จากจำนวนบริษัทที่มีการร้องเรียนทั้งหมด 37 ราย - V

Download Report

Transcript จากจำนวนบริษัทที่มีการร้องเรียนทั้งหมด 37 ราย - V

การประเมินผลในการบังคับใช ้ และ
แนวทางการปรับปรุง
พ.ร.บ. การแข่งขันทางการค ้า พ.ศ.
2542
เดือนเด่น นิคมบริรักษ์
สถาบันวิจัยเพือ
่ การพัฒนาประเทศไทย
โครงสร ้างการนาเสนอ
แนะนำ พ.ร.บ. กำรแข่งขันทำงกำรค ้ำ พ.ศ.
โดยสังเขป
1.
◦
่
โครงสร ้ำงกรรมกำร อำนำจหน้ำทีของกรรมกำร
มำตรกำรในกำรป้ องกันกำรผูกขำด
ผลกำรดำเนิ นงำนของสนง. คณะกรรมกำร
แข่งขันทำงกำรค ้ำในช่วงปี พ.ศ. 2542 – 2552
2.
◦
สถิตก
ิ ำรร ้องเรียน และกำรดำเนิ นกำรของ สนง.
่ ก
ลักษณะของผูป้ ระกอบกำรและพฤติกรรมทีถู
ร ้องเรียน
ปัญหำในกำรบังคับใช ้กฎหมำย
แนวทำงในกำรปร ับปรุงกฎหมำย
3.
4.
◦
กำรปรับปรุงโครงสร ้ำงองค ์กร องค ์ประกอบของ
คณะกรรมกำร บทบัญญัตใิ นกำรป้ องกันกำรผูกขำด
1. แนะนำ พ.ร.บ. กำรแข่งขันทำงกำรค ้ำ
พ.ศ. 2542
1.1 โครงสร ้ำงกรรมกำรแข่งขันทำงกำร
ค ้ำของไทย
มำตรำ 6 ให ้มีคณะกรรมกำรกำรแข่งขันทำงกำรค ้ำ
ประกอบด ้วย
(1) ร ัฐมนตรีวำ
่ กำรกระทรวงพำณิ ชย ์เป็ นประธำน
กรรมกำร
(2) ปลัดกระทรวงพำณิ ชย ์เป็ นรองประธำนกรรมกำร
(3) ปลัดกระทรวงกำรคลัง และผูท
้ รงคุณวุฒซ
ิ งมี
ึ่ ควำมรู ้
และประสบกำรณ์ทำงนิ ตศ
ิ ำสตร ์ เศรษฐศำสตร ์
พำณิ ชยศำสตร ์ กำรบริหำรธุรกิจหรือกำรบริหำร
รำชกำรแผ่นดิน มีจำนวนไม่นอ้ ยกว่ำแปดคนแต่ไม่
่
เกินสิบสองคนซึงคณะร
ัฐมนตรีแต่งตัง้ โดยต ้อง
้
แต่งตังจำกผู
ท้ รงคุณวุฒภ
ิ ำคเอกชนไม่นอ้ ยกว่ำกึง่
หนึ่ งเป็ นกรรมกำร และให ้เลขำธิกำรเป็ นกรรมกำร
และเลขำนุ กำร
1.1 โครงสร ้ำงกรรมกำรแข่งขันทำงกำร
ค ้ำของไทย
กฎกระทรวงออกตามมาตรา 6 วรรค 2
ข ้อ 1 กรรมกำรจะต ้อง
◦
◦
◦
สำเร็จกำรศึกษำไม่ต่ำกว่ำปริญญำตรีหรือเทียบเท่ำในสำขำ
นิ ตศ
ิ ำสตร ์ เศรษฐศำตร ์ พำณิ ชยศำสตร ์ และทำงำนหรือ
่ ้องใช ้ควำมรู ้ดังกล่ำวมำไม่นอ้ ยกว่ำ 5 ปี
เคยทำงำนทีต
ร ับรำชกำรหรือเคยร ับรำชกำรในตำแหน่ งไม่ต่ำกว่ำรอง
อธิบดีหรือเทียบเท่ำ
เป็ นหรือเคยเป็ นประธำนกรรมกำร ผูอ้ ำนวยกำร ผูจ้ ด
ั กำร
่ อำนำจจัดกำรธุรกิจไม่นอ้ ย
หุนส่
้ วนผูจ้ ด
ั กำร หรือบุคคลซึงมี
กว่ำ 5 ปี
่ ้
ข ้อ 2 ในกำรเสนอชือให
◦
◦
่
สภำหอกำรค ้ำและสภำอุตสำหกรรมเสนอรำยชือแห่
งละ 5
่ อให
่ ้ สนง. ตรวจสอบคุณสมบัตใิ ห ้ รมว. พำณิ ชย ์
ชือเพื
คัดเลือก 2-3 คน
่
กระทรวงกำรคลังและกระทรวงพำณิ ชย ์เสนอชือแห่
งละ 2-3
่ ้ รมว. พำณิ ชย ์เสนอชือเป็
่ นกรรมกำร
คน เพือให
ื่ กรรมการชุดปั จจุบน
1.1 รายชอ
ั
) นายฉัตรชยั บุญรัตน์ (รอง
1. รัฐมนตรีวา่ การกระทรวง (ต่อ10.
โควต้ำ
กพ.
โควต้ำ
กค.
พาณิชย์ (ป)
ประธาน สภาหอการค ้า)
โควต้ำ
2. ปลัดกระทรวงพาณิช
ย์
11. นายสมเกียรติ อนุราษฎร (รอง
หอกำรค ้
(รป)
ประธานสภาหอการค ้า)
ำ.
