การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ กศน. โดย นายประเสริฐ บุญเรือง เลขาธิการ กศน. นโยบายและจุดเน้นการดาเนินงาน สานักงาน กศน. ปี งบประมาณ พ.ศ.2555 นโยบายของ รมว.กระทรวงศึกษาธิการ (ศ.

Download Report

Transcript การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ กศน. โดย นายประเสริฐ บุญเรือง เลขาธิการ กศน. นโยบายและจุดเน้นการดาเนินงาน สานักงาน กศน. ปี งบประมาณ พ.ศ.2555 นโยบายของ รมว.กระทรวงศึกษาธิการ (ศ.

การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ กศน.
โดย
นายประเสริฐ บุญเรือง
เลขาธิการ กศน.
นโยบายและจุดเน้นการดาเนินงาน
สานักงาน กศน. ปี งบประมาณ
พ.ศ.2555
นโยบายของ รมว.กระทรวงศึกษาธิการ (ศ. ดร.สุ ชาติ ธาดาธารงเวช )
เน้ นขยายโอกาส ทางการศึกษา 4 ด้ าน
1. โอกาสในการเข้ าถึงทรัพยากร เพือ่ ให้ ได้ รับการศึกษาอย่ าง
เท่ าเทียม
2. โอกาสเข้ าถึงแหล่ งทุน เพือ่ การศึกษา
3. โอกาสเพิม่ พูน และการฝึ กฝนทักษะ
4. โอกาสในการเรียนรู้ ตลอดชีวติ ส่ งเสริมการศึกษานอกระบบ
กระทรวงศึกษาธิการได้ กาหนดประเด็นยุทธศาสตร์
ด้ านการศึกษาไว้ ดังนี้
 ยุทธศาสตร์ ที่ 1
การปรับตัวเข้ าสู่ ประชาคมอาเซียน/
ประชาคมโลก
 ยุทธศาสตร์ ที่ 2 การพัฒนาสถานศึกษาเป็ นองค์ ความรู้
 ยุทธศาสตร์ ที่ 3 การพัฒนาเทคโนโลยี และเครื่ องมืออุปกร์์
 ยุทธศาสตร์ ที่ 4 การพัฒนาครู ท้ งั ระบบ
 ยุทธศาสตร์ ที่ 5 การพัฒนาศักยภาพผู้เรี ยน
กระทรวงศึกษาธิการได้ กาหนดประเด็นยุทธศาสตร์
ด้ านการศึกษาไว้ ดังนี้ (ต่ อ)
 ยุทธศาสตร์ ที่ 6 การวิจัย และถ่ ายทอดองค์ ความรู้
 ยุทธศาสตร์ ที่ 7 การเพิม
่ โอกาสทางการศึกษา
 ยุทธศาสตร์ ที่ 8 การส่ งเสริ มการมีงานทา
 ยุทธศาสตร์ ที่ 9 การบริ หารจัดการกลยุทธ์ ของ
กระทรวงศึกษาธิการ
นโยบายสานักงาน กศน. ประจาปี งบประมาณ 2555

วิสยั ทัศน์
คนไทยได้รบั การศึกษาตลอดชีวิตและการศึกษาอาชีพเพื่อการมี
งานทาที่มีคณ
ุ ภาพ ทุกที่ ทุกเวลา และเท่าเทียมกัน อย่างยั ่งยืน
 พันธกิจ
1. จัดและส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยให้มีคณ
ุ ภาพ และบริการ
ประชาชนอย่างทั ่วถึงและมีคณ
ุ ภาพ
2. จัดและส่งเสริมการศึกษาอาชีพ เพื่อการมีงานทา สร้างรายได้อย่างยั ่งยืน
3. ส่งเสริมการมีสว่ นร่วมของภาคีเครือข่าย ในการดาเนินงาน
4. พัฒนาและส่งเสริมการนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาและ ICT มาใช้ให้เกิด
ประสิทธิภาพต่อการศึกษา และพัฒนาอาชีพ
5. พัฒนาบุคลากร และระบบการบริหารจัดการ ให้สามารถดาเนินงานการศึกษา
นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย และการศึกษาอาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นโยบายและจุดเน้ นการดาเนินงาน
สานักงาน กศน. ประจาปี งบประมา์ 2555
นโยบายเร่ งด่ วน
1. การเยียวยาฟื้ นฟูหลังอุทกภัย
2. การตั้งศูนย์ ฝึ กอาชีพชุมชน
3. เร่ งรัดการจัดการศึกษานอกระบบตั้งแต่ แรกเกิดจนจบ
การศึกษาขั้นพืน้ ฐาน
4. เร่ งรัดการส่ งเสริมการเรียนรู้ และพัฒนาการอ่ านของ
ประชาชน
นโยบายและจุดเน้ นการดาเนินงาน
สานักงาน กศน. ประจาปี งบประมา์ 2555
นโยบายต่ อเนื่อง
1. ด้ านการศึกษานอกระบบ
2. ด้ านการศึกษาตามอัธยาศัย
3. ด้ านการส่ งเสริมการเรียนรู้ ของชุมชน
4. ด้ านการสนับสนุนโครงการพิเศษ
5. ด้ านเทคโนโลยีเพือ่ การศึกษา
6. ด้ านการบริหารจัดการ...
