ทฤษฎีเครื่องจักรไฟฟ้าเหนี่ยวนำหลายเฟส
Download
Report
Transcript ทฤษฎีเครื่องจักรไฟฟ้าเหนี่ยวนำหลายเฟส
ทฤษฎีเครือ่ งจักรไฟฟ้าเหนี่ยวนา
ทฤษฎีเครือ่ งจักรไฟฟ้าเหนี่ยวนาหลายเฟส
เครือ่ งจักรเหนี่ยวนาในอ ุดมคติ
เครือ่ งจักรเหนี่ยวนา 3-เฟส ในอ ุดมคติ
แนวแกนของเส้นแรงแม่เหล็กของ Rotor แต่ละเฟสให้ทามุม 2 กับแนวแกนของ Stator
2 = ความเร็วเชิงมุมของ Rotor
2 2t
การต่อและลักษณะการไหลของกระแสสาหรับเครือ่ งจักรเหนี่ยวนา 3 เฟส
สาหรับ Slip
s
คงที่
2 (1 s ) t
= ความเร็วเชิงมุมทางไฟฟ้าของ Stator
ความสัมพันธ์ระหว่างแรงดันและกระแสในขดลวดทัง้ 6 ก็คือ
Stator :
v a r1i a p a
v b r1ib p b
v c r1i c p c
Rotor :
v A r2 i A p A
v B r2 i B p B
v C r2 iC p C
สมการของเส้นแรงแม่เหล็กที่คล้องระหว่างเฟสก็จะเป็น
Stator :
a L aa i a L ab ( ib ic )
0
0
L aA i A cos 2 i B cos ( 2 120 ) iC cos ( 2 120 )
b L aa ib L ab ( i a ic )
0
0
L aA i A cos ( 2 120 ) i B cos 2 iC cos ( 2 120 )
c L aa ic L ab ( i a ib )
0
0
L aA i A cos ( 2 120 ) i B cos ( 2 120 ) iC cos 2
Rotor :
A L A A i A L A B ( i B iC )
0
0
L a A i a co s 2 ib co s ( 2 1 2 0 ) ic co s ( 2 1 2 0 )
B L A A i B L A B ( i A iC )
0
0
L a A i a co s ( 2 1 2 0 ) ib co s 2 ic co s ( 2 1 2 0 )
C L A A iC L A B ( i A i B )
0
0
L a A i a co s ( 2 1 2 0 ) ib co s ( 2 1 2 0 ) ic co s 2
ตอนนี้จะพิจารณาว่า
i a ib i c 0
i A i B iC 0
ฉะนัน้ ในสมการของ Flux linkage ของ Stator และ Rotor ก็จะได้
Stator :
0
0
a L11ia L aA i A cos 2 i B cos ( 2 120 ) iC cos ( 2 120 )
0
0
b L11ib L aA i A cos ( 2 120 ) i B cos 2 iC cos ( 2 120 )
c L11ic L aA i A cos ( 2 120 ) i B cos ( 2 120 ) iC cos 2
Rotor :
0
0
A L 22 i A L aA ia cos 2 ib cos ( 2 120 ) ic cos ( 2 120 )
0
0
B L 22 i B L aA ia cos ( 2 120 ) ib cos 2 ic cos ( 2 120 )
0
0
C L 22 iC L aA ia cos ( 2 120 ) ib cos ( 2 120 ) ic cos 2
เมื่อให้
L11 L aa L ab
L 22 L AA L AB
การเปลี่ยนรูปตัวแปรให้เป็น dq
เมื่อป้อนกระแสเข้าไปให้กบั ขดลวดStator ทัง้ 3-เฟส
ค่า mmf ในแนวแกน d และ q ก็จะเป็น
0
0
F1 d N a ia cos t ib cos ( t 120 ) ic cos ( t 120 )
0
0
F1 q N a ia sin t ib cos ( t 120 ) ic cos ( t 120 )
ตัวแปรของกระแสบน Stator ตัวใหม่ก็จะเป็น
0
0
i1 d k d ia cos t ib cos ( t 120 ) ic cos ( t 120 )
0
0
i1 q k q ia sin t ib sin ( t 120 ) ic sin ( t 120 )
เลือกค่า kd และ kq ให้มีค่า 2/3
Components
ของ mmf ก็จะได้เป็น
F1 d
Na
kd
i1 d
F1 q
Na
