Transcript เอกสาร
คาร์ บอเนต
Carbonates
คาร์ บอเนต
แร่ ในหมู่คาร์บอเนตประกอบด้วยอนุมูล (CO3)2- เป็ นอนุมูลที่มีพนั ธะระหว่าง CO ที่แข็งแรงมาก กล่าวคือ การเกาะตัวกันในอนุมูล C-O3 มีแรง 1 1/3 และแรงที่
เหลือ 2/3 ที่ออกซิเจนแต่ละอนุมูลจะไปจับกับไอออนตัวอื่น ในโครงสร้างกลุ่ม
อนุมูล (CO3)2- จึงเป็ นโครงสร้างพื้นฐานของแร่ ในหมู่น้ ี ส่ วนการยึดเกาะของ
CO2 ซึ่งเป็ นการยึดเกาะกันของพันธะโควาเลนท์ซ่ ึงแข็งแรงกว่า เป็ นเหตุให้ CO2
แตกตัวออกมาจากโครงสร้างแร่ ได้หากมี H+ ซึ่งได้จากกรดมาทาปฏิกิริยา คือ
2H+ + CO3 H2O + CO2
ส่ งผลให้เกิดฟองฟู่ ซึ่งเป็ นวิธีตรวจแร่ คาร์บอเนตได้ดี
คาร์ บอเนต
คาร์บอเนตที่ไม่มี OH ยูใ่ นโครงสร้าง เรี ยกว่า แอนไฮดรัสคาร์ บอเนต
(Anhydrous carbonates) มีอยู่ 3 กลุ่ม แยกตามโครงสร้างที่แตกต่างกัน คือ
กลุ่มแคลไซต์ กลุ่มอะราโกไนต์ และกลุ่มโดโลไมต์
ส่ วนคอปเปอร์คาร์บอเนต ที่มี OH อยู่ เรี ยกว่า ไฮดรัสคอปเปอร์ คาร์ บอเนต
(Hydrous copper carbonates)
คาร์ บอเนต
Calcite group (Hexagonal system, 3 2/m)
Calcite CaCO3
Magnesite MgCO3
Siderite FeCO3
Rhodochrosite MnCO3
Smithsonite ZnCO3
คาร์ บอเนต
Aragonite group (Orthorhombic system, 2/m 2/m 2/m)
Aragonite CaCO3
Witherite BaCO3
Strontianite SrCO3
Cerussite PbCO3
คาร์ บอเนต
Dolomite group (Hexagonal system, 3)
Dolomite CaMg(CO3)2
Ankerite CaFe(CO3)2
Hydrous copper carbonate
Malachite Cu2CO3(OH)2
Azurite Cu3(CO3)2(OH)2
แคลไซต์ (Calcite)
ระบบผลึก : ระบบสามแกนราบ (Hexagonal system)
รู ปผลึกทัว่ ไป : ผลึกที่พบมีหลายแบบแตกต่างกันไป และมักซับซ้อนมาก
โดยมีฟอร์มผลึกมากกว่า 300 ฟอร์ม ที่สาคัญคือ prismatic, rhombohedral,
scalenohedral และฟอร์มผสมระหว่างฟอร์มต่างๆ อาจเกิดเป็ นผลึกแฝด โดยมี
ระนาบแฝด คือ {0112}
การเกาะกลุ่มกันของผลึก : แคลไซต์อาจเกาะกลุ่มกันเป็ นแบบผลึกหยาบ หรื อ
ผลึกละเอียด อาจเป็ นผลึกละเอียดที่อดั ตัวกันแน่น ด้านเหมือนดิน และแบบ
หิ นย้อย (stalactic)
แคลไซต์ (Calcite)
รู ปผลึกแคลไซต์
แคลไซต์ (Calcite)
“Calcite butterfly twins”
แคลไซต์ (Calcite)