โครงการที่ได้ รับมอบหมายให้ ดาเนินการเพิ่มเติม
1. หมอดิน ให้ กศน.ร่ วมกับ อาชีวศึกษา ร่ วมกันกระจายให้ หมอดิน ไป
สร้ างองค์ ความรู้ ให้ แก่ ชุมชนมากขึน้
2. การเรียนการสอนผ่ านสื่ อทางไกล ให้ กศน. ช่ วยพัฒนา e –
Learning ให้ เป็ นช่ องทางการศึกษาให้ เกิดความเท่ าเทียม
3. ให้ แต่ งตั้งค์ะกรรมการส่ งเสริมการเรียนรู้ ผ่านระบบออนไลน์ เพือ่
ส่ งเสริมการเรียนรู้ ทางไกล โดยเฉพาะสถานีโทรทัศน์ เพือ่ การศึกษา
4. การพัฒนาบุคลากร ให้ เน้ นการพัฒนาครู กศน. แบบ
เฉพาะเจาะจง ในสาขาวิชาต่ างๆ ตามความต้ องการ
โครงการที่ได้ รับมอบหมายให้ ดาเนินการเพิ่มเติม
5. ประชากรวัยเรียน ช่ วงอายุ 3-21 ปี มี 16 ล้ านคน แต่ อยู่ใน
ระบบการศึกษา 14 ล้ านคน ที่หายไป 2 ล้ านคน เช่ นเป็ นเด็ก
เร่ ร่อน บนดอย ชายขอบ เด็กออทิสติก ฯ ให้ กศน. ไปดูแล..
6. การส่ งเสริมภาษาต่ างประเทศ โดยเฉพาะ ภาษาอังกฤษ
7. ให้ แต่ งตั้งค์ะกรรมการส่ งเสริมการเรียนรู้ ผ่านระบบออนไลน์
เพือ่ ส่ งเสริมการเรียนรู้ ทางไกล โดยเฉพาะสถานีโทรทัศน์
เพือ่ การศึกษา
พลังขับเคลือ่ นยุทธศาสตร์
 แรงขับเคลือ
่ นจากภายนอก มีอทิ ธิพลต่ อการกาหนด (พัฒนา)
นโยบายของ กศน. (และหน่ วยงานการศึกษา)
 นโยบายการศึกษามีแรงขับเคลือ
่ นจากทั้งภายในระบบ
การศึกษา และภายนอกระบบการศึกษา เช่ น นโยบายเร่ งด่ วน
ต่ างๆ...
