ประเภทของการวิจัยแบ่ งตามระเบียบวิธีการวิจัย แบ่ งตามระเบียบวิธีการวิจัย เชิงประวัติศาสตร์ สารวจ เชิงบรรยาย หาความสั มพันธ์ ศึกษากรณี เชิงทดลอง ศึกษาพัฒนาการ ทดลองแท้ จริง กึง่ ทดลอง การวิจัยเชิงสารวจ เป็ นการวิจัยที่เน้ นการศึกษา รวบรวมข้ อมูลต่ างๆ ทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบัน โดยการ ดาเนินการวิจัยไม่ มีการสร้ างสถานการณ์ เพือ่

Download Report

Transcript ประเภทของการวิจัยแบ่ งตามระเบียบวิธีการวิจัย แบ่ งตามระเบียบวิธีการวิจัย เชิงประวัติศาสตร์ สารวจ เชิงบรรยาย หาความสั มพันธ์ ศึกษากรณี เชิงทดลอง ศึกษาพัฒนาการ ทดลองแท้ จริง กึง่ ทดลอง การวิจัยเชิงสารวจ เป็ นการวิจัยที่เน้ นการศึกษา รวบรวมข้ อมูลต่ างๆ ทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบัน โดยการ ดาเนินการวิจัยไม่ มีการสร้ างสถานการณ์ เพือ่

ประเภทของการวิจ ัยแบ่งตาม
ระเบียบวิธก
ี ารวิจ ัย
แบ่งตามระเบียบวิธก
ี ารวิจย
ั
เชิงประวัตศ
ิ าสตรเชิ
์ งบรรยาย
เชิงทดลอง
สารวจ หาความสัมพัศึนกธษากรณี
์
ศึกษาพัฒนาการ
่
ทดลองแท้จริงกึงทดลอง
การวิจ ัยเชิงสารวจ เป็ นการวิจย
ั ที่
เน้นการศึกษารวบรวมข้อมู ลต่างๆ
่ ดขึนในปั
้
ทีเกิ
จจุบน
ั โดยการ
ดาเนิ นการวิจ ัยไม่มก
ี ารสร ้าง
่ กษาผลทีตามมา
่
สถานการณ์เพือศึ
แต่เป็ นการค้นหาข้อเท็จจริงหรือ
่ ดขึนอยู
้
เหตุการณ์ตา
่ งๆ ทีเกิ
แ
่ ล้ว


่
การวิจย
ั เชิงสารวจเป็ นระเบียบวิธวี จ
ิ ย
ั ทีมี
่
่
วัตถุประสงค ์เพือแสวงหาข้
อมู ลเกียวกับกลุ
่ม
บุคคลต่าง ๆ ในด้านความรู ้ ความรู ้สึก
่ การกระทา รสนิ ยม ค่านิ ยม
ความเชือ
ฯลฯ โดยดาเนิ นการอย่างเป็ นระบบด้วยการ
ให้บุคคลดังกล่าวรายงานข้อมู ลด้วยตนเอง
การวิจย
ั เชิงสารวจมีหลายลักษณะ เช่น
การสารวจข้อมู ลเชิงพรรณนา การสารวจ
ข้อมู ลเชิงอธิบาย การวิจย
ั ประเมินผล การ
วิจย
ั การตลาด เป็ นต้น


องค ์ประกอบของการวิจย
ั เชิงสารวจ
่
โดยทัวไป
ได้แก่ ประเด็นการวิจย
ั
การรายงานด้วยตนเอง ต ัวแทน และ
่ นนัยทัวไป
่
ข้อสรุปทีเป็
รู ปแบบการวิจย
ั เชิงสารวจ Survey
Research Design เป็ นการ
่ องการศึกษา
ดาเนิ นการเก็บข้อมู ลทีต้
ประชากรส่วนใหญ่ จากกลุ่มต ัวอย่าง
้
จานวนหนึ่ งของประชากรกลุ่มนัน
้
จุดมุ่งหมายพืนฐานของการออกแบบ
การวิจ ัยเชิงสารวจ