3. ปลัดกระทรวงการคลัง
12. ว่าที่ รอ. จิตร์ ศริ ธรา
นนท์
4. นายประพัฒน์ โพธิวร
คุณ (ประธานกรรมการ
(รองเลขาธิการสภาหอการค ้า)
บมจ. กันยงอีเลคทริก)โควต้ำ 13. นายมังกร ธนสารศล
ิ ป์ (รอง
สภำอุต.
5. นางพรนภา ไทย
ประธานสภาอุตสาหกรรม)
เจริญ (กรรมการ บริษัท
14. นายพยุงศักดิ์ ชาติสท
ุ ธิ
เบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซ ี่
ผล (รองประธานสภา
จากัด)
อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย)
ั
6. นายธนวรรธน์ พลวิชย
15. นายสมมาต ขุนเศษฐ (รอง
(คณบดี คณะเศรษฐศาสตร์
เลขาธิการสภาอุตสาหกรรม
ม. หอหารค ้า
แห่งประเทศไทย)
ไทย)
16. อธิบดีกรมการค ้าภายใน
่
1.2 อำนำจหน้ำทีของกรรมกำรแข่
งขัน
ทำงกำรค ้ำ
มาตรา 8 ให ้คณะกรรมการมีอานาจหน ้าทีด
่ งั ต่อไปนี้
(2) ประกาศกาหนดสว่ นแบ่งตลาดและยอดเงินขาย
ของธุรกิจใดทีถ
่ อ
ื ว่าผู ้ประกอบธุรกิจทีอ
่ ยูใ่ นเกณฑ์
ดังกล่าวเป็ นผู ้ประกอบธุรกิจซงึ่ มีอานาจเหนือตลาด
(ประกาศเกณฑ์การพิจารณาอานาจหนือตลาดเมือ
่ ปี
พ.ศ. 2550)
ิ ค ้าไป
(4) กาหนดหลักเกณฑ์เกีย
่ วกับการเก็บหรือนาสน
เป็ นตัวอย่างเพือ
่ ตรวจสอบ
หรือตรวจวิเคราะห์ตามมาตรา 19 (3) (ยังไม่ได ้
ดาเนินการ)
(5) ออกประกาศกาหนดสว่ นแบ่งตลาด ยอดเงินขาย
จานวนทุน จานวนหุ ้น หรือ
ิ ทรัพย์ตามมาตรา 26 วรรคสอง (ยังไม่ได ้
จานวนสน
ดาเนินการ)
(7) ออกประกาศกาหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธก
ี าร และ
เงือ
่ นไขในการขออนุญาต
กระทาการรวมธุรกิจ หรือร่วมกันลดหรือจากัดการ
แข่งขันตามมาตรา 35 (ยังไม่ได ้ดาเนินการ)
1.3 บทบัญญัตใิ นกำรป้ องกันกำร
ผูกขำด
่ “อำนำจเหนื อ
มำตรำ 25 ห ้ำมผูป้ ระกอบกำรทีมี
ตลำด” กระทำกำรดังต่อไปนี ้
้ อขำย
(1) กำหนดหรือร ักษำระดับรำคำซือหรื
สินค ้ำหรือค่ำบริกำรอย่ำงไม่เป็ นธรรม
่
่ นกำรบังคับ
(2) กำหนดเงือนไขในลั
กษณะทีเป็
โดยทำงตรงหรือโดยทำงอ ้อมอย่ำงไม่เป็ นธรรม
แก่ผูซ
้ อหรื
ื ้ อผูข
้ ำยสินค ้ำหรือบริกำร
(3) จำกัดปริมำณสินค ้ำหรือบริกำรในตลำด กำร
บริกำร กำรผลิต กำรซือ้ กำรจำหน่ ำย กำรส่ง
่ ำควำมต ้องกำรของ
มอบกำรนำเข ้ำมำให ้ตำกว่
ตลำด
(4) แทรกแซงกำรประกอบธุรกิจของผูอ้ นโดยไม่
ื่
มี
เหตุผลอันสมควร
พ.ร.บ. กำรแข่งขันทำงกำรค ้ำ พ.ศ.
2542
มำตรำ 26 ห ้ำมมิให ้ผูป้ ระกอบธุรกิจกระทำกำร
รวมธุรกิจ อันอำจก่อให ้เกิดกำรผูกขำดหรือ
ควำมไม่เป็ นธรรมในกำรแข่งขัน ตำมที่
คณะกรรมกำรประกำศกำหนดในรำชกิจจำ
นุ เบกษำ เว ้นแต่จะได ้ร ับอนุ ญำตจำก
คณะกรรมกำร
 มำตรำ 27 ห ้ำมมิให ้ผูป
้ ระกอบธุรกิจใดร่วมกับ
่
ผูป้ ระกอบธุรกิจอืนกระท
ำกำรใด ๆ อันเป็ นกำร
ผูกขำด หรือจำกัดกำรแข่งขันในตลำด
 มำตรำ 29 ห ้ำมมิให ้ผูป
้ ระกอบธุรกิจกระทำ
กำรใด ๆ อันมิใช่กำรแข่งขันโดยเสรีอย่ำงเป็ น
ธรรม และมีผลเป็ นกำรทำลำย ทำให ้เสียหำย

