ลิมิตซูพีเรียร์และลิมิตอินฟีเรียร์
Download
Report
Transcript ลิมิตซูพีเรียร์และลิมิตอินฟีเรียร์
ลิมิตซูพเี รียร์
sn } n 1
พิจำรณำเมื่อ {
ไม่มีขอบเขตบน
sn } n 1
มีขอบเขตบน และเมื่อ { sn } n 1
กรณี ที่ {
มีขอบเขตบน จะมีจำนวนจริ ง M ที่
sn M, ทุก n
สำหรับแต่ละ n กำหนดเซต { sn, sn+1, sn+2, … } เช่น
n = 1 ได้ { s1, s2, s3, … }
n = 2 ได้ { s2, s3, s4, … } เป็ นต้น
ซึ่งแต่ละเซตเป็ นเซตที่มีขอบเขตบน
ให้ Mn = l.u.b. { sn, sn+1, sn+2, … }
เนื่องจำก { sn, sn+1, sn+2, … } { sn+1, sn+2, sn+3, … }
ทำให้ Mn Mn+1 ทุก n
M n } n 1
ดังนั้น {
เป็ นลำดับไม่เพิ่ม
ลำดับไม่เพิ่มอำจเป็ นลำดับที่ล่เู ข้ำ หรื อลำดับที่ล่อู อกสู่ – อย่ำง
ใดอย่ำงหนึ่ง
sn } n 1
บทนิยาม 3.5.1 ให้ {
เป็ นลำดับจำนวนจริ งที่มีขอบเขตบน
และMn = l.u.b. { sn, sn+1, sn+2, … } ลิมิตซูพเี รียร์ ของลาดับ
lim sup sn
แทนด้วยn
ถ้ำ {
M n } n 1
lim sup sn = lim Mn
เป็ นลำดับลู่เข้ำ แล้วให้n
n
ถ้ำ {
M n } n 1
lim sup sn = –
เป็ นลำดับลู่ออกสู่ – แล้วให้n
ตัวอย่ าง 1 {
{
sn } n 1
n
= { (1) } n 1
sn } n 1
เป็ นลำดับที่มีขอบเขตบน
Mn = l.u.b. { sn, sn+1, sn+2, … } = 1 ทุก n
{
M n } n 1
เป็ นลำดับลู่เข้ำ
lim sup sn = lim Mn = 1
n
n
ตัวอย่ำง 2 {
{
sn } n 1
1
คือ 1, –2, 3 , - 4 , 51 , -6
sn } n 1 เป็ นลำดับที่มีขอบเขตบน
ซึ่งลู่เข้ำ
Mn = l.u.b. { sn, sn+1, sn+2, … }
และลำดับ { M n }n 1 คือ 1, 1 , 1 , 1 , 1 , 71 , 71 ,...
3 3 5 5
lim sup sn = lim Mn = 0
ดังนั้น n
n
ตัวอย่ าง 3 {
sn } n 1
คือ –1, –2, –3, –4, –5, …
sn } n 1
{
เป็ นลำดับที่มีขอบเขตบน
Mn = l.u.b. { sn, sn+1, sn+2, … } = –n , n
{ M n }
n 1 เป็ นลำดับลูอ่ อกสู่ –
lim sup sn = –
n
sn } n 1
บทนิยาม 3.5.2 ถ้ำ {
เป็ นลำดับจำนวนจริ งที่ไม่มี
lim sup s =
ขอบเขตบน แล้วให้ n
n
ตัวอย่ าง 4 {
{
sn } n 1
sn } n 1 คือ
1, 2, 1, 4, 1, 6, …
เป็ นลำดับที่ไม่มีขอบเขตบน
lim sup sn =
ดังนั้น n
sn } n 1
ทฤษฎีบท 3.5.3 ถ้ำ {
เป็ นลำดับจำนวนจริ งและ
lim sup s = lim s
เป็ นลำดับลู่เข้ำ แล้ว n
n n n
การพิสูจน์
lim sn = L
ให้n
สำหรับ > 0 จะมีจำนวนเต็มบวก k ที่ทำให้
| sn – L | < , n k
L – < sn < L +
,n k
