1. ฝรั่งเศส

Download Report

Transcript 1. ฝรั่งเศส

ผูเ้ สี ยหายคดีอาญา Victim of crimes
1. คุณสมบัติของผูเ้ สี ยหาย
2. การมีส่วนร่ วมของผูเ้ สี ยหายในคดีอาญา
3. วัตถุประสงค์ของผูเ้ สี ยหาย
4 สิ ทธิของผูเ้ สี ยหายในคดีอาญา
5 การคุม้ ครองผูเ้ สี ยหาย
บทบาทของผู้เสี ยหายในยุโรปบางประเทศ
1. ฝรั่งเศส
2. สเปน
3. เยอรมัน
1. ฝรั่งเศส
-คาฟ้ องคดีอาญา (Action publique)
-คาฟ้ องคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา (Action civile)
2. สเปน
ความผิดสาธารณะ (public offenses)
ความผิดกึง่ สาธารณะ (semi-public offenses)
-ผูเ้ สี ยหายเริ่ มและยุติคดีได้ เช่น ฐานเปิ ดเผยความลับ
ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงทาให้ทรัพย์สินประมาณ 3 ล้านบาท
เสี ยหาย เป็ นต้น
-ผูเ้ สี ยหายเริ่ มคดีแต่ยตุ ิคดีไม่ได้ เช่น ความฐานทอดทิ้ง
ครอบครัว ความผิดเกี่ยวกับเสรี ภาพทางเพศ ยักยอกทรัพย์นิตบิ ุคคล
ความผิดส่ วนตัว (private offenses) ผูเ้ สี ยหายเริ่ มและยุติ
คดีโดยอัยการไม่เกี่ยวข้อง เช่น ดูหมิ่น หมิ่นประมาท
แม้ อานาจดาเนินคดีอาญาของผู้เสี ยหายและอัยการสเปนนั้นเป็ น
อานาจคู่ขนาน แต่ กฎหมายสเปนก็สร้ างความเชื่อมโยงระหว่ าง
การใช้ อานาจทั้งสอง หลังจากทีศ่ าลไต่ สวนปิ ดสานวนการ
สอบสวน เราสามารถแยกสถานการณ์ ได้ ดงั นี้
1. ถ้ าผู้เสี ยหายฟ้องคดีอาญาไว้ หากอัยการและผู้เสี ยหาย
เห็นว่ าการเปิ ดศาลเพือ่ พิจารณาพิพากษาคดีไม่ มีความจาเป็ น
ศาลจะออกคาสั่ งคดีไม่ มีมูล หากอัยการหรือผู้เสี ยหายคนใดคน
หนึ่งเห็นว่ าควรจะส่ งฟ้ องศาลตัดสิ นคดี ศาลไต่ สวนจะออก
คาสั่ งคดีมีมูล เว้ นแต่ ศาลอาจสั่ งคดีไม่ มีมูลหากข้ อเท็จจริงที่
ฟ้องไม่ ใช่ ความผิดอาญา
2. ถ้ าผู้เสี ยหายไม่ ฟ้องคดีอาญาไว้ หากอัยการต้ องการส่ งฟ้อง
ศาลตัดสิ นคดี ศาลไต่ สวนจะสั่ งคดีมีมูลและส่ งฟ้ องต่อศาล
ตัดสิ นคดี เว้ นแต่ ศาลอาจสั่ งคดีไม่ มีมูลหากข้ อเท็จจริงที่ฟ้อง
ไม่ ใช่ ความผิดอาญา หากอัยการร้ องขอให้ ศาลสั่ งคดีไม่ มีมูลและ
ศาลเห็นด้ วย ศาลจะสั่ งคดีไม่ มีมูล อย่ างไรก็ตามหากศาลไม่
เห็นด้ วยกับคาร้ องดังกล่ าว ศาลอาจแจ้ งผู้เสี ยหายและเสนอให้
ผู้เสี ยหายเข้ ามาในคดีอาญาเพือ่ ฟ้ องคดีอาญา
3. เยอรมัน
1. การร้ องทุกข์ ใน“ความผิดอาญาที่การดาเนินคดีต้องอยู่ภายใต้
การร้ องทุกข์ ของผู้เสี ยหาย” (Antragsdelikte)
2. การฟ้ องคดีอาญาใน“ความผิดอาญาทีผ่ ู้เสี ยหายสามารถฟ้อง
และดาเนินคดีอาญาได้” (Privatklagedelikte)
