Transcript Document

อ.นรชิต จิร
วิชสัาท962101
ธรรม
ห้องพัก
้ั 4 ตึกคณะ
ชน
วิทยาการจัดการ
1
Chapter 5 ทฤษฎีการผลิต
2
P
S
Micro
Economics
พฤติกรรม
ผู บ
้ ริโภค
พฤติกรรม
ผู ผ
้ ลิต
D
Q
กฎของอุปสงค ์
(Demand)
กฎของอุปทาน
(Supply)
3
ปั ญหาของ
ผู ผ
้ ลิ1.ต What to produce
2. How to produce
3. How
much
to
produce
เป้ าหมายของผู ผ
้ ลิต (...................*)…
้ ผ
ด ังนันผู
้
ลิ
ต
ต้
อ
งทราบ
1. Price of output &
Input
2. Quantity of output
& input
3. เCost
& revenue
่ ๆ เช่น ผลผลิตมากสุด
*อาจมี
ป้ าหมาย
อืน
ประสิทธิภาพสู งสุด
4
การผลิต (Production)
่
กระบวนการเปลียนแปลงปั
จจัยการผลิต
่ เข้าไป
(Input) ทีใส่
ให้เป็ นผลผลิต(Output)
ผลผลิต(Output) หมายรวมทัง้ สินค้า
(Goods) และบริการ (Service)
Input
Productio
n Process
Output
Technology
5
1. การผลิตกับประสิทธิภาพการผลิต
6
1. การผลิตกับประสิทธิภาพการผลิต
ประสิทธิภาพ คือสัดส่วนของผลผลิตต่อปั จจัยที่
ใช้
1.1 ประสิทธิภาพทางเทคนิ ค (Technical
Efficiency)
่ ประสิทธิภาพ ผลผลิตต่อปั จจัย
คือวิธก
ี ารผลิตทีมี
่ ด ซึงมี
่ สองมุมมองOutput
การผลิตมีคา
่ มากทีสุ
ประกอบด้วย
Input
่ ด
1. ผลผลิตเท่ากัน ใช้ปัจจัยการผลิตน้อยทีสุ
2. ใช้ปัจจัยการผลิตเท่ากัน ได้ผลผลิตมาก
่ ด
ทีสุ
7
่ ในการผลิตบัณฑิต
จานวนทุนและแรงงานทีใช้
จานวน 10,000 คน/ปี
บอกไม่ได้วา
่ ควรเลือก
ทางเลื
อ
กใด
วิธก
ี าร จานวน ราคา จานวน ราคา
ผลิต
ทุน
ทุน*
วิธท
ี ี่ 1
10
วิธท
ี ี่ 2
6
10,00
0
6,000
วิธท
ี ี่ 3
6
แรงงาน แรงงา
น*
30
3,600
60
7,200
55
6,600
* ราคาทุน = 1,000 บาท/หน่ วย/ปี6,000
ราคาแรงงาน = 120
บาท/หน่ วย/ปี
8
1.2 ประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ (Economic
Efficiency)
่ ประสิทธิภาพโดยนาราคา
คือวิธก
ี ารผลิตทีมี
ของปั จจัยการผลิตมาพิจารณาด้วย
้ จึงเลือกวิธก
ด ังนัน
ี ารผลิตที่ 3
เสียต้นทุน 12,600 บาท
9
2. การผลิตกับระยะเวลาในการผลิต
ประเภทของปั จจัยการ
ผลิต (Factor)
1. ปั จจัยคงที่ (Fixed Factor) หมายถึง ปั จจัยที่
่
ไม่สามารถเปลียนแปลงได้
ตามปริมาณการ
ผลิต (ไม่วา
่ จะผลิตมากหรือน้อยภายใต้
่ น
ระยะเวลาหนึ่ง ก็จะใช้เท่าเดิม) เช่น ทีดิ
่
อาคาร เครืองจักร
2. ปั จจัยแปรผัน (Variable Factor) หมายถึง
่
่
ปั จจัยทีสามารถเปลี
ยนแปลงได้
ตามปริมาณ
การผลิต (ผลิตมากใช้มาก ผลิตน้อยใช้น้อย)10
้
2. การผลิตกับระยะเวลาใน
การผลิต
้
2.1 การผลิตในระยะสัน (Short run
period) หมายถึง
่ นมาก
้
การผลิตในระยะเวลาทีสั
่ ผ
จนกระทังผู
้ ลิตไม่ สามารถ
่
เปลียนแปลงจ
านวนปั จจัยการผลิตบาง
ชนิ ดได้ (มีปัจจัยบางชนิ ดเป็ นปั จจัย
คงที)่
2.2 การผลิตในระยะยาว (Long run
period) หมายถึง
11
2. การผลิตกับระยะเวลาใน
การผลิต โรงงานผลิตปลากระป๋ อง
Short
run
Long
run
Fixed
่ น
ทีดิ
่
เครืองจั
กร
Fixed
Short
run
Long
run
่ น รถไถ
ทีดิ
นา
Variable
ปลา กระป๋ อง
ซอส…
ทุกปั จจัย
นาข้าว
Variable
ปุ๋ ย เมล็ดพันธุ ์
น้ ามัน…
ทุกปั จจัย
Time
period
1 ปี
5 ปี
Time
period
1 ปี
2 ปี
12
2. การผลิตกับระยะเวลาใน
การผลิต
้
การผลิตในระยะสัน หรือระยะยาว
้ บชนิ ดของปั จจัย
- ไม่ขนกั
ึ ้ บระยะเวลา ขึนกั
การผลิต
- แต่ละอุตสาหกรรมมีระยะเวลาในการแบ่ง
้
การผลิตระยะสัน
และระยะยาวไม่เท่ากัน
่ ขนาดเล็กมักจะเปลียนแปลงปั
่
(ธุรกิจทีมี
จจัยการผลิตได้
ง่ ายกว่า
้
่ 13
และมีระยะเวลาของการผลิตระยะยาวสันกว่
า ธุรกิจทีมี
2.1 มุมมองในการผลิตระยะ
้ 2.1.1 ผลผลิตประเภท
สัน
ต่าง ๆ
• ผลผลิตรวม (Total Product : TP หรือ
Q หรือ Y)
้
่ จากการใช้
คือ ผลผลิตทังหมดที
ได้
ทร ัพยากรจานวนหนึ่ งในการผลิต
• TP คานวณได้จากผลรวมของผลผลิต
่
ส่วนเพิม
14
2.1.1 ผลผลิตประเภท
ต่าง ๆ
่ (Average Product : AP)
• ผลผลิตเฉลีย
คือ สัดส่วนของผลผลิตรวมต่อจานวน
ปั จจัยผันแปร (L)
• สู ตร
่ ในการ
L คือ แรงงาน เป็ AP
นปั จจัย=
ผันแปรที
ใช้
TP / L
ผลิต หรืออาจใช้ X
15
2.1.1 ผลผลิตประเภท
ต่าง ๆ
่ (Marginal Product : MP)
• ผลผลิตส่วนเพิม
่ จจัยผัน
่
้
่ นเมื
่ มขึ
อเพิ
คือ จานวนผลผลิตทีเพิ
มปั
แปร 1 หน่ วย
• สู ตร
MPL = DTP / DL
Ln-1 )
MPL = (TPn – TPn-1) / (Ln –
16
(1)
(2)
(3)
(4)