สำหรับ n k จะมี L + เป็ นขอบเขตบนของเซต
{ sn, sn+1, sn+2, … }
แต่ L – ไม่เป็ นขอบเขตบนของเซต { sn, sn+1, sn+2, … }
9
L – < Mn = l.u.b. { sn, sn+1, sn+2, … } L + , n k
{ Mn } n 1
เป็ นลำดับไม่เพิ่มที่ล่เู ข้ำ และโดยบทแทรก 3.4.4
lim M L +
ทำให้ L – n
n
lim sup s L +
L – n
n
เนื่องจำก เป็ นจำนวนจริ งบวกใดๆ
lim sup sn = L
ดังนั้นย่อมได้วำ่ n
sn } n 1
บทนิยาม 3.5.4 ให้ {
เป็ นลำดับของจำนวนจริ งที่มี
ขอบเขตล่ำง และ mn = g.l.b. { sn, sn+1, sn+2, … }
lim inf sn
ลิมิตอินฟี เรียร์ แทนด้วยn
1. ถ้ำ {
m n } n 1 เป็ นลำดับลู่เข้ำ
2. ถ้ำ {
m n } n 1 เป็ นลำดับลู่ออกสู่
lim inf sn = lim mn
แล้วให้n
n
lim inf sn =
แล้วให้ n
sn } n 1
บทนิยาม 3.5.5 ให้ {
เป็ นลำดับของจำนวนจริ งที่
lim inf sn = –
ไม่มีขอบเขตล่ำง แล้วให้ n
n
ตัวอย่ าง 5 { sn } n 1 = { (1) } n 1
{
sn } n 1 เป็ นลำดับที่มีขอบเขตล่ำง
mn = g.l.b. { sn, sn+1, sn+2, … } = –1 ทุก n
{ m n } n 1 เป็ นลำดับลู่เข้ำ
lim inf sn = lim mn = –1
n
n
ตัวอย่ าง 6 {
{
sn } n 1 คือ
2, 4, 6, 8, 10, …
sn } n 1 เป็ นลำดับที่มีขอบเขตล่ำง
mn = g.l.b. { sn, sn+1, sn+2, … } = 2n , n
{ m n }
n 1 เป็ นลำดับลู่ออกสู่
lim inf sn =
ดังนั้น n
ตัวอย่ าง
7 { sn } n 1 คือ 1, –2 , 1, –4, 1, –6, …
{ sn } n 1 เป็ นลำดับที่ไม่มีขอบเขตล่ำง
lim inf sn = –
ดังนั้น n
ตัวอย่ าง 8 {
{
sn } n 1
= { (n1) }
n 1
n
sn } n 1 เป็ นลำดับที่มีขอบเขต
lim sup sn = lim Mn = 0
n
n
lim inf sn = lim mn = 0
n
n
sn } n 1 เป็ นลำดับจำนวนจริ งที่ล่เู ข้ำ
ทฤษฎีบท 3.5.6 ถ้ำ {
lim inf sn = lim sn
n
n
sn } n 1 เป็ นลำดับจำนวนจริ ง
ทฤษฎีบท 3.5.7 ถ้ำ {
lim inf sn = lim supn
n
n
แล้ว
แล้ว
การพิสูจน์
(1) ถ้ำ { sn } n 1 มีขอบเขต
mn = g.l.b.{ sn, sn+1, sn+2, … } l.u.b. { sn, sn+1, sn+2, … } = Mn
lim mn lim Mn ดังนั้น lim inf sn lim sup sn
n
(2)
n
ถ้ำ{ sn } n 1
n
n
ไม่มีขอบเขต
ดังนั้น lim sup sn = หรื อ lim inf sn = –
n
n
จำก (1), (2) นัน่ คือ lim inf sn lim sup sn
n
n
sn } n 1 เป็ นลำดับจำนวนจริ ง
ทฤษฎีบท 3.5.8 ถ้ำ {
lim sup sn = lim inf sn = L และ L
n
n
{
sn } n 1 เป็ นลำดับลู่เข้ำ
แล้ว
และ lim sn = L
n
การพิสูจน์ ให้ > 0