kq
i1 q
กระแสในแนวแกน d และแกน q ก็คือ
i1 d 2
i a co s t ib co s ( t 1 2 0 0 ) ic co s ( t 1 2 0 0 )
3
i1 q 2
i a sin t ib sin ( t 1 2 0 0 ) i c sin ( t 1 2 0 0 )
3
เมื่อกลับความสัมพันธ์เพื่อหา ia ib และ ic ก็ขะได้
ia i1 d cos t i1 q sin t
ib i1 d cos ( t 120 ) i1 q sin ( t 120 )
0
0
ic i1 d cos ( t 120 ) i1 q sin ( t 120 )
0
0
การกระทาเหมือนกันนี้สามารถใช้ได้กบั Stator flux linkage และ Stator voltage
เช่นเดียวกับ Synchronous machines
Note :
i a ib i c 0
i A i B iC 0
เมื่อต้องการเปลี่ยนรูปของค่าใน Rotor ซึ่งเกี่ยวข้องกับการหมุน
ด้วยความเร็วซิงโครนัสในแนวแกน dq
ให้ เป็s นมุมจากแนวแกนของ Rotor เฟส A ถึงแนวแกน d
ถ้า Rotor หมุนไปด้วย Slip s แนวแกน d ก็จะนาหน้าไปเรือ่ ยๆ
เมื่อเทียบกับจุดบน Rotor ด้วยอัตรา
d s
dt
ให้ Subscript
p s s
s บนมุม s เป็นค่า Slip
Component ของ Rotor-mmf
ก็จะเป็น
0
0
F2 d N A i A cos s i B cos ( s 120 ) iC cos ( s 120 )
0
0
F2 q N A i A sin s i B sin ( s 120 ) iC sin ( s 120 )
เมื่อใช้ Factor ทัว่ ๆ ไป 2/3 เหมือนกับใน Stator กระแสใน Rotor ส่วนที่เป็น dq ก็คือ
i2 d 2
i A cos s i B cos ( s 120 0 ) iC cos ( s 120 0 )
3
i2 q 2
i A sin cos s i B sin ( s 120 0 ) iC sin ( s 120 0 )
3
เมื่อกลับความสัมพันธ์ก็จะได้
i A i2 d cos s i2 q sin s
i B i2 d cos ( s 120 ) i2 q sin ( s 120 )
0
0
iC i2 d cos ( s 120 ) i2 q sin ( s 120 )
0
0
Matrix form ก็จะเป็นเช่นเดียวกับ Synchronous machines คือ
Stator :
cos
i1 d
2
i
sin
1q
3
i1 o
1 2
cos( 120 )
o
sin( 120 )
cos
ia
o
ib cos( 120 )
ic cos( 120 o )
o
1
2
i
a
o
sin( 120 ) ib
ic
1
2
cos( 120 )
o
sin
sin( 120 )
o
sin( 120 )
o
1 i1 d
1 i1 q
1 i1 o
Rotor :
cos s
i2 d
2
i
sin s
2q
3
i2 o
1 2
iA
o
sin( s 120 ) i B
iC
1
2
cos( s 120 )
cos( s 120 )
o
o
sin( s 120 )
cos s
iA
o
i B cos( s 120 )
iC cos( s 120 o )
o
1
2
sin s
sin( s 120 )
o
sin( s 120 )
o
1 i2 d
1 i2 q
1 i2 o
ความสัมพันธ์ของเครือ่ งจักรในตัวแปรระบบ dq
มุม 2 อาจจะแทนได้ดว้ ย
2 t s
Flux linkage ในร ูปของ dq
บน Stator และ Rotor ก็จะเป็ น
Stator :
1 d L11i1 d L12 i 2 d
1 q L11i1 q L12 i2 q
Rotor :
2 d L 22 i2 d L12 i1 d
2 q L 22 i2 q L12 i1 q
เมื่อ L12 3
2
L aA
แรงดันในเทอมของ dq ในรูปของ Flux linkage ก็จะเป็น
Stator :
v1 d r1i1 d p 1 d 1 q
v1 q r1i1 q p 1 q 1 d
Rotor :
v 2 d r2 i 2 d p 2 d 2 q ( p s )
v 2 q r2 i 2 q p 2 q 2 d ( p s )
Slip angular velocity
จะหาได้จาก
