chapter6 - UTCC e

Download Report

Transcript chapter6 - UTCC e

บทที่ 6
ต ้นทุนการผลิต (Cost of Production)
 แนวความคิดเกีย
่ วกับต ้นทุนการผลิต
 ต ้นทุนการผลิตกับระยะเวลาในการผลิต
ั้
 ต ้นทุนการผลิตในระยะสน
 ต ้นทุนการผลิตในระยะยาว
1
6.1 แนวความคิดเกีย
่ วกับต ้นทุนการผลิต
ิ ค ้าหรือบริการ รวมทัง้
ต ้นทุน หมายถึง มูลค่าของปั จจัยการผลิตทีน
่ ามาผลิตเป็ นสน
ิ ค ้าหรือบริการโดยตรง แต่ชว่ ยให ้
ต ้นทุนหรือค่าใชจ่้ ายอืน
่ ทีไ่ ม่เกีย
่ วกับการผลิตสน
ิ ค ้าหรือบริการเป็ นไปได ้อย่างราบรืน
่ ต ้นทุนหรือค่าใชจ่้ าย
การจัดจาหน่ายสน
่ เชน
ด ้านการบริหาร ต ้นทุนหรือค่าใชจ่้ ายด ้านการขาย ต ้นทุนทีก
่ ล่าวถึงนีเ้ ป็ นค่าใชจ่้ าย
ของหน่วยผลิต
ต ้นทุนแบ่งตามลักษณะการใชจ่้ าย
ต ้นทุนจ่ายจริง (Explicit Cost) เป็ นค่าใชจ่้ ายเป็ นตัวเงิน ทีจ
่ า่ ยให ้กับเจ ้าของ
่ ค่าแรงงาน ค่าเชา่ อาคาร ต ้นทุนเหล่านีส
ปั จจัยการผลิต เชน
้ ามารถบันทึกบัญช ี
ได ้ ถือเป็ นต ้นทุนทางบัญช ี
ต ้นทุนทีไ่ ม่ได ้จ่ายจริง (Implicit Cost) เป็ นต ้นทุนทีเ่ กิดจากการใชปั้ จจัยการ
ผลิตของผู ้ผลิตเอง โดยไม่มก
ี ารจ่ายค่าตอบแทนทีเ่ ป็ นตัวเงิน หรือจ่ายตา่ กว่า
ราคาตลาด ซงึ่ สว่ นทีไ่ ม่จา่ ยหรือจ่ายตา่ กว่านีส
้ ามารถประเมินออกมาเป็ นตัวเงิน
้ กของ “ต ้นทุนค่าเสย
ี โอกาส” (Opportunity Cost) เพือ
ได ้ โดยใชหลั
่ หา
่ ค่าเชา่
ค่าตอบแทนทีจ
่ ะประเมินให ้กับปั จจัยการผลิตทีเ่ ป็ นของผู ้ผลิตเอง เชน
ทีด
่ น
ิ ของตนเอง ค่าแรงตนเอง ต ้นทุนนีม
้ ักไม่ถก
ู นามาคิดทางบัญช ี แต่ถอ
ื เป็ น
ต ้นทุนสว่ นหนึง่ ทางเศรษฐศาสตร์
ต ้นทุนทางเศรษฐศาสตร์ = Explicit Cost + Implicit Cost จึงมากกว่า
2
ต ้นทุนทางบัญช ี
ต ้นทุนแบ่งตามลักษณะการผลิต
ต ้นทุนคงที่ (fixed cost) เป็ นผลตอบแทนทีจ่ า่ ยให ้แก่ปัจจัยคงที่ จึงไม่แปร
ิ ค ้าจานวนมากหรือน ้อย หรือไม่
ผันไปตามปริมาณของผลผลิต ไม่วา่ จะผลิตสน
่ ค่าเครือ
ผลิต ก็ต ้องจ่ายค่าใชจ่้ ายประเภทนีค
้ งเดิมเสมอ เชน