lim sup sn
เนื่องจำก L = n
lim l.u.b. { sn, sn+1, sn+2, … }
= n
จะมีจำนวนเต็มบวก k1 ที่ทำให้
| l.u.b. { sn, sn+1, sn+2, … } – L | < , n k1
l.u.b. { sn, sn+1, sn+2, … } < L + , n k1
ทำให้ sn < L + , n k1
lim inf sn
เนื่องจำก L =n
lim g.l.b. { sn, sn+1, sn+2, … }
= n
จะมีจำนวนเต็มบวก k2 ที่ทำให้
| g.l.b. { sn, sn+1, sn+2, … } – L | < , n k2
L – < g.l.b. { sn, sn+1, sn+2, … } , n k2
ทำให้ L – < sn , n k2
ให้ k = max { k1, k2 } ทำให้ L – < sn < L + , n k
ดังนั้น | sn – L | < , n k
lim sn = L
นัน่ คือ n
ทฤษฎีบท 3.5.9 ถ้ำ { sn } n 1 เป็ นลำดับจำนวนจริ ง และ
lim sup sn = = lim inf sn แล้วลำดับ { sn } n 1
n
n
เป็ นลำดับลู่ออกสู่บวกอนันต์
การพิสูจน์ ให้ M > 0
เนื่องจำก lim inf sn =
n
จะมีจำนวนเต็มบวก k ซึ่งทำให้ g.l.b. { sn, sn+1, sn+2, … } > M , n k
sn g.l.b. { sn, sn+1, sn+2, … } , n k
ดังนั้น sn > M , n k
lim ลู่บวกออกสู่อนันต์
นั้นคือn
21
sn } n 1 และ { t n } n 1 เป็ นลำดับ
ทฤษฎีบท 3.5.10 ถ้ำ {
จำนวนจริ ง และเป็ นลำดับ ที่มีขอบเขต ถ้ำ sn tn , n
แล้ว
lim sup sn lim sup tn
(1) n
n
(2) lim inf sn lim inf tn
n
n
การพิสูจน์ เนื่องจำก sn tn , n
Mn = l.u.b.{ sn, sn+1, sn+2, … } l.u.b.{ tn, tn+1, tn+2, … } = Mn
M n }n 1
{
และ {
ทฤษฎีบท 3.4.4
M n }n 1เป็ นลำดับไม่เพิม่ ที่ล่เู ข้ำ
lim sup sn lim sup tn
ดังนั้นn
n
และจำก
mn = g.l.b.{ sn, sn+1, sn+2, … } g.l.b.{ tn, tn+1, tn+2, … } = mn
m n }n 1
{
ทฤษฎีบท 3.4.4
และ { mn }n 1 เป็ นลำดับไม่ลดที่ล่เู ข้ำ
lim inf sn lim inf tn
ดังนั้น n
n
และจำก
sn } n 1 และ { t n } n 1 เป็ นลำดับ
ทฤษฎีบท 3.5.11 ถ้ำ {
จำนวนจริ ง และเป็ นลำดับ ที่มีขอบเขต แล้ว
(1) lim sup ( sn + tn ) lim sup sn + lim sup tn
n
n
n
(2) lim inf ( sn + tn ) lim inf sn + lim inf tn
n
n
n
sn } n 1
t n } n 1 เป็ นลำดับ
การพิสูจน์ (1) เนื่องจำก {
และ {
ที่มีขอบเขต
ให้ Mn = l.u.b.{ sn, sn+1, sn+2, … }
sk Mn ( k n )
Pn = l.u.b.{ tn, tn+1, tn+2, … }
tk Pn ( k n )
{
s
}
พิจำรณำ ผลบวกของลำดับ n n 1 กับ { t n } n 1
จะได้วำ่ sk + tk Mn + Pn ( k n )
ดังนั้น Mn + Pn เป็ นขอบเขตบนของ { sn+ tn, sn+1+ tn+1, sn+2+ tn+2, … }