p s s
เป็ น + เมื่อเป็น Motor operation
- เมื่อเป็น Generator operation
บน Stator ปกติค่า Transformer voltage จะน้อยกว่า Speed voltage มากๆ
จนละทิ้งได้
กาลังชัว่ ขณะที่ป้อนให้กบั Stator ทัง้ สามเฟสก็คือ
p1 v a ia v b ib v c ic
สามารถเขียนในรูปของ dq ได้เป็น
p1 3 ( v1 d i1 d v1 q i1 q )
2
เมื่อเขียนในรูปของ Rotor ก็จะได้เป็น
pe 3
2 q i2 d ( p s ) 2 d i2 q ( p s )
2
p s เป็ นบวก Rotor ก็จะเคลื่อนที่ถอยหลังเมื่อเทียบกับแนวแกน dq
2
ฉะนัน้ ในเทอมของความเร็วก็คือ ( p s )
poles
แรงบิด(เป็นบวกสาหรับการทางานเป็นมอเตอร์) ก็คือ
T
3 P oles
2
2
( 2 q i2 d 2 d i2 q )
แรงบิดของความเฉื่อยที่ตอ้ งการเพื่อไปทาให้เกิดอัตราเร่งของชิ้นส่วนที่จะหมุนก็คือ
d0
T
J
inertia
dt
d 0
2
J
dt
2
0 เป็ นมุมของตาแหน่งของเพลา
0 เป็ นความเร็วเชิงมุมของเพลา
มุมนัน้ วัดเป็น Mechanical radians
1.การวิเคราะห์ใน Steady state
มอเตอร์ที่ทางานในขณะที่ Slip คงที่ s กับแรงดันสมด ุลที่ป้อนให้กบั Stator
และขดลวด Rotor ถ ูกลัดวงจรเอาไว้ ให้กระแสใน Stator ทัง้ สามเป็น
ia
2 I 1 cos ( t )
ib
2 I 1 cos ( t 120 )
ic
2 I 1 cos ( t 120 )
0
0
จากการเปลี่ยนรูปเป็นค่าในแนวแกน dq จะได้
i1 d
2 I 1 cos
i1 q
2 I 1 sin
i1 o 0
ผลในทานองเดียวกันนี้อาจจะเขียนได้สาหรับแรงดันที่ Stator และกระแสใน Rotor
ต้องจาไว้ให้ดีว่าแนวแกน d จะวางอยูใ่ นแนวเดียวกับแนวแกนของเฟส a เมื่อเวลา
t 0
กระแสในแต่ละเฟสบน Stator ก็คือ
i1 ia i1 d cos t i1 q sin t
หรือ i1 i1 d cos t i1 q cos ( t 90 0 )
สมการหลังส ุดสามารถเขียนในรูปแบบของ Phasor ได้เป็น
I 1 I 1 d jI 1 q
เมื่อ
I1d
i1 d
I1q
2
i1 q
2
แรงดันแต่ละเฟสบน Stator และกระแสแต่ละเฟสบน Rotor ก็จะได้เป็ น
V1 V1 d jV1 q
I 2 I 2 d jI 2 q
เมื่อ
V1 d
v1 d
I2d
i2 d
2
2
V1 q
I2q
v1 q
2
i2 q
2
เมื่อแทนค่าสมการของ Flux linkage ลงในสมการของแรงดันและให้
p s s
ผลก็คือ
Stator :
v1 d r1i1 d L11i1 q L12 i 2 q
v1 q r1i1 q L11i1 d L12 i 2 d
Rotor :
v 2 d 0 r2 i 2 d s L 22 i 2 q s L12 i1 q
v 2 q 0 r2 i 2 q s L 22 i 2 d s L12 i1 d
รวมสมการของแรงดันบน Stator เข้าด้วยกันก็จะได้
V1 d jV1 q r1 ( I 1 d jI 1 q ) j L11 ( I 1 d jI 1 q ) j L12 ( I 2 d jI 2 q )
รวมสมการของแรงดันบน Rotor เข้าด้วยกันก็จะได้
0
r2
s
( I 2 d jI 2 q ) j L 22 ( I 2 d jI 2 q ) j L12 ( I 1 d jI 1 q )
สองสมการนี้สามารถเขียนใหม่ได้เป็น
V1 r1 I 1 j L11 I 1 j L12 I 2
0
r2
s
I 2 j L 22 I 2 j L12 I 1
หรือ V1 r1 I 1 j ( L11 L12 ) I 1 j L12 ( I 1 I 2 )
0
r2
s
