พืชดอก Angiospermae วสุ อมฤตสุทธิ์ วิชาหลักการขยายพันธ์พืช

Download Report

Transcript พืชดอก Angiospermae วสุ อมฤตสุทธิ์ วิชาหลักการขยายพันธ์พืช

พืชดอก
Angiospermae
วสุ อมฤตสุ ทธิ์
วิชาหลักการขยายพันธ์พืช
คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
Class Angiospermae
- แบ่ งออกเป็ น 2 subdivision คือ dicotyledons และ
m o n o c o t y l e d o n s
- มีประมาณ 300
s
p
e
families มากกว่ า 250,000
c
i
e
s
-
เป็ นพืชดอกมีส่วนของดอก
-
มีต้งั แต่ ไม้ เลือ้ ย
ไม้ พ่มุ
ผล
และเมล็ด
จนถึงไม้ ยืนต้ น
Class gymnospermae
(Lawrence, 1964)
การเกิดและพัฒนาดอก
1. ระยะการเจริญเต็มวัย (mature stage)
พืชทั่วไปสามารถออกดอกได้ เมื่อเจริญเต็มวัย
พืช
หลายชนิดจะมีระยะเยาว์ วยั (Juvenile phase) กล่ าวคือเป็ น
ระยะทีพ่ ืชมีการสร้ างและสะสมอาหารในส่ วนของลาต้ น
-มะม่ วงมีระยะการเจริญเต็มวัยประมาณ 3-5 ปี
-สั บปะรด ประมาณ 8 เดือน
-ถั่วเขียวประมาณ 5 สั ปดาห์
การเกิดและพัฒนาดอก
2. ระยะการชักนา (induction stage)
เป็ นการเปลีย่ นแปลงขั้นแรก
โดยพืชเริ่มมีการ
ตอบสนองต่ อการกระตุ้น หรื อชักนาจากปัจจัยต่ างๆ ทั้งนี้
จะมีการเปลีย่ นจากระยะ vetgetative เป็ น reproductive
มีการเปลีย่ นแปลงเนื้อเยื่อตา หรื อยอดเปลีย่ นเป็ นตาดอก
การเกิดและพัฒนาดอก
3. ระยะเกิดตาดอก (initiation of floral
primordia)
เป็ นระยะทีเ่ ริ่มเห็นการเปลีย่ นแปลงของตาที่จะเจริญ
เป็ นดอก (floral primodia) เนื้อเยื่อเจริญเริ่มขยายตัว ทาให้
มีการพองตัวของตาดอก
การเกิดและพัฒนาดอก
4.ระยะพัฒนาของดอก (floral development หรื อ
organogenesis)
เป็ นระยะที่มีการเกิดส่ วนอื่น ๆ ทีป่ ระกอบขึน้ เป็ น
ดอก โดยตาดอกจะสร้ างกลีบเลีย้ ง กลีบดอก เกสรตัวผู้ เกสร
ตัวเมีย
ตา (buds)
(Lawrence, 1964)
ตา (buds)
1. ตาเดีย่ ว (simple bud)
เป็ นตาที่จะพัฒนาเป็ นอวัยวะส่ วนใดส่ วนหนึ่ง
1.1 ตาใบ (leaf bud หรื อ vegetative bud) กิง่
1.2 ตาดอก (flower bud) ดอก หรื อ ช่ อดอก
2. ตาผสม (mixed bud)
เป็ นตาทีป่ ระกอบไปด้ วย ตาดอก และ ตาใบ
รวมกัน
ตา (buds)
1. ตายอด (terminal bud)
เป็ นตาทีอ่ ยู่บริเวณปลายกิง่ หรื อลาต้ น
2. ตาข้ าง (lateral bud)
เป็ นตาทีอ่ ยู่บริเวณด้ านข้ างๆ ของกิง่ หรื อ ลาต้ น
มา
และอยู ่ถด
ั จากตาแหน่ งตายอดลง
ดอก (flower)
ดอก เป็ นส่ วนของกิง่ (shoot) ที่มีการพัฒนาเปลีย่ นแปลง
เพื่อทาหน้ าทีใ่ นการสื บพันธุ์ แตกต่ างจากกิง่ ธรรมดาตรงที่
มีปล้ องสั้น บริเวณข้ อไม่ มีตาเกิดขึน้ และมีการเจริญอยู่ใน
ขอบเขตจากัด กล่ าวคือเมื่อส่ วนต่ าง ๆ ของดอกเกิดขึน้
การเจริญในส่ วนปลาย (apical growth) จะสิ้นสุ ดลง
Class Angiospermae
Class Angiospermae
ปัจจัยควบคุมการสร้ างดอก
1.