 แรงขับเคลือ
่ นของนโยบายอาจมาจากเหตุการ์์ เฉพาะหน้ า
(หลักสู ตร 2551) หรือ เป้าหมายการพัฒนาการศึกษาระยะยาว
( คุ์ภาพการศึกษา, การใช้ ICT, การส่ งเสริมการอ่ าน)
กิจกรรมสาคัญในการขับเคลือ่ นยุทธศาสตร์
การทาความเข้ าใจในนโยบาย
การกาหนดยุทธศาสตร์
การจัดหาทรัพยากร
การดาเนินงาน
การควบคุม กากับติดตามผล
การสร้ างความเข้ าใจในนโยบาย
กลุ่มเป้ าหมาย
ผู้รับผิดชอบ (เจ้ าภาพ)
ผู้ปฏิบัติ
ผู้เกีย
่ วข้ อง/สนับสนุน/สาธาร์ชน
วิธีการ
ประชุ มชี้แจง
เผยแพร่ เอกสาร
ประชาสั มพันธ์
การกาหนดยุทธศาสตร์
การกาหนดยุทธศาสตร์
แนวทางการดาเนินงานตามนโยบาย
หนึ่งนโยบายอาจจะมีหลายยุทธศาสตร์ ได้
การกาหนดแผนงาน/โครงการ
ต้ องมีความชัดเจนทั้งเป้าหมาย วิธีดาเนินงาน
มีความเป็ นไปได้
มีความเชื่องโยง/สอดคล้ อง
มีหลายโครงการได้
การจัดหา/จัดสรรทรัพยากร
คน-ปริมา์-คุ์ภาพ/การฝึ กอบรม
เงิน-การจัดสรร-ความพอเพียง-ช่ วงเวลา
อุปกร์์ /อาคารสถานที่-ความเหมาะสม-พอเพียง
เวลา-พอเพียง-เหมาะสม
กฎหมาย ระเบียบ ข้ อบังคับ
การมอบหมาย/สั ่งการ/ดาเนินงาน
ความชัดเจน-หน้ าที่-ความรับผิดชอบ-อานาจ
กลไกการสนับสนุน
ระเบียบ/กฎหมาย
แรงจูงใจ
การบริหารจัดการ
ประสิ ทธิภาพ
ขีดความสามารถในการดาเนินงาน
ความรั บผิดชอบ
จิตวิญญา์
ปัจจัยที่มีผลต่ อการปฏิบัติตามนโยบาย
เพือ่ ขับเคลือ่ นยุทธศาสตร์
ลักษ์ะของนโยบาย-รู ปธรรม ชัดเจน เข้ าใจง่ าย
เป้าหมายของนโยบาย-ไปถึงได้ สอดคล้ องกับเป้าหมายของผู้
ปฏิบัติ
ความเป็ นไปได้ ทางทฤษฎี/วิชาการ
ทรัพยากรเพียงพอ
ลักษ์ะของหน่ วยปฏิบต
ั ิ (วัฒนธรรมองค์ กร)
ศักยภาพของผู้ปฏิบัติ
การสนับสนุนทางการเมือง และสั งคม
วงจรคุ์ภาพของเดมมิ่ง
การกากับติดตาม/ประเมินผล
 ระบบการกากับติดตาม
 กลไกในการแก้ ไขปัญหาเฉพาะหน้ า
 การประชาสั มพันธ์ /รายงาน
 ระบบการประเมินผล
 เครื่องมือ-คน-จังหวะเวลา
 เทคนิควิธี
 การตรวจสอบ/ทบทวนนโยบาย
 เปรียบเทียบผลงานกับเป้าหมาย
 ความต่ อเนื่องของนโยบาย
การตรวจสอบวงจรนโยบาย
1:
การระบุปัญหา /
ประเด็นนโยบาย
5:
4:
การทบทวนนโยบาย
2:
การพัฒนานโยบาย
การประเมินนโยบาย
3:
การนานโยบาย
สู่การปฏิบตั ิ
วัตถุประสงค์ ของการตรวจสอบ
เพือ่ ประเมินการขับเคลือ่ นยุทธศาสตร์
มีการปฏิบัติตามนโยบายหรือไม่
การดาเนินงานบรรลุเป้าหมายของนโยบายหรือไม่
นโยบายที่กาหนดขึน้ แก้ ไขปัญหา หรือสนองความต้ องการ
หรือไม่
มีความจาเป็ นต้ องปรับปรุง แก้ ไขนโยบายหรือไม่
นโยบายดังกล่ าวยังมีความจาเป็ นต้ องดาเนินการต่ อไป
หรือไม่
ผลของการตรวจสอบนโยบาย
1. ถ้ ายังไม่ บรรลุเป้าหมาย และแนวนโยบายถูกต้ อง -ดาเนินการต่ อ
2. ถ้ ายังไม่ บรรลุเป้าหมาย และแนวนโยบายถูกต้ อง แต่ แผนการ
ดาเนินงานไม่ เหมาะสม –ปรับแผนยุทธศาสตร์ ใหม่ ...
