การน าและการจูงใจ Leading & Motivation ส านักนวัตกรรมการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

Download Report

Transcript การน าและการจูงใจ Leading & Motivation ส านักนวัตกรรมการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

การนาและการจูงใจ
Leading & Motivation
สานักนวัตกรรมการเรียนรู้
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
สาระการเรียนรู้
1. การนา และภาวะผู้นา
2. การจูงใจในองค์ กร
3. อภิปรายกลุ่มเกีย่ วกับคุณลักษณะผู้นา
โคลงโลกนิติ
ยามฝูงโคข้ ามฟาก
โคโจกไปตรงดี
ฝูงโคล่ องวารี
ทั้งหมดไป่ ลดเลีย้ ว
นที
ไป่ เคีย้ ว
รีบเร่ ง
ไต่ เต้ าตามกัน
ความหมายของการนา (Leading)
การนา คือ ความสามารถในการใช้ ศิละจูงใจให้ ผู้อื่นคิดตามหรื อปฏิบตั ิตาม
ส่ วนความเป็ นผู้นา คือ กระบวนการทีม่ ีอทิ ธิพลต่ อกลุ่มเพื่อให้ บรรลุ
เป้ าหมายของกลุ่ม
(Robbins and Coulter 2003)
การนา เป็ นความสั มพันธ์ ของผู้นาและผู้ตาม ซึ่งทาให้ เกิดการเปลีย่ นแปลง
เพื่อบรรลุวตั ถุประสงค์ ขององค์กร
(Draft. 2003)
ความแตกต่ างระหว่ างผู้นากับผู้บริหาร
ผู้บริหาร เป็ นบุคคลที่ทำหน้ำที่ใน
กำรวำงแผน จัดระบบ ควบคุ ม สั่ ง
กำรจัดหำ ประสำนงำน และกระจำย
วั ส ดุ อุ ป กรณ์ ทรั พยำกรมนุ ษย์
ข้อ มู ล ข่ ำ วสำร อ ำนำจ เป็ นต้น ที่
จ ำเป็ นส ำหรั บ กำรปฏิ บัติ ง ำนให้
สำเร็ จลุล่วงตำมที่องค์กรกำหนดไว้
ด้วยกำรมุ่งเน้นที่ เป้ ำหมำยของกำร
ด ำเนิ น สิ่ ง ต่ ำ งๆ ให้ ถู ก ต้อ งเป็ นไป
ตำมหลัก เกณฑ์ ที่ ก ำหนดขึ้ น (Do
Things Right)
ผู้นา เป็ นบุคคลที่ทำหน้ำที่ใน
กำ ร อ ำนว ยควำมส ะด วก
ปฏิ บ ั ติ ง ำนด้ ว ยกำรมุ่ ง เน้ น
วิธี ก ำรและพยำยำมท ำในสิ่ ง
ต่ำงๆ ให้ถูกต้องในเรื่ องต่ำงๆ
(Do Right Thing) ด้วยวิธีกำร
ก ร ะ ตุ ้ น จู ง ใ จ ส่ ง เ ส ริ ม
สนับสนุ น พัฒนำ ให้สมำชิ ก
หรื อพนักงำนนำศักยภำพของ
ตนเองมำใช้ ใ นกำรปฏิ บ ั ติ
หน้ ำ ที่ ที่ ต นเองรั บ ผิ ด ชอบ
อย่ำงเต็มที่
ผู้นากับอานาจ
•
•
•
•
•
•
อานาจทีเ่ กิดขึน้ ตามกฎหมาย
อานาจทีเ่ กิดจากการให้ รางวัล
อานาจในการลงโทษ
อานาจทีเ่ กิดจากการมีข้อมูลข่ าวสาร
อานาจทีเ่ กิดจากความเชี่ยวชาญ
อานาจทีเ่ กิดจากการอ้ างอิง