I 2 j ( L 22 L12 ) I 2 j L12 ( I 1 I 2 )
และท้ายส ุด
V1 r1 I 1 jx1 I 1 jx ( I 1 I 2 )
0
r2
s
I 2 jx 2 I 2 jx ( I 1 I 2 )
ในสองสมการส ุดท้าย
x1 ( L11 L12 ) Stator leakage reactance
x 2 ( L 22 L12 ) R otor leakage reactan ce
x L12 M agnetizing reactance
ค่าทัง้ หมดที่เทียบเป็ นค่าทางด้าน Stator วงจรก็จะเป็นดังรปู
จากสมการ
v 2 d r2 i 2 d p 2 d 2 q ( p s )
v 2 q r2 i 2 q p 2 q 2 d ( p s )
p s s
เมื่อแรงดัน และTransformer voltage เป็นศูนย์ จะได้
2d
2q
r2 i 2 q
s
r2 i 2 d
s
แทนค่าสองสมการหลังส ุดนี้ลงในสมการของแรงบิด
T
3 P oles
2
2
( 2 q i2 d 2 d i2 q )
จะได้
T
3 poles 1
2
T 3
2
poles 1
2
Note :
I2d
i2 d
2
(i
I
2
2
i )
2
2d
2
2q
r2
s
r2
s
I2q
i2 q
2
แรงบิดสาหรับเครือ่ งจักรที่มีเฟสของ Stator q1 phase ก็จะเป็ น
T q1
1
s
I
2
2
r2
s
Note :
s
2
poles
4 f
poles
Mechanical radian
Steady state characteristic
การวิเคราะห์จากวงจรเปรียบเทียบ
กาลังงานกลนัน้ มีค่าเท่ากับแรงบิดคูณกับความเร็วเชิงมุม
ฉะนัน้ กาลังงานกลภายในที่ถ ูกแปลงโดยมอเตอร์ก็คือ
P (1 s ) s T q I r
2
1 2 2
1 s
s
ความสูญเสียในตัวนาบน Rotor
R otor copper loss q1 I 2 r2
2
กาลังงานที่สง่ ผ่านข้ามช่องอากาศจาก Stator ไปยัง Rotor
Pq 1 q I
2
1 2
r2
s
วงจรเปรียบเทียบจะนิยมเขียนให้เป็นดังรปู
การใช้ Thevenin’s Theorem กับวงจรเปรียบเทียบ
Thevenin’s theorem
จากวงจรเปรียบเทียบ
เมื่อทาให้ง่ายลงโดยใช้ Thevenin’s theorem จะได้
V1a เป็นแรงดันที่เกิดขึ้นระหว่างขัว
้ a และ b เมื่อปลดวงจรของ Rotor
V1 a V1 I 0 ( r1 jx1 ) V1
jx
r1 jx11
เมื่อ I0 เป็ น Exciting current ขณะไม่มีโหลดและ
x11 x1 x
อิมพีแดนซ์ระหว่างขัว้ a และ b เมื่อลัดวงจรแหล่งจ่ายแรงดันก็คือ
R1 jX 1 r1 jx1 เมื่อขนานกับ jx
ออกนัน่ คือ
Torque-Slip Characteristic
จาก Thevenin equivalent circuit จะเห็นว่าสมการของแรงบิดเป็น
T
1
2
q1V1 a ( r2 / s )
s ( R1 r2 / s ) ( X 1 x 2 )
Slip-torque curve
2
2
ก็จะเป็นดังรปู
s 0 เครือ่ งจักรทางานเป็นมอเตอร์
s 0 เครือ่ งจักรทางานเป็นเครือ่ งกาเนิด
แรงบิดภายในสูงส ุด หรือ Breakdown torque
r2
s m ax T
Tmax
เกิดขึ้นที่ Slip มีค่า smaxT
R1 ( X 1 x 2 )
2
2
Slip smaxT ขณะที่แรงบิ ดสูงส ุดก็คือ
r2
s m ax T
R1 ( X 1 x 2 )
2
2
แรงบิดสูงส ุดก็คือ
Tm ax
1
s R
1
2
0.5 q1V1 a
R ( X 1 x2 )
2
1
2
Curve
แสดงแรงบิด กาลังงาน และกระแส
Slip-torque curve
สาหรับมอเตอร์เหนี่ยวนาเมื่อความต้านทาน
ในวงจร Rotor เปลี่ยนแปลง
Electrical Transient
ในเครือ่ งจักรไฟฟ้าเหนี่ยวนา
กระแสเริม่ แรกสาหรับการเกิดการลัดวงจรสามเฟส