ช่วยให้ได้ร ับสารสนเทศผลของการ
่
สารวจทีสามารถตอบโจทย
์การวิจย
ั ได้
ถู กต้อง
ให้การสรุปอ้างอิงสารสนเทศผลสารวจ
่ อได้
จากต ัวอย่างไปยังประชากรเชือถื
้
่
ให้การทาวิจย
ั เชิงสารวจทุกขันตอนที
้
จะเกิดขึนจริ
งดาเนิ นไปได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ
ประเภทของการออกแบบการวิจ ัยเชิง
สารวจ

Longitudinal survey research design




Trend survey design
Cohort survey design
Panel survey design
Cross-sectional survey research design
่
ความคลาดเคลือนและความถู
กต้อง
่ อได้ของการสารวจ
เชือถื
 Sampling frame error
 Sampling error
 Measurement error
 Non response error
แบบแผนการสารวจ
วัตถุประสงค ์ของการวิจย
ั

การค้นคว้าสารวจ (Exporation)

การศึกษาแบบพรรณา (Description)
่ นหาสาเหตุ (Causal

การวิจย
ั เพือค้
Explanation)

การทดสอบสมมติฐาน (Hypothesis
testing)

การประเมินผล (Evaluation)
การวางแผนการวิจ ัยเชิงสารวจ



่
เครืองมื
อในการวิจย
ั ได้แก่
แบบสอบถาม หรือแบบสัมภาษณ์แบบ
อิงโครงสร ้าง
่ กษาทุก
การสุม
่ ต ัวอย่าง ประชากรทีศึ
คนต้องมีโอกาสเท่าก ันในการเป็ น
ต ัวอย่าง
การเก็บรวบรวมข้อมู ล
้ั ยว
 การเก็บข้อมู ลครงเดี
้ั
 การเก็บข้อมู ลมากกว่า 1 ครง
เทคนิ คในการเก็บรวบรวมข้อมู ล
 การสารวจแบบต ัวต่อตว
ั
 การสารวจทางโทรศ ัพท ์
 การสารวจทางไปรษณี ย ์
่
 การสอบถามบุคคลในทีสาธารณะ
ต่าง ๆ
 การส่งแบบสอบถามผ่านอุปกรณ์การ
่
สือสารสมั
ยใหม่
หน่ วยในการวิเคราะห ์ข้อมู ล เช่น