2. ผลกำรดำเนิ นงำนของ
สนง. คกก. แข่งขันทำงกำรค ้ำ
2.1 สถิตก
ิ ำรร ้องเรียนช่วงปี พ.ศ. 25422552
่
่ การร ้องเรียนทังหมด
้
จานวนเรืองที
มี
จำนวน:
รำย
74
- ยุตไิ ปแล้ว
52
- ติดตามสถานการณ์
5
- ติดตามพฤติกรรม
2
- รอเสนอกรรมการ
10
- อยู ่ระหว่างการดาเนิ นการ
้
- อยู ่ในขันการสื
บสวนโดย
อนุ กรรมการ
1
่ สำนักแข่งขันทำงกำรค ้ำ
แหล่งทีมำ:
4
11
่ ้ร ับกำรร ้องเรียน
2.2 ลักษณะของธุรกิจทีได
่ การร ้องเรียนทังหมด
้
จากจานวนบริษท
ั ทีมี
37 ราย

่ นบริษท
เป็ นธุรกิจทีเป็
ั ในเครือของกลุม
่ บริษท
ั
ขนำดใหญ่ 16 รำย

เป็ นบริษท
ั ต่ำงชำติ 7 รำย


เป็ นร ัฐวิสำหกิจหรือบริษท
ั ลูกของร ัฐวิสำหกิจ 3
รำย
่ ยวกั
่
เป็ นบริษท
ั ทีเกี
บสัมปทำนของร ัฐ 2 รำย
12
2.3 ผลกำรพิจำรณำกรณี ร ้องเรียน
ในอดีต
มีกำรดำเนิ นคดีทำงกฎหมำยกรณี เดียว คือ
กรณี ที่ บริษท
ั ฮอนด ้ำ ห ้ำมเอเย่นต ์ขำยสินค ้ำ
้ ยกำรสัง่
(จักรยำนยนต ์) ของคูแ่ ข่ง ในกรณี นีอั
่
ไม่ฟ้อง คณะกรรมกำรพิจำรณำทีจะ
ดำเนิ นกำรฟ้ องเอง
 กรณี กำรขำยเหล ้ำพ่วงเบียร ์พบว่ำมีควำมผิด
ตำมมำตรำ 25 จริง แต่เนื่ องจำกในขณะนั้นยัง
ไม่มเี กณฑ ์ “อำนำจเหนื อตลำด” จึงไม่สำมำรถ
ดำเนิ นดคีได ้
่
 กรณี กำรร ้องเรียนเรืองโทรทั
ศน์ระบบบอกร ับ
สมำชิก (UBC) กำหนดอัตรำค่ำบริกำรรำย
เดือนสูงเกินควรนั้น คณะกรรมกำรมีมติให ้ อส