3. การขอเข้ าเป็ นโจทก์ ร่วมกับพนักงานอัยการทีด่ าเนินคดีอาญา
ไว้ แล้ ว (Nebenklage)
4. การคัดค้ านคาสั่ งไม่ ฟ้องคดี (Klageerzwingungsverfahren)
1. คุณสมบัติของผูเ้ สี ยหาย
1.1 ผูเ้ สี ยหายโดยตรง direct victim (ผูเ้ สี ยหายที่แท้จริ ง)
1.2 ผูเ้ สี ยหายโดยอ้อม indirect victim (ผูม้ ีอานาจจัดการแทน
ผูเ้ สี ยหาย)
1.1 ผู้เสี ยหายโดยตรง
ผู้เสี ยหายนิตนิ ัย
หลักกฎหมายโรมัน “Nemo auditur propriam
turpitudinem allegans”
“ผู้ทาเรื่องน่ าละอายไม่ อาจร้ องขอความยุตธิ รรม”
“อย่ าทาให้ นา้ พุแห่ งความยุตธิ รรมสกปรก”
หลักกฎหมายไทย “มาศาลด้ วยมือสะอาด”
-ฎ. ๑๑๘๓/๒๔๙๔ ต้ นกาเนิด“ผู้เสี ยหายนิตน
ิ ัย”
การสมัครใจวิวาท บาดเจ็บ ไม่ มีใครเป็ น
ผู้เสี ยหาย เพราะ “ทางนิตินัย” ไม่ ถือว่ าเสี ยหาย
-ฎ. ๑๖๐๔/๐๘ ต่ างคนต่ างประมาท ถือว่ าทั้งสอง
คนมีส่วนร่ วมในการกระทาความผิด ไม่ ใช่
ผู้เสี ยหายนิตนิ ัย
• ฎ. ๙๕๔/๒๐ หญิงยอมให้ผอู้ ื่นทาแท้งเถื่อนจนหญิงได้รับ
อันตรายสาหัส หญิงมาฟ้ องผูท้ าแท้งเถื่อนไม่ได้ เพราะ
หญิงมี “ส่ วนร่ วม” ในการกระทาความผิดอาญามาตรา
๓๐๑
-ฎีกาที่ ๑๓๔๓/๒๕๔๙
“จำเลยทัง้ สองกับพวกและผูเ้ สียหำยได้ทำพิธป
ี ลุกเสก
เหรียญรัชกำลที ่ ๕ เพือ่ ให้ได้เลขท้ำย ๒ ตัวของรำงวัลที ่
๑ สลำกกินแบ่งรัฐบำล เมือ่ ได้เลข ๙๖ มำแล้วจำเลยทัง้
สองกับพวกและผูเ้ สียหำยตกลงกันว่ำจะไปซื้อหวยใต้ดนิ
ผูเ้ สียหำยได้มอบเงินจำนวน ๕๐,๐๐๐ บำทให้จำเลยที ่ ๒
เพือ่ ซื้อหวยใต้ดนิ หลังจำกมอบเงินให้จำเลยที ่ ๒ แล้ว
จำเลยที ่ ๒ กับพวกก็หลบหนีไป
•
พฤติกำรณ์ของผูเ้ สียหำยดังกล่ำวข้ำงต้นเป็ นกำรร่วมกับ
จำเลยทัง้ สองกับพวกเล่นกำรพนันสลำกกินรวบอันเป็ น
กำรกระทำทีผ่ ดิ กฎหมำยมีโทษทำงอำญำ ผูเ้ สียหำยใน
คดีน้จี งึ ไม่ใช่ผเู้ สียหำยโดยนิตนิ ยั ทีจ่ ะมีสทิ ธิรอ้ งทุกข์
ขอให้เจ้ำพนักงำนตำรวจดำเนินคดีแก่จำเลยทัง้ สองใน
ควำมผิดฐำนฉ้อโกงซึง่ เป็ นควำมผิดอันยอมควำมได้
พนักงำนสอบสวนย่อมไม่มอี ำนำจสอบสวน และ
พนักงำนอัยกำรโจทก์ไม่มอี ำนำจฟ้อง
ฎ.๔๑๔๗/๒๕๕๐
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจาเลยข้อแรกมีวา่ โจทก์ร่วมที่
2 ที่ 3 และที่ 5 มีสิทธิยนื่ คาร้องขอเข้าร่ วมเป็ นโจทก์ใน
ความผิดข้อหากระทาชาเราเด็กหญิงอายุยงั ไม่เกิน 15 ปี ตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคแรก หรื อไม่ เห็นว่า
บทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวบัญญัติให้ผกู้ ระทาชาเรา
เด็กหญิงอายุยงั ไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่ภริ ยาของตนนั้น มีความผิด