้
ขันตอนการวิ
จย
ั เชิงสารวจ
้
Denzin ได้เสนอไว้ 9 ขันตอน
คือ
่
1. กาหนดรู ปแบบของปั ญหาทีจะศึ
กษา
่
เป็ นการกาหนดปั ญหาทีจะศึ
กษา ศึกษา
จากใคร ลักษณะการศึกษาเป็ นแบบ
พรรณนาหรือเป็ นการอธิบาย และ
่ องการจะ
ทานายรวมไปถึงสมมติฐานทีต้
ทดสอบด้วย เป็ นการกล่าวถึงลักษณะ
่
ทัวไปของปั
ญหา
้
ขันตอนการวิ
จย
ั เชิงสารวจ (ต่อ)
2. กาหนดปั ญหาเฉพาะการวิจ ัย
แปลความหมายของแนวความคิด
่
ในปั ญหาทีจะศึ
กษาให้เป็ นตัวแปร
่
ทีสามารถวัดได้
และระบุถงึ กลุม
่
่
ตัวอย่างทีจะใช้
เป็ นหน่ วยใน
การศึกษา
้
ขันตอนการวิ
จ ัยเชิง
(ต่อ) ารวจ
3. การเลือกรูส
ปารวจ
แบบของการส
เลือกให้ตรงก ับจุดมุ่งหมายของการวิจย
ั
่
4. สร ้างเครืองมื
อในการวิจย
ั
5. กาหนดรู ปแบบในการวิเคราะห ์ข้อมู ล
เลือกต ัวแปรอิสระ ต ัวแปรตาม และต ัว
้
้
แปรคุมขึนมา
พร ้อมทังระบุ
มาตราหรือ
ด ัชนี ของแต่ละต ัวแปรไว้ให้พร ้อม
้
ขันตอนการวิ
จ ัยเชิง
สารวจ (ต่อ)
6.กาหนดการเข้าตารางข้อมู ล
เตรียมรู ปแบบการวิเคราะห ์ซึง่
จะต้องลงรหัสให้ก ับประเด็นปั ญหา
และข้อคาถามต่างๆ ใน
่
แบบสอบถาม เพือให้
ง่ายต่อการ
แปลงข้อมู ลไปสู ่การวิเคราะห ์
้
ขันตอนการวิ
จ ัยเชิง
สารวจ (ต่อ)
7.เตรียมการสาหร ับผู ส
้ ม
ั ภาษณ์
่ กวิจ ัย
และผู ถ
้ ู กสัมภาษณ์ ก่อนทีนั
จะลงไปปฏิบต
ั งิ านในสนาม
ผู ส
้ ม
ั ภาษณ์จะต้องได้ร ับการอบรม
้
่ งของพื
้
้ การวิ
่
ชีแนะถึ
งทีตั
นที
จ ัย
และกาหนดผู ถ
้ ู กสัมภาษณ์ซงเป็
ึ่ น
กลุ่มตวั อย่างจากประชากร โดย
่ ่ของกลุ่มคน
้
เห็นถึงทีอยู
ชีแนะให้
้
ขันตอนการวิ
จ ัยเชิง
ส
ารวจ
(ต่
อ
)
่
8. การวิเคราะห ์ผลข้อมู ลทีออกมา
นักวิจย
ั ต้องมุ่งค้นหาคาตอบ/ประเด็น
่
้ คือ
ปั ญหาทีจะเกิ
ดขึน
่ ศก
้
- กลุ่มต ัวอย่างทีได้
ึ ษาจริงนันมี
ลักษณะรายละเอียดต่างๆ เหมือนกับ
่ มุ่งหว ังไว้หรือไม่
กลุ่มต ัวอย่างทีได้
- อ ัตราการปฏิเสธ (Refusals rate)
่
่ ดขึนจะต้
้
ทีจะตอบค
าถามทีเกิ
องนามา
คิดคานวณด้วยเ พราะถือเป็ นประเด็น
้
ขันตอนการวิ
จ ัยเชิง
สารวจ (ต่อ)
่
้
9. การทดสอบสมมติฐาน ซึงในขั
น
้ กวิจ ัยจะต้องสร ้างรู ปแบบการ
นี นั
้
่
วิเคราะห ์หลายตัวแปรขึนมา
เพือดู
ลักษณะความแปรผันร่วมระหว่างตัว
แปรจัดลาดบ
ั ก่อนหลัง
่
ความสัมพันธ ์ของตัวแปรและเมือ
้ ดลง
การวิเคราะห ์สินสุ
การเก็บรวบรวม
ข้
อ
มู
ล
การเก็บรวบรวมข้อมู ลจากแหล่ง
ต่างๆ มีเทคนิ คแตกต่างกัน
แบ่งเป็ น 2 วิธ ี คือ
- การรวบรวมข้อมู ลจากเอกสาร
(Documentary Data)
- การรวบรวมข้อมู ลจากสนาม
(Field Data)
การเก็บรวบรวมข้อมู ล
1.การสัมภาษณ์
2.การสอบถาม
- การใช้แบบสอบถาม
-การสอบถามทางโทรศ ัพท ์
3.การสังเกต
- การสังเกตแบบมีสว
่ นร่วม
- การสังเกตแบบไม่มส
ี ว
่ นร่วม
ในการวิจย
ั เชิงสารวจ ส่วนใหญ่จะมี
ความสัมพันธ ์กับข้อมู ลสนาม (field
่ ด ซึงมี
่ วธ
data) มากทีสุ
ิ ก
ี ารเก็บข้อมู ลที่
นิ ยมใช้ก ันอยู ่ 4 วิธ ี คือ
่ ส
- ใช้แบบสอบถาม ทีผู
้ ม
ั ภาษณ์
ดาเนิ นการสอบถามเอง
- การสัมภาษณ์ทางโทรศ ัพท ์
- การส่งแบบสอบถามทางไปรษณี ย ์
่ ใ้ ห้ขอ
- แบบสอบถามทีผู
้ มู ลเป็ น
ผู ต
้ อบเอง
การสัมภาษณ์
การสัมภาษณ์ (Interview) เป็ น
วิธก
ี ารเก็บข้อมู ลอย่างหนึ่ งของนัก
สังคมศาสตร ์เป็ นการสนทนาระหว่าง
นักวิจย
ั ก ับผู ใ้ ห้ขอ
้ มู ล (information)
่ ัตถุประสงค ์ของการเก็บข้อมู ล
เพือว
วิธก
ี ารสัมภาษณ์ทน
ี่ ามาใช้ก ันมาก
่ ดในการวิจย
ทีสุ
ั เชิงสารวจ คือ รู ปแบบ
การสัมภาษณ์หรือตารางการสัมภาษณ์
รู ปแบบของการ
สัมภาษณ์