3. ถ้ ายังไม่ บรรลุเป้าหมาย แต่ แนวนโยบายไม่ เหมาะสม - ทบทวน
นโยบาย
4. ถ้ าบรรลุเป้าหมาย แต่ ปัญหายังอยู่ - ทบทวนนโยบาย
5. ถ้ าบรรลุเป้าหมาย และปัญหาได้ รับการแก้ ไข-ยุตนิ โยบาย
ข้ อสั งเกตส่ งท้ าย
นโยบายเป็ นเครือ่ งมือชี้ทิศทางในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์โดย
มีเป้าหมายของนโยบายเป็ นหลักชัย
การเปลี่ยนหลักชัย อาจส่งผลต่อการเปลี่ยนทิศทางในการ
ทางาน ซึ่งหมายถึงการเปลี่ยนนโยบาย
การไปถึงหลักชัยอาจมีหลายยุทธศาสตร์และการกาหนดวิธกี าร
ที่เหมาะสมทาให้มีโอกาสไปถึงหลักชัยได้สูงกว่า
การนานโยบายสูก่ ารปฏิบตั คิ ือการออกแรงขับเคลื่อน
ยุทธศาสตร์ไปในทิศทางที่กาหนด เพื่อให้ไปถึงหลักชัย
การพัฒนาครู อาสา สาหรับการเป็ นผู้นา ในการ
ขับเคลือ่ นยุทธศาสตร์ กศน. ให้ ประสบผลสาเร็จ
แนวคิดพืน้ ฐานของตัวผู้นา
1.
2.
3.
4.
5.
ผู้นาสามารถสร้ างได้ ไม่ ได้ เป็ นมาแต่ กาเนิด
การเป็ นผู้นาสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้
มนุษย์ แต่ ละคนมีศักยภาพของการเป็ นผู้นา
การเป็ นผู้นา เป็ นความสั มพันธ์ ระหว่ างบุคคล
เก์ฑ์ เฉลีย่ ของกลุ่มหรือปทัสถาน มีบทบาทต่ อผู้นา
ผู้นา คือบุคคลทีส่ ร้ างสรรค์ เปลีย่ นแปลงสั งคม
หน่ วยงาน ผู้นาทีจ่ ะพัฒนาคนและพัฒนางานได้
อย่ างน้ อยต้ องมีคุ์สมบัติ 3 ประการ คือ
- เก่งงานด้ านการวางแผน “เก่งงาน”
- เก่งด้ านการเข้ ากับคน สั งคม เรียกว่ า “เก่ งคน”
- รู้ จกั คิดพัฒนา เรียกว่ า “เก่งคิด”
คุณลักษณะที่ผนู้ ำควรจะมี
1. ภูมิฐาน หมายถึง ความสง่ าผ่ าเผย ความสะอาดหมด
จด ความเป็ นระเบียบ เรียบร้ อยและความพอเหมาะ
พอดีของรูปร่ าง เครื่องแต่ งกาย ท่ วงทีกริ ิยาวาจา
ความเป็ นผู้มีภูมิฐานนั้น แสดงถึงบุคลิกลักษ์ะ
แห่ งการเป็ นหัวหน้ าหรือผู้นา ทาให้ คนทั้งหลายมีความ
พึงใจ ยาเกรง และมีความศรัทธา
2. ภูมิวฒ
ุ ิ หมายถึง ความเป็ นผู้มีความรู้เฉพาะวิชาการ
ในหน้ าทีโ่ ดยตรงให้ แตกฉาน และจะต้ องมีความรู้ ใน
วิชาการแขนงอืน่ ๆ ที่เกีย่ วข้ องกับงานในหน้ าที่ มีความรู้
ทัว่ ไปดี ศึกษาค้ นคว้ าจากตารา และรู้ทนั เหตุการ์์ ของ
โลกที่เปลีย่ นแปลงไปตลอดเวลา
ภูมิวฒ
ุ ิ จะเป็ นตัวนาไปสู่ ความสามารถของผู้นา
เพราะความชานาญเฉพาะบุคคลทีแ่ สดงออกในการทา
กิจกรรมต่ าง ๆ
2.ภูมธิ รรม หมายถึง ผู้นา แม้ จะภูมฐิ าน และ
