การบริหารเชิงพทุ ธ กับการบริหารสหกรณ์ บรรยายโดย อาจารย์ ยม นาคสุ ข (DPA Candidate, MPA,MPPM) คณะกรรมการบริหารหลักสู ตร ผู้นาขั้นสู ง สั นนิบาตสหกรณ์ แห่ งประเทศไทย เว็บไซด์ http://yomacademy.blogspot.com อีเมล์ : [email protected] โทรศัพท์ 089-8937877ม 081-93701441
Download ReportTranscript การบริหารเชิงพทุ ธ กับการบริหารสหกรณ์ บรรยายโดย อาจารย์ ยม นาคสุ ข (DPA Candidate, MPA,MPPM) คณะกรรมการบริหารหลักสู ตร ผู้นาขั้นสู ง สั นนิบาตสหกรณ์ แห่ งประเทศไทย เว็บไซด์ http://yomacademy.blogspot.com อีเมล์ : [email protected] โทรศัพท์ 089-8937877ม 081-93701441
กับการบริหาร สหกรณ์ บรรยายโดย อาจารย ์ยม นาคสุข (DPA Candidate, MPA,MPPM) คณะกรรมการบริหารหลักสู ตร ้ ง ผู น ้ าขันสู สันนิ บาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย เว็บไซด ์ http://yomacademy.blogspot.com 1 อีเมล ์ : [email protected] การบริหารในโลก ประกอบด้วยลักษณะ 3 ประการ 1. อต ั ตาธิปไตย การบริหารโดยถือตนเอง ความคิดของตนเองเป็ นใหญ่ เอา ผลประโยชน์ของตนเองเป็ นใหญ่ 2. โลกาธิปไตย การถือเอาโลกเป็ นใหญ่ ถือ ่ มี ความนิ ยมของชาวโลกเป็ นสาคัญ ซึงไม่ ่ นอนเป็ นไปตามกระแสโลก หลักการทีแน่ 3. ธรรมาธิปไตย ถือความถูกต ้องเป็ นใหญ่ โดยอาศัยหลักความจริง ความมีเหตุผล การ มีสว่ นร่วม การร ับฟังอย่างกว ้างขวาง แลว้ ่ พิจารณาอย่างเต็มสติปัญญาซึงตรงกั บหลัก 2 ปร ัชญาการบริหารเชิงพุทธ ้ั ท่านพุทธ....จด ั ตงองค ์การ การ บริหารพุทธว่า “พุทธบริษท ั ” หลัก ้ ชีให้ ้ เห็นว่า บุคคลใน พุทธศาสตร ์นัน ้ องมีอส องค ์กรนันต้ ิ ระจากกิเลส อบายมุข ผู ป ้ ราศจากอบายมุข ย่อมรู ้ ลดละเสียสละ บุคคลในองค ์กรต้องมี ปั ญญา ผู ม ้ ป ี ั ญญาย่อมรู ้แจ้งและมีผล ้ ย่อมเป็ นผูผ บุคคลเป็ นเช่นนี ได้ ้ ่าน 3 ่ พุทธปร ัชญาที 1 การมีอส ิ รภาพ 4 ่ อส บุคคลทีมี ิ รภาพในพุทธ ่ อส หมายถึงเป็ นบุคคลทีมี ิ ระ ้ จากอกุศลทังปวง อิสระจากโลภ โกรธ หลง ่ นอิสระดังกล่าว จึง บุคคลทีเป็ ่ เหมาะทีจะเป็ นผู น ้ า เหมาะแก่ การทาการใหญ่ ดัดแปลงมาจากศ.ดร.บุญทัน ดอกไธสง.(2535) การบริหาร เชิงพุทธ หน้า 275 5 ่ สอนอ ันแรกของพุทธ ซึง พุ ท ธปร ัชญา : มี ท่านสอนให้ละ...จากภายใน อิสรภาพ ไปสู ่ภายนอก และละ...