ppt - ดาวน์โหลด - เครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคภาคใต้

Download Report

Transcript ppt - ดาวน์โหลด - เครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคภาคใต้

องค์ กรปกครองท้ องถิน่ กับการคุ้มครองผู้บริโภค
ความสาคัญของงานคุ้มครองผู้บริโภค
สมชาย ละอองพันธุ์
ศูนย์พิทกั ษ์สิทธิผบู้ ริ โภค จังหวัดสงขลา
[email protected]
หัวข้อบรรยาย
1. วิเคราะห์ สถานการณ์ เกีย่ วกับการคุ้มครองผู้บริโภค
ด้ านผลิตภัณฑ์ และบริการสุ ขภาพ
2. สั งเคราะห์ ข้อเสนอแนวทางการพัฒนาความเข้ มแข็ง
กลไกการคุ้มครองผู้บริโภคด้ านสุ ขภาพ
3. สั งเคราะห์ ข้อเสนอการพัฒนาระบบ/กลไก
ทีจ่ ะให้ ผู้บริโภคได้ รับค่ าชดเชยอย่ างรวดเร็ว
และเป็ นธรรม โดยไม่ ต้องรอการไต่ สวนหาผู้รับผิดชอบ
4. สั งเคราะห์ ข้อเสนอสาระบัญญัตทิ ี่ควรกาหนดไว้ ในร่ าง
พรบ. สุ ขภาพแห่ งชาติ
สถานการณ์การบริโภคปัจจุบ ัน
ความเจริญทางเทคโนโลยี
Nanotechnology
Bioengineering
Food Packaging
control
atmosphere
Information Technology
เข้ าถึงข้ อมูลได้ ง่าย
ยากแก่การตรวจสอบ
การแข่งข ันทางการค้า
การไหลเข้ าของผลิตภัณฑ์
เศรษฐกิจเร่ งรัด ไม่ มี
เวลาดูแลสุ ขภาพ ต้ อง
พึง่ ยา/อาหารเสริม
การตลาดแบบตรง
การเอาผลประโยชน์
มาล่อ
บริโภคนิยม
รักสวยรักงาม
รักสุ ขภาพ
กลัวตาย
เชื่อมั่นธรรมชาติ
ผลิตภัณฑ์ เสริมอาหาร
เครื่องมือแพทย์
เครื่องสาอาง
โฆษณาหลอกลวง อ้าง
• ชะลอความแก่
• ดูดขี นึ้
• รักษาโรค 108
• ปลอดภัย
ผลิตภ ัณฑ์เสริมอาหาร
Dietary Supplement
Functional Food
Nutraceutical
ความหมาย
ผลิตภัณฑ์ ทใี่ ช้ รับประทาน
โดยตรงนอกเหนือจากการ
รับประทานอาหารตามปกติ
ปลอดภ ัย 100% จริงหรือ
ธรรมชาติไม่ ใช่ ปลอดภัยเสมอไป
Beta-carotine ในอาหาร
ป้ องกันมะเร็ง แต่ สารสกัดเข้ มข้ น
เพิม่ ความเสี่ ยงมะเร็ง
การปนเปื้ อนโลหะหนักจาก
สิ่ งแวดล้ อม เช่ น ในสาหร่ ายสไปรู ลนิ ่ า
ผลิตภัณฑ์ แคลเซียม
สารสาคัญบางอย่ างมีผลข้ างเคียง
เช่ น สารสกัดจากใบแปะก้วย ทา
ให้ เส้ นเลือดขยายตัว การผ่าตัด
อาจทาให้ เลือดไหลไม่ หยุด
สารบางตัวอาจไม่ เหมาะสม
กับผู้เป็ นโรคบางอย่ าง เช่ น
สาหร่ ายสไปรู ไลน่ าไม่
เหมาะกับคนเป็ นโรคเก๊าท์
เกิดอาการอันไม่ พงึ ประสงค์ จาก
การใช้ ผลิตภัณฑ์ เช่ น
slimming tea อาจทาให้
สู ญเสี ย electrolyte อย่าง
รุ นแรง ทาให้ หัวใจเต้ นผิดปกติ ถึง
เสี ยชีวติ ได้
ล ักษณะผลิตภ ัณฑ์เสริมอาหาร
ื่ ถือ
ทีไ่ ม่นา
่ เชอ
อ้ างว่ าเป็ นสู ตรลับ หรือใช้
คาหรู ๆ เช่ น มหัศจรรย์
miracle cure,
magical
รักษาสารพัดโรค
ใช้ คาคุมเครือ ยากแก่ การวัด
เช่ น detoxify,
purify, energize
อ้างว่ ามีผลการศึกษาวิจัย
แต่ ไม่ ระบุเอกสารอ้ างอิง
หรือมีเอกสารอ้างอิงน้ อย
อ้างว่ ามีแต่ ประโยชน์
ไม่ มีโทษหรือ
ผลข้ างเคียง
ื้ ผลิตภ ัณฑ์เสริมอาหาร
การเลือกซอ
ไม่ ซื้อเพราะ
แรงโฆษณา
ธรรมชาติ ไม่ ได้
หมายความว่ า
ปลอดภัย
พิจารณาผู้ผลิตทีม่ ี
ชื่อเสี ยงเป็ นที่ยอมรับ
หาข้ อมูล หรือ
สอบถามผู้ร้ ู
อ่านฉลาก
เครือ
่ งมือแพทย์
อุปกรณ์ แม่ เหล็ก
เครือ
่ งสาอาง
ครีมหน้ าขาว
หน้ าเด้ ง
เครื่องสาอางมีสารห้ ามใช้
อาหาร
การใช้ สารห้ ามใช้
บอแรกซ์ สารฟอกขาว
สารเร่ งเนือ้ แดง สารกัน
รา ฟอร์ มาลิน สี ย้อมผ้า
การยืดอายุการเก็บรักษา
อายุอาหารยิง่ นาน อายุคน
กินยิง่ สั้ น
การใช้ สารเคมีในการ
ปรับคุณภาพอาหาร
สารกันหืน, thickening
agent emulsifier,
chelating agent
coloring agent,
preservative
การทาเทียม
รังนกปลอม
การปนเปื้ อนจากสงิ่ แวดล้อม
การปนเปื้ อนโลหะหนัก
ในปลาทะเล
การปนเปื้ อนแคดเมีย่ มใน
ข้ าวที่ จ.ตาก
พฤติกรรมการบริโภคไม่เหมาะสม
โภชนาการเกิน
food
handle
อาหารเป็ นพิษ
การใช้ ยาไม่ เหมาะสม
ยาปฏิชีวนะ
ยาพาราเซตามอล
โภชนาการขาด
พีง่ พายา อาหารเสริม
ลดความอ้วน
นิยาม
การบริโภค หมายถึง กระบวนการตัง้ แต่
การซื้อ การใช้สินค้า และ การใช้บริการ
ผูบ้ ริโภค หมายถึง ผูซ้ ื้อหรือผูไ้ ด้รบั บริการ
จากผูป้ ระกอบการรวมถึง ผูซ้ ึ่งได้รบั การ
เสนอ หรือการชักชวนจากผูป้ ระกอบการ
เพื่อให้ซื้อสินค้าหรือให้บริการด้วย
ผู้บริโภค หมายถึง ผู้ซื้อหรือได้ รับบริการจากผู้ประกอบธุรกิจ
และหมายความรวมถึงผู้ซึ่งได้ รับการเสนอหรือการชักชวน
จากผู้ประกอบธุรกิจเพือ่ ให้ ซื้อสิ นค้ า หรือรับบริการด้ วย
ผู้ประกอบการ หมายถึง ผู้ขาย ผู้ผลิตเพือ่ ขาย ผู้สั่งหรือนาเข้ า
มาในราชอาณาจักรเพือ่ ขาย หรือผู้ซื้อเพือ่ ขายต่ อซึ่งสิ นค้ า
หรือผู้ให้ บริการ และหมายความรวมถึงเอกสารหรือคู่มือ
สาหรับใช้ ประกอบกับสิ นค้ า ป้ายที่ตดิ ตั้งหรือแสดงไว้ ที่สินค้ า
หรือภาชนะบรรจุ หรือหีบห่ อบรรจุสินค้ านั้น
องค์ กรพัฒนาเอกชน หมายถึง องค์ กรทีท่ างานด้ านการพัฒนา
ด้ วยงบประมาณของตนเองทั้งหมดหรือบางส่ วน และในการ
วิจยั นีจ้ ะมุ่งเฉพาะองค์ กรพัฒนาเอกชน (NGO) ที่มีกจิ กรรม
เกีย่ วข้ องกับการคุ้มครองผู้บริโภค
การคุ้มครองผู้บริโภค หมายถึง กระบวนการปกป้องคุ้มครอง
สิ ทธิของผู้บริโภค เพือ่ ให้ ผู้บริโภคมีความปลอดภัยและได้ รับ
ความเป็ นธรรมจากการบริโภค
การดาเนินการคุ้มครองผู้บริโภค หมายถึง กิจกรรมของกลุ่ม
องค์ กรทีศ่ ึกษาเกีย่ วกับการคุ้มครองผู้บริโภค
สาเหตุทตี่ ้ องมีการคุ้มครองผู้บริโภค
ผู้ขายส่ ง/ ผู้นาเข้ า
สิ นค้ า
ผู้ขายส่ ง
บริการ
ผู้ขายรายย่ อย
ผู้บริโภค
หน่ วยงาน องค์ กร ควบคุม ดูแล
รัฐ
เอกชน
ผู้ประกอบการ
ผู้บริโภค
สื่ อมวลชน
NGOs
ประชาสั งคม
การคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน และ การคุ้มครองผู้บริโภคตามกฎหมาย
ภารกิจหลักของการคุม้ ครองผูบ้ ริ โภคภาคประชาชน
PEOPLE_BASED CONSUMER PROTECTION
การสร้างความเข้มแข็งขององค์กรผูบ้ ริ โภค
ทั้งส่ วนกลางและท้องถิ่น
การสร้างกลไกโครงสร้างภาคประชาชนในเรื่ อง
คุม้ ครอง ผูบ้ ริ โภคด้านสุ ขภาพ
1. ระบบการเฝ้ าระวังตรวจสอบการละเมิดสิ ทธิ
ผูบ้ ริ โภค
2. ระบบการร้องทุกข์และไต่สวนการละเมิด
สิ ทธิผบู้ ริ โภค
3. ระบบชดเชยผูเ้ สี ยหาย
การมีปฏิสมั พันธ์กบั ข้อมูลปัญหาของกลุ่ม
ผูบ้ ริ โภค เพื่อการคุม้ ครองผูบ้ ริ โภค
ภารกิจหลักของการคุม้ ครองผูบ้ ริ โภคตามกฎหมาย
REGULATORY_BASED CONSUMER PROTECTION
การขึ้นทะเบียนและออกใบอนุญาต
การควบคุมให้เป็ นไปตามกฎหมาย
1. การส่ งเสริ มให้ปฏิบตั ิตามกฎหมาย
2. การตรวจสอบสถานที่ผลิตจาหน่าย และ
ให้บริ การ
3. การเฝ้ าระวังคุณภาพผลิตภัณฑ์
4. การดาเนินการเมื่อละเมิดกฎหมาย
การสร้างความเข้าใจและให้ขอ้ มูลข่าวสารแก่
ผูบ้ ริ โภค
ขอบเขตการคุ้มครองผู้บริโภคทีเ่ กีย่ วข้ องในเชิงองค์ กร
ระบบคุ้มครองผู้บริโภคของรัฐ
(Regulatory_based consumer protect)
องค์ กรด้ านยุติธรรม
 ศาล
 อัยการ
องค์กรคุม้ ครองผูบ้ ริ โภคของรัฐ ในส่ วนกลาง
อย.
สคบ.
ศาลผู้บริโภค
ระบบคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน
(Civic_based consumer protect)
กรมคุ้มครอง
สิ ทธิเสรีภาพ
 กระทรวง
- พาณิชย์
- อุตสาหกรรม
- ฯลฯ
องค์ กร คคบ. ภาครัฐ ส่ วนภูมิภาค/ท้องถิ่น
คณะกรรมการ คคบ.จังหวัด
คณะกรรมการ คคบ.ท้องถิ่น
องค์ การอิสระ
ผู้บริโภค
องค์ กรคุ้มครองผู้บริโภค
ภาคประชาชน
- มูลนิธิ / สมาคม / ชมรม
- สหพันธ์
- เครือข่ ายผู้บริโภค
- ผู้บริโภค
องค์ กรผู้บริโภคภาคประชาชน
ในระดับจังหวัดและชุ มชน
สภาวิชาชีพ
- สภาทนายความ
- วิศวกรรมสถาน
- แพทยสภา
- สภาเภสั ชกรรม
- สภาการพยาบาล ฯลฯ
ประเด็นทีจ่ ะก่ อให้ เกิดการคุ้มครองผู้บริโภค
จะเกิดขึน้ ก็ต่อเมื่อ มี หรือ คาดว่ าจะมี
ความเสี ยหาย
อันตราย
หรือ มีความไม่ เป็ นธรรม
เกิดขึน้ กับผู้บริโภค จากการซื้อสิ นค้ าและบริการ
การคุ้มครองผู้บริโภค
มีความเกีย่ วข้ องกันใน 3 ฝ่ าย
- ผู้บริโภค
- ผู้ผลิต หรือ ผู้ประกอบการ
- รัฐ ซึ่งเป็ นผู้ใช้ อานาจทางกฏหมาย
ปั จจัยที่เอือ้ อำนวยต่ อกำรสร้ ำงควำมเข้ มขขงง
ของระบบกำรคุ้มครองผู้บริโภค
- กระขสโลกำภิวัฒน์ กระขสกำรค้ ำเสรี
- ด้ ำนสังคม - วัฒนธรรม
เกิด วัฒนธรรมบริโภคนิยม
ขำด สำนึกในเศรษฐกิจพอเพียง
- ด้ ำนกำรเมือง - กำรปกครอง - โครงสร้ ำง
สังคม ผลกระทบต่ อ ระบบยุตธิ รรม
กำรพัฒนำคนขละสังคม
มิตดิ ้ ำนกระขสโลก – โลกำภิวัตน์
กระแสการเงินโลก กระแสเทคโนโลยีและ
การตลาดถูกควบคุมและจัดการโดย
บริษทั การค้าระดับมหึมาของโลก (Gigantic