โดยทฤษฎีบท 3.4.4 และทฤษฎีบท 3.4.1
l.u.b.{ sn+ tn, sn+1+ tn+1, sn+2+ tn+2, … } Mn + Pn
lim (Mn + Pn)
lim l.u.b.{ sn+ tn, sn+1+ tn+1, sn+2+ tn+2, … } n
n
=
lim Mn +
n
lim Pn
n
นั้นคือ lim sup ( sn + tn ) lim sup sn + lim sup tn
n
n
n
สำหรับกำรพิสูจน์ (2) สำมำรถทำได้ในทำนองเดียวกันกับ (1)
sn } n 1
ทฤษฎีบท 3.5.12 ให้ {
เป็ นลำดับจำนวนจริง และเป็ น
ลำดับทีม่ ขี อบเขต ถ้ำ lim sup sn = M แล้วสำหรับ > 0
n
(1) sn < M + สำหรับทุกค่ำของ n ยกเว้นเพียงบำงค่ำ
มีเป็ นจำนวนจำกัด
(2) sn > M – สำหรับ n มีเป็ นจำนวนอนันต์
การพิสูจน์
(1) สมมติขอ้ ควำม (1) ไม่จริ ง
จะมี > 0 ที่ทำให้ sn M + สำหรับ n มีเป็ นจำนวน
อนันต์
ดังนั้นแต่ละ n , จะมี sk { sn, sn+1, sn+2, … } ซึ่ง sk M +
ทำให้ l.u.b. { sn, sn+1, sn+2, … } M + , n
lim l.u.b. { sn, sn+1, sn+2, … } lim ( M + )
n
n
lim sup sn M +
n
ทำให้ M M +
เกิดกำรขัดแย้ง
นัน่ คือ ทุก > 0 , sn < M + สำหรับทุกค่ำของ n
ยกเว้นเพียงบำงค่ำ และมีเป็ นจำนวนจำกัด
(2)
สมมติขอ้ ควำม (2) ไม่จริ ง
จะมี > 0 ที่ทำให้ sn > M – สำหรับ n บำงค่ำมีเป็ น
จำนวนจำกัด
ทำให้มีจำนวนเต็มบวก k ซึ่ง sn M – , n k
ดังนั้น M – เป็ นขอบเขตบนของ { sn, sn+1, sn+2, … } , n k
และ l.u.b. { sn, sn+1, sn+2, … } M –
lim sup sn M –
n
M M–
เกิดกำรขัดแย้ง
นัน่ คือ ทุก > 0 , sn > M – สำหรับค่ำของ n มีจำนวน
เป็ นอนันต์
ทำให้
sn } n 1 เป็ นลำดับจำนวนจริ ง
ทฤษฎีบท 3.5.13 ให้ {
ขอบเขตถ้ำ lim inf sn = m แล้วสำหรับ > 0
ที่มี
n
(1) sn > m – สำหรับทุกค่ำของ n ยกเว้นเพียงบำงค่ำ
มีเป็ นจำนวนจำกัด
(2) sn < m + สำหรับ n มีเป็ นจำนวนอนันต์
การพิสูจน์
(1) สมมติขอ้ ควำม (1) ไม่จริ ง
จะมี > 0 ที่ทำให้ sn m – สำหรับ n มีเป็ นจำนวนอนันต์
ดังนั้น สำหรับแต่ละ n, จะมี sk { sn, sn+1, sn+2, … } ซึ่ง sk m –
ทำให้
g.l.b. { sn, sn+1, sn+2, … } m – , n
lim ( m – )
lim g.l.b. { sn, sn+1, sn+2, … } n
n
lim inf sn m –
n
m m – เกิดกำรขัดแย้ง
นัน่ คือทุก > 0 , sn > m – สำหรับทุกค่ำของ n อำจยกเว้น
เพียงบำงค่ำมีเป็ นจำนวนจำกัด
(2)
สมมติขอ้ ควำม (2) ไม่จริ ง
จะมี > 0 ที่ทำให้ sn < m + สำหรับ n บำงค่ำมีเป็ นจำนวนจำกัด