ปัจจัยจากภายในต้ นพืช
1.1 ลักษณะทางพันธุกรรม (ชนิดและพันธุ์ของพืช)
1.2 อายุของพืช (การเก็บสะสมอาหาร)
- C/N Ratio ต่า นั่นหมายถึง การสะสมปริมาณ
ไนโตรเจนในพืชมีสูงทาให้ พืชมีการเจริญด้ านลาต้ น กิง่ ก้ านใบ
- C/N ratio มีค่าสู งนั่นหมายถึง ปริมาณ
ไนโตรเจนมีน้อย ทาให้ เป็ นการส่ งเสริมการสร้ างดอก และผล
ปัจจัยควบคุมการสร้ างดอก
1.3 ปริมาณฮอณ์ โมนในพืช
- มะม่ วง ส้ ม สตอเบอรี่ ท้ อ แอบเปิ้ ล เชอรี่
สร้ างดอกเมื่อปริมาณ GA ในพืชมีน้อย
ลด GA โดยใช้ สารพาโคลบิวทราโซล
คลอมิควอท
ดามิโนไซด์
ปัจจัยควบคุมการสร้ างดอก
1.3 ปริมาณฮอณ์ โมนในพืช
- พืชวันยาวบางชนิดสามารถออกดอกได้ ในสภาพ
วันสั้ นเมื่อได้ รับ GA
- เบญจมาศ สามารถใช้ GA ทดแทนความ
ต้ องการอุณหภูมิตา่ ในการออกดอก
- เอทิลนี /เอทาฟอน กระตุ้นการสร้ างดอกในมะม่ วง
สั บปะรด เงาะ ลิน้ จี่ ลาไย แอบเปิ้ ล
ปัจจัยควบคุมการสร้ างดอก
2.
ปัจจัยจากภายนอกต้ นพืช
1.1 แสง
- การตอบสนองต่ อแสง/ช่ วงแสง
- การสั งเคราะห์ แสง/สะสมอาหาร
1.2 อุณหภูมิ
- พืชเขตหนาวต้ องการอุณหภูมิตา่ สร้ างตา
- องุ่น ส้ ม ลาไย ต้ องการ 10 - 20 oC
ปัจจัยควบคุมการสร้ างดอก
2.
ปัจจัยจากภายนอกต้ นพืช
1.3 นา้
- สภาพขาดนา้ +การเกิดความเครียด
สามารถชักนาให้ สร้ างตาดอก
1.4 ปริมาณอาหารของพืช
- N สู งสร้ างใบ (vetgetative)
- C หรื อ carbohydrate ซึ่งได้ จากปุ๋ย P, K
จะกระตุ้นการสร้ างดอก
1.5 สารเคมี
ส่ วนประกอบของดอก
1. ก้านดอก (peduncle หรื อ pedicel)
2. ฐานรองดอก (receptacle หรื อ thalamus)
3. กลีบเลี้ยง หรื อ กลีบนอก (sepal) ซึ่งเรี ยกโดยรวมว่า
วงกลีบเลี้ยง (calyx)
4. กลีบดอก หรื อ กลีบใน (petal) มักมี สี สนั สวยงาม
เรี ยกโดยรวมว่า วงกลีบดอก (corolla) และในกรณี ที่กลีบ
เลี้ยงรวมกับกลีบดอก เรี ยก กลีบรวม ถ้ากลีบรวมอยู่
รวมกันเรี ยก วงกลีบรวม (perianth)
ส่ วนประกอบของดอก
5. กลุ่มเกสรตัวผู ้ (andoecium หรื อ stamen) ประกอบด้วย
ก้านชูเกสรตัวผู ้ (filament) และอับเรณู(anther) ที่มี pollen
อยูภ่ ายใน
6.กลุ่มเกสรตัวเมีย (gynoecium หรื อ carpel หรื อ pistil )
ประกอบด้วยก้านชูเกสรตัวเมีย (style) ยอดเกสรตัวเมีย
(stigma) และรังไข่ (overy) ซึ่งอยูภ่ ายใน
7. ใบประดับ (bracteole) อยูช่ ่วงฐานรองดอก
Class Angiospermae
(Dele และ Arnett, 1965)