มีภูมวิ ุฒทิ ดี่ เี ลิศสู งส่ งเพียงใด ถ้ าความ
ประพฤติไม่ ดี ไม่ มีวนิ ัย จิตใจต่า ไร้ ศีลธรรม
จรรยา และวัฒนธรรมเสี ยแล้ว ความรู้ หรือ
วิชาการที่มีกห็ าประโยชน์ ไม่ ได้
คุ์ลักษ์ะของผู้นาทีม่ ภี ูมธิ รรม
 ความซื่อสั ตย์
ความมั่นคง
 เป็ นผู้ทม
ี่ ีความยุตธิ รรม
 เป็ นผู้ทม
ี่ ีวนิ ัยในตนเอง
 เป็ นผู้ทม
ี่ ีความรับผิดชอบต่ อการกระทาของตนเอง และต่ อผล
ทีเ่ กิดขึน้
 เป็ นผู้ทม
ี่ ีความปรารถนาทีจ่ ะทาดี
 เป็ นผู้ทม
ี่ ีความเชื่อมั่นในตนเอง
 เป็ นผู้ทม
ี่ ีความสามารถในการตัดสิ นใจอย่ างมีเหตุผล
คุ์ลักษ์ะของผู้นาทีม่ ภี ูมธิ รรม (ต่ อ)
 เป็ นผู้ทรี่ ับฟังความคิดเห็นของผู้ใต้ บังคับบัญชา
 เป็ นผู้ทเี่ สี ยสละกาลังกาย
กาลังใจและกาลังทรัพย์
 เป็ นผู้ทม
ี่ ีพรหมวิหารสี่
 ควบคุมอารม์์ ตนเองได้
 เป็ นผู้ทม
ี่ ีความหนักแน่ น
 เป็ นผู้ทม
ี่ ีความเปิ ดเผย
 เป็ นผู้ทม
ี่ ีศักดิ์ศรี
 เป็ นผู้ทไี่ ม่ เห็นแก่ ตวั
ตรงไปตรงมา จริงใจ
คุ์ธรรม – จริยธรรมของผู้นา
และความคาดหวังของสั งคมไทย



มีคุ์ธรรมและจริยธรรมต่ อตนเอง (ครองตน)
มีคุ์ธรรมและจริยธรรมต่ อผู้อนื่ และสั งคม
(ครองคน)
มีคุ์ธรรมและจริยธรรมต่ อหน้ าทีก่ ารงาน
(ครองงาน)
คุ์ธรรมและจริยธรรมต่ อตนเอง (ครองตน)
ดาเนินชีวติ ตามหลักธรรมของศาสนา
โดยอาศัยหลัก พรหมวิหาร 4 ได้ แก่
เมตตา = ความรักใคร่ ปรารถนา ให้ เป็ นสุ ข
กรุ์า = มีความสงสารให้ ผ้ ูอนื่ พ้ นทุกข์
มุทติ า = มีความยินดีเมือ่ ผู้มอี นื่ เป็ นสุ ข ไม่ อจิ ฉาริษยาผู้อนื่
อุเบกขา = ความวางใจเป็ นกลาง มีจิตเที่ยงธรรม
ผู้นาควรมีคุ์ธรรมของผู้บริหาร
สั ปปุริสธรรม 7 ประการ
ซึ่งเป็ นธรรมอันเป็ นเครื่องนาไปสู่ ความสาเร็จในชีวติ
รู้ เหตุ
 รู้ ผล  รู้ ตน
 รู้ กาล
รู้ ประมา์
 รู้ ประชุมชน
 รู้ บุคคล
หลักพระพทุ ธเจ้ า
หลักธรรมาภิบาลของการบริหารกิจการบ้ านเมือง
1. ประสิ ทธิผล
(Effectiveness)
2. ประสิทธิภาพ
(Efficiency)
10. การมุ่งเน้ นฉันทามติ
3. การตอบสนอง
(Consensus Oriented)
(Responsiveness)
9. ความเสมอภาค/เทีย่ งธรรม
(Equity)
เพือ่ ประโยชน์ สุข
ของประชาชน
4. ภาระรับผิดชอบ
(Accountability)
8. นิติธรรม
5. ความโปร่งใส
(Rule of law)
(Transparency)
7. การกระจายอานาจ
6. การมีส่วนร่วม
(Decentralization)
(Participation)