โดยไม่คานึงถึงว่าเด็กหญิงนั้นจะยินยอมหรื อไม่กต็ าม แต่หาก
เด็กหญิงนั้นยินยอม ก็มิได้หมายความว่า เด็กหญิงนั้นมีส่วนร่ วม
ในการกระทาความผิดด้วย (มีต่อ)
เมื่อเด็กหญิงดวงดาว เด็กหญิงสายรุ ้ง และเด็กหญิงอริ ษาถูก
กระทาชาเรา แม้เด็กหญิงทั้งสามจะยินยอมก็เป็ นบุคคลผูไ้ ด้รับ
ความเสี ยหายเนื่องจาก การกระทาความผิดข้อหานี้ตามประมวล
กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (4) โจทก์ร่วมที่ 2 ที่
3 และที่ 5 ในฐานะผูแ้ ทนโดยชอบธรรมย่อมมีอานาจจัดการ
แทนเด็กหญิงดวงดาว เด็กหญิงสายรุ ้ง และเด็กหญิงอริ ษา
ตามลาดับ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา
5 (1) และมีสิทธิ ยนื่ คาร้องขอร่ วมเป็ นโจทก์ในความผิดข้อหานี้
ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 3 (2)
1.2 ผูเ้ สี ยหายโดยอ้อม
-บุคคลธรรมดา
-นิติบุคคล
ฎ. 3879/46
นาย ก. ถูกทาร้ ายถึงตาย อัยการฟ้อง ป.อ.มาตรา 290 ระหว่ าง
พิจารณา นาย ข. บิดานาย ก. ขอเป็ นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาต ศาล
พิพากษาว่ าพยานยังมีข้อสงสั ยว่ า นาย ก. ตายจากจาเลย หรือจากเหตุอนื่
ศาลยกประโยชน์ แห่ งความสงสั ยให้ จาเลย ลงโทษจาเลยเพียง ป.อ.
มาตรา 295 นาย ข. อุทธรณ์ 3 ข้ อ
หนึ่ง ขอให้ ลงโทษตาม ป.อ.มาตรา 288
สอง ขอให้ ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 289 (5), 296 ฐานทารุณโหดร้ าย
สาม ขอให้ ลงโทษตาม ป.อ. 295 ด้ วยโทษสถานหนัก
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่ า
1. อุทธรณ์ ข้อแรกทีว่ ่ าให้ ลงโทษฐานป.อ.มาตรา 288 ไม่ ได้ กล่าวในฟ้อง
เกินคาขอ ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 192 ไม่ อาจรับอุทธรณ์ ข้อนีไ้ ด้
2. ศาลลงโทษตาม ป.อ.มาตรา 295 เพราะจาเลยไม่ ได้ ทาให้ นาย ก. ตาย
เมื่อไม่ มีใครอุทธรณ์ ข้ อเท็จจริงจึงยุติ
3. นาย ก. จึงไม่ ได้ ถูกทาร้ ายถึงตายหรือบาดเจ็บจนไม่ สามารถจัดการ
งานได้ ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 5 (2)
4. นาย ข. บิดานาย ก. จึงไม่ ใช่ “ผู้มีอานาจจัดการงานแทนผู้เสี ยหาย”
ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 5(2)
5. นาย ข. จึงไม่ อาจอุทธรณ์ ได้ อกี สองข้ อในเรื่ องทารุ ณโหดร้ายและ
ลงโทษสถานหนัก
นิติบุคคลทีเ่ ป็ นผู้เสี ยหาย
-สหภาพแรงงาน syndicats
-องค์กรวิชาชีพ ordres professionnels
-สมาคมที่กฎหมายรับรองโดยเฉพาะ associations
habilitées
ประโยชน์สาธารณะ - intérêt général - public interest