Global cooperation)
เกิดวัฒนธรรมบริโภคนิยมโดยคนทัวไป
่
มุง่ หวังจะแสวงหาการเสพย์ การพึงพอใจ
ทางวัตถุต่าง ๆ เป็ นเรื่องหลัก
มีการแข่งขันกันอย่างกว้างขวางในระดับ
ิ่

มิตดิ ้ ำนเศรษฐศำสตร์
จำกข้ อมูลปี 2541 ระบุว่ำ ในกลุ่มคนรวย 20%
ขรก จะมีรำยได้ ประชำชำติทงั ้ หมดถึง 60% ส่ วน
คนที่เหลืออีก 80% ซึ่งเปง นคนส่ วนใหญ่ ของประเทศ
จะมีรำยได้ ประชำชำติเพียง 40%
มิตดิ ้ ำนกำรเมือง – กำรปกครอง
รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 กำหนดทิศทำงที่สำคัญใน 3 ประกำร
1. ทำกำรเมืองประชำธิปไตยขบบผู้ขทน ให้ เปง นกำรเมืองที่
ประชำชนมีสิทธิเสรีภำพขละส่ วนร่ วมทำงกำรเมือง กำรปกครอง
มำกขึน้ เช่ น กำรรับรองศักดิ์ศรีควำมเปง นมนุษย์ ( ม.4) สิทธิ
ในชีวิตขละร่ ำงกำย (ม.3) สิทธิในกำรชุมนุม (ม. 44) สิทธิใน
กำรรวมกลุ่ม (ม.45) สิทธิในกำรได้ รับบริกำรสำธำรณสุขที่ระบุ
ว่ ำ ต้ องบริกำรสำธำรณสุขของรัฐอย่ ำงทั่วถึง ขละมี
ประสิทธิภำพ คนจะมีสิทธิได้ รับกำรรักษำพยำบำลฟรี (ม.52)
สิทธิผ้ ูบริโภค (ม.57) สิทธิรับรู้ข้อมูล(ม.58) สิทธิคนชรำ (ม.54
ขละ 80) ข้ ำรำชกำรมีหน้ ำที่ทำตำมกฎหมำย ขละอำนวยควำม
สะดวกขก่ ประชำชน (ม.70) ประชำชน 50,000คนเข้ ำชื่อเสนอ
กฎหมำย (ม.170) ขละเข้ ำชื่อถอดถอนข้ ำรำชกำรระดับสูงขละ
นักกำรเมือง (ม.303, 304)สิทธิร้องทุกข์ (ม.61) ฯลฯ
2. จะให้ ควำมเปง นอิสระขก่ ท้องถิ่นมำกขึน้ เช่ นจะกำกับ
ดูขลได้ เท่ ำที่จำเปง นเท่ ำนัน้ (ม.282) ให้ มีผ้ ูบริหำรขละ
สภำท้ องถิ่นมำจำกกำรเลือกตัง้ โดยตรง (ม.285) ลงมติ
ให้ ผ้ ูบริหำรท้ องถิ่นพ้ นจำกตำขหน่ ง (ม.286) เสนอ
ข้ อบัญญัตทิ ้ องถิ่น (ม.287) มีส่วนร่ วมกำรพิจำรณำ
โครงกำร – กิจกรรมที่จะมีผลกระทบต่ อสุขภำพอนำมัย
(ม.290)
3. ให้ หน่ วยงำนของรัฐต้ องเคำรพสิทธิ ขละให้ สิทธิ
ประชำชนฟ้องคดีในคดีถกู ละเมิด เช่ น สิทธิฟ้องร้ อง
หน่ วยรำชกำร (ม.62)
กำรใช้ อำนำจรัฐต้ องคำนึงถึง
ควำมเปง นมนุษย์ สิทธิเสรีภำพ (ม.26) สิทธิท่ จี ะร้ อง
ทุกข์ ต่อผู้ตรวจกำรขผ่ นดินของรัฐสภำ (ม.197) ต่ อ
คณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนขห่ งชำติ (ม.200) ฟ้องร้ อง
ต่ อศำลปกครองคงมีกำรกระทำของเจ้ ำหน้ ำที่ไม่ ชอบด้ วย
รัฐธรรมนูญหรือกฎหมำย (ม.276)
มิตดิ ้ ำนสังคม
เกิดควำมสัมพันธ์ ขบบผู้อุปถัมภ์ – ผู้ได้ รับกำร
อุปถัมภ์ (Patron – client relation) ขละกำร
จัดลำดับขัน้ ในสังคมมำกขึน้ ซึ่งจนควำมสัมพันธ์
ที่ตงั ้ อยู่บนรำกฐำนขห่ งควำมไม่ เสมอภำค
 ระบบกำรเมืองขละรำชกำร ระบบยุตธ
ิ รรมขละกำร
รักษำควำมปลอดภัย ไม่ เอือ้ ต่ อกำรพัฒนำคนขละ
สังคม

พฤติกรรมเด่ นของคนไทยในระดับบุคคล (Individualism)
ทำให้ ม่ ุงขต่ ผลประโยชน์ ส่วนตนระยะสัน้
 ระบบกำรศึกษำที่เน้ นควำมจำ จึงไม่ เหมำะสมกับสภำวะ
ที่โลกมีควำมซับซ้ อน ขละเคลื่อนไหวเปลี่ยนขปลงรวดเรงว
 ครอบครั วขตกสลำย
 สังคมเปรำะบำงไม่ เปง นปึ กขผ่ น

มิตดิ ้ ำนวัฒนธรรมบริโภคนิยม
ส. ศิวรักษ์ 21 กล่ ำวถึงลัทธิบริโภคนิยมว่ ำ คือ “created need
โดยสำมำรถสร้ ำงภำพลักษณ์ โดยกำรโฆษณำชวนชื่อให้ ใคร ๆ
เหงนว่ ำตนจำต้ องมีส่ งิ นี ้ สิ่งนัน้ ” ที่สำคัญคือบริโภคนิยมสร้ ำง
วัฒนธรรมให้ ทุกๆคน
ต้ องกำรบริโภคสิ่งเกินควำมจำเปง น
หำกสร้ ำงสรรขึน้ มำให้ เหงนว่ ำจำเปง น (เช่ น) ถ้ ำมีเงินขล้ วไม่ ไป
ทัศนำจรขล้ วขย่ ถ้ ำไม่ ส่งลูกไปทัศนศึกษำขล้ วขย่ ถ้ ำไม่ กิน
อำหำรร้ ำนนัน้ ถ้ ำไม่ ด่ มื เหล้ ำยี่ห้อนัน้ …..ขล้ วขย่ ”
ส. ศิวรักษ์ 21 ได้ ขนะให้ ขก้ กำรบริโภคนิยมโดย “เรำคงต้ อง
กินให้ น้อยลง มีชีวิตให้ เรียบง่ ำยมำกขึน้ ปฏิเสธสิ่งฟุ้งเฟ้อ
ฟุ่ มเฟื อยยิ่ง ๆ ขึน้ ขละมุ่งที่ควำมเปง นเลิศ โดยกำรหำทำง
รู้จักตัวเรำเอง ค้ นหำศักยภำพของเรำให้ พบทัง้ ในขง่ ลบ
ขละขง่ บวก.. กล้ ำเผชิญกับทุกปั ญหำ โดยรู้จักสำวไปหำ
ต้ นเหตุขห่ งปั ญหำนัน้ ๆ ขล้ วรู้กำรขก้ ปัญหำนัน้ ๆ เท่ ำที่
เรำมีศักยภำพ หำกศักยภำพของเรำมีไม่ พอ เรำต้ องหำ
เพื่อนมำร่ วมใจกัน ให้ เปง นกัลยำณมิตรกัน ตักเตือนกัน
เรียนจำกกันขละกัน
เศรษฐกิจชุมชน เศรษฐกิจพอเพียง
ควำมพอเพี ย ง หมำยถึ ง ควำมพอประมำณควำมมี เ หตุ ผ ล
รวมถึงควำมจำเปง นที่จะต้ องมีระบบภูมิค้ ุมกันในตัวที่ดีพอสมควร
ต่ อกำรมีผลกระทบใดๆอันเกิดจำกควำม เปลี่ยนขปลงทัง้ ภำยนอก
ขละภำยในทัง้ นีจ้ ะต้ องอำศัยควำมรอบรู้ ควำมรอบคอบขละควำม
ระมั ดระวังอย่ ำงยิ่งในกำรนำวิ ชำกำรต่ ำงๆมำใช้ ในกำรวำงขผน
ขละกำรดำเนินกำรทุกขัน้ ตอนขละขณะเดียวกันจะต้ องเสริ มสร้ ำง
พืน้ ฐำนจิตใจของคนในชำติโดยเฉพำะเจ้ ำหน้ ำที่ของรั ฐนักทฤษฏี
ขละนักธุรกิจในทุก ระดับให้ มีสำนึกในคุณธรรมควำมซื่อสัตย์ สุจริต
ขละให้ มีควำมรอบรู้ ท่ ีเหมำะสม ดำเนินชีวิตด้ วยควำมอดทนควำม
เพียรมีสติปัญญำขละควำมรอบคอบ เพื่อให้ สมดุลขละพร้ อมต่ อ
กำรรองรับกำรเปลี่ยนขปลงอย่ ำงรวดเรงวขละกว้ ำงขวำงทัง้ ด้ ำนวัตถุ
สังคมสิ่งขวดล้ อมขละวัฒนธรรมจำกโลกภำยนอกได้ เปง นอย่ ำงดี
ปั จจัยอื่น
- ด้ ำนสิ่งขวดล้ อม
- ควำมก้ ำวหน้ ำทำงเทคโนโลยี
- ด้ ำนสื่อสำรมวลชนไร้ พรมขดน
- กำรปฏิรูปสังคม -ประชำสังคม
- กำรปฏิรูปกำรศึกษำ
- กำรปฏิรูประบบสำธำรณสุข ระบบสุขภำพ
- กำรกระจำยอำนำจ
1. สถำนกำรณ์ เกี่ยวกับกำรคุ้มครองผู้บริโภค
ด้ ำนผลิตภัณฑ์ ขละบริกำรสุขภำพ
สถำนกำรณ์ เกี่ยวกับ
ปั ญหำกำรคุ้มครองผู้บริโภคด้ ำนผลิตภัณฑ์ สุขภำพ
ปั ญหำคุณภำพ ขละ ควำมปลอดภัย
ตัวผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอำง อำหำร ยำ วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิต
ขละประสำท ขละ ยำเสพติดให้ โทษ
 กำรใช้ - กำรเกงบรั กษำผลิตภัณฑ์
กำรใช้ ไม่ สมเหตุสมผล กำรขสดงฉลำกในผลิตภัณฑ์ สุขภำพ
 กำรควบคุม กำรลักลอบนำสินค้ ำเข้ ำประเทศโดยไม่ ขอ
อนุญำต ปั ญหำชื่อยำ ทะเบียนยำที่อำจไม่ เหมำะสม รวมทัง้
ภำชนะบรรจุุ

