การพัฒนาและประเมิน ทักษะการคิด โรงเรียนปรินส์ รอยแยลส์ วิทยาลัย ปี การศึกษา 2556 ระบบการคิด (Thinking System) Input (การรับรู้) การอ่ าน การฟั ง การสัมผัสด้ วย ประสาททัง้ 5 Process (การคิดหรือ การประมวลผลข้ อมูล) การคิดขัน้ พืน้ ฐาน (จา,เข้ าใจ,นาไปใช้ ) การคิดขัน้ สูง (วิเคราะห์ ,สังเคราะห์ ประเมิน) Output (การกระทา) การพูด การเขียน พฤติกรรม แสดงออก การคิดที่มีประสิทธิภาพ คือการคิดที่มีจดุ.

Download Report

Transcript การพัฒนาและประเมิน ทักษะการคิด โรงเรียนปรินส์ รอยแยลส์ วิทยาลัย ปี การศึกษา 2556 ระบบการคิด (Thinking System) Input (การรับรู้) การอ่ าน การฟั ง การสัมผัสด้ วย ประสาททัง้ 5 Process (การคิดหรือ การประมวลผลข้ อมูล) การคิดขัน้ พืน้ ฐาน (จา,เข้ าใจ,นาไปใช้ ) การคิดขัน้ สูง (วิเคราะห์ ,สังเคราะห์ ประเมิน) Output (การกระทา) การพูด การเขียน พฤติกรรม แสดงออก การคิดที่มีประสิทธิภาพ คือการคิดที่มีจดุ.

การพัฒนาและประเมิน
ทักษะการคิด
โรงเรียนปรินส์ รอยแยลส์ วิทยาลัย
ปี การศึกษา 2556
ระบบการคิด (Thinking System)
Input
(การรับรู้)
การอ่ าน
การฟั ง
การสัมผัสด้ วย
ประสาททัง้ 5
Process
(การคิดหรือ
การประมวลผลข้ อมูล)
การคิดขัน้ พืน้ ฐาน
(จา,เข้ าใจ,นาไปใช้ )
การคิดขัน้ สูง
(วิเคราะห์ ,สังเคราะห์
ประเมิน)
Output
(การกระทา)
การพูด
การเขียน
พฤติกรรม
แสดงออก
การคิดที่มีประสิทธิภาพ คือการคิดที่มีจดุ มุง่ หมาย และควบคุมความคิดของตนเองได้
การอ่ าน (Reading Literacy)
ตามนิยามของ PISA

หมายถึง ความรู้และทักษะที่จะเข้ าใจ เรื่ องราวและสาระของสิ่งที่ได้ อ่าน คิดวิเคราะห์
แปลความ ตีความ ประเมินสาระที่ได้ อ่าน และสะท้ อนออกมาเป็ นความคิดของตนเอง
สมรรถนะการอ่ าน ประกอบด้ วย
1. การค้ นหาสาระในเรื่ องที่อ่าน (Retrieving Information)  จับใจความ
2. การตีความ (Interpretation)  เข้ าใจในเรื่ องที่อ่าน
3. วิเคราะห์และประเมิน (Reflection & Evaluation)  สะท้ อนความคิดตนเอง
และคุณค่าของเรื่ องที่อ่าน


ดังนัน้ กระบวนการอ่ าน จึงเป็ นกระบวนการคิดชนิดหนึง่ ที่ประกอบด้ วย การคิดพื ้นฐาน
(การรับรู้ข้อมูล ความเข้ าใจ) และการคิดขันสู
้ ง (คิดวิเคราะห์และประเมิน) คุณครูจึงต้ อง
ส่งเสริ มให้ นกั เรี ยนเกิดสมรรถนะด้ านการอ่าน เพื่อนักเรี ยนจะได้ เรี ยนรู้ด้วยตนเองตลอดชีวิต
แนวออกข้ อสอบวัดสมรรถนะการอ่าน ให้ วดั ในจากสมรรถนะด้ านการอ่านทัง้ 3 ข้ อ