การสัมภาษณ์ทเป็
ี่ นรู ปแบบมาตรฐาน
(The Schedule Standardized
Interview, SSI)
การสัมภาษณ์ทไม่
ี ่ มแ
ี บบมาตรฐาน
(The Nonstandardized Interview
or Unstructured Interview ; UI)
การใช้แบบสอบถาม
แบบสอบถาม หมายถึง คาถาม
่
้
่
หรือชุดของคาถามทีเราคิ
ดขึนเพื
อ
เตรียมไว้ไปถามผู ท
้ ทราบข้
ี่
อมู ล
่
ตามทีเราต้
องการทราบ อาจจะถาม
่
เอง ให้คนอืนไปถาม
หรือส่ง
แบบสอบถามไปให้กรอกตาม
่ าหนดให้ แล้ว
แบบฟอร ์มคาถามทีก
่
ข้อดีของแบบสอบถาม



่
ลงทุนน้อยกว่า เมือเที
ยบกับการสัมภาษณ์
เพราะแบบสอบถามลงทุนด้วยค่าพิมพ ์และ
ส่งไปยังผู ร้ ับ ส่วนการสัมภาษณ์ตอ
้ งออกไป
สัมภาษณ์ทล
ี ะคน ย่อมเสียเวลาและ
ค่าใช้จา
่ ยมากกว่า
การส่งแบบสอบถามทางไปรษณี ย ์ จะไปถึง
ผู ร้ ับแน่ นอนกว่า การออกไปสัมภาษณ์ซงึ่
ผู ต
้ อบอาจไม่อยู ่บา้ น ไม่วา
่ ง หรือไม่ยน
ิ ดี
พบผู ส
้ ม
ั ภาษณ์
การส่งแบบสอบถามไปให้คนจานวนมาก
ข้อดีของแบบสอบถาม (ต่อ)



่ ผู ต
แบบสอบถามทีดี
้ อบจะตอบอย่าง
สะดวกใจมากกว่าการสัมภาษณ์
ถ้าสร ้างแบบสอบถามให้ดแ
ี ล้ว การ
วิเคราะห ์ข้อมู ลทาได้ง่ายกว่าการ
สัมภาษณ์
สามารถควบคุมให้แบบสอบถามถึงมือผู ร้ ับ
่ น จึงทาให้การตอบ
ได้ในเวลาไล่เลียกั
(ถ้าตอบทันที) ได้แสดงถึงความคิดเห็น
่
ของสภาวการณ์ในเวลาทีใกล้
เคียงกันได้
เป็ นการควบคุมการตอบได้แบบหนึ่ ง
ข้อจาก ัดของแบบสอบถาม




มักจะได้แบบสอบถามกลับคืนจานวน
น้อย
่ (reliability) และความตรง
ความเทียง
(validity) ของแบบสอบถามได้ร ับการ
ตรวจสอบลาบาก จึงมักจะไม่นิยมหา
้
โดยปกติแบบสอบถามควรมีขนาดสัน
้ งมีขอ
กะทัดร ัด ด ังนันจึ
้ คาถามได้จานวน
จาก ัด
คนบางคนมีความลาเอียงต่อการตอบ
ข้อจากัดของแบบสอบถาม (ต่อ)