จาก ภายนอกไปสู ่ภายใน ่ ่ เมือละได้แล้วย่อมเป็ นผู ท ้ ี หลุดพ้น มีใจเป็ นกลางเป็ น อิสระ ไม่มก ี เิ ลสอคติ ศ.ดร.บุญทัน ดอกไธสง.(2535) การบริหารเชิงพุทธ หน้า 275 6 ้ ่ ในโลกนี ผู ท ้ ชอบถื ี อ ตั ว การ พุทธปร ัชญา : มี ฝึ กตนย่ออิมเป็ นไปได้ยาก ทา สรภาพ ่ั ให้มใี จขุ่นมัว ไม่มนคง ย่อม ่ นสมัย ไม่มค ี วามรู ้ทีทั ผู ป ้ ระมาทแม้อยู ่ในป่ าคน เดียว ย่อมข้ามพ้นโอฆะแห่ง กิเลสไม่ได้ ศ.ดร.บุญทัน ดอกไธสง.(2535) การบริหารเชิงพุทธ หน้า 275 7 ชาติตระกู ลก็หาไม่ เป็ นผู ป ้ ระเสริฐเพราะชาติ ตระกู ลก็หาไม่ แต่บุคคลเป็ นผู ป ้ ระเสริฐก็ เพราะ การคิด การพู ด และกระทา ดัดแปลงมาจากศ.ดร.บุญทัน ดอกไธสง.(2535) การบริหาร เชิงพุทธ หน้า 277 8 บุคคล ไม่ควรถู กรบกวน ัชญา : อ มี จากอิพุททธิธปร พลใดหรื อิสรภาพ องค ์การใด พุทธศาสตร ์ สอนให้มจ ี ต ิ ใจเป็ นอิสระ หลุดพ้นจากความชว่ ั และ ้ ความไม่งอกงามทังหลาย ดัดแปลงมาจากศ.ดร.บุญทัน ดอกไธสง.(2535) การบริหาร เชิงพุทธ หน้า 278 9 ่ พุทธปร ัชญาที 2 การบริการ 10 พุทธศาสตร ์ เน้นการบริการ ่ พุทธพจน์ “ภิกขุทงหลาย ั้ จงเทียวไป ่ เพือประโยชน์ แก่คนจานวนมาก เพือ่ ่ ้ ล อนุ เคราะห ์โลก เพือประโยชน์ เกือกู และความสุขแก่ผูเ้ จริญและมนุ ษย ์ ้ ทังหลาย ” พระพุทธเจ้า ออกบวชจาริกไป ่ ้ เทศนาสังสอนมนุ ษย ์ทังหลาย โดยไม่ ้ น ้ ทรง หว ังผลตอบแทนใด ๆ ทังสิ 11 พุทธปร ัชญา : การบริการ การบริการ การร ับใช้จงึ เป็ นหลักการ สาคัญอย่างหนึ่ งในพุทธปร ัชญา เราเกิด มาร ับใช้สงั คม เราไม่ใช่นาย เราเท่า เทียมกัน ศาสนาสอนคนให้เท่าเทียมกัน ้ั นอยู ่ทาไม เราจะมัวมาแบ่งชนชนกั เรามาบริการสมาชิก เรามาบริการโลกที่ ่ นเถิด อย่าหลงอยู ่ เราเกิดมา อย่างเต็มทีกั ในสานักงาน ในโบสถ ์วิหาร ยศถาบรรดาศ ักดิ ์ เราชาวพุทธ มา 12 พุทธปร ัชญาที 3 ความ ่ เชียวชาญ 18 ่ พุทธปร ัชญา : เชียวชาญ อริยสัจ 4 สอนให้รู ้ให้เข้าใจปั ญหาของ ทุกข ์ สาเหตุแห่งความทุกข ์ และแนวทาง ้ ๆ โดย ดับทุกข ์ พร ้อมเลือกมรรคนัน อาศ ัยปั ญญา มรรคเป็ น ศีล สมาธิ แห่งปั ญญา “ไม่ม ี แสงสว่างใดเท่าแสงแห่งปั ญญา” ่ พุทธศาสตร ์จึงเน้นความเชียวชาญใน ่ การฝึ กจิต เชียวชาญในการปฏิ บต ั ส ิ มถะ ่ กรรมฐาน เชียวชาญในการก าหนดลม 19 ่ พุทธปร ัชญาที 4 การอุทศ ิ ตัว 20 พุทธปร ัชญา : อุทศ ิ ตัว ท่านพุทธ....