(5)
(6)
(7)
L
DL
(1)
K
TP
DTP
(4)
AP
(4) / (1)
MP
(5) / (2)
Stag
e
1
1
100
10
0
10
0
I
2
1
100
24
14
12
14
I
3
1
100
45
21
15
21
I
4
1
100
60
15
15
15
II
5
1
100
70
10
14
10
II
6
1
100
78
8
13
8
II
7
1
100
83
5
11.9
5
II
8
1
100
83
0
10.4
0
II
9
1
100
75
-8
8.3
-8
III
17
เส ้นผลผลิตประเภทต่าง
ๆ
90
80
70
60
50
40
30
20
10
0
TP
Stage I
Stage II
Stage III
AP
MP
1
2
3
4
5
6
7
8
9
18
2.1.2 กฎการลดลงของผลได ้ (Laws of Diminishing
Returns )
่ ทง้ั
.... ในการผลิตทีใช้
่
ปั จจย
ั คงทีและปั
จจย
ั ผัน
่ ผ
่
แปร เมือผู
้ ลิตเพิม
้
การใช้ปัจจัยผันแปรขึน
่ น
้
จะทาให้ผลผลิตเพิมขึ
่ มขึ
่ น
้ ต่อมา
ในอ ัตราทีเพิ
่ นในอ
้
จะเพิมขึ
ัตราที่
่ ด
ลดลง และลดลงในทีสุ
TP
C
B
TP
A
L
L1
1
19
กฎการลดลงของผลได ้ (Laws of Diminishing Returns )
TP
C
B
TP
A
X
1
1
20
ความสัมพันธ ์ระหว่าง TP AP MP
่ น
้ TP จะเพิมในอ
่
• MP > 0 และเพิมขึ
ัตราที่
่ น
้
เพิมขึ
่ นในอ
้
่
• MP > 0 และลดลง TP TP
จะเพิ
มขึ
ัตราที
Stage II Stage III
Stage I
ลดลง
TP
• MP < 0 TP จะลดลง
้ MP = 0 TP is maximum
• ดังนัน
่ น
้
• MP > AP AP จะเพิมขึ
AP
a
b
c
L
MP
• MP < AP AP จะลดลง
้ MP = AP AP is maximum
• ดังนัน
21
TP Stage I
Stage II
i
j
k
ความสัมพั
นธ ์ระหว่าง
TP และ AP
h
g
TP
f
X
o
a
b
c
TP
e
d
AP
a
b
c
X
22
้
่
ขันของอ
ต
ั ราการเปลียนแปลงผลผลิ
ต Thre
TP
Stage II
Stage I
Stage III
TP
AP
X
a
b
c
MP
23
2.2 มุมมองในการผลิตระยะ
่ ยนแปลงปั
่
ยาว
- การผลิตทีเปลี
จจัยการ
ผลิตทุกชนิ ดได้
2.2.1(มี
เสแ
้นผลผลิ
น
ต่ปัจจัตยเท่ผัานกัแปร)
(Isoquant line)
2.2.2 เส ้นต ้นทุนเท่ากัน (Isocost
line)
5
.... เส้นแสดง
ส่วนประกอบต่าง ๆ
ของสัดส่วนการใช้ปัจจัย
การผลิต
่
K
a
b Iq=10
1
3
L
6
24
9
8
7
6
5
4
6
8.4 10. 12
9 4
5.6 8 9.8 11.
6
3
5.2 7.4 9.1 10.
9 8 7 6
4.9 6.9 8.4 9.8
3 9
4.4 6.3 7.7 8.9
7 2 5 4
4 5.6 6.9 8
6 3
13.
4
12.
6
11.
8
11
14. 15. 17 18
7 9
13. 15 16 17
9
13 14 15 15.
9
12 13 13. 14.
9 7
10 11 11. 12. 13.