่ ตอ
เป็ นการเก็บข้อมู ลทีไม่
้ งใช้
ความสัมพันธ ์ส่วนตัวเหมือนกับการ
สัมภาษณ์ซงผู
ึ่ ถ
้ ามและผู ต
้ อบมีปฏิก ิรย
ิ า
โต้ตอบกัน แบบสอบถามให้ปฏิก ิรย
ิ า
โต้ตอบทางเดียว
่ าน
แบบสอบถามใช้ได้เฉพาะบุคคลทีอ่
้
หนังสืออกเท่านัน
่ ร ับคืนมานัน
้ ผู ว้ เิ คราะห ์
แบบสอบถามทีได้
ไม่สามารถทราบได้วา
่ ใครเป็ นผู ต
้ อบ
้
แบบสอบถามนัน
ข้อพิจารณาในการเขียน
แบบสอบถาม
ในการเขียนแบบสอบถามมี
่
องค ์ประกอบทีจะต้
องพิจารณา 4
ประเด็น คือ
 ชนิ ดของคาถาม
 รู ปแบบของคาถาม
้
 เนื อหาของค
าถาม
 การจัดลาดับของคาถาม
ข้อควรระวังในการวิจ ัยเชิงสารวจ


หัวใจสาคัญของการวิจย
ั เชิงสารวจคือ
แบบสอบถาม แต่แบบสอบถามถู กสร ้าง
้
ขึนมาด้
วยกระบวนการทางภาษา
แบบสอบถามจึงไม่มท
ี างเป็ นกลางได้อย่าง
แท้จริง แต่จะแฝงไปด้วยทัศนคติของ
ผู อ
้ อกแบบการวิจย
ั อยู ่ดว้ ยเสมอ นอกจากนี ้
้
แม้แต่หวั ข้อการวิจย
ั ก็เป็ นการกาหนดขึน
้ น
้
ของผู ว้ จ
ิ ย
ั ทังสิ
คาตอบในการวิจย
ั เชิงสารวจคือทัศนคติ
่ บต
ไม่ใช่พฤติกรรมจริงทีปฏิ
ั ิ
ตัวอย่างการออกแบบการ
วิจยั เชิงสารวจ
่
คาถาม วัตถุประส ประชากร เครืองมือ
การวิจ ัย งค ์
/กลุ่ม
ฯ
ตัวอย่าง
่ กษา ผู เ้ รียน
ความพึง เพือศึ
แบบสอบ
พอใจ
ความพึง
ถาม
ของ
พอใจของ
่
ผู เ้ รียนที่ ผู เ้ รียนทีมี
มีตอ
่
ต่อ
หลักสู ต หลักสู ตร
รเป็ น
อย่างไร
การ
วิเคราะ
ห ์ข้อมู ล
ความถี่
ร ้อยละ
ตัวอย่างงานวิจ ัยเชิงสารวจ



สภาพและปั ญหาการใช้อน
ิ เทอร ์เน็ ตของครู อาจารย ์และนักเรียน โรงเรียนมัธยมศึกษา
สังกัดกรมสามัญศึกษา เขตการศึกษา 11 ที่
่
เข้าร่วมโครงการเครือข่ายคอมพิวเตอร ์เพือ
โรงเรียนไทย (School Net Thailand)
สภาพและปั ญหาการบริหารโครงการ
่
เครือข่ายคอมพิวเตอร ์เพือโรงเรี
ยนไทยของ
โรงเรียนมัธยมศึกษา
่
การใช้คอมพิวเตอร ์เพือการบริ
หารงานใน
โรงเรียนประถมศึกษา
สังกัดสานักงานการประถมศึกษาจังหวัด
ตัวอย่างงานวิจ ัยเชิงสารวจ




ศึกษาระดับการยอมร ับสมาชิกสภาร่าง
ร ัฐธรรมนู ญของประชาชนในเขตกรุงเทพฯ
และปริมณฑลต่อการร่างร ัฐธรรมนู ญฉบับ
ใหม่
ทัศนคติของกลุ่มประชาชนในเขต
กรุงเทพมหานครและปริมณฑลต่อภาพพจน์
ผลงานร ัฐบาล
การเมืองไทยในสายตาผู ส
้ ู งอายุ
การสารวจความพึงพอใจของนายจ้างต่อ
่
บัณฑิตการสือสารมวลชน
ม.เชียงใหม่