3. ปัญหำในกำรบังคับใช ้
กฎหมำย
3.1 กำรมีสว่ นได ้เสียของกรรมกำร
กับภำคธุรกิจ


กฎหมำยกำหนดให ้กรรมกำรผูท้ รงคุณวุฒไิ ม่
่ ่ งต ้องมำจำกภำคเอกชน ซึง่
น้อยกว่ำกึงหนึ
ในทำงปฏิบต
ั ิ คือ ตัวแทนของสภำหอกำรค ้ำ
และ สภำอุตสำหกรรม แห่งละ 3 คน โดย
ส่วนมำกจะเป็ นตำแหน่ งรองประธำนกรรมกำร
่
2 คน และรองเลขำธิกำร 1 คน ซึงในจ
ำนวน
้ กมีผูบ้ ริหำรจำกบริษท
นี มั
ั ขนำดใหญ่รวมอยู่
ด ้วย
่ ำรงตำแหน่ งในบริษท
ในอดีตมีกรรมกำรทีด
ั ที่
ถูกร ้องเรียน
3.2 โครงสร ้ำงของ คกก. ถูกกำรเมือง
แทรกแซงได ้ง่ำย

่ กร ้องเรียนจำนวนมำกมีควำมเกียวโยง
่
บริษท
ั ทีถู
่ ำรงตำแหน่ งในร ัฐบำล ทังใน
้
กับนักกำรเมืองทีด
่
รูปแบบของกำรทีญำติ
ของนักกำรเมืองเป็ นผูถื
้ อ
่ ถ้ อื หุ ้น
หุ ้นหรือกรรมกำรในบริษท
ั หรือ กำรทีผู
ใหญ่ของบริษท
ั หรือตัวบริษท
ั เองบริจำคเงิน
่ นร ัฐบำล
ให ้แก่พรรคกำรเมืองทีเป็
2544-2549 (
.
*
(
ü
)
.
(
ü
)
.
(
)
(
)
.
(
.
)
.
(
ü
)
.
(
ü
ü
)
.
(
)
.
.
, . EGV
)
(
ü
.
.
,
.
(
.
.
ü
)
ü
.)
3.3 หลักเกณฑ์ในการบังคับใช ้
ิ ธิภาพ
ไม่มป
ี ระสท
เช่น เกณฑ ์กำรมี “อำนำจเหนื อตลำด” ตำม
มำตรำ 25 ที่ คกก. แข่งขันทำงกำรค ้ำ
่ ปี พ.ศ. 2550 คือ
ประกำศกำหนดเมือ
้ ร ้อยละ
่ สว่ นแบ่งตลำดตังแต่
 ผูป
้ ระกอบกำรทีมี
้
้
50 ขึนไป
และมียอดเงินขำยตังแต่
1,000
้
ล ้ำนบำท ขึนไป
หรือ
่ สว่ นแบ่ง
 ผูป
้ ระกอบธุรกิจสำมรำยแรก ทีมี
้ ร ้อยละ 75 ขึนไป
้
ตลำดรวมกันตังแต่
และมี
้
ยอดเงินขำยของรำยใดรำยหนึ่ งตังแต่
1,000
้
้ ยกเว
้
ล ้ำนบำทขึนไป
ทังนี
้นผู ้ประกอบธุรกิจ
่ สว่ นแบ่งตลำดในปี ทีผ่
่ ำนมำตำกว่
่ ำ
รำยทีมี
่
ร ้อยละ 10 หรือผูป้ ระกอบธุรกิจรำยทีมี
3.4 ขำดหลักเกณฑ ์ทีจ่ ำเป็ นในกำร
บังคับใช ้กฎหมำย
่
เกณฑ ์ในกำรรวมธุรกิจ ซึงกฎหมำยก
ำหนดให ้
คณะกรรมกำรกำหนดเกณฑ ์ส่วนแบ่งตลำด
ยอดเงินขำย จำนวนทุน จำนวนหุ ้นหรือจำนวน
้ ำที
่ ต
่ ้องขออนุ ญำตก่อนกำรรวม
สินทร ัพย ์ขันต
ธุรกิจจำกคณะกรรมกำรแข่งขันทำงกำรค ้ำ
3.5 กฎหมำยยกเว ้นร ัฐวิสำหกิจ