8 6 4
8.9 9.8 10. 11. 12
25
4
6 3
Technologies with Multiple
Inputs
x
2
y
Technologies with Multiple
Inputs x
2
y
x1
Technologies with Multiple
Inputs x
2
y
x1
Technologies with Multiple
Inputs
x2
y
x1
Technologies with Multiple
Inputs
x2
y
x1
Technologies with Multiple
Inputs
x2
y
x1
Technologies with Multiple
Inputs
y
x1
Technologies with Multiple
Inputs
y
x1
Technologies with Multiple
Inputs
y
x1
Technologies with Multiple
Inputs
y
x1
Technologies with Multiple
Inputs
y
x1
Technologies with Multiple
Inputs
y
x1
Technologies with Multiple
Inputs
y
x1
Technologies with Multiple
Inputs
y
x1
Technologies with Multiple
Inputs
y
x1
Technologies with Multiple
Inputs
y
ลักษณะของเส ้นผลผลิตเท่ากัน (Isoquant line)
่ งกว่าจะแสดง
1. เส้นทีสู
่
ผลผลิตจานวนทีมากกว่
า
K
2. เป็ นเส้นต่อเนื่องลาดลง
จากซ ้ายมาขวา
(continuously slope
downward from the
left to the right)
3. ไม่ต ัดกัน (nonintersection)
4. เป็ นเส้นโค้งเว้าเข้าหาจุด
C
B
A
L
K
k3
k2
k1
a
c
Iq2
b Iq1
L
42
อัตราสุดท ้ายในการใช ้ปัจจัยการผลิตทดแทนกัน
(MRTS)
่ มขึ
่ นจาก
้
ผลผลิตทีเพิ
การใช้ L ทดแทน K
มีคา
่ Kเท่ากับ
k
MRTSLK = kk/ / ll/
A
k’
B
k”
l l’
C
l”
Iq
L
MRTSLK = MPL / MPK
MRTSKL = ll/ / kk/ = MPK / MPL
MRTSLK = ค่าความช ันของเส้นผลผลิตเท่ากัน
(Isoquant line)
43
กฎการลดลงของอัตราสุดท ้ายในการใช ้ปัจจัยการผลิต
ทดแทนกัน
(Laws of Diminishing Marginal Rate of
Technical Substitution)
่ ผ
.... เมือผู
้ ลิตใช้ปัจจัยการ K
ผลิต
่ นเพื
้
่
ชนิ ดหนึ่ งเพิมขึ
อ
k
A
ทดแทน
k’
B
่
ปั จจัยอีกชนิ ดหนึ ง
C
k”
Iq
ในการผลิตผลผลิตจานวน
l”
l l’
เท่าเดิม
ความสามารถในการ
ทดแทนก ันของปั จจย
ั การ
L
44
่ ของเส ้นผลผลิตเท่ากัน (Iq)
ลักษณะอืนๆ
B
B
2
1
2
A
เส้นผลผลิตเท่ากัน
่
ของปั จจัยทีทดแทน
กันอย่างสมบู รณ์
(Perfect Substitution)
1
A
เส้นความผลผลิต
่
เท่ากันของปั จจัยทีใช้
ประกอบกันอย่าง
สมบู รณ์
(Perfect Complement)
45
2.2.2 เส ้นต ้นทุนเท่ากัน (Isocost
line)
....
