล ณ
ชว่ งเวลานัน
้ ประกอบการพิจารณา
ั ัส : ไม่เคยได ้รับวัคซน
ี HBV ไม่มภ
บุคลำกรผูส
้ มผ
ี ม
ู ค
ิ ุ ้มกัน
ื้ HBVและ HCV อยูก
ไม่มก
ี ารติดเชอ
่ อ
่ น สรุปได ้ว่า บุคลากร
ี่ งต่อการติดเชอ
ื้ HBV,HCV และ HIV จาก
อาจมีความเสย
ั ผัสครัง้ นี้ แต่ไม่สามารถประเมินความเสย
ี่ งได ้
การสม
ั ัส
2. แนวทำงกำรป้องก ันหล ังกำรสมผ
ื้ HBV ควรให ้วัคซน
ี ป้ องกันไวรัสตับอักเสบบี 1
ในกรณีการติดเชอ
ื้ HIV เนือ
ชุดทันที สว่ นกรณีของการติดเชอ
่ งจากไม่ทราบแหล่ง
ั ผัส ให ้พิจารณาเป็ นกรณีๆไป โดยตัง้ อยูบ
สม
่ นพืน
้ ฐานของการ
ี่ งอย่างรอบคอบ
ประเมินความเสย
ั ัส
3. กำรติดตำมบุคลำกรหล ังสมผ
ั ผัส แม่บ ้านมีโอกาสติดเชอ
ื้ ทัง้ HBC,HCV
เนือ
่ งจากไม่ทราบแหล่งสม
และ HIV จึงควรติดตามบุคลากร โดย
ั ดาห์ - 12 สป
ั ดาห์ และ 6 เดือน หลังการ
- ตรวจ anti-HIV ซ้าที่ 6 สป
ั ผัส
สม
ั ผัส
- ตรวจ HBsAg และ anti-HBc ทีร่ ะยะเวลา 3และ6 เดือนหลังสม
ี เข็มที่ 3 หลังรับ
และตรวจanti-HBs ภายใน 1-2 เดือนหลังรับวัคซน
Immune อย่างน ้อย 4-6 เดือน
ั ดาห์หลังสม
ั ผัส ถ ้าไม่ได ้ให ้ตรวจ
- ตรวจ HCV RNA ทีเ่ วลา 4-6 สป
ั ผัส ถ ้า anti-HCVผลบวก ให ้
ALTและanti-HCVที่ 4-6 เดือนหลังสม
ื้ HCV
ตรวจHCV RNA ยืนยัน ถ ้าได ้ผลบวกแสดงว่า ติดเชอ
สรุปแนวทำงกำรปฏิบ ัติฯ
ระเบียบกระทรวงการคลัง
ื้ โรคเอดสอ
์ น
ว่าด ้วยการสงเคราะห์ผู ้ติดเชอ
ั เนือ
่ งมาจากการปฏิบต
ั ิ
หน ้าที่ พ.ศ. 2540 และวิธก
ี ารเบิกจ่าย
ระเบียบกระทรวงการคลัง
ื้ โรคเอดสอ
์ น
ว่าด ้วยการสงเคราะห์ผู ้ติดเชอ
ั เนือ
่ งมาจากการปฏิบต
ั ิ
หน ้าที่ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2550
ิ ธิไ์ ด้ร ับเงินสงเครำะห์
ผูม
้ ส
ี ท
์ ังต่อไปนีม
ื้ โรคเอดสด
ิ ธิไ์ ด้ร ับกำรสงเครำะห์
้ ส
ผูต
้ ด
ิ เชอ
ี ท
ื้ โรคเอดส ์ ซงึ่ เป็ นเจ ้าหน ้าทีห
ิ นักศก
ึ ษาซงึ่ ติด
(1) ผู ้ติดเชอ
่ รือนิสต
ื้ โรคเอดสอ
์ น
