เอกสารดาวโหลด

Download Report

Transcript เอกสารดาวโหลด

ี พิษสุนัขบ ้าในเวชปฏิบต
การให ้วัคซน
ั ิ
สานั กงานป้ องกันควบคุมโรคที6
่ ขอนแก่น
ระบาดวิทยาโรคพิษสุนัขบ้า


การติดเชื้อส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสเชื้อปนเปื้อน
ในนา้ลายสัตว์ผ่านบาดแผลสัตว์กัด
ประเทศตะวันตกมักเกิดจากการถูกสัตว์ป่า ค้างคาว
กัด
ประเทศไทยมักเกิดจากสุนัขกัด
การติดเชื้อวิธีอื่น เช่น การปลูกถ่ายอวัยวะ
ทั่วโลกมีการเสียชีวิตปีละ 30,000 รายทุกปี
ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตประมาณ 30-70รายต่อปี
ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักเป็นเด็ก ( ร้อยละ 40)
ผู้ที่เสี่ยงต่อการสัมผัสโรค

สัตวแพทย์ ผู้ดูแลสัตว์

เด็ก

บุรุษไปรษณีย์

ผู้ที่ไม่ได้รับการดูแลบาดแผลอย่างถูกต้องและ
ไม่ได้รับวัคซีน
ผู้สัมผัสโรคไม่จาเป็นต้องป่วยเป็นโรคทุกราย
พบร้อยละ 35-57
ขึ้นกับปัจจัยคือ


ตาแหน่งบาดแผล บริเวณหน้า ศรีษะ มือ บริเวณ
ที่มีเส้นประสาทมาก
ลักษณะบาดแผล ขนาดใหญ่มีเลือดออกจะมี
โอกาสสูงกว่าแผลถลอก
สาเหตุ



เชื้อ Rabies virus เป็น RNA virus อยู่ใน
Genus Lyssavirus , Family rhabdoviruses
มี 7serotypes
6 ใน 7serotypes พบในค้างคาว
การเกิดโรคในคนมักพบจาก serotypes 1
พยาธิกาเนิดและพยาธิสภาพ




เมื่อร่างกายได้รับเชื้อไวรัสผ่านบาดแผลหรือเยื่อบุจะ
เพิ่มจานวนที่บริเวณกล้ามเนื้อรอบบาดแผล
หลังจากนั้นเข้าสู่ระบบประสาทผ่านทาง
neuromuscular junction และเคลื่อนที่ตามใยประสาท
ในอัตรา 8-20 มม.ต่อวัน
เมื่อเดินทางถึง dorsal root ganglia จะเพิ่มจานวนอีก
และเข้าสู่ระบบประสาทส่วนปลายหรือสู่ระบบประสาท
ส่วนกลาง
ระยะท้ายเข้าสู่ระบบประสาทอัตโนมัติ ไปสู่อวัยวะ
ต่างๆของร่างกาย เช่น ต่อมนา้ลาย หัวใจ ทางเดิน
อาหาร
ลักษณะทางคลินิก



ระยะฟักตัว : ตั้งแต่ 5-6 วันจนถึง หลายปี โดยทั่วไปจะ
ปรากฏอาการภายใน 3 เดือน
ประมาณร้อยละ 1-7 จะปรากฏอาการหลัง 1 ปี
ระยะฟักตัวทีส
่ ั้นเชื่อว่าเกิดจากไวรัสเข้าสู่ระบบ
ประสาทโดยตรงไม่แบ่งตัวที่บริเวณบาดแผล ซึ่งพบได้
บ่อยกรณีมีการสัมผัสโรครุนแรงที่บริเวณใบหน้าหรือ
ศรีษะ
อาการของผู้ป่วย
1 ระยะอาการนา : ไข้ อ่อนเพลีย ไม่จาเพาะ กินเวลา
ประมาณ 2-10 วัน อาจมีอาการระบบทางเดินอาหาร
ทางเดินหายใจ เช่น ไอ ท้องเสีย ปวด คัน ชา บริเวณที่
สัมผัสโรค
2 ระยะอาการทางระบบประสาท : มี 2 ลักษณะคือแบบ
encephalitic rabies (มีอาการกลัวนา้ กลัวลม )และ
paralytic rabies (มักพบในกรณีถูกค้างคาวกัด)
3 ระยะหมดสติ : (coma )
ั ผัสโรคพิษ
การดูแลรักษาภายหลังสม
สุนัขบ ้า