คุณสมบัตทิ างเคมี
สู ตรเคมี : CaCO3
คุณสมบัตทิ างกายภาพ
ความถ่ วงจาเพาะ(S.G.) : 2.71
สี (colour) : แคลไซต์ที่บริ สุทธิ์จะมีสีขาวถึงไม่มีสี
(white to colourless) เรี ยกว่า ไอซ์แลนด์สปาร์
(Iceland spar) ถ้าไม่บริ สุทธิ์จะพบสี อื่นเจือจางอยูบ่ า้ ง
เช่น เทา แดง เขียว น้ าเงิน เหลือง
สี ผง(steak) : ขาว
แคลไซต์ (Calcite)
ความแข็ง(hardness) : 3 (แต่บนแนวแตกเรี ยบมีความแข็ง 2 ½)
ประกาย(Luster) : คล้ายแก้ว(vitreous) ถึงด้านเหมือนดิน(Dull)
แนวแตกเรียบ(cleavage) : มีแนวแตกเรี ยบสมบูรณ์บนแนว {0112}
รอยแตก(fracture) : คล้ายฝาหอย(conchoidal)
ความโปร่ งใส(Diaphenity) : โปร่ งใสถึงโปร่ งแสง
แคลไซต์ (Calcite)
“ Iceland spar ”
Calcite
แคลไซต์ (Calcite)
องค์ ประกอบและโครงสร้ าง (crystal structure)
แคลไซต์ส่วนใหญ่มีองค์ประกอบใกล้เคียงกันกับ CaCO3 ที่บริ สุทธิ์ ถ้า
บริ สุทธิ์จะมี CaO 56% และ CO2 44% โดยมี Mn2+, Fe2+, Mg2+ เข้าแทนที่
Ca บ้าง
ลักษณะทีใ่ ช้ จาแนก (Diagnostic features)
ทาปฏิกิริยากับกรด เกิดฟองฟู่
แคลไซต์ (Calcite)
การเกิด และแหล่ งแร่ ทสี่ าคัญ
แคลไซต์เป็ นแร่ ประกอบที่พบได้ทวั่ ไปในหิ น เป็ นแร่ ที่เด่นที่สุดในหิน
ตะกอน ในหิ นปูนนั้นมีแร่ แคลไซต์เป็ นแร่ หลักเพียงแร่ เดียว รวมไปถึงหิ นปูนที่
แปรสภาพใหม่เป็ นหิ นอ่อน ก็ยงั มีแคลเซียมคาร์บอเนตที่เป็ นผงละเอียดอยูด่ ว้ ย
นอกจากนี้ยงั พบเป็ นองค์ประกอบที่สาคัญของหินปูนที่เกิดจากการสะสม
ตัววัตถุใต้ทอ้ งทะเล เช่น เปลือกหอย กระดูกสัตว์ทะเลที่สะสมตัวกันเป็ นชั้น
หนา นอกจากนี้แร่ แคลไซต์อาจได้จากการตกผลึกของสารละลายแคลเซียม
คาร์บอเนต แต่พบได้นอ้ ย
แคลไซต์ (Calcite)
ในถ้ าหิ นงอกหิ นย้อย และแหล่งน้ าพุท้ งั ร้อนและเย็น มีการสะสมตัว
ของของแร่ แคลไซต์ในลักษณะของคราบหินปูน ในบางครั้งเรี ยกว่า โอนิกซ์
มาร์ เบิล(Onyx marble) เกิดจากการตกผลึกของแร่ แคลไซต์หรื ออะราโกไนต์
โดยเกิดเป็ นแถบซ้อนๆกัน โดยส่ วนใหญ่มกั พบที่ประเทศเม็กซิโก จึงเรี ยกว่า
Maxican onyx
แคลไซต์ (Calcite)
แคลไซต์ยงั เกิดในหินอัคนี หรื อหินคาร์ บอเนไทต์ (Carbonatite) และหินเนฟิ