มำตรำ 4 ของ กฎหมำยให ้กำรยกเว ้นแก่ร ัฐวิสำหกิจ
ตำมนิ ยำมของ พ.ร.บ. วิธก
ี ำรงบประมำณ พ.ศ.
2502 ทุกรำย
่ ใ่ นขันตอนของ
้
แนวทำงกำรปร ับปรุง มำตรำ 4 ซึงอยู
กำรพิจำรณำของ คกก. กฤษฎีกำในปัจจุบน
ั
มำตรำ ๔ พระรำชบัญญัตน
ิ ี มิ้ ให ้ใช ้บังคับแก่กำรกระทำ
ของ
...
(๒) รัฐวิสำหกิจตำมกฎหมำยว่ำด ้วยวิธก
ี ำรงบประมำณ
่ นบริษท
เว ้นแต่รฐั วิสำหกิจทีเป็
ั มหำชนจำกัดซึง่
ประกอบธุรกิจบำงประเภทเป็ นทำงกำรค ้ำปกติ
้ ตำมหลั
้
แข่งขันกับเอกชน ทังนี
กเกณฑ ์และวิธก
ี ำร
่
่
และเงือนไขที
ก่ ำหนดโดยกฎกระทรวงทีออกตำม
3.5 กฎหมำยยกเว ้นร ัฐวิสำหกิจ (2)
แนวทำงในกำรปร ับปรุงมำตรำ 4 จะครอลคลุม
ร ัฐวิสำหกิจเพียง 10 แห่ง ในปัจจุบน
ั
◦ มีร ัฐวิสำหกิจแม่ (กระทรวงกำรคลังถือหุ ้นโดยตรง)
้
ทังหมด
78 แห่ง
้
◦ มีบริษท
ั ลูกและบริษท
ั ในเครือทังหมด
159 แห่ง จำก
จำนวนดังกล่ำว 50 แห่งมีสถำนภำพเป็ นร ัฐวิสำหกิจตำม
พ.ร.บ. วิธก
ี ำรงบประมำณ พ.ศ. 2502
◦ เป็ นบริษท
ั มหำชน 10 รำย (1) กำรบินไทย (2) กรุงไทย
(3) ปตท (4) ปตท สผ (5) อสมท. (6) ท่ำอำกำศบำน
่ (9) กสท
ไทย. (7) บำงจำก (8) ทีโอที คอร ์ปอเรชัน
โทรคมนำคม (10) กฟผ. *
่ ดเส ้นใต ้ไม่มก
้
◦ * ร ัฐวิสำหกิจทีขี
ี ำรซือขำยหุ
้นในตลำด
3.5 กฎหมำยยกเว ้นร ัฐวิสำหกิจ (3)
อย่ำงไรก็ดี ในอดีตกำรร ้องเรียนปัญหำกำรผูกขำด
่ น บมจ.
มักกระจุกตัวทีร่ ัฐวิสำหกิจทีเป็





