ความผิดปกติที่เกิดจากการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม 1. โครโมโซม
Download
Report
Transcript ความผิดปกติที่เกิดจากการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม 1. โครโมโซม
ความผิดปกติที่เกิดจากการถ่ ายทอด
ลักษณะทางพันธุกรรม
โดย
ครูเพ็ญประภา หร่ ายเจริญ
การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมจากแม่ (XX) และพ่อ (XY)
อาจก่อให้เกิดความผิดปกติหรื อเกิดโรคได้ 3 ประเภท ดังนี้
ความผิดปกติทเี่ กิดจากการถ่ ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
1. โครโมโซมร่ างกายหรือออโตโซม
มี 22 คู่ ความผิดปกติเกิดจากมี
โครโมโซมเกินหรือรูปร่ าง
โครโมโซมขาดหายไปบางส่ วน
เกิดลักษณะซินโดรมแบบ
ต่ าง ๆ
อาการดาวน์ ซินโดรม ( Down syndrome)
สาเหตุของความผิดปกติ
โครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 แท่ง
ลักษณะ/อาการของผู้ป่วย
หางตาชี้ข้ ึน ลิ้นจุกปาก ศีรษะแบน
ดั้งจมูกแบน ปัญญาอ่อน พบบ่อยในแม่ต้ งั ครรภ์ตอน
อายุมาก
อาการคริดูชาต์ หรือแคทครายซินโดรม ( cri-du-chat / Cat cry syndrome)
สาเหตุของความผิดปกติ
โครโมโซมคู่ที่ 5 หายไปบางส่ วน
ลักษณะ/อาการของผู้ป่วย
ศีรษะเล็กกว่าปกติ หน้ากลม ใบหูต่ากว่าปกติ ตาห่างกัน
หางตาชี้ข้ ึน ดั้งจมูกแบน คางเล็ก นิ้วมือสั้น ร้องเสี ยงเหมือนแมว
ปัญญาอ่อน
อาการเอ็ดเวิร์ดซินโดรม ( Edwards syndrome)
สาเหตุของความผิดปกติ
โครโมโซมคู่ที่ 18 เกินมา 1 แท่ง
ลักษณะ/อาการของผู้ป่วย
ปัญญาอ่อน หูแหลม คางเล็ก ปากแคบ ใบหูเล็กผิดปกติ
หัวใจผิดปกติ ข้อมือและข้อเท้าบิด
อาการพาทัวซินโดรม ( Patau syndrome )
สาเหตุของความผิดปกติ
โครโมโซมคู่ที่ 13 เกินมา 1 แท่ง
ลักษณะ/อาการของผู้ป่วย
ปัญญาอ่อน ตาเล็ก ศีรษะเล็กกว่าปกติ มีนิ้วเกิน
ปากแหว่งเพดานโหว่ หัวใจรั่ว อวัยวะภายในพิการ
มักเสี ยชีวติ ตั้งแต่แรกเกิด
2. โครโมโซมเพศเป็ นโครโมโซมคู่ที่
23 ความผิดปกติอาจเกิดจาก
- โครโมโซม X ขาด หรือเกินจาก
ปกติ
- โครโมโซม Y เกินปกติ
(ซูเปอร์ แมน)
มีผลต่ อลักษณะของ
ร่ างกายทีเ่ กีย่ วข้ องกับเพศ
จิตใจ และพฤติกรรม
1.
2.
3.
4.
5.
6.