ตารางที่ 1 จา น วน ครั ้ ง และจา น วน คน ที่ พ บ ปั ญ ห าคุ ณ ภ าพ ผลิ ต ภั ณ ฑ์ ยาและอาห ารจากแห ล่ งต่ างๆ
แหล่ ง ที่ ไ ด้ รั บ ยาและอาหาร
จา นวนกลุ่ ม จา นวนคน
ร้ อยละของคน จา นวนครั ง้ ที่ ค่ า เฉลี่ ย จา นวนครั ง้
ตั ว อย่ า ง
ที่ พ บปั ญ หา
ที่ พ บปั ญ หา
พบปั ญ หา
ต่ อ คนที่ พ บปั ญ หา
ยาที่ ไ ด้ รั บ จากรพ.
500
33
6.6
58
1.8
ยาที่ ไ ด้ รั บ จากคลิ นิ ก
497
14
2.8
24
1.7
ยาที่ ไ ด้ รั บ จากร้ านยา
485
53
10.9
82
1.5
ยาที่ ซื อ้ จากร้ านชา
311
67
21.5
123
1.8
ยาที่ ซื อ้ จากตลาด
219
25
11.4
66
2.6
ยาสมุ น ไพร
425
66
15.5
173
2.6
ผลิ ต ภั ณ ฑ์ ส่ ง เสริ ม สุ ข ภาพ
397
44
11.1
102
2.3
อาหารที่ จา หน่ า ยในร้ านอาหารทั่ ว ไป
516
213
41.3
929
4.4
อาหารที่ จา หน่ า ยริ ม ทางเท้ า
503
191
40.0
766
4.0
อาหารพร้ อมปรุ ง ตามห้ างสรรพสิ น ค้ า
433
93
21.5
316
3.4
พื ช ผั ก ที่ จา หน่ า ยในตลาด
491
139
28.3
666
4.8
เนื อ้ สั ต ว์ , อาหารทะเลในตลาด
523
163
31.2
485
3.0
น ้า ดื่ ม ในภาชนะบรรจุ ปิ ดสนิ ท
502
120
23.9
495
4.1
ตารางที่ 2 จา นวนครั ้ ง และจา นวนคนที่ พ บปั ญ หาราคาผลิ ต ภั ณ ฑ์ ยาและอาหารจากแหล่ งต่ างๆ
แหล่ ง ที่ ไ ด้ รั บ ยาและอาหาร
จา นวนกลุ่ ม จา นวนคนที่ ร้ อยละของคน
จา นวนครั ง้ ค่ า เฉลี่ ย จา นวนครั ง้
ตั ว อย่ า ง
พบปั ญ หา
ที่ พ บปั ญ หา
ที่ พ บปั ญ หา ต่ อ คนที่ พ บปั ญ หา
ยาที่ ไ ด้ รั บ จากรพ.
500
54
10.8
112
2.1
ยาที่ ไ ด้ รั บ จากคลิ นิ ก
509
180
35.4
455
2.5
ยาที่ ไ ด้ รั บ จากร้ านยา
499
125
25.1
278
2.2
ยาที่ ซื อ้ จากร้ านชา
292
42
14.4
110
2.6
ยาที่ ซื อ้ จากตลาด
215
14
6.5
29
2.1
ยาสมุ น ไพร
448
68
15.2
251
3.7
ผลิ ต ภั ณ ฑ์ ส่ ง เสริ ม สุ ข ภาพ
403
72
17.9
276
3.8
อาหารที่ จา หน่ า ยในร้ านอาหารทั่ ว ไป
520
225
43.3
1518
6.7
อาหารที่ จา หน่ า ยริ ม ทางเท้ า
490
124
25.3
1567
12.6
อาหารพร้ อมปรุ ง ตามห้ างสรรพสิ น ค้ า
438
100
22.8
523
5.2
พื ช ผั ก ที่ จา หน่ า ยในตลาด
493
96
19.5
375
3.9
เนื อ้ สั ต ว์ ,อาหารทะเลที่ จา หน่ า ยในตลาด
506
112
22.1
554
4.9
น ้า ดื่ ม ในภาชนะบรรจุ ปิ ดสนิ ท
506
78
15.4
447
5.7
ตารางที่ 3 จา นวน ครั ้ ง และจา นวน คน ที่ พ บปั ญ ห าความปลอดภั ย ผลิ ต ภั ณ ฑ์ ยาและอาห ารจากแห ล่ งต่ างๆ
แหล่ ง ที่ ไ ด้ รั บ ยาและอาหาร
จา นวนกลุ่ ม จา นวนคน
ร้ อยละของคน
จา นวนครั ง้ ค่ า เฉลี่ ย จา นวนครั ง้
ที่ พ บปั ญ หา ต่ อ คนที่ พ บปั ญ หา
ตั ว อย่ า ง
ที่ พ บปั ญ หา
ที่ พ บปั ญ หา
ยาที่ ไ ด้ รั บ จากรพ.
496
50
10.1
78
1.6
ยาที่ ไ ด้ รั บ จากคลิ นิ ก
479
59
12.3
105
1.8
ยาที่ ไ ด้ รั บ จากร้ านยา
488
61
12.5
103
1.7
ยาที่ ซื อ้ จากร้ านชา
296
32
10.8
101
3.2
ยาที่ ซื อ้ จากตลาด
228
19
8.3
44
2.3
ยาสมุ น ไพร
434
33
7.6
74
2.2
ผลิ ต ภั ณ ฑ์ ส่ ง เสริ ม สุ ข ภาพ
403
34
8.4
123
3.6
อาหารที่ จา หน่ า ยในร้ านอาหารทั่ ว ไป
521
209
40.1
948
4.5
อาหารที่ จา หน่ า ยริ ม ทางเท้ า
503
207
41.2
827
4.0
อาหารพร้ อมปรุ ง ตามห้ างสรรพสิ น ค้ า
432
37
8.6
146
3.9
พื ช ผั ก ที่ จา หน่ า ยในตลาด
497
74
14.9
269
3.6
เนื อ้ สั ต ว์ ,อาหารทะเลที่ จา หน่ า ยในตลาด
517
86
16.6
305
3.5
น ้า ดื่ ม ในภาชนะบรรจุ ปิ ดสนิ ท
504
23
4.6
85
3.7
1.3
สถำนกำรณ์ เกี่ยวกับปั ญหำ
กำรคุ้มครองผู้บริโภคด้ ำนบริกำรสุขภำพ
ขาดระบบบริการสุขภาพ ทัง้ ปริมาณและ
คุณภาพ
 ต้ นทุนสูง ประสิทธิภาพตา
่ ลงทุนสูง
ผลตอบแทนตา่
 ขาดหลักประกันด้านสุขภาพ


ปัจจัยที่สมั พันธ์กบั
ปัญหา
ขาดสมดุลของโครงสร้างอานาจ
ทางสังคม
อานาจรัฐ
มาก
อานาจเงินของภาคธุรกิจ
2.1 ปั ญหำนโยบำยขละกฎหมำย
กฎหมำยที่เกี่ยวข้ องยังไม่ รอบด้ ำน ขำดมิตใิ นเรื่ องสิทธิ
ศักยภำพของผู้บริโภคหรือไม่ ให้ ควำมสำคัญในกำรเรี ยกร้ อง
ชดเชยเมื่อผู้บริโภคเกิดควำมเสียหำย
 เจ้ ำหน้ ำที่ของรั ฐไม่ ปฏิบัตต
ิ ำมกฎหมำยอย่ ำงเคร่ งครัด

กฎหมำยที่เกี่ยวข้ องกับงำนคุ้มครองผู้บริโภคที่สำคัญ
รัฐธรรมนูญขห่ งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช 2540



มำตรำ 26 ได้ รับกำรเคำรพศักดิ์ศรีของควำมเปง นมนุษย์
จำกกำรใช้ อำนำจโดยองค์ กรของรัฐ
มำตรำ 30 ไม่ ถูกเลือกปฏิบัตโิ ดยไม่ เปง นธรรมโดยเหตุผล
ด้ ำนสุขภำพ
มำตรำ 40 คลื่นควำมถี่ท่ ใี ช้ ในกำรส่ งวิทยุกระจำยเสียง วิทยุ
โทรทัศน์ ขละวิทยุโทรคมนำคม เปง นทรัพยำกรสื่อสำรของ
ชำติ เพื่อประโยชน์ สำธำรณะ ให้ มีองค์ กรของรัฐที่เปง นอิสระ
ทำหน้ ำที่จัดสรรคลื่นควำมถี่ตำมวรรคหนึ่ง ขละกำกับดูขล...




มาตรา 44 บุคคลย่อมมีเสรี ภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจาก
อาวุธ….
มาตรา 45 บุคคลย่อมมีเสรี ภาพในการรวมกันเป็ นสมาคม สหภาพ
สหพันธ์ สหกรณ์ กลุม่ เกษตรกร องค์การเอกชน หรื อหมูค่ ณะอื่น….
มาตรา 46 บุคคลซึง่ รวมกันเป็ นชุมชนท้ องถิ่นดังเดิ
้ มย่อมมีสทิ ธิอนุรักษ์
หรื อฟื น้ ฟูจารี ตประเพณีภมู ิปัญญาท้ องถิ่น ศิลป หรื อวัฒนธรรมอันดี
ของท้ องถิ่นและของชาติ……
มาตรา 52 บุคคลย่อมมีสทิ ธิเสมอกันในการรับบริการทางสาธารณสุข
ที่ได้ มาตรฐาน และผู้ยากไร้ มีสิทธิรับการรักษาพยาบาลจากสถาน
บริการสาธารณสุขของรับโดยไม่เสียค่าใช้ จ่าย ทังนี
้ ้ตามที่กฎหมาย
บัญญัติ

มาตรา 56 สิทธิของบุคคลที่จะมีสว่ นร่วมกับรัฐและชุมชนในการ
บารุงรักษาและการได้ ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและความ
หลากหลายทางชีวภาพ และในการคุ้มครอง ส่งเสริม และรักษา
คุณภาพสิง่ แวดล้ อม….

มาตรา 57 สิ ทธิของบุคคลซึง่ เป็ นผูบริ
้ โภค
ยอมได
รั
ทัง้ นี้ตามที่
่
้ บความคุมครอง
้
กฎหมายบัญญัต ิ กฎหมายตามวรรคหนึง่ ต้ องบัญญัติให้
มีองค์การอิสระซึง่ ประกอบด้ วยตัวแทนผู้บริโภค ทาหน้ าที่ให้
ความเห็นในการตรากฎหมาย กฎ และข้ อบังคับ และให้ ความเห็น
ในการกาหนดมาตราการต่าง ๆ เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค
มาตรา 58 บุคคลย่อมมีสทิ ธิได้ รับทราบข้ อมูลหรื อข่าวสาร
สาธารณะในครอบครองของหน่วยราชการ…...