เส้นแสดงสัดส่วน
ของปั จจัยการผลิต
่ ผ
สองชนิ ดทีผู
้ ลิต
้
สามารถซือได้
ด้วยจานวนเงิน
เท่ากัน
K
k1
a
k2
Isoc
b
ost
L
L1
L2
46
10
9
8
7
6
5
4
3
2
1
12
11
10
9
8
7
6
5
4
3
1
14
13
12
11
10
9
8
7
6
5
2
16
15
14
13
12
11
10
9
8
7
3
18
17
16
15
14
13
12
11
10
9
4
20
19
18
17
16
15
14
13
12
11
5
22
21
20
19
18
17
16
15
14
13
6
24
23
22
21
20
19
18
17
16
15
7
26
25
24
23
22
21
20
19
18
17
8
28
27
26
25
24
23
22
21
20
19
9
30
29
28
27
26
25
24
23
22
21
10
47
S1
1
3
5
7
9
11
13
15
17
19
21
23
25
S11
S21
76
72
68
64
60
56
52
48
44
40
36
32
28
24
20
16
12
8
4
0
48
S25
S21
S17
S13
S1
1
3
5
7
9
11
13
15
17
19
21
23
25
S11
S21
76
72
68
64
60
56
52
48
44
40
36
32
28
24
20
16
12
8
4
0
S9
S5
S1
1
3
5
7
9
76
72
68
64
60
56
52
48
44
40
36
32
28
24
20
16
12
048 25
23
21
19
17
15
13
11
X
2
S25
S23
S21
S19
S17
S15
S13
S11
S9
S7
S5
S3
1 3
5 7 9 11 13 15 17 19 21 23 25
76
72
68
64
60
56
52
48
44
40
36
32
28
24
20
16
12
8
4
0
S1
O
X
49
1
สัดส่วนของการใช้ปัจจัย
การผลิต ณ ระดับ
้ น
้ 1,000าบาท
งบประมาณเท่
กัน
มีเงินทังสิ
(C)
K
(r) 200
per unit
5
4
3
2
1
0
K
Isocost
L
(w) 100
per unit
0
2
4
6
8
10
M (1,000/200)
, (C/r)
O
N
L
(1,000/100),
(C/w)
ความช ันของเส้นต้นทุน
OM/ON = (C/r) / (C/w)
ความช ัน = (w/r)
50
่
การเปลียนแปลงของเส
้นต ้นทุน
เท่ากัน
K
K
(C//
r)
(C/r
(C/r
)
) //
(C
/r)
L
L
(C/ (C/ (C/
w/) w) w//)
51
Slope ความช ัน
K
Isoquant
Slope เท่ากัน
Isocost
L
52
่ ้
2.2.3 ส่วนผสมของปัจจัยทีให
ต ้นทุนต่าสุด
่ ดต้นต้นตาที
่ สุ
่ ด
จุดทีเกิ
่ การใช้ปัจจัยสอง
เมือมี
ชนิ ด
ณ ปริมาณผลผลิต
ระดับหนึ่ ง
K
B
A
k
จุด A
C
D
Slope Iq =
Slope Isocost
Iq
Iq/
L
l
Isocost
(w/r)
จาก
MRTSlk =
MRTSlk =53
2.2.4 เส ้นแนวทางการผลิต (Expansion
path)
....
เส้นแสดงการขยายขนาดการผลิตโดยใช้ปัจจัยการ
ผลิต
่ ด เมือมี
่ งบประมาณเพิมขึ
่ นและราคา
้
ณ จุดต้นทุนตาสุ
่
K
K
ปั จจัยต่าง ๆ คงที
Expansion
path
L
Expansion
path
L
54
2.2.5 กฎผลได ้ต่อขนาด (Law of Return to
scale)
่ น
้ (Increasing Return to Scale;
• แบบเพิมขึ
IRS)