คุ์ลักษ์ะของผู้นายุคใหม่
ว่ ากันว่ า “ผู้นายุคใหม่ ” ต้ องเป็ น “นักบริหารมือ
อาชีพ” ต้ องพยายามเรียนรู้ หลักการ แนวคิด ทฤษฏี
ทางการบริหารและฝึ กฝนจนเกิดความชานาญ มีทกั ษะ
เก่ งคิด เก่ งงาน และเก่ งคน ยังต้ องมีคุ์ลักษ์ะทีส่ าคัญ
อีก 4 ประการ คือ
คิดกว้าง มองไกล
มุง่ สู่ความสาเร็จ
ใฝ่ สงู
กลยุทธ์ 7 ประการ ของผ้ ูนายุคใหม่







มีวสิ ั ยทัศน์ กว้ างไกล
สร้ างนวัตกรรม
ทางานอย่ างประหยัด
วัดความพอใจลูกค้ า
พัฒนาคนและระบบ
จบทีช่ ุมชน
วนสู่ ความเป็ นเลิศ
ผู้นาทีด่ ี ควร
ตัดสิ นใจโดยอ้ างอิง
ยิงให้ ถูกเป้ า
เย้ าให้ ถูกที่
ชี้ให้ ถูกคน
สนการสื่ อสาร
ประสานอย่ าให้ ขลุก
ตัดสิ นใจ
รักษาเป้ าหมาย
มนุษยสั มพันธ์
ใช้ คนเป็ น
สื่ อสารดี
ประสานงานคล่ อง
ลักษ์ะผู้นาทีพ่ งึ ปรารถนาในสั งคมไทย
หน้ ายิม้
ใจพัฒนา
สนใจทาจริง
ฟังความคิดผู้อนื่
เป็ นผู้นาในองค์ การ
ไม่ ถูกชัก(นา)ด้ วยสอพลอ
มือไหว้
แสวงหาความคิดใหม่
ไม่ วงิ่ หาแต่ อามิส
เริงรื่นกับงานทีท่ า
อาจหาญต่ อปัญหาอุปสรรค
นี่แหละหนอผู้นา กศน. ไทย
ลักษ์ะผู้นาทีไ่ ม่ พงึ ปรารถนาในสั งคมไทย
หน้ ายิม้
ใจอันธพาล
ริษยาเป็ นประจา
เริงสาราญอยู่แต่ อามิส
ชมชื่นคาสอพลอ
มือไหว้
งานไม่ พฒ
ั นา
คิดแต่ ควา่ องค์ กร
แสวงหาความผิดผู้อนื่
นี่แหละหนอผู้นา กศน.(บางคน)
พฤติกรรมทีไ่ ม่ สมควรดารงอยู่ในตัวของผู้นา คือ
 พึง่ ดวง  หวงอานาจ  ญาติอุปถัมภ์
 ทาคนเดียว  เขีย้ วลากดิน
 กินไก่ วดั
 งัดข้ อ
 จ้ อทั้งวัน  ขยันโง่
 อวดโตวางท่ า  ซ่ าส์ จนหยดสุ ดท้ าย
ปัญหา
ทาให้ นักบริหาร
เวลา
ทาให้ นักบริหาร
สถานการ์์ ทาให้ นักบริหาร
การตัดสิ นใจ ทาให้ นักบริหาร
ความคิด ทาให้ นักบริหาร
เข้ มแข็ง
เชี่ยวชาญ
รู้จักแก้ ปัญหา แก้ ไข
รู้ถูกรู้ผดิ
เลิศทางปัญญา
เตือนใจนักบริหาร
กระจกมีไว้ ส่องหน้ า
 ปัญญามีไว้ ส่องหัว
 ความชั่วมีไว้ ส่องคุ์ธรรม
 ผู้นามีไว้ ส่ององค์ กร
นักบริหารมีผลงานเป็ นกระจก
ความสาเร็จต้ องอาศัย
การฝ่ าฟัน
การต่ อสู้
ความเชี่ยวชาญ
การฝึ กฝน
ความสามารถ
พรแสวง
มิใช่ ฟลุค
มิใช่ นั่งดู
มิใช่ โชคช่ วย
มิใช่ บุญหล่ นทับ
มิใช่ วาสนา
มิใช่ พรสวรรค์
ข้ อคิดในการพูด
อย่ าดีแต่ พูด จงพูดแต่ ดี
อย่ าดีแต่ คดิ
จงคิดแต่ ดี
อย่ าดีแต่ ทาจงทาแต่ ดี
และลงมือทาเดีย๋ วนี้
การพูดและทาทีด่ ี คือ