ผลของการใช้ อานาจ
ยอมรั บหรื อการมี ส่ วนร่ วมเป็ นการปฏิ บั ติ ต ามในสิ่ ง ที่
ผู้บงั คับบัญชาหรื อผู้นาต้ องการ หากเกิดผลดังกล่าวถือว่าเป็ นสิ่งดีต่อ
การบริ หารจัดการงาน เพราะสิ่งเหล่านันจะแสดงออกมาในลั
้
กษณะ
ของพนักงานที่ท่มุ เทแรงกายแรงใจในการปฏิบตั ิงานและรับผิดชอบ
หน้ าที่ของตนอย่างเต็มที่
การต่ อ ต้ า นหรื อ ปฏิ เ สธเป็ น การแสดงพฤติ ก รรมในการไม่
ยอมรั บ อานาจที่ ผ้ ูบ ริ ห ารหรื อ ผู้นาใช้ ในการบริ ห ารจัด การงาน อัน
ส่งผลให้ พนักงานไม่ปฏิบตั ิตามสิ่งที่ผ้ บู ริ หารต้ องการ จนถึงการละเลย
หน้ าที่ที่ตนเองรับผิดชอบหรื อผลการปฏิบตั ิงานขาดประสิทธิภาพ
แนวคิดและทฤษฎีเกีย่ วกับภาวะผู้นา
•
•
•
•
แนวคิดเชิงคุณลักษณะของผู้นา (Trait Approach)
แนวคิดเชิงพฤติกรรม (Behavior Approach)
แนวคิดเชิงสถานการณ์ (Situational Approach)
แนวคิดเชิงการใช้ อานาจและมีอทิ ธิพล (PowerInfluence Approach)
แนวคิดเชิงคุณลักษณะของผู้นา
ทฤษฎีคุณลักษณะของผูน้ ำมีพ้นื ฐำนมำจำกแนวคิดทฤษฎี
มหำบุรุษ (Great Man) เชื่อว่ำผูน้ ำเกิดขึ้นเองธรรมชำติหรื อโดย
กำเนิด (Born to be Leader) คุณลักษณะผูน้ ำที่ประสบ
ควำมสำเร็ จต้องมีลกั ษณะ 4 ประกำร
• สติปัญญา
• การมีวุฒิภาวะของความเป็ นผู้ใหญ่ และใจกว้ าง
• ความต้ องการบรรลุผลสาเร็จ
• ความซื่ อสั ตย์
แนวคิดเชิงพฤติกรรม
• แนวคิดผู้นาของ เลวินและคณะ (Lewin and Friends Studies)
• แนวคิดความต่ อเนื่องของพฤติกรรมผู้นา (Continuum of Leader
Behavior)
• แนวคิดการศึกษาผู้นาของมหาวิทยาลัยมิชิแกน (University of
Michigan Studies)
• แนวคิดการศึกษาผู้นาของมหาวิทยาลัยโอไฮโอ สเตท (Ohio State
Studies)
• ตาข่ ายการบริหารงานของเบรกและมูลตัล (Blake and Moulton’s
Managerial Grid)
แนวคิดผู้นาของ เลวินและคณะ
• ผู้นาทีม่ ีพฤติกรรมเผด็จการ (Autocratic Leadership)
• ผู้นาทีม่ ีพฤติกรรมประชาธิปไตย (Democratic Leadership) ะ
• ผู้นาทีม่ ีพฤติกรรมเสรีนิยม (Laissez-faire Leader)
แนวคิดทฤษฎีความต่ อเนื่องของพฤติกรรมผู้นา
ภำวะผูน้ ำมุ่งเน้นที่ผบู ้ ริ หำร
ภำวะผูน้ ำมุ่งเน้นที่ผใู ้ ต้บงั คับบัญชำ
ระดับกำรใช้อำนำจหน้ำที่โดยผูน้ ำ
ขอบเขตควำมมีอิสระของผูใ้ ต้บงั คับบัญชำ