ลีนไซยาไนต์ (Nepheline syenite) เกิดจากการตกผลึกช่วงหลังในโพรงหิ นลาวา
บางครั้งก็พบเกิดร่ วมกับแหล่งแร่ น้ าร้อนร่ วมกับสิ นแร่ ซลั ไฟด์ดว้ ย
แหล่งแร่ ที่สาคัญ เช่น เยอรมนี อังกฤษ เม็กซิโก
สหรัฐอเมริ กา สาหรับในประเทศไทย พบแทบทุกจังหวัด
ที่มีหินปูน เช่น แม่ฮ่องสอน เพชรบูรณ์ นครสวรรค์
สระบุรี กาญจนบุรี ชุมพร สุ ราษฎร์ธานี เป็ นต้น
แคลไซต์ (Calcite)
ประโยชน์
ใช้ในอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ และทาปูนขาว หิ นปูนใช้เป็ นวัตถุดิบใน
การก่อสร้าง อุตสาหกรรมเคมี สารปรับปรุ งดิน นอกจากนี้ยงั ใช้ทาฟลักซ์ใน
การถลุงสิ นแร่ ต่างๆ
หิ นเม็กซิกนั โอนิกซ์ใช้ทาเครื่ องประดับ ส่ วนไอซ์แลนด์สปาร์ ใช้ทา
เครื่ องมือทางแสง เช่น นิโคลปริ ซึม และทาแผ่นโพลารอยด์
โรโดโครไซต์ (Rhodochrosite)
ระบบผลึก : ระบบสามแกนราบ (Hexagonal system)
การเกาะกลุ่มกันของผลึก : มักพบผลึกแบบเป็ นกลุ่มก้อนที่ลอกออกเป็ นกลีบ
ได้ และแบบที่เป็ นเม็ด ถึงอัดตัวกันแน่น(massive)
คุณสมบัตทิ างเคมี
สู ตรเคมี : MnCO3
โรโดโครไซต์ (Rhodochrosite)
คุณสมบัตทิ างกายภาพ
ความถ่ วงจาเพาะ(S.G.) : 3.5 – 3.7
สี (colour) : สี ชมพู คล้ายดอกกุหลาบ จนถึงสี แดง
สี ผง(steak) : ขาว
ความแข็ง(hardness) : 3 ½ - 4
ประกาย(Luster) : คล้ายแก้ว(vitreous)
แนวแตกเรียบ(cleavage) : มีแนวแตกเรี ยบสมบูรณ์บนแนว {1011}
รอยแตก(fracture) : คล้ายฝาหอย(conchoidal)
ความโปร่ งใส(Diaphenity) : โปร่ งใสถึงทึบแสง
โรโดโครไซต์ (Rhodochrosite)
องค์ ประกอบและโครงสร้ าง (crystal structure)
โรโดโครไซต์ที่บริ สุทธิ์ประกอบด้วย MnCO3, MnO 61.7% และ CO2
38.3% อาจมี Fe2+ เข้าแทนที่ Mn2+ แล้วทาให้เกิดอนุกรมผลึกผสมเนื้อเดียวได้
อย่างสมบูรณ์ระหว่างแคลไซต์ และซิเดอร์ไรต์
ลักษณะทีใ่ ช้ จาแนก (Diagnostic features)
สี ชมพูและแนวแตกเรี ยบที่เป็ นรอมโบฮีดรัล มีความแข็งต่า ซึ่ งต่างจาก
โรโดไนต์ซ่ ึงมีความแข็งมากกว่าถึง 6 ไม่หลอมละลายเวลาเผา แต่ละลายใน
กรดเกลือที่ร้อน และทาปฏิกิริยากับกรดเกลือ
โรโดโครไซต์ (Rhodochrosite)
การเกิด และแหล่ งแร่ ทสี่ าคัญ
เกิดในสายน้ าแร่ ร้อนร่ วมกับ เงิน ตะกัว่ ทองแดง และแร่ แมงกานีสอื่นๆ