Class Angiospermae
ประเภทของดอก
1. complete flower หมายถึง ดอกที่มีองค์ ประกอบของกลีบ
้ กลีบดอก เกสรต ัวผู ้ เกสรต ัวเมีย
เลียง
ทั้ง 4 ชั้น
2. incomplete flower หมายถึง ลักษณะดอกที่มีองค์ ประกอบ
ไม่ครบทัง้ 4 ชั้น
2.1 ดอกสมบูรณ์ เพศ( perfect flower) ประกอบด้ วยเกสร
ตัวผู้ และเกสรตัวเมียแต่ ขาดในชั้นของกลีบเลีย้ ง
หรื อ กลีบดอก
ประเภทของดอก
2.2 ดอกไม่ สมบูรณ์ เพศ (imperfect flower) ส่ วนดอกที่
ขาดในกลุ่มของเกสรตัวผู้หรื อตัวเมีย
- ดอกตัวผู้ (staminate flower) ขาดเกสรตัวเมีย
- ดอกตัวเมีย (pistillate flower) ขาดเกสรตัวผู้
- neutral flower หรื อ sterile flower ขาดทั้งเกสร
ตัวผู้และตัวเมีย
ประเภทของดอก
แบ่ งตามความสมดุลย์ ของดอก (symmetry of flower)
1. พวก regular หรื อ actinomorphic มีดอกสามารถแบ่ งเป็ น 2
ส่ วนที่เท่ ากันได้
2. พวก irregular หรื อ zygomorphic มีดอกที่ไม่ สามารถแบ่ งเป็ น
2 ส่ วนที่เท่ ากัน ซึ่งดอกลักษณะนีป้ ระกอบด้ วยกลีบดอก 4
ลักษณะ คือ standard ,keel, calyx อย่ างละ 1กลีบ และ wing
จานวน 2 กลีบ
Class Angiospermae
(Dele และ Arnett, 1965)
Class Angiospermae
(Dele และ Arnett, 1965)
ประเภทของดอก
แบ่ งตามลักษณะการติดอยู่กบั ฐานรองดอก
1. hypogynous flower เป็ นดอกที่มี sepal, petal และ stamen
่
อยู ่ตากว่
าร ังไข่ (รังไข่ ทอี่ ยู่ เหนือ receptacle เรียก
superior
overy)
2. pyrigynous flower เป็ นลักษณะดอกทีม่ ีส่วนของ receptacle
โค้งเว้าเป็ นรู ปถ้วย (floral tube) เรียกรังไข่ ลกั ษณะนี้
ว่ า
half-inferior overy
Class Angiospermae
3. epigynous flower เป็ นดอกที่มี sepal, petal และ stamen
้ า inferior
อยู ่เหนื อร ังไข่ เรียกร ังไข่แบบนี ว่
overy
(Dele และ Arnett, 1965)
Class gymnospermae
Cantaloupe Flower Types
Class Angiospermae
(Esau, 1959)
Class Angiospermae
(Esau, 1959)
Class Angiospermae
(Esau, 1959)
Class Angiospermae
(Victor และ Adams,1963)
Class Angiospermae
(Victor และ Adams,1963)
เมล็ดพันธุ์ (seed)
เมล็ด เป็ นหน่ วยในการถ่ ายทอดลักษณะทาง
พันธุกรรมจากพืชช่ วงหนึ่งไปยังอีกช่ วงหนึ่ง
เป็ น
หน่ วยทีม่ ีหน้ าทีใ่ นการขยายพันธุ์ โดยเป็ นผลรวมของ
พันธุกรรมจากพืชต้ นพ่อและต้ นแม่
Seed & Grain
เมล็ดพันธุ์ (seed)