สิ่ งทีจ่ ะนาไปสู่ ความสาเร็จได้
สรุ ป ผู้นาทุกระดับ จะต้ องครองตน ครองคน และ
ครองงานให้ ได้ การครองตนนั้น ควรยึดมั่นในเบญจ
ศีล และเบญจธรรม นอกนีแ้ ล้ ว จะต้ องมีสติสัมปชัญญะกากับอยู่เสมอ การครองคน ควรนาสั งคหวัตถุ
๔ มาเป็ นแนวปฏิบัติงาน การครองงาน ควรยึดหลัก
อิทธิบาท ๔ โดยเฉพาะการมีความรักในงานที่ทา มี
ความเพียรในการทางาน เอาใจใส่ ในงานที่ทา และ
หมั่นปรับปรุงงานทีท่ าให้ ดจี นได้ ชื่อว่ า “เป็ นผู้นาทาง
วิชาการ”
คุ์ลักษ์ะผู้นา กศน. ยุคใหม่
สิ่ งทีค่ วรเรียนรู้ และปฏิบัติ
1. เรียนรู้จากกูรูผู้ประสบความสาเร็จ
สูตรมหามงคล :
ปรั ชญาเศรษฐกิจ
พอเพียง
=พอประมาณ
+มีเหตุผล
+มีภูมิค้ มุ กันความเสี่ยง
แบบหม ่ำ จ๊กมก
นายบารั ก โอบาม่ า: ประธานาธิบดีผิวสี
ผ้ สู ร้ างความเปลีย่ นแปลง
ให้ สหรั ฐอเมริ กา
เจ้ าของรางวัลโนเบลสันติภาพ 2552
พลตรี หม่ อมราชวงศ์ คกึ ฤทธิ์ ปราโมช
อดีตนายกรัฐมนตรี บุคคลสาคัญของโลก
ปี 2552 ได้รับการยกย่อง 4 สาขา ได้แก่ 1.การศึกษา
2.วัฒนธรรม 3.สั งคมศาสตร์ และ 4.สื่ อสารมวลชน
นักปราชญ์ และศิลปิ นแห่ งชาติ
ข้ อคิด
“สูตรความสาเร็ จมิได้ อย่ ทู ใี่ ครเป็ นเจ้ าของสูตร
หรื อใครเขียนได้ พสิ ดารกว่ า
ข้ อสาคัญคือ ท่ านต้ องปรั บสูตรให้ เหมาะกับตนเอง
และลงมือทดลอง ทาไป แก้ไขไปจนสูตรเข้ าที”่
2. ทางานโดยมุ่งเน้ นผลงาน สร้ างผลงาน สร้ าง
โอกาสก่ อน ลงชิงชัยเข้ าสู่ ตาแหน่ ง
“ต้ องทางานให้ เหมาะกับตาแหน่ ง มิใช่ เก่ งทุกอย่ าง
ยกเว้ นงานในหน้ าที่
ต้ องร้ ูว่าหน้ าทีข่ องตนเองทาอะไร แล้ วก็ทางาน
ให้ เป็ นไปตามความคาดหวังของตาแหน่ ง”
ข้ อคิดเพิม่ เติม
“ต้ องศึกษาบทบาทหน้ าทีข่ องตนเองอย่ างถ่ องแท้ จะทาให้ การ
ทางานเป็ นไปอย่ างมีจุดหมาย มีระบบและประสบผลสาเร็จ”
“การก้ าวสู่ ตาแหน่ งผ้ บู ริ หาร หรื อผ้ นู าทางวิชาการนั้น ไม่ ยากเท่ า
การรั กษามาตรฐาน และการพัฒนาความเป็ นผ้ นู าทีไ่ ม่ หยดุ นิ่ง
ในโลกทีเ่ ปลี่ยนแปลงตลอดเวลา”
3. ผู้นาจะต้ องมีอารม์์ ขนั
“ อารมณ์ ขันจะเป็ นเสน่ ห์ ทาไมดาราตลก
ที่อารมณ์ ขันได้ ภรรยาสวยเป็ นนางงาม
เบื้องหลังมีการวิจัยว่ าคนที่มีอารมณ์ ขัน
คือคนทีม่ ีเสน่ ห์ ทาให้ ทุกคนผ่ อนคลาย”
4. ผู้นาจะต้ องละอารม์์ โกรธ
เพือ
่ สร้างบรรยากาศในการทางานร่วมก ัน...
ั
่ ลสมฤทธิ
มุง่ สูผ
ร์ ว่ มก ัน....