โครโมโซมเพศเป็ น XXY เป็ นอย่างไร
โครโมโซมเพศเป็ น XYY เป็ นอย่างไร
โครโมโซมเพศเป็ น XXX เป็ นอย่างไร
โครโมโซมเพศเป็ น XO เป็ นอย่างไร
โครโมโซม X มีขนาดใหญ่ เป็ นอย่างไร
โครโมโซม Y มีขนาดเล็ก เป็ นอย่างไร
ความผิดปกติของโครโมโซมเพศ
1. โครโมโซมเพศเป็ น XXY
- เป็ นเพศชายมีเต้านมโตคล้ายเพศหญิง
- อวัยวะเพศเล็ก ไม่สร้างเชื้ออสุ จิจึงเป็ นหมัน
ดังนั้น
โครโมโซมในเซลล์ร่างกายจะเป็ น 44+XXY
ซึ่งเท่ากับ 47 โครโมโซม
2. โครโมโซมเพศเป็ น XYY
- เป็ นเพศชายที่มีรูปร่ างสูงใหญ่กว่าปกติ
- อารมณ์ร้าย โมโหง่าย
- บางรายมีจิตใจไม่ปกติจึงเป็ นหมัน
- แต่บางรายที่จิตใจปกติและไม่เป็ นหมัน
ดังนั้น โครโมโซมในเซลล์ร่างกายจะเป็ น 44+XYY
ซึ่งเท่ากับ 47 โครโมโซม
อาจเรี ยกว่า ผูป้ ่ วยที่เป็ นแบบซูเปอร์แมน
3. โครโมโซมเพศเป็ น XXX
- เป็ นเพศหญิงที่มีลกั ษณะทัว่ ไปดูปกติ
- แต่มีสติปัญญาต่ากว่าระดับปกติถา้ ไม่เป็ นหมัน
โครโมโซมในเซลล์ร่างกายจะเป็ น 44+XXX
ซึ่งเท่ากับ 47 โครโมโซม
ลูกที่เกิดมาจากหญิงที่มีโครโมโซมแบบนี้อาจมีความผิดปกติ
ทางโครโมโซมเพศเหมือนแม่หรื อเป็ น XXY ได้
ดังนั้น
4. โครโมโซมเพศเป็ น XO
- เป็ นเพศหญิง รู ปร่ างเตี้ย
- เป็ นหมัน เพราะอวัยวะเพศมีขนาดเล็ก รังไข่ฝ่อ ผลิตไข่ไม่ได้
- คอสั้นเนื้อพลับไปมา
ดังนั้น โครโมโซมในเซลล์ร่างกายจะเป็ น 44+ XO
ซึ่งเท่ากับ 45 โครโมโซม
5. โครโมโซม X มีขนาดใหญ่ มียนี จานวนมาก ซึ่งมีท้ งั ยีนที่
เกี่ยวเนื่องกับเพศและไม่เกี่ยวเนื่องกับเพศ
6. โครโมโซม Y มีขนาดเล็ก มียนี อยูจ่ านวนน้อยกว่า ส่ วนใหญ่เป็ น
ยีนที่ควบคุมลักษณะของเพศชาย
3. การถ่ ายทอดยีนหรือหน่ วย
พันธุกรรมทีผ่ ดิ ปกติโดยยีนด้ อย
ทีอ่ ยู่บนโครโมโซม X
ทาให้ เกิดอาการหรือโรค
เช่ น ตาบอดสี ทาลัสซีเมีย
แขนขาลีบ
โรคทางพันธุกรรมทีถ่ ่ ายทอดทางโครโมโซมเพศ
การถ่ายทอดพันธุกรรมของโครโมโซมเพศเกิดจากยีนที่ควบคุม
ลักษณะต่าง ๆ ซึ่งอยูบ่ นโครโมโซม X
จากการศึกษาพบว่ามีลกั ษณะทางพันธุกรรมหรื อโรคบางโรคที่ควบคุม
ด้วยแอลลีลด้อยบนโครโมโซม X
ทาให้เพศหญิงซึ่งมีโครโมโซม X อยู่ 2 แท่ง
ถ้ามีแอลลีลผิดปกติที่ควบคุมโดยแอลลีลเด่นอยู่ 1 แอลลีล
จะไม่แสดงอาการของโรคพันธุกรรมนั้นให้ปรากฏ
แต่ผหู้ ญิงจะเป็ นพาหะของยีนที่ควบคุมลักษณะทางพันธุกรรมนั้น
ส่ วนเพศชายมีโครโมโซม X อยู่ 1 แท่ง
แม้ได้รับแอลลีลด้อยที่ผดิ ปกติน้ นั เพียงแอลลีลเดียว
ก็สามารถแสดงลักษณะของโรคพันธุกรรมนั้น
กาหนดให้
= แอลลีลด้ อย
ผลการถ่ ายทอดลักษณะ
XX = หญิงปรากฏอาการ
XX = หญิงไม่ ปรากฏอาการ
XY = ชายปรากฏอาการ
XY = ชายไม่ ปรากฏอาการ
= แอลลีลเด่ น
โรคเลือดไหลไม่ หยุด
( ฮีโมฟี เลีย )
ปัญญาอ่อนบางชนิด
โรคทีเ่ กิดจาก
การถ่ ายทอดทางพันธุกรรม
ตาบอดสี
ทาลัสซีเมีย
โรคลักษณะแขนขาลีบ
ตาบอดสี เป็ นอาการที่ตาของผูป้ ่ วยแปรผลของภาพสี ผดิ ไปจาก
คนตาผิดปกติ การถ่ายทอดลักษณะตาบอดสี ที่ควบคุมโดยยีนที่อยูบ่ น