เพื่อหาค่าเริม่ ต้นของกระแส จะละทิ้งความต้านทานของ Stator
Transformer voltage บน Stator และ Speed voltage บน Rotor จะได้
Stator :
v1 d 1 q
v1 q 1 d
Rotor :
v 2 d r2 i2 d p 2 d 0
v 2 q r2 i 2 q p 2 q 0
Note : 2 q ( p s ) และ 2 d ( p s ) 0
จาก Flux linkage บน Rotor
2 d L 22 i2 d L12 i1 d
2 q L 22 i2 q L12 i1 q
จะได้
i2 d
2 d L12 i1 d
L 22
และเมื่อแทนค่าจะได้
1 d
2
L12
L11
L 22
1 d L i1 d
2
เมื่อ L L11
L12
L 22
L12
L 22
L12
2d
i1 d
L 22
2d
ในทานองเดียวกัน
1 q L i1 q
L12
L 22
2q
กระแสเริม่ ต้นเมื่อเกิดลัดวงจรจะเป็น
i1 d
i1 q
L12
/ L 22 2 d 0
L
L12
/ L 22 2 q 0
L
กระแส rms ของ Stator ก็จะได้
2q 0
L12 2 d 0
I1
j
x
L 22 2
2
1
เมื่อ x L T ransient reactance
ค่า rms ของ I 1 ซึ่งมีค่า
I1
1
x
L12
1
L 22
2 d 0 2 q 0
2
2
2
การลดลงของกระแสลัดวงจร
i1 d
เมื่อ i2 d
ให้
L 22
r2
L12
L11
i2 d
L L 22 di2 d
L11 r2
0
dt
T0 เป็น Transient time constant ของวงจร Rotor
ค่า Time constant ของ Stator ก็จะกลายเป็น
T T0
L
L11
T0
x
x11
Stator transient tim e constant
ลักษณะกระแสลัดวงจรในฟังก์ชนั ของเวลาซึ่งจะลดลงดังในรปู
วงจรเปรียบเทียบขณะ Transient
ค่ากระแส rms เริม่ ต้นของ
การลัดวงจรก็จะกลายเป็น
I1
E 1
x
ขนาด rms ของกระแสลัดวงจรที่เวลา t ใดๆ หลังจากลัดวงจรแล้วก็จะเป็น
I 1
E 1
x
e
t /T
Induction Machine Dynamics
เมื่อมอเตอร์เหนี่ยวนามี Speed-torque curve ในขณะป้อนแรงดันตามพิกดั ดังในรูป
เส้น Curve ของแรงบิดต้องการเพื่อที่จะรักษาการหมุนของโหลดไว้ดงั ในรูป
ความเฉื่อยของโหลดและ Rotor คือ J
จะแสดงให้เห็นว่าเส้น Curve ของความเร็วในฟังก์ชนั ของเวลานัน้ จะสามารถหาได้
ที่ความเร็วใดๆ ของมอเตอร์ 0 Mechanical radian ต่อวินาที
ความแตกต่างของแรงบิด T ที่มอเตอร์ผลิตขึ้นมากับที่โหลดต้องการ
J
d0
T
dt
เวลาที่ตอ้ งการเพื่อให้มอเตอร์หมุน 0 ก็คือ
0
t J
0
ในการ Integrate สามารถหาได้โดยวิธีเขียนกราฟ
โดยการพล็อต 1 / T ในฟังก์ชนั ของ 0
และหาพื้นที่ระหว่างเส้น Curve และแกนของ o
ไปจนกระทัง่ ค่าที่เกี่ยวข้องถึง Upper limit
ของการ Integrate ดังแสดงในรูป
1
T
d0
Speed-time curve
ของมอเตอร์เหนี่ยวนาขณะเริม่ หมุน
1.การควบค ุมมอเตอร์ 2-เฟส
ไดอะแกรมของการควบค ุมมอเตอร์ 2-เฟส
Speed-torque curve
ของมอเตอร์ควบค ุม 2-เฟส
ระบบ Self-synchronous
ค ุณลักษณะของ Torque-angle ของระบบขณะความเร็วเป็นศูนย์
Maximum torque ของระบบ
Single-phase Instrument Types
Synchro Control Transformers
แบบฝึ กหัด 6.1, 6.4, 6.7, 6.8, 6.9, 6.16