 การเขียน เป็ นการถ่ายทอดสิ่งที่รับรู้ และการคิด ออกเป็ นข้ อความหรื อสัญลักษณ์

ทักษะการคิด (Thinking Skills)
๑. ทักษะการคิดขัน้ พืน้ ฐาน (basic Thinking Skills)
๑.๑ ทักษะการคิดที่ใช้ ในการสื่อสาร (Communication Skills)
ทักษะการฟั ง ทักษะการพูด ทักษะการอ่าน ทักษะการเขียน
๑.๒ ทักษะการคิดที่เป็ นแกน (Core Thinking Skills)
ทักษะการสังเกต
ทักษะการสารวจ
ทักษะการสารวจค้ นหา
ทักษะการตังค
้ าถาม
ทักษะการระบุ
ทักษะการรวบรวมข้ อมูล
ทักษะการเปรี ยบเทียบ
ทักษะการคัดแยก
ทักษะการจัดกลุม่
ทักษะการจาแนกประเภท
ทักษะการเรี ยงลาดับ
ทักษะการแปลความ
ทักษะการตีความ
ทักษะการเชื่อมโยง
ทักษะการสรุปย่อ
ทักษะการสรุปอ้ างอิง
ทักษะการให้ เหตุผล
ทักษะการนาความรู้ไปใช้
๒.ทักษะการคิดขัน้ สูง (Higher Ordered Thinking Skills)
๒.๑ ทักษะการคิดซับซ้ อน
ทักษะการให้ ความกระจ่าง
ทักษะการสรุปลงความเห็น
ทักษะการให้ คาจากัดความ
ทักษะการวิเคราะห์
ทักษะการสังเคราะห์
ทักษะการประยุกต์ใช้ ความรู้
ทักษะการจัดระเบียบ
ทักษะการสร้ างความรู้
ทักษะการจัดโครงสร้ าง
ทักษะการปรับโครงสร้ าง
ทักษะการหาแบบแผน
ทักษะการพยากรณ์
ทักษะการหาความเชื่อพื ้นฐาน
ทักษะการตังสมมติ
้
ฐาน
ทักษะการพิสจู น์ความจริง
ทักษะการทดสอบสมมติฐาน
ทักษะการตังเกณฑ์
้
ทักษะการประเมิน
๒.๒ ทักษะพัฒนาลักษณะการคิด (Thinking Patterns)
ทักษะการคิดคล่อง
ทักษะการคิดหลากหลาย
ทักษะการคิดละเอียด
ทักษะการคิดชัดเจน
ทักษะการคิดอย่างมีเหตุผล
ทักษะการคิดถูกทาง
ทักษะการคิดกว้ าง
ทักษะการคิดไกล
ทักษะการคิดลึกซึ ้ง
๒.๓ ทักษะกระบวนการคิด (Thinking Process)
ทักษะกระบวนการคิดอย่างมีวจิ ารณญาณ
ทักษะกระบวนการคิดตัดสินใจ
ทักษะกระบวนการคิดแก้ ปัญหา
ทักษะกระบวนการวิจยั
ทักษะกระบวนการคิดสร้ างสรรค์
ทักษะการคิดที่สาคัญ & ใช้ เป็ นเกณฑ์ ประเมินในระดับชัน้ ป.1
ทักษะการคิด
ความหมาย
กระบวนการนาไปพัฒนาผู้เรี ยน
๑. การสังเกต
การรั บรู้ และรวบรวมข้ อมูล
๑. ใช้ ประสาทสัมผัสหลายด้ าน (หู ตา จมูก
เกี่ยวกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยใช้ ประสาท ลิน้ กาย) ในการสารวจสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรื อ
สัมผัส ทัง้ ห้ า เพื่อให้ ได้ รายละเอียด
ปรากฏการณ์ ใดปรากฏการณ์ หนึ่ง
เกี่ยวกับสิ่งนัน้ ๆ ซึ่งเป็ นข้ อมูลเชิง
เพื่อให้ ได้ ข้อมูลทัง้ เชิงคุณภาพและ