่
ทศท. กรณี กำรปฏิเสธทีจะให
้ TT&T ลดค่ำบริกำร
่
โทรศัพท ์ทำงไกลในประเทศเพือแข่
งขันกับ Y-Tel
้ นให ้แก่ปัมอิ
๊ สระ และ
ปตท. กรณี กำรปฏิเสธกำรขำยนำมั
่ นบริษท
กำรขำยก๊ำซรำคำต่ำให ้แก่โรงแยกก๊ำซซึงเป็
ั ใน
เครือ
บริษท
ั ท่อส่งปิ โตรเลียมของปตท. กรณี กำรกำหนดรำคำ
้ นทีขำยให
่
นำมั
้แก่กำรบินไทยต่ำกว่ำต ้นทุน
กำรบินไทย – กรณี กำรกำหนดค่ำธรรมเนี ยมกำรขนส่ง
สินค ้ำร่วมกับสำยกำรบินต่ำงประเทศ (ถูกปร ับโดย KFTC)
บริษท
ั ปุ๋ ยแห่งชำติ กรณี ท่ม
ุ รำคำปุ๋ ย
4. ข ้อเสนอแนะในกำรปร ับปรุง
กฎหมำย
แนวทางในการปรับปรุงกฎหมายการ
แข่งขันทางการค ้า
1.
2.
3.
4.
แปลงสภำพให ้สำนักงำนคณะกรรมกำรเป็ น
องค ์กรอิสระ
ปร ับปรุงองค ์ประกอบของกรรมกำร
่ ้แก่ร ัฐวิสำหกิจ
ยกเลิกข ้อยกเว ้นทีให
่ มเพือให
่ ้กำร
กำหนดบทบัญญัตเิ พิมเติ
ดำเนิ นงำนของสำนักงำนฯ มีควำมโปร่งใส และ
่
มีกำรตรวจสอบกำรปฏิบต
ั ห
ิ น้ำทีของ
กรรมกำร
24
4.1 แปลงสภำพสนง. ให ้เป็ นองค ์กร
อิสระ




่ สระจำกฝ่ ำย
สำนักแข่งขันทำงกำรค ้ำควรเป็ นหน่ วยงำนทีอิ
่ ้ำยคลึงกับคณะกรรมกำรระกอบ
บริหำร ในลักษณะทีคล
่ จะปลอดจำกกำรแทรกแซงทำง
่
กิจกำรโทรคมนำคม เพือที
่ จะสำมำรถก
่
กำรเมือง และเพือที
ำหนดค่ำตอบแทน
่ ประสบกำรณ์และควำมรู ้
กรรมกำรทีจู่ งใจผู ้ทีมี
งบประมำณของสำนักงำนอำจมำกจำกค่ำปรับหรือ
ค่ำธรรมเนี ยมในกำรพิจำรณำกำรควบรวมธุรกิจ (เช่นใน
สหร ัฐเมริกำ) โดยกำรเห็นชอบของวุฒส
ิ ภำ
้
กรรมกำรควรได ้ร ับกำรแต่งตังจำกนำยกร
ัฐมนตรี หรือ
ประธำนำธิบดีแล ้วแต่กรณี โดยกำรเห็นชอบของวุฒส
ิ ภำ
่
่ อำนำจในกำรคัดเลือก และ มี
โดยมีวำระทียำวนำนกว่
ำผู ้ทีมี
่ อมกั
่
วำระทีเหลื
น (staggered term)
สำนักงำนต ้องรำยงำนผลกำรดำเนิ นงำนต่อร ัฐสภำ หรือ
่ นผูอ้ นุ มต
วุฒส
ิ ภำ ซึงเป็
ั งิ บประมำณรำยจ่ำยของสำนักงำน
4.2 ปร ับปรุงองค ์ประกอบของกรรมกำร
กรรมกำร ใน คกก. แข่งขันทำงกำรค ้ำทัวไปมีจำนวน 5้ กเป็ นนักเศรษฐศำสตร ์จำก
7 คน ในจำนวนนี มั
่ กษำ
มหำวิทยำลัย และ นักกฎหมำยจำกบริษท
ั ทีปรึ
่ ประสบกำรณ์เกียวกั
่
กฎหมำยทีมี
บกำรบังคับใช ้กฎหมำย
กำรแข่งขันทำงกำรค ้ำโดยตรง ส่วนมำกไม่มข
ี ้ำรำชกำร
่
หรือ นักธุรกิจ หรือผูท้ มี
ี่ ผลประโยชน์เกียวโยงกั
บธุรกิจ
ใดๆ
 คุณสมบัตข
ิ อง “กรรมกำรผูท้ รงคุณวุฒ”ิ หำกเป็ น
่
ข ้ำรำชกำรจะต ้องมีประสบกำรณ์โดยตรงเกียวกั
บ
กฎหมำยแข่งขันทำงกำรค ้ำ หำกเป็ นวิชำกำรจะต ้องเป็ น
่ ประสบกำรณ์ด ้ำนกฎหมำย
อำจำรย ์ในมหำวิทยำลัย ทีมี
เศรษฐศำสตร ์ ในหลำยประเทศมีตวั แทนแงค ์กรผูบ้ ริโภค
ด ้วย
่ นสำกล คือ
 คุณสมบัต ิ “ต ้องห ้ำม” ของกรรมกำรทีเป็
26
ต ้องไม่เป็ นผูถ้ อ
ื หุ ้น หรือ ผูบ้ ริหำรในสมำคมวิชำชีพ