ประโยชน์ส่วนรวม- intérêt collectif - collective interest
ประโยชน์ส่วนตัว- intérêt individuel- personal interest
1. นาย A ขโมยป้ ายจราจร
2. นาย B ทาร้ายคนขับรถแท็กซี่ซ่ ึงเป็ นสมาชิก
ของสหภาพคนขับรถแท็กซี่
3. นาย C ขโมยโต๊ะของสภาวิศวกร
4. นาย D ประกอบอาชีพหมอโดยไม่มีใบอนุญาต
พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522
มาตรา ๔๐ สมาคมใดมีวตั ถุประสงค์ในการคุม้ ครองผูบ้ ริ โภคหรื อ
ต่อต้านการแข่งขันอันไม่เป็ นธรรมทางการค้า และข้อบังคับของสมาคม
ดังกล่าวในส่ วนที่เกี่ยวกับคณะกรรมการ สมาชิก และวิธีการดาเนินการ
ของสมาคมเป็ นไปตามเงื่อนไขที่กาหนดในกฎกระทรวง สมาคมนั้นอาจ
ยืน่ คาขอให้คณะกรรมการรับรองเพื่อให้สมาคมนั้นมีสิทธิและอานาจ
ฟ้ องตามมาตรา ๔๑ ได้
การยืน่ คาขอตามวรรคหนึ่ง ให้เป็ นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่
กาหนดในกฎกระทรวง
การรับรองสมาคมตามวรรคหนึ่ง ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา ๔๑ ในการดาเนินคดีที่เกี่ยวกับการละเมิดสิ ทธิของผูบ้ ริ โภคให้
สมาคมที่คณะกรรมการรับรองตามมาตรา ๔๐ มีสิทธิในการฟ้ องคดีแพ่ง
คดีอาญาหรื อดาเนินกระบวนพิจารณาใดๆ ในคดีเพื่อคุม้ ครองผูบ้ ริ โภค
ได้ และให้มีอานาจฟ้ องเรี ยกค่าเสี ยหายแทนสมาชิกของสมาคมได้ ถ้ามี
หนังสื อมอบหมายให้เรี ยกค่าเสี ยหายแทนจากสมาชิกของสมาคม
ในการดาเนินคดีตามวรรคหนึ่ง มิให้สมาคมถอนฟ้ อง เว้นแต่ศาลจะ
อนุญาตเมื่อศาลเห็นว่าการถอนฟ้ องนั้นไม่เป็ นผลเสี ยต่อการคุม้ ครอง
ผูบ้ ริ โภคเป็ นส่ วนรวมสาหรับคดีแพ่งเกี่ยวกับการเรี ยกค่าเสี ยหายแทน
สมาชิกของสมาคมการถอนฟ้ องหรื อการพิพากษาในกรณี ที่คู่ความตกลง
หรื อประนีประนอมยอมความกัน จะต้องมีหนังสื อแสดงความยินยอม
ของสมาชิกผูม้ อบหมายให้เรี ยกค่าเสี ยหายแทนมาแสดงต่อศาลด้วย
2. การมีส่วนร่ วมของผูเ้ สี ยหายในคดีอาญา
2.1 ร้องทุกข์
2.2 ฟ้ องคดี
2.2 การฟ้ องคดีอาญาโดยผูเ้ สี ยหาย
-ข้อดี -ถ่วงดุลอานาจตารวจ อัยการ
-คดีที่ตอ้ งอาศัยความรู ้เฉพาะทาง
ผูเ้ สี ยหายอาจช่วยให้พยานหลักฐานได้
-ข้อเสี ย -คดีลน้ ศาล
-ทาให้คดีอาญาแผ่นดินเสี ยหาย
ปัญหาการดาเนินคดีอาญาของผู้เสี ยหายทีท่ าให้
คดีอาญาแผ่ นดินเสี ยหาย
1. กรณีไม่ ต้งั ใจทาให้ คดีอาญาเสี ยหาย
-ผู้เสี ยหายขาดอานาจรัฐในการหาพยานหลักฐาน
ผลคือ ขาดพยานหลักฐาน หรือ ยกประโยชน์ แห่ ง
ความสงสั ยให้ จาเลย ศาลยกฟ้ องตามมาตรา 185
อัยการไม่ อาจฟ้ องคดีได้ อกี (คาพิพากษาฎีกาที่
682/2537)