่ งจักร ค่าประกันภัย
ค่าก่อสร ้างโรงงาน
ต ้นทุนแปรผัน (variable cost) เป็ นผลตอบแทนทีจ่ า่ ยให ้แก่ปัจจัยแปรผัน
่ ค่าแรงงาน จึงแปรผันตามปริมาณผลผลิต หากผลิตจานวนมากต ้องจ่าย
เชน
มาก หากผลิตจานวนน ้อยต ้องจ่ายน ้อย และไม่ต ้องจ่ายเลยหากไม่ผลิต
ต ้นทุนเมือ
่ นาสงั คมมาเกีย
่ วข ้อง
ต ้นทุนเอกชน (Private Cost) หรือต ้นทุนภายใน (Internal Cost) หมายถึง
ิ ค ้า ประกอบด ้วย
ค่าใชจ่้ ายทีเ่ กิดขึน
้ จากการใชปั้ จจัยการผลิตในการผลิตสน
ั แจ ้งและไม่ชด
ั แจ ้ง
ต ้นทุนทีช
่ ด
ต ้นทุนสงั คม (Social Cost) หมายถึง ต ้นทุนทีป
่ ระกอบด ้วยต ้นทุนเอกชนและ
ิ ค ้าและบริการ
นาเอาผลกระทบภายนอก (Externalities) ทีเ่ กิดจากการผลิตสน
ี มาพิจารณาด ้วย ต ้นทุนทางสงั คมมักมีคา่ มากกว่า
ไม่วา่ จะเป็ นผลดีหรือผลเสย
ี เกิดกับสงั คม แต่หากมี
ต ้นทุนเอกชน เพราะมีผลกระทบภายนอกทีเ่ ป็ นผลเสย
ผลกระทบภายนอกทีเ่ ป็ นผลดีกบ
ั สงั คม ต ้นทุนทางสงั คมจะมีคา่ น ้อยกว่าต ้นทุน
3
เอกชน
6.2 ต ้นทุนการผลิตกับระยะเวลาในการผลิต
ั ้ และ
ระยะเวลาในการผลิตทางเศรษฐศาสตร์ แบ่งเป็ น ระยะสน
ระยะยาว ซงึ่ พิจารณาจากความสามารถในการเปลีย
่ นแปลงปั จจัย
ั ้ และ
การผลิต ต ้นทุนการผลิตจึงแบ่งเป็ นต ้นทุนการผลิตในระยะสน
ต ้นทุนการผลิตในระยะยาว
ั้
ต ้นทุนการผลิตในระยะสน
ต ้นทุนคงที่ (Fixed Cost)
ต ้นทุนแปรผัน (Variable Cost)
ต ้นทุนการผลิตในระยะยาว มีเฉพาะต ้นทุนแปรผันประเภทเดียว
4
ั้
6.3 ต ้นทุนการผลิตในระยะสน
้
ิ ค ้าทัง้ หมด
1. ต ้นทุนรวม (Total Cost: TC) เป็ นต ้นทุนทีใ่ ชในการผลิ
ตสน
ประกอบด ้วยต ้นทุนคงทีร่ วม (Total Fixed Cost: TFC) และต ้นทุนแปร
ผันรวม (Total Variable Cost: TVC)
TC = TFC + TVC
ต ้นทุนคงทีร่ วม (TFC) เป็ นต ้นทุนทีไ่ ม่เปลีย
่ นแปลงไปตามปริมาณของ
ผลผลิต ไม่วา่ ผลิตมากหรือน ้อยหรือไม่ผลิตเลย TFC จะคงเดิมเสมอ
่ ค่าเชา่ ทีด
เชน
่ น
ิ ค่าเครือ
่ งจักร ค่าก่อสร ้างโรงงาน
ต ้นทุนแปรผันรวม (TVC) เป็ นต ้นทุนทีเ่ ปลีย
่ นแปลงไปตามปริมาณของ