แหล่งที่พบ เช่น ประเทศอาร์เจนตินา สาธารณรัฐแอฟริ กาใต้ เปรู และ
สหรัฐอเมริ กา ส่ วนประเทศไทบพบที่ จ.เลย แพร่ น่าน พิจิตร นราธิวาส และ สุ
ราษฎร์ธานี
ประโยชน์ เป็ นสิ นแร่ แมงกานีส
อันดับรอง นอกจากนี้ยงั ใช้เป็ น
เครื่ องประดับด้วย
โรโดโครไซต์ (Rhodochrosite)
สมิทโซไนต์ (Smithsonite)
ระบบผลึก : ระบบสามแกนราบ (Hexagonal system)
รู ปผลึกทัว่ ไป : เป็ นรู ปรอมโบฮีดรัล หรื อสแกลีโนฮีดรัล มีขนาดเล็กและหายาก
การเกาะกลุ่มกันของผลึก : มักพบเป็ นรู ปไต รู ปพวงองุ่น หรื อรู ปหิ นงอกหิ น
ย้อย และอยูใ่ นรู ปตกผลึกที่ห่อหุม้ กันอยู่ หรื อเป็ นกลุ่มก้อนคล้ายรังผึ้ง
นอกจากนี้ยงั พบเป็ นเม็ดถึงคล้ายดิน
คุณสมบัตทิ างเคมี
สู ตรเคมี : ZnCO3
สมิทโซไนต์ (Smithsonite)
คุณสมบัตทิ างกายภาพ
ความถ่ วงจาเพาะ(S.G.) : 4.30 – 4.45
สี (colour) : น้ าตาล อาจพบไม่มีสี สี ขาว เขียว น้ าเงิน ชมพู เหลือง
สี ผง(steak) : ขาว
ความแข็ง(hardness) : 4 – 4 ½
ประกาย(Luster) : คล้ายแก้ว(vitreous)
แนวแตกเรียบ(cleavage) : มีแนวแตกเรี ยบสมบูรณ์บนแนว {1011}
รอยแตก(fracture) : คล้ายฝาหอย(conchoidal)
ความโปร่ งใส(Diaphenity) : โปร่ งแสง
สมิทโซไนต์ (Smithsonite)
สมิทโซไนต์ (Smithsonite)
องค์ ประกอบและโครงสร้ าง (crystal structure)
สมิทโซไนท์บริ สุทธิ์จะมี ZnO 64.8% และ CO2 35.2% อาจมีไอออน
Fe2+ เข้าแทนที่ Zn ได้ หากมีCo ปนเล็กน้อย ทาให้แร่ เป็ นสี ชมพู ถ้ามี Cu จะมี
สี เขียว หรื อ เขียวอมน้ าเงิน และ Cd ทาให้เกิดสี เหลือง โครงสร้างของสมิทโซ
ไนท์คล้ายคลึงกับโครงสร้างของแคลไซต์
ลักษณะทีใ่ ช้ จาแนก (Diagnostic features)
ละลายและเกิดฟองฟู่ ในกรดเกลือที่เย็น ความแข็งและถ.พ.สู ง
สมิทโซไนต์ (Smithsonite)
การเกิด และแหล่ งแร่ ทสี่ าคัญ
เป็ นสิ นแร่ สงั กะสี ที่เกิดในแหล่งแร่ ตกตะกอนใหม่ ปกติมกั พบในแหล่ง
หิ นปูน เกิดร่ วมกับสฟาเลอร์ไรต์ กาลีนา เฮมิมอร์ไฟต์ เซรัสไซต์ แคลไซต์
และไลมอไนต์ อาจพบเป็ นผลึกเทียมแฝงอยูใ่ นแคลไซต์
สมิทโซไนท์สีเขียว หรื อเขียวอมน้ าเงิน โปร่ งแสง พบในประเทศกรี ก
ส่ วนลักษณะที่เป็ นรู ปหิ นย้อย เป็ นแถบกลม และมีศูนย์กลางร่ วม สี เหลือง
พบในประเทศอิตาลี