ผูบ้ ริ หำร ผูบ้ ริ หำรโน้ม ผูบ้ ริ หำรเสนอ ผูบ้ ริ หำร
ผูบ้ ริ หำรเสนอ ผูบ้ ริ หำรกำหนดผูบ้ ริ หำรให้
ตัดสิ นใจและ น้ำวให้ยอมรับ แนวคิดและเปิ ด ตัดสิ นใจแต่เปิ ดปัญหำและให้ ขอบเขตกำร ผูใ้ ต้บงั คับบัญชำ
แจ้งให้ทรำบ กำรตัดสิ นใจ โอกำสให้ถำม โอกำสให้มีกำรเสนอควำม ตัดสิ นใจและให้ทำกำรตัดสิ นใจ
แก้ไข
คิดเห็นเพื่อ กลุ่มทำกำร เองภำยใต้ขอบเขต
ที่กำหนดให้
ตัดสิ นใจ
ตัดสิ นใจ
แนวคิดการศึกษาผู้นาของมหาวิทยาลัยมิชิแกน
• ผู้นาที่มงุ่ เน้ นงาน (Job-Centered Leader) มีลกั ษณะพฤติกรรมในการ
มุง่ ไปที่การปฏิบตั งิ านของผู้ใต้ บงั คับบัญชาเป็ นสาคัญ เน้ นการควบคุม
อย่างใกล้ ชิดเพื่อให้ ผ้ ใู ต้ บงั คับบัญชาปฏิบตั ติ ามเกณฑ์หรื อมาตรฐานที่
องค์กรกาหนดขึ ้น
• ผู้นาที่มงุ่ เน้ นคน (Employee-centered leader) มีลกั ษณะพฤติกรรมที่
ให้ ความสนใจและความต้ องการของผู้บงั คับบัญชาเป็ นลาดับต้ น มี
ความเชื่อมัน่ ในความสามารถของพนักงานโดยมอบอานาจ การ
ตัดสินใจ และส่งเสริมสนับสนุนให้ เกิดบรรยากาศที่เอื ้อต่อการ
ปฏิบตั งิ านที่มีประสิทธิภาพ
แนวคิดการศึกษาผู้นาของมหาวิทยาลัยโอไฮโอสเตท
สู ง
มุ่งงำน
ต่ำ
- กิจสัมพันธ์ต่ำ
- มิตรสัมพันธ์สูง
- กิจสัมพันธ์สูง
- มิตรสัมพันธ์สูง
- กิจสัมพันธ์ต่ำ
- มิตรสัมพันธ์ต่ำ
- กิจสัมพันธ์สูง
- มิตรสัมพันธ์ต่ำ
มุ่งควำมสัมพันธ์
สู ง
ตาข่ ายการบริหารงานของเบรคและมูลตัล
แนวคิดเชิงสถานการณ์
• แนวคิดเชิงสถำนกำรณ์ของฟี ดเลอร์ (Fiedler
Contingency Model)
• แนวคิดสถำนกำรณ์ของเฮอร์ซียแ์ ละแบลน
ชำร์ด (Hersey-Blanchard Situational
Leadership Theory)
• ทฤษฎีผนู ้ ำแบบเส้นทำงเป้ำหมำยของโร
เบิร์ต เฮำส์ (Robert J. Hose)
แนวคิดเชิงสถานการณ์ ของฟี ดเลอร์
แนวคิดสถานการณ์ ของเฮอร์ ซีย์และแบลนชาร์ ด
ทฤษฎีผ้ ูนาแบบเส้ นทางเป้ าหมายของโรเบิร์ต เฮาส์
ปัจจัยสภาพแวดล้อม
- โครงสร้ างของงาน
- ระบบอานาจหน้ าที่อย่ างเป็ น
ทางการ
- กลุ่มงาน
พฤติกรรมของผู้นา
- สนับสนุน
- สั่งการ
- มีส่วนร่ วม
- มุ่งความสาเร็จ
ผลลัพธ์
- ความพึง่ พอใจ
- ผลการปฏิบัตงิ าน
ปัจจัยลักษณะส่ วนบุคคล
- ประสบการณ์
- ความรู้ความสามารถ
- การควบคุมตนเอง
คุณลักษณะผู้นาทีด่ ี
ท่ านว.วชิรเมธี