มาตรา 59 บุคคลย่อมมีสทิ ธิได้ รับข้ อมูล คาชี ้แจง และเหตุผลจาก
หน่วยงานราชการ ….
มาตรา 62 สิทธิที่จะฟ้องหน่วยงานราชการที่เป็ นนิติบคุ คลให้ รับผิด
เนื่องจากการกระทาหรื อละเว้ นการกระทาจากเจ้ าหน้ าที่ของรัฐ ….
มาตรา 78 รัฐต้ องกระจายอานาจให้ ท้องถิ่นพึง่ ตนเองและตัดสินใจใน
กิจการท้ องถิ่นได้ เอง ….
มาตรา 82
ไดรั
้ บบริการทีไ่ ดมาตรฐานและ
้
มีประสิ ทธิภาพ
มาตรา 87 รัฐต้ องสนับสนุนระบบเศรษฐกิจแบบเสรี โดยอาศัยกลไก
ตลาด กากับดูแลให้ มีการแข่งขัน
อย่างเป็ นธรรม คุ้มครอง
ผู้บริโภค และป้องกันการผูกขาดตัดตอนทังทางตรงและทางอ้
้
อม


มาตรา 283 ท้ องถิ่นใดมีลกั ษณะที่จะปกครองตนเองได้ ย่อมมีสทิ ธิ
ได้ รับจัดตังเป็
้ นองค์กรปกครองส่วนท้ องถิ่น ทังนี
้ ้ตามที่กฎหมาย
บัญญัต.ิ ..
มาตรา 284 องค์กรปกครองส่วนท้ องถิ่นทังหลาย
้
ย่อมมีความเป็ น
อิสระในการกาหนดนโยบายการปกครองการบริหาร การ
บริหารงานบุคคล การเงิน และการคลัง และมีอานาจหน้ าที่ของ
ตนเอง….
สิ ทธิของผู้บริโภค
สหพันธ์ องค์ การผู้บริโภคระหว่ างประเทศ
(International Oranization of Consumers Unions, IOCU)
1. สิ ทธิในการได้ รับบริการพืน้ ฐานทีจ่ าเป็ น
(The right to basic needs)
เช่ นยา อาหาร เสื้อผ้ า ทีอ่ ยู่อาศัย
2. สิ ทธิที่จะได้ รับความปลอดภัยในการบริโภคสิ นค้ า
หรือ บริการ (The right to safety)
3. สิ ทธิที่จะมีอสิ ระในการเลือกบริโภคสิ นค้ า
หรือ บริการ (The right to choose)
4. สิ ทธิที่จะได้ รับการพิจารณาและชดเชยความเสี ยหาย
(The right to redress)
5. สิ ทธิที่จะร้ องเรียนเพือ่ ความเป็ นธรรม
(The right to be heard)
6. สิ ทธิทจี่ ะได้ รับข้ อมูลทีถ่ ูกต้ องครบถ้ วน
(The right to be informed)
7. สิ ทธิทจี่ ะได้ รับความรู้ เกีย่ วกับการบริโภค
(The right to consumer education)
8. สิ ทธิทจี่ ะได้ อยู่ในสิ่ งแวดล้ อมทีส่ ะอาด
(The right to healthy environment)
พระราชบัญญัตคิ ้ ุมครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522
กาหนดสิ ทธิของผู้บริโภคของประชาชน คือ
1. สิ ทธิทจี่ ะได้ รับข่ าวสาร รวมทั้งคาพรรณาคุณภาพที่
ถูกต้ อง และ เพียงพอเกีย่ วกับสิ นค้ า และ บริการ
2. สิ ทธิที่จะมีอสิ ระในการเลือกสิ นค้ าหรือบริการ
3. สิ ทธิที่จะได้ รับความปลอดภัยจากการใช้ สินค้ า
หรือบริการ
4. สิ ทธิที่จะได้ รับการพิจารณาและชดเชยความเสี ยหาย
สิ ทธิของคนไทยที่ขาดไป คือ
-
สิ ทธิในการได้ รับบริการพืน้ ฐานทีจ่ าเป็ น
สิ ทธิที่จะร้ องเรียนเพือ่ ความเป็ นธรรม
สิ ทธิทจี่ ะได้ อยู่ในสภาพแวดล้ อมทีส่ ะอาด
สิ ทธิทจี่ ะได้ รับความรู้
ข้ อบังคับสภำวิชำชีพ
ข้ อบังคับของ
ขพทยสภำ ทันตขพทยสภำ สภำเภสัช
กรรม สภำพยำบำล จะมีข้อบังคับที่ว่ำด้ วยจริยธรรม
ขห่ งวิชำชีพเช่ น วิชำชีพเวชกรรม พ.ศ. 2536 หมวด 3
ข้ อ 9 ระบุว่ำ “ผู้ประกอบกำรวิชำชีพเวชกรรมต้ องไม่
เปิ ดเผยควำมลับของผู้ป่วยซึ่งตนทรำบมำเนื่องจำก
กำรประกอบวิชำชีพ
เว้ นขต่ ด้วยควำมยินยอมของ
ผู้ป่วย หรือเมื่อต้ องปฏิบัตติ ำมกกฎหมำยหรื อหน้ ำที่"
กฎหมำยที่เกี่ยวข้ องกับกำรคุ้มครองผู้บริโภค
ด้ ำนผลิตภัณฑ์ สุขภำพ








พระรำชบัญญัตยิ ำ พ.ศ. 2510 ขก้ ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2518
พ.ศ. 2522 พ.ศ. 2528 พ.ศ. 2532
พระรำชบัญญัตอิ ำหำร พ.ศ. 2522
พระรำชบัญญัตเิ ครื่องสำอำง พ.ศ. 2535
พระรำชบัญญัตวิ ัตถุอันตรำย พ.ศ. 2535
พระรำชบัญญัตวิ ัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตขละประสำท พ.ศ. 2535
พระรำชบัญญัตยิ ำเสพติดให้ โทษ พ.ศ. 2530
พระรำชบัญญัตเิ ครื่องมือขพทย์ พ.ศ. 2531
พระรำชกำหนดป้องกันกำรใช้ สำรระเหย พ.ศ.2531
2.2 ทิศทำงกำรพัฒนำประเทศโดยนโยบำยของ
รั ฐ
ทำให้ ผ้ ูบริโภคหมดควำมสำมำรถในกำรพึ่งตนเองลง
ไปเรื่อยๆ ต้ องพึ่งพิงตลำดมำกขึน้
 ระบบกำรตรวจสอบขละระวังปั ญหำไม่ ได้ รับควำม
สนใจจำกรัฐเท่ ำที่ควร ไม่ มีกำรวำงนโยบำยที่
ชัดเจน ทำให้ เกิดปั ญหำสังคมมำกมำย ซึ่งกระทบ
โดยตรงกับผู้บริโภคทุกคน
 ไม่ ให้ ควำมสำคัญกับกำรสนับสนุนพลังภำคประชำชน
องค์ กรเอกชนสำธำรณประโยชน์ ทำให้ กระบวนกำร
เหล่ ำนีอ้ ่ อนขอจนไม่ สำมำรถสร้ ำงพลังต่ อรองในทำง
สังคมได้

2.3 ปั ญหำหน่ วยรำชกำรกับงำนคุ้มครองผู้บริโภค
 ขำดกำรประสำนงำนที่ดีในระหว่ ำงหน่ วยงำนรั ฐด้ วยกันเอง
 มีลักษณะหวงอำนำจในกำรจัดกำร( อำนำจนิยม )
 นโยบำยกำรทำงำนไม่ ชัดเจนขละไม่ ต่อเนื่อง
 กำรขก้ ปัญหำนิยมทำตำมกระขสมำกกว่ ำกำรทำงำนเชิงรุ ก
(อนุรักษ์ นิยม)
ไม่ มีมติ กิ ำรทำงำนที่สร้ ำงสรรค์ ขำดกำรพัฒนำ
 ขำดควำมเดงดขำดในกำรตัดสินใจ ทำให้ ปัญหำไม่ ได้ รับกำรดูขลอย่ ำง
จริงจัง ขละเปง นปั ญหำสืบเนื่องต่ อไปไม่ สนิ ้ สุด
 กระบวนกำรขก้ ไขปั ญหำยุ่งยำกขละซับซ้ อน ขำดกำรมีส่วนร่ วมกับ
หน่ วยงำนอื่น ๆ ทัง้ ผู้บริโภค ขละองค์ กร เอกชน
 กำรเกงบรวบรวมข้ อมูล ควำมรู้ ไม่ สำมำรถนำมำใช้ ได้ จริ งในทำงปฏิบัติ
คนที่ต้องกำรข้ อมูลเข้ ำไม่ ถงึ ข้ อมูล ขต่ คนที่มีข้อมูล กลับไม่ กล้ ำทำอะไร
 มีผลประโยชน์ คอรั ปชั่น กำรเมืองขทรกขซง
 บุคลำกรยังยึดติดกับระบบกำรทำงำนขบบเดิม
2.4 ปั ญหำกำรโฆษณำ





กลยุทธ์ กำรส่ งเสริมกำรขำยหรือกำรโฆษณำมีอิทธิพลต่ อกำร
ตัดสินใจของผู้บริโภค
ข้ อมูลที่ผ้ ูบริโภคได้ รับส่ วนใหญ่ เปง นข้ อมูลของผู้ให้ บริกำร ส่ วน
น้ อยที่จะได้ รับจำกองค์ กรของรัฐหรือขององค์ กรพัฒนำเอกชน
ควำมไม่ ชัดเจนในกำรปฏิบัตงิ ำนเกี่ยวกับกำรอนุญำตกำร
ตรวจสอบโฆษณำ ขละกำรดำเนินคดี
โฆษณำขอบขฝง ใช้ นักวิชำกำรเปง นเครื่องมือ ใช้ รำยกำรบำง
รำยกำรโฆษณำสินค้ ำ
ผู้ประกำศไม่ มีควำมรู้ รู้ไม่ จริง ให้ ข้อมูลผิดพลำด
2.5 ปั ญหำผู้บริโภค
– พฤติกรรมของผู้บริโภคถูกกำกับด้ วยลัทธิบริโภคนิยม
– ขำดเสรีภำพในกำรเลือกซือ้ สินค้ ำขละบริกำรสุขภำพ
– สำนึกในกำรพึ่งตนเองของผู้บริโภคไทยอยู่ในระดับที่มี
ปั ญหำ มีลักษณะกำรพึ่งพิงมำกเกินไป ทัง้ ในเรื่ อง ของ
กำรป้องกันขละกำรขก้ ไขปั ญหำจำกกำรบริโภค
– ขำดควำมต่ อเนื่องในกำรพัฒนำกำรพึ่งตนเองใน
ด้ ำนสุขภำพของประชำชน
– นิยมขก้ ปัญหำในระดับปั จเจก ไม่ ถนัดในกำรรวมกลุ่ม
เพื่อเปง นพลังในกำรต่ อรองกับผู้ผลิต
– ไม่ เชื่อมั่นเรื่องพลังผู้บริโภค
– ผู้บริโภคไทยยังมีข้อด้ อยในเรื่องกำรใช้ สิทธิขละกำรทำ
หน้ ำที่ของผู้บริโภคที่ดี
– ขำดควำมร่ วมมือในลักษณะประชำสังคมเพื่อขก้ ไขขละ
ป้องกันปั ญหำ
โดยเฉพำะควำมร่ วมมือระหว่ ำง
หน่ วยงำนของรัฐขละองค์ กรพัฒนำเอกชน
ตารางที่ 7.1
การรั บ รู้ สิ ท ธิ 4 ประการของผู้ บริ โ ภค
สิ ท ธิ
จา นวนตั ว อย่ าง
รั บ รู้
ร้ อยละ
สิ ท ธิ ใ นการเลื อ กซื ้อ สิ น ค้ า
566
522
92.2
สิ ท ธิ ใ นการรั บ ทราบข้ อมู ล
566
495
87.5
สิ ท ธิ ไ ด้ รั บ ความปลอดภั ย
566
493
87.1
สิ ท ธิ ใ นการร้ องเรี ย น
566
490
86.6
วิธีขก้ ปัญหำด้ ำนคุ้มครองผู้บริโภคในรอบ 1 ปี ที่ผ่ำนมำ
แหล่งที่ได้รับยาและอาหาร
ยาที่ได้รับจากรพ.
ยาที่ได้รับจากคลินิก
ยาที่ได้รับจากร้านยา
ยาที่ซื้อจากร้านชา
ยาที่ซื้อจากตลาด
ยาสมุนไพร
ผลิตภัณ ์ส่งเสริมสุขภาพ
อาหารที่จาหน่ายในร้านอาหารทั่วไป
อาหารที่จาหน่ายริมทางเท้า
อาหารพร้อมปรุงตามห้างสรรพสินค้า
พืชผักที่จาหน่ายในตลาด
เนื้อสัตว์,อาหารทะเลทีในตลาด
น้าดื่มในภาชนะบรรจุปดสนิท
ทิ้ง
95
61
87
164
50
131
47
632
689
247
628
505
285
ร้อยละ
55.23
57.55
65.41
94.80
89.29
75.72
71.21
71.25
81.83
76.47
89.84
89.07
86.63
นาไป ร้อยละ ร้องเรียน ร้อยละ
เปลี่ยน
หน่วยงาน
34 19.77
43 25.00
18 16.98
27 25.47
12
9.02
34 25.57
7
4.05
2
1.16
0
0
6 10.71
11
6.36
31 17.92
9 13.63
10 15.16
157
17.70
98 11.05
83
9.86
70
8.31
56 17.34
20
6.19
47
6.72
24
3.49
12
2.12
50
8.81
38 11.55
6
1.82
2.6 ปั ญหำผู้ประกอบกำร