สมิทโซไนต์ (Smithsonite)
นอกจากนี้ยงั พบที่ประเทศนามิเบีย สหรัฐอเมริ กา เช่น รัฐโคโลราโด อะ
คันซอ วิสคอนซิล นิวเม็กซิโก สาหรับในประเทศไทย พบที่แหล่งสังกะสี ผา
แดง อ.แม่สอด จ.ตาก และจ.กาญจนบุรี
ประโยชน์
เป็ นสิ นแร่ สงั กะสี และใช้ทาเครื่ องประดับ
อะราโกไนต์ (Aragonite)
ระบบผลึก : ระบบสามแกนต่าง (Orthorhombic system)
รู ปผลึกทัว่ ไป : พิระมิดรู ปเข็ม ที่มีปลายเป็ นฟอร์มไดพิระมิด, ผลึกรู ปแบน
และมักพบผลึกแฝดบนระนาบ {110}, ผลึกแฝดแบบเฮกซะโกนอลเทียม
การเกาะกลุ่มกันของผลึก : พบเป็ นรู ปไต รู ปแท่ง และรู ปหิ นย้อย
คุณสมบัตทิ างเคมี
สู ตรเคมี : CaCO3
อะราโกไนต์ (Aragonite)
อะราโกไนต์ (Aragonite)
คุณสมบัตทิ างกายภาพ
ความถ่ วงจาเพาะ(S.G.) : 2.94
สี (colour) : ไม่มีสี สี ขาว เหลืองอ่อน และมีสีอื่นๆปนหลายสี
สี ผง(steak) : ขาว
ความแข็ง(hardness) : 3 ½ - 4
ประกาย(Luster) : คล้ายแก้ว(vitreous)
แนวแตกเรียบ(cleavage) : มีแนวแตกเรี ยบ {010} ชัดเจน
รอยแตก(fracture) : คล้ายฝาหอย(conchoidal)
ความโปร่ งใส(Diaphenity) : โปร่ งใสถึงโปร่ งแสง (transparent to translucent)
อะราโกไนต์ (Aragonite)
องค์ ประกอบและโครงสร้ าง (crystal structure)
อะราโกไนต์ส่วนใหญ่มกั บริ สุทธ์ แต่อาจมี Sr และ Pb เข้ามาแทนที่ Ca
บ้างเล็กน้อย แร่ แคลไซต์สามารถเปลี่ยนเป็ นแร่ อะราโกไนต์ได้ โดยเกิดจาก
ความดันและอุณหภูมิที่เปลี่ยนไปดังกราฟที่ได้จากการทดลอง โดยโครงสร้าง
ของอะราโกไนต์สามารถศึกษาได้จากวิธีเลี้ยวเบนของรังสี เอ็กซ์เท่านั้น
แร่ แคลไซต์เข้าแทนที่ในผลึกอะราโกไนต์ได้ ดังตัวอย่างของสาร
CaCO3 ที่ถูกขับออกมาจากสัตว์จาพวกหอย จะมีโครงสร้างเป็ นแร่ อะราโก
ไนต์ แต่ในที่สุดจะเปลี่ยนเป็ นแร่ แคลไซต์เมื่อสารดังกล่าวอยูน่ อกเปลือกหอย
อะราโกไนต์ (Aragonite)
กราฟ แสดงการเปลี่ยนแปลงของแร่
อะราโกไนต์ และแคลไซต์โดยขึ้นอยู่
กับอุณหภูมิและความดัน
อะราโกไนต์ (Aragonite)
ลักษณะทีใ่ ช้ จาแนก (Diagnostic features)
เกิดฟองฟู่ เมื่อหยดกรดเกลือลงไปบนแร่ แยกจากแคลไซต์โดยถ.พ.ที่สูงกว่า
และไม่มีแนวแตกเรี ยบรอมโบฮีดรัล
การเกิด และแหล่ งแร่ ทสี่ าคัญ