ผู้นาทีด่ ี คือ
ผู้ทมี่ ีศักยภาพในการนา
และคนอื่นอยากเดินตาม
กล้ าคิด
กล้ าทา
กล้ านา
กล้ ารับผิดชอบ
การจูงใจ
ความหมายการจูงใจ
กำรจูงใจ (Motivation) มีรำกศัพท์มำจำกภำษำลำตินว่ำ
“Movere” แปลว่ำ เงื่อนไขหรื อสภำวะที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรม
3 ทิศทำง อันได้แก่ กำรทำให้เกิดพฤติกรรม กำรยับยั้งพฤติกรรม
และกำรกำหนดแนวทำงพฤติกรรมที่แสดงออก
กำรจู งใจ เป็ นภำวะในกำรเพิ่ ม พฤติ ก รรม
กำรกระทำกิจกรรมของบุคคลโดยบุคคลจงใจ
กระทำพฤติกรรมนั้นเพื่อให้บรรลุเป้ำหมำยที่
ต้องกำร
Domjan 1996: 199
ปัจจัยกาหนดผลการปฏิบัติงาน
ความเต็มใจ
ในการ
ปฏิบตั ิ
ผลการปฏิบัติงาน
ความ
สามารถใน
การปฏิบตั ิ
โอกาสใน
การปฏิบตั ิ
วงจรการจูงใจพนักงาน
ความต้ องการ
ค้นหาทางเพื่อลด
ความต้ องการ
ประเมินความ
ต้ องการของตนเอง
ให้ รางวัล ลงโทษ
หรื อขจัด
พนัก
งาน
แสดง พฤติกรรม
กาหนด เป้าหมาย
ปัจจัยทีส่ ่ งผลต่ อแรงจูงใจ
• ปัจจัยด้ำนองค์กร (Organizational Issues)
• ปัจจัยด้ำนงำน (Work Issues)
• ปัจจัยด้ำนผูน้ ำ (Leader Issues)
แนวคิดทฤษฎีเกีย่ วกับแรงจูงใจ
• กลุ่มทฤษฎีที่เน้นเนื้อหำ (Content Theory of Motivation)
• ทฤษฎีลำดับขั้นของมำสโลว์ (Maslow’s Hierarchical of Need)
• ทฤษฎีอีอำร์จีของอัลเดอร์เฟอร์ (Alderfer’s ERG Theory)
• ทฤษฎีสองปัจจัย (Two Factors Theory)
• ทฤษฎีควำมต้องกำรควำมสำเร็ จ (McClellan)
• กลุ่มทฤษฎีเน้นกระบวนกำร (Process Theory of Motivation)
• ทฤษฎีควำมเท่ำเทียม (Equity theory)
• ทฤษฎีควำมคำดหวัง (Expectancy theory)
• ทฤษฎีกำรตั้งเป้ำหมำย (Goal Setting)
• กลุ่มทฤษฎีที่เน้นแรงเสริ ม (Reinforcement Theory of Motivation)
ทฤษฎีลาดับขัน้ ของมาสโลว์
ทฤษฎีอีอาร์ จีของอัลเดอร์ เฟอร์
ทฤษฎีสองปัจจัย
ปั จจัยเกื้อกูล







สภำพแวดล้อมในกำรทำงำน
ควำมมัน่ คงของชีวติ ส่ วนตัว
ควำมมัน่ คงของงำน
นโยบำยและกำรบริ หำรงำน
รู ปแบบในกำรบังคับบัญชำ
เงินเดือน
ควำมสัมพันธ์ระหว่ำง
ผูบ้ งั คับบัญชำ เพื่อน และ
ผูใ้ ต้บงั คับบัญชำ
ปั จจัยจูงใจ






ควำมสำเร็ จของงำน
ควำมรับผิดชอบ
โอกำสก้ำวหน้ำ
กำรได้รับกำรยกย่อง
งำนน่ำสนใจมีคุณค่ำ
สถำนภำพที่ดี