• แบบคงที่ (Constant Return to Scale; CRS)
• แบบลดลง (Decreasing Return to Scale;
Input
Out
DRS)
(L,K)
2 unit
3 unit
IRS put
2 unit
2 unit
CRS
2 unit
DRS
55
Isoquant กับ
Return
to
scale
่
้
เพิม K และ L ขึนใน
K
สัดส่วนเดียวกันผลผลิต
่ เพิมหนึ
่
่งหน่ วยจะใช้
ทีได้
ปั จจัย…
K
K
IRS
56
8
7
L
DRS
CRS
8
8
7
7
6
6
5
5
L
L
56
3. ต้นทุนการผลิต
3.1 ต ้นทุนการผลิตประเภท
ต่าง ๆ
แนวคิดต้นทุนทางบัญชี VS แนวคิดต้นทุนทางเศรษฐศาสต
แนวคิดต้นทุนทางบัญชี
่
 เป็ นต้นทุนทีสามารถมองเห็
นได้เป็ นรายการ
่
ทีลงบั
ญทึกเอาไว้ในรายจ่ายของบัญชีกจ
ิ การ
เช่นค่าแรง ค่าวัตถุดบ
ิ ค่าเช่า ฯลฯ เราเรียก
้ า “ต้นทุนช ัดแจ้ง”
ต้นทุนทางบัญชีนีว่
(explicit cost)
57
แนวคิดต้นทุนทางเศรษฐศาสตร ์
 ต้นทุนค่าเสียโอกาส (opportunity cost) คือ
ต้นทุนอ ันเกิดจากการเลือก (trade off) โดยมู ลค่า
่ ทสุ
่
ของมันคือหนทางทีดี
ี่ ดรองลงมาทีเราไม่
ได้เลือก
(The second best alternative foregone) หรือ
่ ดจากมู ลค่าทางเลือกทีดี
่ ทสุ
่
เป็ นต้นทุนทีเกิ
ี่ ดทีจะใช้
้ ๆ ถ้าไม่นามาใช้ในการผลิตนี ้
ปั จจัยการผลิตนัน
 ต้นทุนช ัดแจ้ง (explicit cost) และต้นทุนไม่ช ัด
แจ้ง (implicit cost)
 ต้นทุนเอกชน (private cost) และต้นทุนสังคม
(social cost)
58
ต้นทุนทางสังคม = ต้นทุนเอกชน +
ต้นทุนภายนอก
ต้นทุน
ภายใน
ต้นทุนช ัด
แจ้ง
ต้นทุนไม่ช ัด
แจ้ง
ต้นทุนค่าเสีย
โอกาส
59
ต้นทุนค่าเสียโอกาสในการ…………
ของชูวท
ิ ย์
ทางเลือก
ทาธุรกิจอาบน้ า ตด
ั
แต่งขนสุนข
ั
้
เลียงโคนม
ร ับราชการ ตารวจ
นักเขียน
กรรมกร
ผลตอบแทน
บาท/เดือน
200,000***
10,000
20,000
12,000
4,800
60
้
3.2 ต ้นทุนระยะสันและต
้นทุนระยะ
ยาว
้ (Short run cost)
3.2.1 ต ้นทุนระยะสัน
หมายถึง
่ ดขึนจากการ
้
ค่าใช้จา
่ ยต่าง ๆ ทีเกิ
่ นมากจนกระทั
้
ผลิตในระยะเวลาทีสั
ง่
่
ผู ผ
้ ลิตไม่ สามารถเปลียนแปลง
จานวนปั จจัยการผลิตบางชนิ ดได้ (มี
ปั จจัยบางชนิ ดเป็ นปั จจัยคงที)่
ประกอบด้วยต้นทุนต่าง ๆ ดังนี ้
61
่
ต ้นทุนคงทีรวม
(total fixed cost : TFC)
่ เปลียนแปลงไปตาม
่
• คือ ต้นทุนทีไม่
ปริมาณการผลิต
• ไม่วา
่ จะผลิตมากน้อยเพียงใด หรือไม่
ผลิตเลย ผู ผ
้ ลิตจะต้องจ่ายค่าใช้จ่าย
ส่วนนี ้