ี มาก ผลิตน ้อยเสย
ี น ้อย และหากไม่ผลิตก็ไม่
ผลผลิต ผลิตมากเสย
ี เลย เชน
่ ค่าแรงงาน ค่าวัตถุดบ
เสย
ิ
5
2. ต ้นทุนทัง้ หมดเฉลีย
่ (Average Total Cost: ATC หรือ Average
Cost: AC) เป็ นต ้นทุนรวมทัง้ หมดหารด ้วยปริมาณผลผลิต AC บอกว่า
ผลผลิตแต่ละหน่วยมีต ้นทุนเท่าใด
ATC = TC
Q
ต ้นทุนคงทีเ่ ฉลีย
่ (AFC) เป็ นต ้นทุนคงทีท
่ งั ้ หมดเฉลีย
่ ต่อผลผลิต 1 หน่วย
AFC = TFC
Q
AFC จะมีคา่ ลดลงเรือ
่ ย ๆ เมือ
่ ปริมาณผลผลิตเพิม
่ ขึน
้ เรือ
่ ย ๆ ทัง้ นี้
เพราะ TFC มีคา่ คงที่ ดังนัน
้ เมือ
่ ปริมาณผลผลิต จึงทาให ้ AFC
ต ้นทุนแปรผันเฉลีย
่ (AVC) เป็ นต ้นทุนแปรผันทัง้ หมดเฉลีย
่ ต่อผลผลิต
1 หน่วย
AVC = TVC
Q
6
3. ต ้นทุนหน่วยท ้ายสุด (Marginal Cost: MC)
MC เป็ นต ้นทุนรวมทัง้ หมดทีเ่ ปลีย
่ นแปลงไปเมือ
่ เปลีย
่ นแปลงปริมาณ
ผลผลิตไป 1 หน่วย
MC = TC = TCn – TCn-1
Q
ต ้นทุนหน่วยท ้ายสุด บอกให ้รู ้ว่า ผลผลิตทีเ่ พิม
่ ขึน
้ 1 หน่วย ก่อให ้เกิด
ต ้นทุนเพิม
่ ขึน
้ เท่าใด
เนือ
่ งจาก TC ประกอบด ้วย TFC+TVC แต่ TFC คงที่ การเปลีย
่ นแปลง
ของ TC จึงเป็ นผลจากการเปลีย
่ นแปลงของ TVC เท่านัน
้
MC = TVC = TVCn – TVCn-1
Q
7
ั้
ตารางต ้นทุนระยะสน
Q
TC
TFC
TVC
AC
AFC
AVC
MC
0
1
2
3
100
110
116
121
100
100
100
100
0
10
16
21
110
58
40.3
100
50
33.3
10
8
7
10
6
5
4
5
6
126
130
136
100
100
100
26
30
36
31.5
26
22.7
25
20
16.7
6.5
6
6
5
4
6
7
8
145
156
100
100
45
56
20.7
19.5
14.3
12.5
6.4
7
9
11
9
172
100
72
19.1
11.1
8
16
10
190
100
90
19
10
9
18
AVC ตำ
่ สุด เมือ
่ AVC=MC
8
้ ้นทุนระยะสน
ั้
ลักษณะของเสนต
้ ้นทุนรวมระยะสน
ั ้ (Short-Run Total Cost) คือ TC, TFC และ TVC
1. เสนต
cost
TC
TVC
TFC
0
Q
้
TFC เป็ นเสนตรงขนานกั
บแกนนอน
้ เ่ ว ้าออกจากแกนนอนและชว่ งหลังเว ้าเข ้าหา
TVC ในระยะแรกเป็ นเสนที
้ นไปตามกฎของการผลิตในระยะสน
ั้
แกนนอน ลักษณะของเสนเป็
TC อยูห
่ า่ งจาก TVC ในทางแนวดิง่ เท่ากับ TFC
9
2.