ผู้ประกอบกำรบำงส่ วนขำดควำมรับผิดชอบ ขละขำดจริยธรรม
ผู้ประกอบกำรบำงส่ วนขำดควำมรู้ทำงวิชำกำรขละเทคโนโลยี
ผู้ประกอบกำรบำงส่ วนขำดควำมรู้ควำมเข้ ำใจในเรื่องกฎหมำย
ระเบียบปฏิบัติ ทำให้ มีกำรละเมิดกฎหมำย
บทบำทของผู้ประกอบกำรในกำรควบคุมกันเอง (Self Control
Group) ไม่ พัฒนำมำกนักในสังคมไทย ขต่ มีกำรพัฒนำในลักษณะ
ของกลุ่มต่ อรอง (Group Interest) มำกขึน้ กำรรวมกลุ่มของ
ผู้ประกอบกำรไม่ ใช้ เพื่อประโยชน์ ของผู้บริโภคขต่ เปง นเพื่อ
ผลประโยชน์ ของกลุ่มตนเอง
กำรส่ งเสริมกำรขำยคำนึงถึงกำไรมำกกว่ ำผลกระทบในทำงสังคม
ปัญหาองค์กรเอกชน
สาธารณประโยชน์
2.7
• จานวนองค์ กรทีม่ ีคุณภาพมีน้อยเมื่อเทียบกับปริมาณทีม่ อี ยู่
•
•
•
•
•
•
•
•
•
องค์ กรไม่ เข้ มแข็ง ไม่ มั่นคง องค์ กรมีขนาดเล็ก
ขาดงบประมาณและทรัพยากร
ศักยภาพของบุคลากรมีข้อจากัด
ขาดความต่ อเนื่องในการทางาน
ขาดการพัฒนาองค์ ความรู้
ขาดการสั งเคราะห์ ประสบการณ์ อย่ างเป็ นระบบ
ทิศทางการขยายเครือข่ ายความร่ วมมือมีข้อจากัด
กิจกรรมขาดความชัดเจน
ขาดข้ อมูล และการตรวจสอบข้ อมูลทีแ่ ท้ จริง
องค์ กรพัฒนำเอกชน หรือ Non-Governmental Organizations
เปง น ปรำกฏกำรณ์ ทำงสังคมที่เกิดขึน้ ทั่วโลก
ควำมหมำยขององค์ กรพัฒนำเอกชนขปรเปลี่ยนไป
ต่ ำงๆกันตำมบริบทของขต่ ละสังคม
ในควำมหมำยที่กว้ ำงที่สุดหมำยถึงองค์ กรที่อยู่นอกภำครัฐ
เปง นองค์ กรที่ไม่ ขสวงกำไร ( non-profit ) ไม่ เปง นไปเพื่อ
ผลประโยชน์ ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ( non-partisan )
สำหรับควำมหมำยในบริบทของสังคมไทย
องค์ กรพัฒนำเอกชน หมำยถึง องค์ กรที่เปง นอิสระจำก
หน่ วยรำชกำร รวมตัวกันขึน้ ตำมกลุ่มวิชำชีพ กลุ่ม
ศึกษำ กลุ่มสนใจ หรือกลุ่มที่มีเป้ำหมำยร่ วมกัน
เพื่อที่จะดำเนินบทบำทในกำรช่ วยคลี่คลำยปั ญหำใน
สังคม บริกำรสังคม พัฒนำสังคม รวมทัง้ สร้ ำงควำม
มั่นคงทำงสังคม โดยมิได้ ขสวงกำไรหรือผลประโยชน์
ใดๆในสังคมไทย
2.8 ปั ญหำผู้ประกอบวิชำชีพ
– ผู้ประกอบวิชำชีพบำงส่ วนไม่ สำมำรถประกอบวิชำชีพตำมมำตรฐำน
– ควำมสมดุลระหว่ ำงธุรกิจกับกำรประกอบวิชำชีพมีกำรเปลี่ยนขปลง
ส่ งผลกระทบต่ อจริยธรรมขละควำมรั บผิดชอบต่ อกำรปฏิบัตวิ ิชำชีพ
– นักวิชำกำรส่ วนใหญ่ ยังอยู่ในกรอบระเบียบของรำชกำร ทำให้ จุดยืน
ในกำรออกมำเปิ ดเผยข้ อมูลเพื่อพิทกั ษ์ ผ้ ูบริโภคทำได้ อย่ ำงจำกัด
– ขำดระบบขละขัน้ ตอนกำรให้ บริกำรวิชำกำรที่มีประสิทธิภำพ
สำหรั บผู้บริโภคได้ เข้ ำถึงข้ อมูล
– ขำดขคลนกำรสร้ ำงองค์ ควำมรู้ท่ จี ำเปง น เช่ น
งำนวิจัย งำนทดสอบผลิตภัณฑ์
2.9 สื่อมวลชน
ทำให้ เกิดทัง้ Over Information, Under Information
ขละ Disinformation ขก่ ผ้ ูบริโภค
 สื่อมวลชนขำดควำมเข้ ำใจ มีควำมรู้ ท่ จ
ี ำกัดในประเดงน
กำรคุ้มครองผู้บริโภคด้ ำนสุขภำพขละในเรื่องข้ อมูล
ทำงสุขภำพ
 มีอส
ิ ระในกำรทำงำนมีน้อยเพรำะยังต้ องพึ่งพึงภำค
ธุรกิจอยู่

3. ขนวทำงกำรพัฒนำควำมเข้ มขขงงของ
กลไกกำรคุ้มครองผู้บริโภคด้ ำนสุขภำพ
3.1 กำรปรั บทิฐิทำงสังคม
3.2 กำรสร้ ำงขละปรั บระบบโครงสร้ ำงของ
องค์ กำรที่เกี่ยวข้ องในเรื่ องกำรคุ้มครองผู้บริโภค
3.1 กำรปรับทิฐิทำงสังคม
สังคมที่มีทฐิ ิท่ ถี ูกต้ องจะมีควำมเข้ มขขงงทำงปั ญญำ
ขละสนับสนุนกลไกทำงสังคมที่จะคุ้มครองผู้บริโภค
โดยต้ องสร้ ำงขละปรั บขนวควำมคิดในเรื่องสิทธิผ้ ูบริโภค
 ให้ ทุกฝ่ ำยต้ องตระหนักถึงสิทธิของผู้บริ โภคขละผู้ป่วย
ซึ่งเปง นสิทธิท่ ไี ม่ ควรจะถูกละเมิด
 ให้ ควำมสำคัญกับกำรสนับสนุนพลังภำคประชำชน
ประชำสังคม องค์ กรเอกชนสำธำรณประโยชน์
ประชำสังคม Civil Society
ควำมเปง นชุมชน
Civility Civic tradition
ชุมชนเข้ มขขงง สังคมเข้ มขขงง
Community Civility
กำรสร้ ำงควำมเปง นชุมชน
Community building
ควำมเปง นชุมชน
กำรที่ประชำชนจำนวนหนึ่งมีวัตถุประสงค์ ร่วมกัน
มีอุดมคติร่วมกัน หรื อ ควำมเชื่อร่ วมกันในบำงเรื่ อง
มีกำรติดต่ อสื่อสำรกัน หรื อมีกำรรวมกลุ่มกัน ุ้ มี
ควำมเอือ้ อำทรต่ อกัน มีเรื่ องจิตใจเข้ ำมำด้ วย มี
ควำมรั ก มีมติ รภำพ มีกำรเรี ยนรู้ ร่วมกันในกำร
กระทำ ในกำรปฏิบัตบิ ำงสิ่งบำงอย่ ำง จะเรื่ องใดกง
ขล้ วขต่ ขละมีกำรจัดกำร
ประชาคม หรือ องค์กร
ภาคประชาสังคม
กลุ่มหรือองค์กรที่มีการรวมตัว
กันเพื่อทากิจกรรมทางสังคม
องค์กรและกิจกรรมเหล่านี้ มี
คุณลักษณะสาคัญคือ เป็ นอิสระ
และไม่อยู่ภายใต้อาณัติของ
ประชำคมกับชุมชน
 คล้ ำยคลึงในขง่ ท่ เี ปง นกำรรวมตัวกันของบุคคลที่มี
เป้ำหมำยร่ วมกัน
 ต่ ำงกัน โดยประชำคมให้ ควำมสำคัญกับกำรเกิดขึน
้
ของพืน้ ที่ทำงสังคมที่ปัจเจกบุคคลขสดงออกซึ่ง
สิทธิขละหน้ ำที่ของควำมเปง นพลเมืองที่ต้องกำรมี
บทบำทในกำรจัดกำรกับกิจกำรสำธำรณะต่ ำงๆ
(เช่ น ประชำคมตำบล ประชำคมจังหวัด) ขต่ กไง ม่
จำเปง นต้ องจำกัดอยู่เฉพำะกับชุมชนท้ องถิ่น โดย
อำจเปง นชุมชนที่มีขอบเขตที่กว้ ำงขวำงมำกขึน้
กำรสนับสนุนให้ ชุมชนเข้ ำมีส่วนร่ วมอย่ ำงขท้ จริง
1. กำรสร้ ำงให้ ชุมชนเข้ มขขงง
โดยทำให้ ชุมชนสำมำรถรื อ้ ฟื ้ นทุนของชุมชน
ชำวบ้ ำนในชุมชนสร้ ำงพืน้ ฐำนเอง
หยุดกำรไหลออกของทุนของชุมชน
ทุนของชุมชน Communities
Capitals
ทุนของชุมชน มี 4 ประเภท
Ecology capitals ทุนด้ ำนระบบนิเวศน์ , ป่ ำ,
สินขร่ , ทรั พยำกรธรรมชำติ
Cultural capitals ทุนด้ ำนสังคมวัฒนธรรม
ประเพณี , ระบบเครื อญำติ , ระบบครอบครั ว ,
นำ้ ใจ
wisdom Capitals ทุนภูมปิ ั ญญำ
Financial Capitals ทุนเงินตรำ
2. รั ฐสนับสนุน ส่ งเสริมในบำงด้ ำน
ไม่ เข้ ำขทรกขซงมำกเกินไป
2.1 ต้ องหลุดกรอบขนวคิด ต่ อไปนี ้
2.1.1
ทุกเรื่ องต้ องใช้ มืออำชีพ
2.1.2
ทุกเรื่ องต้ องมีมำตรฐำน Modelity ,
ควำมทันสมัย , ประสิทธิภำพ
ต้ องเปลี่ยนทัศนะใหม่ จำกเรื่ องดังกล่ ำวข้ ำงต้ น
เพรำะหลักของธรรมชำติจะต้ องมีควำมหลำกหลำย
ต้ องเข้ ำใจถึงสัมมำทิฐิ เข้ ำใจถึงควำมถูกต้ อง
2.2 ต้ องจัดโครงสร้ ำงควำมสัมพันธ์ ขบบใหม่
ระหว่ ำง เรำกับชุมชน ทุกวันนีเ้ ปง นควำมสัมพันธ์
ขบบขนวตัง้ (Vertical structure)ต้ องเปลี่ยน
ควำมสัมพันธ์ ขบบขนวนอน(Horizontal structure)
ตัวอย่ ำง เช่ น กำรดูขลลุ่มนำ้ โดยชุมชน
2.3 ควำมสมำนฉันท์ มใิ ช่ อยู่ท่ กี ำรให้ เงิน ขต่ คือ
กำรค้ นหำจุดที่จะรวมพลัง เสริมพลังของขต่ ละคน
การเปลี่ยนแนวคิด
ทางการเมื
เดิม Politic อ
of 3งP คือ
Power
อำนำจ
Position
ตำขหน่ ง
Prosperity
ควำมมั่งคั่ง
อนำคต Politic of 2 P
People Participation
โครงสร้ างอานาจเดิม
นักการเมือง
นักธุรกิจ
ข้ าราชการ
โครงสร้ างอานาจใหม่
รัฐ
ตลาด(ธุรกิจเอกชน)
ประชาสั งคม
โดยใช้ กลวิธี
 กำรปฏิรูปนโยบำยขละกลยุทธ์ ขององค์ กำรทัง้ ภำครั ฐ ขละ
ธุรกิจเอกชน
 กำรเผยขพร่ ขนวคิดสู่สังคมโดยกระบวนกำรที่ต่อเนื่องผ่ ำนสื่อ
ประเภทต่ ำงๆ
 กำรบรรจุในหลักสูตรกำรศึกษำขละกิจกรรมเสริ มหลักสูตรใน
ระดับต่ ำงๆ ตัง้ ขต่ ชัน้ ประถมศึกษำจนถึงระดับมหำวิทยำลัย
 กำรใช้ กิจกรรมขบบกำรมีส่วนร่ วมระหว่ ำงภำครั ฐ เอกชน ขละ
ประชำสังคม
 กำรใช้ กระบวนกำรศึกษำวิจัยขบบมีส่วนร่ วม
กำรใช้ กระบวนกำรศึกษำวิจัยขบบมีส่วนร่ วม
การพัฒนาระบบการคิดเชิง
ตรรกศาสตร์
ทัง้ ผูว้ ิ จยั และชุมชน
 การมองทะลุกรอบแนวคิดเดิม