4.3 ยกเลิกข ้อยกเว ้นสำหร ับร ัฐวิสำหกิจ

่ ้แก่ร ัฐวิสำหกิจทุกรำย หำกแต่ใน
ยกเลิกข ้อยกเว ้นทีให
กำรพิจำรณำข ้อร ้องเรียนแต่ละกรณี สำนักแข่งขัน
ทำงกำรค ้ำอำจคำนึ งถึง
่
◦ บทบำทหน้ำทีและภำรกิ
จของร ัฐวิสำหกิจ
◦ แนวนโยบำยในกำรดำเนิ นกำรของรฐั วิสำหกิจ
่ ยวข
่
◦ กฎ ระเบียบของภำคร ัฐทีเกี
้อง
◦ ผลดี ผลเสียต่อสำธำรณะอันเกิดจำกกำรกระทำ
ดังกล่ำว
้
◦ เหตุผลทีร่ ัฐวิสำหกิจชีแจง
◦ ฯลฯ
27
4.4 ส่งเสริมควำมโปร่งใส
กำรเปิ ดเผยข ้อมูล
่
บันทึกและเปิ ดเผยข ้อมูลเกียวกั
บกรณี กำรร ้องเรียน และผล
้ ้อมูลและเหตุผลประกอบ
กำรพิจำรณำของกรรมกำร รวมทังข
 กำหนดให ้กรรมกำรทุกรำยต ้องแจ ้งกำรมีสว
่ นได ้เสียของ
กรรมกำรกับบริษท
ั เอกชนให ้คณะกรรมกำรทรำบและเปิ ดเผย
ต่อสำธำรณชนในเวบไซต ์

กำรป้ องกันปัญหำกำรมีผลประโยชน์ทบั ซ ้อน
่ สว่ นได ้ส่วนเสียกับ
กำหนดแนวทำงปฏิบต
ั ส
ิ ำหร ับกรรมกำรทีมี
่ กร ้องเรียน
บริษท
ั ทีถู
่
 มีระเบียบในติดต่อสือสำรของกรรมกำร

่
กำรตรวจสอบและกลันกรองกระบวนกำรในกำรออก
กฎ ของ
คณะกรรมกำร
้
่ ้องเรียน และกำรดำเนิ นกำร
มีระเบียบ ขันตอนในกำรร
ับเรืองร
่ ร่ ้องเรียนทีเป็
่ นระบบ
เรืองที
่
่
่ สว่ นได ้เสียจำก
 มีเงือนไขเกี
ยวกั
บกำรร
ับฟั
ง
ควำมเห็
น
ของผู
้ที
มี
่ กำรอกประกำศ คกก. ทุกครง้ั
ทุกภำคส่วนก่อนทีจะมี

28
4.4 ส่งเสริมควำมโปร่งใส
กำรอุทธรณ์

ในปัจจุบน
ั ผูป้ ระกอบกำรสำมำรถอุทธรณ์ตอ
่ คณะกรรมกำร
่ ้มีกำรระงับ หรือเปลียนแปลง
่
อุทธรณ์ในกรณี ทมี
ี่ คำสังให
่ ไม่
่ อนุ ญำตให ้มีกำรควบรวมธุรกิจหรือ
พฤติกรรม หรือ คำสังที
กำรตกลงร่วมกันระหว่ำงธุรกิจเท่ำนั้น ไม่สำมำรถอุทธรณ์กรณี ที่
คกก. ไม่พบควำมผิดตำมข ้อร ้องเรียน จึงควรขยำยกรอบในกำร
อุทธรณ์ให ้ครอบคลุมถึงกรณี ที่ คกก. ไม่พบควำมผิดและไม่มี
่
คำสังในกำรด
ำเนิ นกำรต่อเนื่ องทีร่ ้องร ัยนด ้วย
29
ขอบคุณค่ะ
30