ประจักษ์ ที่ไม่ มีการใช้
เชิงปริมาณ
ประสบการณ์ และ
๒.ให้ ข้อมูลการสังเกตที่เป็ นข้ อมูล
ความคิดเห็นของผู้สังเกตในการ
เชิงประจักษ์ โดยไม่ ใช้ ความคิดเห็นหรื อ
เสนอข้ อมูล ข้ อมูลจากการสังเกตมี ตีความข้ อมูล
ทัง้ ข้ อมูลเชิงคุณภาพและข้ อมูลเชิง
ปริมาณ
๙. การจัดกลุ่ม
การนาสิ่งต่ างๆที่มีสมบัติ
๑. สังเกตความเหมือน ความต่ าง และ
เหมือนกันตามเกณฑ์ มาจัดเป็ น
ภาพรวมของสิ่งต่ างๆ ที่จะจัดกลุ่ม
กลุ่ม โดยแต่ ละกลุ่มมีเกณฑ์ ต่างกัน ๒. กาหนดเกณฑ์ ของสิ่งที่จะมารวมกลุ่ม
เดียวกัน ซึ่งแต่ ละกลุ่มมีเกณฑ์ ต่างกันไป
๓. จาแนกหรื อแยกสิ่งต่ างๆ เข้ ากลุ่มตาม
เกณฑ์ ท่ ีกาหนด
๔. อธิบายผลการจัดกลุ่มพร้ อมทัง้ เกณฑ์ ท่ ี
ใช้
ตัวอย่าง ข้ อสอบวัดการสังเกต
สถานการณ์
ภาพที่ต้องการให้ สงั เกต
คาถาม
ในภาพประกอบด้ วยอะไรบ้ าง
เกณฑ์การให้ คะแนน
ตามจานวนสิง่ ที่สงั เกตได้
ทักษะการคิดที่สาคัญ & ใช้ เป็ นเกณฑ์ ประเมินในระดับชัน้ ป.2
ทักษะการคิด
ความหมาย
กระบวนการนาไปพัฒนาผู้เรี ยน
๗. การเปรี ยบเทียบ
การจาแนกระบุส่ งิ ของหรื อ
๑. กาหนดมิตทิ ่ ีจะเปรี ยบเทียบ ๒ สิ่ง คือ
เหตุการณ์ ต่างๆ ในสิ่งที่เหมือนกัน ความเหมือนและความต่ าง
และสิ่งที่ต่างกัน
๒. นาของอย่ างน้ อย ๒ สิ่งที่จะเปรี ยบเทียบ
มาจัดให้ อยู่บนฐานเดียวกันตามเกณฑ์
ที่กาหนด
๓. บอกความเหมือนหรื อความต่ างของสิ่งที่
ต้ องการเปรี ยบเทียบกัน
๑๐. การจาแนกประเภท
การนาสิ่งต่ างๆมาแยกเป็ นกลุ่มตาม
เกณฑ์ ท่ ไี ด้ รับการยอมรั บทางวิชาการ
หรื อยอมรั บโดยทั่วไป
๑. สังเกตสิ่งที่สนใจจะจาแนกประเภท
๒. สังเกตภาพรวม สังเกตสิ่งที่เหมือนกัน
สิ่งที่ต่างกัน
๓. กาหนดเกณฑ์ ท่ ไี ด้ รับการยอมรั บทาง
วิชาการหรื อยอมรั บโดยทั่วไปในการแยก
สิ่งต่ างๆ ออกจากกัน
๔. แยกสิ่งต่ างๆ ออกจากกันตามเกณฑ์
๕. จัดกลุ่มสิ่งที่มีลักษณะเหมือนกันไว้
ด้ วยกัน
๖. อธิบายผลการจาแนกประเภทอย่ างมี
หลักเกณฑ์
ตัวอย่าง ข้ อสอบวัดการเปรี ยบเทียบ
ภาพใดที่มีขนาดขนาดเท่ ากัน
A
B
C
ทักษะการคิดที่สาคัญ & ใช้ เป็ นเกณฑ์ ประเมินในระดับชัน้ ป.3
ทักษะการคิด
ความหมาย
กระบวนการนาไปพัฒนาผู้เรี ยน
๖.การรวบรวมข้ อมูล
การใช้ วธิ ีการต่ างๆเก็บข้ อมูลที่ ๑. กาหนดจุดประสงค์ ของการเก็บ
ต้ องการรู้
ข้ อมูล
๒. หาวิธีการในการเก็บข้ อมูลที่
เหมาะสมกับจุดประสงค์
๓. ใช้ วธิ ีการที่กาหนดในการรวบรวม
ข้ อมูล
๔. นาเสนอข้ อมูลที่รวบรวมได้
๑๔. การเชื่อมโยง