้ ต้นทุนเฉลีย
ั้ (Short-Run Average Cost) คือ AFC, AVC และ
เสน
่ ระยะสน
ATC (AC)
Cost
้ AFC
กำรหำเสน
้ TFC
จำกเสน
AFC = TFC
Q
A
0
C
B
Q1
C
Q2
TFC
Q
Q3
TFC/Q1
TFC/Q2
TFC/Q3
0




AFC
Q1
Q2
Q3
Q
้ AFC เป็นเสน
้ โค้งทีเ่ รียกว่ำ Rectangular Hyperbolar
เสน
AFC ไม่ต ัดแกนทงั้ 2 ข้ำง
AFC มี slope ทีม
่ เี ครือ
่ งหมำยเป็นลบ
10
้
้
พืนที่ ใต้เสน AFC ณ ปริมำณผลผลิตใดๆ จะมีคำ่ เท่ำก ันตลอด และเท่ำก ับ TFC
้ AVC จำกเสน
้ TVC
กำรหำเสน
AVC = TVC
Q





้ AVC เป็นเสน
้ โค้งทีม
เสน
่ ล
ี ักษณะ
คล้ำยต ัวยู
หน่วยแรกๆ ของกำรผลิต AVC จะ
 จนมำถึงระด ับผลผลิตหนึง่ ค่ำ
AVC จะ 
้ ที่
AVC หำได้จำก slope ของเสน
ลำกจำกจุดกำเนิดมำย ัง TVC
ทุกๆ ระด ับของ Q
Q ตงแต่
ั้
จำนวนหน่วยที่ OOQ2
AVC กำล ัง 
จำกจุด B เป็นต้นไป slope ของ
้ ทีล
เสน
่ ำกจำกจุดกำเนิดไปย ัง
TVC มีคำ่ นน
่ ั คือ AVC ทีจ
่ ด
ุ B
ซงึ่ เป็นจุดที่ AVC ตำ
่ สุด
Cost
TVC
C
A
0
Cost
B
Q
Q1 Q2 Q3
AVC

0
Q1


Q2 Q3
Q
11
้ ATC (AC) จำกเสน
้ TC
กำรหำเสน
ATC = TC
Q
้ AC เป็นเสน
้ โค้งล ักษณะเดียวก ับ
 เสน
้ AVC คือเป็นรูปต ัวยู
เสน
 กำรขยำยกำรผลิตในระยะแรก AFC
และ AVC จึงทำให้ AC ด้วย
 จุดตำ
่ สุดของ AC อยูท
่ ี่ Q ทีม
่ ำกกว่ำ
Q ของจุดตำ
่ สุด AVC เพรำะเมือ
่
AVC ถึงจุดตำ
่ สุดแล้ว AFC ย ังคง
AVC ที
่ ย ัง < AFC ที
่ จึงทำให้ AC
ย ัง  ต่อ
 เมือ
่ ขยำยกำรผลิตออกไปอีก AVC ที่
 > AFC ที่  ทำให้ AC 
้ ทีล
 AC คือ slope ของเสน
่ ำกจำกจุด
กำเนิดไปย ัง TC ทุกๆ ระด ับของ Q
 ทีจ
่ ด
ุ B เป็นปริมำณ Q ที่ AC ตำ
่ สุด
้ ที่
หล ังจำกจุด B ไป slope ของเสน
ลำกจำกจุดกำเนิดไปย ัง TC จะมีคำ่
 นน
่ ั คือ AC จะ 
Cost
TC
C
A
0
Cost
B
Q1 Q2
AC


0
Q1
Q
Q3

Q2 Q3
12
Q
้ ต้นทุนหน่วยท้ำยสุด : MC
3. เสน
้ MC จำกเสน
้ TC หรือเสน
้ TVC
กำรหำเสน
MC =
TC = TVC = TCn–TCn-1
Q
Q
Cost
ั
้
 MC คือ ค่ำควำมชนของเส
น
้ TVC
TC หรือเสน
 (TC=TFC+TVC) เมือ
่ TFC
คงที่ MC จึงมำจำกกำร
เปลีย
่ นแปลงของ TVC เท่ำนน
ั้
่ งแรก MC มีคำ่ ลดลง
 ในชว
และจะมีคำ่ ตำ
่ สุด ณ จุด
้ TC และ
เปลีย