orthodox seed เป็ นเมล็ดพันธุ์ทมี่ คี วามชื้นลดลงเมื่อผ่านระยะการ
สุ กแก่ทางสรีระวิทยา พบในเมล็ดพันธุ์พืชไร่ เมล็ดพันธุ์ผกั เมล็ด
พันธุ์ไม้ ดอก
recolcitrant seed เป็ นเมล็ดพันธุ์ทหี่ ลังการสุ กแก่ทางสรีรวิทยาหาก
สู ญเสี ยความชื้น เมล็ดจะสู ญเสี ยความมีชีวติ ได้ แก่ เมล็ดไม้ ผล
เช่ นเงาะ มะม่ วง ทุเรียน มังคุด และไม้ ยืนต้ นอีกมากมาย ซึ่งปกติ
จะสู ญเสี ยความงอกอย่ างรวดเร็ว
ในการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์
จาเป็ นต้ องเก็บรักษาในสภาพที่เย็นและชื้น
ข้ อดี
1. ทาได้ ง่าย ไม่ ต้องใช้ เครื่ องมือยุ่งยาก
2. ผลิตได้ ในปริมาณมาก
3. เสี ยค่ าใช้ จ่ายน้ อย
4. ต้ นกล้ าทนทาน มีขนาดเล็ก
5. เก็บรักษาได้ นาน ไม่ ต้องการสิ่ งแวดล้ อมในการ
ดารงชีวต
ิ มาก เพียงเก็บร ักษาให้
ถูกต้ อง
ข้ อดี
6. ต้ นพืชมีระบบรากทีด่ ี “รากแก้ ว” รากสามารถหยัง่ ได้
ลึก มีผลทาให้
- ทนแล้ ง
- อายุยืนยาว
- หาอาหารได้ ดที ้งั บริเวณผิวหน้ าและส่ วนลึก
ของดิน
5. ต้ นพืชไม่ ติดโรคทีเ่ กิดจากเชื้อไวรัส เนื่องจากเชื้อไวรัส
ไม่ ถ่ายทอดทางเมล็ด
ข้ อเสี ย
1. เกิดการกลายพันธุ์
2. ลาต้ นมักสู งใหญ่ ดูแล เก็บเกีย่ วลาบาก
3. ให้ ผลช้ า ต้ องใช้ เวลาการเลีย้ งดูนานกว่ าจะให้
ผลตอบแทน
4. ปลูกได้ น้อยต้ น ในพืน้ ทีเ่ ท่ ากัน
seedlessness
1. เกิดพาร์ ทีโนคาร์ ปี (parthenocarpy)
- ผลเกิดจากไม่ ได้ ผสมเกสร เช่ น กล้ วย สั บปะรด
มะเขือเทศ พริก ฝักทอง แตง
- ผลเกิดจากการกระตุ้นของละอองเกสรตัวผู้แต่
ปราศจากการ “fertilization” เช่ น บัว
2. การตายของคัพภะ (แท้ ง = embryo abortion) เช่ น
องุ่น ท้ อ
3. คัพภะสะสมอาหารสารองไม่ เพียงพอ
สาเหตุเมล็ดลีบ
1. ขาดแป้ง เพราะต้ นล้ ม แสงมีน้อย ใบแห้ ง เชื้อโรค
2. เกสรตัวเมียแห้ ง เพราะอากาศร้ อน ลมแรง
3. ใส่ ป๋ ยไนโตรเจนมากเกิ
นไป (ระยะสร้ างรวงอ่ อน)
ุ
4. อุณหภูมิตา่ ความชื้นสู งระยะออกดอก ทาให้ ดอกไม่
บาน
5. อุณภูมิตา่ ระยะสร้ างรวงอ่ อน ทาให้ เกสรตัวผู้ไม่ เจริญ
Apomixis
ขบวนการเกิดคัพภะภายในเมล็ด โดยไม่ ผ่านขบวนการไมโอ
ซีส หรื อ ผ่านการผสมของเชื้อผสมพันธุ์ในดอก ต้ นกล้ าที่ได้
เรียก a p o m i c t s (มีลกั ษณะพันธุกรรมเหมือนต้ นแม่ )
Polyembryony
กรณีที่มีคพั ภะ ตั้งแต่ 2
หรื อ มากกว่า อยู่ในเมล็ด
เดียวกัน
•ส้ ม
•มังคุด