สิทธิมนุษยชน/วันที่ 5 สิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบ/สิทธิ หน้าที่ และความ
Download
Report
Transcript สิทธิมนุษยชน/วันที่ 5 สิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบ/สิทธิ หน้าที่ และความ
สิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบ
โดย สถาบันสิ ทธิ มนุษยชนแห่งเอเชีย
วันที่ 5 วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน 2555
มีการประมวลสิทธิต่างๆ
ไว้ที่ใดบ้าง???
มีการประมวลสิทธิต่างๆไว้ที่ใดบ้าง?
ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (UDHR)
Universal Decoration on Human Rights ค.ศ. 1948/ พ.ศ. 2491
สิทธิมนุ ษยชน
มีขอบเขตกว้างขวาง
ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุ ษยชน ถือเป็ นมาตรฐานขึน
้ ต่าของการ
ปฏิบตั ติ ่อมนุษย์
มนุษย์ นัน
้ หมายถึง คนทุกคน ไม่วา่ จะเป็ น คนชรา คนพิการ มีเชือ้
ชาติอะไร นับถือศาสนาอะไร เพศ อายุ การศึกษา ฯลฯ
ดังนัน
้ สิทธิมนุษยชน จึงไม่ใช่เรือ่ งไกลตัว หรือ เป็ นเรื่องของตะวันตก
แต่เป็ น “สากล” คือ ใช้กบ
ั คนทุกประเทศ ไม่มพี รมแดน ใดๆ ทัง้ ด้าน
เศรษฐกิจ สังคม หรือ การเมือง
สาระสาคัญของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
ส่วนแรก ข้อ 1-2 กล่าวถึง
หลักการสาคัญของสิทธิมนุ ษยชนทีว่ ่า มนุ ษย์ม ี
สิทธิตดิ ตัวมาแต่เกิด มนุ ษย์มศี กั ดิ์ศรี มีความเสมอภาคกัน ดังนัน้ จึงห้าม
เลือกปฏิบตั ติ ่อมนุ ษย์และควรปฏิบตั ติ ่อกันเสมือนเป็ นพีน่ ้องกัน
ส่วนที่ สอง ข้อ 3-21 กล่าวถึง สิทธิของพลเมืองและสิทธิทางการเมือง:
สิทธิในการเลือกตัง้ , สิทธิในการมีสว่ นร่วมในการตัดสินใจ, สิทธิใน
กระบวนการยุตธิ รรม, เสรีภาพ
ส่วนที่ สาม ข้อ 22-27 กล่าวถึง สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ,
สิทธิในอาหาร, สิทธิในการทางาน, สิทธิในทีอ่ ยูอ่ าศัย, สิทธิในการศึกษา,
วัฒนธรรม
ส่วนที่ สี่ ข้อ 28-30 กล่าวถึง หน้าทีข
่ องบุคคล สังคม และรัฐ
กฎหมายระหว่างประเทศ
อนุสญ
ั ญาว่าขจัดการเลือกประติบตั ิ ทางเชื้อชาติทุกรูปแบบ
พ.ศ.2509 (International Covenant on Elimination of All forms of
Racial Discrimination, 1966 =ICERD)
กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
พ.ศ.2509 (International Human Rights Covenant on Civil Political
Rights,1966=ICCPR)
กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและ
วัฒนธรรม พ.ศ.2509 (International Covenant on Economic
Social Cultural Rights, 1966=ICESCR)
อนุสญ
ั ญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบตั ิ ต่อสตรีในทุก
รูปแบบ พ.ศ.2522 (Convention on the Elimination of