-กรณีผู้เสี ยหายตาย และไม่ มที ายาทเข้ ามาดาเนินคดี
ต่ อ
ในศาลสู ง
ศาลดาเนินคดีต่อได้ (814/2520) เพราะสื บพยานไว้
แล้ ว และผู้เสี ยหายฟ้ องแทนรัฐ
ในศาลชั้นต้ น
ศาลอาจต้ องมีคาพิพากษายกฟ้องเพราะไม่ มีพยานมา
พิสูจน์ ความผิดจาเลยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 185 ซึ่งจะทาให้ สิทธิ
นาคดีอาญามาฟ้ องระงับลงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (4)
2. กรณีต้งั ใจทาให้ คดีอาญาเสี ยหาย (การดาเนินคดีโดย
สมยอม)
-ผู้เสี ยหายแกล้ งทาความฟ้ องคดีอาญาบกพร่ อง
-ผู้เสี ยหายแกล้ งไต่ สวนมูลฟ้ องโดยสมยอม
-ผู้เสี ยหายแกล้ งพิจารณาคดีโดยสมยอม
คาพิพากษาฎีกาที่ 2757/2544,ที่ 6770/2546
ผูเ้ สี ยหายเป็ นโจทก์ยนื่ คาฟ้ องคดีอาญาโดยไม่ได้
บรรยายฟ้ องถึงการกระทาอันทุจริ ตหรื อการกระทาอันมิ
ชอบด้วยหน้าที่ของจาเลยตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 157 ศาลจึงยกฟ้ องโดยถือว่าศาลได้วนิ ิจฉัย
เนื้อหาการกระทาผิดแล้ว สิ ทธิ นาคดีอาญามาฟ้ องจึงระงับ
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39
(4)
คาพิพากษาฎีกาที่ 776/2490 ฟ้ องโจทก์ไม่
ระบุเวลากระทาความผิด ศาลยกฟ้ องในชั้นตรวจฟ้ องตาม
ป.วิ.อ. มาตรา 161 โจทก์มาฟ้ องใหม่เป็ นฟ้ องซ้ า เพราะ
ได้มีคาพิพากษาเสร็ จเด็ดขาดในความผิดที่ฟ้อง
คาพิพากษาฎีกาที่ 758/2491 ผูเ้ สี ยหายเป็ น
โจทก์ฟ้องจาเลย แต่ฟ้องโจทก์ไม่ได้ระบุสถานทีเ่ กิดเหตุ
ศาลมีคาพิพากษายกฟ้ อง ถือว่ามีคาพิพากษาเสร็จเด็ดขาด
ในความผิดที่ฟ้องแล้ว สิ ทธินาคดีอาญามาฟ้ องระงับตาม
ป.วิ.อ.มาตรา 39 (4)
คาพิพากษาฎีกาที่ 1382/2492 วินิจฉัยว่า “คดีอาญา
ผู้เสี ยหายได้ เป็ นโจทก์ ฟ้องจาเลย ครั้ นถึงวันนัดไต่ สวนมูล
ฟ้ อง ทนายโจทก์ มาศาลแต่ ตัวโจทก์ ไม่ มาศาลและไม่ได้
ร้ องขอเลื่อนคดี ศาลพิพากษายกฟ้ อง คดีถึงที่สุดแล้ ว
อัยการจะนาคดีมาฟ้ องใหม่ หาได้ ไม่ เพราะในคดีก่อน
ศาลยกฟ้ องเพราะโจทก์ ไม่ มีพยานมาสื บ ซึ่ งมีผล
เช่ นเดียวกับการพิพากษายกฟ้ องโดยโจทก์ พิสูจน์ ความผิด
จาเลยไม่ ได้ สมฟ้ อง เป็ นการพิพากษาในความผิดที่ฟ้อง
แล้ ว สิ ทธิ นาคดีอาญามาฟ้ องระงับสิ ้นไปตามป.วิ.อ.มาตรา
39 (4)”
คำพิพำกษำฎีกำที่ 9334/2538, 6446/2547
“หลักกำรของ ป.วิ.อ. มำตรำ 39 (4) ทีบ่ ญ
ั ญัตใิ ห้สทิ ธินำ
คดีอำญำมำฟ้องระงับไปเมือ่ มีคำพิพำกษำเสร็จเด็ดขำด
ในควำมผิดทีฟ่ ้ อง อันเป็ นหลักกำรห้ำมดำเนินคดีซ้ ำสอง
แก่จำเลยนัน้ จะต้องปรำกฏว่ำคดีก่อนเป็ นกรณีทจี ่ ำเลย
ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีอย่ำงแท้จริง หำกปรำกฏว่ำคดี
ก่อนเป็ นกำรฟ้องร้องดำเนินคดีอย่ำงสมยอมกัน แม้วำ่ จะ
เป็นกำรกระทำกรรมเดียวกันก็ถอื ไม่ได้วำ่ กำรกระทำ
กรรมนัน้ จำเลยเคยถูกฟ้องและศำลได้มคี ำพิพำกษำเสร็จ
เด็ดขำดอันจะมีผลทำให้สทิ ธินำคดีอำญำมำฟ้องใน
ควำมผิดกรรมนัน้ ระงับไปไม่”
แนวทางการป้องกันปัญหาที่เกิดจากการดาเนินคดีอาญาของ
ผู้เสี ยหาย
พนักงานอัยการคือตัวแทนรัฐที่ระวังรักษาผลประโยชน์ ของแผ่นดิน
(Public interest) ในขณะทีผ่ ู้เสี ยหายมุ่งแต่ ระวังรักษาผลประโยชน์ ของ
ตนเอง (Private interest)
การให้อยั การเข้ามามีบทบาทหลักในคดีอาญาแผ่นดินทุกคดีน่าจะ
เป็ นแนวทางป้ องกันผลประโยชน์ขดั กันระหว่างประโยชน์สาธารณะกับ
ประโยชน์ของผูเ้ สี ยหายได้ดีที่สุด
ทางเลือกและผลกระทบในการป้องกันปัญหาทีเ่ กิดจากการ
ดาเนินคดีอาญาของผู้เสี ยหาย
ทางเลือกที่ 1 “การตัดสิ ทธิผู้เสี ยหายฟ้องคดีอาญาแผ่ นดิน โดย
ให้ สิทธิขอเข้ าเป็ นโจทก์ ร่วมเท่ านั้น”
ทางเลือกที่ 2 “การกาหนดให้ ผู้เสี ยหายมีอานาจฟ้องคดีอาญา
ต่ อแผ่ นดินก็ต่อเมื่อพนักงานอัยการมีคาสั่ งไม่ ฟ้องคดี”
เพิ่มข้อความต่อไปนี้ใน มาตรา 28 วรรค 2 “ในคดีอาญาที่ มิใช่
คดีความผิดต่ อส่ วนตัว อานาจของผู้เสี ยหายตามมาตรา 28 (2)
เริ่ มมีขึน้ เมื่ออัยการมีคาสั่งไม่ ฟ้องคดี”
ทางเลือกที่ 3 “การกาหนดให้ ผู้เสี ยหายมีอานาจฟ้องคดีอาญาต่ อแผ่นดินก็
ต่ อเมื่อพนักงานอัยการมีคาสั่ งไม่ ฟ้องคดี โดยกาหนดให้ อยั การต้ องสั่ ง
คดีภายในเวลา 3 เดือนนับแต่ เวลาทีอ่ ยั การได้ รับแจ้ งความประสงค์ จาก
ผู้เสี ยหาย หากอัยการไม่ สั่งคดีภายใน 3 เดือน ผู้เสี ยหายก็มสี ิ ทธิฟ้อง
คดีอาญา”
เพิม่ ข้ อความต่ อไปนีใ้ น มาตรา 28 วรรค2 “ในคดีอาญาทีม่ ิใช่ คดีความผิดต่ อ
ส่ วนตัว อานาจของผ้ เู สียหายตามมาตรา 28 (2) เริ่มมีขึ้นเมื่ออัยการมีคาสั่งไม่ ฟ้อง
คดี อย่ างไรก็ดี ผ้ เู สียหายทีป่ ระสงค์ จะฟ้ องคดีอาญาที่มิใช่ คดีความผิดต่ อส่ วนตัว
อาจยืน่ หนังสือแสดงความประสงค์ ดังกล่ าวต่ อพนักงานอัยการในเขตท้ องทีท่ ี่
ความผิดเกิดขึ้นหรือเชื่อว่ าเกิดขึ้น และภายในสามเดือนนับแต่ วันทีพ่ นักงานอัยการ
ได้ รับแจ้ งความประสงค์ จะฟ้ องคดีอาญาดังกล่ าวจากผ้ เู สียหาย หากพนักงาน
อัยการไม่ สั่งคดี ผ้ เู สียหายจึงมีอานาจฟ้ องคดีอาญาได้”
ทางเลือกที่ 4 “การกาหนดให้ ผู้เสี ยหายทีป่ ระสงค์ จะฟ้องคดีอาญาแผ่ นดิน
ต้ องได้ รับคารับรองจากพนักงานอัยการก่อน”
เพิ่มข้อความต่อไปนี้ใน มาตรา 28 วรรค 2 “ในคดีความผิดอาญาทีม่ ิใช่