ิ ธิ
เชอ
ั เนือ
่ งมาจากการปฏิบต
ั ห
ิ น ้าที่ ให ้มีสท
ได ้รับเงินสงเคราะห์เป็ นจานวนไม่เกิน 1.5 ล ้านบาท
ื้ โรคเอดสจ
์ ากบุคคล
(2) คูส
่ มรสของบุคคลตาม(1)ซงึ่ ติดเชอ
ิ ธิได ้รับเงินสงเคราะห์เป็ นจานวนไม่เกิน 5
ดังกล่าว ให ้มีสท
แสนบาท
ื้ โรค
(3) บุตรโดยชอบด ้วยกฎหมายของบุคคลตาม(1)ซงึ่ ติดเชอ
์ ากบุคคลดังกล่าว ให ้มีสท
ิ ธิได ้รับเงินสงเคราะห์เป็ น
เอดสจ
จานวนไม่เกินคนละ 3 แสนบาท
์ ำมข้อ(1)เสย
ื้ โรคเอดสต
ี ชวี ต
กรณีผต
ู้ ด
ิ เชอ
ิ
ด้วยโรคเอดส ์
ิ ธิได้ร ับเงิน
้ ส
ให้ทำยำทของบุคคลด ังกล่ำวด ังต่อไปนีม
ี ท
สงเครำะห์เป็นจำนวนไม่เกิน 1 ล้ำนบำท
(1) บุตรโดยชอบด้วยกฎหมำย ซงึ่ เป็นผูอ
้ ป
ุ กำระหรือ
ผูอ
้ ยูใ่ นอุปกำระ
(2) คูส
่ มรส
(3) บิดำมำรดำ
่ นแบ่ง
กำรแบ่งสว
่ น
1. มีทงั้ (1)(2)และ(3)
แบ่งเป็น 4 สว
่ น
(1) บุตร :ได้ร ับ 2 สว
่ น
(2) คูส
่ มรส :ได้ร ับ 1 สว
่ น
(3) บิดำมำรดำ :ได้ร ับ 1 สว
่ น
2. มีทำยำท(1)และ(2)หรือ(3)
แบ่ง 3 สว
่ น
(1) บุตร : ได้ร ับ 2 สว
่ น
(2)หรือ(3) คูส
่ มรสหรือบิดำมำรดำ : ได้ร ับ 1 สว
3. ไม่ม(ี 1) แต่ม(ี 2)และ(3)
แบ่งเท่ำก ัน
4. มี(1)หรือ(2)หรือ(3)
ร ับเงินสงเครำะห์ทงหมด
ั้
ทำยำทลำด ับเดียวก ันร ับสว่ นแบ่งเท่ำก ัน
กำรจ่ำยเงินสงเครำะห์
ิ นักศก
ึ ษาผู ้ใดสงสย
ั ว่าติดเชอ
ื้ โรคเอดส ์
• เจ ้าหน ้าทีห
่ รือนิสต
จากการปฏิบต
ั ห
ิ น ้าที่
รายงานผู ้บังคับบัญชาหรืออาจารย์
ั
ผู ้ควบคุม ภายใน 24 ชม.นับแต่สงสย
ั ้ จนถึงหัวหน ้า
• ผู ้รับรายงานดังกล่าวรายงานตามลาดับชน
้
หน่วยบริการในทันทีหรืออย่างชาภายใน
24 ชม.นับแต่
ั ว่าตนติดเชอ
ื้ โรคเอดส ์
ได ้รับรายงานจากผู ้ซงึ่ สงสย
• หัวหน ้าหน่วยบริการหรือหรือผู ้ได ้รับมอบหมายจากหัวหน ้า
ั ว่าตนติดเชอ
ื้
หน่วยบริการจัดให ้มีการตรวจเลือดผู ้ทีส
่ งสย
้
โรคเอดสใ์ นทันทีหรืออย่างชาภายใน
72 ชม.นับแต่วน
ั
ได ้รับรายงาน
หมายเหตุ : มีรายละเอียดเพิม
่ เติมอีก