การบอกความสัมพันธ์ ระหว่ าง ๑. พิจารณาข้ อมูลต่ างๆ
ข้ อมูลอย่ างมีความหมาย
๒. เลือกข้ อมูลที่มีความเกี่ยวข้ องกันมา
สัมพันธ์ กันให้ มีความหมาย
โดยอาศัยความรู้ประสบการณ์ เดิม
และแสวงหาความรู้และข้ อมูลใหม่
๓. อธิบายความสัมพันธ์ และ
ความหมายของข้ อมูลที่นามา
เชื่อมโยงกัน
ตัวอย่าง ข้ อสอบวัดการเชื่อมโยง
ให้ นักเรี ยนดูข้อความแล้ วตอบคาถาม
1. น ้าท่วม
2. คนและสัตว์เดือดร้ อน
3. ฝนตกหนัก
4. ป่ าไม้ ถกู ทาลาย
5. ลมพายุ
คาถาม จงเรี ยงลาดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ ้นให้ ถกู ต้ อง
1) 1 2 3 4 5
2) 4 5 3 1 2
3) 5 1 4 3 2
4) 4 3 5 1 2
เฉลย ข้ อ 2
ทักษะการคิดที่สาคัญ & ใช้ เป็ นเกณฑ์ ประเมินในระดับชัน้ ป.4
ทักษะการคิด
ความหมาย
กระบวนการนาไปพัฒนาผู้เรี ยน
๔. การตัง้ คาถาม
การพูดหรือการเขียนสิ่งที่
สงสัย หรือสิ่งที่ต้องการรู้
๑๗. การให้ เหตุผล
การอธิบายเหตุการณ์ หรื อการ
๑. รั บรู้ และรวบรวมข้ อมูลเกี่ยวกับ
กระทาต่ างๆโดยเชื่อมโยงให้ เห็นถึง เหตุการณ์ หรื อ การกระทาต่ างๆ
สาเหตุและผลที่เกิดขึน้ ใน
ที่ต้องการอธิบาย ให้ เหตุผล
เหตุการณ์ หรื อการกระทานัน้ ๆ
๒. ค้ นหาสาเหตุของเหตุการณ์ หรือ
การกระทา ที่เกิดขึน้ โดยอาศัยหลัก
ตรรกะ/การยอมรับ ของสังคม / ข้ อมูล
หลักฐานสนับสนุน / การทดสอบ
ตรวจสอบ/เหตุผลเชิงประจักษ์
๓. อธิบายให้ เห็นความสอดคล้ องของเหตุ
และผลในเหตุการณ์ หรื อการกระทานัน้ ๆ
๑. อ่ านหรือฟั งอย่ างตัง้ ใจ
๒. ขีดเส้ นใต้ คาหรือข้ อความหรือจด
ประเด็นที่สงสัยต้ องการทราบคาตอบ
๓. เลือกคาที่ใช้ แทนสิ่งที่สงสัย เช่ น
ใคร อะไร ที่ไหน อย่ างไร ทาไม
๔. พูดหรือเขียนเป็ นประโยคคาถาม
ตัวอย่าง ข้ อสอบวัดการให้ เหตุผล
สถานการณ์ จากภาพ
คาถาม ข้ อใดต่อไปนี ้เป็ นสาเหตุที่ทา
ให้ เกิดเหตุการณ์ดงั ภาพข้ างต้ น
1) ฝนตกหนัก
2) ตัดต้ นไม้ ทาลายป่ า
3) น ้าท่วมบ้ าน
4) ระดับน ้าเพิ่มขึ ้น
เฉลย ข้ อ 1
ทักษะการคิดที่สาคัญ & ใช้ เป็ นเกณฑ์ ประเมินในระดับชัน้ ป.5
ทักษะการคิด
ความหมาย
กระบวนการนาไปพัฒนาผู้เรี ยน
๑๒. การแปลความ
การเรียบเรียงและถ่ ายทอด
ข้ อมูลในรูปแบบ/วิธีการใหม่ ท่ ี
แตกต่ างไปจากเดิมแต่ ยังคง
สาระเดิม
๑. ทาความเข้ าใจในสาระและ
ความหมายของสิ่งที่จะแปลความ
๒. หากลวิธีนาเสนอสาระและ
ความหมายนัน้ ในรูปแบบ/วิธีการใหม่
แต่ ยังให้ คงสาระ และความหมายเดิม
๓. เรียบเรียงและถ่ ายทอดสาระและ
ความหมายนัน้ ตามกลวิธีท่ กี าหนด