เปง นกิจกรรมขบบกำรมีส่วนร่ วม
ระหว่ ำงภำครัฐ เอกชน ขละประชำสังคม
3.2 กำรสร้ ำงขละปรั บระบบโครงสร้ ำงของ
องค์ กำรที่เกี่ยวข้ องในเรื่ องกำรคุ้มครองผู้บริโภค
3.2.1 องค์ กร/กลไกที่ดำเนินกำรโดยรัฐ
องค์ กรคุ้มครองผู้บริโภคด้ ำนสุขภำพจะต้ องมีกำร
พัฒนำขละปรับปรุ ง โดยอำจจะเปง น 3 รูปขบบ คือ
รูปขบบที่ 1
 คงรู ปขบบปั จจุบน
ั
 คณะกรรมกำรอำหำรขละยำขละกองประกอบโรค
ศิลปะ ร่ วมกับคณะกรรมกำรคุ้มครองผู้บริโภค ขละ
องค์ กรอื่นๆ
 โดยปรั บบทบำทไปเน้ นที่กำรเฝ้ำระวัง กำรให้ ควำมรู้
ขก่ ประชำชน กำรรับเรื่องรำวร้ องทุกข์ ขละกำร
สนับสนุนกำรทำงำนขององค์ กรเอกชน
รูปขบบที่ 2
 ปรั บองค์ กรของรั ฐที่ทำงำนคุ้มครองผู้บริ โภคด้ ำน
สุขภำพให้ เปง นองค์ กำรมหำชน
 มีคณะกรรมกำรบริ หำรที่มีส่วนร่ วมจำกทุกฝ่ ำย
 เน้ นกำรทำงำนขบบรู ปขบบที่ 1
รูปขบบที่ 3
 ขบบผสมระหว่ ำงรู ปขบบที่ 1 ขละ 2
 โดยจัดภำรกิจที่ไม่ สำมำรถให้ องค์ กำรมหำชน
ดำเนินกำรได้ เช่ น กำรดำเนินกำรตำมกฎหมำย ให้
เปง นองค์ กรรำชกำรปกติ ขละส่ วนอื่นให้ เปง นองค์ กำร
มหำชน
ในกรณีท่ เี ปง นองค์ กำรมหำชน ผู้วจิ ัยได้ เสนอ
ขนวทำงเพิ่มเติมในกำรสร้ ำงขละปรั บระบบ
โครงสร้ ำงขององค์ กำรที่เกี่ยวข้ องในเรื่ องกำร
คุ้มครองผู้บริโภค
โดยจำแนกเป็ น 2 ระบบคือ
 องค์ กำรในระบบกำรคุ้มครองผู้บริ โภค
ด้ ำนผลิตภัณฑ์ สุขภำพ
 องค์ กำรในระบบกำรคุ้มครองผู้บริ โภคด้ ำนบริ กำร
สุขภำพ
องค์ กำรในระบบกำรคุ้มครองผู้บริโภคด้ ำนผลิตภัณฑ์ สุขภำพ
เป็ นองค์กรอิสระที่ดาเนินงานภายใต้
การกากับของรัฐ
– เป็ นกลไกประสานการดาเนินงาน
คุ้มครองผูบ้ ริโภค ที่มีความร่วมมือกัน
ทัง้ ผูผ้ ลิตและผูบ้ ริโภค ทัง้ ภาครัฐและ
ภาคเอกชน ทัง้ ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค
และส่วนท้องถิ่น
–
โครงสร้ างขององค์ กรคุ้มครองผู้บริโภคด้ านผลิตภัณฑ์ สุขภาพ
กระทรวงสาธารณสุ ข
กระทรวงการคลัง
คณะกรรมการวิชาการ/กฎหมาย
คณะกรรมการบริ หารองค์กร
ผูป้ ระกอบการ
องค์กรส่ วนกลาง
ผูบ้ ริ โภค
องค์กรส่ วนภูมิภาค
องค์กร
ผูป้ ระกอบการ
องค์กรส่ วนท้องถิ่น
บริ ษทั เอกชน/รับช่วงย่อย
องค์กรผูบ้ ริ โภค
องค์ กำรในระบบกำรคุ้มครองผู้บริโภคด้ ำนบริกำรสุขภำพ
ขผนภูมิ โครงสร้ ำงคณะกรรมกำรอิสระคุ้มครองสิทธิประชำชนด้ ำนสุขภำพ
คณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนขห่ งชำติ
สำนักงำนปฏิรูประบบสุขภำพ
คณะกรรมกำรอิสระคุ้มครองสิทธิประชำชนด้ ำนสุขภำพ
องค์ ประกอบของ
คณะกรรมกำรอิสระคุ้มครองสิทธิประชำชนด้ ำนสุขภำพ
ประกอบด้ วย
- ตัวขทนผู้บริโภคจำกเครื อข่ ำยต่ ำง ๆ
- ผู้ประกอบวิชำชีพ สภำวิชำชีพ
- หน่ วยงำนที่เกี่ยวข้ อง
- สื่อมวลชน
- นักวิชำกำร (ด้ ำนกำรขพทย์ ด้ ำนสังคมศำสตร์ )
บทบำทหน้ ำที่ของ คณะกรรมกำรอิสระคุ้มครองสิทธิประชำชนด้ ำนสุขภำพ







รั บร้ องทุกข์ บริกำรด้ ำนสุขภำพ
ให้ คำขนะนำ/คลี่คลำย/ ไกล่ เกลี่ย/สืบสวนชัน้ ต้ น/เจรจำประนีประนอมระหว่ ำง
ผู้ประกอบวิชำชีพกับผู้บริโภค เพื่อให้ มีกำรชดเชยในกรณีท่ มี ีกำรได้ รับ
บำดเจงบ หรื อควำมทุกข์ เกิดขึน้
ดำเนินกำรร้ องทุกข์ ด้วยตนเองในกรณีท่ ีเปง นปั ญหำสำคัญขละควำมปลอดภัย
ของส่ วนร่ วม (ร้ องทุกข์ เชิงรุ ก)
สร้ ำงควำมเข้ มขขงงให้ กับผู้บริโภค โดยกำรเผยขพร่ ข้อมูลพืน้ ฐำนขละควำมรู้
ด้ ำนสุขภำพเบือ้ งต้ น
ให้ หน่ วยงำนของรั ฐ เจ้ ำหน้ ำที่หรื อบุคคลอื่นใด มีหนังสือชีข้ จงข้ อเทงจจริง
หรื อให้ ควำมเหงนในกำรปฏิบัตงิ ำนในกรณีท่ ีเกี่ยวข้ อง
เปง นทนำยควำมให้ กับผู้บริโภค โดยกำรเปง นตัวขทนผู้บริโภคต่ อศำลทำงวินัย
รำยงำนประจำปี กำรละเมิดสิทธิผ้ ูป่วยให้ กับสำธำรณชนได้ รับทรำบ
3.2.2 องค์ กร/กลไกที่ดำเนินกำรโดยภำคเอกชน
• รัฐจะต้ องสนับสนุนส่ งเสริมการดาเนินการขององค์ กรผู้บริโภค
ทีส่ ามารถพิทกั ษ์ สิทธิและเรียกร้ องป้องกันสิ ทธิของผู้บริโภคได้
รวมถึงมีอานาจในการกระจายข่ าว ตลอดจนมีอานาจ
ในการเรียกร้ องค่ าเสี ยหาย
• เป็ นตัวแทนของผู้บริโภคได้ เช่ น มีสภาผู้บริโภค สภาวิชาชีพ หรือ
สมัชชาต่ างๆทีด่ าเนินงานคุ้มครองผู้บริโภค
• มีศูนย์ ประสานงานในการเฝ้ าระวังและติดตามการใช้ ผลิตภัณฑ์
ในแต่ ละเครือข่ ายในส่ วนภูมิภาค
สร้ ำงเครือข่ ำยองค์ กำรทำงสังคมที่มีมิตทิ ่ เี ชื่อมโยงกัน
อย่ ำงเปง นรู ปธรรม
 มีกำรขลกเปลี่ยนข่ ำวสำร กำรปรั บกลยุทธ์ กำรทำงำน
 กำรมองปั ญหำอย่ ำงเปง นภำพรวม ขละ ขก้ ไขไป
พร้ อม ๆ กัน

ศ.นพ.ประเวศ วะสี ประธำนมูลนิธิชุมชนท้ องถิ่นพัฒนำ ใน
หนังสือทศวรรษ..องค์ กรพัฒนำเอกชน,2534 กล่ ำวถึงบทบำท
ขององค์ กรพัฒนำเอกชนที่มีต่อสังคมไทยในทศวรรษที่ผ่ำน
มำ รวมถึงขนวโน้ มในทศวรรษหน้ ำ โดยมองขยกเปง นเรื่อง
สำคัญ 7 ประกำร
 ประกำรขรก ที่ผ่ำนมำสังคมไทยไม่ เข้ ำใจว่ ำ NGO คืออะไร มี
ควำมสำคัญอย่ ำงไร เพรำะเรำคุ้นเคยกับระบบรำชกำร
มำกกว่ ำ ขต่ กำรทำงำนของภำครำชกำรไม่ สำมำรถทำได้
เตงมที่ ขละไม่ เกิดควำมคล่ องตัว NGOจึงได้ รับควำมสนใจ
มำกขึน้