Discrimination Against Women, 1979 =CEDAW)
อนุสญ
ั ญาว่าด้วยสิทธิเด็ก พ.ศ.2532(Convention on the
Rights of the Child,1989 =CRC)
อนุสญ
ั ญาต่อต้านการทรมาน และการประติบตั ิ หรือการ
ลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ยา่ ยีศกั ดศ ิ ศรี
พ.ศ.2527 (Convention Against Torture, 1984=CAT)
อนุสญ
ั ญาระหว่างประเทศว่าด้วยป้ องกันมิให้บคุ คลหาย
สาบสูญโดยถูกบังคับ พ.ศ.2549 (International Convention for
the Protection of All Persons from Enforced
Disapperances,2006=ICPED)
กฎหมายระหว่างประเทศต่างๆ เกิดจาก
United
Nation หรื อว่า องค์การสหประชาชาติ ซึง่ ถือเป็ นชุมชนของรัฐ
ภาคีเข้ ามาชุมนุมกัน
่ างานด้านสิทธิมนุษยชน มีการประชุมกันถึงประเด็น
ภายใน UN ก็มีหน่วยงานหนึ่งทีท
ต่างๆ ทีเ่ กี่ยวข้องกับประเด็นสิทธิมนุษยชนนี้ เช่น กรณีของการบังคับให้หายสาบสูญ
แล้วทีป่ ระชุมก็รว่ มกันร่างกฎหมายขึ้นมา
หลักจากร่างกฎหมาย ออกมาแล้ว ก็เชิญ รัฐภาคีมาลงนาม ซึง่ แต่ละประเทศได้พิจารณา
และลงนาม หมายถึง ประเทศตกลงในหลักการ แต่การลงนามนัน้ ไม่มีอานาจเพียงพอทีจ่ ะ
นาไปใช้
แต่ละประเทศ ก็ตอ้ งไปออกกฎหมายภายในประเทศเพื่อให้สอดคล้องกับหลักการ
กฎหมายระหว่างประเทศ
เมื่อเปลี่ยนกฎหมายแล้ว ก็ตอ้ งมีการให้สต
ั ยาบัน
หลังจากนัน
้ ก็ตอ้ งเข้าสูก่ ระบวนการตรวจสอบ เช่น การรายงาน ต่อคณะกรรมการต่างๆ
ระดับภูมิภาค
ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
องค์กรสิทธิมนุษยชนของอาเซียน' (AICHR)
1. เพื่อส่งเสริมและปกป้ องสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขัน้ พื้นฐานของประชาชนอาเซียน
2. เพื่อรักษาสิทธิของประชาชนอาเซียนทีจ่ ะอยู่อย่างสันติ มีศกั ดิศ์ รี และเจริญรุง่ เรือง
3. เพื่ออุทศิ ทีจ่ ะตระหนักถึงจุดประสงค์ของอาเซียนทีบ่ ญ
ั ญัตไิ ว้ในกฎบัตรอาเซียนเพื่อทีจ่ ะ
สนับสนุนความมัน่ คงและความกลมกลืนในภูมิภาค ความเป็ นมิตร และความร่วมมือ
ระหว่างประเทศอาเซียน ตลอดจนความปลอดภัย การทามาหากิน สวัสดิการ และการมี
ส่วนร่วมของประชาชนอาเซียนในกระบวนการสร้างประชาคมอาเซียน
4. เพื่อสนับสนุนสิทธิมนุษยชนในบริบทของภูมิภาค รับรูถ้ ึงลักษณะเฉพาะทัง้ ระดับประเทศ
และระดับภูมิภาค ตลอดจนเคารพในพื้นฐานทางศาสนา ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมที่
แตกต่างกัน และตระหนักถึงความสมดุลระหว่างสิทธิและความรับผิดชอบ
5. เพื่อขยายความร่วมมือระดับภูมิภาคในลักษณะชืน่ ชมความพยายามระดับชาติและระดับ
นานาชาติในการสนับสนุนและปกป้ องสิทธิมนุษยชน
6. ยืนยันในมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระดับนานาชาติตามที่บญ
ั ญัตใิ นปฏิญญาสากลว่าด้วย