๑๓. การตีความ
การบอกความหมายหรือ
ความสัมพันธ์ ของข้ อมูลหรือ
สาระที่แฝงอยู่ไม่ ปรากฏให้ เห็น
อย่ างชัดเจน โดยการเชื่อมโยง
กับบริบทความรู้/ประสบการณ์
เดิมหรือข้ อมูลอื่นๆ
๑. ศึกษาข้ อมูล/ข้ อความ/เรื่องที่ต้องการ
ตีความให้ เข้ าใจ
๒. หาความหมายของข้ อความ
ที่ไม่ ได้ บอกไว้ โดย
๒.๑ เชื่อมโยงข้ อมูล/ข้ อความที่มีกับ
ข้ อมูลอื่นๆ ทัง้ ที่มีอยู่และที่เป็ น
ความรู้หรือประสบการณ์ เดิม
๒.๒ เชื่อมโยงข้ อมูลอย่ างมีเหตุผล
๓. ระบุความหมายที่แฝงอยู่โดยอธิบาย
เหตุผลประกอบ
ตัวอย่ าง ข้ อสอบวัดการตีความ
ให้ นกั เรี ยนอ่านคาประพันธ์ตอ่ ไปนี ้แล้ วตอบคาถามข้ อ 1-2 (สถานการณ์ )
“ไม่มีใคร ไม่เคย ไม่ผิดพลาด
ไม่มีใครไม่เคยขลาดมาแต่ต้น
เมื่อมีเมฆย่อมมีความมืดมน
หลังพายุผ่านพ้ นจึงสร่างซา”
คาถาม 1. “เมื่อมีเมฆย่อมมีความมืดมน” มีความหมายว่าอย่างไร
1) เมื่อมีความผิดพลาดย่อมสมหวัง
2) เมื่อมีความผิดหวังย่อมพบกับความเสียใจ
3) เมื่อมีชีวิตย่อมพบกับอุปสรรค
4) เมื่อมีอปุ สรรคก็ย่อมพบกับความผิดหวัง
เฉลย ข้ อ 3
คาถาม 2. บทกลอนนี ้เป็ นข้ อความลักษณะใด
1) สร้ างกาลังใจ
2) ส่งเสริมความคิด
3) ส่งเสริมความสามัคคี
4) ส่งเสริมการทางาน
เฉลย ข้ อ 1
ทักษะการคิดที่สาคัญ & ใช้ เป็ นเกณฑ์ ประเมินในระดับชัน้ ป.6
ทักษะการคิด
ความหมาย
กระบวนการนาไปพัฒนาผู้เรี ยน
๑๖. การสรุ ปอ้ างอิง
การนาความรู้หรือ
๑. สังเกตสิ่งต่ างๆ / ปรากฏการณ์ ต่างๆ
ประสบการณ์ เดิมมาใช้ ในการ ๒. อธิบาย / สรุ ปสิ่งที่สังเกตตามข้ อมูล
สรุ ปลงความเห็นเกี่ยวกับข้ อมูล เชิงประจักษ์
๓. ขยายข้ อมูลจากสิ่งที่สังเกตได้ ออกไป
โดยการอ้ างอิงจากความรู้หรือ
ประสบการณ์ เดิม
๔. สรุ ปความคิดเห็นจากการอ้ างอิง
๑๘.การนาความรู้
ไปใช้
การนาความรู้ท่ เี กิดจากความ
เข้ าใจไปใช้ เพื่อให้ เกิดความ
ชานาญ
๑. ทบทวนความรู้ท่ มี ี
๒. มองเห็นความเหมือนกันของ
สถานการณ์ ใหม่ กับสถานการณ์ เดิม
ที่เคยเรียนรู้มา
๓. นาความรู้ท่ มี ีไปใช้ ในสถานการณ์
ใหม่ ท่ ใี กล้ เคียงกับที่ได้ เคยเรี ยนรู้แล้ ว
ตัวอย่าง ข้ อสอบวัดการสรุปอ้ างอิง
สถานการณ์ ใช้ ตอบคาถามข้ อ 1
คาถาม จากภาพสถานการณ์ที่กาหนดให้ สื่อถึงเรื่ องราว
1) การฟ้อนรางานประเพณีผีตาโขน
2) การฟ้อนรางานประเพณีบญ
ุ บังไฟ
้
3) การฟ้อนรางานแห่เทียนพรรษา
4) การฟ้อนรางานประเพณีสาทรเดือนสิบ
เฉลยข้ อ 2
ทักษะการคิดที่สาคัญ & ใช้ เป็ นเกณฑ์ ประเมินในระดับชัน้ ม.1