นักเสียสละได้ละทิง้ ยศถาบรรดาศ ักดิ ์ บ้านเรือน ลู กเมีย และทร ัพย ์ ่ สมบัตอ ิ นๆ ื่ ทีสามารถประเทื องความสุขทาง ้ เนื อหนั งได้ โกนหัวออกบวช โดยถือผ้าสามผืน และ บริขาร 8 เช่น บาตร จีวร อ ังสะ สบง มีดโกน ่ บสบง สาหร ับโกนหัว เข็มเย็บสบงเอาไว้เพือเย็ ่ ้ าแล้วอุทศ และจีวรเมือขาด เครืองกรองน ิ ตน ่ กษา และปฏิบต เพือศึ ั ธ ิ รรม 21 พุทธปร ัชญา : อุทศ ิ ตัว ้ ่ นการอุทศ พุทธศาสตร ์นันเป็ นศาสตร ์ทีเน้ ิ ่ ตัวเอง เพือความสุ ขของส่วนรวม โดย ่ ่ อุทศ ิ ตนเพือความถู กต้อง ซึงการอุ ทศ ิ ตัว ้ ้ ่ มาตรฐานมา แก่โลกนันเป็ นพืนฐานที มี ่ นแล้ ่ จากพุทธจิต คือจิตทีตื ว ้ั ่ “ภิกษุ ทงหลาย เธอจงจาริกไปเพือ ความสุข ความเจริญของชาวโลก” 22 พุทธปร ัชญา : อุทศ ิ ตัว “ความอดทนเป็ นตะบะอย่างสู งยิง่ ศาสนา พุทธ ไม่วา ่ เป็ นสมณะหรือนักบวช จะไม่ ฆ่าและเบียดเบียนผู อ ้ น ื่ ไม่ ทาความชว่ ั แต่ทาความดี ชาระจิตใจให้หมดจดจาก ่ เครืองเศร ้าหมอง คือคาสอนของพุทธไม่ ่ หมินประมาทผู อ ้ น ื่ ไม่เบียดเบียนเสียดสี ผู อ ้ น ื่ สารวมกาย วาจา คือร ักษาศีลรู ้จัก ประมาณในการบริโภคอาหารอยู ่ใน ่ น สถานทีอ ั สงบสงัดและเหมาะสม ปรารถ ้ อคา ความเพียรในการฝึ กจิต เหล่านี คื สอนของพุทธ” 23 ่ พุทธปร ัชญาที 5 ว่าด้วย ศีล 24 พุทธปร ัชญา : ศีล ่ ักษา ศีล คือ ข้อห้ามมิให้กระทาผิด เพือร ่ จิตใจของตนเอง ให้เป็ นจิตทีเหมาะสมต่ อ การพัฒนาตนเอง อ ันเป็ นผลกระทบที่ นาไปสู ่การพัฒนาตนเอง และองค ์การ การบริหาร คือการกระทาตามนโยบาย เป้ าหมาย แผนงาน การทางานให้สาเร็จ การวางแผนการจด ั การ การดาเนิ นการ ตามแผน การตรวจสอบ และการพัฒนา อย่างต่อเนื่ อง การปฏิบต ั งิ านก็ตอ ้ งมีศล ี กล่าวคือ การ 25 พุทธปร ัชญา : ศีล ่ อ ศีล ภาระหน้าทีคื มาทางานตามเวลา เลิกงานตาม เวลา มาประชุมตามนัด ตรงต่อเวลานัดหมาย ่ ตย ์ อดทน เสียสละ ให้ ขยัน ซือสั อภัย ให้ธรรมทาน 26 ่ พุทธปร ัชญาที 6 คือ ธรรม 27 พุทธปร ัชญาคือ : ธรรม ่ นธรรมชาติ เป็ นปกติ เช่น ธรรมคือสภาวะทีเป็ การไม่เบียดเบียน ไม่กดขี่ ไม่ขด ู รีด ไม่ดูถูก ้ั ไม่เหยียดหยาม ไม่ทะนงต ัวถือต ัว ไม่ดอร ื้ น ทิฐ ิ หลงตนเอง ไม่เป็ นตัวเงื่อนไขให้เกิดอวิชชา ่ ่ ประพฤติปฏิบต ถ้าทีไหนมี บุคคลทีมี ั ธ ิ รรมอยู ่ใน ้ ย่อมไม่เดือดร ้อน เพราะ องค ์การและสังคมนัน ่ ธรรมรู ้ เป็ นบุคคลผู ร้ ักษากฎระเบียบ บุคคลทีมี ้ “ท่านทังหลายเห็ นความวิวาทเป็ นภัย และความ ไม่ววิ าทเป็ นธรรมอันเกษม จะเป็ นผู พ ้ ร ้อม เพียง มีความประนี ประนอมเถิด 28 ่ พุทธปร ัชญาที 7 คือ จริยะ 29 พุทธปร ัชญา : จริยะ ่ จริยะถือว่าเป็ นคุณธรรมอ ันยิงใหญ่ ในการเกิดมาเป็ นมนุ ษย ์ ถ้าหาก มนุ ษย ์ ไม่มจ ี ริยะ แนวคิดแนวปฏิบต ั ิ ่ ทีชาวพุ ทธถือเป็ นแนวทางในการ ่ ยึดถือในการปฏิบต ั เิ พือให้ ตนเป็ นผู ไ้ ม่ ่ เบียดเบียนแก่ตนและคนอืน 30 ่ หมายถึ ้ จริยะในทีนี งความประพฤติโดยมี พรหมวิหาร 4 ่ คณ ุ ค่าแก่ส่วนรวม หรือเป็ น คือเป็ นบุคคลทีมี ่ ของทีมงานและสหกรณ์ สมาชิกทีดี 1. เมตตา คือความร ัก ความปรารถนาดี ต้องการ ช่วยเหลือทุกคนให้มค ี วามสุขและปรารถนาให้มนุ ษย ์มวล สัตว ์ และธรรมชาติให้ได้ร ับความสุขโดยการไม่เบียดเบียนซึง่ กันและกัน 2. กรุณา คือความสงสาร มีความปรารถนาให้ ่ นทุกข ์ อยากเห็นบุคคลอืนประสบความส ่ คนอืนพ้ าเร็จ ่ 3. มุทต ิ า ความเบิกบานยินดี เพือเห็ นผู อ ้ นอยู ื่ ่ดม ี ี ่ ่ สุข ก็มใี จแช่มชืนเบิ กบาน เมือเห็ นเขาประสบความสาเร็จ ก็ ่ น ้ และพลอยยินดี บันเทิงใจด้วย ให้เขางอกงามยิงขึ ่ ตราบเรียบ 4. อุเบกขา คือความมีใจเป็ นกลางมีจิ ่ ่ ่ั ่ บุ ่ คคล สม่าเสมอมันคง เทียงตรงดุ จตราชงมองเห็ นสิงที 31 ้ั ผู ม ้ จ ี ริยะดีนนจะต้ องมีธรรม ่ เป็ นเครืองยึ ดเหนี่ ยวใจคน สังคหวัตถุ 4 ้ ้ อเผือแผ่ ่ 1. ทาน การให้การเอือเฟื เสียสละ แบ่งปั น การช่วยเหลือสังเคราะห ์ด้วย ปั จจัย 4 ตลอดจนให้ความรู ้ ความเข้าใจ และมีศล ิ ปวิทยา ้ ค ี าพู ด 2. ปิ ยวาจา มีวาจาเป็ นทีร่ ัก คือเป็ นผู ม ้ ่ ดี ่ งาม สุภาพ ไพเราะ น่ าฟั ง ชีแจงแนะน าสิงที หรือแสดงความเห็นอกเห็นใจให้มก ี าลังใจ รู ้จักพู ด ให้เกิดความเข้าใจดี สมานสามัคคี สร ้าง ้ ลก ัน ไมตรี ทาให้ร ักใคร่นบ ั ถือและช่วยเหลือเกือกู 3. อต ั ถจริยา บาเพ็ญประโยชน์ คือการช่วยเหลือ การขวนขวายช่วยเหลือ กิจการต่างๆ การ ้ บาเพ็ญสาธารณประโยชน์ รวมทังการช่ วย แก้ไขปั ญหาและการปร ับปรุง ส่งเสริมในด้าน จริยธรรม 32 ่ พุทธปร ัชญาที 8 คือ อ ัปปมาทะ 33 พุทธปร ัชญา : อ ัปปมาทะ ่ อ ัปปมาทะ คือความไม่ประมาทในการทุกเมือ บุคคลจะต้องรู ้จักธรรมของคนดี 7 ประการ คือ 1. ธมมัญญตา รู ้จักเหตุรู ้จักผล และรู ้หลักและ ่ งหลายที ้ ่ ้าไปเกียวข ่ กฎเกณฑ ์ ของสิงทั เข ้องกับ ชีวต ิ ่ 2. อ ัตถัญญตา รู ้จักวัตถุประสงค ์ของกิจการทีคน ่ ทีจะกระท าว่ามีเป้ าหมายอย่างไร 3. อ ัตตัญญตา รู ้จักตน รู ้กาลัง ความรู ้ความถนัด ้ ตใจของตน ความสามารถและคุณธรรมความตังจิ 4. มัตตัญญตา รู ้จักประมาณ รู ้จักความพอดี และรู ้จักประมาณในการบริโภค ในการใช ้จ่ายทรพ ั ย์ 34 พุทธปร ัชญา : อ ัปปมาทะ 5. การสัญญตา คือรู ้จักกาล รู ้จักเวลาอ ัน เหมาะสม และระยะเวลาในการประกอบการงาน ่ ้ว่าเวลาไหนควรทา และการปฏิบต ั ต ิ อ ่ บุคคลอืนรู อะไร และทาให ้ตรงเวลาให ้พอเวลา ให ้เหมาะ ให ้ถูก ให ้ควรแก่เวลา ่ รู ้จักการ 6. ประสัญญตา รู ้จักชุมชน คือรู ้จักถิน ่ ้น ๆ และต่อชุมชนนั้น ชุมชน อันควรปฏิบต ั ใิ นถินนั ่ ้าไปหา ควรทากิรยิ าอย่างนี ้ ควรต ้องพูด นี ้ เมือเข ้ ระเบียบวินัยอย่างนี ้ มีวฒ อย่างนี ้ ชุมชนนี มี ั นธรรม ประเพณี อย่างนี ้ แล ้วเราควรจะปฏิบต ั อิ ย่างไร 7. บุคคสัญญตา รู ้จักบุคคล หรือรู ้จักความ แตกต่างระหว่างบุคคล โดยอัธยาศัย 35 ่ พุทธปร ัชญาที 9 คือ ปั ญญา 36 ่ ่ าคัญของ ปั ญญาเป็ นเครืองมื อทีส มนุ ษย ์ ท่านพุทธ....ได้ยกย่องปั ญญาในการทุก ่ ท่านกล่าวว่า “ไม่มอ เมือ ี ะไรจะดีไปกว่า ่ ปั ญญาทีสามารถแก้ ไขปั ญหาของชาติ ่ านได้ยกย่องผู ม และส่วนบุคคลได้” ซึงท่ ้ ี ปั ญญาว่า “เป็ นผู ม ้ ม ี ต ิ รภาพ มีแสงสว่าง มาก มีคณ ุ ประโยชน์มาก” แนวทางให้เกิดปั ญญาคือ ศีล สมาธิ ปั ญญา 3 37 ปั ญญา 3 ปั ญญา ทาให้เกิดได้ 3 วิธ ี ่ งเหตุถงึ ปั ญญา[1] แปลว่า ความรู ้ทัว่ คือรู ้ทัวถึ ่ ผล รู ้อย่างช ัดเจน, รู ้เรืองบาปบุ ญคุณโทษ, รู ้สิง่ ่ ่ ทีควรท าควรเว้น เป็ นต้น เป็ นธรรมทีคอย ่ ่ กากับศร ัทธา เพือให้ เชือประกอบด้ วยเหตุผล ่ ไม่ให้หลงเชืออย่ างงมงาย ปั ญญา ทาให้เกิดได้ 3 วิธ ี คือ ดังนี ้ [2] ่ ดจากการได้ (1) สุตมยปั ญญา คือ ปั ญญาทีเกิ อ่าน ได้เห็น ได้ยน ิ ได้ฟัง ได ้จดจาเล่าเรียนมา ่ ดจากการ (2) จินตามยปั ญญา คือ ปั ญญาทีเกิ ่ คิดพิจารณาไตร่ตรอง วิเคราะห ์ สังเคราะห ์ เชือมโยง ความรู ้ต่างๆ ่ [1] พระธรรมกิตติวงศ ์ (ทองดี สุรเตโช) ป.