อะราโกไนต์จะมีความเสถียรน้ อยกว่ าแร่ แคลไซต์ ภายใต้สภาพบรรยากาศ
ปกติ และเป็ นแร่ ไม่สามัญ อะราโกไนต์จะตกผลึกอยูใ่ นสภาพทางเคมี และ
กายภาพที่เป็ นช่วงแคบ และมีอุณหภูมิต่าบริ เวณใกล้ผวิ โลก จากการทดลองจะ
พบว่าอะราโกไนต์จะตกผลึกเมื่อสารละลายนั้นอุ่น ถ้าเย็นลงแล้วจะตกผลึกเป็ นแร่
แคลไซต์ เปลือกหอยที่มีลกั ษณะคล้ายมุก หรื อในไข่มุกจะมีองค์ประกอบเป็ น
แร่ อะราโกไนต์
อะราโกไนต์ (Aragonite)
นอกจากนี้อะราโกไนต์ยงั ตกผลึกโดยน้ าพุร้อน เกิดร่ วมกับแร่ ยปิ ซัม
และสิ นแร่ เหล็กซึ่งเกิดในลักษณะคล้ายปะการัง เรี ยกว่า Flos ferri บางครั้ง
พบเป็ นเส้นใยหุม้ แร่ เซอร์เพนทีนเอาไว้ พบในช่องว่างของหิ นบะซอลต์
แหล่งที่พบอะราโกไนต์เช่น สเปน อิตาลี เชคโกสโลว
เกีย อังกฤษ ออสเตรี ย เม็กซิโก สหรัฐอเมริ กา และนิวซีแลนด์
สาหรับประเทศไทยพบตามแหล่งหิ นปูน และในเปลือกหอย
มาลาไคต์ (Malachite)
ระบบผลึก : ระบบหนึ่งแกนเอียง (Monoclinic system)
รู ปผลึกทัว่ ไป : ผลึกเป็ นแท่งผอมบาง แต่หาได้ยากมาก
การเกาะกลุ่มกันของผลึก : พบผลึกเป็ นเส้นใยที่กระจายออกตามแนวรัศมี ซึ่ง
มีลกั ษณะเป็ นรู ปพวงองุ่น หรื อหิ นย้อย นอกจากนั้นยังพบเป็ นเม็ด หรื อเม็ด
ดิน
คุณสมบัตทิ างเคมี
สู ตรเคมี : Cu2CO3(OH)2
มาลาไคต์ (Malachite)
คุณสมบัตทิ างกายภาพ
ความถ่ วงจาเพาะ(S.G.) : 3.90 - 4.03
สี (colour) : เขียวสด เขียวเข้ม และเขียวอมดา
สี ผง(steak) : เขียวอ่อน
ความแข็ง(hardness) : 3 ½ – 4
ประกาย(Luster) : ผลึกมีประกายคล้ายเพชร(adamantine) ถึง คล้ายแก้ว
(vitreous) ส่ วนvarietyที่เป็ นเส้นใยมีประกายคล้ายไหม(silky) อีกvarietyหนึ่ง
มีประกายด้านเหมือนดิน
มาลาไคต์ (Malachite)
แนวแตกเรียบ(cleavage) : มีแนวแตกเรี ยบสมบูรณ์บนแนว {201} แต่พบได้นอ้ ย
รอยแตก(fracture) : ไม่เรี ยบ(uneven) และแบบเส้นใย(fibrous)
ความโปร่ งใส(Diaphenity) : โปร่ งแสง (translucent) ถึงทึบแสง(opaque)
องค์ ประกอบและโครงสร้ าง (crystal structure)
ประกอบด้วย CuO 71.95%, CO2 19.9% และ H2O 8.15%
มาลาไคต์ (Malachite)
ลักษณะทีใ่ ช้ จาแนก (Diagnostic features)
ละลายในกรดเกลือ ได้สารละลายสี เขียวและเกิดฟองฟู่ มีลกั ษณะเป็ น