้ กเป็ นต้นทุนของปั จจัยที่
• ต้นทุนส่วนนี มั
่ น
แบ่งแยกเป็ นหน่ วยย่อยไม่ได้ เช่น ทีดิ
62
ต ้นทุนผันแปรรวม (total variable cost :
TVC)
้
่
• คือ ค่าใช้จา
่ ยต่าง ๆ ทังหมดที
่
ับปริมาณการ
เปลียนแปลงไปโดยตรงก
ผลิต
่
่
ยนแปลงตามปริ
มาณการ
• ต้นทุนทีเปลี
่
ผลิต เมือไม่
ผลิตสินค้าเลยต้นทุนผัน
้
แปรจะไม่เกิดขึน
• ค่าใช้จา
่ ยของปั จจัยผันแปร เช่น
63
้
ต ้นทุนรวมหรือต ้นทุนทังหมด
(total cost :
TC)
่
้ นทุนคงทีรวม
่
• คือ ต้นทุนซึงรวมทั
งต้
และต้นทุนผันแปรรวมไว้ดว้ ยกัน
• สู ตร
TC = TFC + TVC
64
่ ย่ (average fixed cost :
ต ้นทุนคงทีเฉลี
AFC)
่
่ อปริมาณ
• คือ ต้นทุนคงทีรวมคิ
ดเฉลียต่
ผลผลิต 1 หน่ วย
่
่
่
• ต้นทุนคงทีเฉลี
ยจะมี
คา
่ ลดลงตามลาดบ
ั เมือ
่ นเรื
้ อย
่ ๆ
ปริมาณผลผลิตเพิมขึ
• สู ตร
AFC = TFC / Q
65
ต ้นทุนผันแปรเฉลีย่
(average variable cost : AVC)
่ อ
• คือ ต้นทุนผันแปรรวมคิดเฉลียต่
ปริมาณการผลิต 1 หน่ วย
• ในระยะแรกของการผลิต AVC จะมีคา
่
่ ๆ จนถึงระดบ
ลดลงเรือย
ั หนึ่ ง AVC จะ
่ ด และเมือเพิ
่
่
ตาสุ
มการผลิ
ตต่อไป AVC
้
จะสู งขึน
• สู ตร
66
ต ้นทุนรวมเฉลีย่
(average total cost : ATC หรือ AC)
• หรือ ต้นทุนต่อหน่ วย (unit cost) คือ
่ อปริมาณผลผลิต
ต้นทุนรวมคิดเฉลียต่
1 หน่ วย
• สู ตร
AC = TC / Q
AC = (TFC+ TVC)/Q = AFC + AVC
67
่ (marginal cost : MC)
ต ้นทุนส่วนเพิม
่
่
• คือ ต้นทุนรวมทีเปลี
ยนแปลงไป
อ ัน
เนื่ องมาจากปริมาณผลผลิต
่
เปลียนแปลง
1 หน่ วย
• สู ตร
MC = DTC / DQ
68
ตารางต ้นทุนประเภทต่าง ๆ (Cost Schedules)
(1)
(2)
(3)
(4)
Q
DQ
(1)
TFC TVC TC
0
10
20
30
40
50
60
70
80
90
10
10
10
10
10
10
10
10
10
100
100
100
100
100
100
100
100
100
100
70
138
200
260
300
380
530
700
890
(5)
(3)+
(4)
(6)
DTC
(5)
(7)
(8)
AFC AVC
(3)/(
1)
(4)/(1
)
(9)
(10)
AC
MC
(5)/(
1)
(6)/(2
)
100
170 70 10.0 7.0 17.0 7.0
238 68 5.0 6.9 11.9 6.8
300 62 3.3 6.7 10.0 6.2
360 60 2.5 6.5 9.0 6.0
400 40 2.0 6.0 8.0 4.0
480 80 1.7 6.3 8.0 8.0
630 150 1.4 7.6 9.0 15.0
800 170 1.2 8.8 10.0 17.0
990 190 1.1 9.9 11.0 19.0
69
เส ้นต ้นทุนการผลิตประเภทต่าง ๆ (Cost
Curves)
C
TC
TV
C
TF
C
O
Q
70