ธ. ๙ ราชบัณฑิต พจนานุ กรมเพือการศึ กษาพุทธศาสน์ ชุด คาวัด, วัดราช โอรสาราม กรุงเทพฯ พ.ศ. 2548 38 พุทธปร ัชญา : ปั ญญา หลักความสาเร็จ สติ ปั ญญา สมาธิ วิรย ิ ะ ศร ัทธา 39 พุทธปร ัชญาที 10 สมถะและ วิปัสสนา 40 สมถะและวิปัสสนา ่ าคัญใน สมถะและวิปัสสนาเป็ นแก่นทีส ่ กจิต ฝึ ก การนาไปปฏิบต ั ธ ิ รรม เพือฝึ สมาธิ เป็ นการฝึ กฝนตนเองตามวิถพ ี ุทธ ่ บต ั ธ ิ รรม พัฒนาปั ญญา ท่านพุทธเริมปฏิ ด้วยการปฏิบต ั ส ิ มถะวิปัสสนา ่ นด้วยการมีสมาธิใน สมถะวิปัสสนา เริมต้ ชีวต ิ ประจาวัน การทางาน การขับรถ การเรียนหนังสือ การประกอบอาชีพ ก็ ล้วนแต่ใช้สมาธิ 41 สมถะและวิปัสสนา ่ กยิงได้ ่ เป็ นรู ปแบบทีละเอี ่ สมาธินี้ ยิงฝึ ยด ้ ่ ๆ ส่วนวิปัสสนาถือว่าเป็ น ขึนไปเรื อย ่ ่ เครืองมื อในการวิเคราะห ์จิต และการทีเรา ่ าระจิตโดยอาศ ัย มีความสามารถทีจะช โครงการทาวิปัสสนา หากบุคคลใดปฏิบต ั ส ิ มถะและวิปัสสนา ้ ้ั แล้วบุคคลนันสามารถบรรลุ คณ ุ ธรรมชน ้ อเป็ นผู ท ่ สู งสุดในชีวต ิ นันคื ้ างานเพือ ้ ส่วนรวมโดยมีความเสียสละเป็ นเอกอุ นัน 42 ่ พุทธปร ัชญาที 11 คือ เมตตา 43 พุทธปร ัชญา : เมตตา ้ นโลก เมตตา เป็ นคุณธรรมคาจุ ้ั ง ตัวเมตตาเป็ นหลักธรรมชนสู ้ ่ าคัญทีมนุ ่ ษย ์ และเนื อหาสาระที ส ่ จะต้องร ักเพือนร่ วมโลก ่ เมตตา (Humanity) ผู น ้ าทีมี ่ เมตตา ย่อมนาพา บุคลากรทีมี ความสุขมาให้ก ับคนรอบข้าง 44 พุทธปร ัชญา : เมตตา ท่านพุทธ....สอนให้ชาวพุทธบริษท ั ่ มี ่ ชวี ต เป็ นผู ท ้ มี ี่ เมตตา เป็ นผู ร้ ักสิงที ิ ้ ่ เกิ ่ ดมาร่วมโลก ทังหลายว่ าเป็ นสิงที ่ จะเป็ ่ เดียวก ัน ไม่ควรอย่างยิงที นศ ัตรู กันและเข่นฆ่าก ัน ่ ความเมตตา เป็ นมาซึงความร ัก ้ นความร ักด้วยจิตใจที่ ความร ักนี เป็ ่ ่ 45 12 คือ ขจัด อวิชชา 46 พุทธปร ัชญา : เน้นขจัดอวิชชา พุทธศาสตร ์ เน้นการขจัดอวิชชา อวิชชา ่ ่ องอยู ่ในใจ เช่น เป็ นกิเลสทีนอนเนื ความโลภ โกรธ หลง อ ันเป็ นฝ่ายอกุศล ่ คคลทุกรู ป ทุกตาแหน่ ง จะต้องทา ซึงบุ ให้เบาบางและชาระจิตใจให้สะอาดใน ่ ด ทีสุ ตัวปั ญญาจะเป็ นตัวการทาลายอุปกิเลส ้ ให้ราบคาบไป ถ้าจิตใจผู ค ้ นนันไม่ ประมาท อวิชชา ทาให้เกิดความเศร ้าหมอง ล่าช้า พุทธศาสตร ์ถือว่าอวิชชาเป็ น ่ คู ป ่ ร