ทักษะการคิด
ความหมาย
กระบวนการนาไปพัฒนาผู้เรี ยน
๔.การวิเคราะห์
การจาแนกแยกแยะสิ่งใดสิ่งหนึ่ง/
เรื่ องใดเรื่ องหนึ่ง เพื่อค้ นหา
องค์ ประกอบและความสัมพันธ์
ระหว่ างองค์ ประกอบเหล่ านัน้ เพื่อ
ช่ วยให้ เกิดความเข้ าใจในเรื่ องนัน้
๑๘. การประเมิน
การตัดสินคุณค่ าหรื อคุณภาพของ ๑. นาประเด็น / หัวข้ อที่จะใช้ ในการประเมิน
สิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยการนาผลจากการ
มากาหนดระดับคุณภาพหรื อคุณค่ าที่
วัดไปเทียบกับระดับคุณภาพที่
ยอมรั บได้
กาหนด (เทียบกับเกณฑ์ )
๒. นาผลที่ได้ จากการวัดมาเทียบกับระดับ
คุณภาพ
๓. ระบุระดับคุณภาพของสิ่งนัน้
๑. ศึกษาข้ อมูล
๒. ตัง้ วัตถุประสงค์ ในการวิเคราะห์ ข้อมูล
๓. กาหนดเกณฑ์ ในการจาแนกแยกแยะ
ข้ อมูล
๔. แยกแยกข้ อมูลตามเกณฑ์ ท่ กี าหนดเพื่อ
ให้ เห็นองค์ ประกอบของสิ่งที่วเิ คราะห์
๕. หาความสัมพันธ์ ระหว่ างองค์ ประกอบ
ต่ างๆและความสัมพันธ์ ของข้ อมูลใน
แต่ ละองค์ ประกอบ
๖. นาเสนอผลการวิเคราะห์
๗. นาผลการวิเคราะห์ มาสรุ ปตอบคาถาม
ตามวัตถุประสงค์
ตัวอย่าง ข้ อสอบวัดการวิเคราะห์
คาถาม เพราะอะไรการวางรถไฟจะต้ องวางให้ มีช่องว่ างระหว่ างรางแต่ ละราง
ก.เพื่อความสะดวกในการก่อสร้ าง
ข.ประหยัดค่าใช้ จ่ายในการวางราง
ค.ช่วยลดเสียงเสียดสีเมื่อรถไฟวิ่ง
ง.ป้องกันการขยายตัวหรื อหดตัวของโลหะ
คาตอบ ง
ทักษะการคิดที่สาคัญ & ใช้ เป็ นเกณฑ์ ประเมินในระดับชัน้ ม.2
ทักษะการคิด
ความหมาย
กระบวนการนาไปพัฒนาผู้เรี ยน
๕. การสังเคราะห์
การนาความรู้ ท่ ผี ่ านการวิเคราะห์
มาผสมผสานสร้ างสิ่งใหม่ ท่ ีมี
ลักษณะต่ างจากเดิม
๑. กาหนดวัตถุประสงค์ ของสิ่งใหม่ ท่ ี
ต้ องการสร้ าง
๒. ศึกษาวิเคราะห์ ข้อมูลที่เกี่ยวข้ อง
๓. เลือกข้ อมูลที่สอดคล้ องกับวัตถุประสงค์
๔. นาข้ อมูลมาทากรอบแนวคิดสาหรั บ
สร้ างสิ่งใหม่
๕. สร้ างสิ่งใหม่ ตามวัตถุประสงค์ โดยอาศัย
แนวคิดที่กาหนด รวมกับข้ อมูลอื่นๆ
ที่เกี่ยวข้ อง
๖.การประยุกต์ ใช้
ความรู้
การนาความรู้ ท่ มี ีไปใช้ ใน
สถานการณ์ ใหม่ ท่ ีมีลักษณะ
แตกต่ างไปจากเดิม
๑. สารวจลักษณะของสถานการณ์ ใหม่
๒. ทบทวนข้ อมูลหรื อความรู้ ท่ มี ี
๓. คัดเลือกข้ อมูลความรู้ ท่ มี ีความสอดคล้ อง
กับลักษณะของสถานการณ์ ใหม่
๔. ตรวจสอบความเป็ นเหตุเป็ นผลหรื อ
ความเหมาะสมระหว่ างข้ อมูลกับ
สถานการณ์
๕. ใช้ ความรู้ ในสถานการณ์ ใหม่
ตัวอย่าง ข้ อสอบวัดการสังเคราะห์