ความผิดต่ อส่ วนตัว ผ้ เู สียหายจะฟ้ องคดีอาญาได้ กต็ ่ อเมือ่ ได้ รับคา
รั บรองจากพนักงานอัยการในเขตท้องทีท่ คี่ วามผิดเกิดขึ้นหรือเชื่อว่ า
เกิดขึ้น”
ทางเลือกที่ 5 “กาหนดให้ การยกฟ้องชั้นตรวจคาฟ้อง (ตาม ป.วิ.อ. มาตรา
161) และคาพิพากษาว่ าคดีไม่ มีมูลชั้นไต่ สวนมูลฟ้อง
(ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 167) ในคดีอาญาแผ่ นดินทีผ่ ู้เสี ยหายเป็ นโจทก์
ไม่ ตัดสิ ทธิการฟ้องคดีอาญาของอัยการ”
เพิม่ ข้อความต่อไปนี้ใน มาตรา 161วรรค 3 และ167 วรรค 2
“หากศาลยกฟ้ องในคดีที่ราษฎรเท่ านั้นเป็ นโจทก์ ไม่ ตัดอานาจ
พนักงานอัยการฟ้ องคดีนั้นใหม่ เว้ นแต่ เป็ นความผิดต่ อส่ วนตัว”
ทางเลือกที่ 6 “การกาหนดให้ ศาลที่ทาคาสั่ งประทับรับฟ้องของผู้เสี ยหายที่
เป็ นโจทก์ต้องแจ้ งให้ พนักงานอัยการเข้ ามาเป็ นโจทก์ร่วมหรือฟ้อง
คดีอาญา”
เพิ่มข้อความต่อไปนี้ในมาตรา 168 วรรค 2 “เมื่อศาลได้ ประทับฟ้ องใน
คดีทรี่ าษฎรเป็ นโจทก์ ให้ ศาลแจ้ งให้ พนักงานอัยการทราบถึงการประทับ
ฟ้ องของผ้ เู สียหายเพือ่ ให้ พนักงานอัยการเข้ ามาเป็ นโจทก์ร่วมหรือเพือ่ ให้
พนักงานอัยการฟ้ องคดีอาญา”
3. วัตถุประสงค์ของผูเ้ สี ยหาย
-เพื่อการแก้แค้น (revenge)
-เพื่อได้รับการเยียวยา
(compensation)
3.1 การแก้แค้ น (revenge)
-พัฒนามาเป็ นการต้องการเห็นความยุติธรรมเกิดขึ้นในสังคม
-ขึ้นอยูก่ บั ระบบการฟ้ องคดีอาญา ระบบการฟ้ องคดีอาญาโดย
ผูเ้ สี ยหาย (private prosecution) ตอบสนองวัตถุประสงค์น้ ี
มากที่สุด
-ในระบบกล่าวหาตอบสนองวัตถุประสงค์น้ ีมากกว่าระบบไต่สวน
-หากรัฐไม่อานวยความยุติธรรมให้ ผูเ้ สี ยหายอาจหาความยุติธรรม
เอง
3.2 การเยียวยา (compensation)
-การเยียวยาโดยผู้กระทาความผิด
-การเยียวยาโดยรัฐ
การเยียวยาโดยผู้กระทาความผิด
-การปรับปรุงสิ ทธิให้ ง่ายขึน้ โดย ป.วิ.อ.มาตรา 44/1
ทาเป็ นคาร้ อง ไม่ เสี ยค่ าธรรมเนียม
-การฟ้ องคดีแพ่งเกีย่ วเนื่องกับคดีอาญา
ป.วิ.อ. มาตรา 46 ศาลแพ่งต้ องถือข้ อเท็จจริงที่
วินิจฉัยโดยชัดแจ้ งโดยศาลอาญา
คาพิพากษาฎีกาที่ 1938/2548 คดีนีเ้ ป็ นคดีแพ่ งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาที่
มีพนักงานอัยการเป็ นโจทก์ ฟ้องจาเลยที่ 1 ฐานขับรถยนต์ โดยประมาท
เป็ นเหตุให้ ศ. ได้ รับอันตรายแก่ กาย ถือว่ าพนักงานอัยการได้ ดาเนิน
คดีอาญาแทน ศ. ผู้เอาประกันภัยไว้ กับโจทก์ ในฐานะเป็ นผู้เสี ยหาย
ข้ อเท็จจริ งในคดีอาญาย่ อมผูกพันโจทก์ ในฐานะผู้รับช่ วงสิ ทธิ จาก ศ.