สิทธิมนุษยชน ปฏิญญาและแผนปฏิบตั ิการเวียนนา และส่วนสิทธิมนุษยชนระดับนานาชาติ
อืน่ ๆทีอ่ าเซียนมีสว่ นร่วม
กฎหมายภายในประเทศ รัฐธรรมนูญ 2550
์ รีความเป็ นมนุษย์ สิทธิ
ศักดิศ
เสรีภาพ และความเสมอภาค
ของบุคคล ย่อมได้รบั ความคุม้ ครอง (มาตรา ๔)
บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมายและได้รบ
ั ความคุม้ ครองตาม
กฎหมาย เท่าเทียมกัน (มาตรา ๓๐)
ชายและหญิงมีสท
ิ ธิเท่าเทียมกัน (มาตรา ๓๐)
การเลือกปฏิบต
ั โิ ดยไม่เป็ นธรรมต่อบุคคลเพราะเหตุแห่ง
ความแตกต่างในเรือ่ งถิ่นกาเนิด เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ
ความพิการ สภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล
ฐานะทางเศรษฐกิจ หรือสังคม ความเชือ่ ทางศาสนา
การศึกษาอบรม หรือความคิดเห็นทางการเมืองอันไม่ขดั ต่อ
บทบัญญัติ แห่งรัฐธรรมนูญ จะกระทามิได้ (มาตรา ๓๐)
กฎหมายภายในประเทศ รัฐธรรมนูญ 2550
มาตรการทีร่ ฐั กาหนดขึ้นเพื่อขจัดอุปสรรคหรือส่งเสริมให้บุคคล
สามารถใช้สทิ ธิและ เสรีภาพได้เช่นเดียวกับบุคคลอืน่ ย่อมไม่ถือเป็ น
การเลือกปฏิบตั โิ ดยไม่เป็ นธรรมตามวรรคสาม(มาตรา ๓๐)
่ น่ื ของรัฐ และ
บุคคลผูเ้ ป็ นทหาร ตารวจ ข้าราชการ เจ้าหน้าทีอ
พนักงาน หรือลูกจ้างขององค์กรของรัฐ ย่อมมีสทิ ธิและเสรีภาพตาม
รัฐธรรมนูญเช่นเดียวกับบุคคลทัว่ ไป เว้นแต่ทจ่ี ากัดไว้ในกฎหมาย
หรือกฎทีอ่ อกโดยอาศัยอานาจตามบทบัญญัตแิ ห่งกฎหมาย เฉพาะใน
ส่วน ทีเ่ กี่ยวกับการเมือง สมรรถภาพ วินยั หรือจริยธรรม (มาตรา ๓๑)
พระราชบัญญัตสิ ทิ ธิมนุษยชนแห่งชาติ 2542
3
“สิ ทธิมนุษยชน”หมายความว่าศักดิ์ศรี ความเป็ น
มนุษย์ สิ ทธิเสรี ภาพและความเสมอภาคของบุคคลที่
ได้รับการรับรองหรื อคุม้ ครองตามรัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทย หรื อตามกฎหมายไทย หรื อตาม
สนธิสญ
ั ญาที่ประเทศไทยมีพนั ธกรณี ที่จะต้องปฏิบตั ิตาม
มาตรา
คู่ของ
สิ ทธิ:
พันธกรณี
พันธกรณีของรัฐ
สิทธิมนุษยชนมีพ้ ืนฐานมาจากความสัมพันธ์ระหว่าง
2 ภาคส่วน คือผูท้ เี่ รียกร้อง
สิทธิกบั ผูท้ ม่ี ีพนั ธกรณีหรือหน้าที่ ในการทาให้เกิดการสนองสิทธิ แต่ละสิทธิมี
พันธกรณีเป็ นคูข่ องมัน พันธกรณี/หน้าทีแ่ บ่งออกเป็ น 3 ระดับดังนี้
พันธกรณีในการเคารพ (Respect) รัฐต้องไม่ทาลายมาตรฐาน ต้อง
เคารพสิทธิทปี่ ระชาชนมีอยู่
พันธกรณีในการคุม้ ครอง (Protect) รัฐต้องหยุดการกระทาการที่
ละเมิดมาตรฐานสิทธิมนุษยชน เป็ นการปกป้ องไม่ให้มือทีส่ ามเข้ามากระทา
การละเมิดสิทธิ
พันธกรณีในการทาให้ทุกคนได้รบั สิทธิ (Fulfill) รัฐต้องมีมาตรการ ที่
เหมาะสมในการรับรองว่ามาตรฐานสิทธิมนุษยชนได้บรรลุ หรือ ต้องทาสิทธิ
ทีย่ งั พร่องอยูใ่ ห้เต็ม และให้คนสามารถใช้สทิ ธิเหล่านัน้ ได้จริง