การเปรียบเทียบทฤษฎีสองปัจจัยของเฮอร์ ซเบอร์ ก ทฤษฎีลาดับขั้นความ
ต้ องการของมาสโลว์ และทฤษฎี อี.อาร์ .จี ของอัลเดอร์ เฟอร์
ทฤษฎีสองปัจจัยของเฮอร์ ซ ทฤษฎีลำดับขั้นควำม
เบอร์ก
ต้องกำรของมำสโลว์
ทฤษฎี อี.อำร์ .จี ของอัล
เดอร์เฟอร์
ปัจจัยจูงใจ
กำรเจริ ญเติบโต
ควำมต้องกำรที่จะประสบ
ควำมสำเร็ จสู งสุ ด
สัมพันธภำพ
ควำมต้องกำรที่จะได้รับกำร
กำรดำรงชีพ
ยกย่อง
ปั จจัยเพื่อกำรคงอยู่
ควำมต้องกำรทำงสังคม
ควำมต้องกำรในควำมมัน่ คง
ปลอดภัย
ควำมต้องกำรทำงกำยภำพ
ทฤษฎีความต้ องการความสาเร็จ
ทฤษฎีการตั้งเป้าหมาย
สถำนกำรณ์
รำงวัล
อำรมณ์และ
หรื อคุณค่ำ
ควำมต้องกำร
ควำมมุ่งหมำย
เป้ำหมำย
พฤติกรรมกำร
ปฏิบตั ิงำน
ควำมสำมำรถ
ส่วนบุคคล
ผลลัพธ์
ข้อมูลป้อนกลับ
ทฤษฎีความคาดหวัง
เครื่ องมือ
ความคาดหวัง
พลังจูงใจ
ผลลัพธ์ ระดับที่ 1
ผลลัพธ์ ระดับที่ 2
ผลลัพธ์ ระดับที่ 2
ผลลัพธ์ ระดับที่ 1
ผลลัพธ์ ระดับที่ 2
ทฤษฎีความเสมอภาค
สิ่ งที่ตนได้ตอบแทน
จำกองค์กร
สิ่ งที่ตนทำให้กบั
องค์กร
=
สิ่ งที่ผอู ้ ื่นได้ตอบแทน
จำกองค์กร
สิ่ งที่ผอู ้ ื่นทำให้กบั
องค์กร
ทฤษฎีเสริมแรง
• กำรเสริ มแรงทำงบวกเกิดขึ้นจำกพฤติกรรมของบุคคลได้รับบำงสิ่ง
บำงอย่ำงที่เป็ นสิ่ งปรำรถนำทั้งเป็ นสิ่ งที่จบั ต้องได้ เช่น เงิน หรื อในทำง
จิตวิทยำอำจเกิดจำกกำรได้รับควำมชื่นชมหรื ออำจเกิดขึ้นทั้งสองอย่ำงก็
ได้โดยสิ่ งเร้ำนั้นจะทำให้บุคคลมีพฤติกรรมเพิม่ ขึ้น
• กำรเสริ มแรงทำงลบเกิดขึ้นจำกผลลัพธ์ของพฤติกรรมถูกกำรกำจัดสิ่ งเร้ำ
ที่บุคคลไม่พอใจออกไปแล้วทำให้บุคคลมีพฤติกรรมกำรกระทำเพิ่มขึ้น
ทฤษฎีเสริมแรง
• กำรลงโทษเป็นกำรวำงเงื่อนไขด้วยกำรให้สิ่งเร้ำที่ทำให้บุคคลเกิดควำมกลัว
เพื่อลดระดับหรื อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมโดยอำจเกิดขึ้นจำกด้ำนจิตวิทยำ สิ่ ง
ที่จบั ต้องได้หรื อทั้งสอง รวมทั้งอำจเกิดขึ้นจำกสภำพแวดล้อม ก็ได้ เช่น กำร
ตัดค่ำจ้ำงในกรณี ที่พนักงำนไม่ทำกฎระเบียบที่กำหนดขึ้น
• กำรก ำจัด เป็ นผลมำจำกพฤติ ก รรม ควำมเชื่ อ ควำมรู ้ สึ ก ที่ บุ ค คลประสบ
ในทำงลบและส่ งผลให้พฤติกรรมที่ประสบเหล่ำนั้นถูกกำจัดออกไป เช่น กำร
ตัดสิ ทธิไม่ข้ ึนค่ำจ้ำงหำกพนักงำนปฏิบตั ิงำนไม่ได้ตำมเกณฑ์ที่กำหนด
Idea, Learning, Question