ประกำรที่สอง ในอนำคตงำนของN G O ต้ องทำด้ วย
ควำมรู้สึกที่ลึกซึง้ มำกขึน้ ใช้ ข้อมูลข่ ำวสำรขละค้ นคว้ ำหำ
ควำมรู้มำกขึน้ เพรำะงำนต่ ำงๆที่จะเผชิญเปง นเรื่องยำก ถ้ ำ
หำกเรำทำอย่ ำงฉำบฉวย ไม่ มีควำมรู้จริง กำรทำงำนอำจจะ
ไม่ ได้ ผล เพรำะกำรทำงำนต้ องกำรควำมรู้จริง ลึกซึง้
เชื่อมโยงกับกำรศึกษำวิจยั ต่ ำงๆ ขละเพิ่มควำมสำมำรถที่
จะติดต่ อสื่อสำร จะ
ทำขบบกำรกุศล หรือเพียงขต่
ปลุกระดมขค่ นัน้ ไม่ พอ เรำต้ องพัฒนำควำมรู้ให้ มำกขึน้
เพื่อที่จะเชื่อมโยงกับข้ อต่ อไป


ประกำรที่สำม เรำต้ องกำรควำมเปง นวิชำชีพ หมำยถึงว่ ำ คน
ที่ทำงำน ต้ องไม่ ใช่ ขบบอำสำสมัคร มำทำขบบสมัครเล่ น
เพียง 1-2 ปี ขต่ เรำต้ องถึงควำมเปง นอำชีพทำไปนำน อยู่ไป
ตลอดชีวิตเพื่อที่จะสะสมควำมรู้ เมื่อเช่ นนัน้ จะมีผลกระทบ
หลำยอย่ ำง เช่ น เรื่องเงินเดือนของNGO คนที่ทำงำนน่ ำจะ
ได้ รับเงินเดือนสูงขึน้ จะได้ อยู่กันนำน ดังนัน้ คงต้ องทำควำม
เข้ ำใจกับผู้บริหำรNGOต่ ำงๆรวมทัง้ ผู้บริจำคเงินด้ วยเพื่อให้
เขำเข้ ำใจว่ ำ คนทำงำนขบบอำสำสมัครเท่ ำนัน้ ไม่ พอ เพรำะ
งำนยำก ขละต้ องกำรควำมต่ อเนื่อง
ประกำรที่ส่ ี เรื่องกำรบริหำรขละกำรจัดกำร ซึ่งเปง นจุดอ่ อน
ของNGO เพรำะคิดว่ ำเรื่องกำรบริหำรจัดกำรเปง นเรื่องของ
พวกนำยทุน ทำให้ NGOมักจะเกิดปั ญหำเรื่องนี ้ เมื่อคิดตัว
โครงสร้ ำงของกำรบริหำรไม่ ชัด จะเปง นสำเหตุให้ งำนไม่ เดิน
ทะเลำะกันบ้ ำงเปง นต้ น


ประกำรที่ห้ำ คือเรื่องกำรพัฒนำคน เพรำะกำรพัฒนำคน
เปง นเรื่องสำคัญ ต้ องมีขผนกำรพัฒนำคนอย่ ำงต่ อเนื่อง
เนื่องจำกควำมรู้ต่ำงๆเปลี่ยนไปอย่ ำงรวดเรงว มิฉะนัน้ จะเกิด
กำรติดขัด
ประกำรที่หก เรื่องธรรมะกับงำนNGO ตอนนีจ้ ะเหงนได้ ว่ำ
NGOมีควำมขัดขย้ งกันอยู่มำก ขละเนื่องจำกคนที่มี
อุดมกำรณ์ สูง จะมีควำมอหังกำสูง จึงทำให้ งำนชะงักขละ
ไม่ ได้ ผลดีเท่ ำที่ควร

ประกำรที่เจงด รับบำลขละผู้นำในสังคม รวมถึงภำคธุรกิจ
ต่ ำงๆควรจะต้ องมำทำควำมเข้ ำใจกับเรื่องของNGOให้ มำก
ขึน้ ขละให้ กำรสนับสนุนเหมือนอย่ ำงประเทศที่พฒ
ั นำขล้ ว
รัฐบำลควรส่ งเสริมให้ คนในสังคมเข้ ำใจเรื่องนี ้ ขละเข้ ำมำมี
บทบำทในNGO มำกขึน้ โดยตัง้ งบประมำณอุดหนุนขต่ ไม่
ควบคุมNGO ขละยังต้ องกำรควำมเข้ ำใจจำกภำครัฐบำล
ผู้นำสังคมขละภำคธุรกิจต่ ำงๆ ขล้ วจะต้ องสร้ ำงวัฒนธรรม
ใหม่ ขนึ ้ มำ โดยกำรให้ คนมีเงินมำส่ งเสริมNGOให้ มำก
เพื่อที่จะสนับสนุนงำนพัฒนำต่ ำงๆ
ปั ญหำขละปั จจัยที่เปง นอุปสรรคต่ อกำรประสำนควำม
ร่ วมมือระหว่ ำงรั ฐบำลขละองค์ กรพัฒนำเอกชน

รัฐบำลไม่ มีนโยบำยที่ชัดเจนเกี่ยวกับองค์ กรพัฒนำเอกชน
ถึงขม้ ว่ำจะมีควำมเคลื่อนไหวเกี่ยวกับกำรให้ ควำมสำคัญ
ต่ อองค์ กรพัฒนำเอกชนเพิ่มมำกขึน้ ในขผนพัฒนำ
เศรษฐกิจขละสังคมขห่ งชำติ ฉบับที่6 ขละ 7 กงตำม เปง น
เพียงกำรกล่ ำวลอยๆ ขำดขนวทำงที่เปง นรูปธรรม ทำให้
องค์ กรพัฒนำเอกชนไม่ สำมำรถดำเนินบทบำทของตนได้
อย่ ำงถูกต้ องเหมำะสม ขละไม่ สำมำรถประสำนควำม
ร่ วมมือต่ อกันได้ ในที่สุด
 บทบำทขององค์ กรประสำนงำนกลำงของฝ่ ำยองค์ กรพัฒนำ
เอกชน มีลักษณะที่อ่อนขอ ขละขำดเอกภำพในกำร
ดำเนินงำน ถึงขม้ ว่ำในช่ วง 10 ปี ที่ผ่ำนมำได้ เกิดองค์ กรกลำง
ที่จะเปง นผู้ประสำนงำนขององค์ กรพัฒนำเอกชนด้ วยกันเอง
ขึน้ ขล้ วกงตำม ขต่ ผลงำนกงยังไม่ เข้ ำรูปเข้ ำรอยดีนัก
โดยเฉพำะสำเหตุท่ เี ปง นเช่ นนี ้ เนื่องจำก “องค์ กรพัฒนำ
เอกชน ยังมีลักษณะเหมือนกับคนไทยทั่วไป ในขง่ ท่ วี ่ ำ เรำ
ทำงำนเปง นทีมเวอร์ คไม่ ค่อยจะเปง น มีควำมเปง นปั จเจกสูง จึง
มีลักษณะค่ อนข้ ำงที่จะประสำนกันได้ ระดับหนึ่ง ขต่ ยังไม่ ถึง
ขัน้ ที่น่ำพอใจนัก”
(ศรีสว่ ำง พั่ววงศ์ ขพทย์ ,2534:28)
 ฝ่ ำยรำชกำรไม่ ร้ ู จักหรื อเข้ ำใจบทบำทของหน่ วยงำน
องค์ กรพัฒนำเอกชน ไม่ ว่ำจะเปง นในขง่ ของกำร
ดำเนินงำน หรือเป้ำหมำยของงำน ทัง้ นีเ้ พรำะบำงครั ง้
องค์ กรพัฒนำเอกชน ไม่ ว่ำจะเปง นในขง่ ของกำร
ดำเนินงำน หรือเป้ำหมำยของงำน ทัง้ นีเ้ พรำะบำงครั ง้
องค์ กรพัฒนำเอกชนละเลยไม่ ประชำสัมพันธ์ งำนของ
ตนเองให้ ฝ่ำยรำชกำรขละประชำชนเข้ ำใจ ไม่ พยำยำม
ติดต่ อสัมพันธ์ กับฝ่ ำยรำชกำร เพื่ออธิบำยควำมตัง้ ใจของ
หน่ วยงำนก่ อนที่จะลงไปในพืน้ ที่ ซึ่งผลลัพธ์ กงคือ ฝ่ ำย
รำชกำรจะเกิดควำมระขวงสงสัยว่ ำจะเข้ ำไปปลุกระดม
รำษฎรหรือกระทำกำรในลักษณะที่ขัดต่ อควำมสงบ
เรียบร้ อยของบ้ ำนเมือง

หน่ วยงำนภำครัฐขละองค์ กรพัฒนำเอกชน มักมีทศั นคติในขง่
ลบต่ อกัน คือฝ่ ำยรำชกำรมักจะมองว่ ำงำนพัฒนำต่ ำงๆเปง น
งำนของตน มีควำมรู้สึกเปง นเจ้ ำของโดยตรง เปง นผู้รับผิดชอบ
ทัง้ หมด โดยมองว่ ำ องค์ กรพัฒนำเอกชนจะเข้ ำมำเปง นคู่ขข่ ง
ของตนขละไม่ เปิ ดโอกำสให้ องค์ กรพัฒนำเอกชนเข้ ำมำมี
ส่ วนร่ วมในโครงกำรต่ ำงๆเท่ ำที่ควร ซึ่งในขณะเดียวกันฝ่ ำย
องค์ กรพัฒนำเอกชนกงจะไม่ ค่อยทรำบข้ อมูลของทำงฝ่ ำย
รำชกำร ขละในขณะเดียวกันกงมองว่ ำฝ่ ำยรำชกำรเปง นเจ้ ำขุน
มูลนำย ขละยึดติดกับระเบียบขัน้ ตอนที่ย่ ุงยำก ซับซ้ อน ไม่
เอือ้ ต่ อกำรทำงำนของตนที่นิยมควำมเปง นอิสระ
 รั ฐบำลยังขำดกำรยอมรั บขละตระหนักถึงควำมสำคัญของ
หน่ วยงำนพัฒนำเอกชนอย่ ำงขท้ จริง ซึ่งส่ งผลทำให้ กำร
สนับสนุนของรัฐต่ อองค์ กรพัฒนำเอกชนไม่ ชัดเจน
กลำยเปง นช่ องทำงที่ต้องอำศัยควำมสัมพันธ์ ส่วนตัว ขละ
เครือข่ ำยที่ขต่ ละองค์ กรมีอยู่ เพื่อระดมกำรสนับสนุนจำก
รัฐบำลขทน ทำให้ เกิดควำมเหลื่อมลำ้ ขละยำกที่จะเกิดกำร
ประสำนควำมร่ วมมือกับองค์ กรส่ วนใหญ่ อย่ ำงขท้ จริง
 ควำมขัดขย้ งในเรื่ องของขนวคิดขละผลประโยชน์
เนื่องจำกสภำพกำรณ์ ในปั จจุบัน มีลักษณะของกำรต่ อสู้
ขย่ งชิง ขละเอำรัดเอำเปรียบกันอยู่มำก ดังนัน้ บทบำท
ขององค์ กรพัฒนำเอกชนซึ่งมักจะยืนอยู่ข้ำงฝ่ ำย
ประชำชนขละควำมถูกต้ องชอบธรรมของสังคมจึงมักจะ
ขัดขย้ งกับฝ่ ำยรำชกำร ซึ่งบ่ อยครัง้ มักจะเข้ ำข้ ำงฝ่ ำย
นำยทุนที่จะกอบโกยผลประโยชน์ บนควำมเดือดร้ อน
ของประชำชน
มำตรกำรเพื่อเสริมสร้ ำงควำมสัมพันธ์ ระหว่ ำง
รั ฐบำลขละองค์ กรพัฒนำเอกชน