่ นโค้งของเสน
้ TVC หล ังจำกนนจะมี
เสน
ั้
คำ
่
้
เพิม
่ ขึน
 MC จะมีคำ่ เท่ำก ับ AC และ
AVC ณ จุดที่ AC และ AVC มี
ค่ำตำ
่ สุด
0
Cost
TC
TVC
Q1
Q
Q2 Q3 Q4
MC
AC
AVC
0
Q1
Q2Q3Q4
13
Q
ั พันธ์ของเสน้ AC, AVC และ MC
ความสม
Cost
MC
ั ันธ์ของ MC และ AVC
ควำมสมพ
1) เมือ
่ MC < AVC => AVC 
โดย MC อยูต
่ ำ
่ กว่ำ AVC
2) เมือ
่ MC > AVC => AVC 
โดย MC อยูเ่ หนือ AVC
3) MC = AVC ทีจ
่ ด
ุ ตำ
่ สุดของ AVC
AC
AVC
AFC
0
Q
ั ันธ์ของ MC และ AC
ควำมสมพ
1) MC < AC => AC  โดย MC อยูต
่ ำ
่ กว่ำ AC
2) MC > AC => AC  โดย MC อยูเ่ หนือ AC
3) MC = AC ณ จุดตำ
่ สุดของ AC
จุดตำ
่ สุดของ AC อยูใ่ นปริมำณผลผลิตทีม
่ ำกกว่ำจุดตำ
่ สุดของ AVC
14
6.4 ต้นทุนกำรผลิตในระยะยำว (Long - Run Cost)
ในระยะยำว ผูผ
้ ลิตสำมำรถเปลีย
่ นแปลงปัจจ ัยทุกอย่ำงให้เหมำะสมก ับ
้ ได้ ในระยะยำวจุงมีแต่ปจ
จำนวนผลผลิตทีเ่ พิม
่ ขึน
ั จ ัยแปรผ ัน
1.
้ ต้นทุนรวมระยะยำว (Long - Run Total Cost: LTC)
เสน
้ จ
 กำรหำจำนวนกำรใชป
ั จ ัย
กำรผลิตทีเ่ หมำะสมในกำร
ิ ค้ำจำนวนต่ำงๆ ใน
ผลิตสน
้
ระยะยำว วิเครำะห์โดยใชเ้ สน
้ ผลผลิต
ต้นทุนเท่ำก ันและเสน
เท่ำก ัน
 เมือ
่ ผูผ
้ ลิตขยำยกำรผลิตไป
้
ในระด ับต่ำงๆ จะได้เสน
Expansion Path
่ E1 E2
 แต่ละจุดดุลยภำพ เชน
E3 สำมำรถคำนวณหำต้นทุน
รวมของกำรผลิต ณ Q ต่ำง ๆ
้ LTC ได้
จึงนำไปสร้ำงเสน
K
Expansion Path
E2
E3
Q=6
Q=4
E1
Q=2
0
C=60 C=80 C=90
15
L
Cost
LTC
C
90
80
60
A
0
2
B
4
6
Q
LTC มีลก
ั ษณะโค ้งแบบ Cubic Curve เพราะระยะแรก LTC เพิม
่ ขึน
้ ในอัตราทีน
่ ้อยกว่า
การเพิม
่ ขึน
้ ของ Q จึงมี slope ลดลงเรือ
่ ยๆ เมือ
่ เพิม
่ Q ไปถึงระดับหนึง่ อัตราการ
เพิม
่ ขึน
้ ของ LTC จะเท่ากับอัตราการเพิม
่ ขึน
้ ของ Q ซงึ่ เป็ นระยะของผลได ้คงที่ (ตาม
ทฤษฎีการผลิตระยะยาว) หลังจากนัน
้ เมือ
่ ผ่าน inflection point ของ LTC การที่
ผู ้ผลิตเพิม
่ Q อีก อัตราการเพิม
่ ขึน
้ ของ LTC จะมากกว่า Q ทีเ่ พิม
่ ขึน
้ ซงึ่ เป็ นระยะ
16
ผลได ้เพิม
่ ขึน
้ น ้อยกว่าปั จจัยทีเ่ พิม
่ ขึน
้ slope ของ LTC ก็จะเพิม
่ สูงขึน
้
1.