ด้ วย เมื่อคดีส่วนอาญาถึงที่สุดแล้ ว โดยศาลฎีกาเห็นว่ าพยานหลักฐานที่
โจทก์ ในคดีอาญานาสื บมายังรั บฟั งไม่ ได้ ว่าจาเลยที่ 1 กระทาโดย
ประมาทซึ่ งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46
บัญญัติให้ ศาลในคดีส่วนแพ่ งจาต้ องถือข้ อเท็จจริ งตามที่ปรากฏในคา
พิพากษาคดีส่วนอาญา ศาลฎีกาจึงต้ องถือข้ อเท็จจริ งตามที่ยตุ ิในคดีอาญา
ว่ าจาเลยที่ 1 ไม่ ได้ ขบั รถยนต์ โดยประมาทเลินเล่ อ เมื่อจาเลยที่ 1 ซึ่ ง
กระทาการแทนจาเลยที่ 2 มิได้ ประมาทเลินเล่ อ จาเลยทั้งสองจึงไม่ ต้อง
ร่ วมรั บผิดชาระค่ าเสี ยหายให้ แก่ โจทก์
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 47 ที่บญั ญัติ
ว่า “คาพิพากษาคดีส่วนแพ่งต้องเป็ นไปตามบทบัญญัติแห่ง
กฎหมายอันว่าด้วยความรับผิดของบุคคลในทางแพ่ง โดยไม่ตอ้ ง
คานึงถึงว่าจาเลยต้องคาพิพากษาว่าได้กระทาความผิดหรื อไม่”
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิ ชย์มาตรา 424 ที่บญั ญัติวา่
“ในการพิพากษาคดีขอ้ ความรับผิดเพื่อละเมิดและกาหนดค่า
สิ นไหมทดแทนนั้น ท่านว่าศาลไม่จาต้องดาเนินตามบทบัญญัติ
แห่งกฎหมายลักษณะอาญาอันว่าด้วยการที่จะต้องรับโทษ และ
ไม่จาต้องพิเคราะห์ถึงการที่ผกู้ ระทาผิดต้องคาพิพากษาลงโทษ
ทางอาญาหรื อไม่”
การเยียวยาโดยรัฐ
-พระราชบัญญัตคิ ่ าตอบแทนผู้เสี ยหาย และค่ า
ทดแทนและค่ าใช้ จ่ายแก่จาเลยในคดีอาญา
พ.ศ.2544
-จากัดเฉพาะผู้เสี ยหายทีไ่ ม่ เกีย่ วข้ องกับการกระทา
ความผิด
-จากัดเฉพาะความผิดเกีย่ วกับชีวติ ร่ างกาย เพศ
-ไม่ มีการแจ้ งสิ ทธิให้ ผู้เสี ยหายทราบ
4. สิ ทธิของผูเ้ สี ยหายคดีอาญา
-สิ ทธิร้องทุกข์
-สิ ทธิให้การเป็ นพยาน
-สิ ทธิฟ้องคดี
-สิ ทธิท้ งั ปวงที่โจทก์ในคดีอาญาพึงมี รวมทั้งสิ ทธิ
อุทธรณ์ ฎีกา
5. การคุ้มครองผู้เสี ยหาย
-การคุ้มครองทางกาย (physic)
-การคุ้มครองศักดิ์ศรี (dignity)
การคุ้มครองทางกาย
-พระราชบัญญัตคิ ุ้มครองพยานในคดีอาญา
พ.ศ. 2546
-การคานึงถึงความปลอดภัยของผู้เสี ยหายเมื่อ
ผู้กระทาความผิดได้ ประโยชน์ จากมาตรการรอ
การลงโทษ พักการลงโทษ
การคุ้มครองศักดิ์ศรี
-หมิ่นประมาท
-ขาดกฎหมายเฉพาะในเรื่ องการ
คุม้ ครองชื่อเสี ยงของผูเ้ สี ยหายเป็ นการ
ทัว่ ไป มีเฉพาะเรื่ องผูเ้ สี ยหายที่เป็ นเด็ก