ทำให้มีจำนวนเต็มบวก k ซึ่ง sn m + , n k
ดังนั้น m + เป็ นขอบเขตล่ำงของ { sn, sn+1, sn+2, … } , n k
และ g.l.b. { sn, sn+1, sn+2, … } m +
inf sn m +
lim
m m+
เกิดการขัดแย้ ง
n
นัน่ คือทุก > 0 , sn < m + สำหรับ n มีเป็ นจำนวนอนันต์
ทฤษฎีบท 3.5.14 ทฤษฎีบทโบลซาโน–ไวแยร์ สตราสส์ สาหรับลาดับ
(The Bolzano–Weierstrass Theorem for Sequence)
sn } n 1 เป็ นลำดับจำนวนจริ งที่มีขอบเขต แล้วจะมีลำดับ
ถ้ำ {
ย่อยที่เป็ นลำดับลู่เข้ำ
sn } n 1 เป็ นลำดับที่มีขอบเขต
การพิสูจน์ เนื่องจำก {
ให้ lim sup sn = M
n
สร้ำงลำดับย่อย { s n i }i 1 ของลำดับ { sn } n 1
โดยทฤษฎีบท 3.5.12 (2) จะได้วำ่ sn > M – 1 สำหรับ n มีเป็ น
จำนวนอนันต์
ให้ n1 ที่ s n > M – 1
1
และ sn > M21 – สำหรับ n มีเป็ นจำนวนอนันต์
1
s
ให้ n2 โดยที่ n1 < n2 และ n 2 > M – 2
sn } n 1
พจน์ต่อๆไปของ {
สร้ำงในทำนองเดียวกัน
โดยที่พจน์ที่ i ของลำดับย่อยนั้น ni > ni–1 และ
s n i> M – 1
i
.....()
ต่อไปจะแสดงว่ำลำดับย่อย { s n i }i 1
ลู่เข้ำ
ให้ > 0 โดยทฤษฎีบท 3.5.12 (1) จะได้วำ่ sn < M +
สำหรับทุกค่ำ n
ยกเว้นเพียงบำงค่ำเป็ นจำนวนจำกัด
ดังนั้นจะมี k ที่ทำให้ sn < M + , n k
เลือก k ซึ่ง 1 < และ nk > k ทำให้
k
sn k < M +
.....()
1
สำหรับ i k จะได้วำ่ i < และ ni > k
1
จำก () และ () จะได้วำ่ M – < M – i < s n i < M + , i k
| sn – M | < , i k
i
นัน่ คือ { sn i } n 1 เป็ นลำดับลู่เข้ำสู่ M
ทฤษฎีบท 3.5.15 ให้ F เป็ นเซตย่อยของเซตจำนวนจริ ง
F เป็ นเซตปิ ด ก็ต่อเมื่อ ถ้ำ { x n }n 1 เป็ นลำดับจำนวนจริ ง และ
เป็ นลำดับลู่เข้ำ ที่ xnF สำหรับทุก n แล ้ว lim xn เป็ น
n
สมำชิกของ F
การพิสูจน์
( ) เนื่องจำก{ x n }n 1 เป็ นลำดับลู่เข้ำ ให้ lim xn = x
n
จะแสดงว่ำ xF
สมมติ xF ดังนั้น xF
เนื่องจำก F เป็ นเซตเปิ ด จะมี > 0 ซึ่งทำให้
( x – , x + ) F
เนื่องจำก x = lim xn จะมีจำนวนเต็มบวก k ซึ่ง
n
| xn – x | < สำหรับ n k ดังนั้น xnF
เกิดกำรขัดแย้งเพรำะ xnF สำหรับทุก n
ดังนั้น xF
( ) สมมติ F ไม่ใช่เซตปิ ด ดังนั้น F ไม่ใช่เซตเปิ ด
จึงมี y0F
สำหรับแต่ละ n สร้ำงลำดับ { yn }n 1 โดย ynF ซึ่ง
1
| y n – y0 | < n
{ y n }n 1 เป็ นลำดับใน F ที่ lim yn = y0F
n
เกิดกำรขัดแย้ง
ดังนั้น F เป็ นเซตปิ ด