ล ้างบาดแผลด ้วยนา้ ้และสบูเ่ พือ
่
่ า้ ้ยา
ลดจานวนไวรัสทีบ
่ าดแผลใสน
ื้ เชน
่ povidone iodine
ฆ่าเชอ
ี ป้ องกันโรค (
พิจารณาให ้วัคซน
active immunization ) ร่วมกับการให ้
อิมมูโนโกลบูลน
ิ ตามแนวทาง
ระดับ
ประเภทการสัมผัสกรณี
สงสัย
1
- ถูกต้องตัว ให้อาหาร
- เลียที่ผิวหนังปกติ
2
-ถูกงับเป็นรอยชา้
-ถูกข่วนถลอก/มีเลือดซิบ
หรือไม่มีเลือดออก
-เลียบนผิวที่มีบาดแผล
3
- ถูกกัด/ข่วนเลือดออก
ชัดเจน
- ถูกเยื่อบุเช่น ตา ปาก
-ค้างคาวกัด/ข่วน
-มีแผลที่ผิวหนังและสัมผัส
สารคัดหลั่งจากร่างกายสัตว์
-รับประทานผลิตภัณฑ์ดิบ
จากสัตว์ที่สงสัยว่าป่วยเป็น
โรค
ข้อแนะนา
ไม่ต้องฉีดวัคซีน
ฉีดวัคซีนทันที
ฉีดวัคซีนและ RIG
การให้วัคซีน
ในอดีต มีการใช้วัคซีนซึ่งได้มาจากการเพาะเชื้อใน
สมองหนู แต่ให้ผลการป้องกันโรคไม่ดีและมีผลข้างเคียง
มาก ปัจจุบันในประเทศไทยได้เลิกใช้เเล้ว วัคซีนที่มีขาย
ในประเทศไทยได้แก่
Purified Chick Embryo Cell Rabies Vaccine( PCECV)
ขนาด 1 มิลลิลิตร
Purified Vero cell Rabies Vaccine ( PVRV)ขนาด 0.5
มิลลิลิตร
Purified Duck Embryo Cell Rabies Vaccine
(PDEV)ขนาด 1 มิลลิลิตร
Human Diploid Cell Rabies Vaccine (HDCV)ขนาด 1
มิลลิลิตร
ี 2
ประเทศไทยแนะนาการใชวั้ คซน
สูตร

การฉีดเข ้ากล ้ามแบบมาตรฐาน (IM )
1-1-1-1-1 Day 0-3-7-14-28 หรือ30

การฉีดเข ้าในผิวหนัง(ID )
2-2-2-0-1-1
2-2-2-0-2-0
Day 0-3-7-14-28 หรือ30-90
ขนาดที่ใช้



การฉีดเข้ากล้ามขนาด 0.5 หรือ 1 ซีซี แล้วแต่ชนิด
วัคซีน 1 หลอด เมื่อละลายแล้ว ฉีดเข้ากล้ามเนื้อต้น
แขน หรือต้นขาในเด็กเล็ก ห้ามฉีดเข้าสะโพกเพราะ
ภูมิคุ้มกันเกิดขึ้นไม่ดี
การฉีดเข้าในผิวหนังใช้ปริมาณ 0.1 ซีซี
การฉีดเข้าผิวหนัง 8 จุด ไม่แนะนาให้ใช้ในประเทศ
ไทย