ับทีจะต้ องต่อสู ก ้ บ ั ผู ป ้ ฏิบต ั ธ ิ รรม 47 พุทธปร ัชญา : เน้นขจัดอวิชชา พุทธศาสตร ์ เน้นการขจัดอวิชชา คือ ่ นตัวการมอมเมาประชาชน ต ัวไม่รู ้ ทีเป็ ผู ค ้ น สมาชิกให้ตด ิ อยู ่กบ ั ที่ ่ 1. สิงมอมเมา คือ กาม ราคะ ่ ่ นเมา คือสิงเสพมึ 2. สิงมอมเมา ่ ่ 3. สิงมอมเมา คือความเห็นทีขาดสติ ปั ญญา ่ 4. สิงมอมเมา คือความโง่ เง่ า 48 ขจัดอวิชชาด้วย อิทธิบาท 4 การร ักษา ความสาเร็จในชีวต ิ อิทธิบาทสี่ เป็ นองค ์ธรรมแห่ง ความสาเร็จ ประกอบด้วยฉันทะ วิรย ิ ะ ่ จิตตะ และวิมงั สา อิทธิบาท ซึงแปล ตรงตัวได้วา ่ เท้าหรือรากฐานของการ ่ ศ กระทาความสาเร็จทีอ ั จรรย ์ 1. ฉันทะ ความพอใจในการเกิด การมีอยู่ของชีวต ิ และการงาน 2. วิรย ิ ะความเอาใจใส่ในชีวติ และการงาน 3. จิตตะ ความเพียรพยายามในชีวต ิ ให ้ดีขนทุ ึ้ ก 49 อิทธิบาท 4 ่ อิทธิบาท ซึงแปลตรงต ัวได้วา ่ เท้าหรือ รากฐานของการกระทาความสาเร็จ ่ ัศจรรย ์ การกระทาความสาเร็จที่ ทีอ ้ องอาศ ัยกาลังสีอย่ ่ าง อ ัศจรรย ์นันต้ คือ กาลังสมาธิ กาลังฌาน กาลังอิทธิ บาท และกาลังอธิษฐาน กาลัง ้ ้ าลังอิทธิบาทก็คอ ทังหมดนี ก ื กาลัง เท้าหรือรากฐานของการทา 50 ่ เจริญอิทธิบาทสีตามความในพระสู ตร พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ในมหาปรินิพพาน ่ สู ตรว่า ผู ท ้ เจริ ี่ ญอิทธิบาทสีสามารถปรารถนา ให้มอ ี ายุตลอดกัปหรือกว่ากัปได้ คือ มีอายุถงึ ๑๒๐ ปี หรือเกินกว่า ๑๒๐ ปี ได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู ่หวั ผู ม ้ พ ี ระคุณอ ัน ประเสริฐ ทรงเลิศในธรรม ทรงแจ้งในคาตร ัส ้ างดี สอนของพระบรมศาสดาในประการนี อย่ ่ เป็ นแน่ ด ังทีทรงตร ัสในกาลมหามงคลสมัยวัน เฉลิมพระชนมพรรษาปี หนึ่งว่าพระองค ์จะมี ่ http://board.palungjit.com/f4/วิธเี จริญอายุ-120-ปี -ด ้วยอิทธิบาทสี-วิ ่ ธเี จริญอายุ ทีมา พระชนมายุ ๑๒๐ ปี ด ้วยอิทธิบาท-181111.html#post2012920 51 ่ วิธเี จริญอิทธิบาทสีตามความในพระสู ตร 1. วิธฝ ี ึ กฝนอบรมจิต ผู ท ้ ฝึี่ กฝนอบรม ่ จิต เพือให้ เกิดสมาธิและปั ญญาอยู่ เป็ นนิ จ กาลังจิต กาลังสมาธิจะก่อตัว ้ นลาดับ ๆ ไป เกิดขึนเป็ ่ ต การ 2. การลงมือปฏิบต ั ิ การสังจิ ่ ่ งามที่ ภาวนา เพือปรารถนาในสิ งดี ต ้องการ เช่นความมีอายุยน ื ตลอดกัป 52 53