โครโมโซม X ลักษณะตาบอดสี เป็ นแอลลีลด้อย ชายตาปกติ (X Y)
แต่งงานกับหญิงตาปกติที่มีแอลลีลตาบอดสี (X X) แฝงอยู่ ดังนั้นลูกที่
เกิดมามีโอกาสเป็ นพาหะของตาบอดสี ตามสัดส่ วน ดังรู ป
กาหนดให้ แอลลีลตาปกติ
แอลลีลตาบอดสี
แม่ตาปกติ แต่เป็ นพาหะของยีนตาบอดสี
พ่อตาปกติ
XY
เซลล์อสุ จิ
X
XX
หญิงตา
ปกติ
XX
Y
XX
หญิงตาปกติ
แต่เป็ นพาหะ
ของยีนตาบอดสี
X
XY
ชายตา
ปกติ
X
XY
ชายตา
บอดสี
เซลล์ไข่
จากรูป สรุปได้ ดังนี้
1. ลูกแต่ละคนที่เกิดมามีโอกาสตาบอดสี ร้อยละ 25 หรื อ 1 ใน 4
2. ลูกแต่ละคนที่เกิดมามีโอกาสตาปกติร้อยละ 75 หรื อ 3 ใน 4
โรคฮีโมฟี เลีย (hemophelia) เป็ นโรคที่มีอาการของเลือดไหล
ไม่หยุด เป็ นโรคที่ถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่ถูกควบคุมโดย
แอลลีลด้อยบนโครโมโซม X ดังตัวอย่าง ชายเป็ นโรคฮีโมฟี เลียแต่งงาน
กับหญิงปกติแต่เป็ นพาหะของยีนฮีโมฟี เลีย
กาหนดให้ แอลลีลปกติ
แอลลีลเป็ นโรคฮีโมฟี เลีย
ชายเป็ นโรคฮีโมฟี เลีย
หญิงปกติ แต่ เป็ นพาหะของโรคฮีโมฟี เลีย
XY
XX
เซลล์ไข่
เซลล์อสุ จิ
X
XX
หญิงปกติ
แต่เป็ นพาหะ
ของโรคฮีโมฟี เลีย
Y
XX
หญิงเป็ น
โรคฮีโมฟี เลีย
X
XY
ชายปกติ
X
XY
ชายเป็ น
โรคฮีโมฟี เลีย
จากแผนภาพ สรุปได้ ดังนี้
1. ลูกที่เกิดมาแต่ละคนมีโอกาสเป็ นโรคฮีโมฟี เลียร้อยละ 50
2. ลูกที่เกิดมาแต่ละคนมีโอกาสปกติ และไม่เป็ นพาหะของโรคฮีโมฟี เลีย
ร้อยละ 25 หรื อ 1 ใน 4
3. อัตราส่ วนของลูกหญิงและลูกชายที่เป็ นโรคฮีโมฟี เลียเป็ น 1 : 1
โรคทาลัสซีเมีย (thalassemia) เกิดจากการสร้างเฮโมโกลบิน
ลดน้อยลง เซลล์เม็ดเลือดแดงผิดปกติแตกง่าย ทาให้เกิดภาวะเลือดจาง
เรื้ อรัง ซีด ผูเ้ ป็ นโรคนี้ได้รับยีนที่ควบคุมการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง
ผิดปกติมาจากพ่อและแม่ อาการที่พบคือ ตับและม้ามโตตั้งแต่เด็ก
ร่ างกายเจริ ญเติบโตช้า แคระแกร็ น ตัวเตี้ย หน้าแปลก จมูกแบน
ตาอยูห่ ่างกันมากกว่าปกติ กระดูกแก้มและขากรรไกรกว้าง ฟันยืน่
โรคโลหิ ตจางจากเม็ดเลือดรู ปเคียว (sickel cell anemia) เซลล์
เม็ดเลือดแดงที่มีลกั ษณะเป็ นรู ปเคียวไม่สามารถลาเลียงแก๊สออกซิเจน
ได้เท่ากับเซลล์เม็ดเลือดแดงปกติ ทาให้ขาดออกซิเจน จึงรู ้สึกเจ็บปวด
อ่อนเพลีย ไม่มีแรง เลือดจาง
ผิวเผือก (albino) เกิดจากการขาดเอนไซม์ที่ใช้สงั เคราะห์
เม็ดสี เมลานินในเซลล์ใต้ผวิ หนัง ทาให้ผวิ หนัง เส้นผม และนัยน์ตา
เป็ นสี ขาว
มิวเทชัน (mutation) คือ ความผิดปกติที่เกิดกับหน่วยพันธุกรรม
หรื อยีน ทาให้หน่วยพันธุกรรมเปลี่ยนไปจากเดิม ซึ่งอาจทาให้เกิด
โรคบางชนิด เช่น ทาลัสซีเมีย โรคโลหิ ตจางชนิดซิกเคิล โรคผิวเผือก
สาเหตุที่ทาให้เกิดมิวเทชันคือการได้รับรังสี บางชนิด เช่น
รังสี เอกซ์ (X-ray) รังสี ยวู ี (ultraviolet) หรื อ สารเคมีบางชนิด เช่น
กรดไนตรัส (HNO2) สารอะฟลาทอกซิน สารเหล่านี้ชกั นาให้เกิด
มิวเทชันได้