รู ปพวงองุ่น แยกจากแร่ ทองแดงที่มีสีเขียวอื่นๆโดยการหยดกรด
การเกิด และแหล่ งแร่ ทสี่ าคัญ
เกิดในแหล่งแร่ ทองแดงแบบตกตะกอนใหม่ในเขตออกซิไดซ์ เกิด
ร่ วมกับแร่ อะซูไรต์ คิวไพรต์ ทองแดงธรรมชาติ ออกไซด์ของเหล็ก และยัง
พบในหิ นปูนด้วย
มาลาไคต์ (Malachite)
Malachite with Azurite
Malachite with Cuprite
มาลาไคต์ (Malachite)
แหล่งที่สาคัญ เช่น เทือกเขาอูราลในรัสเซีย ฝรั่งเศส เกิดร่ วมกับอะซูไรต์
ในประเทศนามิเบีย ซาอีร์ และออสเตรเลีย แหล่งส่ งออกที่ใหญ่คือ ประเทศซา
อีร์ สาหรับประเทศไทยพบในแหล่งแร่ ทองแดง หรื อแหล่งแร่ เหล็ก เช่น เลย
ลพบุรี อุตรดิตถ์ แพร่ น่าน พะเยา ลาปาง ตาก กาแพงเพชร นครสวรรค์ และ
นครราชสี มา เป็ นต้น
ประโยชน์
เป็ นสิ นแร่ ทองแดงอันดับรอง
นอกจากนี้ยงั ใช้ทาเป็ นอัญมณี
เครื่ องประดับมาตั้งแต่ในอดีต
อะซูไรต์ (Azurite)
ระบบผลึก : ระบบหนึ่งแกนเอียง (Monoclinic system)
รู ปผลึกทัว่ ไป : ไม่แน่นอน พบผลึกเป็ นแบบแท่ง(prismatic) ส่ วนใหญ่จะ
ซับซ้อน และมีหลายฟอร์มผสมกัน และเป็ นผลึกแปรรู ป
คุณสมบัตทิ างเคมี
สู ตรเคมี : Cu3 (CO3)2 (OH)2
อะซูไรต์ (Azurite)
คุณสมบัตทิ างกายภาพ
ความถ่ วงจาเพาะ(S.G.) : 3.77
สี (colour) : ฟ้ าสด หรื อสี คราม
สี ผง(steak) : ฟ้ า
ความแข็ง(hardness) : 3 ½ – 4
ประกาย(Luster) : คล้ายแก้ว (vitreous)
แนวแตกเรียบ(cleavage) : มีแนวแตกเรี ยบสมบูรณ์บนแนว {011}
รอยแตก(fracture) : คล้ายฝาหอย (conchoidal)
ความโปร่ งใส(Diaphenity) : โปร่ งใส(transparent) ถึงโปร่ งแสง (translucent)
อะซูไรต์ (Azurite)
องค์ ประกอบและโครงสร้ าง (crystal structure)
ประกอบด้วย CuO 69.2% CO2 25.6% และ H2O 5.2%
ลักษณะทีใ่ ช้ จาแนก (Diagnostic features)
สี ฟ้าสด และทาปฏิกิริยากับกรด เกิดเป็ นฟองฟู่
อะซูไรต์ (Azurite)
การเกิด และแหล่ งแร่ ทสี่ าคัญ
เกิดในแหล่งแร่ แบบตกตะกอนใหม่ เช่นเดียวกับมาลาไคต์ และมักเกิด
ร่ วมกัน แหล่งที่พบ เช่น ประเทศฝรั่งเศส นามิเบีย โมร็ อกโก ออสเตรเลีย
และสหรัฐอเมริ กา สาหรับในประเทศไทยพบในแหล่งทุตยภูมิ และในบริเวณ
แหล่งแร่ ทองแดง เช่น จ.ตาก สงขลา อุตรดิตถ์
ประโยชน์ เป็ นสิ นแร่ อนั ดับรอง
และใช้เป็ นเครื่ องตกแต่ง