้ ต้นทุนเฉลีย
เสน
่ ในระยะยำว (Long - Run Average Cost: LTC)
ต้นทุน
F1
SAC2
SAC1
SAC3 LAC
F3
F2
E1
E3
E2
E
Optimum scale of plant
0
Q1
Q2
Q3
Q4
Q
้ LAC ทำโดยนำโรงงำนขนำดต่ำงๆ ในระยะสน
ั้ เพือ
 กำรหำเสน
่ กำรผลิตระด ับต่ำงๆ
ี ต้นทุนเฉลีย
มำเรียงลำด ับ แล้วเลือกขนำดทีเ่ หมำะสมทีส
่ ุด (เสย
่ ตำ
่ สุด) สำหร ับกำร
ผลิตระด ับนน
ั้ ก็จะเป็นขนำดของโรงงำนทีเ่ หมำะสมในระยะยำว
ั้
 สมมติมโี รงงำน 3 ขนำด สำหร ับระยะสนแต่
ละระยะ ทีม
่ ี SAC1 SAC2 และ SAC3 ใน
่ ถ้ำผลิต OQ1
ระยะยำว ผูผ
้ ลิตสำมำรถเลือกขนำดโรงงำนได้ตำม Q ทีจ
่ ะผลิต เชน
ี ต้นทุนเฉลีย
หน่วย โรงงำนทีเ่ หมำะสมคือโรงงำนทีม
่ ี SAC1 เสย
่ ตำ
่ สุด E1Q ถ้ำผลิต
ี ต้นทุนเฉลีย
OQ2 หน่วย จะใชโ้ รงงำนขนำดทีม
่ ี SAC2 เสย
่ ตำ
่ สุด E2Q2 ซงึ่ ดีกว่ำใช ้
โรงงำนทีม
่ ต
ี น
้ ทุน SAC1 เพรำะต้นทุนเฉลีย
่ สูงกว่ำ (F2Q)
17 ซง
้ LAC หำจำกเสน
้ ทีล
ั ัส SAC ทงหลำย
ึ่
 เสน
่ ำกสมผ
ั้
(หำกมีขนำดโรงงำนมำกมำย)
ิ ค้ำและบริกำรในแต่ละ Q
แสดงต้นทุนตำ
่ สุดทีเ่ ป็นไปได้ในกำรผลิตสน
ี ต้นทุนเฉลีย
 ในระยะยำวขนำดของโรงงำนทีเ่ หมำะสมทีส
่ ด
ุ (ซงึ่ เสย
่ ต่อหน่วย
ตำ
่ สุด เมือ
่ เปรียบเทียบก ับโรงงำนขนำดต่ำงๆ) อยูท
่ จ
ี่ ด
ุ ตำ
่ สุดของ LAC เรียกว่ำ
Optimum Scale of Plant ผลผลิตเป็น Optimum Output คือ OQ3 หน่วย
ทีจ
่ ด
ุ นี้ SAC = LAC ณ จุดตำ
่ สุดของทงั้ SAC และ LAC
 ในระยะยำว ผูผ
้ ลิตไม่จำเป็นต้องผลิตโดยใชโ้ รงงำนทีเ่ ป็น Optimum Scale
of Plant เสมอไป ยกเว้นในตลำดผลผลิตทีแ
่ ข่งข ันสมบูรณ์เท่ำนน
ั้
้ LAC เป็นเสน
้ โค้งรูปต ัวยู คือ ชว
่ งแรกทีข
 เสน
่ ยำยกำรผลิต LAC จะลดลงจนถึง
จุดตำ
่ สุดของ LAC เพรำะเกิดกำรประหย ัดต่อขนำดกำรผลิต (economies of
้ เพรำะเกิดกำรไม่
scale) หำกขยำยกำรผลิตออกไปอีก LAC จะเพิม
่ ขึน
ประหย ัดต่อขนำดกำรผลิต (diseconomies of scale)
่ งแรก เกิดจำก
 สำเหตุของกำรประหย ัดต่อขนำดในชว
้ จะมีกำรแบ่งงำนก ัน
o เกิดกำรประหย ัดด้ำนแรงงำน คือ เมือ
่ มีกำรผลิตมำกขึน
้ ในอ ัตรำเพิม
ทำ และเกิดควำมชำนำญเฉพำะทำง ทำให้ผลผลิตเพิม
่ ขึน
่
o เกิดควำมประหย ัดด้ำนเทคนิค คือ เมือ