คาสั่ง
ให้ นกั เรี ยนเขียนความเรี ยงเรื่ องอาชีพที่ข้าพเจ้ าอยากจะเป็ น
พร้ อมบอกเหตุผล และแนวทางการพัฒนาตนเองเพื่อให้ บรรลุผล
ตามที่มงุ่ หวัง
เกณฑ์ การให้ คะแนนพิจารณาจาก
การใช้ ภาษา การเชื่อมประโยค ลาดับเหตุการณ์ ความ
สมเหตุสมผล และความเป็ นไปได้
ทักษะการคิดที่สาคัญ & ใช้ เป็ นเกณฑ์ ประเมินในระดับชัน้ ม.3
ทักษะการคิด
ความหมาย
กระบวนการนาไปพัฒนาผู้เรี ยน
๑.กระบวนการคิด
วิจารณญาณ
การคิดอย่ างมีวจิ ารณญาณเป็ น
กระบวนการคิดเพื่อให้ ได้ ความคิดที่
รอบคอบสาเหตุท่ ีจะเชื่อหรื อจะทา
โดยผ่ านการพิจารณาปั จจัยรอบ
ด้ านอย่ างกว้ างไกล ลึกซึง้
และผ่ านการพิจารณากลั่นกรอง
ไตร่ ตรอง ทัง้ ทางด้ านคุณ – โทษ
และคุณค่ าที่แท้ จริงของสิ่งนัน้
มาแล้ ว
๑. ระบุประเด็นปั ญหา
๕. กระบวนการคิด
สร้ างสรรค์
ความคิดที่แปลกใหม่ ท่ ีจะนาไปสู่
สิ่งต่ างๆ ผลผลิตใหม่ ๆ ทาง
เทคโนโลยี และความสามารถในการ
ประดิษฐ์ คดิ ค้ นสิ่งแปลกใหม่
(คิดนอกกรอบ)
๑. ระดมพลังความคิด
๒. สร้ างสรรค์ ชนิ ้ งาน
๓. นาเสนอ วิพากษ์ วจิ ารณ์
๔. ประเมินผลงานของตนเอง
๕. เผยแพร่ ผลงาน
หรื อ ประเด็นในการคิด
๒. ประมวลข้ อมูล
ที่เกี่ยวข้ องจากการคิดทางกว้ าง
คิดทางลึกซึง้ คิดอย่ างละเอียด
และคิดในระยะไกล
๓. วิเคราะห์ ข้อมูล
๔. พิจารณาทางเลือก โดยพิจารณา
ข้ อมูล โดยใช้ หลักเหตุผล
และระบุทางเลือกที่หลากหลาย
๕. ลงความเห็น/ตัดสินใจ/
ทานายอนาคต โดยประเมิน
ทางเลือกและใช้ เหตุผล คิดคุณค่ า
ตัวอย่าง ข้ อสอบวัด กระบวนการคิดอย่างสร้ างสรรค์
คาสั่ง
ให้ นกั เรี ยนทาโครงงาน ประดิษฐ์ อปุ กรณ์เครื่ องใช้ ในบ้ านที่มี
คุณสมบัติใหม่ๆ และน่าจะเป็ นที่ต้องการของท้ องตลาดในอนาคต
เงื่อนไขการให้ คะแนน
1. เป็ นนวัตกรรม
2. ตอบสนองความต้ องการของตลาดในอนาคต
3. มีประสิทธิภาพ คุ้มค่า
ทักษะการคิดที่สาคัญ & ใช้ เป็ นเกณฑ์ ประเมินในระดับชัน้ ม.4-6
ทักษะการคิด
ความหมาย
กระบวนการนาไปพัฒนาผู้เรี ยน
๓. กระบวนการคิด
แก้ ปัญหา
การแก้ ปัญหาเป็ นขัน้ ตอน กระบวนการแก้ ปัญหาทั่วไป
การเผชิญฝ่ าฟั นอุปสรรค
๑. ทาความเข้ าใจปั ญหา
และแก้ ไขสถานการณ์ เพื่อให้
๑.๑ ปั ญหาคืออะไร
ปั ญหานัน้ หมดไป
๑.๒ ข้ อมูลใดเกี่ยวข้ องกับปั ญหา
(การคิดแบบวิทยาศาสตร์ )
๑.๓ มีเงื่อนไขหรื อต้ องการข้ อมูลใดเพิ่มเติม
๒. วางแผนออกแบบแก้ ปัญหาโดย
คานึงถึงสิ่งต่ อไปนี ้
๒.๑ เคยพบปั ญหาทานองนีม้ าก่ อนหรื อไม่