เนื่องจำกกำรประสำนงำนในฝ่ ำยองค์ กรพัฒนำเอกชนยังไม่
ค่ อยมีเอกภำพ ดังนัน้ จึงควรสนับสนุนบทบำทขององค์ กร
ประสำนงำนหลัก อำทิ คณะกรรมกำรประสำนงำนองค์ กร
เอกชนพัฒนำชนบท( กป.อพช.) ให้ เปง นที่ยอมรับขละให้
สำมำรถขสดงบทบำทเปง นตัวขทนขององค์ กรพัฒนำเอกชน
ได้ อย่ ำงขท้ จริง เพรำะโดยปกติขล้ วกำรที่จะให้ รัฐบำลมำ
เจรจำกับองค์ กรพัฒนำเอกชนทีละองค์ กรจะเปง นไปได้ ยำก
ดังนัน้ องค์ กรประสำนงำนขม่ ข่ำยจะมีบทบำทช่ วยได้ มำก
ในเรื่องนี ้
 กำรปรั บปรุ งบทบำทขององค์ กรพัฒนำเอกชนให้
สำมำรถทำหน้ ำที่ได้ โดยสมบูรณ์ ขบบยิ่งขึน้ องค์ กร
พัฒนำเอกชนควรมีบทบำทที่จะสำมำรถสนองตอบต่ อ
ปั ญหำของสังคมโดยส่ วนรวม โดยบทบำทที่ควรจะ
ดำเนินกำรจะต้ องมีควำมชัดเจนกว่ ำที่เปง นอยู่ใน
ปั จจุบัน ไม่ ว่ำจะเปง นในลักษณะของกำรเสนอขนะใน
เชิงนโยบำยเพื่อขก้ ปัญหำต่ ำงๆ ในกำรชีน้ ำขนว
ทำงกำรพัฒนำประเทศหรือในกำรวิพำกษ์ วิจำรณ์
เสนอขนะ กฎหมำยเปง นต้ น
 องค์ กรพัฒนำเอกชนจะต้ องพัฒนำบทบำทขละศักยภำพของ
ตนเองให้ เปง นที่ยอมรับจำกฝ่ ำย รัฐบำลในฐำนะของผู้ร้ ู
ผู้เชี่ยวชำญในสิ่งที่รัฐขำดขคลน หรือในเรื่องที่รัฐบำลมี
ขนวนโยบำยไม่ ถูกต้ อง ซึ่งองค์ กรพัฒนำเอกชนต้ องคอย
เสนอขนะหรือท้ วงติง ขละในที่สุด คือ กำรปรับฐำนะของ
องค์ กรเข้ ำเปง นกลไกถำวรที่คอยตรวจสอบติดตำมผลกำร
ทำงำนของรัฐบำลเหมือนในประเทศที่พัฒนำขล้ วทัง้ หลำย เช่ น
สมำคมคุ้มครองผู้บริโภค ในสหรัฐอเมริกำที่เป้นหน่ วยงำน
ถำวรที่ผูกติดกับองค์ กรรัฐบำลขต่ ดำเนินกำรโดยเอกชน เพื่อ
คอยควบคุมคุณภำพของอำหำร ยำ ขละสินค้ ำบำงประเภทให้ มี
ระดับคุณภำพที่สังคมยอมรับ
 กำรพัฒนำวิสัยทัศน์ ของหน่ วยงำนองค์ กรพัฒนำเอกชนให้
กว้ ำงไกล โดยเฉพำะบุคลำกรขององค์ กรพัฒนำเอกชน จะต้ อง
เปง นผู้ท่ เี ปิ ดกว้ ำงรั บฟั งควำมคิดเหงนจำกฝ่ ำยอื่น ขละตระหนักถึง
ปั ญหำในเชิงมหภำคให้ มำกขึน้ เพรำะเท่ ำที่ผ่ำนมำมีองค์ กร
พัฒนำเอกชนไม่ ใช่ น้อยที่ม่ ุงมั่นทำงำนเฉพำะด้ ำน เฉพำะปั ญหำ
โดยไม่ คำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึน้ กับส่ วนรวม ซึ่งบ่ อยครั ง้ อำจไป
กระทบกระเทือนงำนของฝ่ ำยรัฐบำล กำรมุ่งขก้ ปัญหำเฉพำะจุด
โดยไม่ คำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขก่ ส่วนอื่นๆในสังคม จะทำให้ ขำด
กำรประสำนงำน ขำดควำมร่ วมมือร่ วมใจจำกฝ่ ำยอื่นๆ ทำให้ ผล
งำนที่เกิดไม่ สำมำรถขก้ ปัญหำส่ วนรวมได้ รวมทัง้ กำรที่บุคลำกร
ขององค์ กรพัฒนำเอกชนจำนวนมำก จะเน้ นงำนเฉพำะด้ ำนเปง น
ผู้เชี่ยวชำญเฉพำะทำงกงย่อมทำให้ เกิดควำมคับขคบทำงควำมคิด
ขละไม่ สำมำรถมองเหงนปั ญหำอย่ ำงเปง นระบบได้
วิธีกำรพัฒนำกระบวนกำรทำงำนให้ เข้ มขขงง
การให้การบริโภคศึกษา
 การพัฒนาประสิทธิภาพกลไกการ
ร้องทุกข์
 การใช้ระบบสื่อสารมวลชน
 ระบบการตรวจสอบ ควบคุม และ

4. ข้ อเสนอสำระบัญญัติ
ที่ควรกำหนดไว้ ในร่ ำง พรบ. สุขภำพ
ขห่ งชำติ
4.1 สิทธิของผู้บริโภค
1. สิทธิในกำรเข้ ำถึงบริกำรด้ ำนสุขภำพที่เหมำะสม
2. สิทธิท่ จี ะไม่ ถูกกีดกันจำกควำมขตกต่ ำงในด้ ำนต่ ำง
ๆ
3. สิทธิท่ จี ะได้ รับข้ อมูล ข่ ำวสำร ควำมรู้
4. สิทธิท่ จี ะเลือกขพทย์ หรือผู้ประกอบวิชำชีพ
อื่น ๆ
6. สิทธิท่ จี ะได้ รับข้ อมูลข่ ำวสำรที่เพียงพอขละ
เข้ ำใจเกี่ยวกับกำรรักษำพยำบำล
7. สิทธิท่ จี ะมีส่วนร่ วมในกำรรักษำพยำบำล
8. สิทธิท่ จี ะได้ รับกำรเคำรพ กำรปกปิ ดควำมลับ
ยอมรับในศักดิ์ศรี ขละควำมเปง นส่ วนตัว
9. สิทธิท่ จี ะร้ องเรียน
10. สิทธิท่ จี ะได้ รับกำรชดเชยควำมเสียหำยที่เกิดขึน้
กาหนดให้หน่ วยงานของรัฐและ
เอกชนที่ให้บริการทางสุขภาพ มี
มาตรการที่ชดั เจนในเรื่องการคุ้มครอง
สิทธิของผูบ้ ริโภค
4.2
4.3 กำหนดให้ มีกระบวนกำรของประชำสังคม องค์ กำรอิสระ
องค์ กรพัฒนำเอกชนที่เกี่ยวข้ องในเรื่องสุขภำพ ให้ มีส่วน
ร่ วมในกำรกำหนดกฎเกณฑ์ ระเบียบปฏิบัตทิ ่ มี ีผลกระทบ
ต่ อผู้บริโภคทัง้ ทำงตรงขละทำงอ้ อม
4.4 กำหนดให้ มีองค์ กำรอิสระ หรือองค์ กรอิสระ ซึ่งอำจ
เรียกว่ ำคณะกรรมกำรองค์ กำรผู้ขทนผู้บริโภคด้ ำนสุขภำพ
หน้ าที่
 สนับสนุนให้ เกิดองค์การเอกชน
(NGOs) หรือเครือข่ายขององค์การ
เอกชนเพื่อการคุ้มครองผูบ้ ริโภคใน
ด้านต่างๆขึน้ โดยคณะกรรมการ
ต้องจัดงบประมาณและระบบจูงใจ
องค์การอิสระกลาง มีบทบาทใน
ลักษณะหนุนกับเชื่อม ทาหน้ าที่เป็ น
สื่อระหว่างภาครัฐกับองค์การเอกชนที่
เป็ นสมาคมในเรื่องต่างๆที่เกี่ยวกับ
ผูบ้ ริโภค
 วิธีคด
ั เลือกตัวแทนของคณะกรรมการ
กลางให้ออกเป็ นกฎกระทรวง โดยให้มี
ผูแ้ ทนที่หลากหลาย

กาหนดให้มี กลไกการจัดการกรณี
เกิดการละเมิดสิทธิผบู้ ริโภคด้านสุขภาพ
และผูบ้ ริโภคได้รบั ค่าชดเชยอย่าง
รวดเร็วและเป็ นธรรม โดยอาศัยกลไก
4.5
- กลไกหน่ วยงำนรั ฐที่เกี่ยวข้ อง ได้ ขก่ กองประกอบโรคศิลปะ ซึ่ง
รั บผิดชอบ กำกับดูขลสถำนบริกำรทัง้ หมด หรื อกองประสำน
กำรขพทย์ สำนักงำนประกันสังคม กระทรวงขรงงำนที่รับชอบกำร
ประกันตำมกฎหมำยประกันสังคม หรื อสำนักงำนคณะกรรมกำร
คุ้มครองผู้บริโภค สำนักนำยกรั ฐมนตรี
- กลไกองค์ กรวิชำชีพ เช่ น ขพทยสภำ สภำกำรพยำบำล สภำเภสัช
กรรม ทันตขพทยสภำ ฯลฯ
- องค์ กำรอิสระ หรื อองค์ กรอิสระ ซึ่งอำจเรี ยกว่ ำคณะกรรมกำร
4.6 กาหนดให้พรบ.ต่างๆที่ เกี่ยวข้องกับ
สุขภาพ เช่น พรบ.ยา พรบ.อาหาร ฯลฯ
กาหนดให้มีระบบการร้องเรียน ระบบ
การเรียกร้องค่าเสียหาย และ ให้
ผูบ้ ริโภคได้รบั ค่าชดเชยอย่างรวดเร็ว
และเป็ นธรรม โดยไม่ต้องรอการไต่
สวนหาผูร้ บั ผิดชอบ ในพรบ.แต่ละฉบับ
โดยพรบ.สุขภาพแห่งชาติจะเป็ นแกนหลักในการ
กาหนดให้หน่ วยงานของรัฐและ
เอกชนที่ให้บริการทางสุขภาพ มีระบบ
การประกันคุณภาพที่มีมาตรฐาน และ
มีระบบตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพหรือ
การมีส่วนร่วมจากภาคีที่เกี่ยวข้อง เช่น
ระบบการตรวจสอบกันเองของกลุ่มผู้
ประกอบวิชาชีพ
4.7
องค์ กรคุ้มครองผ้ ูบริโภค
ในประเทศมาเลเซีย
CONSUMERS' ASSOCIATION OF PENANG
การทางานของ CAP จะครอบคลุมเรื่อง
- ทิศทางการพัฒนา
(ควรจะสร้ างโรงแรมสาหรับนักท่ องเทีย่ วเพิม่ ขึน้
หรือสร้ างบ้ าน สาหรับคนจน)
- สิ่ งจาเป็ นในการดารงชีวติ
(อาหารบริการสาธารณสุ ข ทีอ่ ยู่อาศัย การศึกษา
การขนส่ ง)
- ภาวะเป็ นพิษต่ อผู้บริโภคและการทาลายสภาพแวดล้ อม
(อากาศและนา้ เป็ นพิษ การตัดไม้ ทาลายป่ า
อันตรายจากการประกอบอาชีพ เป็ นต้ น)
เป้ าหมายของการคุ้มครองผู้บริโภค
แทนทีจ่ ะเป็ น เพือ่ พิทกั ษ์ ค่าของเงิน
แต่ เป็ น เพือ่ พิทกั ษ์ ค่าของความเป็ นมนุษย์
การดาเนินงานนั้น CAP แบ่ งเป็ นฝ่ ายต่ าง ๆ คือ
1.
2.
3.
4.
5.
6.
7.
ฝ่ ายรับเรื่องราวร้ องทุกข์
ฝ่ ายสารวจและทดสอบ
ฝ่ ายวิจัย
ฝ่ ายสิ่ งแวดล้ อม
ฝ่ ายชุมชน
ฝ่ ายการศึกษา
ฝ่ ายสื่ อ
ขอบเขตภารกิจขององค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่น