่ ขยำยขนำดใหญ่ขน
ึ้ ผูผ
้ ลิตสำมำรถ
ิ ธิภำพกำรผลิตทีเ่ พิม
้ ต้นทุน
ใชเ้ ครือ
่ งมือเครือ
่ งจ ักรทีท
่ ันสม ัย มีประสท
่ ขึน
เฉลีย
่ จึงลดลง
ิ ธิภำพกำรผลิตจะลดลง
 แต่เมือ
่ ขยำยขนำดกำรผลิตจนถึงระด ับหนึง่ ประสท
่ เมือขนำด
้ สำเหตุมำจำกกำรไม่ประหย ัดในดำนต่ำงๆ เชน
ต้นทุนเฉลีย
่ จึงสูงขึน
่ 18
ิ ธิภำพของผูบ
โรงงำนใหญ่ขน
ึ้ มำก ประสท
้ ริหำรในกำรควบคุมดูแลลดลง
้ ต้นทุนหน่วยท้ำยสุดระยะยำว (Long-Run Marginal Cost: LMC)
3. เสน
้ แสดงต้นทุนรวมระยะยำวทีเ่ ปลีย
เป็นเสน
่ นแปลงไป เมือ
่ ผลผลิต
เปลีย
่ นแปลงไป 1 หน่วย
ั
้ LTC
LMC = LTC = ควำมชนของเส
น
Q
cost
LMC
LAC
0
Q
้ LMC มีล ักษณะโค้งรูปต ัวยู คล้ำยเสน
้ SMC คือ LMC มีคำ่ ลดลง
 เสน
้ LTC แล้ว LMC จะเริม
้
จนถึงจุดเปลีย
่ นโค้งของเสน
่ มีคำ่ เพิม
่ มำกขึน
โดย LMC จะต ัดจุดตำ
่ สุดของ LAC
19
 ณ ปริมำณ Q แต่ละระด ับในระยะยำว เมือ
่ ได้ขนำดโรงงำนทีเ่ หมำะสมก ับ
้ SMC ต้องเท่ำก ับ LMC ณ ระด ับ Q นน
ปริมำณผลผลิตแล้ว เสน
ั้ ณ Q
ด ังกล่ำว SAC = LAC
 ตรงจุดตำ
่ สุดของ LAC จะได้ SAC = LAC = LMC = SMC
cost
SMC1
A
SMC2 LMC
SAC1
LAC
SAC2
E
0
Q1
Q2
Q
20
ั ันธ์ระหว่ำงเสน
้ ต้นทุนระยะยำว
6.4.2 ควำมสมพ
Cost
LTC
Inflection point
ั ันธ์ของ LTC LAC และ
ควำมสมพ
B
ั ันธ์ของ
LMC คล้ำยก ับ ควำมสมพ
ั้
SMC และ SAC ในระยะสน
0
Cost
0
Q1
Q1
Q2
Q2
Q
LMC
LAC
Q
1.
LMC < LAC  LAC 
และ LMC อยูต
่ ำ่ กว่ำ LAC
2.
LMC > LAC  LAC  และ
LMC อยูส
่ ง
ู กว่ำ LAC
3.
LMC = LAC ณ จุดตำ
่ สุด
ของ LAC
21
ั ันธ์ของเสน
้ ต้นทุนระยะยำวก ับเสน
้ ต้นทุนระยะสน
ั้
6.4.3 ควำมสมพ
ต้นทุน
STC2
STC1
0
ต้นทุน
Q1
SAC1
SMC1 SMC2

0
Q3
Q1
SAC2
STC3
LTC
Q4
Q
Q3
 ทีก
่ ำรผลิต OQ2 ซงึ่ เป็นจุดตำ
่ สุด
ของ LAC จะมีคำ่ SAC2 = LAC
= SMC2 = LMC
 ณ ระด ับกำรผลิต OQ1 จะมีคำ่
SAC1 = LAC > SMC1 = LMC
LMC
SMC3
LAC

SAC3
 ณ ระด ับกำรผลิต OQ3 จะมีคำ่
SAC3 = LAC < SMC3 = LMC

Q2
้ STC สมผ
ั ัสก ับ LTC
 จุดใดๆ ทีเ่ สน
จะมีคำ่ SAC=LAC และมีควำม
ั
ชนเท่
ำก ันด้วย โดย SMC=LMC
ทีป
่ ริมำณกำรผลิตเดียวก ันนน
ั้
Q
22