๒.๒ รู้ จักทฤษฎี หลักการที่เกี่ยวข้ องกับปั ญหา
๒.๓ ใช้ วธิ ีแก้ ปัญหาที่เคยประสบ ความสาเร็จ
มาก่ อน
๓. ดาเนินการตามแผนมีการตรวจสอบ
แต่ ละขัน้ ตอนที่ปฏิบัติ
๔. สรุ ปและตรวจสอบการแก้ ปัญหา
๕. กระบวนการคิด
สร้ างสรรค์
ความคิดที่แปลกใหม่ ท่ ีจะ
นาไปสู่ส่ งิ ต่ างๆ ผลผลิตใหม่ ๆ
ทางเทคโนโลยี และ
ความสามารถในการประดิษฐ์
คิดค้ นสิ่งแปลกใหม่
๑. ระดมพลังความคิด
๒. สร้ างสรรค์ ชนิ ้ งาน
๓. นาเสนอ วิพากษ์ วจิ ารณ์
๔. ประเมินผลงานของตนเอง
๕. เผยแพร่ ผลงาน
ตัวอย่าง ข้ อสอบวัด กระบวนการคิดแก้ ปัญหา
คาสั่ง
ให้ นกั เรี ยนจัดทาโครงการ ป้องกันน ้าท่วมในตัวเมืองเชียงใหม่ ใน
หลากหลายวิธี และข้ อเสนอแนะที่สามารถนาไปใช้ ได้ จริ ง พร้ อม
งบประมาณเพื่อใช้ ในการดาเนินโครงการดังกล่าว
เงื่อนไขการให้ คะแนน
1. การกาหนดปั ญหา วัตถุประสงค์ วิธีดาเนินการ รู ปบบการ
เขียนโครงการ
2. ทางเลือกแก้ ปัญหา และทางเลือกที่ดีที่สดุ พร้ อมเหตุผล
3. ความเป็ นได้ ของโครงการ การแก้ ปัญหาได้ ตรงประเด็น
การพัฒนาสมรรถนะการคิดขัน้ สูงของ P.R.C.
ทักษะการคิด
(Thinking Skills)
กระบวนการคิด
(Thinking Process)
สมรรถนะการคิด
(Thinking Competency)
* บูรณาการหลักคิดพอเพียง
และหมวก 6 ใบในบริบท PRC
ทั
ก
ษะการสื
อ
่
สาร
การคิดพื ้นฐาน
ทักษะที่เป็ นแกน/หลัก
การคิดขันสู
้ ง
การคิดซับซ้ อน
เนื ้อหา+กิจกรรมการเรี ยนการสอน
คุณสมบัติที่เอื ้อต่อการคิด (สิ่งแวดล้ อม)
กระบวนการคิด ทักษะการคิด+ขันตอน
้
การวัดและประเมินผลการคิด
การคิดวิเคราะห์ แยกแยะ ความสัมพันธ์
การคิดสังเคราะห์ ผสมผสาน สรุปรวม
การคิดอย่างมีวิจารณญาณ คิดรอบคอบ
การคิดอย่างสร้ างสรรค์  คิดแปลกใหม่
การคิดแก้ ปัญหา  คิดแบบวิทยาศาสตร์
การตัง้ คาถามโดยใช้ เทคนิคหมวกความคิด 6 ใบ
หมวกสี
1. สีขาว
(คิดรวบรวมข้ อมูล)
2. สีแดง
(คิดแปล+ตีความ)
3. สีดา
(คิดเหตุผลด้ านลบ)
4. สีเหลือง
(คิดเหตุผลด้ านบวก)
5. สีเขียว
(คิดสร้ างสรรค์)
6. สีฟ้า
(กระบวนการคิด)
แสดงถึง
ความเป็ นกลาง
ความโกรธ
อารมณ์
ความมืด
ความหมาย
ข้ อมูล ตัวเลข หรื อ
ข้ อเท็จจริง
ความรู้สกึ
ตัวอย่ างคาถาม
มีข้อมูลอะไรบ้ าง
คิดทางลบ
เรารู้สกึ อย่างไร
แสงสว่าง
คิดทางบวก
ข้ อบกพร่องมี
อะไรบ้ าง
ข้ อดีคืออะไร
การเจริญเติบโต
ความสมบูรณ์
ท้ องฟ้า เยือกเย็น
คิดสร้ างสรรค์ คิด
ใหม่ๆ
การควบคุม จัด
ระเบียบ ขันตอน
้
ถ้ าจะทาให้ ดีขึ ้นต้ อง
ทาอย่างไร
ขันตอนการท
้
างานมี
อะไรบ้ าง
สวัสดี