5. ผู้นาจะต้ องไว้ ใจเพือ่ นร่ วมงาน / ผู้ใต้ บังคับบัญชา
รวมทั้งยกย่ องเชิดชู เกียรติ อย่ างเหมาะสม
6. ผู้นาต้ องเป็ นผู้มีความสามารถในการประสานความ
ร่ วมมือ และระดมความร่ วมมือจากทุกภาคส่ วนได้
7. ผู้นาจะต้ องส่ งเสริม สนับสนุนการทางานเป็ นทีม
มีแผนในการทางาน เน้ นการมีส่วนร่ วมคิด ร่ วมทา
ร่ วมรับผลสาเร็จ และล้ มเหลวในการทางาน
8. ผู้บริหารจะต้ องกากับ ติดตาม ประเมินผลและ
ปรับปรุงงานอย่ างเป็ นระบบและต่ อเนื่อง
วงจรเดมมิ่ง PDCA
วางแผน
P
ปรับปรุง
A
D
C
ตรวจสอบ
ลงมือปฏิบตั ิ
9. ผู้นาจะต้ องทางานโดยยึดหลัก มนุษยสั มพันธ์
ให้ เกิดความสามัคคีรักใคร่ กับเพือ่ นร่ วมงาน
10. ผู้นาจะต้ องประชาสั มพันธ์ การดาเนินงานอยู่เป็ นนิจ
เพือ่ ให้ เกิดความเข้ าใจต่ อภาพลักษ์์ ขององค์ กร
โฆษ์าประชาสั มพันธ์
สร้ างสรรค์ ภาพลักษ์์
ั ันธ์คอ
“งานประชาสมพ
ื ด่าน
แรกของการรายงาน
ความสาเร็จของท่านและ
องค์กร
สว่ นผลงานของท่านจะเลว
หรือดี ว ัดทีค
่ นอืน
่ เขาร ับรู ้
อย่างไร ”
“ข่าวร้ายลงฟรี ข่าวดี
ต้องจ่าย
โจทย์ขอ
้ ใหญ่ของท่านคือ
จะทาอย่างไร จึงจะเป็น
ข่าวหน้าหนึง่ ในทางดี”
11. ผู้บริหารจะต้ องติดตามนโยบายของ
กระทรวงศึกษาธิการและ สานักงาน กศน.
อยู่ตลอดเวลาเพือ่ นาไปสู่ การปฏิบัตอิ ย่ างจริงจัง
12. ผู้นาทางวิชาการต้ องพัฒนาตนเองอย่ างต่อเนื่อง
“การพัฒนาตนเองก็คอื
เราต้ องค้ นหาตัวจริงเสียงจริงทีเ่ ป็ นอย่ใู น
ปัจจบุ ันของเราให้ เจอ, ค้ นหาตัวตนที่เราอยาก
เป็ น, แล้วค้นหาตัวตนของเราที่คนอื่น
อยากให้ เราเป็ น
ทั้ง 3 อย่ างนี้ถ้าเรายังหาไม่ พบ เราก็จะหลงเวียนวน
โดยไม่ ร้ ูตัวตนทีแ่ ท้จริ งของเรา “
“ เราต้ องคิดนอกกรอบ ฝันทั้งทีต้องฝันใหญ่ และฝึ กทา
โครงการอย่ างต่ อเนื่อง เราก็จะสามารถก้ าวเป็ นเบอร์ 1
ขององค์ กรและได้ รับการยอมรับจากสังคม” และสร้ าง
ภาพลักษณ์ ความเป็ นผ้ นู า ได้ อย่ างชัดเจน
13. สร้ างความชอบธรรมบนพืน้ ฐานคุ์ธรรม
และกฎหมาย
“ อย่ าไปทาผิดไปสะดุดขาตัวเอง อย่ าไปตาย
น้าตื้น ด้วยความไม่ ร้ ูกฎหมายเล็กๆน้ อยๆ
ทาให้ ถูก บั่นทอนความก้ าวหน้ า เพราะว่ า
กฎหมายเป็ นกฎกติกามารยาททางสังคมทุก
คนต้ องใช้ ร่วมกัน แต่ อย่ าเถรตรง
จนกระทัง่ ทุกอย่ างไม่ สามารถทีจ่ ะคิด
การยืดหย่ นุ ได้ ”
14. ฝึ กทักษะใหม่ จัดการความรู้ จัดการความคิด
”สร้ างองค์ กรแห่ งการเรี ยนร้ ูแบบโตแล้ วเรี ยนลัด
ขัน้ 1 ให้ เริ่ มเขย่ าองค์ กร
ขัน้ 2 จัดการถ่ ายทอดแลกเปลีย่ นเรี ยนร้ ู
ขัน้ 3 ขยายการเรี ยนร้ ูทวั่ ทัง้ องค์ กร
ขัน้ 4 แลกเปลีย่ นเรี ยนร้ ูนอกองค์ กร ไปศึกษาความสาเร็ จ
ของหน่ วยงานอื่นมาใช้ กบั การทางานของเรา”
15. เพิม่ ประสิ ทธิภาพได้ เมื่อใช้ เทคโนโลยี
“หน่ วยงานของท่ านมีอาการป่ วยหรือไม่ มีคนดีคนเก่ ง มี
เทคโนโลยีขนั้ สูง แต่ กลับไม่ ใช้ งาน ต้ องส่ งเสริ มให้ ทุกคน
ใช้ เทคโนโลยีขพืน้ ฐานได้ “