ไม่ควรเปลี่ยนวิธีการฉีดสลับไปมา
ควรอธิบายกาหนดการรับวัคซีนตามนัดแก่ผป
ู้ ่วย/ผู้
ปกครอง
กรณีตั้งครรภ์แล้วจาเป็นต้องฉีด ยังไม่มีรายงาน
ความผิดปกติของทารก
การให้ RIG


ที่มีความเสี่ยงระดับ 3 ขึ้นไปควรได้ RIG
ปัจจุบัน RIG มี 2 ชนิด คือ
เซรุ่มที่ทาจากม้า ขนาดที่ใช้ 40 U/KG
(Equine Rabies Immunoglobulin , ERIG)
เซรุ่มที่ทาจากคน ขนาดที่ใช้ 20 U/KG
(Human Rabies Immunoglobulin, HRIG )
ฉีดรอบบาดแผลให้มากที่สุด ที่เหลือฉีดเข้ากล้าม

บาดแผลที่ตา ให้หยอดบริเวณแผลที่ตา


HRIG โดยทั่วไปไม่ต้องทาการทดสอบก่อนฉีด แต่มี
ราคาแพงและทาจากเลือดคน
ERIG ทาจากเลือดม้า พบอาการแพ้ได้ จึงต้องทาการ
ทดสอบก่อน
เจือจาง ERIG 1:100 ด้วย NSS แล้วฉีด ERIG ที่
เจือจาง 0.02 มิลลิลิตร เข้าในผิวหนังจนเกิดรอยนูน 3
มม. ฉีดNSS อีกข้างเปรียบเทียบ
รอ 15-20 นาที ถ้าบริเวณที่ฉีด ERIG มีรอยนูน
บวมแดงขนาด 6 มม ขึ้นไปและมีรอยแดง โดยปฏิกิริยา
มากกว่าบริเวณทีฉ
่ ีดนา้เกลือให้แปลผลบวก
แนะนาให้ฉีด RIG เร็วที่สุดตามข้อบ่งชี้
แต่ในกรณีที่ฉีดวัคซีนไปก่อนนานเกิน 7 วัน
ไม่แนะนาให้ฉีด RIG เนื่องจากRIG อาจ
รบกวนการสร้างภูมิคุ้มกันจากวัคซีน
การให ้การรักษาภายหลังเคยได ้รับ
ี มาก่อน
วัคซน


ี ป้ องกันโรคพิษสุนัขบ ้าชนิด
ผู ้ทีเ่ คยได ้รับวัคซน
เซลล์เพาะเลีย
้ งหรือไข่เป็ ดฟั กบริสท
ุ ธิค
์ รบอย่าง
ั ผัสโรคพิษสุนัขบ ้าและ
น ้อย 3 เข็ม เมือ
่ มีการสม
่ บาดแผลระดับ 2
จาเป็ นต ้องรับการรักษา เชน
หรือ3 ให ้การรักษาโดยการฉีดกระตุ ้น ไม่
จาเป็ นต ้องให ้ RIG
ี จากสมองสต
ั ว์ให ้ทาการรักษา
ผู ้ทีไ่ ด ้รับวัคซน
ี มาก่อน
เหมือนไม่เคยได ้รับวัคซน
การให ้การรักษาภายหลังเคยได ้รับ
ี มาก่อน
วัคซน

กรณีเคยได ้รับเข็มสุดท ้ายมาภายใน6 เดือน
ฉีดเข็มกระตุ ้น1 เข็มโดยการฉีดเข ้ากล ้าม 1 โด๊ส
หรือ เข ้าในผิวหนังบริเวณต ้นแขน 1จุด
ใน Day 0

กรณีเคยได ้รับเข็มสุดท ้ายมามากกว่า 6 เดือน
ฉีดเข็มกระตุ ้น 2เข็มโดยการฉีดเข ้ากล ้าม 1 โด๊ส
หรือ เข ้าในผิวหนังบริเวณต ้นแขน 1จุด
ใน Day 0และ Day3