เส ้นต ้นทุนการผลิตประเภทต่าง ๆ (Cost
Curves)
C
MC
A
AV
C
C
O
AF
C
Q
71
3.2.2 ต ้นทุนระยะยาว (Long run cost)
หมายถึง
่ ดขึนจากการ
้
ค่าใช้จา
่ ยต่าง ๆ ทีเกิ
ผลิตในระยะเวลานานมากจนกระทัง่
่
ผู ผ
้ ลิตสามารถเปลียนแปลงจ
านวน
ปั จจัยการผลิตทุกชนิ ดได้ (มีเฉพาะ
ปั จจัยปั จจัยผันแปร) ประกอบด้วย
ต้นทุนต่าง ๆ ดังนี ้
72
ต ้นทุนรวมในระยะยาว
(long-run total cost : LTC)
• ต้นทุนรวมในระยะยาว จะมีคา
่ เท่ากับ
ต้นทุนผันแปรรวมในระยะยาว
่
• เมือไม่
มก
ี ารผลิต ต้นทุนรวมในระยะยาว
จะมีคา
่ เป็ นศู นย ์
• เส้นต้นทุนรวมในระยะยาว จะเหมือน
้
เส้นต้นทุนรวมในระยะสัน
73
C
TC
C
TV
C
LTC
TFC
O
Q
้
ต ้นทุนรวมในระยะสัน
O
Q
ต ้นทุนรวมในระยะ
ยาว
74
่
ต ้นทุนเฉลียในระยะยาว
(long-run average cost : LAC)
่
• ต้นทุนเฉลียในระยะยาว
คือ ต้นทุนรวม
่ อปริมาณผลผลิต
ในระยะยาวคิดเฉลียต่
1 หน่ วย
้
• ดงั นัน
LAC = LTC / Q
75
่
เส ้นต ้นทุนเฉลียในระยะยาว
C
LA
C/
LA
C
LA
C/
/
O
Q
76
่
ต ้นทุนส่วนเพิมในระยะยาว
(long-run marginal cost : LMC)
่
• ต้นทุนส่วนเพิมในระยะยาว
คือ ต้นทุนรวม
่
่
ในระยะยาวทีเปลี
ยนแปลงไป
อ ัน
่
เนื่ องมาจากปริมาณผลผลิตเปลียนแปลง
1
หน่ วย
• สู ตร
LMC = DLTC / DQ
77
่
เส ้นต ้นทุนเฉลียในระยะยาว
C
O
LM
C LA
C
Q
78
้ และเส ้นต ้นทุนระยะ
3.2.2 เส ้นต ้นทุนระยะสัน
ยาว
• เส้นต้นทุนในระยะยาว (LTC) คือ เส้นที่
่
้ (STC) หลาย ๆ
เชือมโยงเส้
นต้นทุนในระยะสัน
เส้น เข้าด้วยก ันนั่นเอง
• SAC ของโรงงานแต่ละขนาดจะมีเส้น MC
ของตนเอง
• SAC ของโรงงานขนาดใดๆ เท่ากับ LAC
(ต้นทุนระยะยาว)
้
SAC ของโรงงานขนาดนันจะสั
มผัส LAC ณ 79
่
้
เส ้นต ้นทุนเฉลียในระยะสั
น
่
และเส ้นต ้นทุนเฉลียในระยะยาว
C
Envelopmen
t
LA
SA
SA
SA
SA
C
C
SA
C
C
1
4
C 5
C
2A
Optimal scale3 of plant
O
Q
Q
1
Q
2
Q
5
80
่
้
เส ้นต ้นทุนเฉลียในระยะสั
น
่
และเส
้นต
้นทุ
น
เฉลี
ยในระยะยาว
C
LM
MC MC C
SA
LA
3
2SA
C C
C
MC
1
SA
C
3
1
O
Q
2
Q
1
Q
2
Q
3
81
่
้
เส ้นต ้นทุนเฉลียในระยะสั
น
่
และเส ้นต ้นทุนเฉลียในระยะยาว
Optimal scale of plant
่
ในระยะยาว ระดับผลผลิตทีเหมาะสม
่ ด คือ OQ2
ทีสุ
่ นทุนเฉลียระยะยาวต
่
่ สุ
่ ด
ณ จุดทีต้
าที
SAC2 = LAC = SMC2 = LMC
82